Intro
บางที...พรหมลิขิตห่วย
ๆ คงได้เวลาเริ่มต้นขึ้นแล้ว
.
.
.
“ไอ้อาร์ ใครทำมึงเป็นแบบนี้ บอกกูมา...” น้ำเสียงเย็นเยียบจากเพื่อนสนิทที่กำลังง้างปาก
งัดเอาความจริงจากเขา อาร์ตัวสั่นเทิ้มไม่กล้ามองหน้าแคปตรง ๆ
“คะ...แคป เปล่า ไม่มีอะไร กูหกล้ม..” คำแก้ตัวจากเพื่อนทำเอาแคปยิ่งขุ่นขึ้น
ยิ่งกว่าเชื้อเพลิงที่กำลังเทราดลงกองไฟ เขาจ้องหน้าอาร์ ลึกล้วงลงไป
ขณะที่อีกฝ่ายรู้ทั้งรู้ว่าแคปต้องดูออกแน่ ๆ
เนื่องจากสภาพตัวเขามันไม่น่าดูสักเท่าไหร่
แต่ไม่รู้เพราะอะไรปากถึงสั่นและหลุดคำแก้ตัวโง่ ๆ ออกมา
“มันกระทืบมึง?” แคปก้าวขึ้นมาบนเตียง
กระชากผ้าห่มออกจากร่างเพื่อนตัวเล็กที่กำลังตั้งใจปกปิดรอยฟกช้ำแต่มันก็ไม่สามารถหลุดลอดไปจากสายตาเขาได้
“ปะ....เปล่า..”
“ปกป้องมันทำเหี้ยเหรอ! ตอบมา!! มันกระทืบมึงด้วยไหม!!!” แคปตะคอกลั่น
อาร์ตัวสั่นสะท้านเพราะความกลัว
อันที่จริงแล้วเขาจะบอกแคปไปก็ได้แต่เพื่อนเขาคนนี้ใครก็รู้ว่ามันอารมณ์ร้อนยิ่งกว่าหมาบ้า
เลือดขึ้นหน้าได้ง่ายมาก ขืนบอกไปตรง ๆ มีหวังแคปคงต้องลุยไปลากคอไอ้คู่อริเขามากระทืบให้อีกแน่
ๆ
“คะ....แคปใจเย็น..”
“มึงก็ตอบมาสิวะ!”
แกรกกก
“ไปได้รึยังพวกมึง อ้าว
มีเรื่องไรกันวะ..” ปอเปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนสองคนท่าทางกำลังมีปัญหา
เขารีบเข้ามาประชิดตัวแคปทันที
“ใจเย็นเว้ย ไอ้อาร์ตัวสั่นหมดแล้วมึงก็”
“......” แคปฮึดฮัดละตัวอออกจากอาร์อย่างเสียอารมณ์
เขาควักบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วเดินออกไปยืนสูบที่ระเบียง
ปอเห็นสภาพอาร์แบบนั้นก็พอรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คิดว่าแคปคงกำลังคั้นถาม
แต่แคปเป็นคนวู่วามและใจร้อนเพราะอย่างนั้นตอนที่เขาเข้ามาสภาพของอาร์จึงดูเหมือนกำลังโดนแคปข่มขู่
“ใครทำมึงเนี่ย..” ปอมองรอยฟกช้ำตามตัวของเพื่อนที่อยู่บนเตียงอาร์เองก็เอาแต่ก้มหน้านิ่งกัดปากแน่น
“เรื่องฝนเมียเก่ามึงอ่ะเหรอ” อาร์พยักหน้าอย่างยอมจำนนที่เพื่อนรู้
ปอได้แต่ส่ายหัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาร์มีเรื่องกับคนอื่นๆของเมียมัน
เขากับแคปรู้ทั้งรู้ว่าแฟนคนนี้ของอาร์เป็นยังไงแต่ในเมื่อเพื่อนเขาหลงจนไม่ลืมหูลืมตาพวกเองก็หมดปัญญาจะพูด
หลายครั้งแล้วที่แคปมันโมโหเพราะอาร์โดนตีนของอีกฝ่ายกลับมาแต่อย่างน้อยหน้าตาก็ไม่ได้หนักเท่าครั้งนี้
ปอกำลังคิดอยู่ว่าคนล่าสุดที่ฝนควงเป็นใครกัน
“กี่ครั้งแล้ววะที่เจอมาแบบนี้น่ะฮึ
ก็รู้ทั้งรู้ ว่าเมียมึงน่ะเขานอกใจไปแล้ว
มึงจะไปตามอีกทำไมให้โดนตีนไอ้เหี้ยนั่นวะ กูไม่แปลกใจเลยนะที่ไอ้แคปมันโมโหมึง”
“.......”
“มึงเจอมันตัวต่อตัวรึเปล่า หรือว่าโดนเพื่อนมันรุมตีนมาด้วย”
“........”
“ไอ้อาร์!” คราวนี้ปอตะคอกขึ้นอย่างดัง
เขาเองก็โมโหที่อาร์ไม่ยอมพูดอะไรถามอะไรก็เงียบ ทั้งที่ตัวเองเจ็บหนักขนาดนี้
เขียวช้ำไปทั้งตัว
“ตัวต่อตัวน่ะแหละ..” ในที่สุดอาร์ก็ยอมเปิดปาก
ถึงแม้ว่าจะก้มหน้านิ่งพูดเสียงเบามาก แต่ห้องพักแคบ ๆ
ภายในหอนอกของเด็กนักศึกษามหาวิทยาลัยก็ทำให้ได้ยินถึงกันหมด
ปอมองไปที่ระเบียงแคปยังยืนหันหลังให้ พ่นควันขาวลอยคลุ้ง
“กูขอนะปอ
มึงอย่าบอกแคปนะว่ากูมีเรื่องกับใคร กูกลัวมันจะไปฆ่าไอ้เหี้ยนั่น
ถึงกูจะแค้นยังไงพวกกูก็แค่ชกต่อย ไอ้นั่นเองมันก็เจ็บไม่น้อยไปกว่ากูหรอก”
“แล้วไอ้นั่นมันเป็นใคร ผัวใหม่เมียมึงน่ะ”
“.......”
“เออถ้ามึงไม่พูดอีกกูบอกไอ้แคปแน่”
“อย่านะ..” อาร์รีบห้าม ดึงแขนปอที่ทำท่าจะลุก “บอกแล้วๆไอ้เหี้ยมึงจะขู่กูอะไรนักหนาโอ๊ยกูยิ่งเจ็บๆปากอยู่พูดแต่ล่ะทีนี่ระบมไปหมด” อาร์ยกมือขึ้นนวดขานวดแขนที่เขียวช้ำ
“สมน้ำหน้า มึงรีบบอกมาเร็วเข้า”
“ก็ไอ้เหี้ยเมี่ยงวิศวะโยธานั่นไง” ปอนึกตามที่อาร์บอกแล้วคิ้วขมวดทันที
เท่าที่เขารู้จักวิศวะมีอยู่แค่เมี่ยงเดียว วิศวะโยธาปีสอง รุ่นเดียวกับพวกเขา
“ไอ้เหี้ยเมี่ยง ไอ้เตี้ยๆนั่นน่ะเหรอ” ปอทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“อือ” อาร์พยักหน้ารับเบา ๆ
“แล้วมึงไปแพ้มันได้ยังไงวะ ตัวมันก็แค่นั้นเตี้ยพอๆกับมึงแท้ ๆ”
“กูบอกตอนไหนว่ากูแพ้ มันเองก็เจ็บไม่น้อยกว่ากูหรอกเว้ย”
“เชื่อมึงได้ป่ะเนี่ย
กูว่าเด็กวิศวะกลุ่มนี้แม่งเหมือนข่าวที่เขาว่ากันมาจริง ๆ เหี้ยกันทั้งกลุ่ม
ภาคโยธาปีนี้นี่ร้ายอย่างที่เขาว่ากันไม่มีผิด ยิ่งมันมีทั้งรุ่นพี่ปีสามปีสี่หนุนหลัง
แล้วยังมีพวกน้องปีหนึ่งเข้ามาเป็นกำลังเสริมให้อีก
กูว่ามึงรีบตัดอีน้องฝนนี่ให้เด็ดขาดเถอะว่ะ
ผู้หญิงตั้งเยอะแยะมากมายหาเอาคนอื่นก็ได้นี่หว่ามึงจะไปปักใจเหี้ยไรกับผู้หญิงแค่คนเดียววะไอ้อาร์” ปอพูดถึงข่าวคราวที่รู้มาบ้าง
ถึงพวกเขาจะอยู่คณะเกษตรแต่ก็พอจะรู้ข่าวคนดังๆจากทางฝั่งวิศวะ
“แต่....มึงก็รู้ฝนเป็นผู้หญิงคนแรกของกู” อาร์พึมพำเสียงแผ่ว
ปอจึงโบกลงที่หัวอย่างเหลืออด
“ไร้สาระว่ะไอ้เหี้ย
นี่ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูนะกูอันเชิญคำว่าควายโง่ๆมาด่ามึงไปแล้ว
เขาเป็นผู้หญิงคนแรกของมึงก็จริงแต่มึงอ่ะไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของแม่นั่นหรอกนะกูจะบอกให้รู้ไว้”
“เรื่องนั้นช่างเถอะ
แต่ปอมึงสัญญากับกูก่อนว่าจะไม่บอกไอ้แคป”
“หือ?”
“นะ อย่าบอกมันนะ”
“อะ...เออ.....ไม่ทันแล้วว่ะ...”
อาร์หน้าซีดจัดเมื่อปอลุกขึ้นแล้วเขาพบว่าไม่รู้แคปเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
ยืนจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยท่าทางน่ากลัว
“ไอ้แคป...” อาร์พึมพำตกใจ
ขณะที่แคปทำสีหน้าหงุดหงิดคว้ากล่องปฐมพยาบาลข้างเตียงมาฉีกพลาสเตอร์ยาแล้วแปะทาบลงไปที่โหนกแก้มให้อาร์
เขากวาดตามองใบหน้าเพื่อนจนทั่วอีกครั้ง รอยเขียวช้ำที่มุมปากยิ่งทำให้เขาโมโหขึ้นอีก
“แคป...กู...ช่างมันเถอะนะเว้ย
คือ...” เขาไม่ได้ฟังที่อาร์อยากจะพูด
เพียงแค่ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้ากระตุกเสื้อนักศึกษาของอาร์ลงมาแล้วโยนส่งให้
“ใส่ซะ วันนี้กูจะพามึงไปกระทืบคน”
.
(I)
เพราะหอของอาร์อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย
หลังจากนั้นเพียงสิบห้านาทีรถก็มาจอดอยู่ที่หน้าคณะวิศวะ แคปเป็นคนขับ
อาร์นั่งข้าง ๆ ขณะที่ปอนั่งด้านหลัง
“เดี๋ยวกูจะเอามันมากราบตีนมึงให้ได้ ไอ้ปอมึงไปกับกู..” แคปว่าจบกระชากประตูเปิดออก
“ไอ้แคปเดี๋ยว แล้วมึงจะรู้ได้ยังไงว่าไอ้เมี่ยงมันอยู่ที่ตรงไหน
เรามีเรียนบ่ายนะเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ” อาร์ฉุดแขนเพื่อนไว้
เพราะทันทีที่แคปจอดลงอย่างรีบร้อน เขาก็ทำท่าจะเปิดก้าวลงไป
อาร์ต้องใช้ความไวมากๆถึงจะขว้าแขนแคปไว้ได้
เรื่องกลัวชกต่อยน่ะเขาไม่กลัวหรอกไม่งั้นจะมีเรื่องกับไอ้เหี้ยเมี่ยงได้ยังไง
แต่ตอนนี้เราสามคนผู้ซึ่งมาจากคณะเกษตร
กำลังจะเดินเข้าไปหาเรื่องคนของพวกวิศวะถึงถิ่น
แบบนี้ไม่โดนรุมตีนแล้วคลานออกมาก็ไม่รู้จะว่ายังไง
แต่ท่าทางไอ้หมาบ้าแห่งคณะเกษตรอย่างแคปจะไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น
“มึงไม่ต้องกลัวหรอก กูใช้เวลาไม่เกินสิบนาทีด้วยซ้ำ
ภาวนาให้กูหามันให้เจอเถอะ”
อาร์หันซ้ายหันขวาอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าแคปกับปอก้าวขึ้นไปแล้ว
เขารีบเดินตาม
“โชคดีจริงๆไอ้สัส...” แคปพูดแค่นั้นก่อนวิ่งเข้าไปกระชากไหล่คนตัวเตี้ยที่กำลังเดินอยู่ตรงทางเดินก่อนเข้าห้องเรียน
หมัดตรงรุนๆถูกปล่อยเข้าใบหน้าเล็กน่ารักที่เต็มไปด้วยพลาสเตอร์ติดแผลอย่างแรง
คนตัวเล็กทรุดลงอย่างไม่ทันตั้งตัว แคปตามเข้ากระทืบทันที
“อ้าวไอ้เหี้ย...” เสียงหนึ่งในห้องนั้นตะโกนขึ้นก่อนที่กลุ่มคนสี่ห้าคนจะออกมาลุยกับแคปปอและอาร์
แคปขยับสายตามองเพื่อนตัวเองอย่างไม่วางใจเท่าไหร่ แต่ปอเป็นคนที่ชกต่อยเก่งพอๆกับเขา
แม้ว่าอาร์จะด้อยที่สุดในกลุ่มแต่เรื่องไม่กลัวใครก็ถือว่าสูสี
“นี่สำหรับที่มึงทำเพื่อนกู...อั่กๆ..” เขาจัดการกระทืบเป้าหมายที่นอนอยู่จมตีน
“อึกก....” เมี่ยงนอนจุกตัวงออยู่ที่พื้นพยายามหลบจนสุดความสามารถ
แคปแสยะยิ้มร้ายขยับจะก้าวเข้ามาซ้ำ
แต่เจอมือดีจิกหัวแล้วกระชากตัวเขาเหวี่ยงกระเด็นไปชนผนัง
“อ่ะ...อึกก...” แคปร้องในคอเบา ๆ ด้วยความจุก
กำลังจะหันมองว่ามือดีที่กล้าลากเขาออกมาได้มันเป็นใคร
แต่ก็ยังไม่ไวเท่าหมัดรุนๆที่หนักแบบเน้น ๆ ซัดเข้าที่ใบหน้าโครมใหญ่
รสเลือดฝาดแปร่งปร่าคละคลุ้งไปทั่วทั้งโพรงปาก แคปดุนดันลิ้นบรรเทาเจ็บ
“กล้าจริงนะ มาหาเรื่องถึงที่นี่” เสียงทุ้มเย็นเฉียบคำราม
แคปจ้องคนตัวสูงตรงหน้า
“ถุย...” ปากอิ่มถ่มเลือดลงที่พื้น จ้องหน้าไอ้เหี้ยนิ่ง ดวงตากลมไร้วี่แววสั่นไหว
“เมื่อกี้กูเห็น มึงใช่ไหมกระทืบไอ้เมี่ยงเพื่อนกู อั่กก...” อีกฝ่ายว่าจบขยุ้มไหล่แคปแล้วกระชากลงใส่เข่ามัน
แต่แคปเองก็เร็วไม่แพ้กัน สับขาเตะเข้าที่ข้อพับมันทันที ไอ้ตัวสูงรีบหลบก่อน
สองคนกระเด็นก้าวถอยออกไปคนล่ะทาง
“หึ มึงกล้าดีมากที่มารอตีนกูถึงที่ ไม่ต้องให้เสียเวลาตามหา....” น้ำเสียงดุดันก้าวเข้ามา
แคปเห็นปอกับอาร์กำลังโดนกระทืบแบบหมาหมู่แล้วพาลร้อนใจ
“ไอ้พวกหมาหมู่ มึงบอกให้เพื่อนมึงหยุดเลยไอ้ชั่ว ตัวๆกับกูเลยไหมห๊ะ!!” แคปก้าวเข้าไปหาตะคอกใส่หน้าไอ้คนตัวสูงผลักอกมันจนสุดแรง
ขยับจะก้าวไปช่วยอาร์ แต่มือใหญ่ของมันกลับคว้าเขาเข้ามาแล้วกะซัด แคปหลบไปได้หวุดหวิดก่อนที่เข่าแข็งแรงจะพลาดเป้าจากท้องน้อยเขาไปอีกครั้ง
หมาบ้าแคปสวนใส่กลางเป้ามันทันทีเมื่อสบโอกาส
น่าเสียดายที่ยังไม่โดนแบบจัง ๆ แต่ก็พอทำให้ไอ้นั่นจุกจนเขาหลุดออกมาได้
แคปเปลี่ยนเป้าหมายมาช่วยปอกับอาร์กอน
“สัสเอ๊ย มึงทำเพื่อนกู..” เขาตรงเข้ากระชากคนที่กำลังจัดการอาร์กับปอทั้งสองมือแล้วเหวี่ยงอย่างแรงเซไปชนไอ้คนที่เขาเข่าใส่มันนั่น
“จะเอายังไง จะเล่นหมาหมู่เหรอห๊ะ!” แคปตะคอก
ไม่สนใจว่าตอนนี้เด็กวิศวะเป็นสิบๆกำลังยืนตีวงรุมเขาสามคนด้วยหน้าตาน่ากลัว
เด็กเกษตรทำไมถึงใจกล้าเข้ามาเหยียบถึงถิ่นวิศวะแบบนี้ได้
“กลัวขึ้นมาหรือไงไอ้หน้าอ่อน..” ไอ้คนตัวสูงใหญ่ที่ลากแคปเหวี่ยงออกไปได้เมื่อกี้มันก้าวช้า
ๆ เข้ามาหาอีกครั้ง เพื่อนมันทุกคนต่างหลีกทางให้
แค่นั้นแคปเองก็รู้แล้วว่าไอ้นี่มันต้องไม่ธรรมดา
เขายกมือขึ้นกันเมื่อเจอท่อนแขนของมันฟาดลงมา
น่าเสียดายที่ไม่ทันเพื่อนอีกสองของมันกรูเข้ามาจับสองแขนของแคปไว้ทันทีหนึ่งหมัดตรงสอยเข้าที่มุมปากมันได้ชั่ววินาทีก่อนที่สองมือของเขาจะถูกพันธนาการ
ไอ้เหี้ยนั่นแลบลิ้นออกมาซับเลือดที่มุมปากตัวเองนิ่ง ๆ
ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะฉกเข้ามากระชากผมนิ่มจนหน้าหงายเริด
“ไอ้สัส! แน่จริงมึงกับกูตัวต่อตัว” แคปกัดฟันพูดเจ็บระบมไปหมด
เขาเจ็บจนน้ำตาจะเล็ดแต่กัดฟันกลั้นเสียงไว้
เขารู้ว่าเขาวู่วามพาทั้งปอทั้งอาร์มาเจ็บตัวด้วย แต่แคปทนไม่ได้จริง ๆ
ที่เห็นสภาพอาร์โดนซ้อมมาแบบนั้น
“เรื่องอะไรกูจะตัวต่อตัวกับมึงให้โง่ อยากเดินมาหาตีนพวกกูถึงที่มึงกับเพื่อนก็เตรียมตัวลงนรกได้เลย” ไอ้เหี้ยนั่นขยับยิ้มเหี้ยมเกรียมก่อนมือใหญ่ที่รวดเร็วและดุดันจะฉกเข้ามากระชากตัวอาร์ออกไปแล้วเหวี่ยงกระแทกลงที่ปลายเท้าไอ้เตี้ยเมี่ยง อาร์จุกจนตัวงอ มันตามเข้าไปเหยียบ
“มึงใช่ไหมชื่ออาร์” มันถามนิ่ง ๆ อาร์หน้าซีดจัด เสียงเด็กวิศวะทั้งวงที่ล้อมพวกแคปไว้โห่ปากขึ้นอย่างน่าขนลุก
“ไอ้เหี้ย สันดานสัสหมา” แคปตะโกนโหวกเหวกขึ้นพร้อมกับจะถลาเข้าไปหาอาร์
แต่เสียที่มีคนร่างใหญ่สองคนที่จับแขนไว้จนแน่น
เขาหันไปเตะเข้าที่ขามันทั้งคู่จนพับลง ดิ้นหลุดจนอีกสามสี่คนต้องเข้ามากำหลาบ
แคปโมโหทั้งดิ้นทั้งด่าจนตัวลอย
“สัสเอ๊ย นิ่ง ๆ ซิวะ” หนึ่งในคนที่จับตัวเขาไว้สบถหัวเสีย
ไม่เคยเจอใครฤทธิ์มากขนาดนี้
“มึงก็ปล่อยกูสิวะ จับกูอยู่ได้ไอ้ควาย
เพื่อนมึงจะฆ่าเพื่อนกูแล้วมึงไม่เห็นเหรอห๊ะ..”
“ฮึกก...” แคปโดนสอยเข้าที่ท้องหนึ่งหมัด
ไม่แรงนักแต่ก็ยังดีที่ดึงความสนใจจากไอ้เหี้ยที่เหยียบอาร์ไว้ได้
มันก้าวตรงเข้ามาหาเขา แคปขยับสายตามองไปที่ปอ
ไอ้นี่เจอชกจนหน้าช้ำไปหมดเหมือนกันถูกสองคนจับไว้ทั้งสองแขน
“นิ่ง ๆ บ้าเอ๊ย” ไอ้คนที่จับตัวแคปไว้ว่าขึ้นอีก
“ปล่อยกู!”
เพี๊ยะ!
“ฤทธิ์มากนักใช่ไหมห๊ะ!” เสียงโห่ร้องดีใจดังขึ้นทันทีเมื่อฝ่ามือหนักฟาดลงบนใบหน้าขาวจนหน้าหัน
เลือดสีแดงกลบออกมาที่มุมปากอิ่ม แคปกัดฟันไว้แน่นอดทนต่อทุกอย่าง
ไอ้เหี้ยนั่นเดินไปดึงแขนไอ้เมี่ยงเพื่อนมันที่มีเรื่องกับไอ้อาร์มายืนอยู่ต่อหน้าเขา
มือหนาขยุ้มลงที่ผมนิ่มจนหน้าแหงน
“อย่าหน้าโง่ดิ้นพล่านเพียงเพราะเพื่อนโง่ ๆ
ของมึงไปหลงผู้หญิงแบบนั้นจนหัวปักหัวปำ
กูคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าเพื่อนมึงต่อคิวเป็นคนที่เท่าไหร่ของเด็กคณะกู”
“........” แคปตัวสั่นกึกๆ
เพราะมือหนาลงน้ำหนักทึ้งเส้นผมเขาจนสุดแรงราวกับหนังหัวจะหลุดออกมาใบหน้าขาวแหงนเริดเจ็บแค่ไหนก็กัดฟันไม่ร้องออกไปให้มันได้ยินเด็ดขาด
“สารเลว หน้าอย่างมึงมีสิทธิ์อะไรมาว่าเพื่อนกู..” แคปว่าเสียงลอดไรฟัน
นัยน์ตากลมอัดแน่นไปด้วยความคั่งแค้น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยสู้แพ้
ถึงแม้จะว่าล้มลงไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเขาก็ยืนขึ้นมาแล้วสู้ได้ใหม่ แต่คราวนี้รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม
ไม่ว่าเขาจะหันไปทางไหนดูเหมือนจะโดนไอ้เหี้ยนี่ดักทางไว้ได้ทั้งหมด
สู้กับมันช่างตึงมือตึงตีนดีจริง ๆ อย่าว่าแต่สู้เดี่ยว ๆ
นี่ยังไม่นับว่าตอนนี้เขาถูกล้อมไว้ด้วยเด็กวิศวนับสิบ
“อย่ามาถามหาสิทธิ์ เพราะถ้ากูให้แล้วมึงจะหนาว”
“ไอ้ชั่วเอ๊ย..”
“กูชั่วได้มากกว่านี้นะ มึงอยากเห็นไหม..”
“สารเลว ระยำ ชาติ...อื้ออ.....” ปากเล็กๆถูกมือหนาจับบีบจนกรามแทบร้าว
แคปน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงร้องก็ยังไม่หลุดลอดออกมา
“อย่าทำเพื่อนกู กูเป็นคนต้นเรื่องเองพวกมึงมีอะไรมาลงที่กูนี่” เสียงตะโกนลั่นดังขึ้นมาจากอีกฟาก
แคปรีบหันไปมอง อาร์จ้องเขานัยน์ตาสั่นไหวมาก เขารู้ว่าเพื่อนกำลังกลัว
“ไอ้พวกหมาหมู่ แน่จริงมึงตัวๆกับพวกกูดิ่วะห๊ะ...” ปอตะโกนขึ้นมาบ้าง
แม้จะถูกจับตัวไว้ แต่สีหน้าและแววตาไม่ได้ด้อยไปกว่าแคปเลย ที่จริงแล้ว
ปอกับแคปเป็นคู่หูขาลุยกันมาตั้งแต่มัธยม
“มึงอ่ะนิ่ง ๆ ไป เดี๋ยวไอ้เอสมันจะจัดของดีให้พวกมึงดู” หนึ่งในคนที่จับปอไว้พูดขึ้น
มันมองหน้าไอ้คนตัวสูงที่ขยุ้มหัวแคปอยู่
ซึ่งแคปรู้ได้ในทันทีแล้ว่าไอ้นี่มันชื่อเอส
เขาขนลุกขึ้นนิดๆเมื่อนึกไปถึงคำพูดหนึ่งที่ว่าใครคือคนที่โหดที่สุดของพวกวิศวะปีสอง....
ตอนนี้เอสแสยะยิ้มยั่ว
ทำเอาแคปแม่งโคตรอยากกระทืบให้มันตายคาตีนติดตรงที่ว่าตอนนี้คนที่ถูกจับไว้ก็คือตัวเอง
“มึงรู้ไหม โทษของคนที่มันทำให้เพื่อนกูเจ็บ
และโทษของคนที่เข้ามากร่างถึงคณะกูต้องเจอกับอะไร” เอสโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบเสียงเหี้ยมใส่
แคปดิ้นขณะที่สองแขนสองขาถูกล๊อคไว้กับสี่คน แม้แต่หัวก็ถูกมือหนาดึงกระชาก
“ไอ้ชั่ว! ไอ้สัส มึงอย่าคิดว่าเพื่อนมึงแตะไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียว เพื่อนกู
กูเองก็ไม่ยอมให้ใครมาแตะเหมือนกันล่ะโว๊ย”
“อย่าตะคอก มันจะตายเหรอห๊ะ!!” เอสตะโกนใส่แต่แคปมีเหรอจะลดละ
“กูจะตะคอกมึงจะทำไมล่ะห๊ะ มึงตบกู มึงชกกู กระทืบเพื่อนกู
กูหลุดไปเมื่อไหร่มึงตายแน่จำใส่กบาลไร้ขดของมึงได้เลย ไอ้ควาย!!!”
“แม่งเอ๊ย...” เอสคำรามเสียงสั่น ดวงตาคมลุกเป็นไฟ
มือหนาขยุ้มเข้าที่คอเสื้อแล้วลากแคปออกมาเหวี่ยงลงที่กลางวงขายาว ๆ
ตามเข้ามาคร่อมร่างเล็กไว้ใช้เข่าดัน
“อึ่กก....” แคปตาโตเมื่อเห็นไอ้เวรนั่นอยู่เหนือร่าง
“เฮ้ย มีอะไรกันวะ” เต้กับรัฐุร่นพี่ปีสามเดินขึ้นบันไดมาเจอพวกรุ่นน้องกำลังยืนตีวงล้อมอะไรกันสักอย่าง
พวกเขารีบเดินเข้าไปดู
“มีเหี้ยไรกันวะพวกมึง..” เต้ถามเด็กปีหนึ่งแถวๆนั้น
“หวัดดีครับเฮีย”หลายคนในนั้นพากันยกมือไหว้
เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ปีสี่ของตัวเอง
“เออๆ”
“มีอะไรสนุกเหรอวะ โห่ร้องเสียงดังลั่นเลยนะ” รัฐถามขึ้นบ้างขณะที่เต้นั้นกำลังเดินแหวกรุ่นน้องจะเข้าไปดู
“ก็พี่เอสอ่ะครับกำลังจะกระทืบไอ้พวกเด็กเกษตรที่มันมาหาเรื่องพี่เมี่ยง..” รัฐชะเง้อมองเข้าไปเห็นแผ่นหลังเต้เดินตรงดิ่งไปที่สองคนนั้นแล้ว
เสียงกร่าง ๆ ของคนที่เอสกำลังบีบปากมันไว้ที่พื้นดังก้องขึ้น
ชัดบ้างไม่ชัดบ้างคงเพราะมันโดนบีบจนปากร้าว
“ไอ้พวกหมาหมู่ มึงไม่กล้าตัวๆกับกูใช่ไหมห๊ะ ใช้พวกมากเข้าสู้
ไอ้หน้าตัวเมียเอ๊ย ไปเอากระโปรงเมียมึงมาคลุมหัวซะนะ ไอ้ควาย!!”
“ปากดี....” เอสคำรามขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
เขาง้างฝ่ามือขึ้นเตรียมฟาดลงที่ใบหน้าขาวอีกครั้ง
แต่กลับโดนใครบางคนที่ด้านหลังดึงไว้
“ไอ้เหี้ยเอส มึงพอ!” เอสหันกลับไปทันที
เจอพี่รหัสตัวเองทั้งดึงทั้งลากตัวเขาให้ลุกออกจากอีกคน
แคปมองหน้าเต้ตาเขียวไม่ได้รู้สึกขอบคุณเลยสักนิดที่อีกฝ่ายเข้ามาช่วยเอาไอ้บ้านั่นออกไป
เขารีบลุกขึ้นยกมือเช็ดเลือดที่มุมปากอีกครั้ง
“นี่มันเรื่องเหี้ยไรกันวะ..” เต้สบถขึ้นจ้องหน้าเอสทันทีราวกับกำลังต่อว่าหนัก ทุกคนต่างงงงันกันไปหมด ปกติแล้วเต้ถือเป็นรุ่นพี่ที่เหี้ยมพอๆกับเอส
ยิ่งสองคนนี้เป็นพี่รหัสน้องรหัสกันไม่ต้องพูดถึง
แต่ตอนนี้มีเรื่องมีราวเด็กเกษตรกร่างเข้ามาถึงที่เต้ดันเข้าไปลากแขนรุ่นน้องตัวเองให้ถอยออกมา
คงมีแต่รัฐเท่านั้นที่มองดูแล้วเข้าใจ เขาส่ายหัวเมื่อมองเห็นสภาพแคปแบบเต็ม ๆ ตา
“มึงตายแน่ไอ้เอส” รัฐพึมพำ
“กูถามว่านี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกัน!” เต้ตะคอกขึ้นอีกครั้ง
หน้าตาท่าทางเขาโมโหหนักมากจนรุ่นน้องที่มุงดูอยู่พากันค่อย ๆ ถอยกรูออก
เอสเบนสายตาไปจ้องหน้าแคปนิ่งขณะที่เต้ถอนหายใจเฮือกใหญ่เดินเข้าไปหาแคปพลางคล้ายตรวจดูว่าอีกฝ่ายเสียหาหนักขนาดไหนมือใหญ่ยกขึ้นจะซับเลือดที่มุมปากเล็ก
แคปปัดมือเต้ออกอย่างรำคาญพร้อมตวาดใส่
“ไม่ต้องมายุ่ง!” แต่เต้ไม่ได้สนใจในจุดนั้น
เขาจับคางเล็กล๊อคให้หันมาเพื่อสำรวจดูรอยแตกรอยช้ำ
สีหน้าเครียดมากจนคนอื่นๆที่มุงดูพากันสงสัย
“แล้วมึงมาทำเหี้ยไรถึงคณะกูล่ะวะไอ้แคป” เมื่อเห็นว่าแคปไม่เป็นอะไรมาก
มีเพียงรอยช้ำที่แก้มกับเลือดที่ซึมนิดๆที่มุมปากเต้ก็วางใจ
“ก็มันอ่ะ เพื่อนมันซ้อมเพื่อนผมจนเขียวช้ำไปหมด
ไอ้อาร์เจ็บจนจะตายห่าอยู่แล้ว พวกเด็กของเฮียแม่งเหี้ย..” แคปชี้หน้าแล้วสบถด่า
เอสกัดฟันกรอด
“กูซ้อมตอนไหน เพื่อนมึงตีกับเพื่อนกูมันสองคนตกลงตีกันเองมีแต่มึงไม่ใช่รึไงที่ตามมากระทืบเพื่อนกูจนถึงที่แบบนี้
กูจัดให้มึงแค่นี้ยังน้อยไปนะ”
“ไอ้สัส...” แคปก้าวเข้าไปผลักไหล่แกร่งอย่างแรง
เต้ต้องดึงแขนเอสไว้
“ปากหมาๆแบบนี้สงสัยกูต้องจัดให้หนักๆอีกสักรอบ..”
“มึงสิปากหมา..”
“เชี่ยเอ๊ย...กูหงุดหงิดเต็มที่แล้ว..” เอสสุดจะทนก้าวเข้าไปหมายกระชากแต่เจอมือของเต้คว้าไหล่เขาไว้แล้วผลักออก
เอสมองพี่รหัสตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เผลอตะคอกกลับไปอย่างลืมตัว
“จะมาขวางทำไมล่ะวะ..”
“ไม่ขวางไม่ได้ไอ้เหี้ย นี่มันน้องชายกู
จะทำอะไรเกรงใจกูบ้าง”
“น้องชายเฮีย...!?” เอสเบรคตัวเองแทบไม่ทันทวนคำอย่างตกใจ
พอๆกับคนอื่นๆแถวนั้นพากันมองหน้าแคปกับเต้สลับกัน เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น
“ใช่ กูรู้ไอ้แคปมันผิดที่มาหาเรื่องพวกมึงถึงที่นี่
แต่มึงจะเห็นแก่หน้ากูได้ไหม พอ...แล้วจบกันแค่นี้”
“ไอ้เอสพอเถอะ จบเถอนะกูไม่เป็นอะไรแล้ว” เมี่ยงรีบเดินเข้ามากระตุกเสื้อเพื่อนตัวเอง
เอสมองคนตัวเล็กสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
หน้าตาเมี่ยงเต็มไปด้วยพลาสเตอร์ยาคงเป็นรอยที่มีเรื่องกับใครสักคนมาเมื่อเช้าซึ่งเอสมารู้ทีหลังว่าเป็นอาร์เพื่อนของแคป
แต่ที่เขาโมโหอยู่ตอนนี้คือ แคปยังตามมาทำร้ายเมี่ยงซ้ำอีกทั้งที่เรื่องของสองคนนั้นจบไปแล้ว
“กูจะจบให้ก็ได้แต่มันต้องกราบตีนขอโทษมึงก่อน” เอสยังพูดดึงดัน
ไม่ได้หันมามองเต้เลยสักนิด
“ไอ้เอส ให้มันน้อย ๆ หน่อย กูพี่มึงนะเว้ย” เต้พยายามระงับอารมณ์
เขาไม่อยากจะมีเรื่องกับน้องรหัสตัวเอง รู้ดีว่าเอสเป็นคนยังไง
ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้น้องชายคนเดียวตัวดีของเขามันจะบ้าบิ่นเข้ามามีเรื่องถึงที่นี่
ที่สำคัญ ไอ้คนที่มันหาเรื่องมันเป็นถึงเพื่อนสนิทที่สุดของน้องรหัสเขา
“ไอ้สัส กูกลัวมึงเหรอห๊ะ!” แคปตะคอกเสียงสั่น
“กูบอกว่าอย่าตะคอกไง!” เอสขึ้นเสียงกลับเมื่อแคปตะโกนใส่หน้ามาอีกครั้งด้วยสีหน้าท้าทายสุดๆ
เขากำลังจะก้าวเข้าชาร์ตคนที่ตัวเล็กกว่าแต่มือของเต้ซึ่งเร็วมากๆกลับคว้าเอวเอาไว้
“มึงได้ยินไหมกูบอกให้พอ นั่นน้องชายกูไอ้เหี้ย ไอ้แคปมึงพาเพื่อนมึงกลับไปก่อน
เรื่องของพวกมึงให้จบกันแค่นี้ ถ้ามึงมาซ่าอีกกูก็ช่วยมึงไว้ไม่ได้จำเอาไว้”
“กูสนเหรอ” แคปตะโกนขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ลดละ
เต้หันขวับมองหน้าเขาทันที แคปรีบหุบปากแทบไม่ทันเพราะรู้ดีว่าตัวเองลืมตัว
เขาไม่เคยขึ้นกูมึงกับพี่ชาย
พี่เต้ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นถึงแม้จะพูดหยาบๆกับเพื่อนฝูงเรียนวิศวและหน้าตาเถื่อน ๆ
แบดบอยแต่พี่ชายเขาดูแลเขาดีมากๆ ไม่ชอบให้เขาพูดจาหยาบคายด้วย
“เออ พูดใหม่ก็ได้วะ ผมสนเหรอ
ผมไม่กลัวมันหรอก พี่ปล่อยมันเข้ามาเลย โถ่เว้ยไอ้อาร์มึงจะมาจับกูไว้ทำไมวะ
ปล่อยกูเดี๋ยวนี้ ไอ้เหี้ย ไอ้เพื่อนเหี้ย” แคปดิ้นจนขาลอย
เขาร้องจะเข้าหาเอสลูกเดียวเสียแต่อาร์คว้าเอาไว้ แทบจะหลุดมือ
เดือดร้อนปอต้องคว้าเอวเอาไว้อีกคน แคปเวลาที่เลือดขึ้นหน้าแม้แต่เขายังเอาไม่อยู่
มันกลัวอยู่คนเดียวคือพี่ชายมันนั่นแหละ
“ปล่อยกู”
“ไอ้ปอมึงลากไอ้แคปกลับไปก่อน ไอ้อาร์ด้วยลากมันกลับไปเดี๋ยวนี้” ขณะที่เต้ร้องสั่งจู่
ๆ แคปหลุดออกมาจากมือของปอกับอาร์ได้ เขาวิ่งเข้าใส่เอสที่กำลังเผลอทันที
มือเล็กกระชากเสื้อคนตัวสูงลงมารับเข่าดุดัน เอสที่ไม่ทันระวังจุกจนตัวงอ
แต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมากไปกว่านี้
เต้เหวี่ยงน้องชายของตัวเองไปใส่อกปอกับอาร์สองคนช่วยกันรับแคปไว้พร้อม ๆ
กับที่รัฐเองก็เข้ามาจับช่วยอีกแรง
แคปที่ถูกรั้งไว้แทบทั้งตัวทำสีหน้าน่ากลัวชี้หน้าเอสอย่างไม่ลดละ
“มึงจำไว้ไอ้เหี้ย อย่าให้กูเจอมึงข้างนอกนะ
มึงกูเจอกันอีกวันไหนไม่ใครก็ใครตายกันไปข้าง โว๊ยยยยยยยขัดใจกูจริงจริ๊งไอ้พี่บ้า
พี่บ้า ฝากไว้ก่อนเถอะมึงไอ้เอส ปล่อยกูสิโว๊ยไอ้เพื่อนบ้านี่..” เขาโวยวายได้แค่นั้นก่อนโดนสามคนรุมลากออกไปจากตึก
ขณะที่บรรดากลุ่มคนที่หลงเหลือบางส่วนที่ยังมุงดูอยู่พากันซุบซิบว่านี่เหรอคือน้องชายพี่เต้ ลาเต้ & คาปูชิโน (Latte&Cappucino)สองพี่น้องครอบครัวกาแฟผู้โด่งดัง
“แม่ง เจ็บฉิบหาย ทั้งตีนทั้งมือหนักเหี้ยๆเลย..” เอสที่ยืนตัวสั่นอยู่ด้วยความโกรธถึงขนาดตบๆลงที่กระเป๋ากางเกงควักหาบุหรี่ขึ้นมาจุดดูดดับอารมณ์ที่เดือดพล่าน
“เอาน่าไอ้เอส ครั้งนี้ถือว่ากูขอละกันนะ” เต้รู้ทั้งรู้ว่าเอสต้องระงับความโกรธไว้มากแค่ไหน
เพราะถ้าเป็นเขาโดนไอ้คนที่เข้ามาหาเรื่องเพื่อนตัวเองถึงที่แบบนี้รับรองได้ว่าเขาเอามันจมคาตีนแน่
ๆ
“นี่น่ะเหรอที่เฮียเคยบอกว่าตัวเองมีน้องหน้าตาน่ารัก ผมสวย ผิวขาว
ตาเฉี่ยวจมูกโด่งและที่สำคัญรูปร่างดีไร้ที่ติแม่งสุดๆอ่ะ หลอกกันชัดๆ หึ”
เต้กลืนน้ำลายอึกใหญ่พยักหน้าเบา ๆ
เมื่อฟังคำพูดประโยคเก่าที่ตัวเองเคยพูดไว้บ่อย ๆ กับเพื่อนฝูงเวลาเมา
แล้วไอ้เอสก็มักจะนั่งร่วมวงอยู่แถวนั้นด้วย ทำไงได้วะ
ใครจะรู้ว่าไอ้น้องตัวดีที่เขาเฝ้าเลี้ยงเฝ้าทะนุถนอมมาแบบเด็กผู้หญิงโตขึ้นมันจะเถื่อนและซ่าร์ได้ขนาดนี้
“ไอ้เหี้ย....น้องกูมันก็อย่างนั้นจริง ๆ นี่หว่า
แค่กูบอกไปไม่หมดว่ามันชกต่อยเก่งก็แค่นั้น
กูไปแล้วนะเว้ย เดี๋ยวมีเรียนเหมือนกัน” เต้ว่าแล้วตบลงที่ไหล่เอสหนักๆสองสามทีเหมือนเป็นการบอกขอโทษแทนแคปเป็นนัยๆซึ่งเอสเองก็พอจะเข้าใจแต่ก็ยังส่ายหัวแล้วนวดลงที่ขาอีกครั้ง
“สัสเอ๊ย...หึหึหึๆๆๆๆๆ” เอสพ่นเสียงหัวเราะสมเพชตัวเองออกมา
นานแล้วที่ไม่ได้เจอคู่แข่งสูสีแบบนี้แถมยังดื้อด้านไม่ลดละอีกต่างหาก
เขายกนาฬิกาข้อมือดูเวลาก่อนดับบุหรี่ลงแล้วเดินเข้าไปหาเมี่ยง
หลังจากมองดูเพื่อนตัวเองแล้วส่ายหัว
ช้ำไปทั้งตัวแบบนี้เขาเลยบอกว่าวันนี้ไม่ต้องเข้าเรียนเดี๋ยวจะไปส่ง
เมี่ยงก้มหน้าก้มตาแล้วตอบตกลง
“มึงอยู่ไหน” เอสยกโทรศัพท์มือถือขึ้นต่อสายหาเพื่อนอีกคน
(กำลังจอดรถข้างรถมึงนี่แหละ มีไรวะ)
“เดี๋ยวกูกับเมี่ยงจะโดดมึงจัดการเรื่องเลคเชอร์ให้ด้วย”
(จะไปไหนของพวกมึง)
“เสือก เรื่องของกู”
(อ้าวไอ้เหี้ยกูถามดีๆ เดินขึ้นมาแล้วเนี่ยมึงอยู่ไหนกัน)
“เอาไป ส่งให้กูด้วย” เอสเดินไปยัดงานที่จำเป็นต้องส่งในคาบนี้ให้ชิพ
ชิพที่เพิ่งกดวางสายจากคนตรงหน้ามองเมี่ยงกับเอสด้วยท่าทีงงๆ
เพราะรอยฟกช้ำที่เต็มหน้าเมี่ยงบวกกับรอยเขียว ๆ
ที่ข้อมือและหน้าอกเอสเสื้อนักศึกษากระดุมขาดแหว่งไปสองเม็ด
“โห ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะเนี่ย ไม่เรียกกูบ้างเล๊ย..”
“ไอ้บุ้งอ่ะ? มึงมาคนเดียวรึไงทุกทีตัวติดกันอย่างกับเห็บหมา” เอสไม่ได้ตอบคำถามแต่เปลี่ยนไปถามถึงคู่หูของชิพ
เพื่อนอีกคนของเขา
“ปากมึงนี่นะ ทีมึงกับไอ้เมี่ยงไม่ใช่หมากับเห็บรึไงวะ ถ้าไม่นับเมียมึงที่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกนะกูก็คิดว่าไอ้เมี่ยงนี่แหละที่มึงทำตัวติดด้วยยิ่งกว่าเห็บกับหมา”
“เสือก..” เอสตอบสั้น ๆ
ก่อนใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ความเจ็บค่อย ๆ
แล่นริ้วขึ้นมาคงเพราะโดยปลายหมัดของไอ้เวรนั่นไปตอนที่ชุลมุนกัน
“กูถามก็ตอบมาก่อนไปฟัดกับใครมา ไอ้บุ้งมันแวะหอแฟนมันเดี๋ยวตามมาเองแหละ”
“ฟัดกับหมาบ้าคณะเกษตรไง” เมี่ยงเป็นฝ่ายตอบแทน
เมื่อชิพทำหน้าตาไม่เข้าใจเขาเลยอธิบายให้ฟังต่อแบบคร่าว ๆ
แต่ยังไม่ทันจะได้รู้เรื่องดีมือเล็กจะถูกเอสดึงออกไปจนตัวจะลอยแล้วปล่อยให้ชิพยังงงต่อ
“มึงอยู่ในเหตุการณ์รึเปล่า” เมื่อสองคนนั้นลับตา
ชิพเดินเข้ามาในห้องนั่งลงแล้วถามเพื่อนข้าง ๆ
มีสองสามคนพยักหน้ารับรัว ๆ
“ใครวะใจกล้าเข้ามาถึงที่นี่..” ชิพสงสัย
เมื่อทั้งหมดนั่นเล่าเรียงเหตุการณ์แบบคร่าว ๆ ชิพจึงอดถามขึ้นมาอีกไม่ได้
“น้องพี่เต้ไหนวะ..”
“ไอ้เหี้ยชิพ พี่เต้พี่รหัสไอ้เอสไง แล้วก็เป็นพี่เทคมึงด้วย
มึงบ้าเหรอเนี่ยถามอะไรโง่ ๆ ออกมา”
“อ้าวเฮ้ย น้องพี่เต้ไหงถึงมาตีผู้ชายคณะเราได้ กูไม่อยากจะเชื่อ เต้ไหน
พี่ลาเต้กูน่ะนะ” ชิพทำหน้าเหลือเชื่อสุด
จนคนที่คุยด้วยส่ายหัว
“ก็เออครอบครัวกาแฟหน้าตาดีทั้งตระกูล ลาเต้กับคาปูชิโน่นั่นไง”
“เฮ้ย! แต่น้องคาปูกูเป็นน้องสาวพี่เต้นี่หว่า” ชิพคิ้วขมวด
กำลังคิดว่าน้องสาวพี่เต้น่ารักแบบนั้นแล้วไหงทั้งหน้าทั้งตัวไอ้เมี่ยงถึงเขียวแบบนั้นล่ะวะ
แล้วยังร่องรอยบนตัวไอ้เอสอีก
“น้องสาวที่ไหนล่ะไอ้เหี้ยชิพ น้องคาปูบ้านพ่อมึงสิ ไอ้หมาบ้านั่นมันชื่อแคปเว้ย
แคปปูชิโน่ โหดสัสกูบอกให้รู้
ดีนะไอ้เอสเข้ามาเร็วไม่งั้นกูไม่อยากจะนึกว่าไอ้เมี่ยงจะจมตีนไอ้บ้านั่นขนาดไหน”
ชิพกลืนน้ำลายช้า ๆ
ทั้งหมดทั้งมวลที่เคยจินตนาการเรื่องครอบครัวกาแฟของพี่เทคตัวเองนั้น
หายวับไปกับตา ตรง ๆ เลยนะหลายครั้งมากที่เฮียแกเคยเอารูปน้องในโทรศัพท์มาอวดว่าน่ารักน่าชังอย่างกับเด็กสาว
ๆ แรกรุ่น
แล้วนี่มันอะไรก๊านนนน
“มึงรู้ไหม...ครั้งนึงกูเคยบอกกับพี่เต้ว่าอยากจะขอจีบน้องพี่แก
ตอนนั้นพี่เทคกูหัวเราะหึหึแล้วแสยะยิ้ม”
“เออ มึงก็ไปจีบเอาซะสิ แต่กูบอกให้รู้ใส่กระจับเหล็กกับฉีดยากันหมาบ้าไว้ด้วยก็ดี
เพราะมึงหลบไม่พ้นตีนมันแน่ ๆอ่ะ”
“ไอ้สัส!...”
Tbc.