(เอย์ปิง)
ทันทีที่ผมก้าวเข้าประตูบ้าน
สัญชาตญาณบางอย่างบอกให้ผมระแวดระวังที่ด้านหลัง
“เฮ้ย………!” ผมร้องตกใจ เหตุเพราะมีตัวอะไรบางอย่างกระโจนเข้าหา
นี่ขนาดตั้งตัวระมัดระวังไว้ยังโดนตะปบคร่อมด้วยเจ้าสี่ขาขนาดใหญ่ตัวสีน้ำตาลอ่อนขนสลวย
มันยืนจ้องหน้าผมคำรามเบา ๆ ในลำคอ
หมายักษ์มาจากที่ไหนกันน่ะ!
“ดอลลี่ไม่เอา” เสียงคำสั่งดังมาพร้อม ๆ
พี่เอย์ก้าวออกมาจากด้านใน
ดอลลี่!?
“ดอลลี่ถอยออกมา นั่นพี่ปิงนะ”
พี่เอย์มันเข้ามาอุ้มเอาเจ้าหมายักษ์ให้ถอยออกจากร่างผม
ทุลักทุเลพอควรเพราะไอ้เจ้าที่มันเรียกว่าดอลลี่ตัวค่อนข้างโต
โกลเดนท์สีน้ำตาลอ่อน ทำไมน่ารักงั้นวะ
“อะไรกันน่ะพี่ หมาใครครับเนี่ย” ผมยันตัวลุกขึ้นแล้วถอดกระเป๋าออกจากไหล่วางทิ้งไว้ที่โซฟา
พี่เอย์ดึงเจ้าดอลลี่ให้เดินตามเข้ามาพลางรั้งเอวผมแล้วบอกให้นั่งลงที่ตักมัน
“ดอลลี่นี่พี่ปิงนะ หวัดดีครับก่อนเร็ว” มันกระตุกเชือกฟางที่ใช้ผูกแทนสายจูง
คล้องไว้กับปลอกคอหนังสวยงาม เจ้าหมาหันมามองหน้าผม แววตาเป็นมิตรขึ้นมากผมเลยยื่นมือไปลูบขนหลังนุ่ม
ๆ ของมัน
นึกสงสัยนิดๆ ทำไมถึงเป็นเชือกฟางล่ะ
เชือกจูงน่ะ
“ดอลลี่นั่งลง แล้วหวัดดีครับพี่ปิง เอ้า
ยกขาขึ้นมาเร็ว ๆ” มันบอกเจ้าหมาอีกครั้ง กอดกระชับเอวผมแล้วจูบลงที่หัวไหล่ทำหน้ายิ้ม
ๆ รอเจ้าหมายกขาโจ๋ขึ้นมาทักทาย ท่าทางคุณชายอารมณ์ดีความสุขเหลือเกินมันจับมือผมให้แบออกรอดอลลี่หวัดดีมา
ผมกระเถิบๆลงจากตักนั่งลงข้างมันดี ๆ
“มันชื่อดอลลี่เหรอพี่” ผมยิ้มเมื่อเจ้าหมาแสนรู้ยกขามาแตะมือผม
ลูบหัวมันนิด ๆ แล้วหันไปถามพี่เอย์แต่มันลุกเดินไปหยิบถุงอะไรสักอย่างที่ครัวจากนั้นเดินเข้ามานั่งด้วยกันอีกครั้งยื่นขนมปังให้ผมป้อนเจ้าหมา
“กูเห็นมึงชอบหมา ดอลลี่ก็น่ารักนะ
เราเลี้ยงมันเถอะ” พี่เอย์พูดอ้อน ๆ ผมยื่นขนมปังให้ดอลลี่กิน มันน่ะกินซะเอร็ดอร่อยเชียวล่ะ พอหมดก้อนยังมาเลีย ๆ มือผมแล้วยิ้มนิด ๆ
ทำท่าขอบใจอีกต่างหาก ผมจึงลูบหัวมันเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“พี่เอย์เอาน้องมาจากไหนกันน่ะ
ซื้อมาเหรอครับ” ถึงแม้จะนึกสงสัยนิด ๆ
ว่าทำไมมันถึงซื้อหมาตัวโตแบบนี้มาทำไมไม่ซื้อบั๊ปปี้แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายหรอกนะ
บางครั้งพี่เอย์อาจถูกชะตาดอลลี่แบบรักแรกพบเลยก็ได้
“เปล่า ไม่ได้ซื้อหรอก”
“อ้าว
งั้นเพื่อนพี่ให้มาเหรอ หรือลูกค้า คนรู้จักให้มา”
“แบบนั้นก็ไม่ใช่อีก” มันตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ
ยื่นมือมาให้ดอลลี่ดม ๆ เล่น เจ้านั่นเลียมือมันซะ
“เอ๋า แล้วพี่เอาดอลลี่มาจากไหนล่ะครับ
หรือว่าของที่บ้าน?” ผมเริ่มคิดๆ เรื่องมันชักจะยังไง วันนั้นไปบ้านคุณหญิงย่ามัน หมาแฝดโกลเดนท์สองตัว
ไม่ใช่เจ้าดอลลี่แน่ ๆ อ่ะ เห็นผมแบบนี้เรื่องหมาผมจำแม่นนะ สองตัวนั้นสีเข้มกว่านี้
“ไม่ใช่ของที่บ้าน ดอลลี่อยู่แถว ๆ นี้แหละ”
“เฮ้ย!” ผมอุทานขึ้น
หันไปหามันดี ๆ จับคุณชายนั่งตัวตรง จากที่มันพิง ๆ เอน ๆ ตัวผมอยู่
ตอนนี้ต้องหันหน้ามาเผชิญกับผมดี ๆ
“ดอลลี่อยู่แถว ๆ นี้หมายความว่ายังไงพี่
อย่าบอกนะว่าน้องเป็นหมาของบ้านข้าง ๆ เพื่อนบ้านของเราแถวนี้อ่ะ”
แบบนั้นจะมาชวนผมเลี้ยงมันกันเถอะเนี่ยนะ
“ไม่ใช่ของเพื่อนบ้านสักหน่อย” มันรีบปฏิเสธ
“ก็แล้วมันหมามาจากที่ไหนล่ะครับ หมาใคร
พี่ซื้อมา หรือมีคนให้มา บอกผมดีๆได้ไหมเนี่ย ไหนว่าชวนเลี้ยงอยากให้น้องอยู่ด้วย
ที่มีที่ไปต้องบริสุทธิ์ใจนะไม่งั้นผมจะกล้ารับเลี้ยงมันไหม”
“มึงอย่าโมโหดิ่ น้องตกใจมึงพูดดีๆได้ไหมล่ะ”
ดู๊ดูมันพูด ผมนี่หุบปากแทบไม่ทัน ครั้งแรกเลยนะที่มันดุผม
ผมไม่ได้โมโหนะ
ไม่ตั้งใจให้น้องตกใจด้วยแต่แค่สงสัยมากๆก็เลยเผลอเสียงดังขึ้นนิดหน่อยก็แค่นั้น
ความจริงแล้วเรื่องหมาเราสอคนแพลนไว้ว่าเดือนหน้าจะไปดูกันที่สวนฯแต่เห็นไอ้วุฒิมันบอกว่าหมาบ้านญาติมันกำลังท้อง
ชิสุน่ารักด้วย ผมเลยบอกให้มันจองเอาไว้ให้สองตัว
“ดอลลี่หิวน้ำไหม เดี๋ยวพี่เอย์พาไปกินน้ำนะ”
มันลุกขึ้น จับเชือกฟางที่ผูกไว้กับปลอกคอน้องแล้วพาเดินไปที่ห้องครัว
ผมเห็นมันเอาถ้วยมาม่าแบบพลาสติกใส่น้ำในตู้เย็นแล้ววางลงให้น้องกิน
“พี่เอย์ครับ พี่พูดให้รู้เรื่องก่อน
ตกลงว่าเจ้าดอลลี่นี่มันมาจากไหน พี่เอย์เอาน้องมาจากไหนครับ” ผมจู้จี้อีกครั้ง
พี่เอย์ทำท่าไม่สนใจคำพูดผมมันลูบหัวหมาแล้วอมยิ้ม ทำปากจิ๊จ๊ะหยอกเจ้าหมา
ผมเลยต้องดึงมันออกมา
“โกรธที่ผมเสียงดังใส่น้องเหรอ” ผมคั้นถาม แต่มันตอบหลบตา
“เปล่านี่”
“แล้วพี่เมินผมทำไม ตอบมาให้รู้เรื่องก่อน”
“กูก็แค่อยากให้มึงดีใจ เห็นมึงชอบหมา
คิดว่ากลับมาถึงจะกระโจนใส่มันแล้วกระโดดกอดกูหอมแล้วหอมอีกขอบใจที่กูพาน้องมาให้” น้ำเสียงคุณชายแฝงไว้ด้วยความน้อยใจนิด ๆ
ผมถอนใจพรวดเลย อยากบอกว่าก็ดีใจอยู่หรอกแต่คนมันตกใจนี่หว่าเข้าบ้านมา หมากระโดดใส่แถมถามอะไรก็ตอบกำกวม
ผมก็โมโหอ่ะดิ่
“ผมก็ดีใจอยู่นะ น้องก็น่ารัก
แต่ผมก็แค่ถามว่าพี่เอาน้องมาจากที่ไหน
แล้วตกลงใครให้พี่มาครับเนี่ย” ผมสรุปเอาเองว่าใช่แน่ ๆ
ดูจากปลอกคอสวยงามขนาดนี้คิดว่าคงเป็นหมามีเจ้าของ
แต่ติดที่ว่าบ้านเรายังไม่มีอุปกรณ์ของใช้ของน้องหมา
พี่เอย์มันเลยเอาเชือกฟางมาผูกจูงน้องไว้ก่อน
“ไม่มีใครให้มาหรอก กูเก็บได้แถว ๆ นี้แหละ”
“หา!!!!!!” ผมอุทานขึ้นเสียงดัง
มองหน้ามันกับหมาเหรอหรา อะไรคือเก็บได้ นี่เราพูดถึงหมานะ สิ่งมีชีวิตครับ ไม่ได้พูดถึง
ดินสอปากกายางลบ
“มะ.....หมายความว่า ยังไง” ผมเอ่ยคำพูดตะกุกตะกัก
“ก็หมายความอย่างที่บอก
เมื่อเช้ากูออกไปวิ่งเจอน้องเดินอยู่ที่สวนกูเลยเล่นกับมัน
รอตั้งนานมันไม่เห็นจะมีใครมาด้วย พอกูจะกลับมันก็ตามมา เราเลยเดินมาด้วยกัน
มันตามกูมาเองนะไล่ยังไงก็ไม่กลับ กูคิดว่าเป็นหมาของคนแถว ๆ
นี้จูงมันไปเคาะถามทุกหลังแล้วก็ไม่เห็นมีใครว่ายังไง”
“แล้วพี่ก็เลยพามันมาบ้านเรา” ผมผิดเอง
ผมผิดเองที่เมื่อวานดันค้างที่ออฟฟิศเพราะงานต่อเนื่องที่หยุดมือไม่ได้
มันบอกจะตามไปนอนด้วยแต่ผมดันบอกให้มันเฝ้าบ้าน รู้งี้ให้มันไปนอนค้างกับผมเลยยังจะดีกว่าไปพาหมาใครก็ไม่รู้กลับบ้านมาด้วยแบบนี้
“อือ เก็บมันมา น้องน่าสงสาร”
“แต่พี่เอย์ครับ
แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่ามันชื่อดอลลี่”
“กูตั้งให้มันเองแหละ
จะให้เรียกมันว่ายังไงล่ะ คิดตั้งนานนึกได้ว่าเมื่อวานมึงทำสลัดปลาดอลลี่ให้กิน
มันเป็นอาหารที่แปลกและอร่อย กูเลยคิดว่าน้องควรจะใช้ชื่อนี้นะ”
“แล้วมันก็ยอมหันมาตามที่พี่เรียกงั้นเหรอ?”
ผมล่ะเชื่อมันเลยจริงๆ
“อือๆ เราเลี้ยงมันไว้เถอะนะ”
ผมย่อตัวนั่งลงหน้าเจ้าดอลลี่แล้วจับปลอกคอมันขึ้นมาดู
“พี่เอย์ครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่รักน้องนะ แต่เจ้านี่ต้องมีเจ้าของแน่ ๆ น้องแค่หลงทาง
พี่เจอมันตรงจุดไหนเดี๋ยวเราสองคนจูงเจ้านี่ไปรอที่จุดนั้น
เผื่อตอนนี้เจ้าของเขาคงจะตามหา”
“น้องชื่อดอลลี่ไม่ใช่เจ้านี่เจ้านั่นสักหน่อย”
มันเสียงแข็งขึ้นนิดๆ ทำท่าดุผม คงไม่อยากให้ผมแทนดอลลี่ด้วยคำว่า it ด้วยซ้ำ
“โอเคดอลลี่ก็ดอลลี่ เราไปกันได้แล้วใช่ไหมครับพี่” ผมตัดสินใจพูดเด็ดขาดจูงเจ้าสี่ขาเดินนำออกไป อิพี่เอย์หน้างอนิดๆ แต่ก็ยอมเดินตามออกมา
ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ บ้าน
พี่เอย์บอกผมว่าเจอมันตรงนี้ ผมชะลอตัวลงดอลลี่วิ่งเล่นดีใจใหญ่
พี่เอย์มันเดินไปหยิบกิ่งไม้แล้วขว้างออกไปบอกให้ดอลลี่ไปเก็บมา
สองตัวเล่นกันอยู่อย่างนั้น ผมยกข้อมือดูเวลา ดีนะวันนี้กลับมาไม่ค่ำมาก
ว่าแต่เราจะเจอใครสักคนที่เป็นเจ้าของดอลลี่ไหมหว่า...
“ปิงกูว่าพาน้องกลับไปนอนเหอะมันอาจจะหิวนมแล้วก็ได้เจ้าของเขาไปเห็นมาตามหามันเลยนี่”
เวลาเริ่มพลบค่ำ ผมยิ่งงุ่นง่าน มองหมากับมันแล้วร้อนใจ
“น้องไม่ใช่เด็กนะครับ
อายุเท่าไหร่ยังไม่รู้เลยมันจะหิวนมได้ยังไง”
“แต่อย่างน้อยน้องก็คงหิวข้าว”
“อะไรเนี่ย ผมกับพี่ก็ยังไม่กินเหมือนกันนะ”
“งั้นเราก็พาน้องกลับ ทำอาหารกินกันแล้วค่อยพาน้องออกมาอีกก็ได้นี่”
“เรื่องเหอะ ถ้ากลับแล้วผมไม่มาอีกนะ
พรุ่งนี้ค่อยมาก็แล้วกัน” ดึกๆที่นี่น่ากลัวจะตาย ใครจะมานั่งโด่เด่อยู่สองคนเล่า
“นั่นแหละกลับกันนะ
วันนี้ให้ดอลลี่นอนกับเราก่อน” มันทำท่าดีใจเป็นเด็ก ๆ
ช่วยไม่ได้ถึงผมจะรักชอบหมาแต่หมาคนอื่นแบบนี้ผมไม่ปลื้มนะครับ
ข้อหาขโมยเดี๋ยวคุกตารางจะถามหาเอา
“ไม่ใช่ว่าเราขโมยสักหน่อย
แค่ให้น้องกลับไปนอนกับเราก่อน แล้วพรุ่งนี้เราพาน้องออกมารอเจ้าของอีกรอบก็ได้
กูไม่ได้ไปทำงานมึงเองก็หยุดนี่” ผมรู้มันตะล่อมผม
ในที่สุดเราก็พาน้องกลับ
แต่ผมรอบคอบมากกว่าบอกให้มันวาดแผนที่บ้านเราพร้อมบอกเรื่องดอลลี่
แปะติดไว้ที่ม้านั่ง เผื่อเจ้าของดอลลี่มาหาเห็นแบบนี้จะได้สบายใจแล้วรับน้องกลับคืนไป
พอกลับมาถึงบ้านผมทำอาหารให้มันกิน
พี่เอย์กินสองคำยกที่เหลือให้น้องทั้งหมด
จนผมต้องบังคับให้มันกินในจานผมเพิ่มไปอีก
คุณคงเคยได้ยินใช่ไหมมันบอกมันไม่อยากเลี้ยงหมาเพราะกลัวผมรักหมามากกว่ามัน เดี๋ยวมันจะกลายเป็นหมาหัวเน่า
อะไรวะ ตอนนี้ผมนี่ต่างที่เป็นหมาหัวเน่า
คุณชายเอย์ชีวิตดี๊ดีเอาอกเอาใจหมาซะจนผมนี่แหละครับที่หึงจนหน้าจะมืดอยู่แล้ววววววว
ติ๊งต่อง ~ ~ ~
เสียงกระดิ่งหน้าบ้านดัง ผมกับมันหันมองหน้ากันทันที
ก่อนที่ผมจะเดินออกไปดู ผู้หญิงสวย ๆ สองคนยืนชะเง้อชะแง้เข้ามาด้านใน
หน้าตาเธอสวยนะแต่ท่าทางร้อนใจนิดๆเหมือนกัน
“สวัสดีครับ” ผมเดินออกไปทัก
พี่เอย์เองก็เดินตามออกมา ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าดอลลี่ที่วิ่งพรวดออกมาผ่านตัวผมมันกระโจนเกาะรั้วร้องหงิงๆ
ไม่เหมือนเสียงหมายักษ์เลยสักนิด
“จัมโบ้!” หนึ่งในสองคนสวยพูดขึ้นเธอดีใจจนร้องไห้
น้ำตาไหลเชียว ผมรู้ทันทีว่าเป็นเจ้าของเจ้าหมาดอลลี่ชื่อปลอม ๆ
ที่พี่เอย์ตั้งขึ้นมา
ในที่สุดเราเชิญเธอสองคนเข้ามาด้านใน
กล่าวขอบอกขอบใจกันเธอบอกพามันมาเดินเล่นที่สวนนี้เป็นครั้งแรกเจอเพื่อนเลยคุยกันเพลินจนหมาหายไป
เธอตามหามันนะแต่คงคลาดกับพี่เอย์ตลอดเลยไม่เจอ
เธอกับเพื่อนขอบคุณพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ลากลับ
เจ้าดอลลี่ยังมีมาเลียมือบอกลาพี่เอย์กับผมอีกด้วย
พอรถเธอหายลับออกไปคุณชายมองตามไฟท้ายตาละห้อยผมรู้มันเสียใจหงอยเลยตั้งแต่ตอนนั้น
จนกระทั่งดึก ๆ มันนอนกอดเอวผม
“นี่ปิง เมื่อไหร่หมาที่ไอ้วุฒิมันบอกจะให้เรามา
มันจะคลอดวะ กูอยากเลี้ยงน้องอ่ะ”
“หืม?
คงใกล้แล้วอ่ะพี่”
แต่ถึงมันคลอดแล้วก็ต้องรออีกเดือนกว่านะถึงจะพามันมาอยู่กับเราได้
ผมนอนคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
“จริงนะ มึงไปเร่งให้หน่อย
บอกแม่หมาว่าให้คลอดไวขึ้นได้ป่ะวะ เดี๋ยวกูต้องเตรียมซื้อบ้านซื้อชุดนอนให้น้องดีกว่า
โอ๊ะ บ้านไม่ต้องดิ่ กูเป็นวิศวกรเดี๋ยวกูออกแบบเองสร้างเอง
มึงทาสีนะเอาสีอะไรดีต้องเตรียมไว้ก่อนลูกเราจะคลอดแล้ว”
มันทำเสียงตื่นเต้นดีใจจนผมต้องหันไปมองแล้วตีมัน
บอกให้กลับมาสู่โลกของความเป็นจริง พี่เอย์มันบ้าไปแล้ว กวนตีน ผมจะไปเร่งหมาให้มันคลอดลูกได้ยังไงวะ
“กูก็แค่เพ้อไปเรื่อย
เพราะว่าคิดถึงดอลลี่อ่ะ ฮื้อๆๆๆๆๆ” พี่เอย์เสียงเศร้ามันเอาหน้าซุกไหล่ผม
น้ำตาไม่ได้ไหลหรอกแต่ผมรู้ว่ามันใจหาย คงคิดถึงน้องมาก ๆ
ผมเลยเอื้อมมือไปตบหลังมันปลอบใจ
คืนนั้นมันอ้อนให้ผมปลอบมัน....เอิ่มม..ในแบบที่คุณก็คงจะรู้
"ไม่ทำได้ป่ะ"
มันตาเขียวปั๊ดทันทีที่ผมถาม
มือไม้ที่กำลังสอดเข้าใต้เสื้อนอนผมแล้วลูบนี่หยุดชะงักทันที ห้องทั้งห้องเงียบกริบผมได้ยินแต่เสียงแอร์
"อะ...อะไรเล่า ผมก็แค่ถามดู"
บ้าฉิบอยากทำก็ทำไปดิ่ ถามเล่น ๆ นี่ทำหน้าจริงจังทำไมวะ
"เออ ไม่ทำแล้ว" จู่ ๆ มันพูดเซ็ง
ๆ ผละตัวออกจากผมแล้วนอนลงที่หมอนตัวเองเอามือก่ายหน้าผาก ถอนหายใจยาวพรืด
เชื่อป่ะครับ
นี่ครั้งแรกเลยนะที่พี่เอย์นอนเอามือก่ายหัวตัวเองแบบนี้ ผมแอบๆเหล่มองมัน
"เฮ้ยพี่ ผมพูดเล่นนนน"
ผมสิเริ่มร้อนรน นี่มันโกรธจริงเหรอเงียบไปเลยคราวนี้นานด้วย
ผมพูดยังไงคุณชายส่ายหัวลูกเดียว ทำท่าจะหันหนีไปอีกทางผมดึงแขนให้มันหันกลับมา
มันไม่ยอม
"จะโกรธไปไหน
เดี๋ยวง้ออีกหนึ่งนาทีแล้วไม่ง้อต่อนะบอกไว้ก่อน" ผมว่าเสียงเรียบๆ
มันหันขวับกลับมาจ้องผมใหญ่เลย ผมยกสองมือทำท่ายอมจำนน จู่ ๆ
มันดึงผมให้นอนลงแล้วตัวมันขึ้นคร่อม ทำหน้าตาขึงขังพร้อมกับน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ
"กูจะให้มึงพูดใหม่ คืนนี้จะเอากี่ครั้ง"
"ห๊า!!??" ผมอุทานลั่น
มะ...ไม่น่าปากหมาไปถามมันเลย ถ้าไม่พูดยอม ๆ ไปครั้งเดียวก็จบแล้ว
แต่ยิ่งท้าทายกับมันเรื่องยิ่งยาว
คืนนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่ผม
"ตอบช้ากูคุณสอง
ตอบหนึ่งกับสองกูคูณสี่"
ไอ้เหี้ย!
นี่มันเกมส์บ้าอะไร คุณมึงไปเรียนคณิตคิดเร็วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กูตกเลขกระทันหัน
ผมอยากร้องไห้ ร่ำร้องได้แต่ในใจ
"หมาปิง!!" มันตะคอกขึ้น
พี่เอย์กดแขนผมจนจมเตียง คุณชายอาจจะอยากร้ายบ้าง
"สะ....สา.....มมม.." ผมตอบตะกุกตะกัก ขอบตาร้อนผ่าว
ทำท่าทางอ่อนแอสุดขีด ได้ยินแต่เสียงพี่เอย์หัวร่อในลำคอ "หึหึหึ" ใบหน้้าหล่อเหลาร้ายกาจโน้มก้มลงมา
จากนั้นปลายจมูกโด่งก็ซุกลงมาทำหน้าที่ของมัน
ก็รู้ทั้งรู้หรอกว่าอิพี่เอย์มันแกล้งแต่ผมก็สมยอมด้วยล่ะนะ
คึคึคึ