Monday, September 22, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) # 36 พี่เอย์โกรธผมแล้ว(ครึ่งหลัง จบบท)





#36 พี่เอย์โกรธผมแล้ว(100%)



เฮ้ย!! โครม!!

เสียงอุทานขึ้นดังมากผมตกใจจนตัวสั่นเพราะเดินชนเข้ากับใครคนนึง กาแฟทั้งแก้วเทราดเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาเปียกชุ่มไปหมด แก้วกระดาษในมือกลิ้งไปมาอยู่ที่พื้น น้ำแข็งกระจัดกระจายเลอะเทอะจนเด็กพนักงานในร้านวิ่งออกมาดู

“ขอโทษครับผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ผม...” ผมรีบบอกมือไม้สั่น คือผมผิดจริงผมรู้นะ ผมก้มเก็บเงินไงลุกขึ้นแล้วเดินเลย ทำยังไงดีวะเสื้อเขาเปื้อนหมดแบบนี้

“ผม  ผม....

“ไม่เป็นไรครับ” เขาพยักหน้าให้อย่างสุภาพ ทั้งที่เสื้อตัวเองเลอะมาก ท่าทางกำลังจะเดินเลี่ยงออกไป

“เดี๋ยวครับ คือผมไม่ได้ตั้งใจ คือ....”

“ไม่เป็นไรไม่ต้องตกใจครับห้องน้ำอยู่ใกล้ ๆ เดี๋ยวผมเข้าไปล้างหน่อยเหนียวตัวมากเลย”

เขาว่าแล้วเดินไป มีพนักงานเข้ามาทำความสะอาดพื้นที่สกปรก ผมบอกขอโทษน้องพนักงานร้านด้วย  รีบเดินตามหลังเขาคนนั้นไป

“คุณครับ เดี๋ยว เดี๋ยวผม...

“ไม่เป็นไรครับ ผมขออนุญาตล้างตัวก่อนนะ”

ผมพยักหน้ารับหงึกๆ รู้สึกผิดมากมายจริง ๆ เข้ามายืนรอถึงในห้องน้ำเลยนะเสื้อเปื้อนไปหมดทั้งตัว เขากำลังถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก วางป้ายชื่อและเนคไทเอาไว้

“เดี๋ยวเสื้อผมล้างให้นะครับ”  ผมอาสา คือผมรู้สึกว่าตัวเองผิดมากจริง ๆถ้ามีอะไรช่วยได้ผมอยากช่วยนะ เราสองคนน่าจะอายุพอๆกัน ผมว่าหน้าตาเขาดูคุ้น ๆ ไงไม่รู้

 “จะล้างให้ผมใช่ไหม” เสื้อถูกถอดออกมาแล้ว เขายิ้มแล้วยื่นมันส่งมาให้ ผมรีบรับมาล้าง เปียกโชกไปหมดคงต้องขยี้ แต่คราบสีกาแฟเข้มมากคือถ้าขยี้แล้วเสื้อมันก็จะยับ ทำไงดีวะเปียกไปหมดทั้งตัวแน่คราวนี้ ผมคิดแล้วคิดอีกท่าทางกลุ้มยิ่งกว่าเจ้าตัวที่ยืนถอดเสื้อแล้วอมยิ้มมองผมอยู่

“เอ่อไม่ทราบว่าคุณมีเสื้อสำรองอีกไหมครับ คือว่า....”

ผมชูเสื้อที่เปียกโชกไปหมดให้เจ้าของเขาดู เขาส่งยิ้มมาให้ผมอีกครั้งแล้วส่ายหน้า ผมนึกถึงหน้าพี่เชนลอยมาเลยดิ เรื่องนี้พี่เชนอาจช่วยได้ รูปร่างเขาสูงพอๆกันกับพี่เชนปกติพี่แกจะมีเสื้อสำรองอยู่ที่รถ ผมรีบกดมือถือต่อสายหา พี่เชนซักไซ้ผมใหญ่ผมเลยบอกความจริงๆไปพี่เขาบอกให้ผมรีบขึ้นไปบนห้องแบบด่วน ๆ

“มีอะไรพี่”

“เออน่ามึงรีบขึ้นมาเหอะ”

ผมรับปากไปแล้วกดวางสาย เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสื้อเปียกที่ผมถือไว้

“คือว่าถ้าไม่เป็นการรบกวน คุณขึ้นไปกับผมที่แลปชั้นสามได้ไหมครับ พี่ผมมีเสื้อตัวใหม่อยู่เดี๋ยวผมเอาให้คุณยืมใส่ก่อน ต้องขอโทษอีกครั้งจริง ๆ ครับทำให้คุณเดือดร้อนมากๆเลย”

เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วจับเอาเสื้อเปียกในมือผมไปบิดน้ำออกจนหมาด สลัดแล้วสวมทั้งๆอย่างนั้น เสื้อสีขาวแนบเนื้อมากผมยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่อากาศเย็น ๆ เขาคงจะหนาว ผมหยิบป้ายชื่อเนคไทของเขามาถือไว้ให้

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมถือเอง” เขายื่นมือออกมา

“ไม่เป็นไร ขอให้ผมได้ช่วยอะไรบ้าง”

เขาอมยิ้มแล้วพยักหน้าเบา ๆ  เราเดินกันออกมาที่ด้านนอก ผมกดลิฟต์ให้

“ห้องผมอยู่ชั้นสามนะครับ”

“วันนี้เราเจอกันสองครั้งแล้ว”

“หืม?” ผมหันขวับไปมอง คือจู่ ๆ เขาพูดขึ้น ลิฟต์เปิดออกพอดี เราสองคนก้าวเข้าไปด้านใน

ผมมองหน้าเขา

“เมื่อเช้าคุณเล่นกับหมาของผม”

หืม?

“หมูปิ้ง” เขาบอกเลิกคิ้วนิดๆ พยักหน้าแล้วยิ้ม ชี้มาที่เสื้อผม ตรงหน้าอกยังมีรอยเปื้อนดินโคลนจากเท้าเล็กๆของเจ้าหมูปิ้งเปื้อนอยู่

“เฮ้ย! จริงดิ”

“จริงครับ คุณยังมองผมเลยนี่”

“อ่า...ใช่ คุณจริง ๆ ด้วย หมูปิ้งน่ารักมากเลยครับ”

เขายกยิ้มอีกครั้ง ผมจำเขาได้แล้ว เจ้าของหมูปิ้งคนที่อุ้มมันไปขึ้นรถแล้วคาดเข็มขัดให้

“ผมปูนครับ  ผมเกิดเก้าสองนะ ผมรู้จักชื่อคุณได้ไหม” เขาแนะนำตัวด้วยชื่อเล่น แล้วมองมาที่ป้ายชื่อผม

“อ๋อครับปูน ผมปิง เกิดเก้าสองเหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จัก” ลิฟต์เปิดออก เราสองคนเดินออกไปด้วยกัน ห้องคอมฯจะอยู่ท้าย ๆ ของตึก เราต้องเดินกันต่ออีก

“งั้นก็รุ่นเดียวกัน เรียกปิงเฉย ๆ นะ”

“ได้ดิ พูดมึงกูด้วยได้ป่ะ”  ผมยิ้มแกล้งถามไปเล่น ๆ

“เอางั้นเลยเหรอ” ปูนทำหน้าแปลก ๆ ผมหัวเราะโดนแหย่ง่ายมากเลยนี่หว่า เพิ่งเจอกันใครจะกล้าพูดแบบนั้นล่ะ 

“ว่าแต่ ปิงอยู่ไอทีเหรอครับ?”  

“เปล่าหรอก แต่จะว่าใช่ก็ได้ ผมเป็นคนของยูเซย์ เข้ามาวางระบบให้ที่นี่ เดี๋ยวพองานเข้าที่ก็ไปแล้ว ไม่ใช่พนักงานประจำของที่นี่หรอกครับ”

“จริงดิ่”

“อือ แล้วปูนล่ะ ทำอยู่แผนกไหน”

“ปิงลองทายดิ ห้ามแอบดูที่ป้ายชื่อผมนะ”

“อืม...” ผมทำท่านึก ก็นึกจริง ๆ นะ ปูนท่าทางสมาร์ทเท่ตัวสูง หน้าตาดีสะอาดสะอ้าน น่าจะเป็นลูกน้องพี่ซ่าร์มั้งนะ

“สถาปนิกเหรอ?”

“หึหึ ผิดแล้ว”

“มัณฑนากร?”

“ยังผิดอีก”

“แล้วอะไรอ่ะ”

“ผมปูน ทีมวิศวกรของอัศวคอนฯครับ ทำงานอยู่ที่ชั้นเก้า ไว้ปิงว่างเมื่อไหร่ขึ้นไปหาได้”

ผมนิ่งไปนิด แค่ได้รู้ว่าปูนเป็นลูกน้องของใคร เราเดินกันมาถึงหน้าห้องพอดี

“ถึงแล้ว  ห้องนี้แหละ”

“ห้องไอที ผมเคยผ่านมานะ แต่ไม่เคยเข้าไปได้ยินข่าวว่าห้องเย็นเฉียบเลยนี่”

“ใช่ ขั้วโลกเหนือนิดๆ ฮ่าๆๆ”

“เฮ้ยจริงดิ่” ปูนทำท่าตกใจ โดนผมหลอกเข้าแล้วจะจริงจังไปไหน รู้สึกตลกดี

“จริงที่ไหน เปิดแอร์ให้เครื่องน่ะ น้องเซิร์ฟฯชอบเย็นๆ” ผมเคาะสองทีก่อนเปิดเข้าไป

แต่ขาผมหยุดนิ่งชะงักอยู่ที่หน้าประตู ปูนคงแปลกใจเพราะผมบังเขาไว้หมด ร่างสูงโปร่งที่ด้านหลังขยับมายืนข้าง ๆ  ผมหันไปมอง ปูนผงะนิดๆเหมือนกัน เมื่อเห็นใครบางคนที่นั่งอยู่ด้านใน

พี่เอย์นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของผม มองผมกับปูนสลับกัน

“สวัสดีครับคุณเอย์” เสียงปูนดังขึ้น ผมขยับให้เขาเดินเข้ามา

“ปิง” พี่เชนเดินเข้ามาหา มองปูนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม คือเสื้อปูนเปียกมากแล้วที่สำคัญเปื้อนคราบกาแฟ ผมเล่าให้พี่เชนฟังแบบคร่าว ๆแล้วทางโทรศัพท์ เพราะงั้นแค่พยักหน้าว่าใช่ พี่เชนก็เข้าใจ

“อ่ะนี่ครับ เสื้อผมเอง” พี่เชนยื่นเสื้อส่งให้เขา

“ปูน เดี๋ยวผมพาไปเปลี่ยนนะ ห้องน้ำอยู่อีกฟากนึง” ผมจำเป็นต้องทำนะ คือผมผิดที่เป็นต้นเหตุทำเสื้อเขาเปื้อนเพราะงั้นผมขันอาสาพาไปนี่คือดีสุดแล้ว

“ปุรินทร์  เกิดอะไรขึ้นกับเสื้อผ้าคุณ” เสียงขึงขังของพี่เอย์ดังแทรกขึ้นมา เราทั้งหมดหันไปมอง มันยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่สายตาคือจับจ้องปูนมาก

“อุบัติเหตุน่ะครับ กาแฟหก”

“กาแฟ?”

“ใช่ครับ”

“ไปเหอะปูน เดี๋ยวผมพาไปเปลี่ยนนะ มันหนาวไม่ใช่หรือไงยืนอยู่แบบนี้” ผมตัดบท ดึงแขนปูนจะพาออกจากห้อง เสียงโครมครามดังขึ้นด้านหลัง เสี้ยววินาทีเท่านั้นพี่เอย์ปราดเข้ามายืนประชิดเพื่อนใหม่ของผม สีหน้ามันคุกคามปูนมากจริง ๆ เก้าอี้ผมล้มระเนระนาด พี่เชนท่าทางตกใจไม่น้อย ปูนสิยิ่งแล้วใหญ่ผมว่าเขาดูตกใจยิ่งกว่าพี่เชนเสียอีก

“พี่เอย์!” ผมอุทานเรียกมันอย่างลืมตัว

“คือว่าขอโทษด้วยครับเสื้อผมเปื้อนและเปียกอาจจะไม่สุภาพ แต่ว่าปิงเขาอาสาช่วยซักให้แล้ว แต่คือมันยังไม่สะอาดผมเลยจะขึ้นมาเปลี่ยน”

ผมมองปูนอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะเขาไม่รู้เรื่องจึงคิดว่าพี่เอย์ไม่พอใจที่เขาสวมชุดทำงานไม่เรียบร้อยเลอะเทอะและแต่งตัวไม่สุภาพภายในบริษัท ยิ่งเขาเป็นลูกน้องของพี่เอย์ด้วยแล้วได้ยินมาเหมือนกันวิศกรของที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องระเบียบการแต่งตัว 

สายตาคมกริบของพี่เอย์จ้องมองลงมาที่มือผมที่ยังถือเนคไทและป้ายชื่อของปูนไว้

พี่เชนขยับเข้ามาใกล้   “เดี๋ยวกูพาเขาไปเปลี่ยนเอง”  ดึงเอาของในมือไปถือไว้เองแล้วตบบ่าเรียกปูนให้ก้าวตามออกไป เขาหันมองผมแวบนึงสายตาปูนเป็นเครื่องหมายคำถาม ผมพยักหน้าให้ เจอพี่เอย์ตวัดสายตาจ้องหน้าไปอีก ปูนรีบจ้ำอ้าวตามหลังพี่เชนไปแบบติดๆ

ตอนนี้เลยเหลือเราแค่สองคนอยู่ในห้อง

“มึงคิดจะทำอะไร”

ผมหันมองคนพูด พี่เอย์กดล๊อคประตูแล้วกักผมเอาไว้ด้วยสองแขนของมัน หลังผมชิดผนัง ผมจะมุดออกมาแต่มันไม่ยอม ใช้หน้าขาดันไว้

ผมผลักอกมัน

“โกรธกูถึงขนาดทำตัวประชดประชัน ไปราดกาแฟใส่ใครสักคนเลยงั้นเหรอปิง”

“พี่เอย์!

“คิดอะไรอยู่ไปยืนซักเสื้อให้ผู้ชายอยู่ในห้องน้ำแบบนั้น มึงคิดบ้างไหมว่าตัวเองทำตัวเหมือนอะไร”

“......”  ผมคิ้วขมวดกำลังคิดตามคำพูดของมัน

“เรื่องผู้หญิงวันนั้นมึงยังไม่เคลียร์กับกูเลยนะ มีคนใหม่เข้ามาเร็วมากจริง ๆ  กูเผลอปล่อยมึงไม่ได้เลยใช่ไหม แค่ทิ้งให้ห่างสายตาไม่กี่นาทีนี่ ถึงขนาดล่อให้เขาถอดเสื้อต่อหน้ามึงได้นี่ กูนับถือฉิบหายเลย”

“พี่เอย์!! ผมตะคอกขึ้นสุดเสียง ไม่เข้าใจอะไรมันเลยสักอย่าง พี่เอย์กำลังพูดเรื่องอะไร นี่กำลังคิดว่าผมทำอะไรกันแน่

“เราเดินชนกัน ผมเดินชนเขา กาแฟหกรดเสื้อผ้าไปหมด ผมแค่จะรับผิดชอบที่ตัวเองเป็นต้นเหตุ พาเขาไปซักเสื้อในห้องน้ำ ขึ้นมาหาพี่เชนจะเอาเสื้อให้เขาใส่แทนไปก่อน พอเข้ามาก็เจอพี่มาหาเรื่องผมอยู่แบบนี้ มันคืออะไรครับ”

“ก็แล้วมึงทำอะไรล่ะ” พี่เอย์แทรกขึ้น

“มึงต้องรับผิดชอบอะไรนักหนา ถึงขนาดให้มันถอดเสื้อยืนรอมึงซักเสื้อให้งั้นดิ่? ถือเนคไทรอมันงั้นดิ่? มึงเป็นเมียกูใช่ไหมปิง!!

ผลั๊ก!!!

 “อย่ามาพูดแบบนี้กับผม! ผมผลักมันออกสุดแรง

“แต่กูไม่ชอบ! พี่เอย์เซไปนิดแต่มันคว้าเอาแขนผมไว้กระชากทีเดียวเหวี่ยงผมหลังแนบประตู

แล้วผมชอบเหรอ!!” ผมตะคอกขึ้นมาดังมาก ฟิวส์ขาดไปแล้วผลักหน้าอกมันด้วยสองมือ ผลักๆๆแล้วก็ผลัก เดินหน้าออกไปเรื่อย ๆ ขณะที่มันต้องก้าวถอยหลัง

ขึ้นสุดแล้วกู   

“พี่นั่งกินข้าวกับเขาแล้วถามว่าผมมีธุระอะไรถึงขึ้นไปหาผมชอบเหรอ? ผมรอพี่สองวันโทรไปก็ไม่รับสาย รู้ว่าผมมิสคอลแต่ไม่เคยโทรกลับมาหาผมเลย พอโทรไปอีกมีคนกดรับผมดีใจแทบตายสุดท้ายเป็นเสียงเลขาส่วนตัวของพี่ ประชุมเหี้ยไรครับ ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันตีสามเลยเหรอ เราโกรธกันพี่ไม่มีเวลาจะให้ผมเคลียร์เลยด้วยซ้ำ”

“.......”

“ผมก็รู้ว่าพี่ทำงาน แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่าเวลาสักแค่นาทีเดียวพี่จะเจียดมาโทรกลับหาผมไม่ได้ พี่มันแย่มากโกรธผมแล้วทำตัวเย็นชาผมเสียใจนะ เมินผมทำไม ทำเหมือนกับว่าผมเป็นคนอื่น ผมง้อพี่ไหมสองวันมานี่ผมง้อตลอดเมื่อคืนก็ไปรออยู่ที่คอนโดพี่กลับมาตอนไหน ตีสองผมกลับห้องพี่ยังปิดไฟมืดอยู่เลย โทรไปก็ไม่รับ พี่ยังเห็นว่าผมเป็นแฟนพี่อยู่ไหม โทรบอกผมสักคำดิ่ มันหนาวนะยืนรอพี่ตากลมอยู่แบบนั้น”

“.......”

“ขอทางด้วย ผมจะไปดูเพื่อน”

ผมผลักมันออกอีกเป็นครั้งสุดท้าย พี่เอย์ยืนนิ่ง เราจ้องกันไม่มีใครยอมลง พี่เอย์โกรธมากผมรู้ ถ้าเรื่องคืนนั้นผมผิดเดี๋ยวผมจะขอโทษ แต่เรื่องวันนี้มันผิด คนที่ควรขอโทษคือมัน มาหาเรื่องกันแบบนี้ผมไม่ชอบมาก

“กลับห้องด้วยกัน” มันคว้าหมับข้อมือผมไว้

“ไม่ไป! ผมจะทำงาน”

ผมบิดมือออก แต่มันไม่สนใจผมหรอกเดินไปคว้าเอากระเป๋าแล้วลากแขนผมออกจากห้องตรงไปที่ลิฟต์”  พี่เชนกับปูนเดินมาจากอีกทางไกล ๆ สองคนมองผมนิ่งเลย ลิฟต์เปิดออกพอดี พี่เขาลากผมเข้าไปข้างใน

“พี่เอย์ ผมจะทำงาน ไว้ค่อยเคลียร์กันตอนเย็น” ผมไม่ยอมมันดึงผมเข้ามุม กดปิดเรียกชั้นใต้ดิน

“กูปล่อยมึงไม่ได้แล้วปิง แกล้งโกรธก็ไม่ได้ แกล้งเมินก็ไม่ได้ ต่อไปมึงจะต้องอยู่ในสายตากูตลอด ไม่ปล่อยแล้ว”

“พี่มันบ้าไปเอง ผมไม่กลับนะจะขึ้นไปทำงานก่อน งานผมยังค้างอยู่ที่เครื่องเลย”

เราสู้กัน มือใหญ่กำรอบแขนผมแน่นมาก ผมรั้งแขนตัวเองแรงแค่ไหนก็ไม่หลุดจากมือมันได้

“พี่เอย์ปล่อยผมครับ” ออกจากลิฟต์มาเจอรถมันพอดี

“ขึ้นไป” ผมกำลังจะถูกยัดขึ้นรถ

“ผมไม่ไป!” ผมคว้ากรอบประตูไว้

“ไปเคลียร์กันที่ห้อง เคลียร์ที่นี่รู้เรื่องยากแล้ว เรื่องของเราเคลียร์ได้ที่เดียว”

“พี่เอย์ปล่อยผมก่อน ผมไม่กลับนะพี่” ผมมองซ้ายมองขวาลิฟต์อีกตัวข้าง ๆ เปิดออกพอดี ผมรีบยืนดีๆ

“เอย์” เสียงคนที่ก้าวออกมาจากลิฟต์เรียกขึ้น เราสองคนหันไปมอง เป็นเลขามันเดินออกมา

“เอย์จะไปไหนน่ะครับ”

“จะกลับ มีอะไร” เสียงมันเหวี่ยงมาก กระชับมือผมแนบไว้ที่ลำตัว

“แต่บ่ายนี้เอย์มีนัดคุยงานกับฝ่ายออกแบบ เดี๋ยวจะถึงเวลาแล้ว กัสลงมาเอาแฟ้มงานให้ เอย์ออกไปไม่ได้นะครับ”

“แคนเซิ่ลไป เดี๋ยวผมจะบอกอีกทีว่าจะนัดใหม่วันไหน เรื่องไม่ด่วนเลื่อนได้ผมเช็คแล้ว”

“เอย์แต่ว่า..เอย์ออกไปไม่ได้นะครับ จะไปไหนกับน้องเขาน่ะ”  เลขามันเดินเข้ามาใกล้ แต่ยังอยู่คนล่ะฝั่งของรถ

“คุณเป็นแค่เลขาผมใช่ไหมกัส  นี่ผมจะไปไหนมาไหนกับแฟน ผมต้องบอกคุณด้วยเหรอ ผมบอกให้คุณเลื่อนก็ทำตามที่บอก เรื่องส่วนตัวผมคุณไม่มีสิทธิ์มายุ่ง ทำตามหน้าที่ในบริษัทของคุณก็พอ”

“เอย์...”

“กัสมา” เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบ มันก้าวเข้าหาทั้งที่ยังจับมือผมไว้แน่น ผมเลยต้องก้าวตามมันไปด้วย

“ถ้าคิดว่าคำสั่งแค่นี้จัดการให้ไม่ได้ ลองเปลี่ยนไปเป็นเลขาคนอื่นดูดีไหม สาขาที่เชียงใหม่ก็ใกล้บ้านคุณดีนะ พักหลังมานี่รู้สึกว่าคุณจะก้าวข้ามขอบเขตที่ผมเคยบอกเอาไว้ขึ้นมาอีกแล้ว เพื่อนน่ะยังไงก็เป็นได้แค่เพื่อนกัส ถ้าหากจะมีอะไรมากมายกว่านั้น มันจะเกิดขึ้นตั้งแต่เราสองคนอยู่ที่นิวยอร์กแล้ว”

“...เอย์....”

“วันนี้ผมจะไม่เข้ามาอีก จัดการเลื่อนนัดให้ด้วย ทำงานเลขาของคุณให้ดี สนใจผมแค่เรื่องงานก็พอ”

พี่เอย์ไม่สนใจอะไรอีก มันว่าจบจับผมยัดขึ้นรถฝั่งคนขับแล้วมันขึ้นตามมาผมจำเป็นต้องขยับ ๆ เพราะโดนเบียด

คุณกัสมาเลขามันยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น

“พี่เอย์เราเคลียร์กันตรงนี้ก็ได้ แล้วเดี๋ยวพี่ขึ้นไปทำงาน ผมเองก็ยังมีงานที่ค้าง...”

“เคลียร์ที่นี่ไม่รู้เรื่องหรอก มึงกับกูต้องเคลียร์กันที่ไหน หืม? ไหนบอกซิ ทะเลาะกันทุกทีนี่กูพามึงไปเคลียร์ที่ไหนครับปิง”

ผมตาโตเมื่อนึกขึ้นได้

“ผมไม่ไปหรอก” ผมจะเปิดประตูออก มันสตาร์ทรถเร็วมากล็อคคอผมไว้ด้วยแขนข้างเดียว

“อย่ามายุ่งกับผม” ผมกำลังพยายามจับแขนมันยกออก

“นั่งเฉย ๆ อย่าหาเรื่อง มึงไม่อยากให้มีอุบัติเหตุรอบสองใช่ไหม”

รถเลี้ยวออกจากบริษัทเร็วมากทั้งที่มันใช้แค่มือเดียว เลี้ยวมาฝั่งนี้จุดหมายคือห้องหรูของมันแน่ ๆ  ผมขบฟันอย่างไม่พอใจ แต่ทว่าจู่ๆรถกลับชะลอลงที่ข้างทาง

“ตัวมึงทำไมอุ่น ๆ” มันปล่อยแขนผมออกขยับมาหาดี ๆ  ผมเบี่ยงหลบ

“ไหนดูซิ” พี่เอย์สอดมือเข้ามาลูบที่แผ่นหลัง ผมดันหน้าอกมันไว้ หน้าตาคุณชายคือตกใจมาก มันรวบเอาตัวผมเข้าไปกอด ยกสองมือขึ้นเช็คซอกคอผมอย่างร้อนรน

“ที่มึงบอกว่าไปนั่งคอยกูที่คอนโดเมื่อคืนนี่เรื่องจริงเหรอวะปิง เมื่อคืนน่ะนะ?”

“ผมจะโกหกพี่ทำไม”

“หมาเอ๊ย กูไม่อยู่สักหน่อยมารอทำไมวะ ตากน้ำค้างทั้งคืนเลยดิ”

“ใครจะรู้ล่ะ ผมก็คิดว่าพี่เลิกงานแล้วจะกลับห้องนี่”

“มึงไม่โทรหากูล่ะ”

“ผมไม่กล้าโทรหรอก โทรตลอดไม่เคยรับเลย รู้ว่าผมมิสคอลไปยังใจร้ายไม่ยอมโทรกลับนี่”

“........”

“ผมหนาวด้วยอากาศก็เย็น รอจนถึงตีสองโน่น”

“กูจะทำโทษมึงไง ไม่อยากให้เจ้าชู้อีก แกล้งทำเป็นเมินไปงั้นแหละคิดถึงมึงจะตายห่า วันที่ไปส่งมึงที่บ้านรอจนไฟห้องมึงดับนั่นแหละถึงได้ขับรถกลับมา คิดว่ากูไม่เจ็บปวดรึไง คิดว่ากูไม่อยากลงไปส่งเหรอ คิดว่ากูไม่อยากจะเข้าไปค้างด้วยกันงั้นดิ่”

“เรื่องนั้นผมผิด ผมยอมรับ”

“รู้ด้วยดิว่าตัวเองผิด” พี่เอย์หอมแก้มผมเบา ๆ ผมหลบแล้วปราม  “อย่าทำ”

“ผมไม่อยากถูกพี่ทำแบบนี้หรอก ผมโกรธอยู่นะ” ผมตีปากมัน ผลักมันออก พี่เอย์ก้มหน้าลงมาเอาหน้าผากเราชนกัน สอดมือเข้ามาที่ซอกคอวัดไข้ผมอีกครั้ง

“โกรธกูเรื่อง?”

“นี่ไม่รู้จริง?”

พี่เอย์จ้องผมนิ่งคล้ายกำลังรอฟังคำพูดต่อไปของผม

“พี่มันแย่ พี่พูดเย็นชาเแบบนั้นกับผมต่อหน้าเลขาของพี่  เรื่องของผมไม่สำคัญงั้นสิ? เขาจะนั่งอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไรงั้นดิ?  กินข้าวกับเขานี่ยิ้มเชียวนะ คือไรครับพี่ ผมเป็นแฟนพี่นะ หรือพี่แคร์คุณกัสมามากกว่าผม กลัวว่าเขาจะกินข้าวไม่อิ่มเหรอ ผมจะง้อพี่สักหน่อยเนี่ยถึงขนาดอยากให้เขานั่งรับรู้เรื่องราวของเราได้ ตกลงจะเอาไง? เลิกกันไปเลยไหมยังไง ผมได้หมดนะ”

ผมพรั่งพรูคำพูดที่เก็บอยู่ในใจออกไปทั้งหมด พี่เอย์มองผมนิ่งไม่ละสายตาไปไหนเลย นัยน์ตาคมกริบวูบไหวสั่นนิดๆ

“เกินไปนะ พูดถึงขนาดขอเลิกเลยเหรอเนี่ย หนักแน่นหน่อยปิง” มันยกมือขึ้นมาเสยผมที่ปรกหน้าผากออกให้

ผมปัดมือมัน

“พี่ทำผมโมโหมากนะ เรื่องผมผิดผมยอมรับ แล้วเรื่องที่พี่ทำเย็นชาใส่ผมล่ะ ไม่ให้โอกาสผมได้พูดแม้แต่คำว่าขอโทษ ทั้งยังทีท่าแบบนั้นกับผมต่อหน้าเลขาพี่อีก รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ชอบเขาอยู่แล้ว”

“แล้วทำไมไม่เดินเข้ามาหากูต่อหน้ากัสเขาเลยล่ะ กูแอบหวังนะอยากให้มึงเดินมานั่งลงที่ตักเลยด้วยซ้ำ จะไปแคร์อะไรกับคนนอกอย่างเขา กูเป็นของมึงใช่ไหมแสดงออกให้เขารู้ไปเลยสิ กัสมาเขาเป็นแค่เลขากู ถึงเราจะเรียนมาด้วยกันแชร์บ้านหลังเดียวกันเขาอาจจะดูแลกูหลายเรื่อง แต่เขาก็เป็นได้แค่นั้นน่ะปิง กูไม่เคยวางเขาเอาไว้มากเกินกว่าคำว่าเพื่อนเลยแม้แต่นิดเดียว  มึงเชื่อไหมกูกับเขาเรานั่งกินข้าวด้วยกันบ่อยนะไม่ใช่แค่วันนี้ที่มึงเห็น กูไม่ได้ลากเอาเขาเข้ามาประชด ไม่ใช่เลย ไม่ใช่ว่าเรียกมากินเพื่อจะให้มึงเห็น แล้วที่บอกกับเขาไปว่า เขาสามารถนั่งอยู่ได้ถึงแม้ว่ามึงมีเรื่องสำคัญจะคุย ก็เพราะว่าอยากให้เขาได้เห็นเหมือนกันเวลาที่มึงแสดงออกว่ามึงเป็นเจ้าของกู แค่มึงเท่านั้นกูอนุญาตทุกอย่าง”

 “......”

ผมเงียบไป คิดตามกับคำพูดของมันทุกๆถ้อยคำ ผมไม่หนักแน่นจริงอย่างที่ว่า ผมคิดไปได้ยังไงมีเรื่องขึ้นมาปุ๊ปผมคิดไปได้ยังไงว่าเลิกก็เลิกวะ ผมโมโหหน้ามืดจนถึงขนาดพูดคำว่า เลิกรา ออกมาได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเชียวหรือ? เวลาตลอดหลายปีของเรามีค่าไม่พอกับความเชื่อใจที่ผมควรจะมีให้กับมันเลยหรือยังไง จริง ๆ วันนี้ที่ผมเห็นมันอยู่กับเลขา ถ้าเพียงแค่ผมเดินเข้าไปหาแล้วพูดกับมัน เมินอิคุณกัสมานั่นไป เรื่องราวทุกอย่างคงเคลียร์ไปแล้ว เพราะผมรู้ดีว่าพี่เอย์มันก็แค่งอนผม เมินผม โกรธผมได้ไม่นานนักหรอก

เอาใหม่ ต่อไปนี้ผมจะต้องปรับปรุงตัวใหม่ หนักแน่นกับทุกๆอย่าง อุปสรรคที่จะผ่านเข้ามาอีกไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าหากผมกับมันไม่หนักแน่นพอ เราสองคนคงพังทลายลงไม่เป็นท่าแน่

คำว่า หนักแน่น  สำคัญมากจริง ๆ สินะ

ผมเงยหน้ามองมัน พี่เอย์ลูบแก้มผมเบา ๆ

“กูขอโทษเรื่องที่ทำตัวเย็นชาใส่”

“ผมเองก็ขอโทษ เรื่องคืนนั้น”

“มึงรู้ไหม ถึงแม้ว่าเราสองคนจะทะเลาะกันหนักมากแค่ไหน แต่คำๆเดียวที่กูไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลยระหว่างเรา ก็คือคำว่า เลิกกัน จำไว้นะปิง”

“......พี่เอย์”

ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองผิดมากแบบนี้วะ ผมเลื่อนมือขึ้นมาจับมือพี่เขาไว้ พี่เอย์ยังลูบแก้มผมอยู่

ดวงตามันเศร้ามาก

“หมาปิง มีคนเขาว่าความรักของคู่เราสามวันดีสี่วันไข้ไม่สมกับที่รักกันมานานเลยสักนิด เวลาไม่ได้ช่วยให้ความรักของเราก้าวหน้าขึ้นเลย ชีวิตรักของเราสองคนน่าเบื่อ ยิ่งอ่านก็ยิ่งเบื่อ ผิดหวังกับเราทั้งคู่ ไม่มีอะไรน่าติดตามเลยสักนิด พัฒนาการความรักของเราต่ำลงจนน่าใจหาย เขาเกลียดกูกันหมดแล้ว”

“จริงดิ่?”

“จริง”

“แล้วพี่คิดไง?”

“.......”

พี่เอย์ไม่ตอบคำถามนี้เพียงแต่ยิ้มบางออกมา

“ไม่ใช่แค่พี่หรอกครับที่โดนเกลียด ผมก็โดนด้วย”

“จริงดิ่?”

“จริงครับ”

“แล้วมึงคิดไง?”

“.........” 

ผมอมยิ้มให้พี่เอย์อย่างเดียว ไม่ตอบมันเช่นกัน ถึงแม้หลายคนจะผิดหวังกับรูปแบบความรักของผมและพี่เอย์ แต่ผมอยากจะบอกให้รู้ไว้ครับ ชีวิตจริงไม่สวยหรูหรอกนะถึงเรื่องราวของพวกผมจะน่าเบื่อไม่สนุกอีกต่อไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเราสองคนยังคงเชื่อมเกี่ยวกันไว้ด้วยคำว่ารักเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น พี่เอย์ไม่ใช่คนดีที่สุดและเช่นกันผมก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ผิดพลาดรู้เท่าไม่ถึงการณ์รักโลภโกรธหลงล้วนมีอยู่ในตัวทั้งหมดทั้งสิ้น

นี่คือคนครับ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ผมและพี่เขาอาจจะมีจิตวิญญาณที่ต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินของคุณไปบ้าง แต่อย่าคาดหวังเลยครับ ขนาดพวกผมยังชิลเลย

ผมชอบข้อความนี้นะ อ่านเจอมาจากคุณสักคนนี่แหละ อาจจะมีเป็นสิบเป็นร้อยเหตุผลที่บ่งบอกว่าผมกับพี่เอย์สมควรจะเลิกกัน แต่เชื่อไหมว่ายังมีเหตุผลสำคัญที่สุดเพียงแค่เหตุผลเดียว ที่ทำให้เราสองคนยังคบหากันอยู่ นั่นก็คือ ผมรักมัน และเช่นกัน พี่เขาก็รักผม


“เออจริงสิ แล้วเมื่อคืนพี่ไปไหนมาอ่ะ” ผมถามเปลี่ยนเรื่อง

“เมื่อคืนกูกลับไปนอนบ้าน แต่ก่อนหน้านั้นแวะไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนมึงด้วยนะ”

“ว่าไปนั่น จริงป่ะเนี่ย?” ผมตกใจนิดๆ คิดว่ามันพูดเล่น

“เมื่อวานประชุมเสร็จช่วงบ่ายคุณย่ากูเขากลับมาจากหัวหิน กูกับซ่าร์เลยต้องแวะเข้าไปหา คุยธุระ ทานข้าวกับท่าน พอค่ำหน่อยก็แวะไปหาเพื่อนมึงที่ห้องกินเหล้ากันดิ่ ไม่ได้กลับมานอนห้องหรอก หอวุฒิกับบาส มันเส้นเดียวกับบ้านกูพอดี เมานิดๆ กูไม่อยากขับรถไกล”

“เฮ้ย พี่ไปกินเหล้ากับพวกมันจริงเหรอเนี่ย”

“ก็จริงดิ เจอเพื่อนอีกคนนึงของมึงด้วยนะชื่อเปรี้ยวหรือไงนี่แหละ นั่นน่ะยังมากับเมียเลย”

“มากับเมียอะไรเขาอยู่ด้วยกันแล้วเหอะ ห้องข้าง ๆ ห้องไอ้วุฒิไง”

“อ้าวเหรอ”

“ไรเนี่ยไปหาเพื่อนผมไม่บอกผมสักคำ”

“เรื่องอะไรจะบอกมึง กูจะไปหลอกถามพวกมันเรื่องน้องบุ๋มแฟนคนเดียวของมึงนั่นแหละ กูก็หึงนี่ ถึงเป็นแฟนเก่ากูก็อยากรู้นะ”

“หึหึ” ผมแอบขำมันนิดๆ พี่เอย์ขี้หึง คิดมากเรื่องแฟนเก่าผมขนาดนี้เลยเหรอวะ นึกถึงคำพูดไอ้บาสทันทีไม่แปลกใจแล้วจู่ ๆ มันโทรมาบอกผมว่าพี่เอย์จะไม่เข้าศูนย์รถวันนี้แต่มาที่อัศวคอนเลย พี่เอย์ใช้มันโทรมาบอกชัวร์

ผมยกยิ้มขึ้นอย่างรู้ทัน “พี่ใช่ไหมให้หมาบาสมันโทรมาบอกผมว่าตัวเองจะเข้างานที่ไหนเช้านี้”

พี่เอย์ก้มหน้านิ่ง มันพยักหน้ารับเบา ๆ พร้อมคำพูดเสียงอ่อน “กูอยากให้มึงมาง้อนี่”

“แล้วพอผมขึ้นไปง้อ ก็ทำเป็นเล่นตัวงั้นดิ่”

“แค่อยากให้มึงแสดงออกกับกูมากขึ้นอีกนิด”

“คิดได้ไงเนี่ย เป็นพวกชอบโชว์เหรอ”

“ต่อไปมึงห้ามเจ้าชู้อีกนะ รู้ไหม” มันเชยคางผมไว้แล้วพูดเสียงอ่อน ผมอมยิ้มกลั้นขำ ไม่ได้ตอบมัน พี่เอย์บิดจมูกผมนิดๆก่อนขยับตัวไปนั่งดี ๆ

“เดี๋ยวพาไปที่นึง” มันว่าแล้วยิ้มหันมาลูบหัวผม เอามือวัดไข้แถวซอกคอเชคอุณหภูมิอีกครั้ง

“ปวดหัวไหม?”

ผมส่ายหน้า “พี่เอย์จะพาผมไปไหนครับ”

พี่เขายิ้มอย่างเดียวมันขับรถมุ่งไปเส้นทางที่ผมคุ้นเคยดีอยู่แล้วพักเดียวรถก็มาจอดลงที่ช่องจอดที่คอนโดของมัน

“ขึ้นไปไหม หรือจะรอที่นี่”

“พี่มาเอาของ?”

มันพยักหน้า ปลดเบลท์แล้วเอื้อมมือมาตบหน้าขาผมเบา ๆ “รอนี่แปปเดี๋ยวกูลงมา”

พี่เขาหายไปประมาณสิบห้านาที ผมนั่งกดเกมส์ในมือถือเล่นอยู่เงยหน้าขึ้นอีกทีคือตกใจมาก


ไอ้พี่เอย์ ไอ้ฆาตกรรรรรรรรรรร


มันใส่ชุดอะไรของมัน หล่อมากๆ หวีผมเสยขึ้นโชว์หน้าผากสวยๆ ท่าทางคือคุณชายดี ๆ เลยนี่นา หอบอะไรสักอย่างพาดมาที่แขน กำลังเดินมุ่งมาที่รถ

“ปิงมึงเองก็ใส่ตัวนี้ทับเข้าไปนะ” พี่เอย์เปิดประตูรถฝั่งผมออกแล้วยื่นสูทให้ ผมรับมาอย่างงงๆ กำลังตะลึงกับชุดของมัน

“เดี๋ยวจะพาไปทำธุระสำคัญ แต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อยก็ดี”

รถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว เส้นทางไม่คุ้นเลย

“พี่จะพาผมไปไหน?”

“เซอร์ไพร้ส์” พี่เอย์ยิ้มอย่างเดียว เอื้อมมือมายีหัวผมอีก

ยี่สิบนาทีหลังจากนั้นออดี้คันงามก็มาจอดลงที่หน้ารั้วกว้างใหญ่ของคฤหาสน์หรู ผมนึกถึงเมื่อสามปีที่แล้วทันที เคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเป็นงานอะไรสักอย่างไม่รู้คุณยังจำได้ไหมนะ พี่เอย์พาผมมาในฐานะของพนักงานขับรถของมัน

มองจากตรงนี้ยังเห็นเลยว่าถนนเส้นเล็กที่เชื่อมยาวไปถึงตัวบ้าน สองฝั่งเต็มไปด้วยต้นลีลาวดีใหญ่สีขาวเหลืองเป็นสิบ ๆ ต้นเรียงรายไปตามแนวยาวขนานไปกับถนน

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

ไม่น่าเชื่อว่ายังมีบ้านแบบนี้อยู่ใจกลางกรุงเทพอยู่อีก


....บ้านคุณย่าพี่เอย์.....


“พี่เอย์ครับ?”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องตื่นเต้น” มันเอื้อมมือมาจัดเนคไทให้ผม

“คุณย่ากูท่านชอบคนแต่งตัวเรียบร้อยมากๆแบบนี้แหละ อาจจะแปลกๆหน่อย ดูดิ่ของกูนี่ชุดใหม่ที่ท่านเพิ่งสั่งให้คนเอามาส่งให้เลยนะ คอลเล็คชั่นอะไรสักอย่างล่าสุดจากดีไซเนอร์ส่วนตัวที่ท่านตัดให้กูกับซีว่าร์เป็นประจำ ส่วนสูทของมึงกูสั่งตัดไว้ให้เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วที่บอกว่าจะพามาหาท่านไง”

พี่เอย์หล่อมากชุดมันกับชุดผมคนละแบบ ของมันไม่มีเนคไทนะแต่เชิ้ตด้านในคือกระดุมซ่อนแบบชิดคอ หล่อแบบคุณชายผู้สูงศักดิ์

“มึงเองก็หล่อ” มันเสยผมให้

“เมื่อวานมาทานข้าวกับท่านมีโอกาสกูเลยลองคุยๆไว้ คุณย่าอยากเจอมึงเหมือนกัน กูบอกท่านไว้ว่าจะพามาไม่คิดว่าจะได้มาหาเร็วแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน จะช้าจะเร็วยังไง ก็ต้องมีแค่มึงอยู่แล้วที่กูจะพามา”

“แล้วพี่บอกท่านว่ายังไงครับ”

“ก็บอกว่าจะพาแฟนมาหาไง”

“เฮ้ย! พี่ทำไมบอกแบบนั้นวะ”

“กลัวทำไมล่ะ เรื่องจริงนี่”

“แล้วเรื่องพี่เดียร์ล่ะ คู่หมั้นพี่อ่ะ”

“เดี๋ยวกลับไปคุยให้ฟัง ตอนนี้เอาตรงจุดนี้ให้รอดก่อน” มันว่าแล้วบีบมือผมเบา ๆ อีกที

“อย่ากลัวคุณย่านะท่านใจดี  เป็นตัวของตัวเองนะปิง”

จะว่าผมไม่สั่นเลยนี่คือผมโกหกนะ มือมันที่กุมผมไว้เย็นเฉียบพี่เอย์เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ผมหรอก

“แล้วท่านรู้ไหมนิว่าแฟนพี่เป็นผม  เป็นผู้ชาย”

“หึ  ไม่รู้อ่ะ กูบอกแค่ว่าจะพาแฟนมาหา”


....เจริญแล้วกู....


มีพนักงานมาเปิดพร้อมทำความเคารพ  รถเคลื่อนเข้ามาจอดลงที่ด้านใน พี่เอย์ยังใช้มือซ้ายที่ว่างจากพวงมาลัยกุมมือผมไว้

“ปิง” พี่เขาเรียกขึ้น ผมที่กำลังมองดูต้นไม้สวย ๆ รีบหันกลับมามอง

“สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีของเรา ถึงกูจะทำตัวแย่ไปบ้าง ถึงกูจะบกพร่องอยู่มาก สุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงระหว่างมึงกับครอบครัวกูจะวางมึงไว้ก่อนเสมอ จำไว้แค่นั้น”

“พี่เอย์?”

“เพราะกูรู้ว่าครอบครัว ยังไงซะเขาก็ตัดกูไม่ขาด อาจจะนานหน่อยแต่อย่างน้อยกูก็ยังคงเป็นลูกเป็นหลานของพวกเขา  แต่สำหรับมึงถ้ากูต้องสูญเสียไปอีกครั้งกูคงไม่มีวันได้มึงคืนมารอบสองอีกแล้วแน่ ๆ”

“พี่เอย์ครับ”

“ต่อไปนี้ ถึงมึงจะทำเรื่องผิดพลาดกูก็จะกอดเอาไว้อย่างอบอุ่น จะไม่ทำเย็นชาใส่อีก กูรู้แล้วว่าตัวเองมันแย่มากแค่ไหน ถึงแม้เวลาผ่านไปกูจะไม่เปลี่ยนแปลง จะรักแค่มึง

ผมแทบอยากจะร้องไห้ พี่เอย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจ

“บางที ออกมาเปิดบริษัทเล็กๆเองก็ดีเหมือนกัน กูคิดไว้แบบนั้น ทิ้งคำว่าอัศวไว้ข้างหลัง ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับมึงสองคน เลี้ยงหมาสักสามสี่ตัว เลี้ยงอะไรก็ได้ที่มึงชอบ ที่บ้านเล็กๆของเรา” พี่เอย์ยกมือขึ้นมาลูบลงที่หัวผมอีกครั้ง

“ถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ มึงจะว่ายังไง?”

ผมเงยหน้ามองพี่เขา เราสองคนสบสายตากันความรู้สึกหลากหลายของสองเราถ่ายทอดออกมาผ่านความอบอุ่นของฝ่ามือที่กอบกุมกันไว้

“ผมไม่เคยกลัว ถ้ามีพี่อยู่ข้าง ๆ ผมพร้อมจะไปกับพี่ทุกที่เลยครับ”

พี่เอย์พยักหน้าให้ตบบ่าเสริมกำลังใจ แล้วบอกให้เราลงจากรถกัน

มีแม่บ้านมายืนรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นพี่เอย์เดินเข้าไปเธอยิ้มใหญ่เลย พี่เขาเดินเข้าไปโอบเธอเบา ๆ

“ป้าแพมสวัสดีครับ” จมูกเล็กยื่นเข้ามาหอมแก้มพี่เอย์ เธอเขย่งด้วยนะ

“ปิงนี่แม่นมกู สวัสดีท่าน” พี่เอย์บอกผมเบา ๆ ผมรีบยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีครับ”

“ไหว้พระเถอะลูก” ป้าเขารับไหว้งดงามมาก แม่นมพี่เอย์เหรอวะ? สมัยนี้ยังมีแบบนี้ด้วยเหรอ ป้าแพมคล้ายคนเชียงใหม่เลยหน้าตาท่าทางออกสาวเหนือหน้าคล้าย ๆ แม่ผมเลยอ่ะ ทำไมรู้สึกแบบนั้นวะ

“คุณหญิงท่านรออยู่แล้วค่ะ เชิญด้านใน”

ผมเริ่มเหงื่อแตกพลั่กๆ ความจริงบ้านหลังนี้เย็นมากเลยนะลมโกรกอากาศโปร่งสบาย พื้นหินขัดทั้งหลัง แต่ทำไมเหงื่อผมถึงออกชุ่มไปหมด  มือนี่เย็นสุด พี่เอย์หันมามองหลายครั้งแล้ว มันทำสีหน้าเป็นห่วง

“รู้สึกไม่ดีเหรอ ปวดหัวไหม กูนี่แย่จริง ๆ นะพามึงมาทั้งที่ตัวยังรุม ๆ”

“ไม่ใช่แบบนั้นพี่ ผมไม่ได้เป็นไข้นะ แต่คือมันตื่นเต้นไง”

พี่เอย์พนักหน้าให้เบา ๆ มองมาที่มือผมมันเลื่อนมือมาแตะ จะให้คว้ากันมาจับคงไม่เหมาะแน่ซึ่งผมเข้าใจเลยพยักหน้าให้ไป

“คุณย่าพี่ท่านอยู่ที่ไหนน่ะครับ” ผมพูดเบาๆ รู้สึกว่าเดินเข้ามาแล้วทำไมยังไม่ถึงสักที บ้านใหญ่มากมายจริง ๆ

“ท่านชอบไปนั่งเล่นอยู่ที่เรือนรับรองด้านหลัง ที่นั่นมีหลายอย่างให้มึงดูนะ”

“อะไรอ่ะครับ”

“มีหมา มีแมว มีสระปลา ดอกบัวสวย ๆ กระรอก กระต่าย ถ้าวันนี้พวกมันไม่กลัวมึง รับรองเดี๋ยวโผล่หน้ามาให้เห็นกันแน่ ๆ”

“จริงดิ่”

“จริงสิวะ แต่อย่าไปไล่จับสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ มึงเรียบร้อยนิดนึงแค่นั้นพอแล้ว เวลาท่านถามอะไรก็ตอบไปตรง ๆ แบบที่มึงเป็นน่ะแหละ ทุกอย่างเป็นตัวของตัวเองจบ โอเคนะ”


ผมพยักหน้าหงึกๆรับปากมัน


เราสองคนเดินมาถึงเรือนรับรองเล็กด้านหลัง






Tbc.