[V]
แยมอ้วนขึ้นจริง
ๆ นี่หว่า ตัวใหญ่ขึ้นเยอะเลย
“ตัวหอมจัง.....” แคปว่าเบา ๆ
พลางซุกปลายจมูกโด่งตักตวงเอาความหอมหวานแถวซอกคอเล็ก(??) ปลายคางมนรวมถึงมุมปากสวย(??) จูบลงไปแบบรัว ๆ
รู้สึกแปลกๆ
ว่ะ แต่ช่างมันก่อน แคปบอกตัวเองแบบนั้นแล้วแลบลิ้นออกมาไล้เลียพวงแก้มขาว(??)
อะไรวะ รู้สึกแปลกๆอีกแล้ว.....
ขณะเดียวกันกับที่คนนอนหลับนิ่งเป็นตายอยู่บนเตียงอย่างเอส
กลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนผีอำ....ทั้งหนักทั้งอึดอัดจนต้องเบ้หน้า ใบหน้าคมเปียกแฉะแล้วก็เหนียวเหนอะหนะไปหมด
ซอกคอจักจี้แปลกๆ ก่อนที่ความเปียกชื้นจะลากขึ้นมาที่ใบหน้าเขาอีกครั้งแล้วเปียกร้อนลามใบจนถึงใบหู
เอสค่อยลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก
ปวดหัวหนึบ ๆ
“แยมตัวหอมมมจังคร้าบบบ......” เสียงไอ้คนด้านบนที่ดังอู้อี้ๆ
ทำเอาเขาตกใจจนผงะ ขาที่กำลังจะยกขึ้นมาถีบไอ้ขี้เมานี่ออกจากร่างกลับต้องหยุดชะลอไว้ก่อนเมื่อเขาผงกหัวขึ้นดูแล้วเห็นปลายลิ้นร้อนนุ่มนิ่มของมันกำลังไล้เลียลงไปแถวๆร่องอกอย่างอ่อนโยน
เอสถดตัวนิดหน่อยแต่เจอมือที่เล็กกว่าของแคปกอดแล้วรั้งเขาไว้เพื่อให้จูบได้ถนัดๆ
“ไม่ดื้อกับพี่แคปนะครับ..” กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งบวกกับน้ำเสียงอ้อนออดขณะที่เปลือกตายังคงหลับ
ทำให้เอสนึกขำนิดๆ นี่มันคิดได้ยังไงว่าเขาคือผู้หญิงคนนั้นของมัน
เมามากจนเพี้ยนรึยังไงไอ้หมาบ้านี่
เอสกระตุกรอยยิ้มก่อนที่เขาจะตัดสินใจนอนนิ่ง ๆ รอดูว่าคนเมาอย่างแคปจะมีปัญญาทำอะไรต่อไปได้แค่ไหน
เขากางแขนกางขาออกนอนให้มันระดมจูบให้สะใจไปเลย แคปสนุกอยู่กับลาดไหล่เล็ก(?)ของแยมที่เขาคิดจนพอใจก่อนลากปลายลิ้นขึ้นมาแตะจูบลงที่มุมปากสวยอีกครั้ง
เอสปล่อยให้มันเม้มจูบไปเรื่อย ๆ โดยที่เขาไม่คิดจะตอบโต้เลยแม้แต่น้อย อยากจูบๆไป
เขาไม่มีทางมีอารมณ์อยากขึ้นมากับไอ้หมาบ้านี่แน่ ๆ แคปอมยิ้มพออกพอใจเมื่อรู้สึกว่าแยมไม่ดื้อดึงอีกแล้วเขาจึงค่อยไล่กดจูบลงไปจนทั่วทั้งซอกคอและลำตัวของคนในอ้อมกอด
ผ้าห่มที่ขวางทางถูกเขาดึงกระชากออกจากร่างกายของคนเบื่อล่าง
บัดนี้สองร่างเปลือยเปล่าจึงกอดทับกันอยู่บนเตียง
เอสที่ว่าแน่
ๆ เมื่อเนื้อแนบเนื้อโดยปราศจากผ้าห่มมาขวางกั้นเขาเองก็รู้สึกแปลกๆแล้วเหมือนกัน
มือใหญ่เลื่อนเข้ามาจับลงที่หัวไหล่เล็ก
“...แคป...”
น้ำเสียงข่มอารมณ์เรียกให้อีกคนรู้สึกตัวเพราะเห็นว่าแคปกำลังกดจูบหนักๆลงไปที่เนินหน้าอกเขาแล้ว
มืออีกข้างของมันลากแล้วเลื่อนขึ้นมากอบกุมขยำเข้าที่นมของเขาพร้อมๆกับส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจพูดประมาณว่า
ทำไมวันนี้มันเล็กจัง ลิ้นร้อน ๆ
จูบดูดอยู่แบบนั้นก่อนที่เจ้าของจะยิ้มออกมาแล้วลากเลียลงไปจนถึงหน้าท้อง
เสียงทุ้มของเอสจึงเรียกขึ้นอีก
“...แคป....”
อารมณ์กำลังมาแน่
ๆ เอสรู้ตัวดีเลยว่าร่างกายของเขากำลังรู้สึกเช่นไร แต่แคปยังไม่ยอมรู้สึกตัว
สาละวนอยู่กับหน้าท้องแล้วลามเลียลงไปแถว ๆ สะดือ
เอสสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายลิ้นร้อนแย่เข้าไปตักตวงเอาความหอมหวานภายในนั้น
ความเป็นชายของเขาผงาดขึ้นเต็มอัตราศึก
“ไอ้แคป
กูเรียกมึงครั้งสุดท้ายนะ..” เขากัดฟันพูดขณะที่แคปเลื่อนตัวลงไปอยู่ที่หว่างขาแล้วเรียบร้อย
ต้องโทษความมืดไหมที่ทำให้แคปมันหน้ามืดตามัวมองอะไรๆที่โด่ชี้หน้ากันอยู่แบบนี้ไม่เห็นเลยแม้แต่นิด
“อื้อออ..แยมอ่ะพูดไม่เพราะเลย ขึ้นไอ้ขึ้นกูทำไมอ่ะคร้าบ
เดี๋ยวพี่แคปทำให้ จูบนานๆเลยเนอะ ชอบใช่ไหม ชอบให้พี่เล้าโลมเราใช่ไหมครับ
จุ๊บๆๆๆๆ”
เอสผงกหัวขึ้นมองดูคนที่ทั้งพูดทั้งยิ้ม
จากจะลงไปข้างล่างแล้วแน่ ๆ แคปกลับเลื่อนตัวขึ้นมาประกบปากจูบกับเอสอีกครั้ง
คราวนี้เอสไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทั้งขบทั้งเม้มอยู่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว เขาสอดลิ้นเข้าโต้ตอบแบบทันที
เหมือนแคปจะพอใจมากอมยิ้มออกมาเลียริมฝีปากยั่วเขา
ก่อนสอดมือรองเข้าที่ศีรษะรั้งเอสให้ขึ้นมารับจูบแบบรัว ๆ
สองคนดูดจูบกันเป็นพัลวันคล้ายอะไรๆก็ไม่ทันใจอีกแล้ว
เสียงอื้ออ้าดังลอดออกมาจากลำคอเล็ก เอสไม่ไหวจะทนเขาพลิกตัวสลับตำแหน่งขึ้นคร่อมไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้เลย
“อ่ะ.....” จู่ ๆ
เมื่อถูกพลิกลงมานอนอยู่ด้านล่างแคปถึงกับงง
มองคนที่กำลังคร่อมอยู่เหนือร่างตัวเองแล้วส่ายหัวประมาณสองรอบ
กะจะยกมือขึ้นมาขยี้ตาก็ติดที่ว่าโดนมันกดไว้ทั้งสองข้างจนจมเตียง
เขาจึงหลับตาลงใหม่แล้วลืมขึ้นมองอีกครั้ง คราวนี้ทั้งจดทั้งจ้ององศาตามีเท่าไหร่แหกออกให้กว้างสุด
ทำไมเขามองเห็นหน้าแยมเป็นใบหน้าไอ้เหี้ยเอสไปได้??!!! ฟันกระต่ายที่โคตรจะเป็นเอกลักษณ์ของมันโชว์หราเมื่อริมฝีปากกระตุกรอยยิ้มร้ายมองมาที่เขาพร้อมกับฝ่ามือที่เลื่อนเข้ามาลูบเข้าที่แก้ม
ไม่จริ๊งงงงงงงงง
แคปส่ายหัวรัวและเร็ว
ไม่ๆๆๆๆ เขาต้องตาฝาด ไม่มีทางเป็นจริงไปได้หรอก
เขาเอื้อมมือขึ้นไปกะสัมผัสใบหน้าของคนด้านบนเพื่อตรวจดู
แต่มือที่ใหญ่กว่าของเอสคว้าเอามือเขาเข้าไปเกาะกุมไว้ แผ่วเบาและอ่อนโยนมาก มือนิ่มเสียจนเขาคิดว่ามือๆนั้นเป็นของแยมอีกครั้ง
แคปหลับตาลงทันทีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขันนัก
ตาฝาดเห็นแยมเป็นไอ้เหี้ยเอสไปได้คงเมามายมากจนขาดสติทางที่ดีอย่าได้ลืมตาขึ้นมาเลย
ฝ่ายเอสเมื่อเห็นคนใต้ร่างหลับตาลงแน่นเขาเลื่อนมือที่สัมผัสกับพวงแก้มขาวลากปลายนิ้วแผ่วเบาลงมาถึงร่องอก
มองดูใบหน้าเล็กอีกทีแคปนอนอมยิ้มยั่วยวนอยู่
“ขอล่ะนะ....” เขาครางเสียงต่ำสอดมือรองใต้ต้นคอขาวแผ่วเบาก่อนโน้มใบหน้าลงประกบจูบ
สองคนสอดลิ้นเข้าหากันและกันโดยไม่ต้องให้ใครบอก แคปเอื้อมมือเข้าคว้ากลุ่มผมนุ่มของคนด้านบนอย่างมีอารมณ์ก่อนรั้งศีรษะเล็กของแยมตามที่เขาคิดเข้ามาเพื่อแนบชิดกันยิ่งขึ้นไปอีก
เนื้อแนบเนื้อ สัมผัสแลกด้วยสัมผัส
เสียงดูดดึงริมฝีปากปากช่างวาบหวิวนัก วันนี้แยมตอบรับเขาได้ถึงใจเป็นพิเศษ เมื่อผิวกายเรียบลื่นและเปลือยเปล่าบวกเข้ากับความมึนเมาของเหล้าและสุรา
ทำให้สติสัมปชัญญะหายเกลี้ยง!!
.
.
.
เมื่อยามเช้ามาเยือน
แสงสว่างที่ลอดพาดผ่านชายผ้าม่านเข้ามาตกกระทบถึงเตียงใหญ่
ผ่าห่มนวมสีขาวยับยู่ยี่ปกคลุมสองร่างเปลือยเปล่าที่นอนแข้งขาก่ายกันและกันอยู่
แคปขยับตัวขึ้นอย่างหงุดหงิดและปวดเมื่อยก่อนชูไม้ชูมือบิดขี้เกียจจนสุดเอ็นแล้วดันตัวเองเพื่อลุกขึ้นนั่ง
เปลือกตาสวยปรือขึ้นมองรอบด้านด้วยความรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย
เขาเบ้หน้าด้วยรู้สึกเจ็บร้าวเนื้อตัวไปหมด ยกมือขึ้นขยี้ตา ขยี้ๆๆๆ ก่อนฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง
เขามองไปรอบ ๆ ห้องอย่างพิจารณาอีกครั้ง เสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้สะเปะสะปะ
หมอนข้างที่ตกกองอยู่ข้าง ๆ กันรวมถึงโทรศัพท์มือถือของใครสักคนที่ไม่ใช่ของเขาแน่
ๆ นอนแอ้งแม๊งอยู่ริมขอบเตียง
ยังไม่รวมโคมไฟตั้งโต๊ะที่ล้มระเนระนาดบวกกับโทรศัพท์บ้านที่ตกหล่นสายห้อยระโยงระยางลงจากโต๊ะ
และแล้ว...ความทรงจำทั้งหมดของเมื่อคืนก็ไหลเทเข้ามาราวกับแผ่นหนังที่ถูกฉายด้วยระบบสามดีดิจิตตอลไฮเอ็นด์
ทั้งชัด ทั้งคม ทั้งลึก
เฮือกกกกก!!!!!
แคปชาวาบตั้งแต่ปลายเท้าลามขึ้นมาจนถึงหัว
ไม่ต้องเสียเวลามองดูคนข้าง ๆ อีกแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นใครที่นอนมุดผ้าห่มอยู่ตอนนี้ก็ช่างหัวแม่งมัน
แคปหน้าเครียดขึ้นในทันทีไม่มีอาการโวยวายไม่มีคว้าคอเข้ามาต่อยใดๆเมื่อความโกรธทะลุเพดานเขาเงียบได้อย่างเดียวนั่นคือที่สุดแล้วของเขา
แคปลุกพรวดขึ้นจากเตียง แต่แข้งขาที่อ่อนแรงรองรับสะโพกที่อ่อนล้าไม่ไหวอีกต่อไปทรุดฮวบลงที่พื้นอย่างช่วยไม่ได้
มือเล็กทุบพรหมดังผั๊กๆๆด้วยความแค้น
“เหี้ยที่สุด!!”
เขาสบถออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า แทบจะร้องไห้
กลั้นน้ำตาตัวเองไว้เมื่อภาพความทรงจำของเมื่อคืนยังไหลถ่ายเทเข้ามาอีกครั้ง
มือเล็กคว้าเอาเสื้อผ้าตัวเองขึ้นมาสวมทั้งที่ร่างกายปวดร้าวไปหมด
แคปกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดห้อ
ความรู้สึกของปลายลิ้นที่ดูดดุนกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมายังติดอยู่ที่ริมฝีปากเขาอย่างชัดเจน
แค้นสุดแสนจะแค้นแต่เมื่อคิดได้ว่าไม่ใช่แค่ไอ้บ้าที่นอนอยู่บนเตียงที่มันเป็นคนทำ
เท่านั้น ตัวเขาเองก็สมยอมตอบรับไปกับมันด้วยความรู้สึกเหี้ยๆบ้าๆโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เขาเสยผมสองสามครั้งตัดสินใจลุกขึ้นจากพื้นค่อยก้าวขาเดินออกไปได้แค่สองสามก้าวแคปรีบคว้ากรอบประตูไว้พร้อม
ๆ กับที่มือใหญ่ของใครบางคนคว้าแขนเขาเอาไว้เช่นกัน
“จะไปไหน” เอสตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้ว
เขามองคนที่นั่งทุบพื้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
พอแคปพยุงตัวลุกขึ้นแต่กลายเป็นว่าเซซ้ายเซขวาเขารีบลุกขึ้นมาดึงแขนเล็กนั่นไว้
สองคนจ้องหน้ากันและกันอยู่พักใหญ่
มันผิดปกติเกินไป
คนที่ขี้โวยวายเอะอะเป็นชกต่อยอย่างแคปจะนิ่งเงียบได้ขนาดนี้
“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกูไปส่ง”
“อย่ามายุ่งกับกู” แคปคำรามเสียงสั่น รั้งแขนตัวเองออก
ไม่มองหน้าเอสแม้แต่นิดจนอีกคนต้องดึงไหล่เล็กให้หันกลับมาหากัน
“พูดง่ายๆได้ไหมอย่าให้กูต้องใช้กำลัง”
เขามองดูสภาพของคนตรงหน้า รอยแดงเป็นจ้ำๆที่ปรากฏอยู่บนลำคอขาวไล่ลงมาจนถึงร่องอกล้วนเป็นฝีมือของเขาเอง
เอสยื่นมือออกไปหวังกลัดกระดุมเสื้อแคปให้เรียบร้อยแต่โดนปัดมือเขาออกแรงมาก
“ไอ้สัส กูบอกว่าอย่ามายุ่งกับกู หลีกไป!” แคปตะคอกใส่หน้าผลักเขาจนกระเด็นออกจากทาง
เดินโซซัดโซเซจะเปิดห้องออกไปเอสหมดความอดทนกระชากแขนเล็กครั้งเดียวตัวทั้งตัวของแคปโผเข้ามาในอ้อมกอด
“กูบอกว่าอย่ามายุ่งได้ยินไหมห๊ะ ไอ้ชั่วไอ้เลวไอ้สันดาน” แคปตะคอกขึ้นอีก
ดิ้นพราดจนเอสต้องเปลี่ยนเป็นจับทั้งตัวอุ้มพาดใส่บ่าแล้วเหวี่ยงขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง
“อึกก...”
“ด่าอีกมึงโดนอีก
กูว่าจะไม่เลวแล้วนะถ้าด่ามากๆเดี๋ยวมึงจะเจอทั้งเช้าทั้งเที่ยงทั้งเย็น
ดึกๆค่อยกลับนะห้องมึงน่ะ”
“สารเลว ชาติชั่ว กูกลัวมึงเหรอห๊ะ!”
“พูดกับผัวนี่พูดดีๆไม่เป็นใช่ไหม
เดี๋ยวกูจะสอนมึงใหม่เลยเป็นไง เมียพูดกับผัวน่ะเขาพูดกันประมาณไหนครับแคป หื้ม??”
“ไอ้สันดาน! อึ่กก..” แคปร้องลั่น
เมื่อเอสกระโจนลงใส่เขา เข่าเล็กตั้งฉากขึ้นมาเพื่อกะกระแทกเข้ากลางลำตัว
แต่เอสไม่เสียรู้อีกแล้ว
เขาอยู่กับแคปบทเรียนที่ต้องระมัดระวังตัวทุกๆวินาทีทำให้เขาหลบรอดจากทั้งศอกทั้งเข่าได้หวุดหวิด
“ปล่อยกู กูจะกลับห้อง อ่ะ..” แคปร้องลั่นดิ้นพราด
เอสตัดสินใจกระชากข้อเท้าสองข้างชูขึ้น แคปดิ้นๆๆจนจะตกจากที่นอน
“แหกปากเข้าไป
เอาให้ข้างห้องเขารู้ด้วยดีไหมว่าเราสองคนเป็นอะไรไปถึงไหนกันแล้ว”
“มึงก็ปล่อยสิไอ้เหี้ย ปล่อยกู๊...”
“บ้าเอ๊ย..” เอสสุดจนทนเหวี่ยงแคปออกแล้วรวบเอาตัวคนทั้งตัวลากเข้าไปโยนไว้ที่อ่างน้ำแคปลื่นจนต้องเกาะขอบอ่างไว้
“อ่ะ...กูลื่นไอ้เหี้ย”
“ไม่ยอมเข้ามาอาบเองดีๆมึงก็ต้องเจอกูอาบให้แบบนี้ไป
โทษตัวเองก็แล้วกัน” เอสเปิดฝักบัวทั้งร้อนทั้งเย็นราดใส่แคปจนเสื้อผ้าหน้าผมตัวทั้งตัวเปียกโชกไปหมด
แคปลุกขึ้นตั้งหลักได้ยื่นมือคว้าเอสดึงเข้ามาล้มกองลงที่อ่างไปด้วยกัน
สองคนสู้กันอยู่ในอ่างที่ทั้งลื่นทั้งเปียก
เอสไม่สนใจตัวเองอยู่แล้วเพราะเขาใส่เพียงแค่ผ้าเช็ดตัว
แต่แคปนั้นตอนนี้เสื้อผ้าเปียกโชกหมด เขาเลยจัดการดึงๆๆแล้วกระชากถอดออกให้
“อย่ามายุ่งกับกู” แคปร้องขึ้นมาอีกครั้ง
เอสโมโหผลักเขาให้นั่งลง
ก้นกระแทกลงที่อ่างซ้ำแผลเดิมเจ็บจนแคปต้องเบ้หน้าร้องโอดโอยขึ้นมา
“ก็บอกแล้วว่าอยู่เฉยๆอย่าดื้อ
กูจะปราบเซียนมึงนี่ต้องงัดทุกกระบวนท่าเลยมึงรู้ไหม”
“ไอ้สัส”
“ปากดีอีกแล้วครับเมีย ต่อไปมึงเรียกสัสขึ้นมาอีกกูจะจับมึงทำแบบนี้
จำเอาไว้!” ว่าจบเขาคว้าคอแคปเข้ามาแล้วกดจูบดูดดึงลิ้นเล็กของอีกฝ่ายเข้าไปแรงมาก
แคปตาเหลือกขบฟันจนสุดแรงงับลงที่ปลายลิ้นลามกที่กำลังดุนดันเข้ามา
แต่เอสเอาอีกมือที่ว่างอยู่บีบกรามเล็กให้ง้างออก
แคปเจ็บจนน้ำตาจะเล็ด
“ไอ้สัส” เขาสบถขึ้นมาอีกครั้งเมื่อโดนปล่อยปากให้เป็นอิสระ
แต่ดันสบถคำพูดที่ไม่ควรจะพูดที่สุดออกมาอีกแล้ว
เอสคว้าคอเล็กเข้ามาดูดลิ้นแรงๆเป็นครั้งที่สอง แคปดิ้นพราดๆ
เอสเลยถามขึ้นมาทั้งๆที่ยังจูบ
“ต่อไปจะพูดอีกไหม หืม” เสียงทุ้มอู้อี้
เพราะริมฝีปากบดขยี้กันอยู่ แคปดิ้นไม่ตอบเอสเลยรวบตัวเอาไว้แล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน
เขาดันแผ่นหลังเล็กจนชิดผนัง ก่อนถอนจูบออกมาแล้วจ้องหน้า
แคปอ้าปากจะด่าขึ้นมาอีกเอสเลยชี้หน้าบอกให้รู้ว่าถ้าด่าอีกโดนแน่ๆ
คนตัวเล็กกว่าจึงหุบปาก
“กูเกลียดมึง ไอ้เลว”
“กูจะถือว่าเป็นคำชม มีผัวเลวๆบางทีก็เร้าใจยิ่งกว่ามีผัวเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้นะมึงรู้ยัง”
“ไอ้สัส มึงไม่ใช่ผัวกู”
“หึหึ ไม่ใช่ผัว? มึงกล้าพูดเนอะเมียกู” เอสโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้มุมปากร้ายยิ้มเยาะขึ้นนิดๆ
แคปเกลียดที่สุดเวลาที่เห็นฟันกระต่ายสองซี่ของเอสเผยออกมาในตอนที่มันขยับริมฝีปากพูด
เกลียดที่มันเรียกตัวเองว่าผัว
และยิ่งกว่าคำว่าเกลียดเมื่อมันตอกย้ำความอัปยศของเขาด้วยการเรียกเขาว่าเมีย
สองคนยืนจ้องหน้ากันแคปแค้นจนสุดจะแค้นในดวงตาพร่าสั่นเต็มไปด้วยความคั่งแค้น
มันเป็นแววตาที่แข็งและรั้นเสียจนเอสต้องส่ายหัวอย่างหมดความอดทนกับคนที่รั้นมากๆตรงหน้า
เขาก้าวออกมาจากอ่าง
“อาบให้เสร็จ เดี๋ยวออกไปกินข้าวแล้วจะพาไปส่งที่ห้อง” เสียงประตูห้องน้ำปิดลงดังปัง
คนตัวโตทิ้งคำพูดห้วน ๆ สั้นๆไว้แค่นั้น
“โว๊ยยยยยยยยย เหี้ยเอ๊ย เหี้ยที่สุดเลยแม่ง!!” แคปสบถดังลั่นพร้อมทั้งฟาดฝ่ามือตีน้ำในอ่างจนกระเซ็นกระจาย
.
.
“จะกินอะไร เลือกเสร็จหรือยัง”
ที่ร้านอาหารไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก
กว่าจะบอกให้แคปตามลงมาได้เอสหมดพลังไปหลายโข ทั้งผลักให้ลงจากรถทั้งกระชากแขนให้เดินตามกันลงมาจนถึงที่สุดเอสขู่ว่าจะจูบแม่งกลางลานจอดรถนี่แหละฝ่ายนั้นก็ยังไม่ยอมจนเขาต้องคว้าต้นคอแล้วดึงเข้ามาดูดลิ้นแรง
ๆ ไปทีแคปถึงกับสำลักพรวดยกขาฟาดหน้าแข้งเอสเข้าให้แต่ยังไงก็ไม่โดนหรอก
หลบทันรู้จังหวะมันแล้ว เอสยักไหล่ใส่อย่างยั่วโมโหแคปเดินไปผลักไหล่แกร่งอย่างแรงแล้วแทรกตัวเดินผ่านเข้าร้านไป
แต่อย่าคิดว่าเจ้าคาปูชิโน่จะหมดฤทธ์เพียงแค่นี้
เพราะแค่เข้ามานั่งก็สำแดงฤทธ์เดชดูเมนูไม่ยอมปริปากสั่งจนพนักงานมองหน้าเขาเป็นรอบที่สิบ
“ไม่รู้อ่านไม่ออก” แคปตอบออกมาเรียบ ๆ ทำราวกับว่าตัวเองอ่านหนังสือไม่ออกจริง
ๆ จนเอสต้องเลิกคิ้ว น้องพนักงานมองหน้าเขาเลิ่กลั่ก
“กวนตีนนักนะมึง” เขาแค่นเสียงลอดไรฟันเตะเข้าที่ขาของคนใต้โต๊ะเจอแคปถีบกลับมาแรงจนเก้าอี้กระเด็น
พนักงานตกอกตกใจจนตาโต เอสรีบยกมือขอโทษบอกไม่มีอะไรพวกเขาแค่หยอกล้อกัน
“ตกลงจะกินอะไร อ่านไม่ออกก็ชี้สิครับเมีย..” เอสโน้มตัวเข้าไปกระซิบเสียงแตกพร่า
เขาเน้นคำว่าเมียชัดเจนจนแคปตาโตขึ้นอีกลุกพรวดขึ้นทันทีอ้าปากด่าเอสดังลั่น
“ไอ้สะสะสะสะ....” แต่คำด่าไม่ทันจบได้หรอก
เจอเอสชี้หน้าคาดโทษไว้ก่อน วิธีการคว้าต้นคอแล้วดึงเข้ามาบดจูบแบบไม่เลือกสถานที่ทำเอาแคปขยาดไม่กล้าหลุดปากเรียกคำว่าสัสออก
“นั่งลงดีๆ”เอสบอกเสียงเครียดดึงแขนเล็กให้นั่งลงก่อนตัดสินใจชี้บอกพนักงานให้เองว่าจะสั่งอะไร
เขาเลือกอาหารง่าย ๆ สำหรับแคปส่วนของตัวเองก็กินเหมือนๆอย่างเดิม
“เครื่องดื่มล่ะครับ
กาแฟสดของที่นี่อร่อยนะครับไม่ทราบว่าเคยลองทางรึยัง” พนักงานถาม
“คาปูชิโน่เย็น” เอสสั่งของตัวเองไป
“แล้วของอีกท่านล่ะครับ รับเป็นอะไรดี” พนักงานหันไปถามแคปบ้าง
รายนั้นเหลือกตามองแต่ยังไม่ยอมปริปาก เอสเลยดึงเมนูออกมาแล้วชี้สั่งลาเต้เย็นให้แคปรีบส่ายหัวบอกไม่เอา
เขาชี้อีกอัน
“เอสเพรสโซ่เย็นนะครับ?” น้องพนักงานย้ำเพื่อความแน่ใจ
แคปตอบอือๆกลับ
“เรื่องมาก” เอสบ่นไปคนเดียว
แคปเชิดปากขึ้นนิดๆไม่อยากจะสนใจ
ตอนนี้ต้องการกินให้เสร็จเร็วที่สุดจะได้กลับให้พ้น ๆ
ให้บ้าตัวหน้าเกลียดนี่เสียที ความจริงอาหารจะกินอะไรเขาก็กินได้ทั้งนั้นเว้นอย่างเดียวเรื่องของกาแฟเขาค่อนข้างพิถีพิถัน
“ว๊ายพี่เอสจริง ๆ ด้วย บังเอิญจังเลยค่ะ” แคปเงยหน้ามองผู้หญิงสองคนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ เธอสวยน่ารักผมยาวสีน้ำตาลอ่อนดัดเป็นลอนหน้าคล้ายตุ๊กตาอาจเพราะใส่บิ๊กอายแล้วกรีดดวงตาให้สวยคมและเฉี่ยว
กับอีกคนผมสั้นกว่าหน่อยน่ารักแต่ไม่เซ็กซี่เหมือนคนแรก
ขาวอวบอึ๋มพอกันทั้งคู่ที่สำคัญคือกระโปรงนักศึกษาที่สวมอยู่นั้นมันสั้นมากๆ
“ฟางกับจอยมาทานที่นี่บ่อย ๆ
พี่เอสก็เป็นลูกค้าประจำของที่นี่เหมือนกันเหรอคะ” น้ำเสียงคนสวยผมยาวออดอ้อนจริง ๆ
มองตาไอ้คนตรงข้ามกับเขาที่นั่งหน้านิ่งอยู่ด้วยลูกเล่นที่แพรวพราว
เอสพยักหน้าตอบรับกลับไป เธอถือวิสาสะลากเก้าอี้แล้วนั่งลงข้าง ๆ
เพื่อนอีกคนรีบดึงแขนไว้แต่เธอไม่ฟังไล่ให้เพื่อนไปหาที่นั่งรอก่อน
เดี๋ยวเธอจะตามไปเอง จากนั้นเธอก็หันมาสนใจพี่เทคของเธอ
“วันนี้มากับใครคะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเพื่อน
เพราะเพื่อนพี่เอสทุกคนฟางข้าวรู้จักหมดแล้ว คนนี้ไม่มีในลิสต์นะคะ” แคปกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ๆ ลงคอ
นึกขำปนสมน้ำหน้าขึ้นมานิด ๆ มีผู้หญิงแบบนี้มาติดนี่ซวยที่สุด ที่สุดของความซวย
สมน้ำหน้ามันแล้ว เลวๆแบบมันเจอกับแรง ๆ แบบเธอคนนี้นี่เหมาะมาก
“ไม่ใช่เพื่อนหรอก..” เสียงทุ้มของเอสดังขึ้นทำให้แคปต้องเบนสายตามอง
“ไม่ใช่เพื่อนแล้วใครอ่ะคะ พี่สองคนต้องรู้จักกันสิ
เอ๊ะเดี๋ยวก่อน คนนี้หน้าคุ้นๆมากเลยอ่า ฟางข้าวว่าเคยเห็นที่ไหนสักแห่งนี่แหละ
อ๊ะใช่แล้ว พี่แคปน้องชายพี่ลาเต้ คนที่มีเรื่องกับพี่เอสวันนั้นนี่คะ
เขาลงเฟสรีทวิตกันทั้งมอ มิน่าหละฟางถึงคุ้นหน้าพี่มากๆเลยอ่ะ อ้าว! แล้วทำไมถึงได้มานั่งกินข้าวด้วยกันล่ะคะ
ภาพจากคลิปนี่ตีกันจนแทบจะเหยียบหัวให้กราบเลยนะนั่น”
เธอพูดร่ายยาวจนเอสส่ายหัว
ส่วนแคปนั้นเบื่อจนต้องยกเมนูขึ้นบดบังใบหน้าเนื่องจากถูกเธอจ้องนานจนเขาเซ็ง
อย่ามาถามหาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไอ้บ้านี่เลย
ให้ตายก็ตอบไปไม่ได้หรอกว่าแค้นเสียยิ่งกว่าศัตรู
“จอยเขารอเรานานแล้วนะนั่น” เอสโบ้ยหน้าบอกเธอให้รู้ว่าเพื่อนรอ
ตัดปัญหาคำถามของเธอ
แต่ฟางข้าวยังไม่ยอมเธอเอามือมาดึงเมนูที่บังหน้าแคปลงแล้วจ้องเขาดี ๆ อีกครั้ง
ตาโตขึ้นมาเมื่อเห็นว่าน่าจะใช่คนที่อยู่ในคลิปนั้นจริง ๆ
เธอกำลังจะอ้าปากซักถามต่ออีกแต่เอสยกมือบอกให้เธอเงียบก่อน
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่เพื่อน
ส่วนจะเป็นอะไรถ้าฉลาดก็ไปคิดต่อเอาเอง
น้องจอยครับ..” เขาลุกขึ้นเรียกจอยให้เข้ามาเก็บเพื่อนสนิทของเธอไป
ฟางข้าวเหมือนกับจะไม่ยอมแต่เมื่อเจอสายตาเอาจริงของเอส
เธอต้องรีบลุกออกไปแทบจะไม่ทัน พอดีกับที่อาหารถูกยกเข้ามาเสิร์ฟ
“จะเอาบังอีกนานไหมเมนูมึงอ่ะ” เอสคว้าเมนูที่แคปทำท่านั่งอ่านอยู่นานออกไปวางไว้โต๊ะอื่น
ก่อนที่จะใช้ส้อมชี้ๆบอกให้อีกคนรีบกิน ก่อนที่อาหารจะเย็นชืดหมด
แคปหน้ายุ่งจิ๊ปากใส่ก่อนจ้วงอาหารเข้าปาก
“เมียมึงเหรอ..” เอสเลิกคิ้วใส่คนตรงข้ามที่ถามอะไรออกมา
“เมียไหน เมียกูก็นั่งอยู่ตรงข้ามนี่ไง”
“ไอ้สัส
กูถามดีๆห่าเอ๊ยไม่น่าปากมากเลย รู้งี้ไม่ถามซะก็จบแล้ว” เสียงช้อนกระทบจานดังเคร้งขึ้นทันทีที่คำว่าไอ้สัสหลุดออกจากปากแคป
เอสมือไวมากคว้าต้นคอเขาแล้วดึงเข้ามาจนหน้าแทบจะชิดกันแคปตกใจจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่รั้งหัวตัวเองไว้
“ด่าอีกคำกูจูบเลย” เอสขู่
สองคนจ้องหน้ากันราวกับไฟจะลุกพรึ่บขึ้นมา
และเหมือนเอสจะรู้ว่าที่ใต้โต๊ะแคปกำลังจะถีบเขาแน่ ๆ
เอสลุกขึ้นทันทียกจานย้ายมานั่งลงฝั่งตรงข้าม
“นั่งข้าง ๆ เมียท่าจะดีกว่านั่งอยู่ตรงข้ามนะ
มึงว่าไหมครับหื้ม”
“ไอ้........” แคปอ้าปากค้างได้แค่นั้นเมื่อเจอช้อนส้อมจิ้มมะเขือเทศชิ้นใหญ่ในจานของตัวเองแล้วยัดส่งเข้าไปในปากเขาอย่างไม่สนเลยว่าจะสำลักพรวดพราดแค่ไหน
เอสนั่งขำหึหึ สมน้ำหน้าคนปากดี
“ด่าอีกดิ่ ด่าอีกกูยัดอีก
คราวนี้ไม่ใช่แค่มะเขือเทศแล้วนะที่จะยัด”
“ไอ้เหี้ย กูเกลียดมึงที่สุด!” แคปกัดฟันพูด
“ยิ่งเกลียดยิ่งรัก ระวังเน้ออ”
“ไอ้ชั่วเอ๊ย” แคปด่าอีก
“ขอบใจนะ ถึงชั่วก็มีเมียแล้วนะครับ ขอบคุณที่ชม หึหึ”
โว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
คนตัวเล็กว่าสบถหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในใจ ทำอะไรไม่ได้ก้มหน้าก้มตากินๆๆๆๆๆๆ อยากจะร้องตะโกนออกมาดัง
ๆ แล้วกระชากหัวมันลงมาฟาดใส่เข่าให้หนักๆสักที
แต่เรื่องจริงที่ทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่กินๆๆแล้วก็กิน
“เชี่ยเอ๊ย”
“อ้าว เป็นไรขึ้นมาอีกจู่ๆ ด่าตัวเองทำไม”
“ด่ามึงสิไอ้สะ.........”
ริมฝีปากหุบฉึบไว้แค่นั้น
เกือบหลุดคำว่าสัสไปอีกครั้งแล้ว แคปส่ายหัวอย่างหงุดหงิดที่สุด เขาตบ ๆ
กระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงหวังเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบดับอารมณ์แต่พอรู้ว่าไม่มีแล้วกลายเป็นว่าเอสยื่นออกมาส่งให้เขายิ่งหงุดหงิดขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
กำลังจะเอื้อมมือเข้าไปคว้าแต่อีกคนกลับชักออกแคปเลยคว้าลมคว้าอากาศไปแทน
คิ้วเล็กขมวดมุ่น
“โนสโมกิ้งนะครับเมีย หึหึ” ว่าพร้อมกับชี้ให้ดูที่ป้ายห้ามสูบบุหรี่
แคปอยากจะร้องอ๊ากกกกดัง ๆ รู้ว่าเขาห้ามสูบก็เสือกส่งบุหรี่ขึ้นมาทำเห้อะไร๊
ไอ้สัส! เออกูด่าในใจก็ได้วะแม่ง
กว่าจะกินกันเสร็จได้ทั้งเถียงทั้งด่ากันจนแทบจะอ้วก
“ส่งที่ไหน ห้องมึงอยู่ไหน..” แคปคว้าเอาแก้วเอสเพรสโซ่ขึ้นมากินต่อที่รถ
ปากบอกไม่อร่อย ๆ แต่ก็แดกได้จนหมดแถมยังลามมากินที่จานคนอื่นอีก
เอสไม่เข้าใจไอ้หมาบ้าตัวนี้เลยให้ตายเหอะ
“ส่งกูที่ร้านเมื่อคืน รถกูยังอยู่ที่นั่น”
“หายแล้วมั้ง ป่านนี้” คนขับลอยหน้าตอบอย่างกวนตีน
แคปหันไปทำตาเขียวใส่ หายเหรอ??? รถเขานี่นะถ้าหายขึ้นมาเขาจะต้องเอาเรื่องกับไอ้เวรนี่ให้ถึงที่สุดเลยคอยดู
ไม่มีทางยอมเด็ดขาด รถแต่งของพ่อเขา เขาหวงยิ่งกว่าพรมจรรย์ที่เสียไปเมื่อคืนอีก
บอกเลย!!
“ทำหน้าอะไรของมึง บ้ารึไง กูโทรไปบอกพี่แอมป์ให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเว้ย” เมื่อเห็นว่าแคปตาแดงเหมือนกับคนจะร้องไห้ทั้งที่เสียตัวให้เขาเมื่อคืนยังตาแข็งกร้าวอยู่แท้
ๆ พอพูดเรื่องรถหายเข้าหน่อยหน้าเหลืองขึ้นมาในทันที เอสนึกขำ
คนบ้าอะไรวันๆนึงมีเป็นสิบ
ๆ อารมณ์
“ไอ้สัส!” รถเบรกจึ๊กทันทีที่คำว่าไอ้สัสหลุดออกจากริมฝีปากเล็ก
เอสหันขวับมามองหน้าแคปรีบทำไม่รู้ไม่ชี้
ดีที่ถึงทางเลี้ยวเข้าร้านแล้วไม่อย่างนั้นจู่ ๆ
เบรคลงแบบนี้มีหวังชนท้ายจ่ายตลอดแหงๆ
“ปากดีๆแบบนี้อยากถูกกูจูบก่อนลงใช่ไหมครับเมีย หื้ม” เอสหันไปข่มขู่ก่อนเคลื่อนรถเลี้ยวเข้ามา พอจอดลงสนิทข้าง
ๆ รถแต่งสีดำของแคปมือใหญ่ยื่นออกไปรั้งต้นคอเล็กแล้วกดเข้ามาดูดปากอีกครั้ง
“อ่ะ...ไอ้สันดาน ปล่อย อื้มม...” แคปดิ้นพราดร้องด่าด้วยน้ำเสียงบู้บี้
ริมฝีปากที่ถูกช่วงชิงด้วยฝ่ามือที่รั้งต้นคอเขาไว้พร้อมกับมืออีกข้างที่บีบกรามเล็กให้เปิดรับลิ้นร้อน
ๆ แคปทั้งทุบทั้งตีแต่พลาดไปหมด
เอสดูดปลายลิ้นเล็กจนพอใจก่อนที่เขาจะปล่อยแคปออกมา
“กลิ่นซอสมะเขือเทศ?? หึ เมื่อกี้มึงกินข้าวผัดสินะ
ทำเป็นเด็กไปได้ราดซอสมะเขือเทศทำไม”
"ห่าเอ๊ย
ก็มึงไม่ใช่หรือไงที่เป็นคนสั่งมาให้กู" แคปยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก
ถูๆๆๆๆแบบโคตรจะรังเกียจจนเอสนึกขำเมื่อคืนยังทำท่าพออกพอใจอยู่แท้ ๆ
"อ้าวเหรอ..."
เสียงทุ้มตอบยั่วยวน มองหน้าอีกคนที่ทั้งโกรธทั้งแค้น
“ไอ้โรคจิต เลวที่สุด ไอ้เหี้ยเอส มึงมันเหี้ยที่สุด!” แคปฟาดผั๊วะเข้าแสกหน้าแบบที่ไม่ทันให้เอสได้ตั้งตัว อย่าคิดว่าเขาจะไม่กล้าทำ
อย่าคิดว่าเขาจะกลัวมัน
เอสถึงกับมึนคว้ามือจะเข้ากระชากแขนเล็กไว้แต่เสียทีที่ไม่ทัน แคปลงไปยืนอยู่นอกรถแล้วชี้หน้าเขาอย่างเอาเรื่องสุดๆ
“มึงรู้ไว้เลยนะ
จะไม่มีมึงกับกูเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด!! เมื่อคืนถือซะว่ากูทำทาน รู้รึเปล่าจนถึงตอนนี้ลืมไปหมดแล้วด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไปบ้าง
เซ็กห่วยๆซวยเป็นบ้า ไอ้สัส!”
ว่าจบไม่รีรอฟังห่าอะไรแล้ว
แคปรีบจับรถตัวเองก่อนขับเลี้ยวออกไปด้วยความรวดเร็ว ขณะที่เอสถึงกับพ่นขำพร้อม ๆ
กับลูบหน้าด้วยความเจ็บเมื่อจู่ ๆ ถูกฟาดแสกมาไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนั้น
“จำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปบ้างงั้นเรอะ หึหึ
แล้วเซ็กห่วยๆที่มึงพูดมันหมายความว่ายังไงล่ะวะ ไอ้ตัวรั้น” เขาพึมพำอยู่คนเดียวโดยที่อีกคนขับรถเลี้ยวห่างออกไปไกลโขแล้ว
.
.
ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ไอ้สัสปอ ไอ้หมาปอโว๊ย
เปิดสิวะกูยืนรอนานแค่ไหนแล้วมึงรู้บ้างรึเปล่า” แคปเคาะรัวๆร้องตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าห้องตัวเอง
จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าลืมเอากุญแจไปวางไว้ที่ไหน
ปกติมันต้องอยู่ในพวงเดียวกันกับกุญแจรถ
แต่ตอนที่จับรถขับออกมาจากที่ร้านนั่นด้วยความรีบร้อนเพราะกลัวว่าเอสจะวิ่งตามลงมาเขาไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองทำกุญแจห้องตกอยู่ที่ตรงไหน
“อะไรของมึงวะ คนจะหลับจะนอน ปลุกเหี้ยไรแต่เช้า” ปอหัวยุ่งเดินตาปรือออกมาเปิดให้
แคปไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินแทรกตัวผ่านเพื่อนเข้าไปกำลังจะตรงเข้าห้องนอนตัวเองแต่ปอเรียกเอาไว้ก่อน
“เป็นไร หน้าเครียดแต่เช้าเลยนะมึง
แล้วใส่ชุดใครมาล่ะเนี่ยตัวใหญ่ฉิบหายเลย” แคปก้มหน้าดูเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมอยู่
แน่นอนว่าเป็นของไอ้เหี้ยเอสนั่นแหละเพราะชุดเขาเปียกโชกตอนที่โดนมันฉีดน้ำร้อนๆใส่
บ้าฉิบหายหยิบเสื้อผ้าธรรมดาแบบนี้มาให้กันใส่ขณะที่ตัวมันแต่งซะเท่บอกมีเรียนต่อตอนบ่าย
ใครอยากจะรู้จะไปตายที่ไหนก็เรื่องของมึงเถอะ
“เช้าที่ไหน จะบ่ายแล้วครับคุณปอ มึงแม่งเช้าสองคำเช้า
สามคำก็ยังเช้าต้องให้กูเคาะระฆังบอกใหม่ไหมว่าตอนนี้กี่โมงแล้วห่า” เขาล้วงเอาโทรศัพท์ที่หมดแบตในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเสียบชาร์ต
ก่อนจะเปิดเครื่องแล้วกระโจนตัวลงบนโซฟายาวแล้วก่ายหน้าผากไปเงียบ ๆ
แน่นอนว่าในใจครุ่นคิดเรื่องราวของเมื่อคืน
กลุ้มจนต้องหลับตาลงแต่ปอคงไม่ทันได้สังเกตเห็น
“ฮ้าววววววว
อ้าวเหรอ บ่ายแล้วเหรอ
กูแม่งกลับมาดึกฉิบหายเพราะมึงอ่ะแหละจะไปต่อกับหญิงโทรบอกกันบ้างสิวะ
กูกับไอ้อาร์รอจนเจ้าของผับเขาจะไล่ โทรหาก็ไม่ติดรู้ป่ะเนี่ยห่วงนะเว้ย” ปอปิดปากหาวหวอดๆเดินไปชงกาแฟมานั่งกินปากก็บ่นแคปไปเรื่อย
เขาเอาถ้วยกาแฟวางลงเผื่อแคปด้วยหนึ่งแก้ว
“เป็นเหี้ยไร กลับมาสภาพแบบนี้อ่ะ”
แคปลุกพรวดขึ้นจ้องหน้าคนข้าง
ๆ เขาตกใจมากถึงมากที่สุดจู่ ๆ ปอถามเขาออกมา สภาพเขามันดูผิดปกติมากนักหรือยังไง
แน่นอนว่าเขาเจ็บสะโพกไม่หายแต่ดูภายนอกยังไงๆก็ไม่มีทางรู้แน่ ๆ แล้วทำไมปอถึงได้ถาม...
“เป็นไรของมึงไอ้แคป
เมียมึงทิ้งรึไงทำหน้าทำตาเหมือนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบงั้นแหละ
อย่าบอกนะว่าเจอน้องแยมสวมเขาให้เข้าแล้วอ่ะ”
แคปถอนใจโล่งยาวพรืดออกมาที่แท้ปอไม่ได้สังเกตความผิดปกติของร่างกายภายนอกเขา
แต่ที่พูดคงหมายถึงหน้าตาท่าทางที่เขาแสดงออก
คนที่เพิ่งมีชนักติดหลังย่อมระแวงโน่นนี่เป็นสองเท่า แคปบอกตัวเองใหม่ว่าใจเย็น ๆ
ไม่ต้องร้อนตัวตีโพยตีพายเรื่องระหว่าเขากับไอ้เอสยังเป็นความลับอยู่แน่ ๆ
ตราบใดที่ทางนั้นไม่ปากโป้ง
เขาเองฆ่าให้ตายก็ไม่มีทางรับเด็ดขาดว่าไปนอนอ้าขาให้มันเสียบ
“โว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” แคปขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วร้องยาวออกมา
ปอถึงกับส่ายหน้า เขายังคงเข้าใจว่าแยมคงทิ้งแคปเข้าให้แล้วจริง ๆ แต่แอบสงสัยอยู่นิดหน่อยปกติคนจะทิ้งกันอยู่แล้วทำไมยังมีไปนอนค้างอ้างแรมกันอีก
เมื่อคืนแคปหายไปยันเช้ามีอยู่แค่ไม่กี่ที่ๆจะไปได้ ที่บ้านไม่ใช่แน่ ๆ
เพราะปอโทรตามแล้ว
ที่ห้องพี่เต้ยิ่งแล้วใหญ่รายนั้นเมาไม่รู้เรื่องโดนลากกลับไปหอเพื่อนเขาเจอพี่แกตั้งแต่เมื่อคืน
สุดท้ายคือห้องสาวๆ และตอนนี้เพื่อนรักของเขาคบอยู่แค่คนเดียวคือน้องแยม
“กูทายถูกเหรอเนี่ย มึงถูกทิ้งจริง ๆ เหรอวะ”
“เอๆอ อย่ามาย้ำมาก เบื่อว่ะไม่อยากจะดูกระจกอยู่เนี่ย” แคปคว้าซองบุหรี่ที่โต๊ะขึ้นมาคาบใส่ปากหนึ่งตัวก่อนจุดไฟแล้วดูด
“เกี่ยวเหี้ยไรกับกระจก”
“กลัวเห็นควายไง”
“ไอ้สัส” ปอสบถคำว่าไอ้สัสออกมาทำเอาแคปสะดุ้งโหยง
รสจูบกับแรงดูดที่ปลายลิ้นจากเอสทำเอาเขาชาหน้าวาบไปทั้งหัว
“บ้าเอ๊ย
เหี้ยที่สุด!!!” แคปสบถหน้าเครียด
เขาลุกขึ้นแล้วคว้าเอาซองบุหรี่ติดมือเดินออกไปสูบต่ออยู่ที่ระเบียง
ปอมองตามอย่างงงๆแต่ก็คิดไปว่าคงเสียใจมากเรื่องแยม
ต้องปล่อยให้มันอยู่คนเดียวไปก่อนสักพัก วันสองวันแคปจะดีขึ้นเอง
ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้แบบนั้น
RRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะสั่นเรียก
ปอมองที่หน้าจอเห็นว่าเป็นชื่อของเต้พี่ชายแคปเขาจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดระเบียงออกไปยื่นส่งให้เพื่อน
แคปที่ยืนทอดสายตามองไปในที่ไกล ๆ กับควันสีขาวที่ลอยคลุ้ง
“เฮียเต้โทรมา..” ปอเรียก แคปรับเอามาแนบใส่หู ปอยืนกอดอกฟังอยู่ด้วย
เขากับแคปปกติไม่เคยมีความลับต่อกัน
จะเฮียโก้ผู้ซึ่งเป็นพ่อของแคปหรือลาเต้พี่ชายแคปเขาก็รู้จักสนิทด้วยหมด
เขากับแคปรวมไปถึงอาร์รู้จักกันมาตั้งแต่อายุสิบสองปีแล้ว
“อือ มีไร” แคปชอบพูดคำนี้เวลาที่รับสายพี่ชายอย่างเต้
ตรง ๆ เลยนะเขาชอบกวนตีนมัน แกล้งให้มันโมโหจนติดเป็นนิสัย รอไอ้พี่บ้าด่ากลับมา
แค่ได้ต่อปากต่อคำกันนิดหน่อยเขาก็ชื่นใจนิดๆแล้ว
(พูดกับกูนี่เคยเพราะเสนาะหูเหมือนพูดกับเมียมึงบ้างป่ะ
ถามจริง)
“อ้าว
แล้วทำไมผมต้องพูดกับพี่เหมือนที่พูดกับเมียผมด้วยไม่ทราบ
พี่ทำอะไรได้เหมือนที่เมียผมทำให้ผมรึไงล่ะ” ให้ตายเหอะคนยิ่งโมโหทั้งเรื่องไอ้เหี้ยเอสทั้งเรื่องโดนแยมสวมเขา
ยังจะมาโดนพี่ชายจิกเรื่องเมียๆผัวๆบ้าบอ พูดคำว่าเมียนี่กระตุกไปถึงตาตุ่ม
(นี่มึงไปกินรังแตนมาจากไหนเจ้าแคป
ปากคอเราะร้ายเดี๋ยวสักวันกูจะจัดเด็กๆแถวนี้ไปปราบเซียนมึงลงให้ได้คอยดู๊..)
“กลัวตายล่ะ ลองจัดมาสักคนสองคนดิ๊”
(ปากดีแท้ๆน้องชายกู
ขี้เกียจพูดนอกเรื่องแล้ว ที่โทรมาจะถามว่าพ่อโทรบอกมึงหรือยังคืนนี้เฮียแกไปเวียดนามนะ)
พ่อของพวกเขาอายุเพิ่งจะแค่สี่สิบแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากมาย
เต้กับแคปจึงพร้อมใจเรียกว่าเฮีย
ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันคนมักจะทักเสมอว่าพ่อเป็นพี่ชายคนโต
ดูเฮียโก้จะมีความสุขมากเป็นพิเศษ
“ไปเวียดนาม ไปทำไม?”
(เห็นว่าได้ยินข่าวเรื่องเมล็ดพันธุ์กาแฟชนิดใหม่หายากมาก
พอรู้ปุ๊ปโทรมาบอกกูว่าคืนนี้จะเดินทาง ซื้อตั๋วแล้วเรียบร้อย
บอกให้กูกับมึงกลับไปเฝ้าร้านให้ศุกร์เสาร์อาทิตย์)
“แต่พรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปช่วยที่งานนี่” งานเกษตรจัดสิบวัน
ดีหน่อยที่เขามีคิวเฝ้าแปลงผักสองวันคือเมื่อวานกับวันพรุ่งนี้
จะว่าไปไหงวันนี้ไอ้ปอมันมานอนเฝ้าห้องอยู่ได้วะเนี่ย จริง ๆ
แล้วเพื่อนเขามีคิวเฝ้าคอกสัตว์เมื่อวานกับวันนี้นี่ว่า
เจ้าอาร์เองก็น่าจะอยู่ที่งาน
(เออพรุ่งนี้กูยิ่งเรียนเต็มวันเลย
กะว่าจะกลับไปตอนเย็น เอาไง? มึงจะกลับก่อนหรือจะไปพร้อมกับกูหรือจะตามไปทีหลัง)
“ผมไปเองดีกว่า ค่อยไปเจอกันที่ร้านเลย
มีอาฟี่ช่วยดูแลให้อยู่คงไม่ต้องห่วงอะไรมากมั้ง”
อาฟี่คือน้องชายฝาแฝดของพ่อ
ชื่อเล่นจริงจังคือคอฟฟี่ หน้าอ่อนกว่าอายุจริงพอกันทั้งคู่แต่อาฟี่เท่กว่าหลายสิบเท่า
เพราะเฮียโก้ใส่แว่นแต่อาฟี่ไม่
แบดบอยสไตล์คือแนวของเขา
อาฟี่เป็นตำรวจอยู่ที่หน่วยสืบราชการลับของกรมตำรวจสำนักงานใหญ่
ชอบทำงานในชุดธรรมดาเท่ๆนอกเครื่องแบบ ชกต่อยเก่งมากมีปืนชนิดต่าง ๆ เต็มห้อง
อาจเพราะอยู่สายปราบปรามดังนั้นงานของเขาจึงไม่เป็นเวลา
กลางวันบางทีว่างมากก็ไปช่วยที่ร้านขณะที่มีบางคืนต้องออกทำงานแทบจะตลอดกลับบ้านทีเช้าเลย
เสื้อผ้ามีแต่กลิ่นน้ำหอมเต็มไปหมด นานทีปีหนที่แคปจะเห็นอาฟี่ใส่เครื่องแบบเต็มยศร้อยตำรวจเอกติดดาวสามดวงบนบ่า
(เออๆโอเคเอาแบบนั้นก็ได้
กูวางแล้วนะพรุ่งนี้เจอกันที่บ้านเลย)
“ครับ”
แคปตอบรับพี่ชาย พอเต้วางสายลงไปแคปมองคนที่ยืนจ้องหน้าเขาอยู่
ปอเลิกคิ้วถาม แน่นอนว่าเขาได้ยินหมดทุกอย่างแต่ก็อยากจะให้แคปเล่า
แคปรุนหลังให้ปอเดินเข้ามาในห้องแล้วบอกเรื่องที่จะต้องกลับไปค้างที่บ้านสองสามวัน
ปอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“แล้วทำไมมึงถึงอยู่เฝ้าห้องได้วะไอ้ปอ
เวรมึงเฝ้าคอกสัตว์วันนี้ไม่ใช่รึไง”
“ก็หมาบางตัวมันยังไม่กลับ
โทรไปไม่รู้กี่สายก็ไม่รับกูเลยต้องนอนรอมึงอยู่นี่ไง แลกเวรกับไอ้พวกรุ่นน้องพรุ่งนี้ค่อยเข้าไปทีเดียว”
“เห เป็นห่วงกูงั้นดิ..”แคปหรี่ตาถาม
รู้อยู่หรอกว่าปอเป็นห่วงเขาแต่ช่วยไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นมากมายจริง ๆ
เขานึกขึ้นมาอีกก็ถอยหายใจอีกลุกขึ้นเดินเข้าไปที่ครัวหาอะไรกินแก้เครียดท่าจะดีกว่า
“ไอ้แคป อาฟี่มึงโทรมาแล้วเว้ย” ปอตะโกนเรียก
แคปปากคาบขนมปัง
เดินเข้าไปเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
ในสายบอกเพียงประโยคสั้นๆว่าพรุ่งนี้เรียนเสร็จให้กลับบ้าน
พ่อไปธุระเรื่องเมล็ดกาแฟ
ส่วนตัวคุณอาของเขามีงานสำคัญของกรมด่วนเข้ามาเพราะงั้นปิดร้านหนึ่งวันแล้ววันเสาร์ให้แคปกับเต้เปิดแล้วทำกันเอง
แคปได้แต่ครับๆๆ เพราะฟังจากน้ำเสียงอาฟี่เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
เมื่อไหร่ก็ตามที่เฮียโก้เดินทางท่องเที่ยวเสาะหาเมล็ดกาแฟแปลกใหม่มาสะสม
อาฟี่มักอารมณ์เสียอยู่ตลอด แคปกับเต้เคยแอบสงสัยว่าอาฟี่คงคิดถึงพ่อแน่ ๆ
เพราะฝาแฝดไม่ค่อยชอบอยู่ห่างกัน ขนาดพ่อแต่งงานกับแม่พ่อยังไม่ยอมย้ายครอบครัวออกไป
แม่ของพวกเขาเสียไปตั้งแต่เขากับลาเต้ยังอายุแค่สองสามขวบเท่านั้น
และตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่เฮียโก้กับอาฟี่ที่เลี้ยงเขาสองคนพี่น้องมา
.
.
“ไอ้เมี่ยงมึงเดินไปซื้อขนมกับน้ำมานั่งกินกันไป
อ่ะกูให้ตังค์” เต้ล้วงตังค์ยื่นส่งให้เมี่ยง
แล้วบอกให้ไปหาน้ำหาของกินมานั่งกินกันเล่น ๆ ฆ่าเวลาระหว่ารอเรียนคาบบ่าย จริง ๆ
ถึงจะเรียนกันคนล่ะคลาสแต่ที่ประจำของพวกเขามักจะมารวมกลุ่มคุยกันบ้างแซวสาว ๆ
บ้างที่โต๊ะตัวนี้
“ไรอ่ะเฮีย คุยกับน้องชายแล้วอารมณ์ดีถึงขนาดเลี้ยงขนมพวกผมเลยเรอะ” เมี่ยงดึงเอาเงิน
แล้วล้วงมือเข้าไปค้นเอากุญแจรถมอไซด์ของรัฐเพื่อนเต้
“กูบอกให้มึงเดินไปใครบอกให้ขับรถไปห๊ะ” เต้ตีเพี๊ยะเข้าที่มือเมี่ยงแต่เจออีกฝ่ายแลบลิ้นใส่กลับมา
เต้เลยลงมะเหงกแรง ๆ หัวเล็กนั้นไปที
“ใครจะเดินไปให้โง่ไกลก็ไกล ไอ้ชิพมึงไปกับกู” เมี่ยงเถียงเสร็จดึงมือชิพบอกให้ไปด้วยกันกุญแจรถของรัฐอยู่กับเขาแล้วเรียบร้อย
“ไม่เอากูขี้เกียจ แข่งกับไอ้เอสอยู่เนี่ย” ชิพกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์อยู่ข้าง
ๆ เอส เขาปัดมือบอกไม่ไปๆ แต่เมี่ยงไม่ยอมจะลากให้ชิพไปด้วยกัน
สุดท้ายบุ้งที่นั่งอยู่ข้างชิพทนไม่ไหวลุกขึ้นแล้วบอกจะขับให้เอากุญแจรถมา
“ไอ้บุ้งมึงมันใจดีที่สุดอ่ะ” เมี่ยงยิ้มหวาน
ขณะที่บุ้งส่ายหัวเขาก้มลงไปถามชิพว่าจะกินอะไรไหมจะซื้อเข้ามาด้วยแต่ชิพบอกไม่
มือใหญ่ของเขาเลยกดลงที่หัวชิพหนึ่งที่ก่อนก้าวขาออกมาจากเก้าอี้แล้วดึงเมี่ยงให้เดินออกไปด้วยกัน
“เดี๋ยวๆๆ ไอ้เอสแล้วมึงอ่ะ กินอะไรเป็นพิเศษไหม” เมี่ยงวิ่งกลับเข้ามาถามคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากดเกมส์ออไลน์แข่งกันกับชิพ
เอสส่ายหัวบอกไม่ เมี่ยงเลยก้มลงไปถามเซ้าซี้อีก
“ไอติมไหมมึง รสสเตอเบอรี่ที่มึงชอบ” เอสส่ายหัวอีก
“งั้นชาเขียวเก็กฮวยเฉาก๊วยมึงอยากแดกไรอ่ะ” คราวนี้เอสเงยหน้าขึ้นมองตาเขียว
เมี่ยงเลยรีบถอยแล้วยกมือบอกโทษๆๆๆ
“ไม่กินเว้ย แดกมาจนอิ่มแล้วถามเหี้ยไรนักหนา” พอเจอเอสสบถด่าเมี่ยงรีบวิ่งเข้าไปกระโดดคร่อมมอไซด์ที่บุ้งสตาร์ทรออยู่ก่อนแล้ว
กว่าสองคนจะไปกันได้ทั้งเจ้าของรถอย่างรัฐทั้งพี่ลำดับอย่างเต้ยังต้องปวดหัว
“พรุ่งนี้มึงกลับบ้านเหรอวะ” รัฐหันมาถามเต้
หลังจากได้ยินเต้คุยโทรศัพท์กับแคปก่อนหน้านี้
“อือ เฮียโก้ให้ไปดูร้านให้สองสามวัน
แต่กูว่าจุดประสงค์เฮียแกต้องการให้กูกลับไปทำกับข้าวให้อาฟี่กินมากกว่า
รายนั้นถ้าไม่ใช่ฝีมือพ่อก็ไม่ค่อยยอมกินอะไรหรอกเว้นเสียแต่เจ้าแคปมันจะอ้อนจนแกใจอ่อนอ่ะ”
“น้องมึงก็กลับด้วย ?”
“อือ แต่มันบอกจะกลับเอง ตอนแรกกะจะไปรับน่ะแหละ
กูกลับมาเช้าวันจันทร์เลยนะมึงไม่ต้องรออ่ะอยากทำไรก็ทำตามใจ”
“ไอ้สัส กูจะไปรอมึงทำเชี่ยเหรอ
มึงไม่อยู่ห้องดีซะอีกกูจะได้พาสาวแจ่มๆมานอน”
“มึงลองดูดิ แล้วจะรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“ประสาทหวงห้องเหี้ยไรจะขนาดนั้น
กูนี่ไม่เคยได้พาผู้หญิงที่ไหนเข้าไปสักทีหรอก อยู่กับมึงมีหวังกูขึ้นคาน”
“ขึ้นคานแหละดี อยู่กับกูไม่เห็นต้องรีบมีแฟน
กูสนุกกว่าแฟนมึงอีกกูรับรองได้”
“บ้าเอ๊ย ปากหมา” รัฐถองศอกเข้าใส่เต้แรง ๆ
หนึ่งทีรายนั้นจุกจนตัวงอ แต่ก็หัวเราะร่าใส่กัน
ขณะที่เอสก้มหน้าก้มตากดเกมส์อยู่นั้นแต่ประสาทการรับรู้ดั๊นมาอยู่ที่คำพูดเต้กับรัฐทั้งหมด
รายละเอียดที่ได้รับรู้ก็คือ เสาร์อาทิตย์นี้แคปกลับบ้านแน่ ๆ แล้ว
เขาเองก็ไม่รู้ทำไมต้องใส่ใจกับไอ้เจ้าตัวรั้นนั่น
กะอีแค่กลับบ้านมันจะไปไหนยังไงก็ช่างหัวมันไม่ใช่รึไง ใครจะสน
“ไอ้เหี้ยเอส เมื่อคืนอ่ะ....” จู่ ๆ
เต้พูดขึ้นเขาเรียกเอสให้เงยหน้าขึ้นมา
“เมื่อคืนมึงโทรหากูเหรอวะ
ตอนเช้าเห็นเบอร์มึงโชว์ในมือถือกูไม่รู้เรื่องเลยห่า มีอะไรสำคัญรึเปล่า”
เอสมองหน้าเต้พยายามไม่หลบสายตา
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเต้เมามากจนจำไม่ได้ว่าเขาโทรไปเรื่องแคป
พอเอสส่ายหัวบอกไม่มีอะไรปุ๊ปเต้เลยหรี่ตาใส่แล้วชี้หน้า
“มึงโกหกกูรู้ ไอ้น้องเหี้ย” ชิพหัวเราะลั่นพอรู้ว่าเต้จับได้ว่าเอสโกหก
“ทำไมเฮียรู้อ่ะว่าไอ้เอสมันโกหก”
“ไม่เมามากก็คิดถึงกูมากนั่นแหละวะ
โทรหากูตอนตีสองกว่าแบบนั้นแล้วบอกไม่มีอะไร กูเชื่อมึงเหรอไอ้น้องรหัส”
“..หึ..” เอสแค่นเสียงหึส่ายหัวพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเอื้อมมือไปดึงเอาโทรศัพท์มือถือของเต้มากดดู
ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าเขาจะดูสายเรียกเข้าของตัวเองใช่ไหมแต่ผิดครับ เขากำลังกดดูเบอร์ที่เต้โทรออกครั้งล่าสุดต่างหาก
เบอร์ของแคปตัวเลขสิบหลักอ่านครั้งเดียวเขาก็จำได้จนขึ้นใจ เอสยัดโทรศัพท์ส่งคืนให้พี่รหัส
ขณะที่เต้ทำท่ายื่นจมูกเข้าไปดมกลิ่นตามลำตัวเอสฟึดฟัดๆ พร้อมกับดึงคอเสื้อเปิดดู
เอสรีบปัดมือเต้ออกอย่างรำคาญบอกไม่ให้ทำ
“อ่าา....ไม่ต้องเดาเสียให้ยาก
กูรู้แระเมื่อคืนมึงไปทำอะไรที่ไหน” เต้พูดขึ้นราวกับรู้จริงๆ
ว่าเอสทำอะไรมาเมื่อคืน แต่คนฟังอย่างเอสไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด
เขายังนั่งเฉย ๆ ส่ายหัวอย่างเดียว เมาขนาดนั้นจำได้ก็บ้าแล้ว
“ไปไหนครับเฮีย ไอ้เอสมันไปไหนพวกผมเองก็อยากรู้เหมือนกันเนี่ย
หายแม่งไปตลอดทั้งคืนโทรอีกทีบอกถึงห้องแล้ว ผมเองก็ไม่เชื่อมันหรอก” ชิพเสริมขึ้นมาอีก
เขามองหน้าเอสอย่างคนจับผิด
ช่วยไม่ได้หายหัวไปตั้งแต่เจอผู้หญิงชุดดำพอไอ้เมี่ยงโทรตามดันบอกว่านั่นน่ะพี่สาว พี่สาวอะไรของมันเมื่อกี้ตอนที่เอสมาถึงเดินหน้าตาอมยิ้มอารมณ์ดี
ซึ่งนานาทีปีหนน้อยครั้งมากๆที่มันจะยิ้มหน้าบานโชว์ฟันกระต่ายสวย ๆ
แบบนั้นให้คนอื่นๆได้เห็น จนทั้งเขาทั้งเมี่ยงทั้งไอ้บุ้งนี่งงตาแตกกันเลย
“แน่นอนแล้วไอ้ชิพ เพื่อนมึงมีเมียใหม่แล้วแน่ ๆ”
“หือ?? อะไรคือเมียใหม่ครับเฮีย” ชิพคิ้วขมวด
ไม่เข้าใจคำว่าเมียใหม่ เพราะเอสเองก็คบกับเมย์อยู่
ทำไมเฮียเต้ยังใช้คำว่าเมียใหม่
นั่นน่ะของตายเก่าเก็บของไอ้เอสหลายเดือนแล้วนี่หว่า
“กูไม่ใช้คำว่าเมียเก่าเพราะหน้าตาท่าทางมันสดชื่นขนาดนี้
แสดงว่าเมื่อคืนต้องได้แดกของสดใหม่ที่ถูกใจมันสุดๆไปเลยยังไงล่ะ”
“จริงป่ะวะมึง” ชิพใช้ไหล่สะกิดถามเพื่อน
เอสส่ายหัวไม่ยอมตอบ
เขาคิดว่าไร้สาระมากถ้าจะมานั่งพูดถึงเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ให้ใครต่อใครฟัง
“แน๊ ถามไม่ตอบ บอกหน่อยดิ เด็กคณะไรวะกูรู้จักป่ะ” ชิพทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นแซวเพื่อน
ปกติถ้าไอ้เมี่ยงอยู่มันคงได้ทำหน้าที่นี้แทนแต่ตอนนี้มันไม่อยู่เขาขอเผือกไปก่อนละกัน
“จะรู้ไปทำไมวะ โน่นไอ้เมี่ยงเอาขนมมาแล้วแดกขนมไปมึงอ่ะ ” เอสดึงขนมบางส่วนมาจากเมี่ยง
คนที่พอเดินเข้ามาได้ก็โวยวายใหญ่วางขนมนมเนยที่ถือมาจนเต็มสองมือโครมลงที่โต๊ะจนเต้กับรัฐต้องร้องด่า
ขณะที่บุ้งยื่นกุญแจมอไซด์คืนให้รัฐแล้วก้าวเข้ามานั่งข้าง ๆ ชิพเหมือนเดิม
“อะไรของมึง” ชิพหันมาถามเมื่อเห็นว่าบุ้งยื่นบางอย่างส่งให้
“ไหนบ่นว่าปวดท้องไง
ไม่ชอบกินข้าวเช้าต่อไปกูจะซื้อนมมาให้มึงแดกก่อนมาเรียนทุกวันเลยดีไหมห๊ะ” บุ้งรู้ดีว่าชิพที่เป็นคนกินข้าวยากอยู่แล้วและเมื่อเช้าอาหารไม่ถูกปากชิพเลยไม่ยอมแตะแม้แต่นิดเดียว
สุดท้ายพอมาถึงมหาลัยบ่นปวดท้อง
“ไอ้ห่า กูไม่ขอบใจมึงนะบอกไว้ก่อน” ชิพคว้ากล่องนมมาเจาะหลอด
บุ้งแกล้งยักไว้นิดๆสุดท้ายเป็นคนเจาะให้เองแล้วยื่นส่งให้
“ยี่ห้อนี้ไม่อร่อยอ่ะ” ชิพเบ้หน้าบุ้งคว้าเอามาดูดชิมดู
ปกติชิพกินอีกยี่ห้อนึงแต่พอดีมันหมดเขาเลยหยิบอันนี้มาให้แทน
“เออๆเดี๋ยวขากลับแวะซุปเปอร์ละกันกูจะซื้อยี่ห้อเดิมไปเก็บไว้ให้
ไอ้ห่ากินยากฉิบหายนะมึงเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนิสัยเสียแก้ไม่หายเลย”
ชิพคว้านมกล่องนั้นคืนมาแล้วศอกใส่บุ้งไปแรง
ๆ หนึ่งที ก่อนที่พวกเขาจะลุกขึ้นจากโต๊ะเตรียมตัวขึ้นเรียน
Tbc.