# 14 คุณชายไฮโซกับจิ๊กโก๋ลูกทุ่ง
....ข้าแต่งกับเอ็ง เอ็งเป็นของข้า
ใครเรียกภรรยา แต่ข้าเรียก ‘เมีย’………
เย็นวันนั้น เราสองคนนั่งทานข้าวด้วยกัน
“ปิง กูจะเอาอันนี้” พี่เอย์ยื่นช้อนกับส้อมของมันมาหนีบมะเขือเทศชิ้นใหญ่ที่อยู่ในจานข้าวผัดกุ้งของผม
จริง ๆ คือเราก็กินเมนูเดียวกันนะ
ตัวมันอ่ะแหละพอกินมะเขือเทศในจานตัวเองจนหมดแล้วก็จะมาวุ่นวายที่จานผมทุกครั้ง
“งั้นแลกกันกับกุ้ง” ผมเสนอ
มองมะเขือเทศที่ถูกมันคีบไปอย่างเสียดาย
“เออเอาไปดิ่
เอามะเขือเทศของมึงมาให้กูทั้งหมดเลย”
“พี่เอย์แย่ว่ะผมก็อยากกินเหมือนกันนี่”
มะเขือเทศออสเตรเลียด้วยนะที่ใช้ผัดให้คุณชายกินแพงกว่ากุ้งCP อีก
อร่อยกว่าด้วย
“มึงเอากุ้งจานกูไปให้หมดเลยก็ได้นะ
กูไม่ปลื้มกุ้งเท่ากับมะเขือเทศอร่อย ๆ หรอก” มันว่าแล้วตักเอากุ้งในจานตัวเองใส่มาที่จานผมจนเกือบจะหมด
ขณะที่ผมเองก็ต้องแลกมะเขือเทศทั้งหมดของผมให้มัน
“วันหลังพี่กินข้าวผัดมะเขือเทศนะ
ผมจะทำเมนูนี้ให้เป็นพิเศษเลย” กุ้งเกิ้งไม้ต้องใส่หัวมัน
ใส่แม่งมะเขือเทศกับข้าวเปล่านี่แหละมันกินเข้าไปได้ไงวะ หรือพวกคนรวย ๆ
ชอบกินของแปลกๆแบบนี้ ผมมองมันนั่งกินด้วยสายตาที่เอิ่ม เอียน
คือไม่เข้าใจว่ามันอร่อยเหรอวะมะเขือเทศล้วนๆแบบนั้น พี่เอย์มองผมพอดีมันตียักคิ้วส่งให้แบบเย้ย ๆ ผมเลยเตะขามันไปเบา ๆ
แล้วเราสองคนก็เล่นเตะกันใต้โต๊ะเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ
“พี่เอย์ครับ
คืนวันศุกร์พี่จะไปกับผมแน่ใช่ไหม”
“อือไปดิ่ ก็ตกลงกันแล้วนี่”
“งั้นเจอกันที่นี่นะเดี๋ยวผมแวะมาหาพี่ก่อน”
“ให้กูไปรับมึงที่ห้องดีไหม”
“ไม่เป็นไรครับ
เดี๋ยวผมมาหาพี่ที่นี่แหละ เตะบอลเสร็จเดี๋ยวแวะมาเลย”
คืนวันศุกร์ผมกับพี่เอย์เรานัดกันไว้ว่าจะไปดูดนตรีกันกับพวกไอ้บาสไอ้วุฒิ
ไม่รู้คุณจำได้รึเปล่านะวันเสาร์ที่แล้วไอ้บาสมันโทรชวนผมว่าพี่ชายมันที่เป็นนักดนตรีอยู่ที่ผับที่เรามักจะไปกันบ่อย
ๆ เขาจะจองบัตรไว้ให้ พอดีว่ามีวงที่พวกผมชอบจะมาแสดง
ผมเลยชวนพี่เอย์ด้วยซึ่งมันก็ตอบตกลงนะ
ไม่ถามผมสักคำว่าไอ้วงที่พวกผมชอบดูกันเนี่ยมันเป็นวงดนตรีแบบไหน
.
.
.
“เอาจริงๆซิปิง
มึงคบกับพี่เขาจริงเหรอวะ”
ไอ้วุฒิแม่งทำหน้าจริงจังกว่าครั้งไหน
ๆ มันจ้องผมเหมือนคาดคั้นจะเอาคำตอบ เราสามคน ผม บาส วุฒิ มาเตะบอลกับพรรคพวกคนอื่น
ๆ ที่สนามอย่างที่เคยทำ
แต่วันนี้หลังเลิกกันเสร็จไอ้ห่าวุฒิแม่งลากผมให้มายืนคุยกันแถว ๆ หลังโกลด์
“เออ นิดๆ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าคบ
แต่ไม่มีอะไรลึกซึ้งอย่างที่คิดหรอกกูขอเวลาพี่เขาไว้ก่อน”
“เหี้ยแล้วพี่ปิง
มะ...มะ...หมายความว่าลูกพี่จะเป็นรับให้คุณพี่เอย์เขาเหรอ”
“ไอ้เหี้ยบาสไอ้เพื่อนเลวมึงเงียบเลย!” ผมรีบเอามือปิดปากมัน ก็มันอยากตะโกนทำไม
ผมผลักมันออกไปให้พ้น ๆ ดูเหมือนไอ้วุฒิมันยังมีเรื่องอะไรกังวลอยู่ ไอ้บาสรู้งานมันไม่เข้ามาใกล้พวกผม
คือผมกับวุฒิอายุเท่ากันและก็สนิทกันมาก่อนมัน
เพราะอย่างนั้นเวลามีเรื่องอะไรซีเรียสที่วุฒิกับผมจะคุยกันไอ้บาสจะไม่กล้าเข้ามายุ่ง
“มึงคิดเรื่องไรเนี่ย ดูทำหน้าเข้า”
ผมกอดคอมันแล้วยีหัวมันเล่นเอาให้มันยุ่งไปเลยไอ้วุฒิแม่งหน้ายุ่งอะไรนักหนาวะ
ก็รู้หรอกครับว่ามันคงจะห่วงผม พี่เอย์กับผมจะว่าไปแตกต่างกันแทบทุกอย่าง
ถ้าจะเปรียบเทียบง่าย ๆ ให้คุณเห็นได้ชัด ๆ ก็ดอกฟ้ากับหมาวัดนั่นแหละครับ
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ต้องขนาดหมาวัดก็ได้มั้งขอผมเป็นเจ้าตูบน่ารักมุมิได้ไหมหว่า อิอิ
“ดูให้ดีๆก่อนนะมึงไอ้ปิง
คนรวยมีพร้อมขนาดนั้น แน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะมาจริงจังกับคนอย่างเรา ” โหยยยคุณพี่วุฒิครับกูว่ามึงนี่ซีเรียสมากไปจริงแล้วว่ะ
“ซีเรียสไปไหนวะมึง
กูเองก็อยู่ในขั้นดูๆนั่นแหละไม่งั้นกูยอมพี่เขาไปแล้วดิ่”
“จริงนะ”
“จริงสิวะ”
“เอองั้นก็ดี
เดี๋ยวคืนนี้กูจะลองดูๆให้ พี่เขาไปกับพวกเราด้วยใช่ไหม”
“คราบๆ
ดูเลยครับเพื่อนวุฒิสุดหล่อ ปิงๆอนุญาต ดูพี่เขาให้เต็ม ๆ สองตามึงเลยนะหึหึหึ”
แค่นั้นแหละครับมันฉีกยิ้มกว้างเลยกอดคอผมเดินเข้ามาหาไอ้บาส หมาบาสพอเห็นหมาวุฒิคู่ซี้มันยิ้มออกมันเลยรีบวิ่งเข้ามา
พวกผมวิ่งไล่ตีกันพักนึงก็แยกย้ายกันกลับ เพราะวันนี้เป็นคืนวันศุกร์เรามีนัดกัน –ไปดูดนตรี-
ผมจอดมอ’ไซด์ไว้ที่เดิม
ขยับหมวกแค็ปสีดำที่สวมมา เดินตัดตัวตึกสูงเข้าไปในอาคารรูปทรงสวยงามที่ตลอดสองสามเดือนมานี้เข้าออกแทบจะทุกวัน
ใช่แล้วครับ คอนโดหรูหราของคุณชายนั่นเอง
“พี่เอย์ครับ” ผมเคาะเรียก
คือพอเข้ามาในห้องผมไม่เห็นพี่เขาเลยลองมาเรียกที่ห้องนอนดูคิดว่าน่าจะอยู่เพราะเรานัดกันไว้สองทุ่มครึ่ง
“โทษทีกูหลับ
เพิ่งจะตื่นตอนมึงโทรมาเตือนนี่แหละ”
ผมยืนอึ้งโคตรตกตะลึงกับชุดของมันพี่เอย์กำลังแต่งตัวจวนจะเสร็จแล้วพอดี
คือผมจะอธิบายยังไงดีให้คุณเห็นภาพ เอาเป็นว่าเอาพี่เอย์หล่อมากครับ
เสื้อเชิ้ตสีดำที่มันใส่ผ้าหรูหรามากโคตรจะตัดกับสีผิวของมันแล้วก็นาฬิกาเรือนทองที่คาดประดับอยู่ที่ข้อมือขาว
ๆนั่นยิ่งเสริมบุคลิคให้ดูดีมากขึ้นไปอีกสุดท้ายมันคว้าเอาสูทเข้ารูปมาสวมทุกอย่างเป็นอันจบ
ในขณะที่ผมคนนี้ถ้าเดินไปกับมันจะเหมือนเด็กรถไม่ก็เด็กที่มากับคุณชายน่ะ
คือผมเสื้อเอ็มร้อยห้าสิบกับยีนส์ขาดๆผ้าใบคู่เก่งแล้ววันนี้เสือกแถมหมวกแค็บดำเสริมหล่อผมด้วย
คือผมก็คิดว่าผมโอนะกับชุดนี้แต่พอมาเห็นมันอะไรวะแม่งทำผมขาดความมั่นใจได้อีก
แต่ๆๆๆๆ สถานที่ๆเราจะไปคือมันใช่เหรอสำหรับชุดแบบนี้ผมก็นึก อะไรกันวะ ทำไมเราสองคนถึงต่างกันได้ขนาดนี้ จิ๊ ช่างดิ่ผมมั่นใจอ่ะ ผมลูกทุ่ง ผมแนว!
“ทำหน้าอะไรขี้เหร่อีกแล้วมึงนี่
แล้วใส่หมวกทำไมทำเป็นลึกลับกลัวใครเห็นรึไงว่าไปกับกู”
“พี่เอย์ พี่เปลี่ยนชุดหน่อยไหมพี่”
คือมันจะเข้ากับที่ๆผมจะพาพี่ไปไหมอะไรแบบนั้น
ที่สำคัญเราไปด้วยกันพี่ก็ควรจะแต่งเป็นแนวเดียวกับพวกผมใช่ไหม อย่างน้อยถอดสูทเหอะ
“ทำไมวะ แบบนี้หล่อไม่พอเหรอ”
“เปล่าครับ หล่อแล้วหล่อมากเลย”
หล่อเกินไปต่างหาก แล้วนี่ผมเผ้านี่แอบไปซอยมาใหม่นิดๆด้วยนี่นา
อะไรกันไม่เจอกันแค่สองวันพี่เอย์แม่งทำไมหล่อขึ้นได้อีกวะ มันแต่งตัวเสร็จแล้วพอดีกำลังหยิบพวกกระเป๋าตังค์อะไรของมันอยู่ผมเลยเดินออกมารอที่ด้านนอก
“ไปได้แล้วหมาปิง
มึงนี่มันเสื้อเอ็มร้อยยังขี้เหร่ได้อีกนะมึง”
มันว่าแล้วดันหลังผมให้เดินออกไปนอกห้อง
เราสองคนลงลิฟต์มาถึงชั้นลานจอดรถ พี่เอย์ตรงดิ่งไปที่รถทันทีผมรีบเรียกไว้
“พี่เอย์ครับ”
มันหันกลับมามอง แฟนใครวะ โคตรน่ารักเลย
“ไปรถผมนะพี่”
“หืม????????”
“อะไรเล่า
ตกใจอะไรนักหนา วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศบ้างสิครับ เคยนั่งไหมรถมอไซด์อ่ะ สนุกนะลมเย็นแล้วยังได้เกาะเอวสุดหล่อคนนี้ด้วยน้าา”
แน่นอนครับว่าผมตะล่อมมัน ก็ดูหน้ามันซะก่อนพอรู้ว่าผมจะชวนไปมอไซด์เท่านั้นอึ้งได้อีก
ผมเลยยื่นมือออกไปหามัน ดูซิคุณชายจะเอาแต่ใจหรือจะยอมยื่นมือตัวเองออกมาแล้วเดินไปกับผมไหม
“พี่เอย์”
ผมเรียกมันอีกครั้ง ส่งยิ้มให้ ในที่สุดมันยื่นมืออกมาจับมือผมไว้จริง ๆ
“เดี๋ยวเอาสูทไปไว้ที่รถก่อน”
ผมดอเคในทันที คือมันก็คงรู้แหละแต่งตัวแบบนั้นคงไม่เข้ากับพาหนะสักเท่าไหร่
พี่เอย์เดินไปโยนเสื้อสูทไว้ที่รถมันเดินกลับมาหาผม ผมคว้ามือมันมาจับไว้แล้วพาเดินลัดตึกออกไปที่ออฟฟิสแม่บ้านเล็กๆซึ่งเป็นที่ๆผมจอดรถมอไซด์ผมไว้ทุกครั้งที่มาทำงานที่นี่
“อ่ะ ใส่ไว้นะครับ” ผมถอดหมวกแค็บสีดำที่ตัวเองสวมอยู่ยื่นให้มัน
เห็นมันอึ้งนิดหน่อยก่อนที่ผมจะชูหมวกอีกใบให้มันดู
วันนี้ผมเตรียมมาสองใบกะชวนคุณชายซิ่งมอไซด์อยู่แล้ว เปลี่ยนบรรยากาศเปลี่ยนมุมมองของมันบ้าง
“แล้วหมวกกันน็อค?”
“คึคึ
หมวกกันน็อคนั่นมันแค่ทฤษฏีพี่ ถึงจะผิดกฏไปหน่อยแต่วันนี้ผมจะพาพี่ซิกแซกชมกรุงเทพฯแบบไม่ต้องผ่านกระจกติดฟิมล์นะ
พี่เอย์จับเอวน้องปิงไว้ดี ๆ เลยนะครับนะ” พอผมพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าพร้อมแล้ว พี่เอย์วาดขายาว ๆ ของมันขึ้นคร่อมแบบไม่รอช้า
ผมก็ออกรถเลยสิครับ วันนี้พาแฟนขับรถเล่นมีความสุขดีว่ะ หึหึหึ
ในที่สุดรถมอเตอร์ไซด์คันเล็กกับผู้ชายตัวโตๆสองคนก็โลดแล่นไปตามตรอกซอกซอยต่าง
ๆ บนท้องถนนพี่เอย์จับเอวผมแน่นเชียวนะมันคงกลัวมั้ง ยิ่งมันกลัวผมยิ่งแกล้งเลยเอาดิ่
ซิกไปแซกมาแถมเบรคหัวทิ่มนี่บ่อยมากคือเบรคแต่ละทีคุณชายก็ไหลลงมาใส่ผมอ่ะ
นี่ถ้ามันมีนมหน่อยนะอึ๊ยยยย
“กอดเลยก็ได้นะพี่
กลัวตกเหรอครับ” ผมอ่อยมัน คึคึ ดูซิมันจะยอมกอดเอวน้องปิงไหม ผมฉีกยิ้มรอหน้านี่ตึงไปหมดเหงือกก้แห้งคือท่อลมด้วยไง
แต่ที่โดนกลับมาแบบเต็ม ๆ เลยก็คือ โดนมันตบหัวกลับมาตามระเบียบ ไม่เจ็บหรอกแต่ตกใจมากกว่าผมขับรถอยู่เลยเป๋ไปนิดนึง
พี่เอย์คงรู้ว่าตัวเองเล่นไม่เป็นเรื่องมันรีบสอดมือเข้ามากอดเอวผมไว้แน่นเลย
ผมยิ้มเลยสิครับ ไอ้ที่เป๋ไปเมื่อกี้น่ะก็แค่แกล้งมันเหอะ คิดอยู่แล้วมันต้องตกใจเผลอกอดผมไว้แน่
รถจอดติดไฟแดงอย่างเลี่ยงไม่ได้บ้าชะมัดจอดคู่กับพี่แท็กซี่มีคนนั่งอยู่ด้านในมองออกมาแล้วยิ้มด้วยผมก็อายนิดๆนะแต่ช่างมัน
ส่วนพี่เอย์นี่คงไม่ได้ดูคนรอบข้างเลยสิท่า มันยังกอดผมไว้แน่นเลย
คือคุณชายไม่มีความอายอยู่เลยหรือไงผมอยากถาม
“เราจะไปที่ไหนกัน”
มันพูดขึ้นโต้ลม คงกลัวผมไม่ได้ยินเลยยื่นหน้ามาใกล้เป็นพิเศษ
“บ้านไม้แดงครับพี่
แต่เดี๋ยวต้องวนไปรับพวกไอ้บาสกับไอ้วุฒิก่อน”
ผมหันมาบอกมัน
หน้าพี่เอย์อยู่แถว ๆ ไหล่ผมเองมือมันกอดเอวโคตรแน่น จากตอนแรกที่ติดไฟแดงผมเลยต้องเลี้ยงเข้าตามซอกซอยต่าง
ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
“วู้ววๆๆๆๆๆ วี๊ดวิ้วววว
ลูกพี่ปิงพาสาวมาเปิ-......เย้ยยยยยยยยย”
ไอ้บาสไอ้เหี้ยไอ้เด็กปากดีผมรีบอุดปากมันไว้เกือบไม่ทัน พอมันเห็นว่าพี่เอย์ซ้อนท้ายมากับผมเท่านั้นแหละแม่งล้อผมอ่ะ
“ไปได้แล้วเร็ว”
ผมบอกมัน ไอ้วุฒิกระโดดขึ้นสตาร์ทแล้วหมาบาสเลยต้องรีบขึ้นเกาะท้าย ไม่ได้นะครับเดี๋ยวไอ้วุฒิมันทิ้ง
ไอ้นี่ไม่ค่อยเหมือนใครเรื่องมากกับมันไม่ได้นะ
เวลาเราไปเที่ยวกันพวกผมใช้มอไซด์ก็จริงนะแต่ก็จะนัดกันที่หอก่อนประจำก่อนจะขับรถออกไปพร้อม
ๆ กัน ผมปล่อยให้รถสองหมานำไปก่อน ตัวผมก็เอื่อยๆไปตามเรื่อง
มีพี่เอย์นั่งมาด้วยแบบนี้ต้องขับพามันกินลมสักหน่อย
“ที่นี่?”
คุณชายลงจากรถแล้วเงยหน้ามองป้ายทางเข้าร้านทำหน้าเหวอนิดๆ
คือช่องจอดมอไซด์มันจะแยกจากรถยนต์ใช่ไหมแล้วคือมันไม่ใหญ่มากที่สำคัญไม่มีพนักงานมาโบกอะไรให้นะครับ
พวกเราต้องช่วยตัวเอง ผมเดินเข้าไปหามัน
“เข้าไปเถอะครับ”
“ผับแบบนี้เหรอมึง”
ตูว่าแล้วมันต้องไม่ใช่แนวนี้
ดีนะที่คุณชายถอดสูทออกแล้วไม่งั้นมันได้เป็นกาในฝูงหงส์แน่ เอ้ย ไม่ใช่ๆ
หงส์ในฝูงกา
“ใช่ครับที่นี่แหละ”
ผมบอกมันแล้วก็สงสารเหมือนกันนะ มันกำลังมองผู้คนที่เริ่มทยอยกันเข้าไปคือเขาก็แต่งตัวกันหลายแบบนะแต่ส่วนใหญ่ก็เซอๆแบบผม
ไม่มีใครมาหรูแบบคุณชายกันนักหรอกนอกจากพวกแก่ ๆ เสี่ยๆเลย อีกทั้งรสนิยมเรื่องเพลงคือเอาจริง
ๆ ผมไม่เคยได้ยินมันฟังเพลงแนวนี้เลยนะ
แต่ช่างเหอะเดี๋ยวมันเข้าไปลองฟังดูคุณพี่อาจชอบลุกขึ้นเฮ้วๆกับพวกผมก็ได้นะ ผมเห็นพวกหมาบาสมันกวักมือเรียกรออยู่แล้ว เลยพาคุณชายเดินเข้าไป
แต่โทรศัพท์มันดังขึ้น
“อยู่ที่ร้าน
เอ่อ บ้านไม้แดง........อือ
แถวๆซอยยาสูบ.....ทำไมมึงมีบัตรเหรอ
ได้งั้นเดี๋ยวเจอกัน” นี่คือพี่เอย์พูดกับคนในสายนะ ผมก็ยืนรอมันเพราะมันหยุดไม่ยอมเดินต่อ
คนเริ่มเยอะอาจเพราะวันนี้มีวงพิเศษมา
“เดี๋ยวไอ้ซ่าร์กับเดียร์มันจะมาสมทบด้วยนะ”
ผมชะงักเลยสิครับ คราวนี้เป็นผมที่หยุด พี่เอย์หันมามองทำหน้าเหมือนสงสัยว่าผมเป็นอะไร
“พะ.....พี่ซ่าร์จะมาเหรอครับ”
นี่ผมหูฝาดฟังอะไรผิดพลาดป่ะวะ คือไม่น่าเป็นไปได้ที่พี่ซีซ่าร์จะมาที่นี่ด้วย
“เออทำไม มึงดีใจมากขนาดนั้นเลย?” เอาอีกล่ะจะงอนกันทำไมวะก็แค่ถามดู
แต่จริง ๆ คือดีใจมากนะ
“เปล่าๆๆไม่ใช่แบบนั้นครับ
คือผมกำลังคิดว่าคนเขาจะไม่แตกตื่นกันเหรอ
ถ้าพี่ซ่าร์มาในที่แบบนี้มันจะดีเหรอครับ แล้วพี่เขามีบัตรได้ยังไง”
“มีดิ่
ระดับมันถ้าอยากได้บัตรแค่นี้มันหาได้สบายอยู่แล้ว แล้วมึงก็ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะมีใครจำมันได้นะ
ไอ้ซ่าร์มันเที่ยวกับกูบ่อย
เดี๋ยวมึงคอยดูเอาก็แล้วกันเวลามันมาเที่ยวในที่แบบนี้ไม่เคยมีใครจำมันได้เลยสักครั้งเดียว”
พอเข้ามาด้านในหมาบาสมันพาพวกผมไปสวัสดีพี่บุ้งพี่ชายมันคนที่จองบัตรไว้ให้พวกเรานั่นแหละครับ
“หวัดดีครับพี่บุ้ง”
พวกผมก็ทักทายกัน ไอ้พี่เอย์ยืนเฉยไม่สนใจ พี่บุ้งเข้ามากอดคอผม
คือผมเคยมาเรียนตีกลองกับพี่เขา เคยคิดว่าบางทีอาจจะเล่นดนตรีเป็นงานเสริม
ก็พอจะได้นะครับกลองก็มันส์ดีเหมือนกัน
แต่คือมันเป็นงานที่ต้องทำตอนกลางคืนไงผมคิดว่าไม่เหมาะเลยเลิกไป กลัวคุณนายกับพี่ขมเป็นห่วงด้วยแหละ
“หมาปิงไงมึงได้ยินข่าวว่าเปลี่ยนสาวเป็นว่าเล่นเลยนี่หว่า”
พี่บุ้งถอดหมวกผมออกก่อนลงมะเหงกอย่างคนที่เคยเอ็นดูกันมาอย่างดี
คือพี่บุ้งเป็นพี่ชายที่น่ารักมากจริงครับผมกอดเอวพี่เขาเลย
คิดถึงเหมือนกันไม่ได้เจอกันนานแล้ว
“วันหลังพาแฟนมาด้วยสิวะ
เปิดตัวให้เพื่อนฝูงรู้บ้าง พี่คนนี้อยากรู้เรื่องของมึงเสมอนะ”
“วิ้ววววววววววววว
ก็นี่ไงพี่บุ้-.........”
เสียงไอ้บาสโห่ขึ้นทันที
จนผมต้องรีบชี้หน้ามันไว้กลัวมันจะพูดอะไรต่อเดี๋ยวเรื่องจะยาวไอ้วุฒิรู้งานรีบอุดปากมันไว้ก่อนที่มันจะพูดอะไรส่งเดชออกมา เออผมก็เพิ่งสังเกตไอ้วุฒิแม่งจ้องพี่เอย์ตั้งแต่ตอนออกมาจากหอจนถึงตรงนี้มันยังไม่พูดอะไรกับพี่เขาสักคำมีแต่ไอ้หมาบาสที่เป็นคนพูด
มันพูดมากเสียจนผมปวดหัว
“ไปนั่งกันเหอะไป”
พวกผมก็เดินมาหาที่นั่งตามหมายเลขโต๊ะ
โซนที่พี่บุ้งจองให้คือมันไม่ใช่หน้าสุดนะครับ เป็นด้านข้างแต่คือเป็นชั้นลอยที่สามรถมองเห็นเวทีได้ชัดมากแล้วก็ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
พี่เอย์เดินอ้อมมานั่งลงข้างผมขณะที่หมาบาสกับไอ้วุฒินั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
เราบอกพี่บุ้งไว้ว่าขอซื้อโต๊ะเสริมเพิ่มอีกสองพี่แก็เลยติดต่อกับผู้จัดการร้านให้สรุปคือเราแค่รอให้พี่ซ่าร์กับเจ๊เดียร์มาก็แค่นั้น
เอ๊ะเดี๋ยวน!ะ คือพี่เดียร์ก็จะมาเหรอ?? คู่หมั้นพี่เอย์จะมาด้วยนี่หว่าผมแม่งทำไมลืมคิดไปเลยวะ
จิ๊! จะมาทำไมกันเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว
“เป็นไรของมึง
ทำหน้าขี้เหร่อีกแล้วนะ รีบสั่งอาหารเร็วเข้า” พี่เอย์ผลักหัวผมเบา ๆ มันเอามือลงมาใต้โต๊ะแล้วคว้าเอามือผมไปจับไว้ที่ตัก
พนักงานกำลังรับออเดอร์อยู่กับไอ้บาส ผมแอบมองคุณชายนิดๆเห็นมันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เบียร์สองหลอด
คั่วสาดแสงเดือน ต้มแซบเอ็นตุ๋น ปลาช่อนนึ่งกรุงศรี ไข่เจียวพลิกโลก ......” เสียงไอ้บาสกำลังออเดอร์อาหารอยู่กับพนักงาน พี่เอย์คงได้ยินมันกระตุกเสื้อผมเบา
ๆ แล้วส่งสายตาขอความเห็นใจ ผมรู้ครับมันกินไม่ได้ ผมเลยสั่งข้าวผัดกุ้งจานใหญ่กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดพิเศษเพิ่มมาให้
แค่นั้นคุณชายก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้ว เรานั่งดูผู้คนที่โซนด้านล่างค่อยทยอยกันเข้ามานั่งในแต่ละโต๊ะคือเริ่มจะเต็มแล้ว
ผมจะดึงมือออกมาเพื่อหยิบน้ำขึ้นมาดื่มไอ้พี่เอย์แม่งจับไว้แน่นมากจริง ๆ
ผมเลยต้องใช้อีกมือที่ว่าง มันอยากจับปล่อยให้มันจับไปใต้โต๊ะแบบนี้ไม่มีใครเห็นหรอกมั้ง
“บุหรี่พี่”
ผมตกใจแทบผงะไอ้วุฒิยื่นบุหรี่ให้พี่เอย์ ผมมองมันนิดนึงก่อนที่จะคิดได้ว่า เออใช่ผมไม่เคยเห็นพี่เอย์สูบบุหรี่เลยนี่หว่า
ในห้องก็ไม่มีแม้แต่ที่เขี่ยบุหรี่วางไว้ด้วย กลิ่นจากตัวหรือว่ากลิ่นภายในรถหรือภายในห้องก็ไม่เคยมี
ผมเลยคิดว่าพี่เอย์คงจะไม่สูบขณะกำลังจะอ้าปากบอกไอ้เพื่อนตัวดี พี่เอย์ก็ยื่นมือออกไปรับ
มันเอามาคาบไว้ที่ปากไอ้บาสแม่งเหี้ยรีบประเคนไฟจ่ออยู่ที่ปลายมวนแล้วเรียบร้อย
คุณชายทำผมโคตรเซอไพร้ซ์มันดูดควันขาวแค่อึกเดียวจากนั้นบี้ลงที่จานเขี่ย ไอ้วุฒิหน้าเสียพี่เอย์บอกปกติไม่สูบแต่วันนี้พิเศษถือว่ามันเป็นเพื่อนผม
แค่นั้นแหละครับไอ้วุฒิเอ๋อแดกจนหมาบาสต้องรีบยกมือขึ้นลูบหัว ผมงี้กลั้นขำเลยคุณชายคงไม่อยากขัดใจเพื่อนผมมันยังอุตส่าห์ดูดให้ตั้งอึกนึงนะ
ไอ้บาสเตะรีบขาสะกิดผมเลยยื่นหน้าออกไปหามันฟังว่ามันจะพูดอะไร
คือผมกับมันนั่งตรงข้ามกัน แล้วตอนนี้วงดนตรีเปิดผับก็เริ่มแสดงแล้ว
“แฟนพี่แม่งโคตรเท่ห์สุดๆเลยพี่ปิง
โอ๊ยผมปลื้มพี่เอย์แม่งจัดว่าเด็ด คอยดูนะผมจะหาให้ได้แบบนี้บ้าง” มันกระซิบผมเลยเตะขามันไปทีที่ใต้โต๊ะ
“ไอ้เหี้ยถ้ามึงอยากได้แบบพี่เอย์มึงต้องเตรียมตูดมึงไว้ให้พร้อมด้วย”
“กร๊ากกกกกกก
ฮ่าๆๆๆๆ”
ผมกับมันหัวเราะออกมาพร้อมกันเจอพี่เอย์กับไอ้เหี้ยวุฒิหันมาตวัดสายตามองพอดี
ผมรีบยกมือตบหัวมันทันทีเพื่อหยุดความคิดฟุ้งซ่านทั้งของมันและของผมคือง่าย ๆ
เลยพวกผมกำลังมโนกันอยู่ หมาบาสทำหน้างอนนิดๆก่อนที่มันจะหันไปสนใจกับดนตรีที่เวทีด้านล่างต่อ
นี่เป็นแค่วงเปิดนะครับยังไม่ใช่วงจริงคนเริ่มเยอะมากแล้วเต็มหมดแล้วมั้ง
พวกผมก็ฟังเพลงไปอาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ เบียร์ก็มาแล้ว พี่เอย์แม่งจับมือผมไว้ตลอดเลยว่ะ
เออผมก็อายนิดๆนะแต่ดีที่ผับมันมืด
“ตักให้ดิ”
มันเอนตัวมาบอก เมื่อจานข้าวผัดกุ้งวางลง
“พี่ก็ปล่อยมือผมก่อนดิ่”
มันอมยิ้มพอดีกับที่โทรศัพท์เข้าน่าจะเป็นพี่ซ่าร์กับคุณเดียร์มันเลยลุกขึ้นมอง ๆ
หาแล้วโบกไม้โบกมือ
“ไอ้เหี้ยมึงเล่นพากูมาในที่แบบนี้อยากจะฆ่ากูเหรอ”
ผมมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ เขาผมยาวเขาเป็นผู้ชายและเขามีหนวด เขาเดินเข้ามานั่งลงข้างพี่เอย์ส่งยิ้มให้ผมด้วยนะ
คือ หน้าตาท่าทางคือมันไม่ใช่เลย แต่เสียงน่ะคือซีซ่าร์ของผมชัวร์ ๆ
อะไรคือการปลอมตัวของพี่ครับมันจะตลกเกินไปแล้ว โอ๊ยผมฮาแต่ผมกลั้นขำเอาไว้ นี่คือไอดอลที่กูปลื้มจริงเหรอวะ
“ไงจ๊ะปิง เราเหรอตัวตั้งตัวตีพาพวกพี่มาฟังเพลงอะไรแบบนี้”
พี่เดียร์ทักขึ้นผมถึงได้รู้สึกตัว ตอนนี้โต๊ะเราเลยกลายเป็นว่านั่งกันอยู่หกคน
พวกไอ้บาสไอ้วุฒิทักทายพี่ ๆ เขาไปตามมารยาทไอ้บาสตื่นเต้นจนหน้าบานมันรีบกดเบียร์ส่งให้ไอดอลคนดังมือนี่สั่นเหอะผมว่า
“ไงครับน้องปิง
เซอไพร้ซ์มากเลยนะปกติไอ้เอย์มันไม่เคยฟังเพลงแนวนี้เลยนี่
เก่งมากนะเราชวนคุณชายเขามาในที่แบบนี้ได้”
“พูดมากๆระวังปากจะบวมไปถ่ายหนังถ่ายละครไม่ได้นะมึง”
พี่เอย์ครับปากพี่แม่ง พี่ซ่าร์เงียบกริบเลย ผมตักข้าวผัดวางไว้ให้มัน
พี่เอย์กินอย่างอื่นไม่ได้จริง ๆ มันกินแค่นิดๆหน่อย ๆ ส่วนผมล่อแม่งทุกอย่าง
ไอ้บาบาสยิ่งไม่ต้องพูดมันยิ่งกว่าปอบลง ไฟเริ่มมืดขึ้นมาก ๆ
วงดนตรีจริงขึ้นแสดงแล้ว เสียงปรบมือเกรียวเลยครับ
คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าผมพาพี่เอย์มาดูดนตรีแนวไหน
นี่เลย....
(เพลง).......ข้ามันลูกทุ่ง
ข้านอนมุ้งสี่สาย
ผูกด้วยเชือกจูงควาย
เอนกายแล้วสิ้นลำเค็ญ
ไม่ต้องสนใจมาดัดนิสัยข้าหรอกบานเย็น
ข้ามันลูกทุ่งเอ็งก็คงเห็น
ข้าเป็นแค่คนชาวนา
....ถ้าเอ็งมองข้าว่าหัวของข้าล้าสมัย
สุดที่เอ็งทนได้
ตามใจเอ็งเถิดแก้วตา
จะเปิ่นหรือเชย
ข้าก็ยังเคยมุ้งแบบของข้า
เอ็งอยากจะรักข้าก็ไม่ว่า
เอ็งจะเกลียดข้าไม่ว่าสักน้อย.......
ตอนแรกผมก็นั่งฟังดี
ๆ หรอกพอเปลี่ยนเพลงแล้วเข้าจังหวะแค่นั้นแหละ ผมไอ้วุฒิไอ้บาสแม่งลุกขึ้นแล้วโยกเลยครับ
ผมไม่รู้หรอกพี่เอย์มันจะคิดยังไงช่างดิ นี่แหละตัวผม
ผมชอบดนตรีแบบนี้ผมก็ชวนมันมาดู ผมชอบกินอาหารแบบนี้ผมก็กินให้มันเห็น
เหล้าก้เหล้าถูกๆเบียร์ก้เบียร์สดธรรมดา
พี่เอยืไม่แตะเลยนะทั้งเหล้าทั้งเบียร์แต่มันก็ไม่ได้ห้ามผมผมมองดูตอนแรกหน้าตาคุณชายนี่อย่างอึ้งตอนเพลงขึ้นแต่พอเห็นพวกผมสามคนกอดคอกันแล้วโยกไปตามจังหวะเพลงคือมันไม่ได้เร็วอะไร
แต่คุณนึกออกไหมเวลาเราไปดูคอนฯเราจะสนุกและมีอารมณ์ร่วมแบบมากๆเลย
พี่เอย์นั่งมองผมอยู่ข้างหลังมันอมยิ้มด้วยล่ะ
“พี่ด้วยๆ”
เสียงพี่เดียร์ดังขึ้นเอเดินมากอดคอผมแล้วเราก็โยกเอนตัวตามจังหวะเพลงไปด้วยกัน
พี่เดียร์น่ารักมากครับตอนนี้ที่โต๊ะเลยเหลือแค่พี่เอย์กับพี่ซีซ่าร์
* ข้ามันลูกทุ่งข้านอนมุ้งสี่หู
ข้าพูดเอ็ง มึง กู ฟังดูก็ตรงหนักหนา
ข้าชอบไทยเดิม
ข้าส่งข้าเสริมคำพูดบ้านข้า
ข้าแต่งกับเอ็ง เอ็งเป็นของข้า
ใครเรียกภรรยา แต่ข้าเรียกเมีย.....
“คุณผู้หญิงโต๊ะโน้นฝากมาให้พี่ครับ” พนักงานชายเดินถือแก้วเหล้ามาวางให้ไอ้คุณชาย
ตอนนี้วงดนตรีกำลังแสดงเพลงช้า มันนั่งฟังแบบสบาย ๆ มองโน่นนี่นั่นของมันไป
ธรรมดาที่จะมีสาว ๆ มาส่งสายตากันบ้าง
ผมเวลามาก็มีเหล่ๆชนกันบ่อยวันนี้ก็เจอกับสายตาสาวๆแล้วไม่ต่ำกว่าสามอ่ะบอกเลย
แต่คือถ้าเราไม่สานต่อทุกอย่างก็คือไม่มีอะไรไงผมส่งยิ้มให้เธอด้วยนะ
แต่ก็คือไม่มีอะไรมากครับเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดามากับเพื่อนๆ มองๆแล้วก็จบไป
“เสน่ห์แรงนะมึงไอ้คุณชาย”
เสียงพี่ซ่าร์แซว เมื่อพนักงานอีกคนเดินเข้ามาวางเบอร์โทรศัพท์ลงให้มันแล้วบอกคราวนี้มาจากผู้หญิงแถว
ๆ ด้านหน้าเธอลุกขึ้นโบกมือมาให้มันแล้วกรี๊ดกันทั้งโต๊ะเลย ผมนั่งลงดื่มเบียร์ของผมไปขณะที่ในใจนี่ร้อนมากรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ
ไม่ชอบอ่ะ แต่ผมไม่แสดงออกหรอกทำท่าเฉยๆไปเลยแม่ง
“มึงก็ถอดพร็อบมึงออกดิ่
ทั้งหนวดทั้งวิกตลกฉิบหายเลยว่ะแม่ง” มันยกยิ้มตอบกลับพี่ซ่าร์แล้วเลื่อนมือมากอดเอวผมไว้
ผมหันไปมองมันนิดๆไม่รู้คิดยังไงมันดึงมือผมไปจับไว้ที่ตักอีก
“พี่ครับ
คุณผู้หญิงโต๊ะนั้นฝากมาให้อีกครับ” น้องพนักงานคนเดิมวางแก้วเหล้าลงต่อหน้ามัน
คราวนี้พี่เอย์มองหน้าผมเลย ตาผมไม่ได้มองมันนะแต่ผมก็รอดูอยู่ว่ามันจะยกดื่มไหมเพราะแก้วแรกเธอเก้อไปแล้ว
พวกเราทั้งโต๊ะมองไปตามที่น้องพนักงานชี้ให้ดู
เออสวยว่ะแม่งสวยเซ็กซี่เฉยๆไม่ได้ไงวะทำไมต้องแรดด้วย
อึ๋ยโทษๆๆๆผมนี่แย่จริง ๆ ไปว่าผู้หญิงแบบนั้นได้ไงวะ เอาใหม่ๆคือเธอสวยมากเลยนะครับ
ผมเห็นแล้วยังชอบ พี่เอย์ต้องยกดื่มแหงร้อยเปอร์เซ็นต์ซึ่งมันก็ยกดื่มจริงครับ
ยกแก้วชูขึ้นนิดๆให้ทางนั้นเขารู้ จากนั้นมันก็ดื่ม ผมดึงมือออกจากมือมันเลยนะ คือเราสองคนจับกันไว้ใต้โต๊ะใช่ไหม
แต่ตอนนี้ผมเซ็งแล้วไม่ชอบว่ะ พี่เอย์คว้าเอาคอผมเข้าไปกอด คือมันกอดคอผมเลยทันทีแล้วเอามือจับหัวผมไปชนกับมัน
พอผมหันไป หน้าเราจึงอยู่ห่างกันแค่นิดเดียวจริง ๆ มันจ้องผมตานี่หวานฉ่ำมาก เราสองคนจ้องตากันอยู่พักนึง
“ขี้เหร่เอ้ย”
ผมกระทืบเท้ามันทันทีที่มันพูดจบ คืออยากบอกว่ากระทืบแรงมากรวมหมดเลยความโมโหที่เมื่อตะกี้อยากมีสาวๆมาแจกเบอร์แล้วแรดยกแก้วเขาดื่มดีนัก
จิ๊! แต่อย่าถามนะถ้าเป็นผมจะดื่มไหม
ดื่มสิครับสวยขนาดนั้นใครไม่ดื่มก็โง่แหละ แค่นั้นผมก็กลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิมได้
แต่ที่มีปัญหานี่ก็คือ ยัยผู้หญิงโต๊ะนั้นนี่ไม่ยอมจบนะครับ
เธอส่งเบอร์มาพร้อมกับเหล้าแก้วที่สาม คราวนี้พี่เอย์หันมองผมเลยสิ
ท่าทางจะแรงน่าดู
สาวเซ็กซี่ในชุดแซกสีดำเหรอวะ มาในผับดนตรีเพื่อชีวิตแบบนี้ได้ไง
เออเหมาะแล้วที่เธอโฟกัสสายตามาที่มัน
“ซ่าร์
มึงเปลี่ยนที่กับกูดิ๊” พี่เดียร์ที่นั่งอยู่ใกล้ผมบอกพี่ซ่าร์ขอแลกที่กัน
ตอนนี้พี่ซาร์นั่งอยู่ติดกับพี่เอย์ คือตอนแรกเราไม่ได้นั่งกันแบบนี้นะ
ยืนไปยืนมาเต้นไปเต้นมาทำไมมานั่งมั่วกันแบบนี้ผมก็ไม่รู้แต่ไอ้วุฒิกับไอ้บาสมันยังตัวติดกันดี
สงสัยจะเกรงใจพี่ๆเขา
“ทำไม”
“เออน่า
เร็วดิ”
พี่เดียร์คว้าเอาแก้วของตัวเองแล้วเดินไปยืนรอแลกที่กับพี่ซ่าร์พอพี่ซ่าร์ลุกปุ๊บเธอนั่งลงข้างมันทันที
“ทำไรของมึง
มานั่งนี่ทำไม” พี่เอย์หันไปถามคู่หมั้นคนสวยของมัน
“เอ๊า
กูนั่งข้างคู่หมั้นกูผิดตรงไหนล่ะ” พี่เอย์ขยับมาทางผมอีกนิด
“เอย์
มึงชอบอีนั่นไหม” พี่เดียร์ควักบุหรี่ขึ้นมาจุด คุณคงนึกสภาพไม่ออกหรอกผู้หญิงสวยมาคนนึงนั่งคาบบุหรี่ขณะที่ผู้ชายอย่างพวกผมนั่งฟังเพลงเฉย
ๆ เห็นผมแบบนี้แต่ผมไม่สูบนะครับไม่ใช่อะไรหรอกไม่อยากให้คุณนายตะนาวศรีเธอเป็นห่วง
“ใคร”
“อย่ามาทำเป็นโง่
มันกำลังให้ท่ามึงอยู่ บอกกูมาคำเดียวมึงชอบมันไหม” ผู้หญิงอย่างพี่แรงมากจริง ๆ
ครับ ผมกำลังดูอยู่ว่าเธอคิดจะทำอะไร น่าจะไม่ใช่หึงมันหรอกเพราะท่าทางมันไม่ใช่แบบนั้น
ที่สำคัญพี่เอย์บอกว่าเธอเป็นทอม แล้วที่ทำตอนนี้คือ??
“กูไม่สนใจ”
พอพี่เอย์พูดแค่นั้นแหละครับ
พี่เดียร์คว้าเอาแขนมันแล้วซบเลยทันที ผมเห็นเธอหันไปยิ้มเย้ยผู้หญิงโต๊ะนั้นด้วยนะ
โฮกกกกพี่เดียร์แรงเวอร์ยัยนั่นหายไปตั้งแต่ตอนนั้นเลย
เรานั่งดูดนตรีกันเรื่อย
ๆ จนดึกมาก วงที่ผมชอบเล่นจนเสร็จมีวงของที่ร้านขึ้นมาบรรเลงเพลงเบา ๆ ต่อ
พี่เอย์เห็นหมาบาสมันเริ่มง่วงๆเลยบอกว่าจะเช็คบิลผมก็เออๆออๆไป
ไม่เมานะครับแค่มึนนิดๆ กินมากไม่ได้เพราะต้องขับรถด้วย
เราทั้งกลุ่มเดินตามกันออกมาด้านนอก
ผมกับพวกเพื่อน ๆ เดินมาส่งพี่เดียร์กับพี่ซีซ่าร์ก่อนยังไงก็ต้องให้เกียรติพี่เขา
อุตส่าห์มาเที่ยวด้วยถึงขนาดลงทุนปลอมตัวแปลงร่างมาซะขนาดนี้ที่สำคัญคงตกกะไดพลอยโจนไม่รู้ว่าสถานที่ๆผมนัดมาเป็นวงดนตรีเพื่อชีวิตล้วน
ๆ
“พี่เอย์กลับกับพี่ซ่าร์พี่เดียร์เลยก็ได้นะครับ มันดึกแล้ว” นี่ผมพูดแบบเต็มใจเลยนะมันคือมันดึกมากแล้วด้วย
ผมน่ะชินแล้วขับมอไซด์กินลมดึกๆประจำแต่ไม่รู้คุณชายเขาจะทนได้มากน้อยแค่ไหนนี่ผมอุตส่าห์พกหมวกมาเผื่อมันก็เพราะกลัวว่าคุณชายจะเป็นหวัดเพราะกระหม่อมบางนี่หล่ะ
แต่คุณเชื่อไหม
พอผมพูดแค่นั้นพี่เอย์หันมองผมทันทีเลย มันรีบเดินเข้ามาหา มองผมตาเขียวปั๊ด ประมาณว่ากล้าไล่กูเหรอ
“มาด้วยกันก็กลับด้วยกันดิ
ขี้เหร่ๆแบบมึงเกิดมีคนลากเอาไปกลางทางกูขี้เกียจหาคนถูห้องใหม่
น่ารำคาญ”
ดู๊ดูมันพูด
ถ้าอยากกลับด้วยกันพูดให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไงวะแต่ละคำของคุณชายนี่โคตรจะกัดผมอ่ะ
เห็นพี่ซ่าร์กับพี่เดียร์หัวเราะร่วนแล้วเขาสองคนก็ขอตัวกลับกันไป ไอ้บาสกับไอ้วุฒิเองก็บอกจะกลับเลยไหม
ผมเลยบอกให้พวกมันกลับเลย คือผมมีแผนของผมอยู่ ผมมองส่งพี่ๆสองคนขึ้นรถไป เออว่ะแต่ผมคิดได้อย่างนึงนะ
คือผมคิดว่าพี่ซ่าร์กับพี่เดียร์นี่เหมาะสมกันมากเลย
พี่ซ่าร์เทคแคร์พี่เดียร์บ่อยมากแต่น่าเสียดายอยู่สองอย่าง
อย่างแรกคือพี่เดียร์เธอเป็นทอมส่วนอย่างที่สองคือเธอเป็นคู่หมั้นของพี่เอย์ซึ่งเป็นน้องชายของพี่ซ่าร์
“มองไรนักหนาเสียดายเหรอมึง
คนโปรดมึงกลับแล้วนี่”
“เปล่าครับ
ผมมองพี่เดียร์น่ะ เธอแรงดีผมชอบ” เออผมชอบเธอจริงนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นคู่หมั้นพี่เอย์ผมจะคุยสนิทใจกับเธอยิ่งกว่านี้อีก
“ประสาทกลับแล้วมึงชอบคู่หมั้นแฟนตัวเอง
กูปวดหัวเลยจัดตำแหน่งมึงไม่ถูก”
“แหะๆ
ผมก็พูดไปเรื่อยแหละก็พี่เขาน่ารักนี่ ว่าแต่เป็นทอมจริงนะ”ผมหันไปถามมันทำหน้าคาดคั้นหน่อย
ๆ จริง ๆ คือหยอกนั่นแหละแอบอยากรู้ด้วยนิดๆ
“จริงดิ”
“แล้วถ้าวันนึงเกิดพี่เขาเลิกเป็นทอมขึ้นมา
พี่เอย์จะแต่งงานกับเธอไหมครับ” มันหยุดเดินแล้วจ้องผมเลยทันที ผมเองก็ไม่ลดสายตาลงเหมือนกันนะคือผมก็อยากได้ยินคำตอบ
“ก็ถ้าตอนนั้นเราสองคนยังคบกันอยู่
กูก็ไม่คิดจะแต่งงานกับใคร”
อิพี่เอย์นี่แย่ว่ะ
ไม่คิดหรือไงคำพูดมันแต่ละคำจะทำให้คนอื่นเขินอาย ผมหน้าร้อนไปหมดแล้วเนี่ย
ทำอะไรไม่ถูกยกมือขึ้นพัดๆแก้เขิน แอบเห็นมันยิ้มร้ายๆมาให้อีกต่างหากผมเลยเดินไปใช้ไหล่ชนๆมันแล้วดัน
ๆ ไปที่จอดรถ มันขำใหญ่เลยครับแกล้งดันผมคืนอีกต่างหาก
คืนนั้นผมขับรถออกนอกเส้นทางนิดหน่อย
คุณชายน่าจะสงสัยอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
“ไปไหน”
มันถามโต้ลม แต่ผมไม่ตอบหันไปมองนิดๆแล้วตั้งใจขับรถกินลมต่อไป
อากาศดึกๆแบบนี้ได้กลิ่นฝนนะแต่คิดว่าคงไม่ตกหรอก
พี่เอย์กอดเอวผมแน่นตั้งแต่ออกจากร้านยันสะพานพุทธโน่นเลย
โคตรไกลแต่อยากพามันมานี่นา
“เราเดินขึ้นไปด้วยกันนะครับพี่”
ผมจอดรถไว้แล้วชวน
ที่นี่สวยมาก
มีตั้งร้านขายของใต้สะพานด้วยตอนนี้ทยอยปิดกันแล้วแต่ผมไม่ได้สนใจจุดนั้นหรอก ผมพาคุณชายเดินขึ้นไปด้านบนอย่างเดียว
พูดก็พูดผมเคยมานั่งกิน...เอิ่ม...ของมึนเมานิด ๆ
แถวนี้กับพวกไอ้บาสไอ้วุฒิแล้วก็พวกเพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกันนะ แต่ไม่รู้ว่าคุณชายจะเคยมาในที่แบบนี้หรือเปล่า
“พี่เคยมาที่นี่ไหมครับ”
ผมถาม เราค่อยเดินขึ้นไปไม่เร็วนักแต่ก็ไม่ได้ช้าอะไรมากมายตอนนี้ตีหนึ่งนิดๆแล้ว มันเงียบไปเลยมองดูที่แม่น้ำอย่างเดียวสายตาดูสบาย
ๆ เหมือนทุกครั้งที่มันชอบนั่งมองแม่น้ำเจ้าพระยาที่ห้องมัน ผมดูโน่นดูนี่ก็พูดให้มันฟังไปเรื่อย
ๆ คือผมเป็นฝ่ายที่พูดมากขณะที่พี่เอย์เอาแต่ส่งยิ้มกลับมา
“ปิง”
มันเรียกแล้วหยุดเดิน คือเราเดินกันขึ้นมาจนระยะนึงเกือบ ๆ จะกึ่งกลางเลยนะ มีคู่หลายคู่นั่งอยู่ตามจุดต่าง
ๆ พี่เอย์หันหลังพิงราวสะพานไว้ส่วนผมนั่งยอง ๆลงที่ราวเหล็กเตี้ยๆด้านใน
ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปไว้คือถ่ายวิวแต่แอบติดมันด้วยนิดๆ
ไม่รู้ว่ามันรู้ตัวไหมแต่เห็นมันยิ้ม
“มานี่ดิ๊”
มันยืนมองหน้าผมตั้งนานก่อนจะยื่นมืออกมาแล้วเรียก
คุณคิดว่าผมจะส่งมือให้มันไหม
“ดื้อกับกูเหรอ”
ใช่ครับผมแกล้งมัน ไม่ยอมส่งมือไป มือมันเลยค้างเติ่งอยู่กลางอากาศแบบนั้นแหละ
“พี่เดินลงมานั่งกับผมสิ
มองวิวจากตรงนี้สวยนะครับ” ผมยิ้มให้มันยื่นมือส่งไปจับกับมันแล้วรอดูว่ามันจะ
ดึงผมขึ้นไปไหมหรือจะยอมเดินมานั่งลงกับผม
พี่เอย์มองผมนิ่งเลยมันไม่ยอมปล่อยมือแต่ก็ไม่ยอมเดินลงมา
“มาเร๊ว
ตอนนี้ที่นั่งว่างนะถ้าช้าเดี๋ยวมีใครมานั่งก่อนไม่รู้ด้วย”
แค่นั้นแหละครับคุณชายเดินมานั่งจุ้มปุ๊กลงข้างผมเลย
ผมเอามือถือขึ้นมาแล้วกดภาพที่ถ่ายเมื่อตะกี้ให้มันดู พี่เอย์ยิ้มใหญ่แถมยังกอดคอผมเอาไว้เรานั่งดูวิวกันไปเงียบๆผมกับมัน
ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกว่าอยากจับมือมันมากเลยคือไม่รู้ว่าถ้าผมยื่นออกไปจับมันจะว่าอะไรไหม
ขณะกำลังคิดมือใหญ่ของพี่เอย์ก็ยื่นเข้ามาจับมือผมไว้มันบีบมือผมแน่นเลย
“กูไม่เคยมาในที่แบบนี้หรอก”
“แล้วพี่ชอบไหม”
“ไม่เห็นจะชอบเลย
ยิ่งมากับมึงยิ่งเซ็งหนักเข้าไปใหญ่”
โหหหหหห
คุณชายคิดได้เนาะ ไม่ชอบแต่นั่งยิ้มหน้าบานเลยนี่นะ ท่าทางแววตาแม่งคนสบายอกสบายใจยังอายอ่ะ
“พี่เอย์
ดูตรงโน้นสิครับ” ผมลุกขึ้นชี้ให้มันดูที่จุดๆนึงไกล ๆ
“นั่นใช่คอนโดพี่รึเปล่า
โน่นน่ะสูง ๆ เลยไฟสีส้มๆไกลๆโน่นนนน”
“ไหน?”
มันเดินเข้ามาหา “ใช่เหรอ
ไม่ใช่หรอกอยู่คนละเส้นเลย ทำไมถึงคิดว่-.....
ผมไม่ปล่อยให้มันพูดจบหรอกครับ
ผมหลอกมันยืนขึ้นมาอยู่ใกล้กันได้ขนาดนี้แล้ว ลมยามดึกพัดโกรกเข้ามาพอดี
บรรยากาศแม่งกำลังได้ที่เลย ผมกับมันเราสบตากัน
ใกล้มาก.......
“ ข้ามันลูกทุ่งข้านอนมุ้งสี่หู
ข้าพูดเอ็ง มึง กู ฟังดูก็ตรงหนักหนา
ข้าชอบไทยเดิม
ข้าส่งข้าเสริมคำพูดบ้านข้า
ข้าแต่งกับเอ็ง เอ็งเป็นของข้า
ใครเรียกภรรยา แต่ข้าเรียกเมีย.....
คุณคิดว่าตอนนี้หน้าตาพี่เอย์มันเป็นยังไงครับ ผมจะบอกอะไรดี ๆ ให้นะ
พี่เอย์หน้าแดงมากกกกกก มันยืนกัดปากมองผมนิ่งเลย ส่วนตัวผมนี่คือผมเฉย ๆ อ่ะ
อาจเพราะผมหน้าด้าน คึคึ ผมจีบสาวเก่งนะบอกเลย
ไอ้บาสมันยังเคยคอนเฟิร์ม แต่พี่เอย์คือผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ผมคิดว่าจะจีบนะบอกให้รู้
จิ๊! ผมไม่เข้าใจว่ะพี่เอย์แม่งต้องเป็นเมียผมมากกว่าเหอะ
ผมคนนี้ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายรุก ไว้มันอารมณ์ดี ๆ ผมจะลองคุยกับมันดูใหม่
“โอ๊ยยย” ผมร้องจ้าเลย อยู่ดี ๆ มันผลักผมกระเด็นไปไกลเป็นเมตรเลยนะ
ผมเซจนคว้าเอาราวสะพานไว้แทบไม่ทัน เหี้ยเหอะถ้าตกไปจะทำยังไงมันได้เป็นหม้ายแน่
“หมาปิง มึงมันแย่ที่สุด” อะไรวะ อยู่ดี ๆ ก็มาว่ากัน หน้ายังแดงอยู่แท้ ๆ ทำเสียงกระเง้ากระงอดอีกต่างหาก
“ไรอ่ะครับพี่ ผมแย่ตรงไหน”
“แย่ทุกตรง ใครไปเป็นเมียมึงกัน มึงร้องเพลงบ้าบออะไร” แน่ะๆทำประชด
ทุกตรงอะไรวะ เออผมก็จริงใจนะ เพลงที่ร้องก็ออกมาจากใจ ผมแย่ตรงไหนวะ
อายอะไรนักหนา ผมคนร้องสิต้องอาย
“ทุกตรงอะไรอ่ะ เพลงนี้แหละถูกต้องแล้ว” ผมค่อยเดินเข้าไปหามัน กลัวโดนมันผลักอีกเหมือนกันแต่ตอนนี้ด้านมากกว่า
“จิ๊! มึงมันแย่ กูไม่เคยอายเหอะ
แค่มึงร้องเพลงให้กูฟังแค่นี้ กูไม่อายหรอก ชิว ๆ” โอ้ววว
“ครับ ๆ พี่เอย์เก่ง พี่เอย์ชิวเนอะ” ชิวมาก ผลักผมจนกระเด็นไกลเป็นเมตรเลย
โคตรของความชิว
และตอนนี้คือเราสองคนยืนชมวิวอยู่คู่กันปล่อยเวลาให้เดินผ่านไป
“สวยจังเลยนะครับ” พี่เอย์อมยิ้ม มันเอามือผมไปจับไว้อีกแล้ว ผมเลยสอดมืออีกข้างเข้าไปกอดเอวมันไว้แบบหลวม
ๆ คือถ้ามองเราสองคนจากด้านหลังนี่รู้เลยนะว่าเป็นคู่รักแน่นอน ผมเป็นผู้ชายนะส่วนมันน่ะแหละเป็นผู้หญิงเพราะผมกอดเอวมันอยู่ คึคึ ผมว่าหน้าผมต้องแดงแน่ แต่ผมไม่สนหรอกตอนนี้ผมยืนอยู่กับแฟนก็ต้องโอบเอวแฟนได้เป็นธรรมดาดี๊~ เราเคยจูบกันแล้ว เคยกอดกันแล้ว กินข้าวกันแล้ว เดทกันก็ทำแล้ว คือเราทำทุกอย่างที่คนเป็นแฟนเคยทำถึงแม้จะเหลือแต่เรื่องอย่างว่าก็เถอะ
แต่เดี๋ยวอีกสามเดือนผมกับมัน เราก็จะเป็นแฟนกันโดยสมบูรณ์แล้ว เพราะฉะนั้นผมจะมีสิทธิ์ขอคำๆนี้จากมันไหมนะ......
“คิดอะไร
ทำไมเงียบไป” มันหันมาถามผมเลยจ้องตามัน
“พี่เอย์ครับ พี่รักผมใช่ไหม” ผมโพล่งออกไปเลย คือคำว่า ‘ชอบ’ น่ะผมคิดว่าผมได้จากมันมาแล้ว
แต่ตอนนี้ทำไมผมถึงอยากได้คำๆนี้ ผมเองก็ไม่รู้ พี่เอย์คงจะตกใจนะผมว่าหน้ามันเหวอนิดๆ
ขณะที่ผมเงียบรอฟังคำตอบจากมัน พี่เอย์ขยับสายตาออกจากผม เปลี่ยนไปทอดมองที่ลำน้ำผืนกว้าง
ใจผมเริ่มเสีย อะไรวะทำไมเรื่องแค่นี้ถึงบอกออกมาไม่ได้ มันเงียบไปเลยจริง ๆ นะ
ผมรู้สึกหนึบๆในหัวใจเหมือนกัน นี่ผมเข้าใจมันผิดงั้นเหรอ? ผมคิดว่าระหว่างมันกับผม พี่เอย์มากกว่านะที่เป็นฝ่ายชอบผมก่อน
คือผมก็เป็นของผมแบบนี้เล่นไปเรื่อย แต่ท่าทางพี่เขามันไม่ใช่ไง
ผมเลยคิดว่าพี่เขาคงจะชอบผมแน่ แล้วยังการกระทำที่ผ่านมา ผมเลยนึกไปว่าระหว่างเรามันไปไกลเกินกว่าคำว่าชอบแล้วเสียอีก
แต่คือมันเลือกที่จะเงียบ
“กลับเลยไหมพี่
ดึกแล้ว” ผมชักมือออกจากมัน ในเมื่อมันไม่พูดผมเลยคิดว่าช่างเหอะ ไม่มีอารมณ์จะยืนเที่ยวแล้วผมเลยเดินนำออกไป
พี่เอย์เดินตามมาด้านหลัง พอใจผมเย็นลงผมเลยลงไปเดินตีคู่กับมัน
ผมรู้แล้วล่ะว่าตัวผมควรจะอยู่ที่จุดไหน
พี่เอย์ก็ยังคงเป็นพี่เอย์ เขาเป็นเจ้านายของผม ไม่ใช่คนรัก
ถึงผมจะคิดว่าเขาชอบผมแต่คุณต้องไม่ลืมว่าพี่เอย์ไม่เคยบอกว่าชอบผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
และวันนี้ผมคงจะถามสิ่งที่ลึกซึ้งเกินไป ทำให้มันลำบากใจเข้าแล้วจริง ๆ
“ปิง” มันดึงแขนผมไว้ก่อนที่เราจะเดินกันถึงรถ “คำพูดกับการกระทำ มึงว่าอันไหนสำคัญกว่ากัน”
ผมนิ่งไปกับคำถามของมัน
พี่เอย์จ้องหน้าผมไม่ยอมให้หลุดจากสายตามันเลย ผมคนนี้ต้องตอบมันใช่ไหม
ถ้าเป็นคุณจะตอบว่าอะไร
“...การกระทำครับ” ทันทีที่ผมตอบออกไปผมก็รู้แล้วว่าผมคงไม่มีวันได้คำๆนั้นจากมันแล้วแน่
ๆ คือมันก็จริงนะคนบางคนให้ความสำคัญกับการกระทำมากกว่าคำพูดจริง
ๆ พี่เอย์อาจไม่เคยพูดคำรักสวยหรูอะไรแบบนั้นเลยก็ได้ นี่ผมกำลังคิดเลยนะว่าคนที่มันเคยคบมานี่ช่างโชคร้ายจริง
ๆ หรือมันไม่เคยบอกรักใครเลยเหรอวะ?? คนปากหนักเอ๊ย ผมเริ่มยิ้มได้หน่อย ๆ
“พี่ไม่เคยบอกรักใครเลยเหรอ
สักครั้งก็ไม่เคยจริงอ่ะ”
ลองถามดูเล่น
ๆ ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นแล้วคือคนปากหนักก็เป็นเงี๊ยะแหละ แต่ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่านะพี่เอย์ชะงักไปนิดนึงทันทีที่ผมถาม
คือมันมองหน้าผมแล้วรีบหลบสายตาผมเลยยิ่งซักต่อสิครับ
“บอกผมได้ไหมครับ
ถ้ามันเป็นเรื่องอดีตแล้วผมไม่ว่าอะไรหรอก” ผมพูดไปแบบนั้นก็จริงนะ แต่ในใจนี่คิดว่าอย่านะๆ
อย่าบอกว่ามึงเคยพูดคำว่ารักกับคนอื่นนะมึงนะ คือถ้าคุณไม่คิดจะบอกกับผม
ก็กรุณาบอกว่าไม่เคยบอกรักใครมาก่อนเลยจะดีกว่า
“มีแค่คนเดียว
เขาเป็นผู้หญิงคนแรกของกู”
คุณเชื่อไหม.....อารมณ์ดี
ๆ ของผมหดหายไปหมดในคำพูดเพียงประโยคเดียวของมัน อะไรคือบอกรักคนอื่นได้แต่พูดกับผมไม่ได้วะ
ให้ตายเหอะ! นี่เรากำลังคบกันอยู่จริงเหรอ??
ผมส่ายหัวอย่างเซ็ง
หมุนตัวกลับทันที เดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงมอไซด์แล้วแม่ง ตอนนี้อยากจะกลับมาก พี่เอย์ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
ผมขับมอไซด์กลับโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับมันเลยสักคำ มันเองก็เงียบ ช่างแม่งดิ่
ผมก็โมโหเป็นเหมือนกัน อะไรวะคำพูดแค่นั้นให้กันไม่เคยได้อ่ะ
ตรงๆเลยนะ
คุณพูดกับผู้หญิงได้แต่พูดกับคนอย่างผมไม่ได้ แบบนี้เหรอวะ??
“ผมต้องเดินขึ้นไปส่งพี่ข้างบนไหม”
ผมถามไปตามมารยาท รถจอดลงที่ทางเข้าคอนโดแถวหน้าตึก มันยังไม่ยอมลง แล้วก็ยังไม่ยอมตอบอะไรผม
“โอเค เดี๋ยวผมจะเดินขึ้นไปส่งนะครับ
เอารถไปจอดไว้ก่อน” ผมก็ขับรถไปจอดไว้ที่เดิมแล้วเราสองคนก็เดินตัดตัวตึกเข้ามาด้วยกัน
อยู่ในลิฟต์ปกติผมพูดมากนะ แต่วันนี้ไม่มีอารมณ์เพราะงั้นเงียบน่าจะดีที่สุด
คุณคิดสภาพห้าสิบชั้นแล้วผมไม่พูดอะไรเลย มันก็รู้แหละว่าผมโกรธ
เราสองคนเดินกันมาจนเกือบจะถึงหน้าห้อง
เราสองคนเดินกันมาจนเกือบจะถึงหน้าห้อง
“ผมส่งแค่...อื้มม ~ ~” พี่เอย์ดึงผมเข้าไปจูบ มันจูบแบบแรงมากคือมันใช้สองมือประครองหน้าผมไว้
กดจูบลงมาแล้วเดินหน้าพาผมให้ถอยจนหลังชิดผนัง จริง ๆ มันก็เป็นจูบที่ร้อนแรงดีนะถ้าก่อนหน้านี้ผมอารมณ์ยังดีอยู่ ผมยกสองมือเกาะแขนมันไว้พยายามเบี่ยงหน้าออก
แต่พี่เอย์ยังไม่ยอมปล่อยมันเริ่มต้นจากรวดเร็วดุดันแล้วค่อยๆลดระดับลงจนมาถึงตอนนี้ผมยอมรับเลยว่าพี่เอย์จูบคนได้เก่งมากจริง
ๆ จูบช้า ๆ เนิบ ๆ รอจนผมเริ่มนิ่งมันจึงค่อยถอดลิ้นออกแล้วเปลี่ยนมาขบๆดูดๆอยู่แถวริมฝีปากผมแทนก่อนที่มันจะถอนจูบของมันออกช้าๆ
เราสองคนจ้องตากันนิ่ง
“กูไม่ชอบเวลาที่มึงโกรธ
กูไม่ชอบเวลาที่มึงไม่ยิ้ม กูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
ผู้หญิงคนเดียวที่กูเคยบอกคำว่ารัก กูยังไม่ได้รู้สึกกับเขามากมายเหมือนตอนที่อยู่กับมึงเลย
กูคิดมาตลอดทางไม่ใช่ว่าไม่คิด”
ผมอึ้งมากกับคำพูดของมัน คือพี่เอย์กำลังพูดอะไร นี่ผมกำลังโกรธมันอยู่แต่ในใจตอนนี้คือลิงโลดมาก หูผึ่งตั้งใจฟังในสิ่งที่มันกำลังจะพูด
V
V
V
V
V
V
V
V
“ปิง กูคิดว่าสำหรับมึง มันคงเกินคำว่ารักไปแล้ว กูเลยไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาพูดกับมึงดี”
ถ้าผมเป็นลมล้มพับไปในตอนนี้ คุณว่าวันนี้ผมจะเสียเอกราชให้มันไหม ตอนนี้คือแค่เปิดประตูก็เข้าห้องมันแล้ว ที่สำคัญตีสองแบบนี้ กับคำพูดหวานหูที่เลี่ยนยิ่งกว่าคำสารภาพรักเป็นไหน ๆ พี่เอย์ครับ พี่เสี่ยวอีกแล้ว คึคึ ถึงผมจะหน้าด้านแค่ไหนผมก็อายเป็นนะ
“อย่ามาหัวเราะกูนะ”
“พี่ ผมมีความสุขอ่ะ โคตรดีใจเลยนะที่ได้รู้จักกับพี่”
“จิ๊! กูไม่เคยดีใจเหอะ ก็แค่คนแบบมึง กูไม่เห็นรู้สึกอะไรด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว”
“จริงอ่ะ”
ผมเกาะบ่ามันแล้วดันเข้าห้อง พี่เอย์พูดแล้วยิ้มแป้นแถมยังหน้าแดงคอแดง
“จริง!”
“จริงอ๊ะ” ผมแกล้งทำเสียงดัดจริต
มันหันมามองตาเขียวเลย
“กูเคยบอกว่า
กูชอบมึงเหรอ?”
เอาแล้วคุณชายเล่นอะไรเนี่ย
“หึ
ไม่เคยอ่ะ” ผมส่ายหน้าแล้วตอบ
“แล้วกูเคยบอกว่า
กูรักมึงไหม?”
“หึ
ก็ไม่เคยอีกอ่ะ”
“ก็นั่นดิ่ เห็นไหมกูเฉยๆกับมึงจะตาย
มึงจะกลับตอนไหนจะอยู่หรือไปกูไม่เคยสนเลยเด่ะ”
“จริงเหรอครับเนี่ย
หืม” ผมแกล้งหรี่ตามอง เอาแบบคาดโทษมันหนักๆเลย พูดเรื่องอะไรออกมาเนี่ย
“จิ๊
น่ารำคาญ” ใครกันแน่น้อที่ควรจะงอน ดูซิทำหน้าอะไร ทีอยู่ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นเท่
พออยู่กับผมแค่สองคนเนี่ย อ้อนผมเก่งมากอ่ะ คุณชายงอนตลอด
ผมนึกได้ว่าดึกแล้วเลยยกนาฬิกาขึ้นดู อ่าา เสียดายจังแต่วันนี้ดึกมากแล้วจริง ๆ คงอยู่เล่นกับมันนานๆไม่ได้
“พี่เอย์ผมกลั- // หมาปิง มาอยู่ด้วยกันเลยดีไหม”
“???????”
คือตอนนี้ผมยืนอึ้ง
ขณะที่มันหน้าแดงจัดมากรีบหันไปอีกทาง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่ามันจะพูดแบบนี้กับผม
“ตื่นเต้นรึไงมึง
กูก็ชวนปกติเหอะ”
ผมฉีกยิ้มกว้าง
เดินหน้าเข้าไปหามัน ถ้าผมอยากกอดมันตอนนี้เลยจะผิดมากไหมนะ
มือผมไปเร็วมากคือตอนนี้กอดหลังมันไว้แล้วเรียบร้อย
“ขอบคุณนะครับ
ไว้พรุ่งนี้ผมมาหาแต่เช้าเลยนะ”
มันหันขวับมาหาทันที
ผมแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ท่าทางของมันตอนนี้คือ
กูอุตส่าห์ชวนมึงกล้าปฏิเสธเหรออะไรแบบนั้น
มันกำลังจะขยับริมฝีปากด่ามั้งแต่ผมต้องเร็วกว่าอยู่แล้ว
“อะไรกันยังไม่ไปสู่ขอกับแม่ผมเลย
จะชวนมาอยู่ด้วยแบบนี้ พี่เอย์แย่จริง ๆ นะครับ
เกิดผมท้องก่อนแต่งขึ้นมาเดี๋ยวคุณนายกับพี่ขมได้โวยวายลั่นบ้านแน่”
ผมพูดไว้แค่นั้นแล้ววิ่งหนีออกมาเลยสิครับ
วันนี้ปริ่มมาก คิคิ พี่เอย์แม่งอะไรวะคนแบบนี้หายากฉิบหายไม่เห็นจะเหมือนใครเลย ผมนึกถึงตอนที่เรายืนคุยกันอยู่ที่สะพานพุทธอีกครั้ง
คือผมนึกยังไงถึงร้องเพลงนี้ให้มันฟังได้ผมก้ไม่รู้นะ อารมณ์ตอนนั้นคือเต็มมาก คิดแบบนั้นจริง
ๆ คิดว่ามันนั่นแหละควรจะเป็นเมียผม พี่เอย์น่ารักขี้งอน ต่อหน้าคนอื่นนี่เท่ห์มาก
แต่คุณไม่เห็นเวลามันอ้อนผมหรอกแบบนี้ไม่ให้ผมร้องเพลงนี้ให้มันได้ไง
....ข้าแต่งกับเอ็ง เอ็งเป็นของข้า
ใครเรียกภรรยา แต่ข้าเรียก ‘เมีย’………
คึคึ.....
Tbc.