#36 พี่เอย์โกรธผมแล้ว
“ให้กูส่งที่ไหน?”
ผมหันขวับมองหน้ามันทันทีที่ได้ยินคำถามนี้
เสี้ยวหน้าคนขับที่เฉยเมยมาก
....พี่เอย์โกรธผม....
ตั้งแต่ออกมาจากร้านเราไม่ได้คุยอะไรกันเลยพี่เอย์พูดน้อยมากถ้าไม่จำเป็นคือไม่พูดเลย
หน้าผมพี่เขาก็ไม่มองนะคือหลีกเลี่ยงชัดเจนมาก มันงอนผมเรื่องแฟนคนเดียวกับเรื่องน้องโบว์แลกไลน์น่ะแหละ
ก่อนหน้านี้
เราหกคนแยกย้ายกันกลับพี่ซ่าร์ท่าทางเมามากอ้อนพี่เชนตลอดบอกให้ไปส่ง
กว่าจะตกลงกันได้ผมต้องกล่อมอยู่นานมากสรุปคือพี่เชนพาพี่ซ่าร์กลับ ไอ้วุฒิขับรถพี่ซ่าร์กลับให้บอกว่าจะเอาไปจอดไว้ที่คอนโดพี่เอย์ส่วนผมกับพี่เอย์กลับด้วยกัน
หมาบาสซิ่งมอไซด์กลับคนเดียวมันบอกจะแวะไปกินข้าวต้มอีกต่างหาก
“ไรเนี่ย
พี่โกรธผมจริงอ่ะ?”
“ตกลงให้กูส่งที่ไหน?”
ผมเงียบหน้ายุ่งเอามือไปวางที่ตักมันแล้วลูบ
ๆ พี่เอย์ยังเฉยไม่สนใจกันสักนิด อะไรคือการเล่นตัวแล้วเปลี่ยนเรื่องถามวะ ทำไมต้องถามล่ะว่าจะให้ส่งที่ไหนพรุ่งนี้ผมไม่มีงานสักหน่อยเราอยู่ด้วยกันที่ห้องเล่นกันได้เป็นครึ่ง
ๆ วันนะ ผมคิดว่าพี่เอย์จะพาผมกลับห้องมันเสียอีก
“ตกลงให้กูส่งที่ไหน
จะถึงทางแยกแล้ว”
ผมเงยหน้ามองมันเอนหัวไปพิงที่ไหล่
“...บ้านครับ
ส่งผมที่บ้าน”
ผมตอบไปเบา ๆ
รถเลี้ยวแยกไปทางขวาทันที ผมหลับตาลงอย่างผิดหวัง ดึกมากแล้วเกือบ ๆ ตีสอง
บรรยากาศภายในรถเงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงเพลง คราวนี้โกรธหนักเลยดิ ผมยังไม่เคยเจอสถานการณ์ที่พี่เอย์มันโกรธมากขนาดนี้ด้วย
“พี่เอย์ครับ...”
“......”
“พี่เอย์ผมไม่ได้อะไรนะ
แค่คุยกันเล่น ๆ
ผมมีพี่อยู่แล้วผมไม่คิดจริงจังกับใครหรอกครับ น้องเขาน่ารักดีเลยยิ้มให้คุยด้วยสนุกกันธรรมดา
สุดท้ายน้องเขาจะขอแลกไลน์ผมก็เลยจะเอาขึ้นมาเม็มตามมารยาท
แต่สาบานได้เลยนะไม่คิดตอบกลับนะครับ”
นี่คือเรื่องจริงนะครับ
มีคนขอแลกไลน์ผมเยอะมากทั้งหญิงทั้งชายนั่นแหละผมก็ให้นะไม่หวงเลยเพียงแต่ผมไม่เคยตอบกลับเลยก็แค่นั้น
ผมรักเดียวใจเดียวเหอะไม่งั้นสามปีมานี่ผมเปลี่ยนแฟนไปหลายคนแล้วดิ
ผมเงยหน้ามองมันทั้งที่ยังซบอยู่ที่ไหล่
พี่เอย์ขับรถไปเรื่อย ๆ
ผมมองดูที่ข้างทางร้านรวงปิดไปหมดแล้วมองเห็นเพียงร้านสะดวกซื้อที่เปิดทั้งวันทั้งคืนยังคงมีไฟนีออนสว่างจ้า
ขยับตัวมานั่งดี
ๆ ในเมื่อพิงก็แล้วซบก็แล้วคนขับอย่างมันก็ยังไม่สนใจ ผมก้มหน้านิ่งรอคอยมือใหญ่ของใครบางคนมาลูบลงบนหัว
แต่รอนานเท่าไหร่ก็ไม่มีฝ่ามืออบอุ่นนั้นเลย พี่เอย์เฉยเมยมาก ผมแอบมองมันตาปริบ ๆ
ใกล้จะถึงบ้านแล้วด้วย
“พี่เอย์ครับผมไม่....
“ถึงบ้านมึงแล้ว”
พี่เขาพูดตัดประโยคอย่างไร้เยื่อไยขณะที่รถจอดลงที่หน้ารั้วบ้านพอดี
ผมหันไปมองมันอีกครั้งพี่เขาทอดสายตามองไปที่ด้านหน้าไม่หันมาหาผมด้วยซ้ำ
“อย่าโกรธกันดิ
แบบนี้ไม่เอานะพี่”
“......”
“พี่ก็รู้ผมขี้เล่น
ผมเล่นไปทั่วอ่ะ เก็บเอามาคิดมากทำไม”
“.....”
“พี่เอย์ครับผมไม่...
“ลงไปได้แล้ว”
คำพูดไร้เยื่อไยแบบนี้ที่ไม่ได้ยินมานานมากแล้วตั้งแต่เราสองคนยังเป็นแค่นายจ้างลูกจ้าง
ตั้งแต่วันที่สองเรายังไม่รู้จักสนิทสนม
ผมส่ายหัวตัดสินใจกดสายเบลท์ออกจากไหล่
คิดจะชวนมันนอนค้างด้วยกันที่นี่ป็นอย่างสุดท้ายที่จะทำได้แล้วสำหรับวันนี้
“ถ้ายังไงพี่นอนที่นี่ด้วยกั....
“ลงไปได้แล้ว
ดึกแล้วกูจะรีบกลับ”
คำชวนให้นอนค้างที่นี่ด้วยกันยังไม่ทันจะพูดจบ
กลับถูกขัดขึ้นกลางทางอีกครั้ง ความน้อยใจตีตื้นขึ้นมา ผมมองหน้ามันอย่างอ่อนใจก่อนตัดสินใจเปิดรถออกไป
อากาศข้างนอกหนาวมากผมห่อไหล่เสื้อหนาวไม่ได้ใส่ไปด้วย ลมเย็นพัดโกรกพากลิ่นหอมของดอกไม้มาตามสายลมอ่อนๆ
รถออดี้สีดำที่ผมเพิ่งก้าวลงมายังไม่ยอมเคลื่อนตัวออกไปแต่จะเพราะอะไรก็ช่างคนขับก็ไม่สนใจจะเดินลงมาส่งผมแม้แต่น้อย
ผมก้าวเข้าไปกดกริ่งเรียกยืนรอคอยด้วยความหนาวเย็น ครู่หนึ่งพี่ขมเปิดออกมาดูพอเห็นว่าเป็นผมพี่เขารีบวิ่งมาเปิดให้ทันที
“อะไรเนี่ยปิงอากาศหนาวออกทำไมไม่ใส่เสื้อกันหนาวฮึเรา”
พี่เขารีบพาผมเข้าบ้าน เสียงรถเคลื่อนตัวดังขึ้นที่ด้านหลัง ผมหันกลับไปอีกครั้งรถพี่เอย์ขับออกไปแล้ว
นี่มันโกรธผมขนาดนี้เชียว??
“ไปเที่ยวมาเหรอ
กลิ่นบุหรี่หึ่งเลยนะ”
ผมพยักหน้ารับเบา
ๆ “แม่หลับแล้วเหรอครับพี่ขม”
“หลับไปแล้วพี่ขมก็หลับแล้ว
ปิงควรโทรมาก่อนนะถ้าจะมานอนบ้านดึกดื่นแบบนี้ มายืนรอคนเดียวอันตรายรู้ใช่ไหม”
ผมพยักหน้ารับเบา
ๆ บอกพี่ขมว่าหนาวแล้วขอตัวไปอาบน้ำ พี่ขมเดินไปปิดไฟให้
ผมเดินเข้าห้องพิงบานประตูอย่างเหนื่อยใจรู้นะว่าตัวเองผิดเต็ม ๆ
เลยแต่ไม่คิดว่าพี่เอย์มันจะจริงจังขนาดนี้ ตรง ๆ เลยนะผมคิดว่าพี่เอย์จะแค่งอน อย่างไรเสียคืนนี้คงจะค้างด้วยกัน
ไม่งั้นอย่างเลวร้ายที่สุดมันน่าจะเดินลงมาส่งผมจนกว่าพี่ขมจะมาเปิดให้ ลูบหัวกันสักหน่อยด่าอีกสักนิดในแบบของมัน
แต่นี่อะไรวะไม่ใช่เลยทำเหมือนกับว่าเราไม่ใช่แฟนกัน
เฉยเมยและเย็นชามาก
นี่ความผิดผมมากมายขนาดต้องทำกันแบบนี้?
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
กดมือถือโทรหามันอีก ต้องง้อดิผมคิด ผมผิดผมต้องง้อ แฟนผมทั้งคน
เสียงเรียกรอสายนานมาก
ผมอดทนรอคิดว่ามันจะไม่รับเสียแล้ว แต่ในที่สุดพี่เขาก็กดรับ
“พี่เอย์ครับ”
ผมเรียกมันทำเสียงอ้อน
“มีอะไร”
คนตอบน้ำเสียงเย็นชาได้อีก
“พี่ถึงห้องรึยัง”
“....ถึงแล้ว”
มันเงียบไปนิดก่อนจะตอบว่าถึงแล้ว
เหมือนผมจะได้ยินเสียงเพลงเบา ๆ นะหรือว่าพี่เอย์ยังไม่ถึงห้องยังอยู่บนรถ ผมคิดว่าต้องพยายามชวนคุยเสียงพี่เอย์ยังตึงอยู่มาก
“อากาศหนาวจังครับ พี่เอย์อาบน้ำหรือเปล่า อย่าบอกนะว่า...
“โทษทีนะปิงถ้าไม่มีอะไรสำคัญกูขอวางก่อน
ดึกแล้วอยากจะพัก”
“.......”
ผมเงียบไปกับคำพูดของมัน
เสียงที่ปลายสายเงียบไปแล้วเหมือนกัน ทางนั้นคงรอให้ผมกดวาง
“.....ครับ”
ผมกดวางสายถอนหายใจยาวเอนตัวลงนอนมือก่ายหน้าผาก
เอาวะไว้ง้อต่อพรุ่งนี้ คืนนี้ดึกมากแล้วกว่าจะนอนหลับปาเข้าไปเกือบตีสี่ สารพัดวิธีง้อที่จะคิดขึ้นมาได้
เช้าตรู่
ร้านส้มตำแม่ตะนาวศรีเปิดทำการเป็นปกติ
“แม่ครับวันนี้อยากฟังเพลงอะไรเดี๋ยวปิงเปิดให้”
ที่ร้านของแม่จะเปิดเพลงเพื่อชีวิตเบา
ๆ คลอไว้ตลอดทั้งวัน คุณนายเธอชอบฟังเพลงพี่ขมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะชอบไปกับแม่ผมด้วย
แม่ว่าไงพี่ขมก็ยิ้มตามใจดีตั้งแต่ผมเป็นเด็กโน่นแหละ
“เอาเพลงนี้นะ”
เสียงเพลงสัญญาเมื่อสายันต์ของไทธนาวุฒิดังขึ้นแม่ยิ้มใหญ่เลย
ผมจัดการกับสายลำโพงที่มันหล่นออกมาจากรางเก็บสายไฟที่แนบติดอยู่ที่เสา นานๆทีจะอยู่บ้านต้องตรวจเช็คในสิ่งที่ผู้หญิงมองข้ามกันหน่อยพวกสายไฟหลอดไฟปลั๊กไฟถ้ามีตัวไหนไม่เรียบร้อยผมจะจัดการเปลี่ยนให้คุณนายเธอใหม่ทั้งหมด
เรื่องแบบนี้ไม่ประมาทเด็ดขาด
“ปิงโหลดเพลงของอรวีมาให้แม่ด้วยสิลูก
วันนั้นพี่ขมไปซื้อรวมชุดมาจากตลาดแม่ชอบนะ”
“ปิงเคยทำมาให้แล้วนี่ครับแม่”
“มันหายน่ะสิ
แม่เก็บดีเกินแฟลตไดร์ฟก็อันเล็กมาก เผลอวางไว้ที่ไหนไม่รู้ หายเลย”
“อ๋อได้ครับได้
เดี๋ยวปิงจัดการให้ใหม่”
“มาๆกินข้าวกันก่อนเร็วเข้า
เดี๋ยวลูกค้าเข้ามาแล้วจะยุ่ง” พี่ขมเรียกมาจากด้านนอก พี่เขาหาข้าวหาปลามาตั้งไว้ที่นอกชาน
ผมกับแม่เดินเข้าไปนั่งลงด้วยกัน เดี๋ยวนี้ที่ร้านมีลูกจ้างมาช่วยงานเพิ่มอีกสองคนแม่กับพี่ขมเลยไม่ยุ่งมากนัก
“ปิงเข้าออฟฟิศรึเปล่าลูกวันนี้”
“คิดว่าจะเข้าไปช่วงบ่ายน่ะครับ
มีงานค้างนิดหน่อย แม่มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่าจ๊ะถามดู
เห็นเราอยู่ช่วยแม่ได้เลยแปลกใจไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้ระหว่างเราสามคนนานแล้วนี่”
ผมขยับเข้าไปกอดเอวคุณนายไว้แล้วเอียงหัวซบไหล่เล็ก
แม่วางช้อนเอามือขึ้นมาลูบหัวผม
“คิดถึง” เสียงแม่เบามากแต่ก็อบอุ่นมากเช่นกันผมหอมแก้มแม่เบา
ๆ พักหลังมาผมทำงานหนักตลอดค้างทั้งที่ออฟฟิศที่ห้องพี่เอย์นานๆทีถึงจะมาค้างที่บ้าน
“ปิงรักแม่นะ
รักพี่ขมด้วย” เห็นทีตั้งแต่นี้ต้องแวะมาค้างที่บ้านให้บ่อยขึ้นแล้ว
ชวนพี่เอย์มาค้างด้วยกันบ่อย ๆ แม่คงไม่ว่าอะไรมั้งนะ
เราทานข้าวกันเสร็จ
เริ่มมีลูกค้าทยอยเข้าร้าน แม่กับพี่ขมเทคแคร์ไป ผมเองก็เอาโน๊ตบุคที่ทิ้งไว้ที่นี่มานั่งเข้าเนตเล่นไปเรื่อย
ๆ โต๊ะริมระเบียงใต้ร่มเงาของต้นลีลาวดีต้นใหญ่ถูกผมจับจอง ขณะที่ลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ
ก็ทานอาหารกันไปแดดไม่ร้อนนะอากาศเย็น ๆ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ผมดูเวลาเห็นว่าสายมากแล้วคิดว่าพี่เอย์คงจะตื่นแล้วล่ะ
ผมจึงกดโทรหา
รอสายนานมากแต่ไม่มีคนรับจนสายตัดไปเองผมคิดไปว่าคุณชายคงยังไม่ตื่น
ไว้ค่อยโทรใหม่ วันเสาร์แบบนี้อาจจะนอนหลับอุตุอยู่บนที่นอนแน่ ๆ
เวลาผ่านไปเรื่อย
ๆ ผมเขียนโปรแกรมโหลดเพลงเล่นให้คุณนายจนเสร็จ พี่เชนโทรเข้ามาถามว่าจะเข้าออฟฟิศไหม
“ไปครับพี่
เดี๋ยวบ่าย ๆ”
“มึงจะบ่ายแค่ไหนวะ
นี่มันบ่ายสองแล้ว”
“อ้าวเหรอ”
ผมเล่นคอมฯลืมเวลาไปเลยได้ยินพี่ขมเรียกกินข้าวเที่ยงนะแต่ก็เออออไปบอกเดี๋ยวเข้าไปกินเอง
แม่เอาแตงโมสีแดงฉ่ำมาวางไว้ให้ผมก็ยังไม่ได้แตะเลย ขอจิ้มกินสักชิ้นก่อนลุกขึ้นเก็บเครื่อง
“แม่ครับเดี๋ยวปิงจะออกไปแล้วนะ”
“ไปยังไงลูก
ปิงจะเดินไปเรียกรถเหรอ เอารถแม่ไปไหม”
“ไม่ครับไม่เป็นไร
เดี๋ยวปิงเดินไปเรียกแท็กซี่แปปเดียว” มอไซด์ผมจอดอยู่ออฟฟิศ
“เอาข้าวไปกินตอนเย็นไหมเดี๋ยวแม่ห่อให้เอาไปฝากเชนเขาด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ”
ผมเดินเข้าไปกอดแม่กอดพี่ขม พาดเป้ขึ้นบ่าแล้ววิ่งลงบันไดชานไม้เตี้ย ๆ
เดินออกมาไม่นานก็ถึงถนนใหญ่เรียกแท็กซี่
“สายนะมึง
หิวข้าวเนี่ย” พี่เชนเงยหน้าขึ้นจากงานทักผมตั้งแต่ผลักประตูเปิดเข้าไป
“เมื่อคืนพี่เชนนอนไหนครับ”
“นอนนี่แหละ
ทำไม”
“เปล่าครับผมถามดู”
อะไรวะพี่เชนหลบตาผมทำไม
ทำท่าทางแปลกๆคล้ายคนมีความผิดอะไรผมเก่งนะเรื่องแบบนี้จับได้หมดแหละแต่ตอนนี้รู้สึกหิวเหมือนกันวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้เห็นเสื้อใครสักคนพาดไว้ใกล้
ๆ แต่ผมไม่ได้สนใจ เดินเข้าไปหาของกินในตู้
“ต้มเผื่อกูด้วย”
“มาม่าเหรอ”
ผมปิดตู้เย็นแล้วหันไปร้องถาม พี่เชนพยักหน้าหงึก ๆ
สรุปว่าบ่ายวันนั้นเราโซ้ยมาม่ากันสองคน ต่อด้วยการนั่งทำงานกันจนเกือบจะเย็น
ไร้ซึ่งเสียงโทรศัพท์ผม
นิ่งสนิท
“เมื่อคืนพี่ไปส่งพี่ซ่าร์เขาถึงบ้านป่ะ”
ผมนึกอะไรไม่รู้จู่ ๆ ถามขึ้น
“กะ...ก็ เออ
มะ...มึงถามทำไม”
“เปล่าครับก็ถามดู
พี่ซ่าร์ดูเมา ๆ” ผมมองหน้าพี่เขา พี่เชนจ้องผมนิ่งเลย ทำไมตอบตะกุกตะกัก เสื้อใครคนนั้นที่พาดอยู่ใกล้
ๆ สะกิดใจผม นั่นมันเสื้อที่พี่ซ่าร์ใส่เมื่อคืนนี่หว่าไหงมาพาดอยู่ที่นี่วะ เสื้อคลุมสีดำ
ผมเหล่มองคนข้าง ๆ แล้วอมยิ้ม อะโด่วเอ๊ยพาพี่เขามานอนที่นี่แน่ ๆ
ทำเป็นตอบว่าไปส่งถึงบ้าน หึหึพี่เชนไม่รู้เรื่องหรอกว่าผมรู้ทันแล้วผมก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อนะ
เรานั่งทำงานกันต่อไป
เวลาล่วงมาถึงตอนเย็นตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่รู้เลย สี่โมงเย็นแล้ว
ผมตัดสินใจกดโทรออกหาพี่เอย์อีกครั้ง
เสียงรอสายนานมากอีกแล้ว
ผมรอคอยไปเรื่อย ๆ สายตัดไปสองทีแต่ผมก็ยังตื้อจะโทรหาต่อ
“สวัสดีครับ”
ไม่ใช่เสียงพี่เอย์ที่เป็นคนรับ
ผมอึ้งนิด ๆ
“ฮัลโหล...”
ทางนั้นกรอกเสียงมาอีก
“ครับ
ผมขอสายพี่เอย์” ผมรู้แล้วว่าเป็นใคร วันนี้พี่เอย์ไม่ได้ทำงานนี่
ทำไมถึงมีเลขาคนสนิทมารับสายให้แบบนี้วะ
“เอย์ประชุมครับ
ตั้งแต่เช้าเลย ช่วงบ่ายก็ลากยาวกันมายังไม่จบเลยครับตอนนี้เบรกช่วงสองอยู่เอย์เขาเดินออกไปพักน่ะครับ
ลืมมือถือวางทิ้งไว้ผมเห็นปิงโทรมาหลายครั้งแล้วกลัวว่าจะคอยเลยตัดสินใจรับให้”
“ครับไม่เป็นไร
ไว้ผมค่อยโทรไปใหม่”
“ยังไม่รู้เลยนะครับว่าวันนี้เราจะเสร็จกันกี่โมงคิดว่าอาจจะลากไปจนดึกถ้าไม่เสร็จคงต่อกันพรุ่งนี้อีก
ถ้าไงจะให้ผมบอกให้เอย์โทรกลับไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ
เดี๋ยวพี่เอย์เห็นเบอร์ผมโทรไปคงโทรกลับมาเอง ไม่รบกวนคุณเลขาหรอกครับ”
“แต่เบอร์คุณโทรเข้าเครื่องเอย์ตั้งแต่เช้าแล้ว
คือ...คือว่าผมยังไม่เห็นเอย์เขาโทรกลับไปเลย ถ้าไงเดี๋ยวผมบอก.....”
“ไม่รบกวนคุณหรอกครับ
ถ้าพี่เอย์ว่างเดี๋ยวคงโทรมาหาผมเองขอบคุณที่ช่วยเทคแคร์แฟนผม
ขอบคุณที่ช่วยรับสายให้ ผมวางแล้วนะครับ”
ผมกดวางสายอย่างหัวเสีย
“เชี่ยเอ๊ย!” ผมสบถแล้วลุกขึ้น เดินออกไปล้างหน้าล้างตา
พี่เชนหันมามองตอนผมนั่งเช็ดหน้าเช็ดหัวอยู่
“ปิดเครื่องแม่ง!”
ผมพูดอยู่คนเดียวกดปิดเครื่องแม่งเลย ต่อให้เปิดก็ไม่มีหมาตัวไหนมันโทรมาหาหรอก
“เป็นไรวะ”
ผมส่ายหัว
เข้าโหมดงานของผมต่อ พี่เชนยังจ้องผมอยู่นะผมหันไปมองพี่เขาลุกเข้ามาหา
“เป็นไร
ทะเลาะกัน?”
ผมนิ่งไปนิดก่อนตัดสินใจพยักหน้า
“แล้วเมื่อกี้ใครรับสาย”
“เลขาพี่เขา
เห็นว่ากำลังประชุมกันอยู่”
“คนที่มึงเล่าให้กูฟังนั่นเหรอ
ที่เรียนมาด้วยกันกับแฟนมึง”
ผมพยักหน้าอีก
พี่เชนยกมือขึ้นมาลูบหัวผม น้ำตาผมแทบทะลัก
มือใหญ่และเย็นที่ผมรอคอยตั้งแต่เมื่อคืนแทนที่จะเป็นมือของพี่เอย์ที่ลูบหัวปลอบใจผม
กลับกลายเป็นมือของใครอีกคนที่ผมคิดกับเขาแค่พี่ชายเสมอมา
“พี่เคยเห็นเลขาพี่เอย์ไหม”
“เคยเห็นครั้งนึง
ใช่คนตัวเล็กๆหน้าตาคล้ายผู้หญิงออกทอมๆหน่อยนั่นใช่ไหม
กูเห็นเขาสองคนเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยกัน ตอนนั้นขึ้นไปดูงานที่ชั้นงานวิศวกรรม
ชั้นเก้ามั้ง สองคนนั้นดิวงานกับพนักงานอยู่”
“เขาน่ารักใช่ไหมพี่”
“ใช่
น่ารักเลยเหมือนผู้หญิงมาก”
ผมส่ายหน้าแล้วจ้องหน้าจอต่อ
ช่างแม่งทำงานของผมดีกว่าไม่มีมันสามปีผมก็ยังอยู่มาได้จำเป็นอะไรผมต้องมีแฟนแล้วเจ็บปวดอยู่แบบนี้
ผมคิดมากนะขี้หึง และหวงของที่เป็นของผม
บ้าฉิบ! วันนั้นให้พี่เขาไล่มันออกจากงานเลขาบ้าบอนั่นซะก็จบแล้วทำตัวเป็นนางเอกแล้วเป็นไงล่ะที่นี่
เจ็บใจเองสมน้ำหน้าตัวเองดีป่ะวะ
“ปิง”
พี่เชนเรียกขึ้นผมสะดุ้ง พี่เขาเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้กอดบ่าผมไว้แล้วตบเบา ๆ
“ใจเย็นมึง
ต่อให้คนๆนั้นน่ารักหรือดีแค่ไหนถ้าแฟนมึงไม่ได้ชอบเขาเรื่องมันก็ไม่มีอะไรนะ
ตอนนี้มึงกำลังคิดมากไปอีกแล้ว เขาบอกว่ากำลังประชุมกันมันก็แน่นอนที่เลขาจะต้องนั่งอยู่ด้วยกันกับแฟนมึง
คิดอะไรวะนี่ถ้ามึงเป็นแฟนกูนะเตะโด่งออกนอกประตูเลยเนี่ยโทษฐานหึงจนเลือดขึ้นหน้าไม่ดูเหตุดูผล”
“ช่างดิ่
ผมหึงจริงอ่ะ”
“พูดกับเด็กเป็นแบบนี้ล่ะน๊อ
กูล่ะสงสารแฟนมึงจริงจริ๊ง แล้วเรื่องเมื่อคืนมึงผิดร้อยเปอร์เซ็นต์มีอย่างที่ไหนไปม้อสาวแบบนั้นกูนั่งอยู่ข้างบนยังเห็นเลย
แฟนมึงมีเหรอจะนั่งเฉยอยู่ได้”
“แต่ผมก็แค่คุยเล่น
ๆ ไม่ได้คิดจริงจังนี่”
“แล้วถ้าแฟนมึงเขาไม่ลงไปเรียกมึงสองคนจะแลกเบอร์กันอยู่แล้ว
ต่อไปผู้หญิงคนนั้นเขาไลน์มาโทรมาตื้อมาวุ่นวายมึงจะทำไง”
“ผมไม่เคยตอบหรอก
ผมไม่มีทางทำแบบนั้น มันก็แค่มารยาทผู้หญิงเขาขอแลกผมเลยจำเป็นต้องเอาโทรศัพท์ผมขึ้นมาก็แค่นั้นพี่”
“แล้วทำไมมึงไม่เลือกที่จะพูดว่า
‘ขอโทษนะครับผมมีแฟนแล้ว’ แบบนั้นล่ะปิง”
“.......”
ผมก้มหน้านิ่ง รู้ว่าผิดเต็มประตูไม่มีอะไรจะเถียงหรอก ผมก็พยายามจะง้อและคิดว่าจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
แต่อะไรกันวะโทรไปดั๊นมีเรื่องเลขามันรับสายแทนอีกทำผมปรี๊ดแตกขึ้นอีกรอบ
คืนนั้นผมนั่งทำงานจนดึกดื่น
เอามือถือมาเปิดเครื่องอีกทีคือตีหนึ่ง มีมิสคอลแจ้งไว้หนึ่งสายผมดีใจเกือบตาย พอกดดูดันเป็นไอ้หมาบาส
ผมบ่นๆๆๆแล้วไลน์ไปด่ามัน จากนั้นปิดเครื่องเลย พี่เชนแอบหัวเราะผมด้วย
คืนนั้นก็ถดไถนอนกันอยู่ข้างโต๊ะเหมือนเดิม
และวันต่อมาเช่นกันกับวันเสาร์ไม่มีสายเรียกเข้าจากพี่เอย์แม้แต่ครั้งเดียว
อดน้อยใจไม่ได้เมื่อนึกว่ามันคงประชุมอยู่กับพนักงานของมันโดยมีคุณเลขานั่งอยู่ข้าง
ๆ ไม่ห่าง
“ออกไปกินไอติมกันไหม”
เสียงพี่เชนถามขึ้น
ผมนั่งทำงานตั้งแต่เช้าจนค่ำไม่เงยหน้าไปไหนทั้งสิ้นพี่เชนนึกสงสารมั้งเลยชวน
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
คืนนี้ผมมีแผนไว้แล้ว
ในเมื่อโทรไปง้อแล้วไม่รับเดี๋ยวจะตามไปหาที่คอนโดมันเลยดิ
ยังไงคุณชายก็ต้องกลับไปนอนที่ห้องอยู่แล้วนี่
หนึ่งทุ่มกว่า
ๆ ผมออกจากออฟฟิศ คร่อมมอไซด์กำลังจะสตาร์ท พี่เชนออกมายืนบ๊ายบายยิ้มเยาะ ผมชี้หน้าคาดโทษไปพี่เขาเบะปากทำท่ากลัว
“มึงจะกลับมานอนนี่ไหม”
“เดี๋ยวดูก่อน”
ผมว่าแล้วโบกมือให้เลี้ยวรถออกไปจุดหมายคือคอนโดหรูหราของแฟนผมเองผมเข้าไปวนดูรถพี่เอย์มีแค่คันเดียวแสดงว่ายังไม่กลับวันนี้มันใช้ออดี้
ส่วนบีเอ็มยังจอดอยู่ที่เดิม ผมตีรถมอไซด์คันเก่งมาจอดลงที่จอดประจำของผมตั้งแต่เมื่อครั้งกระโน้น
สองทุ่มแล้วอากาศเริ่มเย็นผมลงมายืนที่ใต้ชายคาออฟฟิศทำความสะอาดเล็กๆที่ปิดไฟไว้จนมืด
ที่เก่าที่ผมเคยมายืนนับชั้นของอาคารฝั่งตรงข้าม
ตึกเจ็ดสิบชั้นริมน้ำเจ้าพระยาโดยที่ห้องเป้าหมายสำหรับการนับวันนี้ของผมยังคงเป็นห้องเดิม
ชั้นห้าสิบ
ห้องพี่เอย์
ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาผมห่อไหล่นิดๆ
ลืมเอาหมวกแก็ปมาด้วยเสื้อคลุมก็ไม่ได้ติดมา สายตายังทอดไปที่ตึกสูงหรูหราใกล้ ๆ
ผมเริ่มนับจากชั้นบนลงมา หนึ่ง-สอง-สาม พอถึงยี่สิบ
ห้องนั้นยังปิดไฟไว้
ผมนับอีก คราวนี้นับจากล่างขึ้นบน
หนึ่ง-สอง-สาม
พอถึงชั้นห้าสิบ
โอเคห้องนั้นยงคงมืด
เกือบสี่ปีที่ผ่านมาสายตายังใช้ได้นะ ผมยกหน้าจอมือถือขึ้นดูไม่มีสายเรียกเข้า
เวลาตอนนี้คือสี่ทุ่มนิดๆแล้ว นึกถึงวันนั้นที่ฝนตกพรำแล้วผมมาหลบฝนอยู่ที่นี่ใต้ชายคาเล็กๆลำบากมาก
ต้องยืนหลบฝนอยู่ตรงนี้จนถึงตีสองมั้งนะถ้าจำไม่ผิด
ผมดูเวลาที่หน้าจอมือถืออีกครั้งก่อนทิ้งตัวนั่งลงที่พื้น
มองดูสวนหย่อมฝั่งตรงข้ามมีดวงไฟสีส้มลูกกลม ๆ
จากโคมประดับที่เรียงตัวเป็นแนวทอดไปตามทางเดิน
.....รอ.....
ผมรอจนรู้สึกขึ้นว่า
อะไรกันวะทำไมเวลาจนป่านนี้มันยังไม่เข้าห้องอีก
หรือว่ายังคงมีประชุมต่อเนื่องมันจะเกินไปไหมประชุมอะไรกันทั้งวันแบบนั้น
ไม่มีเวลาที่จะโทรกลับมาหาผมเลย โกรธกันมากมายขนาดนั้น??
คุณเชื่อไหมผมรอจนตีสอง
ทั้งฟังเพลงทั้งเล่นเกมส์ในมือถือแบบไร้สมาธิมาก คอยจดๆจ้องๆชั้นนั้นไว้ตลอด
จนแล้วจนรอดป่านนี้ก็ยังไม่เปิดไฟ
ผมส่ายหัวแล้วตัดสินใจลุกขึ้นจับรถมอไซด์ขับกลับบ้าน
พี่ขมออกมาเปิดให้อีก
“ฮัทชิ่ว” ถูจมูกฟึดฟัด
“ทำไมไม่ชอบใส่เสื้อหนานะเรานี่”
พี่ขมบ่นอุบเลย เดินเข้าไปในห้องน้ำบอกเปิดน้ำอุ่นไว้ให้แล้วรีบเข้าไปอาบ
“พี่ขมปิงหนาว”
ผมรู้สึกว่าตัวสั่น ๆ กอดอกจะเดินเข้าห้องพี่เขารีบเข้ามาจับดูที่หน้าผาก
“ตัวไม่ร้อนนี่
เดี๋ยวเช็ดตัวดีกว่านะอย่าอาบน้ำเลย”
“พี่ขมปิงคอแห้ง
หิวน้ำด้วยครับ”
“เรานี่จริงๆเลยน๊าปิงเอ๊ย
ไปไหนมาเนี่ยตากลมจนตัวเย็น เดี๋ยวถ้าพรุ่งนี้ตัวร้อนนะแม่ด่าแน่ๆอ่ะ” น้ำอุ่นๆในกระติกถูกเทออกมาให้ผมดื่ม
ผมค่อย ๆ จิบ แม่จะมีกระติกเก็บความร้อนตั้งไว้เวลาดื่มกินตอนกลางคืน
“พี่ขมปิงหนาว”
ปากผมเริ่มสั่น “ปิงนอนด้วยนะครับ”
ผมเดินเข้าห้องแม่เลย
น้ำท่าไม่อาบแม่งแล้วหนาวมากปีนขึ้นเตียงเข้าไปนอนกอดแม่ คุณนายตกใจพลิกตัวหันมาผมซุกอกแม่เลยนะ
หนาวทั้งกายหนาวทั้งใจแม่เอาวิคที่หัวเตียงมาทาหน้าอกให้ผม ผมรู้สึกแสบ ๆ แน่นจมูก
แม่กระชับผ้าห่มให้จนชิดอก
“ตัวอุ่น ๆ
นะเราทากันไว้ก่อนลูก พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้สบายตัว”
“แม่ครับปิงหนาว”
ผมอ้อนแม่ ซุกอกหลับตาลงแน่น อยากร้องไห้ พยายามไม่คิดอะไรให้มากท่องไว้ว่าพี่เขาทำงานๆๆๆๆๆ
พรุ่งนี้ผมต้องเข้าที่อัศวคอนแต่เช้า ผมจะต้องหาเวลาขึ้นไปหาพี่เอย์ให้ได้ไม่รู้ว่าพี่เขาจะเข้าศูนย์รถก่อนไหมหรือจะเข้าที่นั่นเช้าเลย
ผมคิดไว้ว่าจะโทรถามหมาบาสอีกที
เช้าวันต่อมาผมมีไข้ต่ำๆแต่ยังไงก็ยังอยากไปทำงาน
วันนี้ต้องเข้าที่อัศวคอนตอนเช้าพร้อมพี่เชน ไม่รู้สึกปวดหัวหรืออะไร คิดว่าคงเป็นเพราะตากน้ำค้างมากไปเมื่อคืน
เดี๋ยวสาย ๆ
คงจะดีขึ้นแม่โทรบอกพี่เชนไว้ว่าผมตัวร้อนพี่เชนโทรมาด่าแล้วบอกให้หยุดไม่ต้องเข้าไปทำงานผมเลยบอกไปว่าไม่เป็นไรหายแล้ว
“อย่าดื้อนะมึง
ถ้ามาเจอกูแล้วตัวมึงยังร้อนนะกูจะจับมึงยัดใส่รถพากลับบ้านจริง ๆ”
“หายแล้วพี่”
“เออให้มันจริง
อยู่ไหนถึงยัง”
“ถึงแล้วครับกำลังเดินเข้าไปเนี่ย”
ผมลงจากมอไซด์รับจ้างที่เรียกต่อมาจากบีทีเอสใกล้สุดจ่ายตังค์
บ๊อกๆ บ๊อกๆ
เสียงลูกหมาดังมาจากที่ไหนสักแห่ง
ผมมองซ้ายมองขวา กดวางสาย
บ๊อกๆ
เสียงเห่าเล็กๆยังดังมาอีก
เห็นหางสีขาวปนน้ำตาลอ่อนเล็กๆไหวๆอยู่ด้านหลังโขดหินของป้ายทางเข้าบริษัท
เลยย่องเข้าไปดู หมาตัวเล็กมากๆมัดจุกสีม่วงเงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่แบบ...น่ารักมาก
บ๊อกๆ บ๊อกๆ
มันเรียกอีกเลียปากไปมาผมย่อตัวลงลูบหัวมัน
“มึงหิว?”
“บ๊อกๆ”
มันตอบรับ ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายเจอขนมปังโดนัทเลยแกะให้มันกิน
หมาน้อยเลียปากส่งยิ้มให้ผม มองผมตาแป๋วเลย ดีที่เมื่อเช้าแม่เอาขนมใส่ไว้ให้
ผมแบ่งกับมันกินกัน
“มึงขอบใจกูดิ่”
“บ๊อก”
“ดีมาก”
ผมยิ้มให้มันลูบหัวอีกครั้ง มันกระดิกหาง ทำท่าขออีก ผมยกมือโบ๋เบ๋บอกหมดแล้ว
“เย้ยยยยยย!!” จู่
ๆมันกระโจนเข้าหาผมเลยนะ รับเอาไว้แทบไม่ทันเลียหน้าเลียตา เสื้อเปื้อนไปหมด
มันย่ำโคลนอยู่ด้วย
“บ๊อกๆ บ๊อกๆ”
“มึงชื่อไรเนี่ย
กูจะเข้าไปทำงานแล้วเดี๋ยวสาย ขืนเล่นกับมึงต่อกูโดนไล่ออกแน่ ๆ”
“บ๊อก”
“เฮ้ยไม่เอาอย่าเลียดิวะ
หมาลามกเหรอมึง คึคึ หน้ากูเปียกหมดแล้ว”
ผมหัวเราะหลบลิ้นสีแดงสดของมันที่เลียแก้มผมแผลบๆ ทำไมมันน่ารักงี้วะ
ที่คอมีชื่อห้อยไว้ด้วย มันดิ้นไปดิ้นมาผมอ่านไม่ได้
หมาใครเนี่ย??
“นี่ตัวเล็กกูถามว่ามึงชื่ออะไร”
“บ๊อก”
ผมหัวเราะมันนิดๆ
หมาอะไรวะแม่งทำหน้าทำตาอ้อนกูเหลือเกิน มึงนะมึงจะน่ารักไปไหน
จุกที่มันมัดเป็นกิ๊บโบว์สีม่วงชิสุตัวเล็กๆมีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ๆ เหมือนขนนุ่ม ๆ
ของมัน ขนไม่ค่อยยาวมากน่าจะอายุไม่เกินขวบนึงหรอก มันส่ายตูด หางไกวดุ๊กดิ๊ก
“หมูปิ้ง”
ผมหันขวับไปตามเสียง
ไอ้ตัวเล็กกระโดดลงจากตักผมทันที มันวิ่งดุ๊กๆเข้าไปหาผู้ชายคนหนึ่งในชุดทำงานเหมือนกันกับผม
หน้าตาท่าทางน่าจะรุ่นผมนี่แหละ
เขายื่นสองมืออกมารับมันแล้วอุ้ม
ผมยืนขึ้นกระชับสายกระเป๋าที่บ่าแก้ขัดเขิน
คือคิดว่าน่าจะเป็นหมาของเขาที่ผมบังอาจมาเล่นด้วยแถมยังเอาขนมให้กิน
“เดี๋ยวพี่ปูนพากลับบ้านแล้วครับ
คนเก่งรอที่นี่เก่งมาก”
ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
สรุปว่าไอ้หมาน้อยตัวนี้มีเจ้าของจริงสินะ มิน่าล่ะมัดจุกสวยเชียว
เขามองมาที่ผมแวบนึงก่อนอุ้มเจ้าหมาน้อยเดินไปขึ้นรถที่จอดชะลอแอบไว้ที่ฝั่งทางออก
จับให้มันนั่งหน้าคาดเข็มขัดให้แล้วตัวเองวิ่งอ้อมไปขึ้นที่ฝั่งคนขับ
จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกไป
หมูปิ้ง??
น่ารักดีนี่หว่า
หมาน้อย ><
ผมเดินเข้ามาด้านในปัดๆเสื้อที่เปื้อนโคลนจากขาเจ้าหมาน้อยออกจากอก
ขึ้นลิฟต์แป็ปเดียว ก็เดินมาถึงห้อง เจอพี่เชนนั่งหน้ายักษ์อยู่ที่โต๊ะ พอเห็นผมปุ๊ปพี่เขารีบลุกขึ้นมา
“เป็นอะไร”
น้ำเสียงคือตกใจมาก มองเสื้อผ้าผมใหญ่เลย
“รถล้ม?”
“เปล่าครับ
เปล่าๆ”
“โกหกป่ะเนี่ย
แล้วเสื้อผ้ามึงไปถูกอะไรมา”
“เล่นกับหมา”
“หมา?”
“ใช่ครับ เจอหมาน่ารักที่หน้าบริษัทเลยแวะเล่นกับมัน
เปื้อนเลยดิ”
“สมน้ำหน้า
หมาอะไรของมึง ไอ้แดง ไอ้ดำ ไอ้เขียว หรือไมโลโจโจ้โอล่ะพ่อ”
“บ้าแล้วพี่
น้องชื่อหมูปิ้ง เป็นชิสุ น่ารักมว๊ากกกกกก รักเลย”
“จริงดิ่
ของใครว่ะ”
“ไม่รู้อ่ะเจอที่ป้ายหน้าบริษัท
ผมเลยแบ่งขนมให้น้องกิน สักพักเจ้าของเขามาเรียกมันแล้วก็พากลับไป”
“พนักงานที่นี่เหรอ”
“มั้งนะ ใช่แหละใช่ๆ”
ผมนึกถึงชุดที่เขาสวมพร้อมป้ายชื่อที่ห้อยคอก็น่าจะใช่พนักงานที่นี่ล่ะนะ
ดูเวลาที่ข้อมือก่อนกดคอมเปิดเครื่อง เตรียมทำงาน
เสียงมือถือดังขึ้นรีบควักออกมาด้วยความดีใจ
นึกว่าจะเป็นของใครคนนั้นที่มันงอนผมอยู่ แต่หน้าจอคือชื่อไอ้หมาบาส
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
อะติ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมแกล้งมัน พูดไม่เป็นศัพท์ตรงภาคภาอังกฤษกวนตีนไอ้บาสเล่น
“อ่ะจ๊ะๆๆลูกพี่ปิงสุดยอดแห่งความกวน
หายยัง?”
“หายเหี้ยไร”
“เอ๋าโทรไปบ้านแม่บอกพี่ตัวร้อนเมื่อคืนไปแรดมาอีกอ่อ”
“เปล่า”
“แล้วไหนแม่บอกพี่กลับเข้าบ้านเกือบตีสาม
ไปไหนมาอ่ะ”
“มึงเป็นเมียกูเหรอไอ้หมาบาสซักฟอกกูจนจะขาวเป็นโอโม่อยู่แล้วเนี่ย”
“บอกมาก่อนดิ่
เมื่อคืนไปไหนมา”
“ห้องพี่เอย์ไง”
“อย่ามาโกหก”
“รู้ไงว่ากูโกหก”
“รู้ก็แล้วกัน
บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเมื่อคืนไปไหนมา”
“เปล่า”
“......”
มันเงียบไป
“สัสบาส เงียบทำไมวะกูจะทำงานเนี่ย
มึงโทรมาทำไมยังไม่ได้บอกกูเลยนะ”
“จะโทรมาบอกไงวันนี้แฟนพี่ไม่ได้เข้ามาทำงานที่นี่นะ
ผมเจอคุณภีมลองถามดูเห็นบอกว่าวันนี้พี่เอย์น่าจะอยู่ที่อัศวคอนตลอดทั้งวันเลย”
“แล้วยังไง”
“เอ๊าก็ไหนว่าโกรธกัน”
“มึงรู้ไงว่ากูกับพี่เอย์โกรธกัน”
เสียงมันบ่นอะไรมิ๊ๆๆๆอยู่ที่ปลายสายแต่ไม่ได้ตอบกลับมาเงียบหายไป
“หมาบาส” ผมเรียกมัน
“เอาน่าผมรู้งะกัน
แล้ววันนั้นพี่ก็ม่ได้ไปเที่ยวกับควายนะ พวกผมนี่รู้กันหมดอ่ะลูกพี่โดนเมินดิ
ทำผิดชัดๆแบบนั้นเป็นใครก็โกรธกันทั้งนั้นแหละ
แต่ที่มันอึ้งอยู่เนี่ยก็คือพี่ยังไม่ง้อคุณพี่เอย์เขาได้อีกเหรอ”
“จะง้อได้วันนี้ล่ะเว้ย
เดี๋ยวตอนเที่ยงกูมีแผนของกูแล้ว”
“จริงดิ่”
“เออ”
ผมด่ามันไปอีกนิดหน่อยแล้วกดวาง
พี่เชนนั่งหัวเราะเสียงต่ำอยู่ข้าง ๆ โทนเสียแม่งเย้ยผมเต็มที่ ผมเลยขว้างปากกาใส่ไปเจอชี้หน้ากลับมาสิ
เรานั่งทำงานไปเรื่อยๆโดนตามตัวไปดูแลที่ฝ่ายบัญชีกับฝ่ายการตลาด ไม่มีอะไรมากผมแนะนำไปแบบง่าย
ๆ พนักงานที่นี่ฉลาดกันอยู่แล้ว แถมอีกนิดสวยด้วยนะ
“พี่เชนครับ เดี๋ยวผม....”
ผมชี้ๆมือทำสัญลักษณ์ให้รู้ว่าจะขึ้นไปชั้นบน
พี่เชนทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่
“ขอให้ง้อได้นะมึง
เอาดอกไม้ด้วยป่ะ”
“กวน”
ผมพูดไว้แค่นั้นก่อนเปิดประตูแล้วเดินออกมา ภายในลิฟต์คือผมคนเดียว ตื่นเต้นนิดๆจะไปง้อแฟนต้องใจเย็นๆหน่อยสูดลมหายใจเข้าลึกๆคนนี้พิเศษไม่ชิลเหมือนสมัยเด็กๆแล้วนะ
ผมบอกตัวเองต่อไปคงต้องปิดตำนานความเจ้าชู้มีแฟนเป็นตัวเป็นตน
อย่างที่พี่เชนแนะนำมันก็เข้าท่าดี ‘ขอโทษนะครับผมมีแฟนแล้ว’ คำนี้นี่จะนำไปใช้ทั่วราชอาณาจักรเลยผมสาบาน
ไม่อยากมีเรื่องอีกแล้วง้อยากฉิบหาย คือคราวนี้พี่เอย์โกรธผมแบบจริงจังมากนะ
ปกติเคยที่ไหนไม่โทรหาเลยสองวันกว่า ๆ แล้วเนี่ย
ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเที่ยงพอดี
หน้าห้องพี่เอย์ไม่มีใครอยู่เลย
โต๊ะคุณเลขามีงานกองไว้แต่ไร้ซึ่งเจ้าของโต๊ะอาจจะออกไปทานข้าว
หรือไม่งั้นเขาสองคนออกไปไซด์งานข้างนอกรึเปล่า
ผมก้าวเข้ามาจนถึงหน้าประตู คิดว่าอยากจะเปิดเข้าไปดูด้านใน
ความรู้สึกบางอย่างคิดว่าพี่เอย์น่าจะยังอยู่ที่นี่ ผมไม่เคาะหรอก ผมจะเซอร์ไพรส์มัน
บานประตูถูกผมเปิดเข้าไป
พี่เอย์ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะจริง
ๆ แต่มันติดอยู่นิดเดียวที่เลขาของมันก็นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม เขาสองคนกำลังทานอาหารด้วยกัน
คุยกันยิ้มแย้ม
หน้าผมชาไร้ความรู้สึกมาก
ชา...ยิ่งกว่าโดนลมหนาวเมื่อคืนนี้โกรก
ผมยืนมองเขาสองคนนิ่งเลย
สองขาหนักอึ้งคล้ายคนโดนตอกหมุดอยู่ที่พื้น ความรู้สึกทุกอย่างประดังประเดเข้ามา
พี่เอย์มองมาที่ผม
“มีอะไร”
เสียงเย็นชาจากเจ้าของห้องถามขึ้น
ความน้อยใจตีขึ้นมาจนตื้อไปหมด
คนที่ผมใช้คำว่าแฟนด้วยเห็นผมขึ้นมาหาถึงห้องในเวลาเที่ยงตรงแบบนี้แล้วถามผมว่ามีอะไร
คำเดียวกับมีธุระอะไรถึงขึ้นมา ขึ้นมาทำไม อะไรแบบนั้นใช่ไหม ผมกำมือแน่นกัดฟันข่มอารมณ์ทุกอย่างบอกตัวเองให้ใจเย็น
ๆ เขาก็แค่นั่งกินข้าวด้วยกัน
“เอย์เดี๋ยวกัส....”
เลขามันลุกขึ้นทำท่าว่าจะขอตัวออกไป
“ไม่เป็นไรกัสกินต่อเถอะ”
“แต่ว่าเผื่อน้องเขามีธุระจะคุยกับเอย์เป็นส่วนตัว”
“ไม่เป็นไร
มีอะไรเขาก็คุยได้ ว่าไงปิงขึ้นมาหากูมีอะไร”
ผมยืนค้างอยู่ตรงนั้น
ทุกคำพูดทุกการกระทำระหว่างเขาสองคนผมเก็บเข้าเม็มโมรี่ชัดเจนทุกอย่าง ผมไม่อยากง้อมันแล้ว
ผมโกรธมากบอกเลยช่างแม่ง เลิกก็เลิกวะ ทำกับผมแบบนี้ไม่เห็นหัวกันชัดๆ ทำตัวเย็นชากับผมไม่พอทั้งที่รู้ว่าผมไม่ชอบให้มันใกล้ชิดกับคน
ๆ นี้ถึงแม้จะแค่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามกันผมก็ไม่ชอบ
“ผมเบนสายตามองมันกับเลขาสลับกัน
สุดท้ายผมจ้องมันนิ่ง
“ผมจะขึ้นมาชวนพี่กินข้าวด้วยกันแต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว
เชิญทานกันต่อเถอะครับ ขอโทษที่เข้ามารบกวน”
ปัง!!
เสียงผมปิดประตูห้องให้เกียรติเขาสองคน
ปิดดังมากไปหน่อยพลั้งมือ หึหึ นี่ผมเป็นนางเอกจริงๆนะ แฟนตัวเองนั่งกินข้าวอยู่กับเลขาผมควรหึง? ท่าทีเย็นชาแบบนั้นของมัน ผมควรจะทำยังไง? ผมรู้
เรื่องคืนนั้นผมผิดมาก เรากำลังโกรธกันแต่มันสมควรไหมที่พี่เอย์จะทำตัวเย็นชาขนาดนี้กับผม
บอกกับเลขามันว่าให้นั่งอยู่ระหว่างเราได้ ธุระของผมไม่สำคัญงั้นดิ
นี่ผมกำลังจะขึ้นมาง้อมันใช่ไหม แผนที่วางไว้ทุกอย่างคือผิดพลาดไปหมด
ไม่ง้อแม่งแล้ว ผมไม่น่ารักใช่ไหม ผมเอาแต่ใจใช่ไหม
ช่างเหอะ ผมไม่ใช่คนดีอะไรหรอกไม่ได้นางเอกจ๋านี่หว่า
ลิฟต์ค่อยปิดลง
ไม่เห็นแแม้แต่เงาของมันตามผมออกมา
ช่างแม่ง!
มันเลือกคนๆนั้นก็แล้วกันไป
ผมดูเวลาอีกที
ใครจะไปอยากกินวะข้าว กดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล่างมีร้านกาแฟเล็กๆสำหรับพนักงานอยู่ที่นั่นผมจะลงไปซื้ออะไรเย็น
ๆ มาทำให้หัวผมเย็นลง
“ลาเต้เย็นครับ”
ผมสั่งไป ยืนรออยู่แถวเคาน์เตอร์ หน้าตานี่คืองอมากนะผมอารมณ์ไม่ดีนี่ ดูนั่นดูนี่ไปที่นี่มีขายเค้กด้วยเหรอวะเมนูอะไรไร้เซ้นส์สุดๆตัวหนังสือหวัดเป็นบ้าเลยเห็นอะไรก็ขัดตาถังขยะสวยแค่ไหนสะอาดแค่ไหนผมก็ว่ามันไม่น่าดู
ผมพยายามข่มลมหายใจเอาใหม่ลองสังเกตรอบ ๆ
ร้าน ความจริงที่นี่ร่มรื่นมากนะ มองเข้าไปด้านใน มีพนักงานหลายคนเลยมานั่งทานกันอยู่ในนั้น
ผมมองลึกเข้าไปอีกมีที่สูบบุหรี่ด้วยเว้ย ด้านหลังยาวติดสวนของที่นี่เลยนี่นาอะไรกันเดี๋ยวต้องบอกพี่เชนแล้วรายนั้นคอกาแฟ
“ได้แล้วค่ะ หกสิบห้าบาทค่ะ”
ผมจ่ายเงินไปแล้วรับเงินทอนพร้อมรับกาแฟจากน้องเขามา
เดินออกไปที่หน้าร้านกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเงินทอนที่ซุ่มซ่ามทำหล่น แต่พอลุกขึ้นมาอีกที
“เฮ้ย!! โครม!!”
เสียงอุทานขึ้นดังมากผมตกใจจนตัวสั่นเพราะเดินชนเข้ากับใครคนนึง
กาแฟทั้งแก้วเทราดเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาเปียกชุ่มไปหมด แก้วกระดาษในมือกลิ้งไปมาอยู่ที่พื้นน้ำแข็งกระจัดกระจาย
เลอะเทอะจนเด็กพนักงานในร้านวิ่งออกมาดู
“ขอโทษครับผมขอโทษ
ขอโทษจริง ๆ ผม...” ผมรีบบอกมือไม้สั่น คือผมผิดจริงผมรู้นะ
ผมก้มเก็บเงินไงลุกขึ้นแล้วเดินเลย ทำยังไงดีวะเสื้อเขาเปื้อนหมดแบบนี้
“ผม ผม....
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาพยักหน้าให้ผมอย่างสุภาพทั้งที่เสื้อตัวเองเลอะมาก ท่าทางจะเดินเลี่ยงออกไป
“เดี๋ยวครับ
คือผมไม่ได้ตั้งใจ คือ....”
“ไม่เป็นไรไม่ต้องตกใจครับห้องน้ำอยู่ใกล้
ๆ เดี๋ยวผมเข้าไปล้างหน่อยเหนียวตัวมากเลย”
เขาว่าแล้วเดินไป
มีพนักงานเข้ามาทำความสะอาดพื้นที่สกปรก ผมบอกขอโทษน้องพนักงานร้านด้วย รีบเดินตามหลังเขาคนนั้นไป
“คุณครับ
เดี๋ยว เดี๋ยวผม...
“ไม่เป็นไรครับ
ผมขออนุญาตล้างตัวก่อนนะ”
ผมพยักหน้ารับหงึกๆ
รู้สึกผิดมากมายจริง ๆ เข้ามายืนรอถึงในห้องน้ำเลยนะเสื้อเปื้อนไปหมดทั้งตัว
เขากำลังถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก วางเนคไทเอาไว้
“เดี๋ยวเสื้อผมล้างให้นะครับ” ผมอาสา คือผมรู้สึกว่าตัวเองผิดมากจริง
ๆถ้ามีอะไรช่วยได้ผมอยากช่วยนะ เราสองคนน่าจะอายุพอๆกัน ผมว่าหน้าตาเขาดูคุ้น ๆ
ไงไม่รู้
Tbc.
ขออนุญาตตัดไว้ตรงนี้ก่อน ตอนนี้ยาวมากค่ะ ไว้มาต่อให้นะ