# 44
ผมลืมตาตื่นด้วยอาการงุนงงรู้สึกเหมือนกำลังนอนอยู่ท่ามกลางแผ่นดินสั่นไหวหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้ตัวผมโคลงเคลงได้ขนาดนี้
แรงเขย่าที่แขนและช่วงไหล่ทำให้ผมต้องหรี่ตามองเด็กน้อยตัวเล็กที่กำลังใช้ความพยายามเขย่าตัวผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
“อะไรอ่ะ!?”
ผมงัวเงียถามพลางยันตัวลุกขึ้น
ความทรงจำทั้งหมดช่วงก่อนนอนไหลเทเข้ามาทันที รับรู้ว่าตอนนี้ผมนอนอยู่ที่ออฟฟิศ
หลับไปพร้อมกับเจ้าหนูอันวาตั้งแต่ช่วงเย็น และมีพี่เชนนั่งทำงานอยู่ใกล้ ๆ
พร้อมกับโน้ตบุ๊คคู่ใจของพี่แก แต่ว่าตอนนี้ตัวคนหายไปมีแต่เครื่องที่ยังเปิดหน้าจอค้างไว้
ประกอบกับเจ้าอันวาทำหน้าทำตาแปลกๆเขย่าผมอยู่เนี่ย
“ปิง! ปิง!”
“มีอะไรอันวา”
“ปิง! ตื่นๆ!”
เจ้าตัวเล็กทำท่าทีลุกลี้ลุกลน
“หืม??
มีอะไร” ผมถามย้ำเข้าไปอีก ลุกขึ้นนั่งขยี้ตา ผ้าห่มหล่นจากอกกองลงที่ตัก
“เอตั้นล่ะ”
“เอตั้นทำไม”
“เอตั้นกำลังจะฆ่ายักษ์”
“หืม??” ผมคิ้วมุ่นทวนรูปประโยคอีกหนึ่งครั้งในใจก่อนลุกพรวดลงจากโซฟาเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
อันวาผงะไปนิดท่าทางน้องตกใจ หนูน้อยเงยหน้าอ้าปากหวอมองผม
มือเล็กชี้ไปที่หน้าประตูทางเข้า
สิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็คือ
พี่เอย์มันกดไหล่พี่เชนไว้จนชิดผนัง สองคนกำลังสู้อะไรกันสักอย่าง
พี่เชนเองก็ดันหน้าอกมันไว้ ต่างคนต่างดึงและดันกันไปมา
“ใจเย็นๆได้ไหม
เหี้ยเอ๊ย!” พี่เชนส่งเสียงลอดไรฟัน พยายามแกะมือพี่เอย์ออก
สายตาต่อว่าคนตรงหน้ามาแบบเต็ม ๆ
“ก็แล้วมึงทำเหี้ยไรล่ะ นี่ถ้ากูไม่เข้ามาก่อน มึงไม่....”
“ไม่อะไร!? มึงเห็นกูทำอะไร กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยห่า!” พี่เชนสวนขึ้นเสียงดัง
ก้าวขาทรงตัวไปอีกด้านเมื่อพี่เอย์มันเพิ่มแรงกดขึ้นอีก
“อย่ามาแก้ตัว กูจะฆ่ามึงตอนนี้!”
“แล้วมึงคิดว่ากูจะยืนเฉยๆให้มึงทำเหรอ ห๊ะ!?”
ต่างคนต่างตะโกนใส่กัน
ผมตั้งสติได้พอรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร รีบวิ่งเข้าไปกอดหลังพี่เอย์มันไว้เลย “พี่เอย์พอแล้วครับ”
พี่เชนถูกกดลงที่พื้นแล้วเรียบร้อยสภาพพี่ชายผมนี่คือเสียเปรียบถึงขีดสุด
อันวาวิ่งไปเอาอะไรสักอย่างแถว ๆ โต๊ะซึ่งผมยังไม่ทันได้สนใจ
เพี๊ยะ!!!
“โอ๊ยเจ็บ!”
พี่เชนร้องลั่น
ผมเองก็ตกใจไปด้วยเป็นอันวาไปลากไม้บรรทัดเหล็กอันยาวอันเดิมมาฟาดลงที่แขนพี่เชน
ที่สำคัญกว่านั้นคืออันวาระดมตีลงไปหลายทีมาก
เพี๊ยะๆๆ
“โอ๊ยพอๆเจ็บ”
“อันวาพอแล้วครับ
ไม่เอาอย่าทำอาเชน พอแล้ว” ผมรีบเข้าไปแย่งไม่บรรทัดเหล็กอันยาว ๆ มาถือไว้คว้าเอวน้องมากอด
ในเมื่อยังห้ามพี่เอย์ไม่ได้ผมจะต้องห้ามเจ้าตัวเล็กก่อน
แต่เจ้าหนูคือรั้นมากดิ้นออกจากผมพุ่งตรงไปกระโจนทั้งตัวทับลงไปหาพี่เชน
พี่เอย์ตกใจจนต้องผละออกมา
“อันวา พอ!” พี่เอย์ใช้เสียงเด็ดขาดออกคำสั่ง
น้องอันวาหยุดในทันทีพี่เอย์ดึงเอาน้องออกมา
“เอย์ตั้น
ยักษ์ยังไม่ตายล่ะ” หมาน้อยเงยหน้าบอกพี่เอย์ คล้ายกำลังสนุกที่แด๊ดดี้พากำจัดยักษ์
พี่เชนนี่ได้แต่ส่ายหัว ขณะที่พี่เอย์กลับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เชี่ย! หยุดหัวเราะกูเลย” พี่เชนหอบหนัก ลุกขึ้นยืนแล้วชี้หน้าพี่เอย์
ประมาณว่าฝากไว้ก่อนเหอะอะไรแบบนั้น
“สมน้ำหน้ามึงไง
อยากแกล้งกูดีนักเป็นไงล่ะขนาดเด็กยังดูรู้”
ผมหันมองพี่เชน
คือกำลังงงว่าพี่เชนไปแกล้งอะไรพี่เอย์
ปกติแล้วถ้ามันมารับพี่เชนต้องปลุกผมและอันวา แต่นี่เหมือนพี่เอย์มันมาก่อนหน้านั้นนานแล้วแน่
ๆ ระหว่างที่ผมยังไม่ตื่น เกิดอะไรขึ้น
“พี่เชนไปแกล้งอะไรพี่เอย์อ่ะครับ”
“แกล้งที่ไหน
กูไม่ได้ทำอะไรเลย” พี่เชนยักไหล่ตอบ พลางเบนสายตาไปจ้องหน้ากับเจ้าตัวเล็ก
รายนั้นกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
ผมเลยมองไปที่พี่เอย์อีกครั้ง
“ถุยไม่ได้ทำ
แล้วหมาตัวไหนมันไม่ยอมเปิดประตูให้กู เห็นกูยืนรออยู่แท้ ๆ
ยังมายั่วทำเป็นก้มลงไปห่มผ้าให้ปิง มึงคิดว่ากูเข้าไปไม่ได้
แต่คงลืมคิดว่าประตูออฟฟิศมึงเป็นกระจกงั้นดิ่”
“ก็เพราะมึงมันบ้า
ถีบมาได้ ถ้ากระจกแตกขึ้นมาจริง ๆ มึงจะทำไง”
“ทำไมกูจะต้องทำอะไร
มึงสิที่ต้องเป็นคนทำ”
“เชี่ย
กวนตีน”
“มึงกวนตีนกูก่อนนะ”
“เอาป่ะล่ะ
เอาป่ะล่ะ เอาอีกไหม”
โฮ้ยยยย ผมจะบ้า
สองคนกระโจนเข้าหากันอีกแล้ว อันวาก็ใช่ย่อยนะเดินไปทุบๆๆขาพี่เชน
ปากนี่ร้องด่าแต่ยักษ์ใจร้ายๆ ผมรีบเดินเข้าไปแทรกกลางเลย
“พอสักทีเถอะครับ!”
ผมตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด ใช้สองมือผลักแยกสองคนออกห่างกัน
“ผมจะกลับแล้ว”
ผมพูดแรงๆก่อนเดินไปคว้าเอากระเป๋าที่โต๊ะ แล้วเดินไปจูงมืออันวาพาออกไปด้านนอก
เจ้าหนูน้อยคงรู้ว่าผมโกรธรีบชูมืออ้อน
“ปิง อุ้มๆ”
ผมหยุดยืนมองหน้าน้องนิ่ง
อันวาเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้
ผมรีบช้อนมืออุ้มเจ้าตัวดีขึ้นมา พอๆกับพี่เอย์มันเองก็คงรู้ว่าผมโกรธ
รีบเดินเข้ามาหาทันที
“โกรธอะไรล่ะ
กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
ผมจ้องหน้ามันเลย
อยากจะถามเหลือเกิน นี่เหรอครับที่คุณพูดว่าไม่ได้ทำ ออฟฟิศเละเทะไปหมด
เล่นกันยิ่งกว่าเด็กอนุบาล
“โอ๊ะ....โอ๊ะ....โอ๊ย! เจ็บนะเนี่ย
ไม่เห็นมีใครเป่าให้คนโดนรังแกเล๊ย สักคน” เสียงทุ้มของพี่เชนดังขึ้น เราสามคนหันไปดู
แขนพี่แกแดงเป็นรอยไม่บรรทัด ผมตกใจนิดๆไม่คิดว่าเมื่อกี้อันวาฟาดแรงขนาดนั้น
“เจ็บเลยเนี่ย”
พี่แกบ่นงึมงำทำท่าแบบเจ็บมากแล้วเหล่ตาดูท่าทีของน้องอันวา เจ้าหนูมองรอยแดง ๆนั้นอย่างกล้า
ๆ กลัว ๆ คงกำลังคิดว่ารอยนั้นมันเกิดจากฝีมือของตัวเอง
“อันวาไปดูแผลให้อาเชนก่อนเร็ว
อันวาเป็นคนทำอาเชนใช่ไหมครับ”
หมาน้อยส่ายหัวแรงๆแล้วซุกหน้าลงที่คอผมทันที
แขนเล็กๆรัดไว้แน่นมาก
“อันวาไม่ดู
อันวาเกลียดยักษ์”
พอพูดมาอย่างนี้แล้วผมเลยคิดว่าจะต้องถามให้รู้เรื่องไปเลย
ยักษ์ที่อันวาพูดถึงตั้งแต่เช้านั้นคือใครกันแน่
“ไหนยักษ์
อันวาว่าใครเป็นยักษ์ครับ หืม บอกพี่ปิงได้ไหม”
“อันวาจะช่วยแด๊ด
แด๊ดจะฆ่ายักษ์ อันวาจะช่วย” เจ้าหนูโหนลงจากผมแล้วกระโดดลงพื้นเดินไปชูแขนบอกให้พี่เอย์มันอุ้ม
รายนั้นกว่าจะยอมอุ้ม อันวาต้องดึงเสื้อมันอยู่นาน
“ใครคือยักษ์”
พี่เอย์อุ้มน้องกระชับอกแล้วถาม
“นั่นไงยักษ์”
มือเล็กๆชี้ไปที่พี่เชน
“อันวาเกลียดยักษ์
ยักษ์ใจร้ายอันวาไม่ชอบ” เจ้าตัวเล็กส่ายหน้า ตาเริ่มแดง ๆ ปากเบะออก จู่ ๆ
น้ำตาก็ร่วงผลอยตกลงมา พี่เอย์หน้าถอดสี ผมเองก็ตกใจ น้องไม่ร้องสักแอะ
มีแต่น้ำตาไหลลงมาเรื่อย ๆ จ้องหน้าพี่เชนด้วยแววตาแห่งความเสียใจ
“อันวา” ผมใจหายวาบลูบหัวน้อง
พี่เชนจ้องผมใหญ่ ผมรู้ว่าพี่เขาคงอยากจะให้ผมถามน้องให้รู้เรื่องแน่ ๆ
ผมเช็ดน้ำตาให้น้องอันวา
“ทำไมอันวาถึงว่าอาเชนเป็นยักษ์ล่ะครับ
อาเชนไปทำอะไรอันวาตอนไหนกัน”
พี่เชนก้าวเข้ามาหา
อันวาเบะปากน้ำตาร่วงลงมาอีก พี่เขาชะงักแล้วยืนนิ่งเลย จ้องหน้าน้องอันวาตลอด คงกำลังรอคำตอบจากปากน้อย
ๆ ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าหนูถึงได้ไม่ชอบพี่เขา
“อันวาคิดถึงมัม”
เสียงเล็กๆสะอื้นไห้ซุกลงที่ไหล่พี่เอย์ ผมรีบกอดน้องไว้อีกแรง กลัวว่าน้องจะขาดความอบอุ่นแม้ว่าพี่เอย์อุ้มไว้อยู่แล้วแต่ผมก็คิดว่ายังไม่พอ
อันวาขาดทั้งพ่อทั้งแม่ แน่นอนว่าคงจะเหงา ขนาดผมมีแต่แม่คนเดียวบางครั้งยังอดคิดถึงพ่อไม่ได้แม้ว่าจะไม่มีความทรงจำเรื่องนั้นอยู่เลย
“วันที่มัมมาส่งอันวา
ซีซ่าร์ไปรับอันวากับคุณอาคนนี้ อันวานอนหนุนตักมัมพอตื่นขึ้นมามัมก็หายไป
แล้วอันวาก็เห็นคุณอาคนนี้กำลังกินปากกินแก้มแด๊ดอยู่ อันวามองไปเรื่อย ๆ คุณอาเขากัดลงมาที่คอแด๊ดด้วยเสร็จแล้วก็เอาลิ้นเลีย
อันวาก็เลยคิด ตอนที่อันวานอนหลับ เจ้ายักษ์ใจร้ายมันต้องกินมัมไปแน่ ๆ
ถ้าอันวาไม่ตื่นขึ้นมาก่อน แด๊ดดี้ซีซ่าร์ต้องถูกเจ้ายักษ์นี้จับกินทั้งตัวอีกแน่
ๆ ซีซ่าร์ร้องด้วย ทำหน้าตาเหมือนกำลังเจ็บปวด อันวากลัวยักษ์กิน”
“จะ...จะ..จับ..กะ...กิน....!?” ผมครางไม่เป็นภาษา ตกใจจนไปไม่เป็น อันวาหันมาแล้วกอดผมไว้ทำท่าเหมือนจะให้อุ้ม
ผมจึงรับตัวน้องมาอุ้มอย่างงงๆ พี่เอย์นี่หน้าเหวอไปไม่ต่างกับพี่เชนพี่หน้าหดเหลือสองนิ้วเหลืองซีดแทบเป็นกระดาษ
“ใช่ครับ
ถ้าแด๊ดถูกจับกินไปอีกอันวาจะอยู่กับใคร อันวาไม่ชอบเจ้ายักษ์ใจร้าย”
“จะ....จับกินแบบไหน....กัน..น่ะ!?”
ผมไม่รู้ว่าตัวเองถามออกไปได้ยังไง ปากมันครางไปเองจริง ๆ
อาจเพราะต้องการคอนเฟิร์มอีกรอบ(......มั้งนะ)
“กินแบบนี้....”
ปากเล็กหันมาจูบลงที่ปากผมแบบประกบทันที ผมนี่ตาแทบเหลือกออกมานอกเบ้าขณะที่พี่เอย์กับพี่เชนยืนจ้องอันวาจูบกับผมแบบตาเบิกกว้างกันหมด
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย! / เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย!
/ เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย!”
เสียงเราสามคนตะโกนออกมาพร้อมกัน
แต่แน่นอนว่าคนละความหมาย พี่เชนนี่หน้าเหวอร้องเฮ้ยเพราะโดนจับได้ที่ทำอะไรแปลกๆกับพี่ซ่าร์น่าอายชะมัด! ส่วนพี่เอย์มันเฮ้ยเพราะตกใจที่ผมโดนเจ้าเด็กน้อยจับจูบ
ขณะที่ตัวผมเองทั้งร้องเฮ้ยทั้งผลักน้องอันวาออกเพราะตกใจที่โดนจูบยังไม่เท่าไหร่แต่เรื่องที่พี่เชนไปดูดปากกับพี่ซ่าร์ต่อหน้าเด็กนี่มันน่าตกใจจริง
ๆ
เราสามคนเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งในเย็นย่ำของวันนั้นกับรถยนต์ญี่ปุ่นคันใหม่ของพี่เอย์โดยทิ้งพี่เชนไว้ที่ออฟฟิศอย่างไม่ไยดีโทษฐานทำเรื่องอะไรบ้า
ๆ โดยไม่ดูหน้าดูหลัง อ้อ.. ลืมบอกไปนะก่อนหน้าที่จะไปเที่ยวเกาหลีกันพี่เอย์กับผมไปเลือกรถมาไว้ใช้
พี่เขาตกลงใจซื้อรถญี่ปุ่นแบบครอบครัวยี่ห้อที่ดูๆกันไว้แล้ว ขณะที่มันให้ผมเป็นคนเลือกสี
อยากจะบอกว่าก็สีขาวเหมือนคันก่อน ๆ ของมันนั่นแหละครับ ผมสังเกตมาตลอดพี่เอย์ไม่เคยใช้รถสีอื่นไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหน
เพราะอย่างนั้นผมจึงคิดว่าเอาสีนี้น่าจะเหมาะกับมันที่สุดและที่สำคัญผมก็ชอบนะ
“เอตั้น
อันวาจะกินไอศรีมสามลูกล่ะ” หมาน้อยปีนลงจากรถแล้วรีบวิ่งเข้าไปเกาะขาพี่เอย์
มันกดสวิทล๊อคแล้วจับจูงมือเล็ก ๆ เดินเข้ามาหาผมทันที
อันวากำลังเงยหน้าอ้อนมัน
“เดี๋ยวก่อนๆอันวาเปลี่ยนใจแล้ว
อันวาจะกินห้าลูก”
“จะกินเท่าไหร่ก็ได้แต่ที่สำคัญคือต้องทานข้าวก่อน”
พี่เอย์บอกน้องเสียงเรียบ
“ครับผม
แล้วปิงล่ะ ปิงจะกินกี่ลูก ห้าลูกเท่าอันวาไหม”
“เยอะไปป่ะ”
ผมก้มลงถาม เจ้าหมาน้อยคว้าเอามือผมไปจูงไว้อีกข้าง พี่เอย์มองแล้วเดินอมยิ้มเลย ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเราสามคนเดินจูงมือกันไป
น้องอันวาฮัมเพลงฝรั่งเสียงใสน่ารักน่าหยิก จนผ่านมาถึงบันไดเลื่อน
เจ้าหนูท่าทางจะกลัว ทำหน้าแหยงๆ
“เอตั้นอุ้มหน่อย”
น้องอันวาชูแขนขึ้นช้อนสายตาอ้อน พี่เอย์ส่ายหน้าบอกไม่
“ขึ้นพร้อมกัน
ถ้าอันวากลัวก็ยืนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวแด๊ดกับพี่ปิงขึ้นไปรอข้างบน”
เด็กน้อยเบะปาก
พี่เอย์ยังทำสีหน้าไร้อารมณ์ อันวาเปลี่ยนเป้าหมายหันหน้ามาทางผมทันที
“ปิงครับ
ปิงอุ้มอันวาหน่อย”
ผมถอนใจพยายามไม่มองหน้าคุณชายที่กำลังส่งสายตาปราม
อันวาเบะปากออกอีกครั้งตาเริ่มแดงก่ำ ผมรีบก้มลงไปหากลัวน้องจะร้องไห้ตัดสินใจช้อนตัวขึ้นมาอุ้มไว้แล้วก้าวขึ้นบันไดเลื่อนไป
ก่อนวางเจ้าหนูลง แก้มกลมแดงจัดเมื่อมองเห็นโคนขาอ่อนๆ ของสาว ๆ ที่ขึ้นไปก่อนหน้า
มุดหัวลงมาซุกขาผมพร้อมหัวเราะชอบใจเอิ๊กอ๊าก
“ปิงดูนั่น
เอิ๊กๆๆ”
พี่เอย์คงหมั่นเขี้ยว
มันขยี้หัวน้องจนยุ่งเหยิงไปหมด
“ร้ายนักนะเรา”
“อันวาน่าย๊ากกกก”
ผมส่ายหัวเลย
เราสามคนจูงมือกันเดินเล่น หลายครอบครัว หลายคนที่เดินผ่านมาต่างหันมอง
เจ้าอันวาพอเห็นคนสวยๆก็แจกรอยยิ้ม บ้างก็ทำจ๊ะเอ๋ สาวแท้สาวเทียมต่างมองหนุ่มน้อยกับพี่เอย์เป็นตาเดียว
ไม่ใช่ว่าแค่หน้าเหมือนกัน ทรงผมแม้กระทั่งการแต่งตัวนี่คือถอดแบบพี่เอย์มามากๆ
“กินอะไรกันดี
อยากกินอะไรบอกแด๊ด”
“อืม....อันวาจะพิซซ่า”
หนูน้อยทำท่าคิด กอดอกแล้วเอานิ้วชี้จิ้มมุมปาก
“พิซซ่าไม่ได้
นั่นไว้ค่อยซื้อกลับบ้าน เลือกเป็นข้าว กินแบบไทย ๆ”
“งั้นก็......”
เจ้าหนูเริ่มคิดใหม่คิ้วขมวดกลอกกลิ้งสายตาแล้วชี้ไปที่ร้านใกล้ ๆ “งั้นกินอันนั้น!”
“แต่ร้านนั้นไม่มีไอศกรีม
แบบนั้นยังจะกินอีกไหม”
หมาน้อยส่ายหัวแรง
ๆ พี่เอย์มองหน้าผม ผมเลยเสนอช่วยอีกแรงนึง
“กินโน่นไหม โน่นน่ะ”
ผมชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตกแต่งเมนูไว้ด้านหน้าสวยงามน่ากิน
อันวาตาโตเป็นประกาย
“แล้วร้านนั้นมีไอศกรีมไหมครับปิง”
“มีสิครับ
เดี๋ยวหม่ำๆข้าวเสร็จแล้วพี่ปิงออเดอร์ไอศกรีมให้นะ”
“โอเค”
ใบหน้าเล็กยิ้มจ้าตอบรับเสียงสูง รีบจูงมือผมให้วิ่งตรงไปที่ร้านนั้น
“เดี๋ยวก่อนๆ”
ผมชะลอไว้หน่อยนึง เพราะเจ้าหนูทั้งวิ่งทั้งเดินคิดว่าคงลืมไปแล้วว่ามากับแด๊ดดี้อีกคน
พอหันไปมองเห็นพี่เอย์ยังยืนอยู่ไกล ๆ
แต่ที่สำคัญก็คือคุณชายไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว
“อันวาเดี๋ยวก่อน
รอแด๊ดก่อนครับ” ผมจูงน้องเดินกลับไปหา พี่เอย์กำลังคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด รูปร่างดีมากชุดแซกสั้นโชว์เรียวขาขาวจั๊วะ
“เอย์ตั้นคุยกับใคร?”
น้องอันวากระตุกแขนผมแล้วถาม
“เพื่อนแด๊ดมั๊งนะ
เดี๋ยวเรารออยู่ตรงนี้ก่อน อันวาอย่าดื้อนะครับ แด๊ดคุยธุระอยู่”
ผมกับอันวายืนห่างออกมาประมาณสักสี่ห้าเมตร จะบอกว่าไม่แอบมองเธอเลยเดี๋ยวก็จะว่าผมโกหก
คือก็มองนะแต่ความรู้สึกของผมนี่คือ ยัยนี่มันใครวะ เจ้าอันวายิ่งแล้วใหญ่
จ้องสองคนนั้นแล้วทำท่าเหมือนไม่ได้ดั่งใจ คิ้วเข้ม ๆ
ใบหน้าที่เหมือนกับพี่เอย์เริ่มมุ่น ยุ่งเหยิง
น้องเริ่มดิ้น
จะสะบัดมือผมแล้วเข้าไปหาพี่เอย์
“อันวาครับนิ่ง
ๆ สิ เดี๋ยวได้กินไอศครีมแล้ว รอแปปเดียว”
“อันวาจะไปหาแด๊ด เอย์ตั้นกำลังคุยกับใครน่ะ
ผู้หญิงขี้เหร่คนนั้น ใส่กระโปรงสั๊นสั้นเดี๋ยวจู๋ก็โผล่หรอก”
“เด็กแก่แดด แด๊ดคุยกับเพื่อนอยู่อันวาไม่ดื้อนะครับอยู่ตรงนี้กับพี่ปิงก่อน”
ผมขำมากผู้หญิงที่ไหนใส่สั้นแล้วจู๋จะโผล่ เจ้าอันวาแก่แดดแก่ลมมากจริง ๆ ปกติชอบผู้หญิงสวยนะแต่พอเห็นพี่เอย์ยืนคุยด้วยแล้วเกิดหวงขึ้นมา
“ไม่เอา! อันวาจะไปหาแด๊ด
อันวาไม่ให้แด๊ดคุยกับใคร อันวาหวงไม่ให้คุยกับผู้หญิง”
เจ้าอ้วนหลุดจากมือผมแล้วจริง ๆ วิ่งตรงรี่เข้าไปเกาะขาพี่เอย์
ผู้หญิงสวยมากคนนั้นตาโตเลย เธอทำท่าตกใจไม่น้อย
“เอย์ตั้นอันวาหิวแย้ว
ปิงรอนานอันวาก็รอ แด๊ดจะคุยไปถึงไหนกันน่ะ อุ้มๆๆ”
“อะ...อะ...เอย์???”
เธอสตั๊นไปหลายวิอยู่เหมือนกัน ท่าทางตกใจใช่เล่น
“แด๊ดอุ้มๆ
พิคมีอัพพลีส” หมาน้อยชูสองแขน ช้อนสายตามอง
“มะ...ไม่อยากเชื่อเลย
เอย์มีลูกแล้วจริงเหรอคะ ไม่จริงหรอก หวานไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย
ถามใครๆเขาก็บอกว่าเอย์ยังโสดไม่เห็นควงใครสักที
ตั้งแต่กลับจากนอกก็ไม่เห็นมีข่าวเลยว่าเอย์แต่งงานแล้ว”
“แด๊ดไม่โฉด
แด๊ดมีอันวาแล้ว มีปิงด้วย” พี่เอย์อุ้มเจ้าตัวยุ่งแนบอก แขนกลมกอดคอมันแน่นเลย
“ต๊ายยยเด็กแก่แดดน่ารักน่าเอ็นดู หล่อเหมือนคุณพ่อเปี๊ยบเลย
น่ารักมากค่ะเอย์ หัวทุ้ยทุยทำผมทรงเดียวกับคุณพ่ออีกต่างหาก น่ารักน่าชัง” ดูเหมือนเธอเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วมาก
ปากแดง ๆ กับแพขนตาและมาสคาร่าสีฟ้าเข้มขยับวิ๊งๆไปมา
เข้มจัดไปนะสำหรับกลางวันแบบนี้
“อันวาครับ
สวัสดีพี่เขาก่อนเร็ว” พี่เอย์บอกน้อง
“ไม่เอา
อันวาไม่ทำอันวาไม่ชอบคนขี้เหร่ ใส่สั้นๆ ระวังจู๋โผล่ออกมาแย้ว”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เด็กบ้า!”
ปากเล็กๆนี่ร้ายเหลือมาก
เพราะทันทีที่เธอกรีดร้องขยี้ส้นรองเท้า น้องอันวาหัวเราะร่า
กระโดดลงจากอกแล้วดึงแขนพี่เอย์มาหาผมทันที
เราสามคนเดินห่างออกมาแล้ว
ทั้งผมทั้งพี่เอย์ไม่ได้หันกลับไปมองเธออีก
น้องอันวารีบวิ่งเลี้ยงเข้าไปในร้านอาหารทันที
มารู้ทีหลังว่าเป็นสาวมหาลัยเดียวกันที่เคยตามจีบมันอยู่
“ร้ายนักนะเรา”
พี่เอย์ขยับออกให้อันวาแทรกตัวเข้าไปนั่งที่เบาะด้านใน ก่อนที่ตัวมันจะตามเข้าไป
ส่วนผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มือใหญ่ขยี้ลงที่หัวเล็ก
“ผู้หญิงร้ายกาจ....”
อันวาตีมือพี่เอย์ออก เชิดหน้าแล้วกอดอก
“หืม?”
ทั้งผมทั้งพี่เอย์มองเจ้าหนู
“ถ้าเอย์ตั้นมากับอันวา
เอย์ตั้นไม่ต้องไปสนใจใครหรอก มองแค่อันวาก็พอ”
“หมายความว่ายังไง?”
พี่เอย์ถามเสียงเข้ม พนักงานเข้ารับออเดอร์ผมเลยชี้บอกไป ส่วนเจ้าหนูอันวาชี้เอาแบบเต็มชุด
พอผมถามว่าจะกินหมดไหม หมาน้อยพยักหน้ารัวๆบอกหมดแน่นอน
“แด๊ดครับ อันว่าน่ายักอันวาเป็นเด็กดี
แด๊ดยักอันวาไหม”
เจ้าหนูปีนขึ้นบนเบาะแล้วกอดคอพี่เอย์พร้อมกับจูบแก้มมันไปหนึ่งที
“ถ้าแด๊ดยักอันวาห้ามมองผู้หญิงคนอื่น”
ผมกลั้นยิ้มแทบจะไม่อยู่
เจ้าหนูอ้อนเก่งมากเหมือนใครกันวะ พี่เอย์นี่ทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่กอดตอบเจ้าหนูไว้แล้วมองมาที่ผม
เราสองคนส่งยิ้มให้กัน
“ไปนั่งกับพี่ปิงไป”
“ให้ปิงป้อนอันวาเหรอ”
น้องเงยหน้าถาม พี่เอย์พยักหน้าให้เบา ๆ
เจ้าหนูเลยมุมลอดใต้โต๊ะแล้วขึ้นมานั่งเบาะข้าง ๆ ผม
“อันวายักปิงด้วย
ปิงหวงแด๊ดไหม หวงเหมือนอันวาไหมครับ”
เอาแล้วไง...เจ้าเด็กแก่แดดพูดเข้าเรื่องจนได้
พี่เอย์มันจ้องผมใหญ่เลยดิ คิดว่าคงอยากได้ยินคำตอบ ผมแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้มองโน่นนี่ไปเรื่อย
จนเจ้าหนูตัวดีปีนขึ้นมานั่งลงที่ตัก
“เอตั้นรักปิง
อันวารู้”
หือ?? ผมตาโต
จู่ ๆ เจ้าเด็กแก่แดดกระซิบอะไรเข้าหู
พอเห็นว่าผมทำหน้าทำตาแบบนั้นเจ้าเด็กตัวดีหัวเราะร่ามือกลมๆจับพุงตัวเองแบบตลกใหญ่
“เส้นตื้นป่ะเนี่ย”
ผมเริ่มคิดว่าอาการเส้นตื้นอาจเป็นกรรมพันธุ์
เลยจี้ๆๆ เจ้าพุงกลมยังหัวเราะไม่หยุด
เสียงเริ่มดังขึ้นมาผมเลยเอามืออุดปากเล็กไว้ พี่เอย์มันมองเราสองคนแล้วส่ายหัว
อาหารมาเสิร์ฟพอดีเจ้าตัวเล็กเลยพุ่งความสนใจไปที่ของกินตรงหน้า
เรานั่งทานข้าวกันไปคุยกันไป
อยากจะบอกเลยว่าน้องอันวาเป็นเด็กที่ทานข้าวสะอาดมากไม่เลอะเทอะเลยสักนิด ขนาดใช้ตะเกียบคีบไข่หวานย่างราดครีมซอสยังสามารถทำได้ดีไม่มีตก
พี่เอย์มันจ้องน้องใหญ่เลย อันวายกนิ้วโป้งบอกตัวเองเก่ง
ผมเลยขยี้หัวทุยๆของน้องไป
พี่เอย์จูงมือน้องเลี้ยวเข้าร้านหนังสือสำหรับเด็ก
เจ้าหนูได้นิทานสองภาษาเกี่ยวกับโลกและอวกาศมาสามสี่เล่ม
เรากลับบ้านกันไม่ดึกนัก
แต่ไม่รู้เป็นเพราะเพลงเบา ๆ ซึ้งๆที่พี่เอย์มันเปิดอยู่บนรถบวกกับความอิ่มจากทั้งข้าวทั้งไอศครีมรึเปล่า เพราะว่าตอนนี้ปากเล็กๆของเจ้าหนูอ้าหวอ
ใบหน้าน่ารักน่าหยิกนอนหลับตาพริ้มอยู่ที่เบาะหลังอย่างสบายอารมณ์ มุมปากนั้นยังแอบเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของความสุข
พี่เอย์ชะลอรถลงข้างทางบอกให้ผมไปหยิบผ้าห่มที่ท้ายรถออกมา “อยู่ที่ตะกร้านะ”
ผมรีบวิ่งลงไปเอา
ตะกร้าหวายสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่นัก มีอุปกรณ์และชุดเสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกายที่ถูกพับไว้อย่างดี
พับล่างสุดคือผ้าห่มผืนบาง ๆ พี่เอย์มันเป็นคนสะอาดมากจริงๆนะ
มีระเบียบและเรียบร้อย ต่างกับผมผมที่ชอบรื้อของจนพัง แต่ก็เป็นมันตามเก็บตามพับให้ทุกที
ขอนอกเรื่องนิดนึง
อยากจะบอกว่าตู้เสื้อผ้าคุณชายเรียบร้อยมากนะ
เสื้อเชิ้ตนี่แขวนไล่โทนสีเต็มความยาวของห้อง
ขณะที่ชุดเสื้อยืดใส่เล่นมันก็พับไว้ดีมาก ตอนแรกผมกะว่าจะทำให้เองแต่พี่เอย์ส่ายหัวบอกจ้างซักรีดจะดีกว่าอนุญาตให้ผมเก็บเข้าตู้ให้แค่นั้น
เพราะว่าคุณชายเห็นตู้ผ้าผมยับเยินมาก ก็สไตล์เด็กเทคนิคอ่ะ แมนๆไง เลอะๆหน่อย
จะเอาอะไรมากล่ะ
และเหตุผลนั่นแหละครับที่ทำให้มันไม่ไว้ใจให้ผมจัดการเรื่องเสื้อผ้าให้อีกเลย
ผมเอาผ้าห่มค่อยห่มลงให้เจ้าหนู
ขยับขึ้นไปจนชิดอก จากนั้นเข้ามานั่งประจำที่ตัวเอง แล้วรถก็เคลื่อนตัวขับออกไป
มือใหญ่เอื้อมเข้ามายีลงที่หัว พี่เขาหันมามองขณะที่ผมอ้าปากหาว
“นอนดิ
เดี๋ยวถึงแล้วกูปลุก”
เพราะว่าแอร์เย็นเฉียบมาก
ดนตรีในรถก็เสียงทุ้มนุ่ม ถึงไม่อยากจะนอนก็อดที่จะง่วงขึ้นมาไม่ได้ รถติดไฟแดง พี่เอย์เอื้อมเข้ามาเลื่อนเบาะเอนลงให้
พอหน้าเราใกล้กันเจอมันขโมยจุ๊บไปเต็ม ๆ หนึ่งครั้ง ผมงี้ใจหายวาบกลัวรถเมล์คันที่จอดอยู่ข้าง
ๆ จะเห็น พี่เอย์หัวเราะผมใหญ่ มันผลักหัวผมเบาๆหนึ่งทีก่อนเคลื่อนรถขยับออกไป
พอรถจอดลงที่หน้าบ้านเรา
ผมเป็นคนลงมาเปิดรั้วให้ น้องอันวาหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่อง พี่เอย์จอดรถเสร็จอุ้มน้องเข้าห้องแล้วจัดการวางลงที่เตียง
ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องเป็นชุดนอน เจ้าหนูงอแงนิดๆผมเลยต้องกอดไว้ตบตูดกล่อมเบา
ๆพักนึงก็นิ่งแล้วหลับไป
“พี่เอย์
อาบน้ำครับ” ผมส่งผ้าเช็ดตัวให้มัน คุณชายออกมานอนเปิดทีวีดูอยู่ด้านนอก
วันนี้มาแปลกนึกว่าจะดูบาร์บี้แต่กลับเปิดช่องข่าวกีฬาซะงั้น
“อันวาหลับแล้ว?”
มันดึงแขนผมแล้วรั้งเอวให้นั่งลงข้าง ๆ
“ครับ
หลับเรียบร้อย”
“วันนี้อาบน้ำด้วยกันนะ
ถูหลังให้กูหน่อย” มันลุกขึ้นมานั่งกอดเอวผมไว้ ขายาว ๆ นี่พาดมาอีกด้าน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมนั่งนิ่งให้มันกอดอยู่ที่หว่างขา
“พี่เอย์ลุกเถอะครับ
อาบน้ำให้เรียบร้อยนะเดี๋ยวเข้านอนกัน ดึกแล้ว” จริง ๆ ผมห่วงน้องนั่นแหละ
ปล่อยนอนคนเดียวก็กลัวว่าตื่นมาแล้วไม่เห็นใครนอนอยู่ข้าง ๆ จะกลัว
อยากจะชวนมันเข้านอนเร็ว ๆ ทั้งที่เพิ่งจะสี่ทุ่มเท่านั้น
“งั้นมึงก็ลุกไปเอาผ้าเช็ดตัวดิ
อาบด้วยกัน” พี่เขาดันเอวผมลุกขึ้นแล้วดึงมือบอกจะพาไปอาบน้ำ
ผมนี่ตัวแข็งทื่อเลยนะพอรู้ว่ามันจูงมือเข้าไปในห้อง
“พี่เอย์จะอาบที่ห้องนี้เหรอครับ”
ผมถามตกใจเพราะว่าห้องน้ำในห้องนอนอยู่ไม่ไกลจากเตียง ก็คิดไปก่อนว่าอาบทีไรไม่เคยรอดมือมันกลัวน้องจะได้ยินอะไรแปลกๆ
“ห้องนี้แหละดี
เผื่ออันวาตื่นจะได้รู้ด้วย”
“เฮ้ยพี่เอย์ไม่เอาครับ
ไว้วันหลังเถอะนะ” น้องนอนอยู่ด้วย ผมนี่หน้าเหวอเลยครับ
น้ำเสียงกับท่าทางมันดูหื่น ๆ ขึ้นมาแล้ว
“อย่ามาเรื่องมากหมาปิง
ถอดเสื้อผ้ามึงออกเร็ว” มันคว้าผ้าเช็ดตัวในตู้ผมมาเร็วมาก รุนหลังผมให้เข้ามายืนอยู่ในห้องน้ำของมันเรียบร้อย
คุณชายยกยิ้มเล่ห์ขณะที่กำลังปลดกระดุมเสื้อตัวเองลงทีละเม็ด.....ทีละเม็ด
“ไม่เอาอ่ะ ผะ...ผมจะออกไปอาบข้างนอก”
ผมขยับ ทำท่าจะเดินออกไปมันกระชากแขนทีเดียวปลิวติดผนัง พี่เอย์เวลาหื่นนะมันชอบทำอะไรแรงๆ
กดผมเข้ากับผนังนี่คุณชายทำบ่อยมาก
“อ่ะ...อื้มม”
ปลายจมูกซุกซนกับเรียวลิ้นร้อนๆ เริ่มซุกไซ้ไล้เลียไปทั่วโครงหน้า ยิ่งผมหันหนี ริมฝีปากมันจะยิ่งตามมาขบมาเม้ม
พอเสียงครางผมหลุดออกมาแค่นั้น มือไม้มันจะเริ่มทำงานทันที
“อย่าพี่...มะ..ไม่เอา”
“ไม่ไหวแล้วว่ะปิง”
ผมตั้งสติใหม่อีกรอบ
พยายามไม่เคลิ้มไปกับมัน ดันมันออกจนสุดแรง พี่เอย์มองหน้าผมนิ่งเลย
“พะ....พรุ่งนี้”
ผมพูดปัดๆไปก่อน ดูหน้ามันแล้วรู้เลยว่าไม่พอใจแน่นอน
แต่ทำไงได้น้องนอนอยู่ด้านนอกผมกลัวน้องจะตื่นมาได้ยิน ถึงล็อคประตูแล้วแต่ถ้าเขามาได้ยินมันยิ่งจะไม่ดี
“พรุ่งนี้จริงดิ”
“ครับ จริง
ๆ”
พี่เอย์เว้นช่วงคิดไว้นิดนึงก่อนที่มุมปากจะกระตุกรอยยิ้มขึ้นมา
พอผมเห็น มันรีบตีสีหน้าเย็นชาอีกครั้ง ผมรีบถอยๆๆไปจนชิดประตู ไม่ว่ามันจะกำลังคิดอะไรแต่ขอให้ผมได้ออกไปจากจุดนี้ก่อนดีที่สุด
“เอาแบบนั้นก็ได้
มึงออกไปเหอะเดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน”
ผมยิ้มรับทันที
น้อยครั้งนะที่พี่เอย์มันจะใจดีแบบนี้ส่วนใหญ่ถ้าเป็นเรื่องเซ็กส์คุณชายจะเอาแต่ใจมาก
ถ้ามันอยากนี่ไม่ว่า ณ มุมไหนของบ้านผมโดนมันกอดมาจนเกือบจะหมดแล้ว
ไม่คิดเลยว่าจะยอมปล่อยกันออกไปง่าย ๆ แบบนี้
“แฮ่ๆ” ผมยิ้มเผล่
รีบเปิดประตูออกมาทันทีสิครับจะยืนช้าอยู่ทำไม แอร์ในห้องนอนหนาวมากมองเห็นอันวาดิ้นจนผ้าห่มหลุด
ผมเดินไปปรับอุณหภูมิให้พอดี กระชับผ้าห่ม ห่มให้น้องใหม่ จ้องมองใบหน้าเล็กๆนั่นอีกครั้ง
แพขนตาที่หลับพริ้มยาวสวย จมูกที่โด่งได้รูปรับกับริมฝีปากเล็กสีสดน่ารัก
อันวาหน้าตาเหมือนพี่เอย์มากจริง
ๆ
“อื้อ....อันวายักเอตั้น”
น้องครางละเมอ ผมเสยเส้นผมสีอ่อนขึ้นเบา ๆ ขณะที่มุมปากน้องยิ้มรับอย่างมีความสุข
“หมาปิง” เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมาพร้อมกับใครบางคนในนั้นเรียกชื่อผม
“หยิบผ้าเช็ดตัวเข้ามาให้ดิ๊
กูลืมว่ะ” ผมรีบเดินไปดู พี่เอย์ยังอยู่ข้างใน ส่งแต่เสียงสั่งออกมา ผมมองซ้ายมองขวา
จริง ๆจำได้นะว่าเมื่อเช้าเตรียมผ้าเช็ดตัวพาดไว้ให้แล้วเป็นสีน้ำตาล
หรือว่าบางทีมันอาจไม่ชอบใช้ผ้าสีอื่น
จะมีสีที่คุณชายใช้เป็นประจำคือสีขาวขนนุ่มผืนใหญ่
ขนาดชุดคลุมอาบน้ำมันยังเป็นสีขาวเลยนะ
ผมสไลด์ตู้แล้วคว้าเอาผ้าขนหนูสีขาวออกมา
เดินเข้าไปพาดไว้ให้มัน พี่เอย์ยืนอาบน้ำอยู่ในห้องกระจก เสียงฝักบัวดังซู่ซ่า
ผมมันนิสัยเสียเองถ้าได้แอบๆดูมันจะเร้าอารมณ์มากกว่าไง เลยหันไปแอบดูพี่เขานิดๆ กระจกแม่งใสมากเห็นร่างกายกำยำภายใต้สายน้ำฝักบัวชัดเจน
ขณะกำลังไล่สายตาสำรวจด้วยความอิจฉา จู่ ๆ บ้าฉิบหายพี่เอย์มันหันมาพอดี
สองมือเสยผมขึ้นจากสายน้ำที่รินรดอยู่
“แก้ผ้าเลยเหรอพี่”
ผมหัวเราะแก้เขิน คือทำอะไรไม่ถูก เหมือนมันจะรู้แน่ ๆ ว่าผมแอบมอง
“ใครอาบน้ำไม่แก้ผ้าวะ”
พี่เอย์พูดเรียบๆ
แต่ผมนี่ยังนิสัยแย่อยู่นะ สายตาคือมองต่ำมาก
พยายามห้ามตัวเองแล้วแต่มันอยากเห็นนี่ ถึงจะเห็นกันบ่อย ๆ
แต่เห็นแบบแวปๆแบบนี้มันไม่ธรรมดา ผมเองก็ไม่เข้าใจ รู้สึกหัวใจตัวเองเต้นรัวและเร็วมาก
“มาอาบด้วยกันเร็ว”
“ไม่เอาหรอกครับ”
ผมรีบปฏิเสธ ตั้งสติได้หันหลังให้กะจะเดินออกไปด้านนอก
“งั้นถูหลังให้หน่อย”
“เหี้ย!!”
ผมตกใจร้องอุทานออกมาอย่างดัง
คือใครจะไปรู้มันจะก้าวพรวดพราดออกมาจากห้องนั้นตอนไหน ผมกำลังจะเดินก้าวออกไปได้อยู่แล้วโดนกระชากแขนที่เดียวเข้าไปอยู่ในอ้อมอกมันเลย
พี่เอย์เอามือปิดปากผมไว้ พ่นลมหายใจหื่น ๆ เป่าลมที่ด้านหลัง
“ชู่ว์
อย่าเสียงดัง เหี้ยอะไรจะหล่ออย่างนี้วะ”
ผมรีบหันไปหามันทันที
พี่เอย์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์พูดเสียงกระเส่าอยู่ริมหู
มันดึงแขนผมลากเข้าห้องอาบน้ำจนได้ เนื้อตัวผมเปียกปอนสายน้ำไปหมด
“เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อนพี่”
ผมพยายามจะห้าม มือนึงจับกรอบประตูกระจกไว้ คุณชายช้อนสายตาอ้อน
“ของกูขึ้นแล้วอ่ะ
รับผิดชอบมาเลย”
“เรื่องเหอะ
พี่ขึ้นเองนี่” ผมก้มลงมอง พระเจ้า! ลูกชายมันทำมุมเกินเก้าสิบองศาไปแล้ว ชี้ขึ้นมาที่หน้าผมเลย
ผมรีบถอยกรูจนหลังชิดฝา กระจกในห้องเปียกไปหมด พอๆกับเสื้อผ้าของผม
“ทำไงดีวะ
กูยังเด็กกูไม่รู้จริงๆนะเนี่ย พี่ปิงครับสอนเอย์หน่อย
ของเอย์ตั้งแล้วพี่ปิงช่วยผมหน่อยนะ”
พี่เอย์แม่งมันบ้า
มันจับลูกชายตัวเองชักๆๆแล้วเดินหน้าเข้าหา ผมถอยๆๆเอาหลังไถกับผนังหนีมัน
อิพี่เอย์หน้าด้านสุดมันยังสาวลูกชายต่อไปไม่ยอมหยุด ผมเองก็สุดจะทน
อยากแล้วเหมือนกันนะเฮ้ย
“พะ....พี่เอย์
อย่าครับ” ผมเสียวสันหลังวาบตอนที่โดนมือของพี่เขาเขี่ยแล้วบีบเข้าที่หัวนม ทั้งที่ปากผมยังปฏิเสธอยู่แต่ใจนี่ไปแล้วเกือบครึ่ง
“ช่วยกูหน่อย”
มันพูดเสียงพร่า
“ตะ...แต่....น้องนอนอยู่ข้างนอก”
“หลับไปแล้ว”
“ไม่เอาอ่ะ”
ดู๊ดูผมยังปฏิเสธ อยากตบปากตัวเองสามครั้ง
“งั้นมึงยืนเฉย
ๆ เดี๋ยวกูทำของกูเองเกาะบ่ากูไว้ดิ๊”
ผมชั่งใจอยู่ไม่นานระหว่างทำแบบเต็มสูตรกับยอมให้มันทำจนเสร็จไปฝ่ายเดียว
แต่พี่เอย์มันคงคิดว่าผมกำลังชั่งใจประหนึ่งให้มันทำดีหรือไม่ให้ทำเลย
มันไม่เข้าใจผมหรอกว่าผมเองก็อยากเหมือนกัน
แต่ปากผมแม่ง....
ผมตัดสินใจส่ายหัว
อิพี่เอย์แกล้งทำหน้าเหี้ยม “ผมกลัวน้องตื่น”
“ไม่ตื่นหรอก”
มือมันทั้งลูบทั้งคลำ กางเกงผมหลุดลงไปกองที่หน้าขาแล้ว เสื้อยืดสีขาวก็ถูกมันดึงออกทางศีรษะ
“งั้นจะเอาไงล่ะ?
ถ้าไม่ทำในนี้มึงก็รู้นะกูลากออกไปทำที่เตียงข้าง ๆ อันวาเลยเอาดิ”
ผมขบฟันเลย
ยกขาถอดยีนส์ออกในทันที คุณชายยิ้มร้ายพยักหน้าแล้วบอกผมทำดีมาก ตัดสินใจได้ดี
ผมแกล้งหลบจูบมัน
“ห้ามทำถึงที่สุด! ผมจะยืนเฉยๆ” อะไรที่ทำให้ผมพูดออกไปแบบนั้น T_____T
พี่เอย์ทำตาเจ้าชู้
มันจับมือผมเกาะบ่ามันไว้ ริมฝีปากโน้มเข้ามาบดขยี้ เราสองคนขยับเข้าไปอยู่ภายใต้สายน้ำ
เสียงจูบแลกลิ้นดังครางอื้ออึง อารมณ์ผมนี่มาจนเต็มครับ ส่วนพี่เอย์ไม่ต้องพูดถึงมันครางกระหึ่มนานแล้ว
พอปราการสุดท้ายของผมหลุดร่วงลงไป ทุกๆอย่างก็ดำเนินไปตามสเต็ป ที่บอกว่าผมจะยืนเฉยๆน่ะมันไม่ใช่แบบนั้นหรอก
พออารมณ์อะไรต่อมิอะไรมันมาแล้วผมนี่แหละตัวดีเลยทั้งลูบทั้งเร้ามันจนอิพี่เอย์ที่ครางเสียงต่ำในลำคออยู่แล้วต้องควบคุมลมหายใจแทบบ้า
ผมไม่ยอมเป็นท่อนไม้หรอกนะ ผมเองก็มีเทคนิคที่สำคัญของผมอยู่ เซ็กส์ของผมต้องสนุกและเร้าใจ
ขณะที่คุณชายยังคงความหื่นเหมือนวันวานและวันก่อนๆ
แม้ว่าเราจะห่างเรื่องอย่างว่ากันไปแค่คืนเดียว
แต่ท่าทีที่มันกอดผม....ราวกับว่าตายอดตายอยากมาสามสี่ปี
“อื้ออ....พะ....พี่..เอ...ย์....” ผมร่ำร้องเสียงน่าเกลียดตามจังหวะกระแทกกระทั้นของสะโพกสอบ พี่เอย์อมยิ้มน้อยใหญ่
เรื่องที่ว่าห้ามทำจนถึงที่สุดอะไรนั่น มันไม่มีหรอกครับ
ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างของมันชำแรกแทรกเข้ามาจากทางด้านหลังแล้วเรียบร้อย
ท่อนแขนแกร่งกอดรัดผมไว้ ลิ้นร้อนไล้เลียไปทั่วทั้งติ่งหู ลำคอและลาดไหล่หลัง
คุณรู้ไหมว่า...เวลาที่กอดกันภายใต้ละอองของสายน้ำ มันรู้สึกดีมากๆจริง
ๆ นะ ความเจ็บอะไรต่าง ๆ ไม่ค่อยมีหรอกมีแต่ความเสียวซ่านเข้ามาแทนที่มากกว่า
ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ถ้ายังไม่เคยคุณต้องลองนะครับ
“ปิง....อูยย...สุดยอด....มันส์แบบนี้ขออะไรให้หมดเลย” เสียงทั้งครางทั้งหอบน้ำเสียงมีแต่ความรัญจวนราวกับคนกำลังสำลักความสุข
กอดรัดลำตัวผมแน่นขึ้นอีกเป็นสองเท่า ร่างกายที่ร้อนฉ่าปะทะกับสายน้ำเย็นๆ
ขณะที่ผมดันนึกอะไรสนุกๆออก ก็เพราะมันอยากแกล้งมารยาเรียกผมเข้ามาในนี้ดีนัก
คราวนี้ผมจะแกล้งมันกลับบ้าง ดูซิคุณชายจะทำหน้าทำตาแบบไหน
“พี่ ผมมีอะไรจะบอก”
“อะไร” มันทั้งถามผมทั้งพยายามกับส่วนล่างของมันไป
เสียงเนื้อหนังปะทะหน้าขามันผสมกับเสียงน้ำ
เริ่มดังขึ้นมากพอๆกับความเสียวซ่านที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ผมถึงกับต้องยันมือกับผนังห้อง
“ผมเป็นทอมมีจู๋”
มันหยุดชะงักทันที
ทุกการกระทำหยุดนิ่ง เอาล่ะเหวยผมคิดในใจหน้าตาคุณชายจะเป็นแบบไหนวะ ผมค่อย ๆ หันไปมอง
หน้ามันนี่แบบเรียบเฉยมากเหมือนเจอเรื่องเหนือธรรมชาติยังไงอย่างงั้น
ผมกลั้นหัวเราะแทบจะไม่อยู่
อิพี่เอย์มันจะไปเชื่อเรื่องโกหกแบบนั้นได้ยังไง ผมโพล่งหัวเราะก๊ากออกมา
เจอโบกกะบาลมาอย่างแรง เมื่อมันรู้ว่าโดนผมแกล้ง คราวนี้คุณชายจัดหนักจัดเต็มยิ่งกว่าเดิมเป็นผมนี่แหละที่ซวย
“เชี่ย
มันใช่เวลามาเล่นเหรอ” พี่เอย์จัดการผมต่อ
“ก็พี่ทำบ่อยแบบนี้เกิดผมท้องขึ้นมาทำไง”
“กูอยากให้มึงท้องแบบฉิบหายเลยล่ะ
จะได้จับแต่งงานแล้วผูกมัดไว้กับกูแค่คนเดียวเนี่ย”
“ขนลุก
อย่าพูดเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้เหอะ”
“เออ แล้วใครเล่นก่อน”
“....”
ผมเถียงต่อไม่ออกเพราะตัวเองเป็นคนเริ่มเล่นจริง ๆ
เลยแกล้งหันเหความสนใจร้องครางแบบหยาบคายเร้าอารมณ์ตามที่ไอ้บาสเพื่อนตัวดีมันสอนมา คราวนี้พี่เอย์ยิ้มเลยสิ
และแล้วในที่สุดกิจกรรมหนักๆก็เสร็จสิ้นไป หน้าตาพี่เขานี่สดชื่นยิ้มร่ามาก
มีบอกให้ผมอาบน้ำถูหลังให้ ผมเลยรีบๆจัดการแล้วไล่ให้มันออกมา
ก่อนทำความสะอาดร่างกายตัวเองบ้าง ตอนแรกพี่เอย์มันไม่ยอมบอกจะทำให้ผมอายสิครับ
รีบดันๆมันให้พ้นๆเลย
ผมอาบน้ำเสร็จเดินเช็ดหัวเข้าไปที่เตียงมองน้องอันวาที่ยังนอนหลับตาปุ๋ยไม่รู้เรื่อง
พี่เอย์มันดึงแขนผมให้นั่งลงใกล้ ๆ ช่วยเช็ดผมให้ ผมสะบัดๆๆ มันเลยเขกกะบาลมาทีหนีบขาล็อคตัวผมให้นั่งดี
ๆ
“นั่งเฉยๆดิวะ
นิ่งๆ” แล้วมันก็จัดการเช็ดให้ต่อ หยิบไดร์เป่าผมมาเปิดแบบเบาๆเป่าพอให้หมาด
“พี่เอย์นอนก่อนเลยนะครับ
คืนนี้ผมมีงานต้องทำต่ออีกหน่อย” ผมบอกมันหลังจากที่เดินเอาผ้าเช็ดตัวไปผึ่งตากในห้องน้ำ
คุณชายนอนหนุนแขนรออยู่แล้ว
“อะไร! งั้นวันนี้ก็ไม่ได้กอดอ่ะดิ” มันทำหน้าตาตื่นเด้งตัวลุกขึ้นมาถาม ผมนี่ปรี๊ดขึ้นมาทันที อะไรคือคำว่าไม่ได้กอด!? ก็เมื่อกี้หมาตัวไหนมันกอดผมเสียงดังอยู่ในห้องน้ำนั้นกันวะ
มือผมเร็วมากคว้าหมอนที่ตกอยู่หน้าเตียงฟาดไปหามันทันที
“แล้วไอ้ที่ทำในห้องน้ำเมื่อกี้นี่มันเล่นชิงช้าสวรรค์หรือไงครับ! นั่นมันก็กอดแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมว่าดุๆ พลางส่ายหน้าไม่อยากจะสน
เดินไปเปิดเครื่องคอมฯ เปิดโคมไฟดวงเล็กที่โต๊ะหนังสือ เตรียมจะเขียนโปรแกรมงานที่ค้างไว้ต่อ
เสียงสวบสาบดังมาจากเตียงเห็นคุณชายขยับไปห่มผ้าให้น้องอันวาใหม่ แล้วตัวมันก็หอบหมอนหอบผ้าห่มของตัวเองเดินมาหาผม
ผมเงยหน้ามอง
คำถามที่เกิดขึ้นในใจก็คือ....พี่เดินมาทำไม??
ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก?? จะมายืนมองผมทำงาน??
“จะนอนใกล้ๆ”
มันว่าเสียงอ้อน วางหมอนวางผ้าห่มลงไปที่พื้นพรหม ตัวคนนี่นั่งลงไปแล้วข้าง ๆ
เก้าอี้ผมเลย
“พี่เอย์ครับ
พี่ไม่ใช่เด็กสามขวบนะ ขนาดอันวายังนอนคนเดียวได้เลย”
“ไม่สนอ่ะ
งืมม..ม”
มันฮึดฮัดขัดใจบ่นอะไรไม่รู้อยู่คนเดียวขณะทิ้งตัวนอนลงไปพร้อมกับห่มผ้านวมผืนโตจดชิดอก
ทำท่าหลับตาอีกต่างหาก ผมมองมันแล้วก็มองน้องที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก่อนตัดสินใจลุกขึ้นแล้วดึงแขนมันขึ้นมา
“ไปนอนที่เลย
เดี๋ยวผมเอางานไปนั่งทำใกล้ๆ พี่เอย์ลุกครับ”
คุณชายรีบลุกขึ้นในทันที
สายตากลอกกลิ้งสุดจะเจ้าเล่ห์ มันไม่ช่วยผมขนหรอก แค่หอบเอาหมอนเอาผ้าห่มตัวเองกลับไปนอนลงที่ริมเตียง
มองผมขนย้ายอุปกรณ์มานั่งทำอยู่ข้าง ๆ
นี่ผมเริ่มจะคิดแล้วต่อไปจะเอาโต๊ะทำงานวางไว้ที่ตรงนี้ไปเลยไม่ต้องย้ายไปย้ายมา
ในที่สุดเจ้าผู้ใหญ่จอมงอแงก็หลับไป
ภายในห้องมืดๆมีเพียงโคมไฟตั้งโต๊ะดวงเล็กกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เปิดหน้าจอโปรแกรมค้างไว้
บรรยากาศที่เงียบสงบไร้เสียงใดๆรบกวนมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่แทบจะไม่ได้ยินดังลอดออกมา
ผมหน้าร้อนฉ่าเมื่อดันไปนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำนั่นอีก คือเราสองคนเร่าร้อนกันมากจริง
ๆ ผมรีบสะบัดหัว ตัดสินใจครอบเฮดโฟนอันใหญ่เปิดเพลงช้าเบา ๆ
เรียกสมาธิของตัวเองกลับคืนมา
คืนนั้นจำได้ว่าพี่เอย์มันตื่นขึ้นมาประมาณตีสามเรียกผมที่ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะให้ขึ้นไปนอนด้วยกัน
ปลายจมูกโด่งฝังลงที่เรือนผมนุ่มหอมอย่างรักใคร่
มือใหญ่เข้ากอบกุมมือเล็กถ่ายทอดความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาอย่างอ่อนโยน
พี่เขาเอื้อมตัวไปจูบแก้มน้องอันวาเบา ๆ ก่อนแตะสัมผัสแผ่วเบาลงมาที่แก้มผมบ้าง
เราสามคนนอนกอดกันและกันไว้อย่างอบอุ่น ผมเคลิ้มจวนจะหลับเสียงทุ้มต่ำกระซิบคำหวานลงที่ริมหู
ทำเอาผมเผลออมยิ้มที่มุมปากจนหลับไป
“...โชคดีจริง ๆ ที่ได้เจอกัน....”
Tbc.
*ตอนหน้าจบแล้วค่ะ อย่าลืมตามอ่านนะ*