[X]
“เฮ่..” แรงเขย่าที่ตัวเบา
ๆ ไม่สามารถทำให้คนขี้เซาอย่างแคปตื่นได้ เอสส่ายหัวอย่างระอาใจ
นี่ไม่ใช่การปลุกครั้งแรกด้วยนะ
เขาตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพราะโดนท่อนแขนของคนในอ้อมกอดฟาดเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง
“เฮ่แคป กูชาแขน มึงลุกออกจากกูก่อนได้ไหมวะ..” เอสบ่นพึมพำไปก็เท่านั้นคนที่นอนเผยอริมฝีปากหนุนแขนเขาอยู่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด
นอนทับกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนทำเอาเขานี่เหน็บชากินไปหมด
เอสทนไม่ไหวอีกต่อไปเขาตัดสินใจผลักและถีบคนตัวเล็กกว่ากลิ้งหนึ่งตลบไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงได้ในที่สุด
ถึงขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมจะตื่น
มันนิ่งผิดปกติจนเขาต้องลุกขึ้นนั่งดูนั่นแหละว่ามันยังหายใจเป็นคนอยู่ไหม
ยังมีการทำหน้าหงุดหงิดรำคาญยกมือขึ้นเกาพุงอีกต่างหาก
ไม่ระวังตัวแบบนี้แย่มากจริง ๆ
เอสเดินไปรวบม่านหน้าต่างคล้องไว้เพียงฝั่งเดียว
จากห้องมืดๆตอนนี้ถูกแสงจากดวงอาทิตย์สาดทาบเข้ามา คนอยู่บนเตียงหยีตานิดๆ
เขาจึงขยับผ้าม่านเปิดขึ้นอีกหน่อย
เอาแบบที่แสงทะลุไปส่องหน้าไอ้คนขี้เซาได้แบบจัดเต็ม
เสียงฮื่อฮ่าขัดใจดังขึ้นจนเขานึกขำ แต่แทนที่มันจะตื่นนะ
ยังมีจับผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าปิดตาไว้อีกคงลืมนึกว่าเมื่อคืนมานอนอยู่ห้องใคร
เอสยกข้อมือดูเวลาเมื่อเห็นว่ายังไม่สายมากนักเขาจึงคว้าเอาซองบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้หนึ่งตัว
จุดไฟแล้วออกไปยืนดูดอยู่นอกระเบียง
แผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่ากับท่อนล่างที่สวมใส่แค่บ็อกเซอร์สีเข้มรัดรูปตัวเดียวยืนเท้าขอบระเบียงดูดบุหรี่อย่างสบายอารมณ์
เขาใช้เวลาพักนึงก่อนเดินกลับเข้ามาใหม่ก้าวขึ้นเตียงยกบุหรี่คาบไว้ที่ปากแล้วกระชากผ้าห่มผืนโตออกจากร่างคนนอนขี้เซา
คุกเข่าคร่อมตัวมันไว้
“ฮื่ออ...” แคปครางขู่หงุดหงิดทั้งที่ตายังไม่ลืมด้วยซ้ำ
เอสมองดูคนใต้ร่างอย่างละเอียด หน้าอกสีชมพูชูช่อโดดเด่นเตะตาเขามาก
ริมฝีปากแสยะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ฟันกระต่ายสวยสองซี่เผยอออกมานิดๆ
ก่อนที่เขาจะดับบุหรี่ลงที่จานเขี่ยแล้วกดริมฝีปากลงไปงับไอ้ส่วนชูชันล่อตาสีชมพูยั่วยวนตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว
จัดเต็ม!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ผั๊วะ!!”
แคปร้องตะโกนดังลั่นไม่ต้องถามว่าตื่นเต็มตาแล้วหรือไม่
รอยฝ่ามือแดงเถือกประทับอยู่กลางแผ่นหลังเขาในทันที
“ไอ้ชั่ว ไอ้คนเลว ไอ้ฉวยโอกาส ไอ้ !@#$%....&” พอรู้สึกตัวขึ้นมาได้ก็สรรหาสารพัดคำด่าเลย แคปลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียง ยืนด่าจนพอใจ มองดูเวลาที่ข้อมือถึงได้รู้ว่าสายมากแล้ว
ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแต่บ็อกเซอร์รัดๆตัวเดียวแถมด้วยนาฬิกาข้อมืออีกหนึ่งอย่าง
รันทดตัวเองชะมัด
“อวยพรกูแต่เช้าเลยนะมึง” เอสที่อยู่ในชุดรันทดพอกันนั่งกุมสันจมูกที่โดนฟาดจนแดงเจ็บระบมไปหมดทั้งหลังก็เจ็บที่โดนมือเล็กๆนั่นฟาด
รู้งี้เอาน้ำเย็นๆสาดมันจะดีกว่าไหมไม่เสี่ยงโดนมือโดนตีนมันให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวแบบนี้
“ก็แล้วมึงทำเหี้ยอะไรกับกูล่ะวะห๊ะ
นี่ถ้ากูไม่ตื่นขึ้นมาก่อนมึงไม่ทำเรื่องบ้าๆยิ่งกว่านี้รึไง..” แคปด่าใส่
ลุกขึ้นเดินมองหาเสื้อหากางเกงตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงทิ้งตั้งแต่เมื่อคืน
พอเจอว่ามันถูกพาดไว้อย่างดิบดีบนเก้าอี้นวมใหญ่ใกล้ ๆ เขาก็คว้าเอามาสวม
“เข้าไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพาออกไปกินข้าวแล้วจะไปส่งให้..”
“ไม่!” แคปดึงๆขอบกางเกงยีนส์ขึ้น
จัดการติดกระดุมใส่เข้าจนเรียบร้อย หยิบเสื้อยืดขึ้นมาสวม เสยเส้นผมอย่างลวกๆ
แล้วทำท่าจะเดินออกมาจากห้อง แต่เอสรีบเดินมาคว้าแขนไว้
“เข้าไปล้างหน้า
อาบน้ำด้วยก็ดีถ้ามึงไม่อยากเหม็นคาวของๆกูไปตลอดทั้งวัน..”
“…..!!??!!?.....”
แคปหน้าตาตื่นเมื่อได้ยินคำพูดจัดจ้านแบบนั้น
เขารีบก้มมองดูตัวเองสำรวจความเรียบร้อย ทำไมกูไม่รู้สึกว่าโดนเอา
ทำไมกูถึงไม่รู้สึกเจ็บเหี้ยอะไรตรงไหนเลย
ทำไมถึงไม่ได้รู้สึกอะไร แล้วทำไมไอ้เหี้ยเอสพูดอะไรออกมาแบบนั้นวะห๊ะ
“มะ...มึง
มึงพูดอะไร..”
แคปชี้หน้าตะกุกตะกักถาม ไม่ไว้วางใจมันแบบฉิบหายเลย
พูดจาแม่ง
“กลัวเหี้ยไรนักหนา มานี่..” เอสดึงแขนแคปแล้วลากเข้ามายัดไว้ในห้องน้ำ
เปิดลิ้นชักใต้เคาน์เตอร์ล้างหน้าหยิบแปรงสีฟันอันใหม่ขึ้นมายื่นส่งให้
แคปมองอย่างชั่งใจ
ถอยหลังหนึ่งก้าวแต่ในที่สุดก็รับมาเมื่อเจอสายตาบีบบังคับจากอีกคน
“คิดอะไรของมึง
คิดมากๆระวังที่คิดไว้จะเป็นจริงๆนะ หึหึ” เอสยั่วอีกนิดกวนตีนอีกหน่อยขยี้หัวเล็กเพราะว่าเห็นแคปทำหน้าตาแปลกๆ
เจ้าตัวคงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นปากเล็กๆก็ยังคงเชิดขึ้นอย่างถือดีปัดมือเขาออก
“กูรู้อยู่แล้วล่ะว่ามึงทำหรือไม่ทำอะไร
ร่างกายกูกูย่อมรู้ดีสิวะ”
“เหรอ..” คิ้วเข้มเลิกสูงขยับรอยยิ้มโชว์ฟันสวย แคปนี่กัดปากจนเจ็บไปหมด
นึกเกลียดคำว่าเหรอหราของมันจนจับใจ
เขาคว้าอะไรบางอย่างใกล้มือแถวนั้นฟาดใส่แต่เอสรับไว้ได้ทัน
ขวดโฟมโกนหนวดขนาดเหมาะมือ ดีนะที่ไม่ใช่ขวดแก้วไม่งั้นถ้าแตกเป็นเรื่องไปอีก
“พยศแบบนี้ต้องให้กูอาบให้ไหมหรือยังไง
ถ้าดื้อมากๆกูจะจับมึงปล้ำในห้องน้ำเอาให้ร้องไม่ออกอีกเลยนะไอ้แคป
อยากเจอของดีไหมหื้ม..”
เอสวางขวดครีมลงแล้วก้าวเข้าหา แคปถอย
“มึงก็ออกไปสิวะยืนเหี้ยไรอยู่ล่ะ”
“หึ ชักไม่อยากออกแล้วสิ..” คนพูดแสยะยิ้มร้าย
กระชากเอวแคปเข้ามากอดไว้ทันที แคปดิ้นจนขาลอยเอสหัวเราะหึหึ
“ไอ้เหี้ยเอสไอ้สัส กูไม่เล่นนะเว้ย ปล่อย!” เอสแทบจะแบกคนตัวเล็กขึ้นพาดบ่าแล้วจับโยนลงอ่างน้ำ
แต่เห็นแก่เวลาและข้อจำกัดหลาย
“หยุดดิ้น พูดกับกูดีๆแล้วจะปล่อย ไหนลองพูดให้กูฟังซิ”
“....อึกก...” เมื่อเห็นว่าสู้ไม่ได้แคปกัดปากแน่นหยุดดิ้น
ยอมยืนดี ๆ เอสเองก็ปล่อยเขาออกอย่างที่พูดไว้เช่นกัน
กรามเล็กๆที่บดเบียดกันอยู่ทำให้คนมองๆแล้วก็นึกขำ
พยศมากจริงๆแค่ยอมพูดดีๆมันก็จบแล้ว
“จะพูดไหมแคป..” เอสทวนคำขออีกครั้ง
แคปตวัดตาเขียวปั๊ดใส่ก่อนถอนหายใจเซ็งๆ
แล้วพ่นคำพูดยาวเหยียดแต่ชวนให้คนฟังรู้สึกจักจี้ออกมา
“เออๆ ๆ กูจะรีบอาบวันนี้มีเรียนเช้า จะไม่พูดคำหยาบกับมึงอีกถ้ามันไม่จำเป็น
จะพูดง่าย ๆ
ยอมยืนดีๆฟังมึงแต่มีข้อแม้ว่ามึงต้องไม่หาเรื่องกวนตีนกูก่อนและกูจะยอมให้มึงไปส่งที่มหาลัยวันนี้แต่มีข้อแม้ว่าต้องวันนี้วันเดียวโดยกูจะนั่งนิ่ง
ๆ เป็นตุ๊กตาหน้ารถให้มึง แต่กูไม่สัญญาว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดกูจะสามารถทำได้สักกี่นาที
กูเป็นคนแบบนี้แหละ Can
you keep a secret ไอ้เหี้ย!” แคปหน้าร้อนฉ่าเป็นเห้อะไรไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
เขาเดินหน้าผลักไหล่หนาแรง ๆบอกให้ถอยๆๆๆๆ
แต่อีกฝ่ายแทนที่จะรีบๆออกไปกลับรั้งเขาไว้นิดๆแล้วกระซิบบอกแล้วหัวเราะเสียงเข้ม
“หึหึ เกือบจะดีแล้วเชียวถ้ามึงไม่แถมไอ้คำสุดท้ายนั่นเข้ามา..” เอสยกยิ้มหลังจากที่ได้ฟังคำพูดยาวเหยียดที่เต็มไปด้วยคำว่า
แต่ ของอีกคน
และโดยเฉพาะที่บอกว่าจะไม่พูดคำหยาบกับเขาอีกแต่คำสุดท้ายที่พ่นออกมาก็ยังไม่พ้นคำด่าแถมเข้าไปอีกจนได้
“เรื่องของกู ปล่อย!”
“ปล่อยแน่ ๆ แต่ก่อนปล่อยขอถามอะไรอย่างนึงก่อน
มึงไม่สงสัยรึไง ทำไมกูไม่ขอมอร์นิ่งคีสจากมึง..”
“ไม่เว้ย ออกไป”แคปดันไหล่หนาแรงๆอีกทีก่อนที่เอสจะหรี่ตาแล้วบอก
“สงสัยนิดดิ่..” พร้อมขาเล็กยกขึ้นมาเตะมันอีกรอบตอบแทนที่วอนนัก
เอสรีบก้าวหลบปล่อยแคปออกแล้วหัวเราะขำ เจอแคปชี้หน้า
“รีบออกไปให้ไวเลย
หน้าอย่างมึงไม่มีทางไม่หาเศษหาเลยตอนกูหลับหรอกใช่ไหมล่ะ
แต่แค่นั้นก็คิดว่าปล่อยหมามันดมๆเลียๆไป นึกว่ากูจะสน?”
“อ่อ ไม่สนจริงอ่ะ งั้นขอดมขอเลยอีกหน่อยนะครับเมีย..” ว่าจบก้าวเข้าหาอีกครั้ง แคปนี่ตาโตถอยในทันทีเช่นกัน
สีหน้าเอสหื่นจนเขานึกกลัว
ขณะที่เอสก้าวซ้ายก้าวขวาดักทางไว้จนหมดแคปกำลังจะอ้าปากด่าว่าไม่รักษาสัญญา
วงแขนใหญ่ของเอสก็เอื้อมไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ถูกพับไว้อย่างดีบนชั้นด้านหลังแคปมาคลุมหัวเล็กให้
“แค่จะหยิบผ้าเช็ดตัวให้คิดไปถึงไหนกันน่ะ หื้ม?”
“สัส”
“หึหึ ไม่ทำหรอกน่า
เมื่อเช้าทั้งหอมทั้งเลียจนเหนื่อยแล้ว..”
“ปากมึงแม่ง..” แคปแค่นเสียงด่าตาเขียวเอสเลยยกมือขึ้นมาเชยคางเล่นอย่างหยอกล้อ
โดนปัดมาแบบเต็มๆ เขาชำเลืองมองคนหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วขำ
“รีบหน่อยนะที่รักถ้าไม่อยากสาย
เสื้อผ้าใส่ของกูไปก่อนก็ได้เดี๋ยวไม่ทัน ห้องแต่งตัวอยู่ตรงนั้น..” บอกแล้วบ่ายหน้าไปที่พาร์ทิชั่นด้านข้างของห้องน้ำ
แคปมองตามเสื้อผ้านักศึกษาถูกแขวนไว้ให้เรียบร้อย เขาหันกลับมามองเอสอีกครั้ง
“เรื่องอะไรกูต้องใส่เสื้อมึง รีบออกไปเลยไอ้เหี้ย
ก็เพราะว่ามึงไม่ใช่รึไงกูถึงสายอยู่แบบนี้ฮึ่ยยยย..” แคปใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดึงเอสเหวี่ยงออกไปด้านนอกก่อนจะปิดประตูห้องน้ำเสียงดังโครมใส่หน้าไอ้ตัวอันตราย
“เวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย บ้าเอ๊ย..สายๆๆๆๆ” เขาขยี้หัวบ่นไปด้วยแปรงฟันไปด้วย
ล้างหน้าล้างตาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าของตัวเองนั่นแหละจนเสร็จ
.
.
“มึงหิวนักรึไง รีบส่งกูที่คณะได้ไหมวะ มันสายแล้วมึงก็รู้
บ้าเอ๊ย” เพราะมัวแต่เล่นบ้า ๆ กันในห้องน้ำ
แคปคิดว่าตัวเองสายเพราะไอ้ตัวลามกข้าง ๆ นี่แหละ
“ร้านนี้อร่อย ไม่เสียเวลามากนักหรอก..” รถขับเข้าซอยแคบๆไม่ไกลจากห้องของเอสมากนัก
ถนนค่อนข้างขรุขระแต่รถแต่งคันสวยไม่รังเกียจที่จะเข้ามา
ในที่สุดรถจอดลงที่หน้าร้านโจ๊กเล็กๆ
แคปบ่นอุบทำสีหน้าหงุดหงิดแต่เอสกลับบอกเขาว่าให้ลงกินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปส่ง
แคปที่ทั้งบ่นทั้งโวย แต่ก็เปิดรถเดินตามลงไปนั่งหน้างออยู่ที่โต๊ะพลาสติกเก่า ๆ
หน้าร้าน ลุงคนขายเข้ามาถามยิ้มแย้มแจ่มใสคล้ายกับรู้จักกับเอสดี เขาสั่งไปแบบเดียวกันสองชาม
คุณลุงแกเลยหันมาถามย้ำกับแคปอีกครั้ง
“คุณหนูเอาโจ๊กใส่ใข่ใส่ตับแต่ไม่ใส่เครื่องในเหมือนกันกับคุณหนูเอสนะครับ..” แคปหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันทีโดนเรียกคุณหนูแบบนี้
รู้สึกว่าตัวเองยิ่งกว่าคุณชาย เขาดันแสดงกิริยาแย่ ๆ ออกไปมากเลย ไม่น่าฉุนเฉียวงอแง จริง
ๆแล้วแค่มานั่งทานข้าวไม่เสียเวลามากนักจะสามารถช่วยอุดหนุนคุณลุงกับคุณป้าให้มีรายได้ขึ้นมาอีกทาง
“ครับ ยังไงก็ได้ผมทานได้ทุกอย่างครับลุง” ลุงแกส่งยิ้มให้แล้วเอาผ้าขี้ริ้วผืนเก่า ๆ
แต่ซักจนสะอาดมาเช็ดโต๊ะให้ก่อนเดินไปบอกคุณป้าภรรยาแกที่กำลังต้มและตักโจ๊ก
แคปหันมามองหน้าไอ้คนตรงข้าม ไม่น่าเชื่อว่ามันจะรับประทนของตามร้านแบบนี้ได้
“มาบ่อยรึไงมึงน่ะ”
“ไม่บ่อย ถ้านึกอยากกินก็มา” เอสตอบเรียบ
ๆ รับชามโจ๊กที่มาเสิร์ฟลงที่โต๊ะ เขาเลื่อนถาดเครื่องปรุงส่งให้แคป
“โถ่ ทำเป็นใจบุญ
อยากให้ลุงแกเรียกมึงว่าคุณหนูเอสล่ะสิท่า..” แคปมองจนตาเขียว
ด่าไปปรุงไปรู้สึกน้ำปลาจะใส่มากไปนิดมองดูเอสอีกครั้งไม่เข้าใจมันกินยังไงทำไมไม่ปรุงอะไรเสียเลย
“ไม่เกี่ยว ใจบุญเรื่องอะไร
ถ้าไม่อร่อยกินครั้งเดียวกูเลิกเลย..”เอสเงยหน้าขึ้นตอบ
“กูเชื่อมึงเหรอสัส อยากให้เขาเรียกมึงว่าคุณหนูล่ะสิ” พอชิมดูอีกทีในชามเค็มสัส แคปขมวดคิ้วนิดๆ
แต่ตอนนั้นเองที่เอสตักโจ๊กในชามตัวเองมาเติมลงให้เพื่อเจือให้มันจืดลง
แคปเบะปากใส่แต่ก็คนๆๆแล้วก็ตักกิน เออ อร่อยแล้ว
“หึ คิดไปเองนี่นิสัยมึงจริง ๆ นะใครได้เป็นเมียปวดหัวตายห่า”
“...??!!?....” แคปเงยหน้ามองคนพูดทันที
อะไรวะกินอยู่ดีๆกำลังอร่อยปากดีขึ้นมาอีก
“อะไร” เอสถาม
แคปวางช้อนลงเสียงดังเคร้ง
“มึงพูดงี้ก็สวยดิวะ ปากหมาขึ้นมาอีกนะมึงอ่ะ..” แคปลุกพรวดขึ้น
เอสเลยรีบดึงแขนบอกให้นั่งลง พอนั่งลงได้เขาเตะขาเอสแบบแรง ๆ หนึ่งที
อีกฝ่ายรีบยกมือบอกไม่เล่นรีบกินเดี๋ยวจะสายแคปจึงทำปากงุบงิบบอกตัวเองไม่มีทางเป็นเมียใครหน้าไหนอีกหรอกแค่คนอย่างมึงคนเดียวก็สุดแสนจะวุ่นวายแล้ว
เอสนี่ถึงกับพ่นขำรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแทบไม่ทัน
“ไหนเมื่อวานมึงว่าไม่ได้เป็นเมียกูไง ยอมรับแล้วดิ่ โอ๊ย!!”อุทานขึ้นอย่างดังเมื่อคำพูดถูกขัดจังหวะด้วยฝ่ามือเล็กที่ยื่นเข้ามาปิดปากเขาไว้
“มึงจะพูดเสียงดังไปทำไมห๊ะ กู-ไม่-ใช่-เมีย-มึง ไอ้เหี้ย!” แคปเค้นเสียงเหี้ยมกระซิบใส่พร้อมกับจ้องคนที่นั่งขำจนตาแทบจะหลุดออกมา กว่าทั้งคู่จะกินกันเสร็จปาเข้าไปนานพอสมควรเพราะทั้งกินทั้งกัดกันขนาดลุงกับป้าคนขายยังแซวตอนที่เดินไปจ่ายตังค์
“คุณหนูสองคนนี่น่ารักกันจริงๆนะครับ วางมวยกันจนโต๊ะข้าง
ๆ นี่หายหมด แหะๆ”
แคปยิ้มเจื่อนเมื่อโดนลุงพูดแบบนั้นใส่
เขาก้มหัวขอโทษขอโพยไป
“ขอโทษครับคุณลุงคุณป้า” เขาบอกพร้อมยกมือไหว้ขอโทษ
ลุงกับป้าเลยหัวเราะให้กันแล้วบอกว่าแซวเล่น
เอสส่ายหัวนึกขำกับท่าทางหมอบแบบนั้นของคนข้าง ๆ
จอมพยศมาทำหน้าเจื่อนๆนี่ไม่น่าดูชมเลยจริง ๆ เขาบอกกับคุณลุงว่าจะกลับแล้ว
ลุงเดินออกมาส่งถึงที่รถ
“วันหลังถ้าคุณหนูอยากทานให้รปภ.มาซื้อให้ก็ได้ครับเดี๋ยวลุงจะตักใส่ปิ่นโตพิเศษให้เลย
ลำบากมาเองทำไม ถนนทางเข้าไม่ค่อยดีคุณหนูยุ่งยากเปล่า ๆ”
“ไม่เป็นไรครับผมอยากมานั่งกินเลยมากกว่า..” อย่างน้อยจะได้ดูด้วยว่าคุณลุงกับคุณป้าสบายดี
อันนี้เขาไม่ได้พูดออกมาหากแต่ในใจคิดแบบนั้น
“ส่งที่ไหน คณะหรือที่สวนเกษตร..” พอรถออกตัวมาได้เอสหันไปถาม
“สวน” แคปตอบสั้นๆ
นึกสงสัยเรื่องที่ลุงคนขายพูดกับเอส
หันมองแต่ก็ไม่อยากถาม
ช่างเหอะมันจะรู้จักกับใครยังไงไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย
มากินด้วยก็แค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละวะ
แต่เอสที่แสนรู้เกินไปจริง ๆ
เขาเอื้อมมือออกมาผลักหัวแคปก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายจะปัดออกแรง ๆ เหมือนเดิม
“ลุงกล้าแกเคยเป็นคนขับรถของที่บ้าน
เป็นคนที่เลี้ยงกูมาตั้งแต่เด็ก ๆ
เคยป้อนข้าวพาวิ่งเล่นสอนการบ้านไปรอรับตอนเรียนพิเศษ
แต่พอกูโตขึ้นเริ่มทำอะไรๆได้แกก็ขอลาออกมาช่วยงานลูกสาวกับเมียขายของ”
“พี่เลี้ยง?”
“อือ พี่เลี้ยงผู้ชาย”
แคปชำเลืองมองเอสอีกหนนึกๆดูแล้วรู้สึกประหลาดดีอยู่เหมือนกัน
พี่เลี้ยงแม่นมปกติต้องเป็นผู้หญิงนี่หว่า ไหงไอ้เห้นี่มีพี่เลี้ยงเป็นผู้ชายได้วะ
คงจะเหมือนกับเขาและพี่เต้ที่มีเฮียโก้กับอาฟี่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆเช่นกัน
บางครั้งเขาก็คิดถึงแม่นะแต่ความทรงจำในส่วนนั้นไม่เหลือเลยจริง ๆ
อีกอย่างเวลาที่อยู่กับเฮียโก้เขาไม่มีความรู้สึกว่าขาดอะไรไป
เพราะเฮียโก้ดูแลพวกเขาดีมากๆ
จำได้ดีเลยช่วงที่เป็นเด็กเวลาที่เขาเป็นไข้ไม่สบายเฮียโก้จะต้องเข้ามานอนกอดคอยเช็ดตัวให้จนเขาหลับไปพอตื่นขึ้นมาอีกทีก็จะพบว่าอาฟี่เองก็ปูฟูกผืนบาง
ๆ นอนอยู่หน้าเตียงด้วยเหมือนกัน
แคปอมยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวชวนอบอุ่นเมื่อครั้งยังเด็ก รถยนต์คันสวยเลี้ยวเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย
ก่อนชะลอตัวแล้วจอดลงที่ริมทางป้ายสวนเกษตรขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่
งานเกษตรก่อนหน้านั้นจบไปแล้ว แปลงพืชผักแลดูเงียบเหงาจะมีก็แต่นักศึกษาจากคณะพวกเขาเท่านั้นที่แวะเวียนมาดูแลตามหน้าที่
“เลิกตอนไหน” เอสถามขึ้นเมื่อตอนที่แคปกำลังจะเปิดรถลง
เขาเอื้อมมือไปเอาเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่พาดไว้ที่เบาะหลังมายื่นส่งให้
มันตัวเล็กที่สุดเท่าที่เขาจะมีแล้ว แต่แคปไม่สนใจ รับมาดูแล้วโยนไปไว้ที่เบาะหลังเหมือนเดิม
เอสส่ายหัวมองตามเสื้อตัวเองก่อนหันมาทำหน้าดุแคปนิดๆแล้วถามย้ำอีกครั้งว่าเลิกตอนไหน
“ไม่รู้” แคปตอบแค่สั้น
ๆ ดื้อดึงจนเขาทนไม่ไหวคว้าเอาไหล่เล็กของอีกฝ่ายรั้งเข้ามาหาตัว
“ทำบ้าอะไรของมึง..” แคปตกใจจะผลักออกแต่เอสรวบสองมือไว้จนได้
“จูบก่อนแล้วค่อยลง”
“ไอ้สัส มึงฝันเอาสิ นี่มันมหาลัยนะ..” แคปดุหน้าตานี่โหดมาก
“ไม่ทำ กูไม่ปล่อยให้ลงไปนะ เอาดิ่” เอสขู่
“กูไม่ทำ!” ขณะที่แคปตอบอย่างมั่นใจ
เขาเชิดหน้าใส่ เอสหมั่นเขี้ยวปากเชิดๆนั่น พอสบโอกาสจึงดึงอีกฝ่ายเข้าหาจนชิด
ล๊อคต้นคอแล้วกดจูบลงไปที่มุมปากนุ่มทันทีไม่แรงนะ
เบามากแต่กลับได้ยินแต่เสียงแคปร้องดังลั่นก่อนที่จะตามมาด้วยทั้งมือทั้งขาต่อยถีบพัลวันจนเขาระบมไปหมด
“ไปๆรีบๆลงไปเลยไป..” เอสปล่อยคนตัวเล็กออกจากอก
เอื้อมไปเปิดประตูให้แล้วผลักๆไหล่แคปบอกให้ลงๆๆ
เขาเจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ฤทธิ์มากไม่มีใครเกิน
แคปรีบก้าวลงมายืนหัวเสียอยู่ข้างถนนคิ้วยุ่งริมฝีปากเล็กบ่นอุบยกแขนขึ้นมาถูๆเช็ดๆปากตัวเองจนเจ็บ
พอรถเอสเคลื่อนตัวออกไปได้หน่อย ขาเล็กยกขึ้นมาเตะใส่ นิ้วกลางถูกยกชูให้พร้อม ๆ
กับริมฝีปากสบถด่าไม่เป็นศัพท์
แต่ใครจะอยากเชื่อว่ารถสีขาวสวยคันนั้นจะเบรกตัวลงอย่างแรงพร้อม ๆ
กับใส่เกียร์ถอยหลังกลับมาจอดลงต่อหน้าแคปอีกครั้งแรงมากแคปกระโดดหลบแทบไม่ทัน
กระจกค่อยๆเลื่อนลง
“มีเหี้ยไรของมึงอีก” แคปมองลอดเข้าไปที่คนขับหน้าตาหงุดหงิดสุด
เจอเอสชี้หน้าคาดโทษแล้วยกโทรศัพท์มือถือโชว์ให้ดู ฤทธิ์มากนักคิดว่าเขาไม่รู้รึไงว่าปากเล็กๆนั่นด่าอะไรบ้าง
“อะไรของมึงน่ะ” แคปถลาเข้าไปชะโงกหน้าดู
ก่อนจะตาโตขึ้นมาจนแทบเหลือก
“มะ...มึ๊งงงง ไอ้เหี้ยเอสสสสสสส” เข่าเล็กแทบทรุดเมื่อเห็นอย่างชัดว่าที่หน้าจอมือถือเอสตั้งไว้ด้วยรูปอะไร
ตอนนั้นแค่รูปหลับพิงหัวกันทำเอาเขาเสียเส้นไปหลายวัน
พอหาทางลบออกได้รูปที่ถูกตั้งไว้ใหม่แทนที่กลับเป็นรูปที่เขานอนอยู่ภายในอ้อมกอดของมัน
เมื่อคืน!
“ไอ้ชั่วไอ้เลวสันดานไม่ดี แย่ มึงมันแย่ที่สุด
ลบรูปกูออกเลยนะ ไอ้สัส!”
เขาชี้หน้าแล้วร้องด่าจนมือไม้สั่น
มองซ้ายมองขวากลัวว่าใครจะเห็น เอสนึกขำมากจริง ๆ
“ไม่เห็นเป็นไร
คบกันแล้วรูปมึงอยู่ที่มือถือกูนี่ธรรมดามากไม่ใช่เหรอวะ
อยากมีรูปกูไว้ที่โทรศัพท์มึงบ้างจะถ่ายไว้เอาไหมล่ะ
เดี๋ยวแอคชั่นหล่อๆให้ตอนนี้เลย หรืออยากได้รูปนี้ไลน์ให้ตอนนี้เลยก็ได้นะ”
“ไอ้....ไอ้.....” แคปอ้าปากพะงาบๆหาคำด่าไม่ออก
เขากัดฟันกรอด
“หึหึ ตลกน่าไอ้แคป
มึงร้องให้ตายกูก็ไม่ลบรูปมึงออกหรอกบอกให้รู้
รูปเมียตัวเองนอนหลับตาพริ้มแบบนี้หายากนะสำหรับคนที่พยศหนักๆอย่างมึง หึ..” เอสพูดกวนๆแคปยิ่งฉุนหนัก
พอดีว่าเสียงแตรรถดังขึ้นจากด้านหลังเขาหันไปมอง เป็นเพื่อนที่ขับมอไซด์ผ่านมาแล้วกดเรียก
แคปจึงโบกมือให้แล้วบอกเออๆกำลังจะเข้าไปรอกูด้วย
ก่อนที่เขาจะหันมาชี้หน้าเอสอย่างโมโหอีกครั้ง
“มึงรีบไปตายซะไอ้โรคจิต
คอยดูนะกูจะหาทางเอามือถือมึงมาขว้างลงน้ำหมักวัชพืชเน่า ๆ
ให้มันหายไปเลยมึงคอยดูไอ้เหี้ย รีบๆไปเลยไป๊ ชิ๊ว ไป๊!” แคปด่าไล่แล้วยกขาใส่ ก่อนวิ่งข้ามถนนเข้าไปหาพรรคพวก
พอหันมาดูอีกครั้งเอสยกมือทำท่าโปรยจูบแกล้ง
หัวเราะขำก่อนกดกระจกขึ้นแล้วเหยียบรถออกไป แคปนี่โกรธจนตัวสั่น
“เพื่อนมึงเหรอวะ กวนตีนแม่ง” เพื่อนแคปหันมาถาม แคปรีบส่ายหัวบอกไม่ใช่นั่นน่ะแค่ “เพื่อนพี่” จากนั้นกระโดดเกาะมอไซด์อัดสี่ให้เพื่อนพาเข้าไปส่งในไร่
สมทบกับพวกไอ้ปอไอ้อาร์ที่ท้ายสวน
“พวกไอ้ปอกับไอ้อาร์รอมึงนานแล้ว อยู่โน่น
นอนหลับอยู่ท้ายสวนแล้วมั้ง”
“เออๆขอบใจ” แคปกระโดดลงจากมอไซด์
จัดการถอดเสื้อนอกออก ช็อปเขียวไม่ได้เอามาสวมเสื้อยืดตัวเมื่อวาน
เขาคว้าเอาเสื้อเชิ้ตเก่า ๆ
ของใครไม่รู้ที่โรงเครื่องมือมาสวมทับแล้วเอาหมวกแบบชาวสวนมาใส่พร้อมกับรองเท้ากีฬาคู่เก่งลุยเข้าไปหาพรรคพวกตัวเอง
อากาศร้อนมากๆแดดจัดเชิ้ตตัวซีดถูกปล่อยชายแขนเสื้อลงจนสุดยังกันแดดไม่ได้เลยเหอะ
“ช้าว่ะไอ้แคปมึงหายหัวไปไหนมาเนี่ย
ไหนบอกกูว่าสองโมงๆนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วดูเวลาบ้างสิเห้ย..” พอมาถึงได้อาร์ก็บ่นยาวเหยียด
แคปไหวไล่เดินเข้าไปผลักหัวเล็กเบา ๆ หนึ่งที
“บ่นมากฉิบหาย กูก็มานี่แล้วนี่ไงเหี้ย” เขานั่งลงข้าง ๆ ปอ ดูแผนงานที่จะทำในวันนี้
ปอยื่นพลั่วพรวนดินส่งให้ บัวรดน้ำ กรรไกรตัดกิ่งพร้อมกับถุงปุ๋ยอีกสองถุงที่อาร์กำลังลากเข้ามาสมทบ
“พวกมึงรดน้ำกันหมดแล้วใช่ไหม”แคปถาม
“ก็เออสิ รอมึงขืนรดสายแบบนี้ผักกูตายหมดก่อน” อาร์ยังไม่จบ
“แล้วมึงไปไหนมาเนี่ย ตื่นสายออกจากบ้านช้าเหรอวะ หรือไง” ปอหันมาถาม
เมื่อวานเย็นไปส่งแคปกลับบ้านเขาคิดว่าเพื่อนตัวเองค้างคืนที่บ้าน
“อะ....เออ ตื่นสายไง ตื่นสาย โคตรของความสาย” แคปตอบแบบหลบตาลุกขึ้นลากถุงปุ๋ยไปจัดการโรยใส่ตามหน้าที่ของตัวเอง
ปอขี้เกียจถามเซ้าซี้กลัวงานจะไม่เสร็จยังมีแปลงสับปะรดที่พวกเขาจะต้องไปจัดการอีก
เมื่อกี้แวะไปดูมากำลังออกเป็นลูกเล็กๆเลยน่ารักมาก ทำงานกันไปเรื่อย ๆ
พระอาทิตย์ส่องหัว เที่ยงวันตอนไหนไม่มีใครรู้เรื่องเป่ายิงฉุบกันว่าใครจะได้ไปซื้อข้าว
ตกลงว่าเป็นหนึ่งในไอ้พวกทนถึกและดำ
แคปอาร์ปอถึงกับถอนหายใจนอนแผ่ลงกลางดินรออาหาร
พอกับข้าวมาสามคนก็นั่งรวมกลุ่มกันกับเพื่อนคนอื่น ๆ
แถวๆใต้ต้นไม้กินข้าวกันไปคุยกันไป
มีเปิดเพลงหมอลำลูกทุ่งจากมือถือใครสักคนลั่นไร่
“งานกีฬาปีนี้มึงจะลงป่ะวะไอ้แคป” ปอตักต้นหอมในกล่องข้าวผัดใส่ลงในกล่องอาหารของแคป
แต่แคปตักต่อไปให้อาร์ รายนั้นไม่รู้เรื่องตักกินไม่เลือก เขาสองคนขำ
“ว่าจะ..” แคปว่าพลางเคี้ยวข้าวเต็มกระพุ้งแก้ม
เขายกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นซดอึกๆๆ ขณะที่ปอเลือกดื่มเป็นน้ำเปล่า
“เตะบอล?” อาร์หันมาถาม
“อือ ก็เล่นเป็นอยู่อย่างเดียว
มึงจะให้กูไปตีเทนนิสเล่นสค๊วชทำตัวเป็นคุณชายรึไงล่ะไอ้อาร์
แบบนั้นมึงจะไปเชียร์กูไหมล่ะ สนามเทนนิสอยู่หลังคณะพยาบาลนะเว้ยเห้ย เออๆจะว่าไปกูลงเทนนิสดีป่ะวะ คึคึ” พวกเพื่อน ๆ
ต่างร้องรับตบมุกตอนที่แคปแซวขึ้นมาเรื่องคณะพยาบาล
ก็รู้ๆกันอยู่ว่าตอนนี้อาร์กำลังจีบเด็กพยาบาล
อาร์หน้าแดงแป๊ดแคปกับปอยิ้ม
“กูว่าจะลงว่ายน้ำดีป่ะวะ” ปอหันมาขอความคิดเห็นจากเพื่อนบ้าง
เจอแคปปรายตามองอย่างน่ากลัว
“อะไร” ปอถามงงๆ
“ไม่ดี ไม่ต้องลง
มึงมีหน้าที่ไปเชียร์กูซ้อมบอลกับแข่งจริงแค่นั้นจบ
จะไปลงทำไมวะว่ายน้ำตัวดำปิ๊ดปี๋ อยากโชว์หุ่นแห้ง ๆ ของมึงอ่อ..” แคปรู้ดีว่าปอเป็นหอบหืดตั้งแต่เด็กแล้ว
บางทีไปว่ายน้ำด้วยกันปอจะเหนื่อยง่าย เขาไม่ค่อยอยากให้ปอลงกีฬาที่ใช้แรงอึดนาน ๆ
ขนาดนั้น
“อะไรของมึงเนี่ย กูพูดสั้นๆมึงล่อซะยาวเลยวุ๊ย
เดี๋ยวนี้หัดพูดมากนะ”
“เออกูพูดมาก นั่นแหละตามนั้นกูพูดมากแล้วไงอ่ะ
มึงไม่ต้องลงจบใช่ไหม”
“เออๆจบๆ กูไม่ลงแต่มึงจะลงบอลแล้วกูก็ต้องไปเชียร์
แบบนั้นโอเค๊”
ปอหันมาถลึงตาใส่ แคปเลยพยักหน้ารับบอกใช่แล้ว
โดนสับมะเหงกมาหนึ่งทีใหญ่ ๆ
“งั้นเย็นนี้มึงต้องไปรวมตัวที่สนามบอลนะไอ้แคป
ก่อนมึงจะมาพี่พายมาหามึงแล้ว
เขาอยากจะให้มึงลงแข่งให้กับคณะนั่นแหละกูว่าจะบอกแต่ดีแล้วที่มึงสมัครใจเอง..”
“เย็นนี้เหรอวะ..” แคปหันไปถาม
ยกซดน้ำจนหมดเงยหน้าส่อง ๆ ดูเหลืออยู่แค่หนึ่งหยดปล่อยให้มันค่อย ๆ
ไหลออกมาจากปากกระป๋อง
“อือ เสร็จจากแปลงสับปะรดแล้วค่อยไป”
“กูจะเป็นลมตายไหมอ่ะ เผื่อรุ่นพี่ให้แข่งคัดตัว
กูจะไม่ตายเหรอวะงานทำสวนทำไร่ทั้งวันนี่ผลาญพลังงานกูจนหมดตัวแล้วเหี้ย
เอาบุหรี่มาดิ๊..”
.
.
ในขณะที่เอสส่งแคปที่มหาลัยเสร็จเขาขับรถกลับห้องนอนยาวต่ออีกสองชั่วโมงก่อนที่จะตื่นมาอาบน้ำอาบท่าอีกครั้งแล้วออกไปรับเมี่ยงที่หอตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
“ลงมาได้แล้ว มึงตื่นยังเนี่ย..” รถจอดลงใต้หอแล้วเขายกมือถือกดถาม
วันนี้มีเรียนบ่ายโมงครึ่งคงจะหาข้าวกินกันก่อนแล้วค่อยเข้าเรียน
(เออเดี๋ยวกูลงไป ถึงแล้วแน่นะ) เมี่ยงตอบมาตามสาย
“รถกูจอดแล้ว ห้านาที นานกว่านั้นมึงไปเอง” ว่าเสร็จกดวางเลย
เมี่ยงนี่คว้าเอากระเป๋าหนังสือหนังหาแทบไม่ทัน ลืมกุญแจห้องต้องวิ่งกลับมาเอาใหม่
กลายเป็นว่ายิ่งรีบยิ่งช้า พอลงมาถึงหน้ารถเขาหอบจนตัวโยน
“รีบอะไรของมึงวะเพิ่งจะเที่ยงเอง แห่กๆๆ” เมี่ยงทั้งหอบทั้งบ่นโยนกระเป๋าไว้หลังเบาะ
มองเห็นเสื้อเชิ้ตของใครสักคนพาดไว้เขาหยิบขึ้นมาดู
“เสื้อมึงเหรอวะไอ้เอส ทำไมตัวเล็กจัง”
“อือ ซื้อมาผิดไซส์”
“ยังใหม่อยู่เลยนี่หว่า พอดีกับกูไหมเนี่ย..” ลองเอาทาบ ๆ ดูมันค่อนข้างใหญ่ไปนิดเหมือนกันนะเพราะว่าเมี่ยงตัวเล็กมาก
“เล็กขนาดนี้ยังใหญ่ไปอีก?” เอสแดกดันแกล้งเพื่อนสนิท
“ความผิดกูรึไง เออกูมันเตี้ย” เมี่ยงทำหน้างอ
เอสเลยเอามือมาขยี้หัวเล็กนั่นแล้วบอกว่าล้อเล่น
“โกรธอีกแล้วดิ..” เมี่ยงส่ายหัวจากนั้นสนใจกดหาเพลงจากเครื่องเสียงฟัง เอสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรหาพวกชิพกับบุ้ง
ขณะที่รถจอดติดไฟแดงเมี่ยงหันมาดูเห็นหน้าจอโทรศัพท์เอสเป็นรูปอะไรสักอย่าง
แต่ยังเห็นไม่ชัด ปล่อยให้เอสคุยนัดแนะกับสองคนนั้นจนเสร็จกดวางแล้วจึงหันไปถาม
“ไอ้เอส ยืมโทรศัพท์มึงหน่อยดิ”
“ทำไม”
“เอาน่า”
“บอกก่อนว่าทำไม..” เอสละสายตาจากช่องทาง เขากำลังสับเลนไปใช้อีกช่องทางนึง
เมี่ยงทำท่าจะหยิบมาเองแต่เอสที่ไวกว่าคว้ามือถือของตัวเองยัดใส่กระเป๋าได้ก่อน
“ไม่บอกกูไม่ให้ดู..”
“มันต้องมีอะไรแน่ ๆ เมื่อกี้กูเห็นแวปๆ
รูปมึงกับใครวะที่หน้าจอกูดูไม่ชัด ไอ้สัสเอสมึงมีสาวคนใหม่ทำไมไม่รีบแนะนำวะ
จะรอไปถึงไหนทีคนก่อนๆนี่ไม่เห็นมึงทำเรื่องเป็นความลับขั้นสุดยอดแบบนี้เลยนี่หว่า
บอกกูบ้างดิ เด็กคณะไหนวะ..” เมี่ยงตั้งหน้าตั้งตาถามแบบจริงจัง
ปกติเอสเวลาจะคบใครมักไม่ค่อยเป็นความลับ ควงให้เห็นไปเลย บอกกันตรง ๆ
ว่าชื่ออะไรเรียนคณะไหน พี่ใครน้องใคร
และที่สำคัญมันไม่เคยจริงจังขนาดตั้งรูปผู้หญิงไว้ในโทรศัพท์แม้แต่ครั้งเดียว
เมี่ยงถึงกับกอดอกทำหน้าสงสัย
“อะไรของมึงอีก” รถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าร้านประจำของเด็กๆวิศวะส่วนใหญ่
เขาเปิดรถเดินนำเข้าไป พอนั่งลงเมี่ยงเป็นคนจัดการสั่งทั้งหมด รวมทั้งของชิพกับบุ้งที่กำลังตามมาด้วย
“น้องฟางข้าวอะไรนั่นป่ะวะ..” เมี่ยงยังไม่ยอมจบ เอสส่ายหัวบอกไม่ให้ยุ่ง
แต่เมี่ยงดันคิดว่าเอสตอบเขาว่าไม่ใช่
“ลูกพีช? เด็กทันตะที่ตอนปีหนึ่งคลั่งมึงแทบบ้านั่นรึเปล่า
ได้ยินข่าวว่าเธอย้ายไปเรียนที่อื่นแล้วนี่ ไม่น่าจะใช่อีก” เมี่ยงบ่นไปเหมือนคนเพ้อเจ้อ เอสหันหน้าหนีเลยคราวนี้
เมี่ยงกำลังจะอ้าปากถามแต่ชิพกับบุ้งเดินเข้ามานั่งลงพอดี
เขาเลยจัดการฟ้องๆๆๆๆจนหมดเปลือกเอสถึงกับส่ายหัวเป็นรอบที่สามเลย
“เอาน่า เดี๋ยวถึงเวลามันพามาแนะนำให้มึงรู้จักเองแหละ
อยากรู้อะไรขนาดนั้น กินๆ”
ชิพกอดคอเมี่ยงแล้วบอกให้กินเข้าไปอาหารร้อน ๆ
ลงเสิร์ฟแล้วต่างคนต่างก็ต่างก้มหน้ากิน
“ไอ้ชิพกูพูดจริงนะ
รูปเด็กใหม่มันน่ะอยู่ในโทรศัพท์ตั้งเป็นภาพพักหน้าจอเลยเหอะแน่ๆอ่ะ
มันน่ะเคยทำแบบนี้ที่ไหน พวกมึงไม่อยากเห็นกันรึไงวะ โถ่เว้ยหงุดหงิด ทำไมกูถึงอยากเห็นอยู่คนเดียวนักวะ
มึงไม่อยากรู้อยากเห็นบ้างรึไงไอ้ชิพไอ้บุ้ง..”
“เออจะว่าไปกูก็อยากเห็นอยู่หรอก
ว่าแต่คราวนี้สวยป่ะวะไอ้เอส..” เมี่ยงถึงกับหูผึ่งพอชิพถามไปแบบนั้น
ชิพพูดพลางยกมือเรียกน้องพนักงานเข้ามาสั่งเอาของหวาน
ช่วงนี้ลูกตาลลอยแก้วกำลังออกเขาชอบกินมากๆ
“........”
เอสทำเฉยไม่สนใจตอบจนชิพต้องเตะขาที่ใต้โต๊ะบอกให้ตอบอะไรบ้างสักหน่อยไม่งั้นไอ้เมี่ยงมันจะไม่จบ
เอสเลยบอก
“ไม่สวยหรอก ธรรมดา”
“อ้าว ทำไมอ่ะทุกทีสเป็คมึงต้องสวยหยดเลยนี่หว่า
ไหงคนนี้ถึงไม่สวยล่ะ”
“พอแล้วกูไม่ตอบ แดกๆเข้าไปอย่าถามมากไว้ถึงเวลากูจะพามาแนะนำพวกมึงเองไม่ต้องห่วงหรอก” เมี่ยงจะเผือกต่อแต่เจอชิพคว้าคอเอาไว้แล้วกระซิบอะไรกันสักอย่างจากนั้นเมี่ยงจึงยอมนั่งเงียบ
ๆ คิดว่าจอมเผือกสองคนอาจจะวางแผนอะไรกันแต่เอสก็ไม่สนใจ เขากับบุ้งนั่งกินจานที่สองของพวกเขาต่อไป
แต่เมื่อมีบางอย่างเริ่มผิดสังเกตบุ้งสะกิดเอสบอกให้รู้
“มองมึงน่ะ นานแล้วนะนั่น” เขาโบ้ยหน้าบอกทิศทางให้ดูว่ามีใครสักคนนั่งมองเอสจากตรงนี้นานมากแล้ว
แต่เอสไม่สนใจ เขาไม่ได้มองไปตามที่เพื่อนบอกเลยด้วยซ้ำ
“เด็กเภสัชไม่ใช่เหรอวะนั่น
มานั่งทำอะไรตรงนี้ทั้งกลุ่มเลยวะ..” ชิพชำเลืองมอง
เห็นในนั้นเป็นผู้หญิงสามคนชายสองคนหน้าตาสวยหล่อกันทั้งหมด
โดยเฉพาะผู้ชายหนึ่งในนั้นดูหน้าสวยมากๆ
นั่งจ้องมาที่เอสอย่างไม่แคร์สายตาพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ชิพรีบเตะขาเข้าที่ใต้โต๊ะบอกให้เอสหันไปมอง
“ถ้ากูจำไม่ผิด รู้สึกจะชื่อไบท์ เด็กเภสัชหน้าสวย
เดือนคณะปีนี้ไง..”
บุ้งหรี่ตามองไปที่เด็กนั่น เขาเค้นความทรงจำขึ้นมา
ค่อนข้างคุ้นหน้าตาที่แท้เป็นเดือนของเภสัชที่ขึ้นชื่อว่าหน้าสวยที่สุดในมหาลัยของปีนี้
“เออกูจำได้แล้ว
คนที่เราเชียร์กันคืนนั้นวันประกวดนั่นใช่ป่ะวะ..” ชิพหันไปถามบุ้งพยักหน้าให้
“สวยขึ้นอีกต่างหาก”
“มึงก็พูดไปน้องเขาผู้ชายไอ้เหี้ย” เมี่ยงหยิบเมนูฟาดลงที่หัวเพื่อน
ไม่อยากจะเชื่อที่ได้ยินว่ามีเด็กผู้ชายนั่งมองเพื่อนสนิทตัวเอง พอลอง ๆ
แอบๆหันมองเขานี่ถึงกับผงะ คืออิน้องไบท์ไรนั่นงามมากอย่างว่าจริง ๆ
“กูว่าไม่ใช่หรอกมั้ง น้องเขาไม่ได้มองไอ้เอสสักหน่อย แค่มองให้เพื่อนหรอกกูว่า ต้องเป็นผู้หญิงหนึ่งในนั้นแหละ..”
“อ่อนว่ะไอ้เมี่ยงมึง..” บุ้งส่ายหัว
แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าใครสนใจใคร
พวกเขาสามคนนั่งเถียงนั่งคุยกันไปขณะที่เจ้าของเรื่องอย่างเอสกลับไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้นนั่งกินๆๆข้าวจนหมดจานเสร็จแล้วยกแก้วคาปูชิโน่เย็นๆขึ้นดูด
“มึงก็หันไปมองน้องเขาหน่อยดิวะ
เห็นชะเง้อมาจนคอเคล็ดไปแล้วมั้ง..” บุ้งบอกเพื่อน
เอสส่ายหัวบอกไม่
เมี่ยงกำลังจะอ้าปากบอกต่ออีกว่าไม่น่าจะใช่ไอ้น้องผู้ชายคนนี้แน่ ๆ
คนที่นั่งจ้องอย่างไบท์ก็ลุกแล้วเดินเข้ามาที่โต๊ะพวกเขาแล้ว
“มาแล้วไงมึง ไอ้เอส..” ชิพครางบอกเพื่อนในคอเบา
ๆทำเนียนเหมือนไม่รู้ไม่ชี้
เอสถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนหยิบซองบุหรี่บนโต๊ะขึ้นมาคาบไว้ที่ปากหนึ่งมวน
จุดไฟแล้วค่อยๆปล่อยควันสีขาวลอยมามาจากริมฝีปาก ไบท์ก็เดินมายืนต่อหน้าเขาพอดี
เอสเหลือบสายตาขึ้นมอง
“สวัสดีครับพี่เอส
ผมไบท์จากเภสัชนะขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ..” ตรงประเด็น
ชัดเจน ลุยกันซึ่งๆหน้า ด้วยสายตาที่เชื้อเชิญเปิดเผย เชื่อไหมว่านี่คือเรื่องน่าหนักใจของคนหล่อ
ที่คนขี้เหร่ไม่มีวันจะรู้ได้
เอสโคตรของความเบื่อหน่าย
มองไปที่เพื่อนๆเห็นชิพยกเมนูขึ้นมาบังหน้าไว้ ชิพน่ะ
ขณะที่เมี่ยงนั้นนั่งอ้าปากค้างมีแต่บุ้งเท่านั้นที่ยังคงนั่งเฉยๆอยู่
เขาหยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเหมือนๆกับเอส
“หวัดดีครับ” เอสพยักหน้าเชิญให้นั่ง
ตอบทักทายไปตามมารยาท ไบท์มองไปที่เพื่อนๆของเอสทุกคนแล้วกล่าวสวัสดีทักทาย
ทุกคนก็ยิ้มให้ตามมารยาท เขาใช้สายตาหวานเชื่อมมองมาที่เอสอีกครั้ง
“คือตรงๆเลยนะครับผมชอบพี่นะ ถ้าไงขอแลกเบอร์ได้ไหมครับ” น้องเขายื่นเบอร์โทรส่งให้ เอสก็แค่ชำเลืองมอง
ชิพที่แอบมองครั้งเดียวจำได้จนหมดไม่ต่างกับสองคนที่เหลือ
“จะเอาเบอร์?” เอสเอามือข้างที่คีบแท่งบุหรี่หยิบหมายเลขโทรศัพท์น้องเขาขึ้นมาดู
พวกที่หัวคำนวณแบบพวกเขาพูดก็พูดส่วนใหญ่มองแค่ครั้งเดียวจำได้หมดทั้งนั้น
ในกระดาษเล็กๆแผ่นมีไอดีไลน์แถมมาด้วย
“ใช่ครับ ถ้าพี่ไม่รังเกียจเราลองแลกเบอร์กันดู..” ดวงตาสวยมองเอสอย่างมีความหวังเพราะดูเหมือนว่าเขากำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ในที่สุดเอสยื่นกระดาษแผ่นนั้นคืน
“พี่เอส?” ไบท์ค่อนข้างตกใจ
คือเป็นครั้งแรกที่โดนปฏิเสธซึ่งหน้าขนาดนี้
หน้าสวยแบบเขาไม่เคยผิดหวังจากคนที่ยื่นมือเข้าไปจีบแม้แต่ครั้งเดียว
คิ้วเรียวขมวดมุ่น
“ดูครั้งเดียวก็จำได้หมดแล้ว
ไว้ถ้าอยากติดต่อไปจะโทรหาละกันนะครับ” เอสส่งรอยยิ้มให้
พอพูดแบบนั้นไบท์ค่อยยิ้มได้ เขาแบมือเรียวขาวออกไปหา “งั้นขอเบอร์พี่เอสให้ไบท์นะครับ
แลกกันไงมาแอบจำของผมฝ่ายเดียวแบบนี้ก็เสียเปรียบแย่สิ”
“.........”
ทุกคนต่างอึ้งกับวิธีการขอแบบซึ่งหน้า
มีแต่เอสที่ยังนั่งเฉยอยู่ เขาขยับตัวนิดๆ ดับบุหรี่ลง
“จะเอาให้ได้จริงๆ?” เอสถาม
ไบท์พยักตอบว่าใช่
“งั้นรอเดี๋ยว โทรถามเมียแปป”
“ห๊ะ!/ห๊ะ!/ห๊ะ!/ห๊ะ!” เพื่อนสามคนอุทานขึ้นแบบพร้อมเพรียง
ส่วนห๊ะที่สี่นั่นเป็นของน้องไบท์หนุ่มน้อยตัวเล็กหน้าหวานสวยที่ตอนนี้จืดสนิทเสียยิ่งกว่าจืด
เขาสืบมาดีแล้วแท้ๆว่าเอสน่ะเลิกกับแฟนแบบเคลียร์ไปหมดแล้วไม่มีภาระพันธะอะไรให้น่าปวดหัว
แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดแบบนั้นหลุดออกมาจากปาก
ขณะที่เอสกดมือถือต่อสายหาใครสักคนจริงอย่างที่ว่า
สี่คนแปดตานั่งจ้องเขาเหมือนกับอยากจะทะลุไปเห็นว่าใครคนนั้นที่เขากำลังจะคุยด้วยคือใครกัน
ชิพสังเกตเห็นว่า เอสรอสายนานนิดหน่อยแต่ในที่สุดคนปลายทางก็คงจะกดรับ
(..........)
ทางนั้นต้องพูดอะไรมาสักอย่างแน่ ๆ ดูท่าเพื่อนของเขาจะมีความสุขสุดๆเลย มันอมยิ้มอาย
ๆ
ก่อนที่จะเอ่ยถ้อยคำที่นานมากแล้วที่พวกเขาไม่เคยจะได้ยินไอ้เอสมันพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น “คิดถึง”
(........)
ทางนั้นตอบอะไรมาวะชิพโคตรอยากรู้เพราะว่าเอสถึงกับพ่นขำออกมา จากนั้นก็หัวเราะเบา
ๆ “หึหึหึ”
แต่ล่ะคนที่นั่งมองเอสนี่สายตาอยากรู้อยากเห็นมากๆ
เมี่ยงเตะขาชิพส่งสายตาบอกให้ดูเอสมันนั่งกลั้นขำอะไรไม่รู้จนไหล่สั่น
หรือว่าแฟนใหม่มันจะเป็นพวกอารมณ์ดีพูดจาหยอกล้อให้ขำได้อยู่ตลอด
เห็นทีครั้งนี้เอสคงจะเจอนางฟ้าตัวจริงเข้าให้แล้ว
ชิพเมี่ยงและบุ้งสบตากับเพื่อนตัวเองแบบเรียงตัว
ก่อนที่เอสจะอมยิ้มส่ายหัวนิดๆแล้วพูดกรอกลงไปในโทรศัพท์อีก
“อ่ะๆ
เข้าเรื่องๆ มีเด็กมาขอแลกเบอร์ด้วย อนุญาตป่ะล่ะ” ทุกคนหูผึ่ง กระดิกนิดๆเรดาร์รับเสียงทะยานขึ้นเต็มที่
โอ๊ยยยกูอยากรู้อยากเห็นว่ามันกำลังคุยกับคร๊ายยยยย
เมี่ยงนี่แบบจ้องจนจะทะลุเข้าไปในโทรศัพท์ ไม่ต่างไปจากไบท์ที่ลุ้นมากๆใจแป้วไปหมด
แต่ไม่รู้ทางนั้นตอบกลับอะไรมาเอสถึงดึงมือถือออกห่างจากหูเล็กเล็กน้อยแล้วหรี่ตาก่อนกรอกเสียงทุ้มๆกลับลงไป
“น้องเขาอยู่เภสัชไง”
(...............)
เอาล่ะเหวย
ทางนั้นพูดอะไรมาวะไอ้เอสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ปกติขออนุญาตกันแบบนี้ร้อยทั้งร้อยเจอด่า แต่ไหงเอสถึงได้ยังนั่งยิ้มอยู่ได้
ทั้งชิพทั้งเมี่ยงงงงวยกันหมด
“โอเคๆใจเย็นไม่แจกไม่แจก
อย่าโมโหดิ” ใครวะ?? ทุกคนต่างคิด
เอสทิ้งช่วงให้ฝ่ายนั้นพูดโต้ตอบกลับมาหน่อยหนึ่งในที่สุดเขาอมยิ้มอีกครั้งก่อนเงยหน้าขึ้นมองรุ่นน้องแล้วยักไหล่
“โทษทีนะครับ เมียพี่บอกไม่อนุญาต”
ว่าจบยกมือเรียกพนักงานเข้ามาเก็บเงินแล้วสะกิดบอกเพื่อนๆให้ลุกกันออกจากร้าน
ไบท์หน้าเสียและเสียหน้า
เขาขบริมฝีปากล่างก่อนเดินเชิดใบหน้าสวยกลับมาที่โต๊ะและบอกกับเพื่อนๆว่า
ครั้งนี้เขาไม่ยอมแพ้แน่ ๆ
“พี่เขาอาจไม่ได้ชอบผู้ชายก็ได้นะมึง..”
“แต่กูรู้มาว่าพี่เขาได้ทั้งหญิงทั้งชาย
มีคนเคยไปถามมาแล้ว กูบอกเลยกูไม่ยอมแพ้..” ไบท์สวนขวับเพื่อนที่เข้ามาปลอบ
“แล้วมึงเคยเห็นพี่เขาควงผู้ชายบ้างป่ะล่ะ
นอกจากไอ้พี่ตัวเล็กๆนั่งข้าง ๆ เขาน่ะ คนอื่นกูไม่เห็นมีใครเข้าตาสักคน..”
“เออๆหรือว่าพี่ตัวเล็กๆนั่นกับพี่เอสผัวเมียกันวะ”
“ไม่ใช่หรอกมึงก็พูดไป”
“อ้าวใครจะรู้
เพื่อนแอบรักเพื่อนมีถมเถไป พี่เมี่ยงตัวเล็กน่ารักขนาดนั้น ไม่แน่หรอกเว้ยเขาอาจจะแอบชอบกันอยู่ก็ได้”
“บ้านมึงสิ
ไม่มีทางหรอก พี่เมี่ยงเขาทำหน้าตกใจจะตายตอนที่กูสารภาพออกไปน่ะ
พี่ชิพนั่นก็อาจจะไม่ใช่แต่พี่คนที่หล่อๆอีกคนที่นั่งสูบบุหรี่ตรงข้ามกับพี่เอสน่ะกูว่าใช่ไบแน่
ๆ ไม่ตกใจเลยสักนิดมีอย่างที่ไหน”
“แล้วพี่เอสมึงล่ะ..”
“กูฟันธง ไบแน่ๆ”
“ถึงพี่เขาเป็นไบมึงรู้ไงพี่เขาจะชอบมึง”
“แบบกูนี่นะ ใครเป็นไบไม่เอาก็โง่แล้ว เสนอให้ขนาดนี้คนอยากนอนกับกูคืนละไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคนกูยอมพี่เอสคนเดียว..”
“แต่เขาไม่เอามึงไง นั่นแหละปัญหา..”
“แล้วมึงคิดว่าคนอย่างกูจะยอมจบง่ายๆป่ะ”
“อิไบท์มึงอย่าเยอะ”
“นี่คือน้อยสุดของกูแล้วนะ..”
“เออๆ”
.
.
เที่ยงกว่า ๆ
กลางไร่องุ่นและแปลงข้าวโพด เสียงเพลงลูกทุ่งเอ็มพีสามจากเครื่องมือถือของใครสักคนแหกปากดังลั่นเพลงมันส์จนสนั่นทุ่ง
แคปกับเพื่อน ๆ นั่งกินข้าวกันอย่างอารมณ์ดี
ไอ้อาร์จู่ ๆ
ไม่รู้คิดยังไงเปิดคลิปหวิวจากมือถือออกมาโชว์บอกเพิ่งได้มาเมื่อคืน
พวกเขาทั้งกลุ่มจึงสุมหัวกันดูแต่เสียดายหน้าจอโทรศัพท์มันเล็กมาก
อาร์เลยบอกให้เอาเครื่องแคปมาดูแทน
แคปโอเคเข้าเวปโหลดไฟล์แปปปปปเดียวเสร็จเปิดดูภาพเคลื่อนไหววาบหวิว
ยิ่งไม่มีอาจารย์อยู่พวกเขายิ่งเฮฮาปาร์ตี้กันมันหยด
แต่ล่ะคนมาสุมหัวดูกันยิ่งกว่าวงไพ่วงไฮโล
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันพลันเกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของแคปตัดภาพไปเป็นเสียงเรียกเข้าจากใครสักคน
คือมันจะไม่มีอะไรมากเลยถ้าหากชื่อที่โชว์หราขึ้นมาจะไม่ใช่คำว่า สามีสุดหล่อ
“เหี้ย!” แต่ล่ะคนสะดุ้งโหยงไม่ต่างจากเจ้าของเครื่องที่รีบคว้าหมับเอามือถือของตัวเองมาเก็บเข้ากระเป๋าในทันที
นึกโทษตัวเองว่าสะเพร่าที่สุด ลืมลบไอ้เบอร์โทรบ้า ๆ แบบนั้นทิ้งไปได้ยังไงกันวะ
แต่เสียงโทรศัพท์ที่ยังร้องดังต่อไปทำให้แคปล้วงเอามันขึ้นมาอีกครั้ง
ว่าจะกดตัดสายแล้วนะแต่นึกอยากจะด่าคนขึ้นมามือเลยเผลอกดรับไปก่อน
“มึงโทรมาทำเหี้ยอะไรวะสัส!
กูว่างนักเหรอใช้สมองมึงคิดบ้างป่ะ” ทันทีที่รับสายแคปด่ากราดลงไประบายความโกรธ
เขามองเห็นแล้วว่าเพื่อน ๆ ต่างชำเลืองมองคงอยากรู้ว่าเขากำลังคุยอยู่กับใคร
แคปเลยต้องเลี่ยงออกมาพูดใต้ต้นไม้เล็กๆไกล ๆ เพราะกลัวว่าเพื่อนจะได้ยินบ้าชะมัด!
(คิดถึง)
“ปากหมา” สวนกลับในทันที
คิดถึงหัวมึงสิ ได้ยินแต่เสียงหัวเราะต่ำๆของมันส่งกลับมาแคปนี่อยากจะเขวี้ยงมือถือทิ้งจริง
ๆ ให้ตาย แต่สติสตังยังมีอยู่
“ขำมากไหมเหี้ย อย่ามาปากดีกับกูมีธุระอะไรรีบพูด
คารมมึงน่ะเก็บไว้ใช้กับพวกหน้ามืดหูหนวกที่หลงทางมาชอบมึงเหอะ..” จิ๊ ขัดอารมณ์ชะมัด
ขณะที่ฝ่ายนั้นยังคงขำต่อ เขาจินตนาการไม่ออกจริงๆว่าตอนนี้มันนั่งทำท่ายิ้มเหี้ยๆแบบไหนอยู่
รู้แต่ว่าคงน่าหมั่นไส้จนน่าถีบเป็นที่สุด
“ยังขำเหี้ยไรอีก กูด่ามึงนี่มึงขำ บ้าป่ะถามจริง”
(อ่ะๆเข้าเรื่องๆ มีเด็กมาขอแลกเบอร์ด้วย อนุญาตป่ะล่ะ)
“อนุญาตเหี้ยไร มึงพูดเรื่องอะไรของมึงเนี่ย..” คิ้วเล็กขมวดมุ่น
เอสพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจแต่มาบอกเขามันต้องการสื่ออะไรกันแน่
(น้องเขาอยู่เภสัชไง)
อีกฝ่ายบอกรายละเอียดที่ไม่ได้อยากจะรู้กลับมาแคปยิ่งงงจนเซ่อไปอีก
อยู่เภสัชแล้วไงวะ เกี่ยวไรกับกู?
“อะไรของมึงวะไอ้เอส
เบอร์โทรมึงจะแจกให้ใครเดือดร้อนอะไรกับกูวะห๊ะ!
จะเภสัชจะครุจะหมอจะแพทย์จะพยาบาลอักษรสัตวะถาปัตย์นิเทศหรือเด็กในคณะมึงเอง
นั่นมันเรื่องของมึงใช่ไหมห๊ะ
อยากแจกๆไปยุ่งกูชะมัดเลยวุ๊ย! วุ่นวาย” แคปหมดความอดทน
ด่ากราดยาวเหยียดออกไปขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
(โอเคๆใจเย็นไม่แจกไม่แจก อย่าโมโหดิ)
ยิ่งได้ยินเสียงเอสตอบกลับแบบนี้มาเขายิ่งโมโหหนัก
“กูสนเหรอวะเหี้ย
มึงจะแจกไรแจกไปเลย กูไม่สนยุ่งชะมัดอย่าได้โทรมาอีกนะมึง ติ๊ด..” กดตัดสายแม่ง ไร้สาระจะไปทำอะไรยังไงกับใครเขาจะสนเหรอ
ทำเป็นโทรมาถามเพื่อ??
วุ่ยวายน่ารำคาญเป็นบ้า ผู้ชายเหมือนกันแท้ ๆ
“เป็นอะไรของมึงวะ คุยกับใครทำไมดูหงุดหงิดขนาดนี้ไอ้แคป..” ปอเดินเข้ามาเรียกตบๆหลังเพื่อน
เขามองอยู่ไกลๆเห็นแคปทำท่าทางแปลกๆเดี๋ยวด่าๆๆๆใส่ลงในโทรศัพท์หลายครั้งทำท่าจะเขวี้ยงทิ้งแต่ก็ยังไม่ได้ทำ
ยกแข้งยกขาเตะลมมั่วไปหมด สุดท้ายเขานึกแปลกใจเลยเดินเข้ามาดู
“เปล่า..”แคปตอบโกหก
“เปล่าอะไร ดูมึงอารมณ์เสียขนาดนี้ ใครวะ
ใช่ไอ้เหี้ยวิศวะนั่นรึเปล่า น้องรหัสพี่ชายมึงน่ะ มันชื่ออะไรนะ อ้อ ไอ้เอส
ใช่ๆมันชื่อเอส..”
แคปมองปอทันที ถามตรงจุดเป๊ะๆ
คราวนี้อย่าบอกนะว่าต้องยอมรับ เขากลืนน้ำลายเอื้อก
“เออ ก็มันนั่นแหละแม่งเหี้ยไรไม่รู้ชอบโทรมากวนประสาทกูอยู่เรื่อย..”
“มึงก็เลยด่ามัน..”
“ก็เออ รำคาญไง”
“ลองเฉยๆดูสิ
เผื่อบางทีมันเล่นกับมึงไม่มันส์เดี๋ยวเลิกกวนไปเองอ่ะ..”
“กูเฉยไม่ได้หรอก
มึงลองมาโดนมันกวนตีนมาแต่ล่ะทีสิโคตรอยากตบกะโหลก อยากถีบแรง ๆ อยากชกมันให้คว่ำลงสักหมัด
แต่กูทำอะไรมันไม่ได้เลยต้องร้องแหกปากด่าๆๆมันอยู่แบบนี้ไง..”
“ตลกพวกมึงวะ
กูว่าจากศัตรูอย่าเอามาเป็นเพื่อนสนิทเชียวนะ..”
“จิ๊ ไม่มีทางหรอกเว้ย
กูมีแต่จะเกลียดมันเพิ่มขึ้นล่ะสิไม่ว่า..”
แคปจิ๊ปากส่ายหัวลากปอกลับไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนๆเหมือนเดิม
เขาคว้ากระป๋องโค้กเย็นๆมาดื่มแก้กระหายแดดร้อนสุดๆตัวดำไปหมด
พอทุกคนทานข้าวกันจนเสร็จเก็บของแล้วเปลี่ยนไปลุยงานที่ไร่สับปะรดต่อ
.
.
“ใจกล้าฉิบหายเด็กสมัยนี้เป็นงี้กันหมดเลยเหรอวะ..” เมี่ยงบ่นอุบตอนที่เดินเข้าห้องเรียนหลังจากกินข้าวกันเสร็จและเจอไม้เด็ดจากน้องไบท์
ทั้งชิพทั้งเมี่ยงต่างสงสัยกันมากว่าคนที่เอสต่อสายคุยด้วยนั้นคือใครกัน
ถามตรงๆก็ไม่ยอมตอบจะขโมยมือถือมาเปิดหาเองเอสก็เก็บไว้ซะอย่างดี บ่ายวันนี้พวกเขาเรียนวิชาบรรยายง่าย ๆ
โชคดีมากจริง ๆ ที่สี่คนลงเซคชั่นเดียวกันได้ทั้งหมด ใช้เวลาเรียนไปสามชั่วโมงพอเลิกเดินลงตึกมาเมี่ยงกับชิพยังคุยกันถึงเด็กไบท์นั่นต่อ
โทรศัพท์เอสสั่นเขาเอาขึ้นมากดรับเป็นเต้พี่รหัสที่โทรมาถามว่าเรียนเสร็จยังอยู่ไหน
และให้เดินเข้ามาหาที่ห้องกิจกรรมเล็ก พวกเขาทั้งหมดเลยต้องวกไปอีกฝั่งของตึก
“หวัดดีครับเฮียๆๆๆๆและเฮีย..” เมี่ยงและทุกๆคนยกมือไหว้เรียงตัว
ห้องนี้มักเป็นที่นัดแนะรวมกลุ่มของทีมกิจกรรมของวิศวะโดยเฉพาะพรรคพวกโยธา
เวลามีข่าวประชาสัมพันธ์งานกิจกรรมอะไรใหม่ ๆ
พวกรุ่นพี่รุ่นน้องจะมาประชุมและหารือกันที่ห้องนี้เป็นส่วนใหญ่
“ไอ้เอสงานกีฬาปีนี้มึงลงบาสกับกูเหมือนเดิมใช่ไหม..” เต้โยนเอกสารส่งให้ ใบกำหนดการซ้อม
ตารางนัดหมายทุกๆอย่างล้วนถูกบรรจุลงในแฟ้มนี้
เอสดึงใบที่เขียนหัวตารางเป็นชื่อเขาออกมาหนึ่งแผ่น
“เหมือนเดิมครับเฮีย”
“ดีมาก แล้วพวกมึงอ่ะ”หันไปถามสามคนที่เหลือ
เมี่ยงเบะปากใส่เต้เลยบอกว่าจะจับเมี่ยงไปอยู่หรีดคณะ เขารีบถอยไปซ่อนด้านหลังเอสทันที
“กลัวเหี้ยไร
ตัวมึงเตี้ยยิ่งกว่าพวกผู้หญิงเต้นหรีดให้คณะเราสักหน่อยดิวะ หึหึ” เต้แซวต่อไปอีกเมี่ยงเบะปากใส่แล้วนั่งลงข้าง ๆ รัฐ
“เออ
เมื่อกี้กูได้ยินข่าวว่าเด็กเภสัชมาเสนอมึงถึงที่เลยนี่ว่าไอ้น้องเหี้ย..” เต้นึกขึ้นมาได้เมื่อกี้ตอนที่ขึ้นเรียนเพื่อนให้คลาสเข้ามาคุยกับเขาเห็นว่าเจอเอสกับพวกเพื่อนๆถูกเด็กเภสัชจีบอยู่ที่ร้านประจำ
“หูยยยยข่าวไวจริงไรจริง” เมี่ยงโผล่หัวออกมาพูด
เต้โบกหัวไปหนึ่งที
“เออ เฮียรู้ได้ไงอ่ะไวดีแท้
พวกผมยังไม่ได้พูดกับใครเลยเหอะ..”ชิพถามขึ้น
“กูมีสายของกูละกัน
น้องรหัสกูทำอะไรที่ไหนยังไงกูรู้หมดอ่ะ”
“รู้จริงๆรึเปล่าครับเฮีย ไม่ได้โม้นะ..” เมี่ยงยังหาเรื่องกวนเต้ได้อีก รัฐที่นั่งฟังอยู่ถึงกับขำ
เมี่ยงโดนเต้ตีหัวบ่อยมากๆ นี่เขายังแปลกใจไม่รู้ว่ามันเรียนผ่านปีหนึ่งมาได้ยังไง
“ทำไมกูต้องโม้ล่ะ หื้ม” เต้ไหวไหล่
“งั้นเฮียก็ต้องรู้แน่ ๆ ใช่ไหม
ช่วงนี้ไอ้เอสมันติดเด็กคณะไหนอยู่” เมี่ยงทำตาล่อกแล่กถามทีเล่นทีจริงแต่คำตอบของเต้กลับทำให้เอสและทุกๆคนถึงกับอ้าปากเหวอ
“เด็กเกษตรไง”
“..........” คือแบบ
ทุกคนทำไมถึงเงียบวะ เต้กวาดตามองเด็กๆในปกครอง โดยเฉพาะเอสที่ตอนนี้จ้องเขาตาไม่กระพริบ
“อะไรของพวกมึง ทำหน้าอะไร”
“มะ...หมายความว่ายังไงครับที่เฮียเต้พูด
จริงป่ะเนี่ยที่ว่าไอ้เอสมันติดเด็กเกษตรอยู่ จริงป่ะวะมึง..” ชิพหันมาถามเพื่อนตัวเอง ตอนนี้ทุกคนจ้องมาที่เอส
แต่เขาไม่ยอมตอบบ่ายเบี่ยงบอกไร้สาระ ทำท่าก้มลงอ่านกระดาษในมือต่อ
พวกเด็กๆเลยหันไปคาดคั้นเอากับเต้แทนแล้วถามว่าไปรู้มาจากไหน
รู้ได้ยังไงแล้วเธอคนนั้นสวยรึเปล่า
“ไม่รู้เว้ยว่าสวยหรือไม่สวย
แต่กูได้ยินข่าวมาว่าเดี๋ยวนี้รถมึงร่อนเร่อยู่แถวคณะเกษตรบ่อยมาก เดี๋ยวกูจะบอกน้องกูสืบให้ละกัน
สวยไม่สวยกูโทรถามมันเดี๋ยวก็รู้..”
“น้องเฮีย ไอ้แคปน่ะเหรอครับ..” บุ้งถาม
“เออ
คาปูนั่นแหละวันๆมันอยู่แต่ที่นั่นมันต้องรู้ต้องเห็นบ้างอยู่แล้วล่ะ”
“ไร้สาระ กลับกันได้รึยัง..” เอสยิ่งฟังยิ่งมึน
เขารีบพูดตัดบทสนทนาของเต้กับเพื่อน ๆ ก่อนที่จะพากันออกทะเลไปไกลยิ่งกว่าเก่า
ลุกขึ้นแล้วล๊อคเอาคอเมี่ยงกอดเดินออกไปชิพกับบุ้งเลยรีบลุกตาม
“น้องรหัสมึงแม่งเสน่ห์แรงว่ะไอ้เต้
ไปถึงไหนมีมาประเคนให้ถึงนั่น ดูกูมั่งซิขนาดอัธยาศัยดีจะตายห่า
ยังหาผู้หญิงไม่ค่อยจะได้หรอก” พอประตูปิดลงเพื่อนๆในกลุ่มเต้ก็ออกปากทันที
“ช่วยไม่ได้เด็กมันหล่อ” รัฐเป็นคนตอบแทนไปให้
เต้เลยกอดคอเพื่อนสนิทเข้ามาแล้วทำตาเขียวใส่
“หล่อกว่ากูป่ะวะ ไหนมึงบอกซิ..” รัฐไม่ตอบเขาแค่หันมาถลึงตาใส่แล้วหยิกท้องเต้ซะจนเขียว
ก่อนจะผลักอีกคนออกห่าง เพื่อน ๆ หัวเราะกันใหญ่
ที่หน้าตึก
“อ้าวแล้วมึงจะไปวะนั่น..” พอเอสบอกชิพกับบุ้งว่าให้เอาเมี่ยงใส่รถไปด้วย
คนตัวเล็กโวยวายใหญ่
“ไปธุระ” เอสไม่ได้สนใจโยนของเข้าเก็บที่ท้ายรถ
รองเท้ากีฬาเสื้อผ้าบางส่วนอยู่ที่กระโปรงหลัง
เขาจัดใส่กระเป๋ากีฬาเผื่อไว้แล้วเพราะฉะนั้นคงไม่ต้องแวะกลับไปเอาอีก
“ธุระอะไรของมึงวะ นัดสาวรึไง คนที่มึงโทรหาเมื่อตอนกลางวันน่ะเหรอ..” เมี่ยงถาม แต่เอสส่ายหัวไม่ยอมบอก
“อะไวะแค่นี้ทำเป็นความลับ บอกกันมั่งดิ่..”
“ยุ่งน่าเตี้ย ไว้เจอกันเย็นๆ” เขาขึ้นรถสวมแว่นกันแดดแล้วกดกระจกลงตอนที่ขับผ่านเพื่อนแล้วชิพโบกเรียกไว้
“ไอ้เอส มึงอย่าลืมว่าเย็นนี้ต้องไปรวมตัวที่สนามบาสนะเว้ย”
“ไม่ลืมหรอก ไปนะ”ตอบสั้นๆแค่นั้นก่อนรถคันสวยจะเลี้ยวอ้อมวงเวียนแถวโรงอาหารคณะ
ตัดถนนมุ่งไปสู่แปลงเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของมหาวิทยาลัย
.
.
เอสเลี้ยวรถเข้าจอดที่ช่องจอดหน้าแปลงเกษตรจนเรียบร้อย
มีมอไซด์สองสามคันทยอยขับกันออกมาจากไร่สับปะรดด้านใน เขาจึงลงไปยืนอยู่ด้านนอก
ขณะที่ปอลงจากท้ายมอไซด์ของเพื่อนแบกจอบเสียมพลั่วรวมถึงอุปกรณ์การเกษตรอื่น
ๆเข้าเก็บที่โรงเครื่องมือด้านใน
เพราะว่าอากาศที่ร้อนจัดพวกเขาทั้งกลุ่มจึงสวมหมวกแบบชาวนานชาวสวนเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่สวมทับช็อปเขียว
เหยื่อไคลเปียกโชก เขาเห็นเอสยืนพิงรถกอดอกมองมาทางด้านนี้ ปอเดินเข้าไปหา
“มึงมาหาใครวะ” ปอเดินเข้ายืนอยู่ตรงหน้าแม้แต่เอสก็ยังจำไม่ได้
เพราะชุดแต่งกายที่มิดชิดปิดหน้าตาไปหมด เอสกวาดตามองคนตรงหน้าอีกครั้ง พอปอถอดหมวกออกเขาค่อยถึงบางอ้อ
จำได้แล้วว่าคนๆนี้คือรูมเมทของแคป
“เพื่อนมึงกลับยัง”
“คนไหน เพื่อนกูมีเป็นสิบ มึงระบุชื่อมาหน่อย” ทั้งที่ก็รู้ว่าไอ้นี่มันมาหาแคปแน่ ๆ
แต่ขอกวนตีนมันนิดหน่อยโทษฐานทำเพื่อนเขาอารมณ์เสียตั้งแต่เที่ยง
แต่เอสไม่ได้อยากจะเล่นด้วยเขาก้าวเข้าหาปออย่างไม่กลัวจ้องหน้าแล้วเค้นเสียงใส่
“มันอยู่ไหน” เสียงทุ้มฟังแล้วชวนขนลุกไม่เบา
ปอก้าวถอยออกมาไม่รู้ตัว รู้สึกถึงความคุกความแปลกๆเขาไม่ชอบคนแบบนี้สักเท่าไหร่
“ถ้าไอ้แคปล่ะก็มันยังไม่ออกมาหรอก มึงต้องเดินเข้าไปเอง
อยู่โน่นน่ะ ท้ายไร่สับปะรดโน่น..” ปอชี้ให้ดูหากแต่เอสก็แค่มองตาม
ปอขี้เกียจจะต่อบทสนทนาด้วยเขากดเปิดรถตัวเองที่จอดอยู่ข้างกันแล้วคว้าเอาผ้าซับเหยื่อผืนเล็กๆออกมาพาดบ่าไว้
“นี่รถมึง?” เอสถามขึ้น
ปอพยักหน้าบอกว่าใช่
เขาไม่สนใจอีกเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆคนอื่นที่เริ่มทยอยกันออกมา
เอสเองก็ไม่ได้เข้าไปหาแคปถึงด้านใน ยืนรออยู่ตรงนี้เพราะรู้แน่ ๆ
อยู่แล้วสุดท้ายแคปต้องออกมาเพื่อกลับกับปอ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงรถมอไซด์สองคันขับมาปล่อยคนสองคนที่ในมือเต็มไปด้วยตะกร้าวัชพืช
ถุงปุ๋ยคอก
จอบเสียมกรรไกรตัดกิ่งและกระป๋องพ่นน้ำหมักอินทรีย์ที่พวกเขาสรรสร้างกันขึ้นมาเอง
แคปกับอาร์เดินไปโยนทุกๆอย่างไว้ที่โรงเครื่องมือก่อนออกมานั่งแผ่ลงที่พื้นหญ้าใต้ต้นจามจุรีขนาดใหญ่ด้วยความร้อนและเหนื่อย
“เฮ้อ เสร็จสักที” เขาร้อนจนแทบขาดใจปอเดินมาใช้เท้าเขี่ย
ๆ เรียก
“อะไรเล่ากูพักเดี๋ยวดิ มึงจะรีบไปไหนวะ..” แคปเตะขาเพื่อนออกทั้งๆที่นอนแผ่อยู่นั่นแหละ
ปอเลยย่อตัวนั่งลงแล้วชี้ให้ดูว่ามีใครมารอแคปอยู่ตรงโน้น ข้าง ๆ รถเขาเอง
คนฟังยกหัวขึ้นนิดๆหันไปมอง หรี่ตาสองทีเขาก็สะดุ้งโหยงลุกขึ้นนั่งแทบจะไม่ทัน
“เหี้ย! มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ปอยักไหล่แล้วส่ายหัวบอกไม่รู้
แคปรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหาไอ้ตัวอันตรายทันที
“มึงมาทำไมวะ” เขาถามขึ้นห้วน
ๆ เอสที่ยืนพิงรถอยู่ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นจ้องคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าต่อตาเขา
ไล่ดูตั้งแต่หัวจรดเท้าจนต้องถอดแว่นกันแดดออก เอาจริง ๆ
จำได้แล้วล่ะเพราะว่าเสียงกับเสื้อตัวในและรองเท้าคู่เมื่อเช้า
นอกนั้นคือมันไม่ใช่แคปคนที่เขารู้จักเลยสักนิด มอมแมม หน้าดำมาก เหงื่อไหลย้อยเป็นทาง
ผมสีอ่อนเรียบลู่มีแต่คราบเหงื่อไคล มือไม้เปื้อนดินดำไปหมด
นี่ยังไม่รวมว่าแคปสวมเชิ้ตสีซีดๆของใครสักคนที่ดูเหมือนผ้าขี้ริ้วที่ถูกทิ้งค้างไว้เป็นแรมปี
“มองอะไรของมึง มีปัญหากับกูรึไง มองมากเกินไปแล้วไอ้สัส
ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยมองกูแล้วเบะปากใส่แบบนี้เดี๋ยวสวยล่ะมึงอ่ะ” แคปก้าวเข้ามาผลักไหล่แกร่งแรง ๆ
หนึ่งทีหาเรื่องเอสสุดๆ
คนฟังตั้งสติได้เขาพ่นขำแล้วส่ายหัวออกมา นี่แหละคือแคปคนที่เขารู้จักจริง
ๆ ตัวจริงเสียงจริงต้องทั้งร้ายทั้งดุทั้งพยศแบบนี้
เอสดึงแขนแคปให้เดินตามมาที่กระโปรงหลังรถเขาเปิดออกแล้วหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆยื่นส่งให้
แต่แคปปัดทิ้งไม่สนใจ
“มึงมาทำไม มีธุระอะไรกับใครแถวนี้” แคปยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อแทน
ไม่สนใจผ้าขนหนูสีขาวผืนสะอาดที่เอสอุตส่าห์หยิบยื่นให้
“มารับมึงไปกินข้าวไง”
“มารับกูทำไม” เอสยื่นผ้าส่งให้อีกครั้ง
แคปรำคาญกระชากมาแล้วโยนกลับไปไว้ที่เดิมของมันท้ายรถ เอสก็แค่มองดู
“ไม่รู้ดิ ก็แค่มารับเมียไปกินข้าวเย็น เหตุผลไม่มีหรอก”
“ไอ้สัส มึงจะพูดดังไปไหนห๊ะ!” แคปรีบถลาเข้าไปเอามืออุดปากเอสทันที
ดีที่มีฝากระโปรงเปิดบังไว้อยู่เขามองซ้ายมองขวายิ่งกลัวเพื่อนๆจะเห็น ขณะที่เอสตกใจรีบถอยแต่ก็ไม่ทัน
คือมือแคปดำมากเหม็นด้วยเขาคิดว่าอาจจะไปจับปุ๋ยหรืออะไรมาเอสรีบดันอีกคนออกห่าง
“บ้าฉิบหาย โรคจิตรึไงชอบโดนกูด่าน่ะห๊ะ” แคปยังถลึงตาด่าต่อ
“ก็แค่บอกตามความจริง” เอสขยับออกห่างนิดๆ
“ความจริงเหี้ยไรของมึง กูบอกเป็นครั้งที่สิบแล้วนะกูไม่ใช่เมียมึงสัส
แล้วกูไม่ว่างไปไหนมาไหนกับมึงด้วย จะไปไหนมึงก็ไปเลยเชิญ
ไม่ต้องแวะมารับมาบอกกล่าวอะไรกูหรอก ไปที่ชอบที่ชอบของมึงเลยเหอะ สาธุ”
“ปากดีจริง ๆ นะ” เอสยื่นมือออกไปแล้วด้วยซ้ำ
เขาคว้าหมับเอาแขนเล็กที่ถูกหุ้มไว้ด้วยเชิ้ตสีซีดแล้วดึงเข้ามาหาตัว กะว่าจะจูบลงไปที่มุมปากเล็กๆนั่นสั่งสอน
แต่พอมองเห็นหน้าแคปใกล้ ๆ แล้วเอสถึงกับต้องส่ายหัวเลยจริง ๆ มอมแมมไม่มีใครเกิน
เศษดินเศษหญ้าแม้กระทั่งเศษใบไม้แห้งอะไรเทือกนั้นยังติดอยู่ตามเนื้อตัวผมเผ้าเลอะเทอะไปหมด
“นี่มึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะเนี่ย มอมแมมฉิบหาย ใส่ปุ๋ยหรือว่าเอาตัวไปกลิ้งกับกองปุ๋ยกันแน่
กลิ่นนี่หึ่งเลยนะ..”
“เรื่องของกู ปล่อยกูเลยนะเหี้ยเอ๊ย” แคปบิดมือออกจนได้รีบถอยออกจากเอสทันที “มึงรีบกลับไปเลยไป
กูบอกแล้วไงว่าไม่ว่าง ไปกับมึงไม่ได้หรอก”
“งั้นบอกเหตุผลดี ๆ มา หลังจากนี้จะไปไหนกันต่อ..”
“ทำไมกูต้องบอกมึงด้วย” แคปสวนขึ้นทันที
เชิดปากมองคนถาม
“เพราะมึงเป็นเมียกูไง”เอสเองก็ตอบเร็วไม่แพ้กัน
“ไอ้สัส! คำก็เมียสองคำก็เมีย
เป็นเมียมึงแล้วต้องรายงานมึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเลยรึไง
แบบนั้นกูไม่บ้าตายก่อนเรอะห๊ะ..”
“........”
เอสแสยะยิ้มร้ายส่งให้คนที่กำลังเดือดหนึ่งที
ไม่อยากจะพูดเลยว่าประโยคที่แคปพ่นคำด่าออกมานั่นคือการยอมรับดีๆแล้วว่าเขากับมันเป็นผัวเมียกัน
“ยิ้มทำไม มึงห้ามยิ้ม จะไปไหนก็ไปรีบไสหัวไปเลยไป” สัสสลัดผักหมา
แคปต่อท้ายคำด่าแบบไร้เสียง ทำหน้าทำตาใส่เอสยกนิ้วขึ้นชี้คาดโทษไว้
“ด่าอีกคำกูจะยืนอยู่ตรงนี้ไม่ยอมไปไหนเลยจริง ๆ
แค่บอกมานี่จะตายรึไงวะ”
“กู-ไม่-บอก” แคปเน้นคำใส่แบบเน้น
ๆ เอาดิ๊~ เขาไม่บอกมันง้างปากเขาไม่ได้แน่ ๆ
“กูนับถึงสาม ถ้ายังไม่ได้ยินคำตอบกูจะเอาลิ้นกูง้างปากมึง”
“ไอ้สัส!”
“หนึ่ง...” เอสยกสองมือขึ้นกอดอก
ดวงตาคมกริบจ้องหน้าแคปนิ่ง
“ไอ้ชั่ว เลวมากสันดานแย่ คนอย่างมึงแม่ง...”
“สอง...”
“........”
แคปหอบหายใจแรงมากเขาโกรธจนตัวสั่นขณะที่เอสกำลังจะขยับปากพูดว่าสาม
แคปรีบบอกออกมาว่าจากนี้จะไปที่ไหนต่อซึ่งนั่นทำให้เอสพ่นรอยยิ้มออกมาได้
“ก็แค่เนี๊ยะ บอกง่ายๆก็จบไปนานแล้ว”
“กูเกลียดมึงที่สุดอ่ะ..” แคปเค้นเสียงใส่กักปากหน้าตาจริงจัง
แต่เอสกลับยิ้มรับ
“สารภาพรักกูบ่อยจริ๊ง อายฟ้าอายดินบ้างเถอะ”
“ไอ้เลวเอ๊ย มึงนี่มัน....โฮ้ยยย จะไปไหนก็ไปเลยโว๊ย รีบๆไปเลยไอ้เหี้ยเอสกูนี่แบบ อยากจะฆ่ามึงจริง
ๆมึงรู้ไหม”
แคปกระชากแขนเอสแล้วลากมาดันๆๆขึ้นรถทั้งถีบทั้งยัด
บอกให้รีบ ๆ ออกไป ขณะที่เอสยอมนั่งลงที่เบาะคนขับจนเรียบร้อย
แต่หันมาเงยหน้าถามต่ออีกนิด
“ซ้อมที่สนามบอลใช่ไหมนะ”
“เออไอ้เหี้ย กูซ้อมบอลคงไปซ้อมที่สนามเทนนิสหรอกแม่ง
สมองมึงมีรอยหยักรึเปล่าเนี่ย..” เอสยื่นมือออกมาชกพุงแคปทันทีอย่างหยอกล้อ
คนถูกทำตาเขียวปั๊ดใส่ เอสเลยขยับขึ้นไปนั่งให้ดี ๆ แล้วสตาร์ทรถ
“ปากดีจริง ๆ
กูก็แค่กลัวมึงจะไปซ้อมที่สนามวอลเล่ย์ไงเลยต้องดักคอไว้ก่อน
เดี๋ยวเกิดไปกรี๊ดๆๆอยู่แถว ๆ สนามวอลเล่ย์หลังตึกวิทย์กูจะได้ตามไปเก็บทัน”
“ไอ้สัสสลัดผักเน่า มึงพูดเหี้ยไรของมึงวะห๊ะ..” แคปยืนสตั๊นอยู่ประมาณสองสามวิ
กว่าจะนึกออกว่าโดนเอสเล่นจนเจ็บ รถสีขาวคันสวยก็ขับออกไปไกลโข
ขาเล็กๆยกขึ้นมาเตะต่อยถีบใส่คนที่ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว
เขาหงุดหงิดงุ่นง่านจนต้องยกสองมือขยี้ๆหัวตัวเองก่อนเดินข้ามถนนกลับไปหาพรรคพวก
“มันกลับแล้วดิ” ปอเข้ามาถามก่อนดึงแคปที่หน้างอสุดขีดไปที่รถแล้วบอกว่าให้ไปอาบน้ำที่สนามบอลกันเลยสายขนาดนี้กลัวพวกรุ่นพี่จะรอ
แคปโอเค อาร์เองก็ยืนเล่นมือถือรออยู่แล้ว
.
.
สองทุ่มสนามบอลมหาวิทยาลัยXXX
“พี่แคป วู๊วๆๆ ทางนี้ค่าทางนี้วู๊ววว ” เสียงใสแจ๋วจากสาวสวยตัวเล็กดังมาจากข้างสนามเพื่อน ๆ
ตบไหล่ตบหลังแซวกันนิดหน่อยก่อนที่แคปจะวิ่งเหยาะๆออกมา
เขามาถึงสนามตั้งแต่หกโมงครึ่ง
คุยกันเรื่องซ้อมคัดตัวกับพวกรุ่นพี่จากนั้นเตะบอลเล่นกันต่อจนเวลาล่วงมาถึงขนาดนี้ข้าวปลายังไม่ตกถึงท้องเลยสักกะเม็ด
“แป้งมาได้ไงอ่ะครับ” แคปหอบนิดๆเหงื่อออกเยอะมากอยากจะถอดเสื้อออกก็เกรงใจสาวสวย
เขายื่นมือไปรับขวดน้ำเย็นๆจากอาร์ที่นั่งรออยู่แล้วมายกดื่มครึ่งนึงอีกครึ่งที่เหลือเทราดที่ต้นคอแล้วสะบัดจนเปียกโชก
จากนั้นดึงเอาเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อ
แคปไม่ค่อยสนใจใครจะมองสักเท่าไหร่เขาอยากทำอะไรก็ทำแค่เป็นตัวเองแค่นั้นจบ
กวาดตามองหาปอไม่เจอเลยถามขึ้น อาร์บอกปอไปดูเพื่อนแข่งบาสที่สนามข้าง ๆ นี่แหละ
“เพื่อนไหนวะ เพื่อนมันมีคนที่พวกเราไม่รู้จักด้วย?”
“ไม่รู้ว่ะแต่เห็นโทรเรียกกันมั้ง
มันเพิ่งไปเมื่อกี้เองเดี๋ยวคงมาอ่ะ”
“เออๆ” แคปโยนขวดน้ำที่กินเสร็จลงที่พื้นหญ้า
เขาเดินเข้าไปหาแป้งที่นั่งยิ้มหวานมองเขาอยู่
เธอใส่กางเกงกีฬาขาสั้นเข้ากับรองเท้ากีฬาสีชมพูดูน่ารักขึ้นอีกเป็นกอง
“แป้งมาไงอ่ะครับ” แคปถามขึ้นอีกครั้ง
เขานั่งลงข้าง ๆ เธอ บนพื้นหญ้านั่นแหละหน้าเธอแดงขึ้นนิดๆ
“แป้งมากับเพื่อนค่ะ พาเพื่อนไปดูพวกพี่ๆวิศวะเขาแข่งบาสกัน
แต่แป้งเห็นรถพี่ปอจอดอยู่เลยรีบเข้ามาดูที่นี่ก่อน เจอพี่แคปจริง ๆ
ด้วยโชคดีมาก..”
“อ้าว งั้นก็มานานแล้วดิ”
“ค่ะสักพักแล้ว เห็นพี่แคปเตะเข้าโกลด้วยนะเมื่อกี้อ่ะ
แป้งยังตะโกนเชียร์เลยพี่แคปไม่ได้ยินเหรอคะ แป้งเชียร์ดังออกนะ คิคิ” เธอยิ้มจนตาหยีดูท่ามีความสุขมากจริง ๆ
แคปส่งยิ้มให้
แสงจากสปอตไลท์ในสนามบางส่วนสาดออกมาจนถึงด้านนอก
สายลมอ่อนๆโกรกพัดจนผมสีอ่อนของเธอปลิวไสว
แคปมองใบหน้าเล็กๆของแป้งแล้วอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปเกลี่ยเส้นผมที่โดนลมโกรกจนปกลงมาบดบังที่ใบหน้า
“ได้ยินสิครับ พี่ก็ถามไปงั้นแหละไม่งั้นก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับเรานี่..”
เขาเหน็บผมทัดเข้าหลังใบหูเล็กให้เธอ
แป้งหน้าแดงตัวแดง นั่งตัวแข็งทื่อจนแคปนึกขำ มองหน้าเธออยู่ดี ๆ
ไหงกลายเป็นใบหน้าเอสลอยมาซ้อนทับ ทำเอาแคปสะดุ้งโหยง
แป้งเลิกคิ้วถามว่าแคปเป็นอะไรเขาเลยส่ายหน้าโกหกคำโต
“ตกใจไง
ดูใกล้ๆทำไมแป้งสวยมากแบบนี้ล่ะ”
เธอยิ้มแก้มแดง แคปเองก็ปั้นยิ้มส่งไปให้เธอพลางบอกตัวเองว่าบ้าไปแล้ว
เห็นหน้าคนสวยขนาดแป้งเป็นหน้าทุเรศๆของอีกคนหนึ่งไปได้ยังไง แคปเอื้อมมือไปเหน็บผมให้เธอใหม่อีก คราวนี้ทำนุ่มนวลยิ่งกว่าเก่าเธอยิ้มจนตาหยีอีกครั้ง
แคปเองก็กำลังอมยิ้มอยู่ดีๆแต่เหมือนมีเงาร้ายอะไรอะไรบางอย่างลอยมาที่เขาไวยิ่งกว่าความเร็วแสง
กว่าแคปจะรู้ตัวอีกทีศีรษะก็ถูกลูกบาสลูกใหญ่ ๆ ตกลงมาใส่แรงมาก
เล่นเอาหัวหมุนติ้วๆเห็นดาวเต็มฟ้าไปหมด แคปลุกพรวดขึ้นทั้งที่ยังมึนๆอยู่นั่นแหละ
[b]“เหี้ย![/b] ใครขว้างมาวะแม่ง” เขายกมือขึ้นลูบหัวพลางมองดูลูกบาสสีส้มที่กระเด็นกระดอนออกจากหัวตัวเองตกลงที่พื้นแล้วกลิ้งหลุนๆๆๆไปหยุดนิ่งอยู่ที่รองเท้ากีฬาคู่ใหญ่สุดเท่ของใครสักคนที่ยืนกอดอกจ้องหน้าแคปตาเขียวปั๊ด
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นที่มุมปาก
“ไอ้เหี้ยเอส!” เขาร้องขึ้นอย่างดัง
คือมันดังมากจนน้องแป้งเธอยังสะดุ้ง
ตอนแรกไม่ได้โกรธมากมายขนาดนี้นะคิดว่าบางทีคนทำอาจจะไม่ได้ตั้งใจ
แต่พอเห็นว่าเป็นฝีมือใครและรอยยิ้มแบบไหนผุดที่ริมฝีปากมัน
เขานี่ตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาเลย
เอสที่ยืนพิงอยู่ข้างรถยกนิ้วโป้งเหมือนกดไลท์แล้วดึงเข้าหาตัว
เป็นสัญลักษณ์มือเหมือนจะเรียกออกไปคุย แคปเลยชูนิ้วกลางส่งให้แบบเต็มๆ
เจอเอสชี้หน้าคาดโทษมาพร้อมกับชูโทรศัพท์มือถือขึ้นโชว์แล้วทำหน้าบอกให้รู้ว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
แคปโมโหยกขาขึ้นใส่ เอสไม่สนใจเดินกลับไปรออยู่ที่รถของตัวเอง
“เวรเอ๊ย..” แคปสบถในคอ
มันกล้าเอาภาพบ้า ๆ แบบนั้นมาขู่กันเดี๋ยวเหอะมึง เดี๋ยวๆ
“อย่ามีเรื่องนะเว้ยแคป พี่เต้อยู่สนามข้าง ๆ นี่เองนะ” อาร์รีบเข้ามาฉุดแขนไว้เมื่อเห็นเพื่อนจะก้าวออกไปหาอีกคนด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูมา”
“แต่ว่า...” อาร์ยังดึงแคปไว้อีก
“ไม่เป็นไรน่าไอ้อาร์
มึงก็เห็นมันมาหากูที่สวนเมื่อตอนเย็นไม่ใช่รึไง พวกกูรู้จักกันอยู่
มันตั้งใจกวนตีนกู ออกไปจัดการมันแปปมึงรออยู่นี่แหละ
น้องแป้งครับกลับไปก่อนก็ได้นะวันนี้พี่แคปไม่ว่างแล้วจริง ๆ” เขาบอกอาร์จบหันไปบอกแป้งที่มองอย่างห่วงใยต่ออีก
ก่อนจะเดินออกไปหาไอ้ตัวอันตรายที่ยังคงยืนกอดอกมองเขาอยู่
“มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะห๊ะ!” พอเดินเข้าไปถึงตัว แคปผลักไหล่หนาแล้วกัดฟันด่ากราดทันที
แต่ถูกเอสปัดมือเขาออกแรงมาก ก้าวเข้าหาแล้วกดเสียงข่ม “ถามตัวเองดู
คนที่ทำเหี้ยอะไรคือใครกันแน่”
“กูทำอะไร จู่ๆโดนมึงขว้างลูกบาสมาใส่หัวมันเจ็บนะรู้ไหม
จะแกล้งกูทำบ้าอะไรวะ อยู่เฉยๆนี่จะตายไหมล่ะ”
“หึ จะให้กูยืนเฉยอยู่ได้ไงวะ
เมียตัวเองกำลังนั่งจีบผู้หญิงอยู่ต่อหน้าแบบนั้น
ถ้าเป็นกูทำบ้างล่ะมึงไม่กระโดดใส่เลยรึไงครับเมีย”
“ไอ้สัส กูไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกเว้ย
บอกแล้วใช่ไหมว่ามึงจะไปตายห่าที่ไหนกับใครไม่เกี่ยวกับกูเลยสักนิด” แคปปรี๊ดสุดตอนที่ได้ยินเอสหลุดคำว่าเมียออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง
มือเล็กก้าวเข้าไปผลักไหล่เอสแรงมากๆอีกครั้ง
“พยศตัวพ่อ” เอสคว้าหมับแขนเล็กแล้วบิดสุดแรงแคปเบ้หน้าร้องโอดโอย
ยกขาขึ้นจะเตะเจอเอสใช้ขาแข็ง ๆ ของตัวเองมาดักทางไว้อีกแคปเจ็บหน้าแข้งแบบสุดๆ“ไอ้เอส มึงปล่อยกูนะ!”
“งั้นก็ขึ้นรถได้แล้ว จะได้ออกไปกินข้าวกัน” เขาปล่อยแขนเล็กดันออกแรงมาก
พอทุกอย่างหลุดจากพันธนาการแคปหันไปด่าแบบไม่มีเสียงใส่อีก
เอสนี่ยอมใจเลยบ่ายหน้าบอกให้อีกฝ่ายขึ้นรถ
“กูไม่ไป!” แคปเค้นเสียงใส่ขู่ฟ่อ
จ้องหน้าคนตัวสูงกว่าอย่างไม่มีความกลัว
“กูจะนับแค่สาม หนึ่ง....” เอสกดเสียงให้ต่ำลงอีก
พูดจบปุ๊ปก็เริ่มนับปั๊ปแคปนี่ตั้งตัวตั้งอะไรแทบไม่ทัน
“สอง...
“กูบอกว่า กู-ไม่-ไป
ปัง!” บอกไม่ไปแต่ตัวคนก้าวขึ้นไปนั่งเชิดหน้าคิ้วขมวดบ่นงุบงิบอยู่บนรถแล้วเรียบร้อย
เสียงปิดประตูดังมากพอๆกับสายตาเขียวปั๊ดที่จ้องออกมาที่เขา
เอสส่ายหัวเดินอ้อมไปขึ้นที่ฝั่งคนขับกดล๊อค
เท้าแขนข้างนึงเข้ากับพวงมาลัยก่อนหันไปจ้องหน้า
แคปชำเลืองสองสามครั้งหงุดหงิดไม่รู้จะจ้องเห้อะไรนักหนาเขาโมโหฟาดฝ่ามือใส่เข้าที่ใบหน้ามันแบบจัง
ๆ เอสเจ็บสันจมูกไปหมดดึงแคปเข้ามาทำท่าจะปล้ำจูบแกล้งอีกคนให้ดิ้นเร่า ๆ
เพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของเขาได้
“ปล่อยกู!”
“บอกก่อน เมื่อกี้มึงทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้น”
“ไม่ได้ทำอะไร”
“มึงเหน็บผมให้น้องเขา” เอสจ้อง
“เออ แล้วไง เกี่ยวไรกับมึงล่ะ” แคปหันไปสวนขึ้นอย่างเร็ว หน้าตาถือดีจนเอสหมั่นเขี้ยว
กระชากเอวเล็กชิดขึ้นไปอีก ปลายจมูกสองคนอยู่ห่างกันแค่นิดเดียวจริง ๆ
“จูบกับกูก่อน”
“เชี่ยเอ๊ย ใครจะไปทำวะ ปล่อยกูไอ้เหี้ย!” แคปพยายามดันตัวเองออก
“นี่มันสนามกีฬานะ คนเป็นแสนมึงแหกตาดูบ้าง”
“ดีมากจริงๆทั้งสัสทั้งเหี้ย ปากมึงนี่พ่นคำพูดดีๆอย่างคนอื่นเขาบ้างมันจะตายไหมวะแคป” เอสดุใส่แต่แคปไม่สนใจขยุ้มผมกระชากจนหนังหัวเอสแทบจะหลุด
ขาเล็กๆถีบรถจนเปื้อนไปหมด
“มันเจ็บนะแคป”เอสกัดฟันกรอด
“มึงก็ปล่อยกูสิวะ”
“หยุดดิ้นแล้วจะปล่อย นั่งนิ่ง ๆ
แล้วบอกมาว่าจะไปกินข้าวที่ไหน..” เขารวบสองมือเล็กไว้ได้
จับเอามาบีบจนกระดูกแทบร้าว แคปเบ้หน้าแต่ไม่ยอมบอกว่าเจ็บเอสรีบปล่อยมือออก
พอหลุดจากพันธนาการได้ปากเล็กๆกลับเชิดขึ้นมาอีก
“ใครบอกว่ากูจะไปกับมึง”
“ไม่ไปแล้วขึ้นมานั่งทำไมล่ะวะ ช้าไปแล้ว..” เอสปลดเบรกมือหักรถออกไปทันที แคปนั่งฮึดฮัดอยู่ตลอดทางแต่อีกคนก็แค่มอง ทางออกจากสนามหลังมหาลัยรถค่อนข้างติด
เสียงโทรศัพท์มือถือแคปดังขึ้นเอสหันมอง สองคนสบตากันพอดี
เอสเห็นแล้วแหละว่าหน้าจอขึ้นชื่อของปอ
แต่นึกอยากแกล้งเขาจึงคว้าเอาโทรศัพท์ในมือแคปแย่งมาดู
“อ่ะ
เอาของกูคืนมานะไอ้เหี้ย เพื่อนกูโทรมามึงไม่เห็นรึไง” แคปโวย รีบคว้าคืนแต่พลาดไปอีก
“หึหึ” เอสไม่ส่งให้
รอแกล้งจนพอใจเห็นแคปพยายามเข้ามาคว้า พอดีกับว่ารถเริ่มติดเยอะขึ้น
เขาจึงโยนโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปแล้วส่งให้
“กูเกลียดมึงที่สุดอ่ะ ไอ้เอส ไอ้คนเลว” แคปหันไปด่ากดไลน์ส่งหาปอแทน บอกไปว่าเขาออกมาแล้วกลับไปก่อนเลย
ปอส่งสติกเกอร์โอเคกลับมา
“จะกินที่ไหน อยากกินอะไร..” เสียงทุ้มถามขึ้น
แคปโคตรจะไม่อยากฟัง
“ไม่อยาก” แคปตอบชัดเจน
มองถนนหนทางที่มืดไปหมด รถเลี้ยวออกมาด้านนอกแล้ว
“ร้านอาหารแพง ๆ ภัตตาคาร อาหารฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน จีน
ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น มึงพอใจอันไหนเลือกมา”
“........”
แคปเบะปากนั่งเฉยไม่สนใจจะตอบ
เอามือถือขึ้นมาไล่กดไลท์ที่ไอจี กดแม่งไปหมดนั่นแหละ
ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่ารูปอะไรของใครบ้าง เซ็งไอ้คนข้าง ๆ แทบขาดใจ
บ้าเอ๊ยวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันยังต้องมารบกับมันอีก ชุดที่ใส่ก็ชุดเตะบอลแล้วดูชุดมันดิ๊
ชุดบาสดีๆเลยนี่หว่าเสือกจะชวนไปแดกอาหารหรู ๆ หราๆ เขาให้เข้าป่ะถามจริง
“ไอ้แคป กูถามมึงอยู่นะ” เอสหันมากดเสียงใส่อีก
นึกอยากจะแย่งโทรศัพท์มายัดไว้ในกระเป๋าตัวเองแต่แคปรู้ทันนั่งเอียงข้างหันหน้าชิดหน้าต่างไปแล้ว
“แคป ครั้งที่สาม..” เอสเตือนครั้งสุดท้ายแต่ไม่ทิ้งเวลาอีกแล้ว
เขาหักรถจอดลงที่ริมทางทันที หมั่นเขี้ยวจนต้องคว้าเอาเอวบาง ๆ
ภายใต้เสื้อบอลสีฟ้าเข้มรั้งเข้ามากอด บางทีเอสก็คิดว่าเขานั้นโรคจิตเอามากจริง ๆ
ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรแบบนี้กับใครมาก่อน ขนาดเรียวขาขาว ๆ
ของผู้หญิงสั้นจนรั้งขึ้นมาถึงโคนขาอ่อน
มันยังไม่รู้สึกดึงดูดเท่าเสื้อกีฬาผ้าเนื้อนิ่มที่ไอ้เด็กพยศคนข้าง ๆ
สวมใส่อยู่เลย
“ทำเหี้ยไรของมึงวะห๊ะ บ้าเอ๊ย” แคปตกใจเมื่อจู่ ๆ โดนรวบตัวเข้าไปแบบนั้น
“ทีหลังอย่าดื้อกับกูสิ ถามอะไรก็ให้ตอบ”
“เออๆกูกินได้หมดอ่ะ มึงจะไปแดกอะไรที่ไหนก็เชิญเหอะ
ปล่อยกูได้แล้ว”
“หันมาจูบกับกูก่อน” เอสต่อรอง
“มึงจะบ้ารึไง ไอ้สัสเอ๊ย” แคปหันไปทำตาเขียวปั๊ดใส่
คำพูดจัดจ้านบ้า ๆ แบบนั้นไม่รู้กล้าแหกปากสั่งออกมาได้ยังไง
เอสคว้าหมับเข้าที่คางเล็กแคปรีบปัดออกแต่ก็ถูกอีกฝ่ายจับใหม่อยู่ดี
“อยู่นิ่ง ๆ จูบหนึ่งครั้งแล้วกูจะไม่กวนมึงอีก”
“ไม่มีทางหรอก ปล่อยกูสิวะ!” ปัญญาอ่อนใครจะไปเชื่อนิทานหลอกเด็ก
“ช่วยไม่ได้นะ..” เอสล๊อคต้นคอขาวแน่นขึ้นเป็นเท่าตัวบีบคางเล็กให้เปิดอ้าออกพร้อม
ๆ กับริมฝีปากหยักส่งลิ้นร้อนแรงบดเบียดลงไป
แคปดิ้นในช่วงแรกก็จริงแต่หลังจากนั้นคนตัวเล็กก็ขมวดคิ้วยุ่ง
เจ็บที่โดดดูดแต่กลับรู้สึกแปลกไปกว่าทุกครั้ง
เมื่อเอสไล่ปลายลิ้นขยี้ลงที่ริมฝีปากทั้งบนทั้งล่าง
และทันทีที่มือของแคปเลื่อนเข้ามาเกาะบ่าเขาไว้อย่างจนมุม
ลิ้นร้อนแสนลามกลากไล้ลงมาที่ลำคอขาว
แคปสะดุ้งเฮือกฟาดผั๊วะลงที่แผ่นหลังก่อนที่เอสจะดูดแรง ๆ
หนึ่งที่แล้วยอมปล่อยออกมา
“สัสเอ๊ย..” แขนเล็กยกขึ้นเช็ดรอยน้ำลายทั้งที่ปากและที่คอ
เอสหันมองแล้วหัวเราะสะใจที่ได้แกล้ง เอื้อมมือเข้าไปขยี้หัวคนข้าง ๆ
ก่อนเคลื่อนรถออกไปในทิศทางเดิม
แคปนั่งหน้ายุ่งชำเลืองมองไอ้ตัวดีที่หันมาส่งยิ้มกวน
“เค็มว่ะ เหงื่อเยอะฉิบหาย” เอสนึกอยากแกล้งอีกครั้งเลยเลียริมฝีปากยั่ว
แคปฟาดผั๊วะแถมไปอีกที
"แล้วกูบอกให้มึงมาเลียเหรอสัส"
ถอนหายใจสุดเซ็งไม่อยากสนใจเหี้ยอะไรแล้วด่าไปก็เท่านั้นพูดมากไปมันก็ไม่จอดอยู่ดี
เขาหยิบเอามือถือขึ้นมากดๆๆดูโน่นดูนี่ของเขาต่อปล่อยมันขับรถไป
“แล้วตกลงกินอะไร” เอสหันมาถาม
“.........”
“แคป
บอกมาว่าจะกินอะไร อิตาเลี่ยน จีน ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส
มึงพอใจอันไหนเลือกได้หรือยัง ” หันมาถามย้ำอีกครั้งคราวนี้เสียงดุจนแคปต้องหันมอง
“โฮ้ยย มึงก็จะเอาให้ได้เลยเนาะคำตอบหรูๆน่ะ
กูจะกินส้มตำลาวแจ่วฮ้อนลาบน้ำตกซกเล็กมึงโอเคไหมห๊ะ พาไปแดก ไป๊!”
“หึ แค่นั้นก็จบ”
“ไอ้สัส!” กินไม่เป็นสักอย่างที่ว่ามาแต่บอกมันไปแล้ว
#ร้องไห้หนักมาก
Tbc.
ยาวเฟื้อยยยยยย 555555555+