# 33 ความลับ.....
จิ๊บๆๆๆ
ผมรู้สึกตัวขึ้นในตอนเช้า
แสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาทาบตัวไปกับเตียงนอนหนานุ่ม ม่านหน้าต่างผ้าฝ้ายสวยพลิ้วไปตามสายลมอ่อน
เสียงนกกระจิบร้องทักทายเอื้อนเอ่ยท่วงทำนองในแบบของมันจุดรอยยิ้มแรกของวันให้กับผมได้มากมายจริง
ๆ เมื่อนึกได้ว่าที่กรุงเทพถ้าหากจะได้ยินเสียงบรรดานกกระจิบกระจอกร่ำร้องราวกับว่าพวกมันเป็นนาฬิกาปลุกก็คือต้องไปนอนกับแม่และพี่ขมที่บ้านสวนเท่านั้น
ซึ่งพักหลังผมไม่ค่อยได้กลับไปนอนเลยจริง ๆ
ด้วยงานของผมที่มากมายขึ้นทุกวันทำให้ผมจะค้างที่ออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่
ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจยืดเส้นสายใช้เวลาอาบน้ำทำธุระส่วนตัวไม่นาน
สำรวจข้าวของทุกอย่างคิดว่าครบถ้วนเรียบร้อยไม่มีอะไรหลงลืม หยิบกระเป๋าขึ้นสะพายคาดบ่าแล้วเดินออกมา
วันนี้เราคงต้องออกกันแต่เช้าพี่เชนบอกว่าจะแวะตลอดทางกว่าจะถึงกรุงเทพคงค่ำพอดี
จะว่าไปไม่รู้ป่านนี้พี่เขาจะตื่นกันหรือยังเมื่อคืนจำได้ว่าผมเมามากไปหน่อยแต่พี่เชนกับพี่ซ่าร์ก็มึนนิดๆเหมือนกันนะถ้าผมจำไม่ผิด
เดินลงมาด้านล่างวางกระเป๋าไว้ที่โซฟาก่อนตรงเข้าไปในครัว
พี่เชนแต่งตัวเรียบร้อยนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วยกินกาแฟไปด้วยหน้าตารีแล็กซ์
ในขณะที่พี่ซ่าร์อยู่ในชุดกันเปื้อนลายวันพีชการ์ตูนยอดฮิตที่ผมเองยังติดตาม
พี่แกเดินไปเดินมาใช้ทัพพีคนๆอะไรบางอย่างอยู่ในหม้อชะเง้อหน้าลงไปดู
“พี่เชนครับ”
ผมนั่งลงข้างพี่เขา ทักขึ้นแต่ตานี่ยังจ้องพี่ซ่าร์อยากรู้นิดๆด้วยว่าพี่เขากำลังทำอะไร
“ตื่นสายนะมึง”พี่เชนพับหนังสือพิมพ์วางไว้
หยิบกาแฟขึ้นมาซดจนหมด
“อากาศดีว่ะพี่
หนาวนิดๆนะ”
“หนาวแล้วทำไมไม่ใส่เสื้อกันหนาว
มึงเอามาอยู่นี่”
“ใช้เมื่อคืนไปแล้ว
เหม็นเหล้าผมเก็บเลยดิ่”
“มีตัวเดียว?”
“ครับเอามาแค่ตัวเดียวพี่”
ผมว่าแล้วลุกขึ้น กำลังจะเดินเข้าไปหาพี่ซ่าร์ แต่รายนั้นหันมาหาเสียก่อน
“ปิงครับกาแฟหรือโอวัลตินดี”
พี่ซ่าร์ถามเสียงสดใส
เออพี่เขาหล่อจริงนะสมแล้วที่เป็นไอดอลเวลาที่ไม่แต่งหน้านี่คือใสปิ๊งมาก
“กาแฟดีกว่าครับพี่
อ่า...เดี๋ยวผมชงเองเกรงใจครับแค่นี้ก็รบกวนพี่มากแล้ว”
“เป็นไงบ้างเมื่อคืน
เราหลับสบายไหม” พี่ซ่ายื่นแก้วให้ ผมจัดการชงในส่วนของตัวเอง
“สบายครับพี่
เมาไงแต่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหรือไงนี่แหละผมคิดว่าตังเองคงฝันอ่ะ
ตอนแรกว่าจะลุกขึ้นเดินออกมาดูแต่คิดอีกทีนอนต่อดีกว่าผมคงฝันไปอ่ะนะ
หนาวด้วยแล้วพี่เชนกับพี่ก็คงหลับกันหมดแล้ว”
จริง ๆ
ผมกลัวด้วยนะเมื่อคืนเสียงอะไรไม่รู้แปลกๆ
แล้วคือบ้านทั้งหลังเป็นไม้ด้วยไงผมเลยคิดไปว่าไม้กระดานมันอาจจะลั่นเอี๊ยดๆไหมอะไรแบบเนี๊ยะ
แล้วม่านหน้าต่างคือพัดโบกตลอดคืนด้วย เสียงลมหรือเสียงอะไรไม่รู้ครืดคราดอืออาอยู่ตลอดเลย ผมก็คิดไปไกลกลัวว่าจะเป็นสิ่งลี้ลับ
พอคิดได้แบบนั้นคลุมโปงนอนเลยดิครับจะรอใครอีก จะให้เดินออกไปเรียกพี่เชนเหรอ?
ไม่ไหวหรอกผมว่าเสียงมันคล้ายจะมาจากทางนั้น ผมนอนไปเลยดีกว่าแปปเดียวก็หลับได้ต่อ
“เหรอครับปิง”
พี่ซ่าหน้าเจื่อน ๆ ว่ะ ส่งข้าวต้มหมูสับร้อนๆให้ผม สดใหม่จากเตามาก
“ขอบคุณครับพี่”
ผมรับมาแล้วเดินไปนั่งลงข้างพี่เชนร้อนมือมากวางถ้วยเกือบไม่ทัน
“หูยร้อนๆ”
ผมบ่นไปสะบัดมือไป พี่เชนส่ายหัว
เคร้ง!!!
เสียงถ้วยข้าวต้มอีกถ้วยวางเคร้งลงต่อหน้าพี่เชน
คือวางแรงมาก น้ำข้าวต้มแทบจะหกกระฉอกออกนอกชาม ทั้งผมทั้งพี่เชนเงยหน้ามองคนวาง
พี่ซ่าร์หมุนตัวกลับไปสนใจที่เคาน์เตอร์ต่อในทันที
ผมเลยส่งสายตาถามไปพี่เชนส่ายหัวกลับมา ความหมายของพี่เขาคือ ไม่รู้
หรือบอกให้ผมไม่ต้องไปสนใจวะ
เราทานข้าวกันประมาณยี่สิบนาทีได้พี่เชนลุกขึ้นก่อน
ตบไหล่ผม
“เดี๋ยวเราจะกลับกันเลยมึงเช็คของให้เรียบร้อย
อย่าลืมอะไรเด็ดขาดกูขี้เกียจวนกลับมาอีก”
“ครับพี่”
“ปิง
ต้องตรวจดูให้ดีเลยนะครับห้ามลืมอะไรทิ้งไว้ แล้วก็เช็คให้ดีด้วยว่าใครบางคนเอาอะไรจากที่นี่ไปไหมเพราะพี่ก็ขี้เกียจตามไปทวงถึงที่กรุงเทพเหมือนกัน”
คราวนี้เป็นพี่ซ่าร์พูด พี่เขายิ้มหวานมากแต่คือทำไมผมรู้สึกสยองมากกว่าวะ
แปลก...
ผมมองผู้ชายสองคนที่ยืนจ้องหน้ากันอยู่
แววตาแต่ละคนนี่คือลุกโชนมาก พี่เชนนี่ก็ไม่เคยอ่อนลงให้พี่ซ่าร์เล๊ยไม่รู้ขัดใจอะไรพี่เขานักหนา
แต่มันแปลกที่ว่าวันนี้พี่ซ่าร์ต่อปากต่อคำด้วยแถมยังพูดเหมือนกับว่ากำลังกัดกันอยู่งั้นแหละ
“ถ้าอิ่มแล้วก็ออกไปกันเลย”
พี่เชนบอกผมอีกครั้งก่อนเดินลิ่ว ๆ นำไปที่หน้าบ้านคว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นมาแล้วมุ่งไปที่รถ
ผมรีบยกแก้วน้ำซดพรวดๆ
“พี่ซ่าร์ครับผมขอโทษนะ จริง ๆ พี่เชนใจดีนะครับ”
“ไม่เป็นไรปิง
ไม่ต้องขอโทษ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะออกไปแล้ว”
ผมรีบเอาชามตัวเองไปวางที่ซิ้งค์ล้างด้วยความเร็ว
“ไม่เป็นไรทิ้งไว้นี่เดี๋ยวพี่ล้างเอง”
ถึงพี่เขาจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ล้างจนเสร็จ
“เดี๋ยวพี่เดินออกไปส่งครับ”
พี่เขาถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้แล้วแตะหลังผมให้เดินออกมาด้วยกัน
พี่เชนยืนดูปลาคาร์ฟอยู่ที่บ่อหินหน้าบ้าน รออยู่
“ปิงมึงดูนี่ดิ่”
พี่เชนหันมาเรียก ผมเดินเข้าไปหา พี่ซ่าร์เองก็ตามมาด้วย
“ตัวนี้น่ารัก เหมือนมึงเลย สีเหลือง” พี่เขาชี้
“ไรอ่ะพี่
หาว่าผมหน้าเหมือนปลาอ่อ?” ผมทำหน้าแหยง
“น่ารักดี”
“พี่ชอบเหรอครับ”
“ที่บ้านกูมีนะ
แต่ที่ออฟฟิศไม่มี”
“พี่ชอบปลา?”
“ใช่
ดูแล้วเพลินดี พวกมันว่ายไปเรื่อย ๆ อิสระไม่ต้องถูกใครลากจูงไป
แบบนั้นกูไม่ชอบเลย”
ผมย่อตัวนั่งยอง
ๆ ลงพี่เชนเองก็นั่งลงด้วย พี่ซ่าร์ยื่นขวดอาหารปลาส่งให้ พี่เชนเงยหน้ามอง
ผมว่าสองคนนี้แปลกๆว่ะ ผมแอบดูว่าพี่เชนจะรับหรือเปล่า
โคตรลุ้น
“อ่ะ มึงให้”
พี่เขารับมาแบบเร็วมากแล้วยัดใส่มือผมเลย
ผมก็เปิดขวดแล้วตักโรยๆให้นิดๆ
พี่เชนมียิ้มให้ปลาด้วยเว้ย ประหลาดดีแท้ทีกับเจ้าของปลาล่ะทำหน้ายักษ์ใส่ ผมเห็นนะพี่ซ่าร์แอบมองพี่เชนด้วย
สายตาอบอุ่นเชียวอะไรวะไหงเวลาเผชิญหน้ากันกัดกันได้ทุกที
เล่นปลากันเสร็จ
ก็คงต้องถึงเวลากลับกันเสียที พี่ซ่าร์เดินไปส่งเราสองคนที่รถ วันนี้พี่เขาใส่ชุดผ้าฝ้ายแบบชาวเหนือหล่อมาก
พี่ซ่าร์ผิวขาวสวยเหมือนกับพี่เอย์
บ้านนี้ผิวดีกันทั้งบ้านทั้งที่เป็นผู้ชาย
หน้าตานี่คือเขาเรียกผู้ชายหน้าสวยด้วยนะ ทั้งพี่เอย์พี่ซ่าร์นั่นแหละครับ ที่นี่ยุงเยอะเหรอวะไหล่พี่เขาแดงเป็นจุดๆเชียวผมแอบเห็นแว็บๆ
ผมเลยก้มดูไหล่ตัวเองบ้างเผื่อจะมียุงมากัดเหมือนกัน เออไม่มีนี่หว่าโชคดีไป
“ปิง
เดี๋ยวถ่ายรูปกันก่อน มาที่นี่พี่ยังไม่ได้ถ่ายรูปกับเราเลยนะ”
พี่ซ่าร์เดินเข้ามากอดคอผมแล้วเอามือถือตัวเองยื่นออกไปสุดแขนเอียงหัวเข้ามาใกล้
“อย่าหนีดิ่วะ
เอียงหัวเข้ามาชิดพี่” ผมทำตามเพราะเฟรมโทรศัพท์มันแคบ
แล้วเซลก้ากันเองแบบเนี๊ยะหัวต้องชิดหน้าต้องแนบนะบอกเลยไม่งั้นหลุดเฟรมแน่ ๆ
แชะ! พี่เขากดชัตเตอร์เรียบร้อย ผมเลยเอามือถือผมขึ้นมาด้วย
พี่ซ่าร์รู้งานแอคท่าหล่อรอเลย แต่ว่าผมย่อตัวลงมุดออกจากแขนพี่เขาก่อน
“พี่เชนครับ มานี่”
ผมเดินไปลากพี่เชนให้มาถ่ายด้วยกัน
พี่เขากำลังกดมือถือของตัวเองทำอะไรสักอย่างผมเลยดึงโทรศัพท์พี่เขามาไว้กับผมก่อน
พี่เชนกำลังจะโวยแต่ผมแกล้งทำหน้าดุใส่
“นะครับพี่
นิดเดียวผมอยากได้รูปเราสามคนเลย มาเชียงใหม่ทั้งทีจะเอาไปให้แม่กับพี่ขมดู” ผมฉลาดใช่ไหม
คึคึ ต้องพูดแบบนี้ไม่งั้นคนอย่างคุณพี่เชนไม่มีทางมาทำเรื่องไร้สาระกับพวกผมแบบนี้หรอก
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าคนที่อยู่ในเฟลมมีพี่ซ่าร์พี่เชนแล้วผมอยู่ตรงกลางเรียงกันผมก้าวออกมานิดๆแล้วย่อตัวลงเพื่อให้เราสามคนเข้าเฟรมได้แบบไม่มีใครหลุด
หัวพี่เชนกับพี่ซ่าร์เลยจำเป็นต้องติดกัน
“พี่เชน
พี่แชะดิ๊ ผมแขนสั้นยืดไม่ถึงหรอกพี่”
“เรื่องมากจริงมึงนี่”
พี่เขาต่อว่าแต่ก็รับเอาไปยื่นแขนออกไปจนสุดกดถ่ายด้วยความเร็วสูง
ผมยังไม่ทันแอ็คหล่อเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้ยพี่ไรวะ
เสร็จแล้วจริงดิ่” ผมก้มมองรูปในมือถือตัวเอง
“โฮ้ย ไม่อ๊าวววววว
แบบนี้ผมไม่ยอมดูสิทำไมผมถึงขี้เหร่อยู่คนเดียวแบบนี้แล้วพี่เชนหน้าพี่งอได้อีก
เอาใหม่นะๆๆ”
“ไม่เอาเว้ย”
พี่เชนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแถมยังจะยื่นมือมาดึงโทรศัพท์ตังเองที่ผมถือไว้ ผมรีบหลบเหอะ
“พี่เชนครับ
ผมขอใหม่พี่ นะๆ” ผมทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ พี่เขาถอนหายใจแต่ก็ยอม
“พี่ซ่าร์ครับขอให้ผมอีกช็อตนะครับพี่”
“มาดิ่”
พี่ซ่าร์ยิ้มให้ ผมดีใจมากเหอะ ได้ถ่ายกับไอดอลขวัญใจผม
เรื่องอะไรจะยอมเอารูปที่ตัวเองขี้เหร่ไม่ตั้งตัวแบบนั้น
“พี่สองคนหัวชิดกันแบบเมื่อกี้นะครับ
พี่เชนถือกล้องดี ๆ พี่ยืดไปให้สุดเลย ผมนับนะ หนึ่ง สอง แชะ!
แชะ!
แชะ!
สามแชะ ไม่ใช่แค่พี่เชนแล้วครับที่เป็นคนถือกล้องเพราะพี่ซ่าร์เองก็เอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดช็อตเมื่อกี้นี้เหมือนกัน
มือผมที่ถือโทรศัพท์พี่เชนไว้ก็ยื่นออกไปกดด้วยความเร็วแสง
สรุปว่าในมือถือเราสามคน
มีรูปถ่ายช็อตเดียวกันหมด ฮ่าๆ พี่เชนหน้างอเลยดิ่ ดึงโทรศัพท์ตัวเองออกจากมือผมทันทีแล้วยัดมือถือผมคืนมา
“ไร้สาระ
เปลืองเมมโมรี่”
“แต่ถ้าพี่ลบ
ผมกับพี่ซ่าร์โกรธเลยเอาดิ่” ผมสวนขึ้น ตีคิ้วกวนๆส่งให้ พี่เชนยืนกัดปากนิ่ง
“ชิ
กูอยากเก็บไว้นักล่ะ ขึ้นรถ กลับได้แล้วมึงไอ้น้องชั่ว”
“ห๊า??
นี่พี่ว่าผมอ่อ พี่พูดอะไรนะเมื่อกี้ผมได้ยินไม่ชัด”
“ช่างดิ่
กูจะพูดครั้งเดียว” พี่เชนโดดขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับแล้ว ผมเลยหันไปบอกลาพี่ซ่าร์เห็นพี่เขาก้ม
ๆ ทำอะไรกับมือถือ ผมเลยเดินเข้าไปดู พี่ซ่าร์อัพรูปลงไอจี ผมตามพี่เขาอยู่ด้วยนะ
“อัพเลยเหรอพี่”
“อือรูปนี้แหละ
ไม่ได้อัพนานแฟน ๆ เขาอยากเห็นแล้วมั้งว่าพี่ทำอะไรอยู่ที่ไหน”
พี่ซ่าร์ยิ้มให้ผม
ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่เขาอารมณ์ดีกว่าวันแรกที่เรามาถึงกันเสียอีก
ขนาดตอนที่เดินออกมา ยังดูเครียดๆอยู่เลยแต่พอเราไปดูปลาด้วยกันเซลฟี่กัน
ยิ้มใส่กล้องด้วยกัน
ผมรู้สึกว่าอะไรหลายสิ่งหลายอย่างดีขึ้น
ผมขึ้นนั่งประจำที่
คาดเบลท์แล้วหันไปโบกมือให้ไอดอลขวัญใจผม
ผมแอบเห็นนะพี่เชนที่ทำท่าเมินไม่สนใจหันไปมองพี่ซ่าร์ด้วย แวปหนึ่งของแววตา อ่อนโยนมากเหมือนอยากจะพูดอะไรด้วย
ผมคิดว่าอาจจะเป็นคำขอบคุณหรืออะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดแม้แต่โบกมือลาก็ยังไม่มี
รถเราเคลื่อนตัวห่างออกมา
พี่เชนเงียบไปผมเองก็ไม่กล้าถาม
ดูเหมือนบรรยากาศไม่ค่อยปกติผมว่าเงียบไว้ก่อนจะดีที่สุด
รถออกมาได้สักระยะพี่เชนเอื้อมมือเข้ามายีหัวผมผ่านรถไอติมถามผมว่าหิวไหมผมส่ายหัวพี่แกยิงยาวออกมากันเลย
“พี่เชนครับ
พี่ซ่าร์เท่เนอะพี่ว่าไหม”ผมชวนคุย
“เฉย ๆ”
“อะไรเฉย ๆ
พี่เขาออกจะหล่อ”
“บอกไปแล้วนี่กูไม่ชอบดาราไอดอล
พวกนายแบบอะไรเทือกนั้น ยิ่งพวกไฮโซด้วยยิ่งแล้วใหญ่”
“ทำไมวะพี่
ผมว่าไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ดาราก็คนนะพี่ไปอคติพี่เขาทำไม”
“กูต้องบอกมึงเหรอ”
“พี่อิจฉาพี่ซ่าร์อ่ะดิ๊
ตัวเองไม่หล่ออย่างเขาอ่ะ”
“เหี้ยเหอะ
กูหล่อกว่า หุ่นก็ดีกว่า มึงไม่รู้อะไร”
“พูดอย่างกับเคยเห็นเลยนะครับนะ”
“อย่าถามมาก
กินขนมของมึงไปช่วยกูดูทางดิ่ พูดเรื่องอื่นทำไมวะ” พี่เชนหันมาว่าหน้ายุ่งเชียว
“ก็เปล่า
ผมแค่แปลกใจทำไมพี่ดูไม่เฟรนลี่กับพี่เขาเลย”
“บอกแล้วไง
กูไม่ชอบพวกดารา”
“เออแล้วถ้าพี่เขาไม่ใช่ดาราล่ะ
ถ้าวันนึงพี่เขาไม่ใช่ไอดอลแล้ว เลิกเป็นดาราแล้ว พี่เชนจะชอบพี่เขาไหมครับ”
ความหมายของผมคือจะพูดดีๆกันได้ไหม เป็นมิตรกันไหม
แล้วดูพี่เชนตอบ
“เขากับพวกเรามันคนละระดับ
กูไม่เคยคิดเอื้อมไปคว้าเอาคนที่อยู่ไกลจากความเป็นจริงแบบนั้น มาไว้ข้างกายหรอกนะ
ปล่อยเขาไปกับคนที่ทุกๆอย่างเหมาะสมกับเขาจะดีกว่า”
ผมว่าผมรู้สึกแปลกๆกับคำตอบของพี่เขามากเลยว่ะ
มันมีความหมายอะไรลึกซึ้งกว่าคำถามของผมป่ะวะ
"ผมว่าพี่ตอบไม่ตรงคำถามว่ะ ผมถามว่า ถ้าวันนึงพี่เขาไม่ใช่ไอดอลแล้ว เลิกเป็นดาราแล้ว พี่เชนจะชอบพี่ซ่าร์เขาไหม" ผมก็ยังยืนยันความหมายเดิมของผมนะ คือจะพูดดีๆกันได้ไหม เป็นมิตรกันไหม
พี่เชนหันมองผมแวบนึง เงียบไปนิดก่อนจะตอบ...
“ความลับ”
ความลับ? ผมทวนคำงึมงำอยู่คนเดียว
อะไรวะถ้าปกติธรรมดาก็ต้องพูดออกมาได้เลยดิ ทำเป็นพูดจากำกวมทำไม
ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าคนขับ พี่เชนอมยิ้มนิดๆด้วยนะ
กำลังจะอ้าปากพูดต่อเจอพี่แกยัดมันฝรั่งใส่ปากผมเลยจำเป็นต้องหยุด
เสียงเพลงจากสถานีวิทยุดังขึ้น
พี่เชนฮัมตามเบา ๆ
“......แม้ใจจริง จะรักเพียงใด แม้ในใจ
ยังอยากจะมีตัวเธอนั้นไว้นานเท่านาน
อยากมีทางเดินร่วมกัน แต่เธอคงมีทางที่ดี กว่าที่ฉันจะมีให้เธอ......”
เราสองคนกำลังมุงหน้าสู่กรุงเทพ
อีกหลายชั่วโมงแน่ ๆ กว่าเราจะเดินทางไปถึงเห็นพี่เชนว่าจะอ้อมไปอีกทางพาเที่ยวด้วยนิดหน่อยผมก็เออไม่เคยมา
ได้ผ่านๆไปดูก็ดี ว่าง ๆ
ไม่มีอะไรทำเพลงบนรถก็สไตล์เย็น ๆ ผมกดมือถือเข้าไอจีไล่เช็ครูปอัพเดทใหม่ ๆ หมาบาสกับไอ้วุฒิทำไมโพสกันหลายรูปงี้วะเมื่อคืนไลท์ไปแล้วยังมีหลงเหลืออีกเหอะ
มีเพื่อนคนอื่น ๆ
อีกผมกดไปเรื่อยรูปไหนชอบไลท์ให้สักหน่อยรูปไหนหมั่นไส้ก็เม้นท์แซวๆกันไป
พอมาถึงรูปล่าสุดไอจีของพี่ซ่าร์ ผมนี่แทบสำลัก กำลังยกขวดซดอยู่พอดี
“ฮ่าๆๆๆๆๆ
กร๊ากกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆ”
“ปิงมึงเป็นบ้าเหรอจู่
ๆ หัวเราะขึ้นกูตกใจนะเว้ย”
“โอ๊ยพี่เชนผมขำว่ะ
ฮ่าๆๆๆ กร๊ากกกพี่โอ๊ยยยยทำไมถึงเป็นแบบนี้ พี่ผมสงสารพี่ว่ะให้ตายเหอะ”
ผมหัวเราะจนท้องขัดท้องแข็ง
พี่เชนหันมองไปด้วยขับรถไปด้วยหน้าตานี่คือสงสัยผมน่าดู
“พี่ก็ดูดิ่
ไม่ให้ผมขำได้ง๊ายยยยย ฮ่าๆๆๆ” ผมยื่นมือถือส่งไปให้พี่เขาดู
ลุ้นอยู่นะไม่รู้พี่เชนจะขำเหมือนผมหรือว่าฉุนปรี๊ดกันแน่
มันก็จริงที่ผมเองก็ไม่ได้หัวเราะรูปหรอก
เราสามคนยืนเรียงกันโดยที่พี่ซ่าร์กับพี่เชนเอนหัวชนกันแล้วผมที่อยู่ตรงกลางย่อตัวลงทำมือเป็นรูปดอกไม้บานใต้คาง
ยิ้มแป้นให้กับกล้อง ดูแล้วมันก็น่ารักใช่ไหม ถึงพี่เชนจะหน้าบูดนิดๆแต่ก็แมนดีนะ
แต่ที่สำคัญสุดมันอยู่ตรงเน๊.....พี่ซ่าร์ดันเมนชั่นรูปนี้ไว้ว่า
‘เชนนี่มัม
ซีซ่าร์แด๊ด แอนด์อ๊าวเออร์ซันสวีทที๊ปิงปิง’
จะไม่ให้ผมขำแล้วพี่เชนอารมณ์เสียได้ยังไงครับ
ผมถาม
“หะ........เหี้ยยยยยยยยยยยย”
พี่เชนร้องขึ้นมาอย่างดัง
พวงมาลัยถูกหักลงที่ข้างทางเร็วมาก
ผมใจหายวาบดีนะที่พี่เชนยังคุมสติอยู่ได้ไม่เบรกพรวดพราดกลางเลนไม่งั้นตายห่าแน่
“โฮ้ยยยยยย!!!!” พี่เชนหน้างอหงิกเลยดิ่ โกรธมากแน่ ๆ กัดปากด้วยเว้ย
“โอ๋เอ๋ๆ
จะงอนไรเล่า ผมว่าน่ารักดีออกพี่ ไหนๆเอามาคืนเลย เร็ว
ผมดูอีกหน่อยนี่ผมกลายเป็นลูกชายพี่แล้วจริงดิ่ เชนนี่มัมมี๊ สวัสดีครับคุณแม่ กร๊ากกกกกก”
“ไอ้เหี้ยกวนตีนอย่ามาล้อกูนะ
มึงลองมาเป็นกูบ้างดิ่” พี่เชนฉุนขาด ทุบพวงมาลัยตุ่บๆๆ
“พี่เชนแต่ผมว่าไม่เป็นหรอก
รูปน่ารักดีพี่ ไม่เป็นไรๆ หึหึหึ ยอดคนฟอลพี่เขาแค่ไม่กี่ล้านเอ๊ง ชิล” โอ๊ยยกูขำ
“ไอ้ปิงมึงหยุดพูดได้แล้ว
จะซ้ำเติมแผลกูไปถึงเมื่อไหร่”
“คร้าบๆ ผมไม่หัวเราะแล้ว ขับต่อนะออกรถเถอะครับเชนนี่”
“ไอ้ปิง!!!”
“โทษๆๆๆ
ผมล้อเล่น โอ๊ยยยยยย อย่าตีผมนะ”
“สมน้ำหน้ามึง
ชิ อย่าให้กูเจอนะ ฮึ่มมม”
หลังจากนั้นตลอดทางพี่เชนถูกผมเรียกว่า
เชนนี่ มาตลอด หน้าตาคุณพี่นี่แบบ...นะ ฮึมฮัมขัดใจ
ท่าทางจะแค้นฝังหุ่นพี่ซ่าร์มากมายแหละ ไม่รู้ว่าไปกรุงเทพจะมีโอกาสได้เจอกันไหม
แต่ผมว่าอย่าเลย สองคนนี้ลงรอยกันดี ๆ ซะที่ไหน
รถเราเลี้ยวเข้าปั๊มเพื่อเติมน้ำมันและเสริมเสบียงคน
พี่เชนแยกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาส่วนผมเซเว่นสิครับขนมนี่เต็มถุง เราเดินออกมาเจอกันด้านหน้าผมยื่นลูกอมส่งให้
“มือถือมึงไม่ได้เปิด?”
พี่เชนถาม
“ไม่ครับ
ทำไมอ่ะพี่” ผมปิดไว้เองแหละ
“แฟนมึงโทรเข้าเครื่องกู
โทรกลับไปหาคุณท่านด้วยล่ะ ท่าทางเครียดมากเหมือนกันนะมึง”
“หึ ไม่อ่ะ” ผมส่ายหน้า
ก็รู้นะวันนี้มันต้องโทรหาแน่ผมเล่นไอจีเสร็จปิดเครื่องเลย รูปพี่เอย์กับเลขาของมันเมื่อคืนยังทำผมนอยด์ไม่หายอารมณ์ไม่ค่อยดี
ผมยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่แล้วเมื่อเช้าเปิดเช็คดูรูปนั้นถูกลบไปแล้วอีก
เออดีโพสเสร็จลบ
กูจะดูอีกหน่อยจับผิดอีกนิดนี่คือทำเห้ไรไม่ได้
RRRRR
RRRRRRRR
ว่าไม่ทันขาดคำมือถือพี่เชนดังอีก
พี่เขายื่นมาหาผม
“พี่เชนถ้าผมปิดเครื่องพี่ด้วย
พี่จะว่าไรผมป่ะ”
“ทำไม” พี่เชนหันมาถามทันที
เรากำลังแยกกันเดินขึ้นรถ
“ผมไม่อยากคุยไง”
“ตามใจมึง”
ผมจัดการปิดเครื่อง วางโทรศัพท์พี่เชนคืนไว้ที่หน้ารถ
ยังไม่อยากจะคุยจะเคลียร์อะไรตอนนี้ ผมชอบพูดแบบต่อหน้าไปเลย
ไม่รู้นะความรู้สึกของผมพี่เอย์มันโกหกไม่เก่งนักหรอกถ้าหากผมได้คุยกับมันต่อหน้าผมจะรู้ได้ทันทีจากแววตาของมันว่ามันโกหกไหมอะไรยังไง
อยากรู้เหมือนกันความสัมพันธ์ของมันกับเลขาส่วนตัวคนนั้น
เดี๋ยวจะเค้นให้พูดออกมาเองเลย
พี่เชนวิ่งเส้นอ้อมเข้าจังหวัดแพร่พาแวะพิษณุโลก
เส้นนั้นร่มรื่นมากต้นไม้เยอะไกลหน่อยแต่เราแวะกันตลอดทางเจออะไรอร่อยก็แวะกิน
คุณเชื่อไหมผมสร้างขยะเต็มรถเจอพี่เขาด่าดิ่เดี๋ยวกินนั่นกินนี่ไม่หยุดปาก
แต่พี่แกก็ขนลงไปทิ้งให้นะ พี่เชนน่ะปากร้ายใจดีเหมือนพี่เอย์เปี๊ยบ ถนนเส้นนั้นสวยงามร่มรื่น พี่เชนบอกว่าผมไม่เคยมาเลยพาเที่ยว
ผมก็ตื่นตาตื่นใจไปตามเรื่อง
เรามาถึงกรุงเทพกันราวสี่ทุ่มกว่า
ๆ หน้าออฟฟิศยังคงมีพี่ยามสองคนนั่งเฝ้าอยู่อย่างเคย แต่รถที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนก็ทำเอาพี่เชนหันมองมาที่ผมทันทีเหมือนกัน
“กูเปิดเครื่องได้แล้วดิ่”
พี่เชนพูดแล้วยิ้ม เออแซวกันเข้าไป
“ผมงอนเหมือนผู้หญิงเลยใช่ไหมล่ะ”
“ยิ่งกว่า”
“พี่เชนอ่ะ”
“กูสงสารแฟนมึงว่ะ
ลงไปได้แล้ว เคลียร์กันให้รู้เรื่องถามๆไปเรื่องไหนมึงไม่ชอบใจต้องบอกออกไปให้หมดถ้ามันตอบแล้วไม่เข้าหูค่อยว่ากันอีกที”
“สอนดีว่ะพี่
ผมขอบคุณนะ”
“ไอ้เหี้ยไม่ต้องมายิ้มหวานกูขนลุก”
“หึหึ
ผมแกล้งเล่นหรอก ไปแล้วนะครับ วันนี้พี่เชนนอนไหน”
“นอนบ้านดิ่
แวะมาส่งมึงไงรู้ดิ่คุณชายมึงป่านนี้ต้องมายืนรอแล้ว ลงไปเร็วกูไม่อยากเสี่ยงเจอตีนไฮโซ
ดูซิจ้องตาเขียวแล้ว” พอรถจอดลงแบบสนิทพี่เอย์เดินเข้ามาหาอย่างไวเลยผมรีบหันไปคว้าเอากระเป๋าที่หลังเบาะ
มีถุงของฝากแม่กับพี่ขมนิดหน่อย
“ไปแล้วครับพี่เชน
ขอบคุณมากพี่” ผมตบไหล่พี่เขาเบา ๆ พี่เชนพยักหน้าให้
“เจอกันพรุ่งนี้ลุยงานกันต่อ
เคลียร์กันดี ๆ นะมึง”
“ครับผม” ผมพยักหน้าอมยิ้มแล้วปิดประตูรถให้
พี่เชนกับพี่เอย์ไม่ค่อยคุยกันนักหรอกถึงเห็นกันก็ไม่มีใครทักขึ้นก่อนยกเว้นจะมีธุระจำเป็นจริง
ๆ ซีอาร์วีของพี่เชนเลี้ยวกลับออกไปแล้ว
“หมาปิง”
พี่เอย์เดินเข้ามาหา หน้างอนิด ๆ ผมมองดูมันยังอยู่ในชุดทำงานเชิ้ตรัดรูป
พับแขนขึ้นมานิด ๆ สแลคยังไม่ได้ถอดแต่คุณชายลากแตะคู่โปรด
“ทำไมมาถึงช้า
ซ่าร์บอกว่ามึงออกกันมาแต่เช้าแล้ว” พี่เอย์จับเอาของในมือผมไปถือไว้แทน
“เที่ยวน่ะครับ
แวะตลอดทางเลย” ผมตอบเรียบ ๆ แกล้งเก็กนิด ๆ
“เที่ยวที่ไหน”
เสียงมันเริ่มเปลี่ยน หน้าก็งออยู่แล้วเลยงอขึ้นไปอีก ขี้เหล่ว่ะแฟนใครเนี่ย
ไม่เห็นจะหล่อเล๊ย หน้าบูดฉิบ ผมรู้มันคงอยากถามเรื่องโทรศัพท์เต็มทน
ผมก็ไม่สนใจนะเดินตาม ๆ
กันไปพอขึ้นรถพี่เอย์เอื้อมมือมาดึงสายเข็มขัดแล้วกดคาดให้ผมเอง มันชะงักไปนิดตอนที่ปลายจมูกเฉียดๆกับแก้มผมรีบเบี่ยงออก
“เดี๋ยวกลับไป
มึงรีบอาบน้ำเลยนะ”
“ทำไมครับ”
“........”
มันไม่ตอบ ส่ายหน้าแทน ทำจมูกฟึดฟัด
“ผมไม่อาบหรอก
ผมจะอาบตอนดึกๆ”
“ดี ดื้อกับกูได้ตลอด”
“ผมไม่ได้ดื้อ
ทำไมผมต้องอาบล่ะพี่บอกเหตุผลมาดิ่”
“วันนี้มึงปิดมือถือทำไม”
พี่เอย์ไม่ได้ตอบคำถามผมแต่เปลี่ยนไปถามเข้าเรื่องเลย
จะว่าไปเรื่องนี้ทำเอาผมเซ็งจนเมาไปเลยดิ่เมื่อคืน วันนี้เลยปิดเครื่องทิ้งแม่ง
ขี้เกียจคุย
“แบตหมด”
ผมโกหก
“ปิงอย่ามาหาเรื่อง”
มันละมือข้างซ้ายออกมาจากพวงมาลัยยื่นเข้ามาล้วงเอามือถือผมออกไปจากกระเป๋าเสื้อเลย
เสียงเปิดเครื่องดังขึ้น รถติดไฟแดงพอดีพี่เอย์จ้องผมนิ่งเลย
“โกหกกู?”
“ครับใช่
ผมโกหก”
“หมาปิง!”
พี่เอย์หันมาจ้องหน้าผม
เราสองคนเงียบกันไป พอรถผ่านแยกนี้มาได้พี่เอย์เหยียบเร็วมากแบบมากๆ ใช้เวลาไม่นานมันเลี้ยวขวับเข้าช่องจอดที่คอนโดข้างรถบีเอ็มคันเล็กของมันพอดี
“พี่เอย์ครับ
ช่วยส่งผมที่บ้านได้ไหมพี่”
“ลง”
“เรื่องของเราไว้คุยวันหลังนะ
ผมอยากกลับบ้านจริง ๆ”
ผมเหนื่อยมากจริงนะตอนแรกก็กะว่าจะแค่โกรธไม่นานหรอกเดี๋ยวกลับมาผมจะถามมัน เคลียร์นิดหน่อยเพราะจริง ๆ
มันก็แค่รูปถ่ายธรรมดาไม่น่ามีอะไร ถือว่าหายแล้วเสียด้วยซ้ำ
เแต่ตอนที่ผมขึ้นรถแล้วหันไปมองที่เบาะหลัง
เสื้อคลุมตัวเล็กของใครบางคนในรูปถ่ายวันนั้นยังพาดอยู่ที่เบาะที่ผมนั่งพิงอยู่นี่
คุณคิดว่าผมจะรู้สึกแบบไหนกันล่ะ??
บอกไม่ถูกเลย
คือจริง ๆ ผมก็รู้อยู่แล้วว่าเขาสองคนไปด้วยกัน ผมเครียดมากนะ
คิดไปเองไม่รู้จนถึงไหนต่อไหนทั้งที่ตัวผมเองใส่เสื้อพี่เชนก็ยังเคย แต่ทำไมวะผมถึงรู้สึกแย่แบบเหี้ย
ๆ เลยกับทุกๆการกระทำของเลขาคนนี้ของพี่เอย์
ผมไม่รู้เขาคิดยังไงต่อกัน
บางทีผมอาจจะเป็นแค่คนโง่
ๆ ที่โดนเขาสองคนหลอกมานานก็แค่นั้น....ควายไง ผมอ่ะ
“ลงมาได้แล้ว”
พี่เอย์เดินมาเปิดประตูออกให้ ผมเงยหน้ามองพี่เขา พี่เอย์ที่อยู่ในชุดทำงาน
จะห้าทุ่มแล้วมันยังไม่ได้อาบน้ำ ไม่รู้ว่าไปยืนรอผมอยู่ที่หน้าออฟฟิศนานแค่ไหน
โทรศัพท์ทั้งของผมทั้งของพี่เชนติดต่อไม่ได้ทั้งคู่ แต่มันก็ยังมาคอย ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เชนอาจส่งผมลงที่บ้านสวนก็ได้
แต่พี่เอย์ก็ยังมา
“เราสองคนต้องคุยกันใช่ไหมปิง”
ผมเงยหน้ามองพี่เขาก่อนตัดสินใจก้าวลงไป
เดินนำไปที่ลิฟต์ เป็นพี่เอย์ที่กดเรียก บรรยากาศในลิฟต์ห้าสิบชั้นคือเงียบมาก
พี่เอย์จ้องผมตลอด
ในที่สุดสายตาเราสองคนสบกันพอดีอีกแล้ว
มันก้าวเข้ามาหายันมือเข้ากับผนังลิฟต์กักผมไว้ที่มุม ก้มปลายจมูกลงมาใกล้
ผมหันหลบแล้วผลักมันออกห่าง
“เดี๋ยวขึ้นไปอาบน้ำก่อนเลยนะ
กูไม่ชอบกลิ่นนี้ของมึงเลย ให้ตาย”
“ก็ผมนั่งรถตลอดทั้งวัน”
ผมคิดว่ามันหมายถึงกลิ่นเหงื่อ
“ตัวมึง
มีแต่กลิ่นน้ำหอมไอ้เชน ทั้งเส้นผม เสื้อผ้า กูโคตรโมโหเลยนะ”
ลิฟต์เปิดออกพอดีผมรีบมุดออกมาจากวงแขนมัน
เดินฉับๆไปที่ห้อง พี่เอย์ดึงแขนผมไว้ สายตาเหมือนคนที่เพิ่งนึกเรื่องอะไรบางอย่างได้
“เดี๋ยวก่อน
มึงใส่เสื้อใคร?” ผมก้มดูตัวเอง ผมใส่เสื้อคลุมของพี่เชนอยู่ จริง ๆ
คือเสื้อหนาวผมเหม็นเหล้า พี่เชนมีเสื้อคลุมสองตัว ผมเลยหยิบมาใส่ไว้ตัวนึง
ตอนลงลืมถอดคืน
“พี่เอย์!” ผมร้องขึ้นเลย
พี่เอย์มันบ้ามันกระชากเสื้อคลุมผมออกแรงมาก กระเป๋าผมร่วงตกลงที่พื้นเราสู้กันนิดๆในที่สุดเสื้อผมถูกมันถอดออกไปได้
“กลิ่นไอ้เชน”
มันเอาขึ้นมาดม เปิดประตูห้องแล้วกระชากแขนผมดึงเข้าไปเลย
พรึ่บบ!!
เสื้อพี่เชนถูกโยนทิ้งลงที่โซฟา
ปาลงเลยมากกว่า ก่อนที่คนโยนจะเดินตรงเข้าไปที่ห้องน้ำ เสียงน้ำดังขึ้นมันเดินออกมาแขนเสื้อที่พับไว้อยู่แล้วถูกมันพับให้สูงขึ้นอีกนิด
มันเดินออกมากระชากแขนผม
“เข้าไปอาบน้ำ”
ผมบิดแขนตัวเองออก
เดินหนีไปยืนอยู่อีกฝั่ง พี่เอย์เซ่อไปเลย
“ไม่เอา
ผมไม่อาบ”
“ปิง”
“ผมจะกลับบ้าน”
พูดแล้วถึงนึกได้
ผมพูดอะไรออกไปวะ?? ทะเลาะกับแฟนเอะอะจะกลับบ้านแบบนี้มันเหมือนเมียทะเลาะกับผัวพอโกรธปุ๊บบอกจะหนีกลับบ้านเลยนี่หว่า
อีกอย่างนะบอกจะกลับบ้านแล้วเสือกเดินตามเขาขึ้นมาอีก เออดี ทำดี
“ปิง
มึงโกรธกูเรื่องอะไรเนี่ย ต้องเป็นกูไม่ใช่หรือไงที่ต้องเป็นฝ่ายโกรธ
มึงหายไปไหนตลอดทั้งวันโทรศัพท์ก็ปิดติดต่ออะไรไม่ได้
กูรู้ว่ามึงจะกลับวันนี้รีบกลับมาจากปราณฯกลัวไม่ทันมารับมึง
ยืนรออยู่ที่นั่นตั้งแต่หกโมงเย็น มึงมาถึงสี่ทุ่มกูไม่ว่า
แวะเที่ยวกันมาตลอดทางกูก็ไม่ว่า
ใส่เสื้อไอ้เหี้ยนั่นกูจะอดทนไว้ แต่มึงมาทำท่าทีเย็นชาใส่กูแบบนี้??”
“ผมจะกลับบ้าน”
ผมเดินเข้าหากระเป๋าตัวเอง พี่เอย์รีบเดินเข้าหาแต่ผมหลบ
“ปิง”
หน้าพี่เอย์เครียดมาก
“พี่ไม่รู้จริงเหรอ
ว่าผมโกรธพี่เรื่องอะไร” ผมถอยหนีอีกนิดเมื่อมันเดินเข้ามาใกล้อีก
ยังไงก็แล้วแต่ผมไม่อยากให้พี่เอย์รวบตัวผมเข้าไปกอดหรอก
แบบนั้นยังไม่ทันได้เคลียร์ผมคงจะใจอ่อนอีกแน่
“เรื่องอะไร
มึงบอกสิ”
“ผมไม่บอกหรอก
ถ้าพี่คิดว่าผมทำเย็นชาใส่ แสดงว่าพี่ต้องรู้ว่าผมโกรธ”
“ก็แล้วมึงโกรธกูเรื่องอะไรล่ะ
มึงไม่บอกกูจะรู้ได้ไหม”
“พี่แม่ง”
“ปิง!” พี่เอย์ขายาวมากมันก้าวเข้าหาจะคว้าผมไว้ ผมเหยียบขึ้นโซฟาแล้วกระโดดลงมายืนอีกฝั่ง
“ผมจะไม่บอก
ถ้าพี่ไม่รู้ว่าผมโกรธเรื่องอะไรพี่ก็ไม่ต้องเคลียร์ เราไม่ต้องคุยกันอีก จบไป”
“หมาปิง!” มันตะคอกขึ้นเสียงดังมาก
แต่ผมไม่สนใจ
“มึงบอกกูมา
มึงไม่พอใจกูเรื่องอะไร หรือว่าที่กูไม่ได้บินตามไป
กูบอกแล้วใช่ไหมกูมีงานที่ปราณบุรีจริง ๆ เพิ่งจะกลับมาถึงตอนเย็นกูก็รีบมารอมึงที่ออฟฟิศเลย
กูจำได้ว่าบอกมึงไปแล้วนะ”
พี่เอย์เสียงสั่น
ๆ ดูท่ามันอัดอั้นมากๆ ผมเดินไปคว้าเอากระเป๋าสะพายตัวเองขึ้นมาด้วยความเร็ว
“ผมจะให้พี่พูดแค่ครั้งเดียว
ผมคิดว่าพี่รู้อยู่แล้วว่าผมไม่พอใจพี่เรื่องอะไร ถ้าพี่ยังพูดไม่ถูกประเด็นอีก
วันนี้ผมจะกลับจริง”
“ปิง....”
พี่เอย์เดินเข้ามาหา มันรวบจับสองมือผมไว้แน่นเลย ดันตัวผมให้เดินถอยหลัง เราสองคนจ้องหน้ากัน
“จะลองใจกูเหรอ
คิดอะไรอยู่”
“ผมเปล่า”
“.....”
“ผมจะกลับ”
“.......”
“ผมนับแค่สาม
หนึ่ง
สะ.....
“โกรธกูเรื่องกัสใช่ไหม
รูปที่ลงอินสตาแกรมนั่น”
ผมอึ้งเลย....โคตรอยากร้องไห้
มันเองก็รู้นี่ว่าเรื่องนี้ทำให้ผมไม่สบายใจ
มันคิดว่าผมไม่เห็นภาพก่อนที่มันจะลบออกไปหรือไงถึงได้ไม่บอกอะไรผมเลย
นี่ถ้าผมไม่คั้นมันออกมาพี่เอย์จะบอกอะไรผมบ้างไหม
ผมจ้องหน้ามัน
แววตาของผมเต็มไปด้วยความน้อยใจแน่ ๆ
“ผมโคตรโง่เลยพี่”
“ไม่ใช่แบบนั้นเลยปิง
มึงกำลังเข้าใจกูผิด” ดวงตาพี่เขาเองก็สั่นไหว
“เสื้อพี่เขา
ยังพาดอยู่หลังรถพี่เลย”
“ปิงครับ”
“เบาะรถพี่ที่ผมนั่ง
ก็มีแต่กลิ่นของเขา”
“.....”
“พี่เอย์ครับ
ผมถามหน่อย พี่ทำกับผมขนาดนี้แล้วพี่ยังมีสิทธิ์อะไรจะมาหึงผมกับพี่เชน?”
“ปิง!” มันตะคอกขึ้น
“ผมโคตรโกรธพี่เลยนะ
ขอชกหน้าพี่ทีนึงได้ป่ะวะ ผั๊วะ!!”
ถึงผมจะพูดไปแบบนั้นแต่ผมไม่รอให้มันอนุญาตหรอกนะ
ผมซัดปากมันเท่าที่ความโกรธผมจะมีนั่นแหละ พี่เอย์เซไปเลยดิ หน้ามันหันไปตามแรงหมัด
มือนี่จับพนักโซฟาพยุงตัวไว้
ผมรู้ผมทำรุนแรงแต่ผมทนไม่ไหวจริงนะ
อะไรคือการที่รู้ว่าผมโกรธเรื่องนี้แน่ ๆ แต่เฉไปที่เรื่องอื่น
นี่ถ้าผมไม่บีบมันจนสุดมันจะพูดเรื่องรูปถ่ายคู่อะไรนั่นไหม
ผมคว้าเอากระเป๋าอีกครั้งเดินหันหลังออกมาเกือบจะถึงประตูอยู่แล้ว
หมับบบ!!!
มันเข้ามาสวมกอดผมไว้จากด้นหลัง
ตัวสั่นนิดๆหัวใจเต้นแรงจนแผ่นหลังผมยังรู้สึกได้ ลมหายใจจากปลายจมูกที่ซุกลงแถวบ่าร้อนระอุ
“ไม่ให้ไป”
มันพูดเอาแต่ใจ
“แต่ผมจะกลับ”
เออเอาดิ่ ผมก็เอาแต่ใจเป็นเหมือนกันเหอะ
“ปิง...”
พี่เอย์เสียงสั่น
“กูผิดเอง ผิดเองที่ไม่ระวัง
กูจะไม่แก้ตัวถึงแม้ว่าคนที่โพสจะไม่ใช่กู แต่คนที่ผิดก็คือกูเองที่ระวังตัวน้อยเกินไปปล่อยให้เขามาใกล้ชิดได้แบบนั้น
ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามึงเห็นแล้วจะไม่สบายใจ กูก็ยังไม่ทันระวังอะไรให้มากขึ้น”
“พี่คนนั้นเขาใช้มือถือพี่ได้ด้วย??”
ผมกำหมัดแน่น กัดฟันกรอดเลย
“ไม่ใช่แบบนั้นปิง
กูจะไม่แก้ตัวอะไรนะ เอาเป็นว่าคืนนั้นเรานั่งดื่มกันหลายคนไม่ใช่มีแค่กูกับเขา
กว่าจะได้เช็คมือถือก็จนกลับไปถึงห้องนั่นแหละถึงได้รู้”
“พี่นอนห้องเดียวกับเขาไหม”
“ไม่ใช่ คนละห้องดิ่วะ” พี่เอย์งับไหล่ผมเบา ๆ
ผมเบี่ยงตัวออกมันกอดแน่นเลย ตัวร้อนมาก มันยื่นมือถือส่งมาให้ผม
“แล้วไม่ใช่มีแต่รูปกับเขานะ
กูถ่ายกับหลายคน กับหมากับแมวกับตึกก็ยังถ่าย
รูปนั้นกัสเขาใช้มือถือตัวเองถ่ายแล้วส่งมาที่เครื่องกูจากนั้นอัพลง
กูต่อว่าไปแล้ว ไม่รู้เลยเขาเอาเครื่องกูไปเล่นตอนไหน”
“......” ผมเงียบและนิ่งไปนาน
กำลังชั่งใจ จริง ๆ ไม่ได้โกรธมากมายนะเพราะระบายออกไปกับหมัดเยอะแล้ว
คุณก็รู้เวลาเราถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ เฟรมแคบแบบนั้นบางทีหัวเราติดกันมันก็ธรรมดา
กอดคอกันเออมันก็ธรรมดา แต่ที่เครียดนิดๆนี่คือ คุณบอกผมดิ่
ถ้ารู้ว่าทำอะไรผิดมาก็บอกให้ผมรู้ก่อนที่จะให้ผมเป็นคนพูดความผิดนั้นออกมาเอง
แฟร์ๆไปเลยบอกผม
“อย่าโกรธนะ
ไม่มีอะไรจริง ๆ กูมีมึงอยู่แล้วจะไปมีใครคนอื่นอีกได้ไง รักหมาคนเดียว”
ให้ตาย! ผมใจอ่อนกับประโยคสุดท้ายของมันเข้าแล้วจริง ๆ
เสียงพี่เอย์อ้อนมาก ตัวก็หอมอ้อมกอดอุ่น ๆ
ลมหายใจที่รินรดอยู่แถวต้นคอผมทำเอาผมอ่อนระทวยหายโกรธมันเป็นปลิดทิ้ง
เอาวะได้ตั๊นไปแล้วหนึ่งหมัด
ลดความเครียดลงได้เยอะ ผมหันกลับมามอง พี่เอย์ก้มหน้านิ่งเลย
ผมเลยเอียงหัวเข้าไปดูใกล้ ๆ
ตายห่า....มุมปากเขียวปั๊ด
“เจ็บไหมล่ะ??”
ผมจับคางมันเชยขึ้นมาดูให้ชัด พี่เอย์ส่ายหน้า
“เลือดออกไหม
ด้านในน่ะ” มันส่ายหน้าอีก นัยน์ตาเศร้ามาก ผมรู้ดิปากช้ำแบบนี้แตกแน่ล่ะด้านใน ดึงแขนมันให้มานั่งลงที่เบาะ
หยิบเอากระป๋องปฐมพยาบาลเล็กๆ มาเปิดออกเพื่อใช้งาน
“ไม่เอา กูไม่ทายานะเจ็บ
แสบด้วยกูไม่ชอบ” มันถดๆตัวออก หน้าตาเหมือนเด็กที่กลัวการใส่ยาสุดฤทธิ์
“นิดเดียวครับพี่
เดี๋ยวผมทำเบา ๆ”
“ไม่เอา”
มันกอดผมแน่นเลยซุกหน้าเข้าที่อก พี่เอย์อ้อนเก่งอีกแล้ว “ไม่ทา กูไม่ทาเดี๋ยวมันก็หายเอง”
คุณชายงอแงแบบนี้ผมแย่นะบอกเลย
เจ็บตัวแล้วไม่ยอมทายา พรุ่งนี้เดี๋ยวปากเขียวอื๋อได้อายพนักงานคนอื่น ๆ แน่
“ให้มึงนวดให้ได้ไหม
ไม่ทายาหรอกเดี๋ยวก็หายแล้ว”
“ทายาก่อนครับ
รอยช้ำแบบนี้ไม่ต้องนวดนะ” ผมแต้มสำลีเข้ากับแอลกอฮอล์พี่เอย์ส่ายหน้าตาแดงทำเหมือนจะร้องไห้
ผมเลยรีบวาง
“โอเคไม่ทาครับไม่ทา
งั้นติดพลาสเตอร์” มันส่ายหน้าอีก กอดผมไว้แน่นซุกหน้าเข้าที่อกอีกครั้ง
“งั้นให้ทำยังไง”
เออผมชกพี่เขาผมรู้สึกผิดนิดๆอ่ะอยากจะทำอะไรให้มันบ้าง
“งั้นมึงก็นวดให้กูได้ไหม
นวดให้ดิ่” พี่เอย์เงยหน้าขึ้นมอง ผมว่ามันช้อนสายตาด้วยเหอะ อ้อนแม่งสุดตรีน ถ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆกูจับแม่มขึ้นมาฟัด
หมั่นเขี้ยว
“นวดแบบไหนครับ”
ผมถาม
นวดปากเนี่ยนะผมก็แปลกใจ
พี่เอย์เลื่อนนิ้วมือขึ้นมาไล้ที่ริมฝีปากผม
“เอาปากมึงนวดที่ปากให้กูไง”
จบเลยสิครับ ผมสตั๊นได้อีกประมาณหลายวิ
นั่งตัวแข็งทื่อเบื่อมุกเสี่ยวแม่ง
“ค่อย ๆ นวด
นวดเบา ๆไม่นานเดี๋ยวหายเอง” พี่เอย์ยกสองแขนขึ้นมาแล้วสอดรอบคอผมไว้ มันค่อยรั้งศีรษะผมให้ต่ำลงมา
อะไรวะท่าทางแบบนี้มันเหมือนกับผมจะได้นำเลยนี่หว่า
เห้แล้วมึงไอ้ปิง
หรือว่าพี่เอย์จะกลายไปเป็นฝ่ายรับได้แล้วจริง
ๆ โดนผมชกไปทีรู้ใจตัวเองเข้าแล้วดิ่ คึคึ
“พะ...พี่เอย์จะให้ผมทำเหรอครับ”
ผมหมายถึงพี่เอย์อยากจะให้ผมกอดพี่ใช่ไหม อะไรแบบนั้น ยะฮู้วววกูสัญญาจะทำเต็มที่
จะอ่อนโยนไม่ทำให้พี่ต้องร้องไห้เล๊ย
“อือ” มันครางตอบให้ตายเหอะตามันยังมองช้อนอ้อนอยู่เลย
วิบวับเจ้าเล่ห์น่ารักได้อีก ผมดีใจจนเนื้อเต้นลืมความโกรธเมื่อครู่ไปจนหมด
“พี่เอย์ครับ
ผมดีใจ”
“มึงหายโกรธกูหรือยัง
หมาปิง” บ้าเอ๊ยจะยั่วกันไปถึงไหน หน้าตาแบบ..คุณชายกัดปากรอฟังคำตอบ
“หายแล้วครับ”
หายสนิทถ้าพี่ยอมให้ผมกอดจริงอ่ะนะ
“นวดให้กูนะ
กูเจ็บปาก” มันใช้สองแขนที่คล้องคอผมไว้รั้งให้ผมก้มลงมารับจูบจากปากของมัน
ผมเอียงหัวเพื่อให้องศาการจูบของเราสอดรับ พี่เอย์จูบเก่งเหมือนเคยแต่วันนี้ในเมื่อมันจะให้ผมเป็นฝ่ายกอด
งั้นผมจะของัดทุกกลยุทธ์ออกมาโชว์เลยก็แล้วกัน ห่างเรื่องพวกนี้ไปนานแต่สัญชาตญาณผมดีไม่มีตกอยู่แล้ว
ผมหลับตาลงแน่นสองมือนวดเฟ้นมันไปตามจุดต่าง ๆ ทั่วตัว
อิพี่เอย์แม่งผิวเนียนโคตรเลยว่ะ มือผมเริ่มสอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตลูบๆๆแล้วก็ลูบ
หรี่ตาขึ้นดูเห็นพี่เอย์หลับตาลงแน่นอมยิ้มนิด ๆ ผมคิดเอาเองว่าพี่เขาพอใจเลยกดริมฝีปากแล้วเพิ่มแรงจูบขึ้นอีก
ริมฝีปากนวดเฟ้น
ลิ้นร้อนกวาดต้อนกันและกันอย่างไม่มีลดละ
“อืมม”
ผมหลับตาแน่นรู้สึกเย็นวาบที่หน้าอก เสื้อที่ใส่อยู่ถูกปลดกระดุมออกตอนไหนไม่รู้ตัวเลย
ขณะที่มือผมยังสาละวนอยู่กระดุมเม็ดที่สองของพี่เอย์ หัวเข็มขัดผมถูกแกะออกเรียบร้อยแล้ว
มือใหญ่สอดเข้าไปที่ด้านหลังเฟ้นแก้มก้นผมเล่น
“อ๊ะ....”
ผมสะดุ้ง พี่เอย์หัวเราะเบา ๆในคอ ปากมันยังดูดผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมรีบดำเนินการกับเสื้อผ้ามัน
พี่แอย์ไม่ทันใจอะไรสักอย่าง มันกระชากเสื้อตัวเองออกแรงมากตอนนี้คือรางกายส่วนบนเราสองคนเปลือยเปล่า
ผมเหลือแต่กางเกงยีนส์ที่แกะหัวเข็มขัดออกแล้ว ขณะที่พี่เอย์ยังอยู่ในสแลคที่ผมยังไม่สามารถถอดเข็มขัดมันออกได้
ตรงๆเลยไหม
เข็มขัดเหี้ยไรวะผมแกะไม่เป็น ตายๆ ไอ้ปิงมึงตายห่าแน่
กางเกงผมแทบจะหลุดลงมากองแล้วขณะที่ผมยังไม่รู้วิธีงัดหัวเข็มขัดหรูหราของมันเลย
“อื้ออ...”
ผมร้องประท้วง พี่เอย์ยิ้มอีก หัวเราะเสียงต่ำแล้วเอามือซ้ายสอดเข้ามาปลดล๊อคหัวเข็มขัดของตัวมันเองให้เผยออก
ผมสาละวนอยู่กับการแกะส่วนล่างของมันรู้ตัวอีกที
อะไรวะนี่มันบนโซฟาแล้วเหตุใดผมจึงมานั่งคร่อมตัวมันไว้แบบนี้ ร่างกายเราสองคนเปลือยเปล่าไฟก็ยังไม่ได้ปิดหน้าผมร้อนฉ่าไปหมด
พี่เอย์นอนอมยิ้มยื่นสองมือขึ้นมานวดหน้าอกผมเล่น
จะบีบทำซากไรนักหนามันมีอยู่แค่นี้แหละ แห้ง ๆ
“น่าเจี๊ยะ” มันว่าแล้วแกล้งดึงจุก ผมฟาดผั๊วะลงไปทีมันยิ้ม ผมหน้าแดง
“กูหมายถึงจุ๊กๆของมึงอ่ะ”
ผมคิ้วขมวดนิดๆ จุ๊กๆเหี้ยดิ่
“เนี่ยะอ่ะ
น่ารักสีชมพูน่าดูด” ดู๊ดูมันพูดโคตรหน้าด้านผมหน้าร้อน ควันแทบจะขึ้นหัวแล้ว
“พี่แน่ใจแล้วนะที่จะให้ผมทำอ่ะ”
มันยักคิ้วให้แทนคำตอบ เลื่อนมือลงมาขยำแก้มก้นผมเล่น
ผมฟาดแขนมันไปอีก มันหัวเราะเสียงต่ำ
“มึงอายกูเหรอ”
“เหี้ยเหอะใครอาย
พี่แหละเตรียมตัวอาย ถ้าผมทำแล้วพี่ได้อายมากแน่ ๆ อ่ะ” ไม่รู้จะถามทำซากอะไรผมหน้าแดงขนาดนี้
อายจนจะตายห่าแล้ว
พี่เอย์เอื้อมมือไปหยิบรีโมทกดหรี่แสงไฟให้อ่อนลง
ตอนนี้ห้องทั้งห้องจึงกลายเป็นสีส้มอ่อน ๆ
“งั้นเหรอ
แล้วทำไมกูถึงต้องอายล่ะ” มันยิ้มอีก โยนรีโมทที่กดเสร็จเรียบร้อยทิ้งแบบมั่ว ๆ
“เออจะไม่อายจะหน้าด้านก็เรื่องของพี่เหอะ
พี่จะหลับตาไว้ก็ได้นะ ผมสัญญาผมจะทำเบา ๆ”
“ทำแรงก็ได้ กูมั่นใจน้องเอย์กูไม่มีวันหัก
มันแข็งแรงพร้อมรบทุกสถานการณ์”
“ลูกชายผมก็แข็งแกร่งไม่แพ้พี่หรอก”
อะโด่วววทำมาคุย
“อ่ะเหรอ หึหึหึ”
มันหัวเราะเสียงต่ำอีกแล้ว ผมไม่ชอบเสียงโทนนี้ของมันเลยจริง ๆ
“พี่ยิ้มไรอ่ะ”
“เปล่า
ลูกชายมึงชี้หน้ากูอยู่เนี่ย” ผมรีบหุบขาทันที
“รีบทำเร็วเข้า
มึงทำนะ” มัวว่าแล้วลูบก้นผมเล่นอีก ขนลุก
“ผมทำแน่อยู่แล้ว”
ผมยิ้มรับแล้วยกตัวขึ้น กำลังจะเลื่อนตัวออกมาอยู่หว่างขามัน เอาล่ะวะวันนี้กูจะได้เสียบคนแล้ว แต่พี่เอย์เลวมากมันขยับตัวขึ้นมากอดผมไว้แน่นเปลี่ยนท่าทางมานั่งพิงพนักโซฟาไว้ผมอยู่บนตักมันเหมือนเดิม
“ต้องใช้ครีมป่ะวะ”
มันบ่นพึมพำเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักด้านข้างเปิดออก หยิบขวดเจลมา
“ถ้าพี่กลัวเจ็บ”
ก็ใช้เหอะ ผมคิด พร้อมพยายามปีนลง
“ไม่ดีกว่า
อยากได้ยินเสียงมึงร้องแบบเน้น ๆ เลย” มันพูดแบบนั้นแต่ก็บีบครีมลงที่มือนะ อมยิ้มอีกด้วย
วงแขนคุณชายคือกอดรัดผมไว้แน่นมากผมจะลงก็ลงไม่ได้แบบนี้จะทำอะไรกันได้ยังไง
“เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมร้องลั่นเด้งตัวออกจนสุด อิพี่เอย์รีบคว้าผมไว้แน่นกอดชิดยิ่งกว่าเก่า
มือมันที่เต็มไปด้วยเจลจู่โจมผมแล้ว
“พะ...พี่เอย์
ไหนว่าวันนี้ให้ผมเป็นคนทำไงพี่” ผมโวยวายถามหน้าตาตื่น ก้มลงมองลูกชายพี่เอย์พร้อมมาก
มือมันกำลังนวดอยู่ที่จุดสำคัญที่สุดปราการสุดท้ายของผม
“อ๊ะ..” ผมรู้สึกอายจนต้องซบหน้าลงที่บ่าแล้วกอดมันไว้แน่น
ไม่ได้เด็ดขาดมันกำลังจับตรงไหนกันน่ะ
“มะ....ไม่เอานะ
พี่เอย์ พะ...พี่ขี้โกงผมนี่”
“หืม
กูไม่ได้ขี้โกงนะ กูให้มึงเป็นคนทำจริง ๆ มึงทำเลยตามสบายกดเองขยับเอง กูจะนั่งดู”
“พี่แม่งเหี้ย
ยะ..อย่า ตะ..ตรงนั้น มะ..ไม่....” ผมทุบหลังกอดคอมันแน่น
“เหี้ยแค่ไหนก็ทำเรื่องลามกแบบนี้แค่กับมึงนะ”
“อื้ออ.....พี่แม่ง...”
ผมส่ายหน้าขัดขืน ไม่ยอมให้ลูกชายมันเข้ามาได้แต่ก็สวมกอดมันอยู่ที่ท่านั้นนะ
เออผมก็ไม่เข้าใจตัวเอง
“ปิง
มึงควรชินกับการถูกกูกอดได้แล้ว”
“ไม่เอาหรอก
พูดจา อ๊ะ...”
“เอาเถอะ แต่ไร้เดียงสาแบบนี้กูก็ชอบเหมือนกัน”
“พี่เอย์ผมอยากทำ
พี่บอกแล้วว่าจะให้ผมทำนี่ อ๊ะพี่....” มือมันโคตรลามกอย่างว่าจริง ๆ ผมเกลียดมือมัน
“ก็ให้มึงทำอยู่นี่ไง”
“หือ? ”
“ออนทอป”
“ห๊า!!??”
“มึงทำได้ตามใจมึงเลย
แบบนั้นปิงไม่ชอบเหรอครับ หืม หึหึหึ”
มันพูดแล้วอมยิ้มอีก
พี่เอย์แม่งเจ้าเล่ห์ ความโกรธผมพวยพุ่งขึ้นมาอีกแล้ว มันรีบคว้าจับสองมือผมไว้แน่น
กูว่าแล้วท่าทางตำแหน่งแบบนี้มันชักแปลก
“อย่าต่อยกูอีกนะ
จะดุไปไหนครับ เมียกูนี่ห้าวตลอด”
“ผมไม่สน
พี่มันขี้โกง”
“ต้องสนดิ”
“ไม่สน”
“ต้องสนนะ”
“พี่อ่ะ”
“...ปิง....”
พี่เอย์ยกมือซ้ายขึ้นมาลูบแก้มผม เราสองคนจ้องตากัน มันรั้งตัวผมเข้าไปใกล้แล้วกระซิบ
เบามากกกกกกก
“love you na ka”
หือ??? ผมชะงัก
เหี้ยเหอะเมื่อกี้มันพูดนะคะ??? เลิฟยูนะคะเนี่ยเหรอ??!! อะไรวะผมว่าผมได้ยินไม่ค่อยชัดเลย หน้าร้อนผ่าวๆไปหมด เมื่อนานมาแล้วสมัยยังละอ่อนความฝันของเด็กเทคนิคปอนด์ๆคนนึงอย่างผมถ้าจะมีพี่สาวสวย
ๆ แต่งตัวไฮโซมาสอนบทรักแล้วพูด เลิฟยูนะคะ ให้ฟังนี่แบบ..ผมคงเคลิ้มไปเลยอ่ะ
แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนจากพี่สาวคนสวยเป็นพี่ชายหน้าสวยแต่แมน ก็โออยู่นะ ผมว่า
“มึงอาย?” เสียงพี่เอย์ปลุกผมออกจากห้วงความเพ้อฝันเก่า
ๆ ตุ่บ! ผมทุบมันแก้เขิน ช่วยไม่ได้ผมเขินมากนี่ เป็นอิพี่เอย์พูดอีก
“จะอายอะไร๊
นั่นน่ะกูร้องเพลงเล่น ๆ”
ห๊ะ? ผมที่กำลังบิดเพราะความขวยเขินหยุดชะงักเลยดิ่
ต่อยเบา ๆ เข้าที่แขนมันอีกที พี่เอย์ทำปากบอกให้รู้ว่าเจ็บๆๆ ผมแกล้งหน้างอ
“อยากฟังอีก”
มันส่ายหน้าแล้วอมยิ้ม
คือประโยคนั้นพี่เอย์พูดได้อ้อนมากจริงนะผมอยากได้ยินอีกสักครั้ง
บ้าฉิบเลย
“พูดใหม่เร็วครับพี่
เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ชัดเลย” อยากจะรู้ว่าใช่คำนั้นแน่ไหม
มันกระตุกมุมปากนิดๆลูบแผ่นหลังผมเล่นไปมา
ปลายจมูกโด่งซุกซนอยู่แถว ๆ ซอกหูซอกลำคอ พี่เขากดหัวผมเข้าไปใกล้อีกหน่อยแล้วกระซิบ...
“ความลับ”
“ไอ้.....!” ผมเกือบเผลออุทานคำหยาบ
พี่เอย์คว้าหมับเอาแขนผมไว้แล้วส่ายหน้าบอกอย่าหลุดพูด ผมพายามทุบมันอีก
“พี่แม่งพูดจา ผมไม่สนแล้วไม่ฟังอีกก็ได้ ต่อไปถึงพี่พูดดังกว่านี้ผมก็จะไม่ฟัง เย้ยยยยยยยยย ตุ่บๆๆ ผั๊วะๆๆ”
“ให้ตายเหอะ
ไม่คิดจะอยากกอดมึงเลยจริ๊ง ๆ กูนี่เจ็บตัวได้ตลอด วันนี้เอย์ตั้นขอสดครับ”
“เดี๋ยวๆๆๆ
ขะ...ขอเวลาแปป ให้ผมรีเซทตัวเองก่อนดิ่ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย”
ผมดันมันไว้ ขอตั้งตัวสักนิดก่อนเถอะวะ
นั่งรถมาก็เมื่อยตูดจะแย่แล้วนี่ยังต้องมาทำอะไรแปลกๆกับตูดอีก โอ่ยยยตู
“ไง รีเซทเสร็จยัง เตรียมใจแล้วใช่ไหม”
หึหึ ผมอมยิ้มนิดๆ เดี๋ยวจะกวนตีนคนสักหน่อย “อื้อรีเซทเรียบร้อย สวัสดีครับมึงเป็นใคร?”
“เดี๋ยวเหอะมึงกวนกูจริง
ๆ นะ อย่าดิ้นดิ่วะอยู่เฉย ๆ เลยจะไปไหน เพี๊ยะ!” เสียงมันฟาดก้นผมดังก้องไปทั้งห้องไม่เจ็บนะแต่เหมือนโดนกระตุ้นอะไรสักอย่าง
หน้าผมเหรอหราเลยดิ่มันรีบคว้าผมเข้าซุกอก
“พี่เอย์คร้าบบบบบปิงไม่อ๊าววววววววววว
ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยยย”
แต่ผมเร็วกว่านะ
ผมโดดออกจากตัวมันจนได้แทบจะสะดุดล้ม
ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเข้าห้องน้ำเลยจะรอช้าอยู่ทำไม เรื่องอื่นไว้คิดทีหลังตอนนี้ขอหนีให้ได้ก่อน
เสียงพี่เอย์แว่วตามมาไม่ไกลนัก
กูจะล็อคประตูทันป่ะวะเนี่ย
โดนฟัดแน่ ๆ กูน๊อ ~
“ชอบให้กอดในห้องน้ำก็ไม่บอกกันตรง
ๆ นะมึง อ้อมค้อมอยู่ด้ายยยยยยยย”
“อ๊ากกกกกกกกกก”
อิพี่เอย์แม่งมารยาแสนล้านเล่มเกวียน....ผมจะไม่เชื่อมันอีกแล้วเวลามันทำหน้าอ้อนผม
กับคำพูดเร่าร้อนพวกนั้น
Tbc.