Special เอย์เชน
วันนั้น....เป็นช่วงสายๆของวันหยุด
เสียงผลักบานกระจกเปิดเข้ามาเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง
เป็นคุณชายเอย์ตั้นแฟนเจ้าปิงเดินหน้ายุ่งเข้ามาด้านใน มองซ้ายมองขวาราวกับกำลังหาใครสักคนทั้งที่ผมนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้แต่มันไม่เลือกที่จะเรียกถาม
แล้วผมจะสนทำไม นั่งเคาะแป้นพิมพ์เขียนโปรแกรมของผมต่อไป จนคุณชายเดินเข้ามาด้านในแล้วยังไม่เห็นปิงนั่นแหละมันถึงได้เคาะโต๊ะผมพร้อมกับพับปลายแขนเสื้อขึ้นไปด้วย
“ปิงล่ะ..” เสื้อผ้าของมันคล้ายกับคนที่เพิ่งออกจากงานประชุมมา
มันยกนาฬิกาข้อมือสีทองเรือนหรูขึ้นมาดูเวลาทำหน้าหงุดหงิด
“ไม่อยู่”ผมตอบไปแบบสั้น ๆ
“ขยายความหน่อยได้ไหม
น่ารำคาญต้องให้กูเดาต่อเองว่ามันไปที่ไหนกับใครยังไงนี่น่าเบื่อว่ะ” ผมเงยหน้ามองมันทันที
จะมาวีนแว๊ดๆอะไรอยู่ตรงนี้วะ บอกไม่อยู่ก็คือไม่อยู่ถามอะไรมากเรื่อง
“โทรหามันดิ” ผมว่า
และเป็นผมไหมที่ควรรำคาญมันมากกว่า อิคุณชายทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาข้าง ๆ
ยกขาขึ้นไขว่ห้างกอดอกแล้วจ้องผมตาเขียว
“กูต้องโทรแล้วไม่ติดสิวะถึงได้ถามมึง
บ้ารึเปล่านึกว่าใครเขาอยากจะพูดด้วยมากนักหรือไง”
ผมหันไปจ้องมันพร้อมถอนหายใจยาวเหยียด ไอ้คนไร้มารยาทมาออฟฟิศคนอื่นไม่ทักทายกันสักคำ
พอจะถามก็แค่ใช้ปลายนิ้วชี้เคาะๆมาที่โต๊ะทำหน้าทำตาเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของตึก
แล้วดูตอนนี้มันนั่งมองมาที่ผมนะ ไม่สนแม่งผมจ้องหน้าจอผมอย่างเดียวดีกว่า
ปล่อยมันรอคำตอบเรื่องแฟนมันไปให้ตายเลย
“ตกลงไม่บอกใช่ป่ะ”
“เออ” ผมหันไปตอบ ตีคิ้วให้มันแบบท้าทาย กูไม่ตอบมึงง้างปากกูไม่ได้หรอก
ปิงมันถูกลูกค้าขอร้องให้ไปดูเครื่องให้แบบด่วน ๆ
แล้วรายนั้นใจดีไปหมดขัดไม่ได้เลยต้องออกไปทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์
เรานัดมาต่อเรื่องโปรแกรมกันแท้ ๆ สรุปงานไม่เสร็จอีก
เวลาล่วงผ่านไปไอ้แขกผู้มีเกียรติก็นั่งกดมือถืออยู่แบบนั้นแหละ
ไม่ติดจนมันหัวเสียผมคิดว่าปิงคงปิดโทรศัพท์เอาไว้ เวลาทำงานบางทีไม่อยากโดนรบกวนพวกผมก็ปิดเครื่องกันออกบ่อย
ๆ
“จิ๊ ปิดเครื่องทำไมวะแม่ง..”
เสียงมันบ่นอยู่คนเดียวโยนมือถือลงข้างตัว หยิบวารสารแถวๆนั้นมานั่งอ่านเล่นจนเบื่อเอามือถือมาเปลี่ยนเป็นเล่นเกมส์ซะได้
ตอนนี้ยิ้มแล้ว ผมว่ามันบ้าแน่ ๆ เดี๋ยวทำหน้ายุ่งเดี๋ยวก็ยิ้ม
RRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์มือถือมันดัง
ถ้าเดาไม่ผิดต้องเป็นเจ้าปิงโทรมาแล้วแน่ ๆ โดนบ่นไปประมาณหนึ่งบทสวด จากนั้นหน้ามันก็แดงแล้วกลับมายิ้มต่อได้อีกหัวเราะคิกคัก
เขินเหี้ยไรของมันไม่รู้ทำหน้าทำตาแม่ง
ผมส่ายหัว
“ห๊ะ!
อะไรนะหมาปิงมึงจะบ้าเหรอกูจะไปซื้อเป็นได้ยังไง ปลาเผา ส้มตำไทย ไก่ย่าง
ขนมจีนน้ำยา ข้าวเหนียว แคปหมู แล้วก็อย่าลืมปลานึ่งแจ่ว!”
(............)
ทางนั้นคงจะพูดอะไรมาสักอย่างอิคุณชายทวนคำสั่งจนหน้าจืดไปหมด
มันเงียบไปอีกครั้งราวกับตั้งใจฟังคำสั่งอะไรต่ออีก
“กูสั่งไม่เป็นหรอกนะ มึงกลับมาแล้วค่อยเดินออกไปซื้อเองเหอะ” มันว่าใส่โทรศัพท์
(...........)
“ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ มึงโทรหาลูกพี่มึงดิ นั่งพิมพ์บ้าๆบอๆอยู่เนี่ย
ไม่เห็นมันจะทำอะไร..” ผมเหลือบตาขึ้นมองมันทันที เจอะสายตาหงุดหงิดของมันแล้วตัวเองก็หงุดหงิดบ้างเหมือนกัน
บ้าฉิบมันหาว่าผมนั่งทำเรื่องบ้าๆบอๆเหี้ยไรของมัน โปรแกรมนี้มูลค่าเป็นล้านๆเชียวนะ
โค๊ดโปรแกรมน่ะต่อให้เก่งขนาดไหนถ้าไม่เคยได้เรียนรู้บวกกับพรสวรรค์ฟ้าประทานจ้างให้ก็ทำไม่ได้หรอกฮึ่ยยย
ยังเป็นมาพูดว่างานบ้าๆบอๆ ชิ ผมมองมันและมันเองก็มองมาที่ผม ต่างคนต่างตาเขียวปั๊ดใส่กัน
สักพักมันโยนอะไรสักอย่างฟาดมาผมรับเกือบไม่ทันก่อนที่ตัวมันจะลุกออกไปคุยโทรศัพท์ต่อที่ระเบียงหน้าออฟฟิศ
คงจะคิดว่าผมแอบฟังตายห่าล่ะ หน้าตานี่งออย่างกับปลาทูอ่าวไทย
ตอนนี้มันเดินเข้ามาแล้ว ลากเก้าอี้นั่งลงที่หน้าโต๊ะหยิบปากกาจากโถขึ้นมาเขียนๆๆๆอะไรสักอย่างในกระดาษโน๊ตจากนั้นเลื่อนส่งมาให้ผม
รายการอาหารที่มันคุยกับเจ้าปิงเมื่อกี้นี้แหละ
“อะไร” ผมถามทั้งที่เห็นแล้วนั่นแหละ
“ปิงมันบอกให้มึงออกไปซื้อมารอ” มันบอกหน้าตาเฉย
จ้องผมสักพักก็หลบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หยิบอะไรแถวๆนั้นขึ้นมาดูแบบมั่ว ๆ
ผมรู้ได้ทันทีว่าปิงสั่งมันนั่นแหละ อิคุณชายแผนสูงจะให้ผมไปซื้อให้แทน หึหึหึ
อย่าฝัน!
“มึงไปเองดิ” ผมบอก
“ปิงมันบอกว่ามึงรู้ว่าร้านไหนเพราะฉะนั้นให้มึงไป”
“แต่กูว่าปิงมันบอกให้มึงไปมากกว่านะ
ถ้าไม่รู้ร้านล่ะก็เดี๋ยวกูจะชี้ให้ดู
ท้ายซอยนี่เองร้านเพิงเล็กๆร้านโปรดของแฟนมึงไง”
“ท้ายซอย?” มันทวนคำถามผมพยักหน้าบอกเออๆ
“มึงแหละไปซื้อ” มันยกข้อมือขึ้นดูเวลาอีกแล้ว หน้าเริ่มเครียดขึ้นนิดๆ
ท่าทางกังวล
“เป็นไรอีก ก็แค่ท้ายซอยพอมึงเดินไปสุดซอยก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเล็กๆต่อไปอีกนิด
เดินไปเดี๋ยวก็เห็นเองอ่ะ” บ้าฉิบมันทำเอาผมไม่มีสมาธิทำงานต่อเลยเหอะ
“แต่ปิงมันบอกให้มึงไปเองนี่”
“พอๆ กูรู้หรอกว่ามันให้มึงนั่นแหละไป ถ้าปิงมันจะสั่งกูนะมันโทรเข้าเครื่องกูแล้วไม่ต้องผ่านมึงให้เสียเวลาหรอก
รีบไปดิเดี๋ยวมันมาได้มีเรื่องหรอกก็รู้อยู่มันทำงานมาเหนื่อยๆโมโหหิวขึ้นมาล่ะมึงง้อยากแน่
ๆ”
“เออก็ได้กูจะไป แต่มึงต้องไปกับกู”มันว่า
“ไม่ใช่เรื่อง”
“แล้วมึงไม่กิน?”
“หึ ไม่กิน”
“ไม่กินแล้วมันสั่งเหี้ยไรเยอะแยะมันสั่งมาเผื่อมึงด้วยชัดๆ ลุกเลยอย่าลีลา” มันไม่ว่าเปล่าจู่ๆกดปิดเครื่องผมเฉยเลย
ผมนี่ลุกเลยสิครับบ้าฉิบหายข้อมูลกูเมื่อกี้ยังไม่ได้บันทึกเลยเหอะ
“ทำบ้าอะไรของมึง”
“ตื่นเต้นทำไมก็แค่หน้าจอ มึงบ้ารึเปล่าไหนว่าทำงานไอทีโดนกูปั่นหัวแค่นี้หน้าตาตื่นเลยเรอะ
ขำว่ะ”
“มึงนี่มัน จริงๆเลยบ้าเอ๊ย” ผมทนไม่ไหวทั้งด่าทั้งจัดการปิดเครื่องเดินไปคว้าเอากุญแจรถแล้วโยนส่งให้มัน
“มึงขับ”
“อะไร ไหนว่าแค่ท้ายซอย” มันรับกุญแจรถมอไซด์ไว้แล้วถาม
“ท้ายซอยกูก็ขี้เกียจเดินร้อนเหี้ยๆ” ผมคว้าเอาหมวกแคปสีดำใบเก่งสวมเข้าที่หัวแล้วเดินกระแทกไหล่มันออกมา
อิคุณชายเบะปากเดินตาม พอลงมาถึงรถมันทำตัวมีปัญหาขึ้นมาอีก
“ขับไม่เป็น” มันบอก ผมนี่ยืนกอดอกควบคุมระดับลมหายใจ
ยุบหนอพองหนอ นี่ตกลงผมต้องเทคแคร์มันอีกใช่ไหม
“เออๆกูขับ” ผมบอกมันแบบเซ็งๆ คว้าเอากุญแจมาจากมือ
ขึ้นคร่อมเคเอสอาร์คันเก่งที่เจ้าปิงมันไปถอยออกมาใช้ในบริษัท
เบาะโคตรสั้นเหมาะกับการขับคนเดียวนะผมว่า
“อ้าว ขึ้นมาสิวะยืนรอเห้ไรอีก”
ผมเรียกมันหลังจากสตาร์ทเรียบร้อย คุณชายยืนลังเลอะไรสักอย่าง
เหมือนมันจะถอยหลังออกไปผมเลยคว้ามือมันดึงเข้ามาแล้วบอกให้ขึ้นคร่อมมาเลย
“เบาะแคบฉิบหาย” มันว่า
“ช่วยไม่ได้โทษแฟนมึงดิ ปิงกับไอ้บาสมันไปเลือกกันมาเอง”
“มึงก็ขยับไปดิวะ สั้นแบบนี้กูจะนั่งได้ยังไง ร้อนก็ร้อน
เหี้ย” มันบ่นอุบดันหลังผมบอกให้ขยับ พร้อมใช้มือบังแดดที่ส่องใส่หน้า
“จะให้กูขยับไปไหนได้อีก แค่นี้ไข่กูก็ติดถังแล้ว
มึงรีบหน่อยกูร้อนแดดเปรี้ยงกลางหัวเนี่ยร้อนเหมือนกันนะ”
“แล้วกูไม่ร้อนหรือไง มึงร้อนเป็นคนเดียว?”
อะไรของมันวะไม่ยอมขึ้นมาจริง ๆ ยืนทำหน้ายุ่งอยู่ได้ หาเรื่อง
“แล้วจะเอาไง ไปไม่ไป”
“กูจะเอาหมวกแบบมึงอ่ะ” มันมองมาที่หมวกแคปของผม
“ไม่มี มีใบเดียว ขึ้นมาสักทีอย่าเรื่องมาก ร้อนนะเนี่ย”
ผมโมโหแล้ว
“กูร้อนกว่า กูไม่มีหมวก” มันเถียง
“โฮ้ยยย เอาไปเลยไปมึงใส่ไว้เลย”
ผมคว้าเอาหมวกตัวเองใส่ลงที่หัวมัน ดึงแขนบอกให้คร่อมขึ้นมาได้แล้วน่ารำคาญ
ในที่สุดรถก็เลี้ยวออกจากออฟฟิศ ผู้ชายตัวโตๆสองคนนั่งซ้อนกันอยู่บนมอไซด์คันเล็กๆ
เป็นภาพที่ไม่น่าดูเลยจริง ๆเบรกแต่ละทีแม่งอัดมาที่ตูดกูนี่แหละขนลุกไปหมด
“มึงจะเบรกเชี่ยไรนักหนา
มานั่งในจุดกูบ้างแล้วจะรู้ว่าก้นมึงมันไม่น่าพิสมัยเลยสักนิด” มันพูดเรื่องเห้ไรของมัน
“ปากดีนัก ถ้ามันไม่จำเป็นกูจะเบรกให้โง่เหรอโดนมึงอัดมาแบบนี้มาอยู่จุดกูบ้างจะรู้ว่าน่ากลัวกว่ามึงเยอะ”
ผมว่าผมได้ยินเสียงมันหัวเราะต่ำๆ พอหันหน้าไปดูเจอมันเบะปากให้แต่ผมไม่สนใจขับของผมต่อ
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นรถก็จอดลงที่หน้าร้านขายอาหารอิสาน
มันรีบกระโดดลงจากรถไม่ต้องถามว่าคนมองเพียบไหม เพียบบบบบบครับ เพราะว่ามันขาวมากผิวโคตรชมพูเลยทำให้ดูโดดและเด่นเกินไป
คนแบบนี้ไม่น่าพาไปไหนมาไหนด้วยที่สุด น่าอายเพราะมันหล่อเกิน
“ไหนอ่ะรายการ” ผมยื่นมือไปขอรายการที่มันจดไว้
จะส่งให้ป้าคนขาย มันบอกลืมเอามาด้วยเหี้ยเลยสิ
ผมส่ายหน้าเซ็งแล้วจัดการสั่งๆๆๆแล้วก็สั่ง ร้อนมากๆเหงื่อผมไหลลงตามเสื้อเป็นทาง
แดดร้อนร้านก็แคบไม่มีที่บังแดดด้วย ผมมองไปที่มันหน้ามันแดงไปหมด
เหงื่อไหลตกลงเป็นทางยิ่งเสื้อด้านหลังมันเปียกโชก อิคุณชายหยีตาด้วยความร้อนเพราะมันยืนอยู่กลางแดด
ผมรำคาญเลยพยักหน้าบอกให้มันเดินมายืนใกล้ๆตรงนี้มันร่มกว่า
แต่มันไม่สนใจยืนทนร้อนอยู่นั่นและผมจะสนเหรอรอคิวต่อไปจนมองไปอีกที อะไรวะอย่าบอกนะว่ามึงจะเป็นลม
พวกลูกคนรวยแม่งถูกแดดแค่นี้จะตายเอาให้ได้เลยหรือไงวะ
หน้ามันแดงกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัวผมรีบเดินไปดึงมันเข้ามายืนใกล้ ๆ กัน
“ดึงไรเล่า กูร้อน” มันบ่น
“แล้วมึงคิดว่ากูหนาวรึไงล่ะ บ้าเอ๊ย มายืนตรงนี้” ผมหันไปดุ ใช้มือพัดๆให้ตัวเองกับมันด้วย
พอเป็นลมจาง ๆ เรารอกันจนกระทั่งได้อาหารครบทุกอย่างผมเอื้อมมือออกไปรับ
กำลังจะจ่ายเงินเจอมันส่งใบห้าร้อยให้ก่อน เออดีผมคิด
พอเราเดินกันมาที่รถผมยื่นอาหารทั้งหมดให้มันบอกให้มันถือจะขับรถ มันไหวไหล่แล้วเบะปากบอกไม่ ดึงเอากุญแจจากผมไปคร่อมที่นั่งคนขับสตาร์ทรอ
“ไหนว่าขับไม่เป็น” ผมยืนถามเซ่อไปเลย
มันหันมามองขยับหมวกที่สวมอยู่ที่หัวแล้วยักคิ้วกวนประสาท
“โกหกมึงไง จะขึ้นไม่ขึ้น ช้าเดินกลับเองนะ”
รถทำท่าจะออกตัวผมรีบกระโดดขึ้นคร่อมทันที บ้าเอ๊ย โดนแกล้งขับๆเบรกๆตลอดทางเกือบตกไปตั้งหลายครั้ง
โมโหเอามือข้างที่ถือถุงอาหารกอดแม่งเข้าที่เอวมันนั่นแหละ
ไก่ย่างร้อนๆคงลวกพุงมันแน่ ๆ มันร้องขึ้นมาดังลั่นโวยวาย
“เหี้ย!! มึงจะฆ่ากูเหรอ
มันร้อนนะ”
“กูก็ร้อนเหมือนกัน รีบขับรีบถึงเล่นอยู่ได้” ผมตะคอกใส่หูมันไม่ปราณี
“ไม่ต้องมาสั่ง เดี๋ยวกูวนใหม่อีกรอบเลย มึงคงพอใจใช่ไหม”
“มึงลองดิ กูจะโยนกับข้าวทิ้งตรงนี้เลย..” ไอ้สัส ผมต่อประโยคด่ามันแบบไม่มีเสียง
“มึงไม่กล้าหรอก”
“อย่ามาท้านะมึง”
ในที่สุดรถเลี้ยวเข้ามาจอด ผมรีบลงแล้วเดินไปไขประตูเข้าออฟฟิศ
ร้อนแทบตายพอเข้ามาเจอแอร์เย็นเฉียบอิคุณชายนอนแผ่ลงที่โซฟาทันที มันปลดกระดุมเสื้อลงจนเกือบหมด
ผมรีบเอาของไปกองไว้ที่โต๊ะอาหารด้านหลัง จากนั้นเดินออกมานั่งจะทำงานของผมต่อ
“อ้าว ทำไมมึงไม่ไปเทอ่ะ” มันลุกขึ้นมามีปัญหากับผมอีก
“เรื่องดิ เดี๋ยวปิงมาค่อยให้มันเท” ผมว่า
“ไม่ได้ มึงต้องเทไว้ให้เรียบร้อยก่อน
เดี๋ยวปิงมามันจะได้กินเลย”
“อะไรของมึงวะ เรื่องมากชะมัด” ผมกระแทกปากกาลงที่โต๊ะแต่มันไม่สนใจลุกขึ้นเท้าสะเอวสั่ง
“ลุก”
เฮ้ออ ผมรำคาญลุกๆไปเทๆให้มันจบๆจะได้รีบมาทำงานต่อ หยิบจานหยิบอะไรมาเรียงๆ
ๆ ขณะที่ผมกำลังเทอาหารใส่จานมันนั่งมองแล้วทำหน้าตายุ่ง ๆ
คิ้วนี่ขมวดแทบจะผูกติดเป็นโบว์ มองหน้าผมสลับกับอาหาร
“อะไร” ผมถาม
“ทำไมไม่มีอาหารที่กูกินได้เลยวะ”
“....!!???!!....” ผมงงว่ามันพูดอะไร กับข้าวเต็มโต๊ะบอกว่าไม่มีของที่มันกินได้
สักพักมันลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบไข่ไก่ออกมาสามฟองยื่นส่งให้ผม
“มึงทอด”
“เรื่องดิ” ผมรีบถอย
อะไรวะของกินเต็มโต๊ะบอกกินไม่ได้ให้ผมทอดไข่ อยากกินอะไรทอดเอง เชิญ
“กูทำไม่เป็น” มันว่าขึ้นมาอีกผมไม่สนใจหรอก
เดี๋ยวเมียมันกลับมาให้จัดการกันเองเถอะผมทั้งร้อนทั้งเหนื่อยเรื่องอะไรต้องมานั่งเทคแคร์มันวะ
แฟนกูรึก็ไม่ใช่
“กูทำเองก็ได้ เลอะเทอะมึงอย่ามาว่านะ”
ผมหลับตาลงตั้งสติกับงานตรงหน้าผมจะดีกว่า
ไม่อยากสนใจเสียงนกเสียงกาที่ดังมาจากในครัว มือผมจัดการรัวงานของผมต่อไปขณะที่เสียงเคร๊งครั๊งโช๊งเช๊งดังอยู่ตลอดเดี๋ยวกระทะตกบ้างเดี๋ยวตะหลิวหล่นบ้างเสียงตอกไข่นานประมาณสิบครั้งได้ไม่รู้ว่าจริง
ๆ มันทอดกี่ฟองกันแน่
“โฮ้ยยยย” ผมร้องขึ้นดัง ๆ อย่างหงุดหงิด แล้วลุกเดินเข้าไปหาคว้าของทั้งหมดมาทำแทน
“หลีกไปเดี๋ยวกูทำเอง”
สุดท้ายผมก็เป็นคนทอดไข่ให้มันจนได้
คุณชายเดินไปล้างไม้ล้างมือ นั่งยิ้มจนหน้าบานตอนที่ไข่เจียววางลงบนโต๊ะ และตอนนั้นเองที่ปิงมันผลักบานประตูเข้ามาพร้อมกับไอ้บาส
“พี่เอย์ครับผมซื้อข้าวผัดกุ้งมาฝากด้วย เจ้านี้ที่พี่ชอบไง
แลกกันกับอาหารที่พี่ไปสั่งให้ผมใช่ไหมนะ”
“ดีมากหมาปิง กูจะกินข้าวผัดกุ้งนี่แหละ อย่างอื่นกูไม่สนหรอก” มันรีบเดินยิ้มเข้าไปหาเมียมัน ขณะที่ผมยืนมองดูจานไข่เจียวที่ค้างอยู่ในครัว ไว้อาลัยให้ไข่ของผมและตัวผมเองสักสองสามนาที
กูโดนมันหลอกให้ทอดไข่ซะจนเปื่อยไม่มีชิ้นดีเล๊ยยยยย
บ้าฉิบ!
*****Special Complete*****