(เชนซ่าร์)
เช้าวันนั้น โทรศัพท์ผมดังขึ้น
“อือ..” ผมควาน ๆ เอามากดรับ คเชนทร์โทรเข้ามา
“ตื่นยัง..” เสียงมันถามผ่านมา บอกอารมณ์ไม่ถูก ผมหรี่ตามองดูนาฬิกา
เพิ่งหกโมงกว่าๆปกติวันหยุดแบบนี้เชนไม่ตื่นเช้านะ
มันจะชอบทำงานดึกๆไม่ก็โต้รุ่งแล้วตื่นสาย ๆ
ข้างเช้าข้าวเที่ยงรวบเป็นมื้อเดียวคือบ่ายสอง
อะไรของมันวันนี้โทรมาอะไรเนี่ยเช้าตรู่แบบนี้
“ตื่นแล้วดิ” ผมโกหกได้อีก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
“ลุกนะ
เดี๋ยวเจ็ดโมงกูถึงบ้านมึงแล้ว”
“หือ?!” เจ็ดโมง? จะมาทำไมแต่เช้าอ๊ะ
“มึงจะมาเหรอวะ” ผมขยี้หัวลุกขึ้นนั่ง เสื้อไม่ได้ใส่หรอกนะ เมื่อคืนไปดื่มกับเพื่อนเก่า
หนักไปนิดเมากลับมา แฮงค์ ถอดทุกอย่างเหลือแต่กางเกงใน
“ไม่ได้จะมา
แต่กูมาแล้ว ตื่นยังเนี่ย” มันถามมาอีก
ท่าทางน้ำเสียงมีน้ำโหขึ้นแล้วนิด ๆ นี่ผมยังงงอยู่นะว่ามันจะมาหาอะไรทำไมแต่เช้า
“อือๆตื่นแล้ว”
“ซ่าร์
ไม่ตื่นกูเตะเอาดิ่”
“ไอ้เหี้ย
กูตื่นแล้ว มึงถามกูก่อนกูจะยอมให้มึงเตะไหม”
“ปากดีนักนะ
รีบไปอาบน้ำแต่งตัว เสื้อผ้าอันวามึงจัดแล้วใช่ไหม อย่าเพิ่งปลุกน้องนะ
เดี๋ยวอุ้มนอนไปบนรถเลยก็ได้มันยังเช้าอยู่มาก วันนี้อากาศเย็น ๆ
ด้วยปล่อยให้เขานอนไปเลย”
ผมคิ้วขมวดทันทีที่จบประโยคร่ายยาวของมัน
อะไรคือการถามผมว่าจัดเสื้อผ้าอันวาหรือยัง
อะไรคือบอกอย่าเพิ่งปลุกน้องแล้วบอกจะอุ้มให้นอนไปบนรถ
ผมไม่เข้าใจว่ะ
“ถึงหน้าบ้านมึงแล้ว
รีบล้างหน้าแล้วลงมาหากู เสื้อผ้าถือลงมาด้วย ส่วนอันวาเดี๋ยวกูขึ้นไปอุ้มเองก็ได้”
“เดี๋ยวๆๆๆ
อะไรวะเนี่ย คือกูไม่เก็ตว่ะเชน
มึงมาหากูแต่เช้าแล้วบอกให้เอาเสื้อผ้าอะไรยังไงของมึงเนี่ย” กูงงไปหมดแล้ว
คเชนทร์ไม่ได้ตอบผมกลับมาแต่เสียงที่ลอดมาจากโทรศัพท์บอกให้รู้ว่ามันกำลังบอกยามหน้าบ้านว่าให้เปิดประตู
ผมรีบเดินไปเลิกม่านหน้าต่างดู ไม่ชัดจนต้องเปิดประตูระเบียงออกไปมองให้แน่ใจ
ตายห่า มันจริงนี่หว่า
“มึงมาทำไม๊..” ผมถามเสียงแหลม ตกอกตกใจ เชนทร์เคยมาบ้านผมก็จริง แต่รายละเอียดการมาของมันวันนี้ทำเอาผมงงแดกไปหมด
“อย่าเรื่องมาก
รถกูจอดแล้วมึงอยู่ไหน อ้อ เจอแระ เข้าไปใส่เสื้อดิ่วะยืนอ่อยอยู่ทำซากเหรอ ห๊ะ!!” เสียงมันตะโกนขึ้นมาตามสาย
เปิดประตูรถแล้วเงยหน้าขึ้นมองมาที่ผมชะโงกหัวอยู่ ผมรีบเอามือขึ้นมาปิดอกปิดนมไว้
“ไอ้บ้า แล้วมึงมาทำไมแต่เช้าล่ะ
กูก็เพิ่งตื่นเนี่ย เสื้อผ้าเรียบร้อยที่ไหน มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบใส่เสื้อตอนนอน”
“อย่าเรื่องมาก
รีบแต่งตัวแล้วเอากระเป๋าเสื้อผ้าลงมาขี้เกียจรอนาน”
“งั้นมึงก็บอกมาก่อนดิ่
ทำไมกูต้องเอากระเป๋าเสื้อผ้าลงไปด้วย มึงจะพากูไปไหน”
คราวนี้เป็นมันที่เงียบไป ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง
พอไปเปิดมันก็ถลาพรวดพราดเข้ามากระชากตู้เสื้อผ้าเปิดดู มองผมตาเขียวก่อนมองไปรอบ
ๆ ห้อง ถึงขนาดเข้าไปที่ห้องน้ำอีกด้วย
“อะ.....อะไร” ผมถามพลางก้าวถอยหลัง เมื่อเชนยืนจ้องผมอย่างกับจะกินเลือด
“ไหนกระเป๋าเสื้อผ้ามึง..” มันถามรวดเดียว เสียงเย็นได้อีก เลเวลความโกรธดันขึ้นมาแล้วแน่ ๆ
“กะ....กระเป๋า
ทำไมวะ!?” ผมตะกุกตะกัก
หลังชนผนัง
“ก็กระเป๋าเสื้อผ้าของมึงกับของอันวาไง
ไหนว่าจะไปหัวหิน มึงโทรบอกกูนัดแนะคนเดียวเสร็จสรรพตั้งแต่เมื่อคืน
บอกกินเหล้าอยู่กับเพื่อน พรุ่งนี้อยากไปเที่ยวกูบอกไม่ว่าง ๆ
มึงก็งอนทำเป็นไม่พอใจ
กูเลยต้องแหกตานั่งเขียนโปรแกรมเพื่อให้เสร็จทันมารับมึงไปเที่ยวเช้าวันนี้
เหนื่อยก็เหนื่อยง่วงก็ง่วง
กูเพิ่งนอนได้แค่สองชั่วโมงก็ต้องตื่นแหกตามารับมึงเนี่ย”
ตายห่า ตายกูตาย ทำไมผมจำคำพูดตัวเองไม่ได้เลยว่า ไปนัดแนะมันตอนไหน
สงสัยว่าเมื่อคืนตอนที่คุยเรื่องไปพักร้อนกันแล้วเพื่อนมันพูดถึงเรื่องคอนโดที่หัวหินผมเลยครึ้มอกครึ้มใจลองโทรไปชวนมันดู
แต่แหม่....ขอโทษครับเชน กูลืมสนิทเลยมึง
“อย่าบอกนะว่า......ไอ้เหี้ยยยยยยยยย
มึงเมาจนพูดจามั่วไปหมด ลืมแม้กระทั่งคำพูดตัวเองมีแต่กูเท่านั้นใช่ไหมที่จำได้เนี่ยห๊ะ!!!” เสียงคเชนทร์เย็นเฉียบก้าวเข้าหาผมจนชิดก่อนตะโกนอย่างดังใส่หู
ผมกอดมันไว้จนแน่น เอาวะ
ทำมันโมโหเวลาง้อเนี่ยต้องกอดลูกเดียวผมเรียนรู้ว่าเชนมันแพ้ผมกอดแล้วซุกพุงมันมากที่สุด
“ใจเย็นดิ่วะ
มาแล้วก็มา อยากเที่ยวเดี๋ยวกูหยิบเสื้อผ้าแป๊ปเดียว
ไปนอนกันสักคืนก็ดีเหมือนกันอันวาเองก็คงอยากเห็นทะเลที่เมืองไทย” ผมตะล่อมมัน ต้องอ้างเรื่องอันวา เชนรักอันวามากเลยนะ พักหลังสองคนติดกันแจ
“กูเนี่ยเหรออยากเที่ยว
นั่นมันมึงโทรมาไม่ใช่หรือไง..” น้ำเสียงยังติดโมโหอยู่นิดๆ
“อ่ะ น่าๆๆๆ” ผมอ้อน ๆ ซุก ๆ ซบๆมัน คเชนทร์ใจอ่อนจนได้นั่นแหละมันโมโหเคยนานที่ไหน
มือที่ปล่อยเฉย ๆ เอาขึ้นมาจับแผ่นหลังผมไว้แล้ว
“ก็เพราะกูอยากให้อันวาไปเห็นเลยต้องแหกตาตื่นไวขนาดนี้ไง
เหนื่อยจนไม่รู้จะเหนื่อยยังไงแล้วยังต้องรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับมึงเมื่อคืน
บ้าฉิบหายที่แท้เมาจนพูดจาไปเรื่อยเปื่อย”
“ไม่เรื่อยเปื่อย
ไม่ฉิบหายหรอก กูพูดแต่เรื่องน่ารักต่างหาก มึงเลยใจดีอยากพากูไปไง”
“......” มันส่ายหัว
ตาปรือๆ มองเตียงนอนผมนิ่ง
“แล้วตกลงจะไปป่ะเนี่ย..” เชนถามขึ้นหันมาจ้องหน้า ผมกระโดดงับคอมันก่อนตอบว่าไปดิ่ มันยกมือจะฟาดผม
ผมรีบหลบ รู้ว่ามันแกล้งไม่เคยตบจริงนะบอกไว้ก่อน
มันน่ะเหรอจะทำขนาดมดแมลงสาบยังกลัวไม่กล้ากระทืบเล๊ย
“ไปดิ่
งั้นกูขออาบน้ำก่อน ขอเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวเตรียมเสื้อผ้าด้วย
อันวายังไม่ตื่นมั้งกูยังไม่แวะไปดูเลย”
อันวานอนห้องที่คอนเน็คกับผม
ห้องเด็กที่คุณแม่กับคุณพ่อเซ็ทไว้ให้ ท่านทั้งหลงทั้งรักหลานชายมากๆเลยนะ
“อือ
งั้นเดี๋ยวขอนอนอีกนิด มึงเสร็จแล้วเรียกกูละกัน”
“ให้กูกล่อมป่ะล่ะ” ผมทำสายตาเจ้าเล่ห์ถาม เชนผลักหัวผมจนเงิบ มันทำตาเขียว
“ไม่ต้อง
กูจะนอน” มันว่าแล้วผละออกไปจากตัวผมล้มตัวลงนอน ผมแกล้งจะวิ่งกระโจนขึ้นทับเชนพลิกตัวหนี
ผมเลยแกล้งเอาผ้าห่มสะบัดแล้วคลุมตัวมัน จริง ๆ
จะห่มผ้าให้นั่นแหละแต่ทำเล่นนิดหน่อย
มันชี้หน้าหรี่ตาก่อนหลับลงไปแล้วจริง ๆ ผมนั่งมองหน้ามันแล้วลูบหัวเบา ๆ
รู้ว่ามันอดหลับอดนอนแน่ ๆ เพราะเดี๋ยวนี้ยูเซย์มีงานเข้าเยอะมาก ๆ
ทั้งที่มีพนักงานใหม่ ๆ เยอะแต่ทั้งเชนและปิงก็อดตาหลับขับตานอนโต้รุ่งกันอยู่บ่อย
ๆ ผมกับเอย์ก็เคยคุยกันเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนะ
แต่เราเองก็พยายามเข้าใจงานของพวกโปรแกรมเมอร์
“นอนเถอะนะ
พักบ้างก็ดีทำงานหนักอะไรกันนักหนาวะหื้ม” ผมพูดเบา ๆ
กำลังจะลุกออกไปจากเตียงแต่มือใหญ่และเย็นของมันเลื่อนเข้ามาจับเอามือผมไปกุมไว้
มันดึงไปจนชิดริมฝีปากลมหายใจอุ่นร้อนเป่าลงมาขณะที่เปลือกตาคนยังคงหลับพริ้ม
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะมันกำลังชวนผมนอนลงด้วย
“ง่วง...” มันว่าขึ้นพร้อมขยับตัวยุกยิก ผมอมยิ้มก่อนเอนตัวลงนอนกอดมันไว้ “สายอย่ามาว่ากันนะมึง”
“หึหึหึ” เสียงหัวเราะเบา ๆ ในคอ พร้อม ๆ กับมุมปากยกยิ้ม
ทำเอาผมอยากจะนอนกอดมันไว้แบบนี้ต่อไปตลอดทั้งวันเลยจริง ๆ
แต่ฝันและมโนของผมก็พังลงไปไม่มีชิ้นดีเมื่อเสียงหัวเราะของมันเริ่มเปลี่ยนไปก่อนที่ผมจะโดนผลักออกแล้วบอกผมว่า
“ไปอาบน้ำเลย
ออเซอะกูอยู่แบบนี้เดี๋ยวทนไม่ไหวขึ้นมาเรื่องยาวหรอกมึง จะได้ไปไหมหัวหินน่ะ”
“เจ็บนะเว้ย
ผลักมาได้ก้นกูจ้ำเบ้าหมด” ผมตกลงข้างเตียงจริงนะเนี่ย
ปวดสะโพกไปหมด
“สมน้ำหน้า”
“โฮ้ยยยย
กูอยากฆ่ามึงจริง ๆ กวนตีน”
“กวนแต่มึงนะ
บอกไว้ก่อน”
“เออ
ขอบใจเหี้ย ๆ เลยสลัด!”
ผมลุกขึ้นเดินคลำสะโพกบ่นไปไปจนถึงหน้าห้องน้ำ แม้จะโมโหมันแต่แอบอมยิ้มนะ
......ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
คึคึ
*************Special Complete***************