# 15 นี่คือละเมอ?? ยังเนียนได้อีก
“พรหมที่ห้องเลอะมาก
หมาปิงจอมขี้เกียจ”
นั่นคือข้อความครั้งล่าสุดที่ถูกส่งมาทางไลน์
สามวันแล้วที่ผมไม่ได้แวะไปที่ห้องพี่เขาเลย ผมบอกมันไปแล้วนี่ว่าพี่ขมไม่สบายเป็นไข้หวัดเพราะอย่างนั้นสามวันมานี้ผมจึงต้องอยู่เป็นมือขวาช่วยคุณนายเธอทำงาน
“ปิงเก็บตังค์โต๊ะสองลูก”
“ครับ”
“ปิงรับออเดอร์โต๊ะหกให้แม่ก่อน”
“ครับผม”
“ปิงเช็ดโต๊ะนอกด้วยลูก
ลูกค้าไม่มีที่นั่งแล้ว”
“ครับๆ
รอแปปนะครับ ปิงเคลียร์โต๊ะนี้แปปเดียว”
“โอ๊ยปิงมะเขือเทศแม่หมด
ไปเอามาเติมให้แม่ก่อนลูก แม่ล้างไว้แล้วอยู่ในตะกร้านะครับ”
แบบนี้ตลอดทั้งวัน
ผมรู้นะว่าพี่ขมเป็นมือขวาที่สำคัญของแม่จริง ๆ
พอขาดแกไปสักคนผมเลยต้องหัวหมุนแทนอยู่แบบนี้ไงครับ
“เฮ้อ
เหนื่อย” เราจะยุ่งมากกันช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายสอง หลังจากนั้นก็จะว่างกันแล้ว
“เข้าไปล้างหน้าล้างตาไปลูก
เหนื่อยเลยใช่ไหมเรามาช่วยแม่สามวันเต็ม ๆ แล้วนี่” แม่เดินเข้ามาหาตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้ว
ผมเลยนั่งหายใจหายคอแล้วกดมือถือเช็คข้อความโน่นนี่นั่นของบรรดาเพื่อนฝูงและของคุณชาย
วันนี้พี่เอย์ไลน์มาแค่ครั้งเดียว
ตั้งแต่สามโมงเช้าก็ยังไม่มีข้อความใหม่เข้ามาอีก ตอนนี้บ่ายสามแล้ว
“ปิงลูก” แม่เรียกทำน้ำเสียงตื่นเต้นแปลกๆผมเลยรีบหันไปดู
เห็นแม่ยืนชะเง้ออยู่แถว ๆ หน้าร้านในมือถือผ้าขี้ริ้วอยู่ด้วย คุณนายเห็นอะไรวะผมรีบลุกไปดู
“อะไรครับแม่”
“โน่นน่ะ
ใช่รถพี่เอย์เจ้านายของลูกหรือเปล่าแม่เห็นจอดนานแล้วนะตั้งแต่ก่อนเที่ยงแน่ะ”
แม่บุ้ยใบ้ชี้ให้ดู ผมรีบมองตาม เห้ยรถเหมือนมากแต่ดูข้างๆแล้วก็ไกลแบบนี้
ผมยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ เดี๋ยวต้องเห็นป้ายทะเบียนใกล้ๆก่อน ผมเลยเดินออกไปดู
ค่อยเดินเข้าไปใกล้
ๆ เพราะตอนนี้เห็นแล้วว่าใช่รถคุณชายแน่
แต่มาจอดอยู่ในที่แบบนี้แล้วนั่งอยู่ข้างในคือกำลังทำอะไรอยู่ผมเลยค่อย ๆ
เดินเข้าไปพี่เอย์นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านชีตอะไรสักอย่าง ขนาดผมมายืนอยู่ข้าง ๆ
มันๆยังไม่รู้สึกตัวอ่ะ ที่เบาะคนนั่งนะมีเอกสารหนังสือกระจายอยู่เลย
พี่เอย์กำลังเขียน ๆ อะไรบางอย่างลงที่ชีตงานนั้น ผมเลยก้มลงเคาะกระจกเบา ๆ
กลัวมันตกใจ
“พี่เอย์มาทำอะไรแถวนี้ครับ”
มันทำหน้าตาตกใจนิด ๆ แล้วลดกระจกลง พอเห็นผมชัดๆแค่นั้นแหละหน้างอได้อีก
“มารอหมา”
“เข้าไปในร้านก่อนไหมพี่”
หมาตัวนั้นก็คงเป็นผมนั่นแหละครับ มันตอบมาแบบนี้คืองอนผมชัวร์
ผมเปิดประตูรถมันออกแล้วก้มหน้าลงไป
“ตรงนี้ร้อนออก
พี่จะมานั่งสตาร์ทรถเปิดแอร์ไว้ตลอดแบบนี้เปลืองน้ำมันแล้วยังทำให้เกิดมลภาวะด้วยนะครับเนี่ย
ลงมาเร็ว เข้าไปรอข้างใน”
“ไม่เอา
กูกลัวเกะกะแม่มึง”
“เกะกะที่ไหน
ลงมาเร็วสิครับ” ผมยื่นมือเข้าไปบิดกุญแจรถออกเลย เข้าเกียร์จอดให้เรียบร้อย
แค่นั้นคุณชายก็เดินตามผมลงมาแล้ว ในมือติดชีตบาง ๆ เข้ามาอ่านด้วยนะ
ผมไม่รู้คืออะไรมีแต่ตัวเลขกับตัวภาษาอังกฤษเต็มพรืดไปหมด
อาจจะเป็นสูตรที่มันเรียน
“แม่ครับ
พี่เอย์เจ้านายปิง” มันยกมือขึ้นไหว้
คุณนายยืนอึ้งได้อีกรีบบอกให้ผมพามันเข้าไปนั่งข้างใน คือคุณจะนึกออกไหมนะ
ร้านเราก็แค่ร้านเล็ก ๆ ที่นั่งก็เก้าอี้พลาสติกธรรมดานั่นแหละครับ
ถึงแม่จะพูดว่าข้างในแต่มันก็คือโต๊ะไว้สำหรับครอบครัวของเราทานอาหารรวมกันแบบง่าย
ๆ โต๊ะกางเล็ก ๆเหมือนตามร้านแผงลอยทั่วไป
“พี่นั่งตรงนี้นะครับ”
ผมเช็ดโต๊ะให้มันใหม่อีกครั้ง ไปเอาพัดลมมาเสียบไฟให้ หาน้ำหาท่ามาตั้งไว้
“หมาปิงมึงเลิกกี่โมง”
มันดึงผ้าขี้ริ้วที่ผมกำลังเช็ดโต๊ะไว้เงยหน้าถาม
“ก็จนกว่าแม่จะปิดนั่นแหละครับ”
“แล้วจะปิดตอนไหน
ประมาณกี่ทุ่ม”
“ปกติถ้าของหมดเมื่อไหร่แม่ก็จะปิดเลยครับห้าหกโมงนี่แหละ”
เออพี่เอย์มันเป็นอะไรวะทำไมวันนี้งอแงกับผมจังปกติผมไม่ไปหานี่เราก็แค่โทรคุยกันช่วงดึก
ๆ หรือมีอะไรก็ไลน์หากันแค่นั้นจบทำไมวันนี้ถึงขนาดมาหาผมถึงที่ร้านเลย
มีเสียงแม่เรียกดังเข้ามาผมเลยบอกมันให้นั่งอยู่ตรงนี้
ส่วนผมออกไปช่วยคุณนายต่อ
คือเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ผมเดินเข้ามาอีกทีคือพี่เอย์ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ
เสื้อเชิ้ตด้านหลังเปียกไปหมดคือมันใส่เชิ้ตแขนยาวพับแขนแล้วคงจะร้อน พัดลมเอาคุณชายแบบมันไม่อยู่แน่
ชีตที่วางอยู่บนโต๊ะก็กระจัดกระจาย
“พี่เอย์ครับ”
ผมก้มลงเรียก เขย่ามันเบา ๆ มันเงยหน้าขึ้นงัวเงีย แม่เดินเข้ามาพอดี
“ปิงเก็บของเลยก็ได้ลูกเดี๋ยววันนี้ปิดเร็วหน่อย”
“ทำไมล่ะครับแม่
คือ...” ผมกำลังคิดว่าแม่ผมอาจจะเกรงใจพี่เอย์รึเปล่า เธอมองพี่เอย์ตลอดเลย มันรีบลุกขึ้นยืน
“เอ่อผม
คือผมมารบกวนคุณน้าเหรอครับ”
“เปล่าๆจ๊ะเปล่า
พอดีวันนี้ขายดีของเริ่มหมดแล้วล่ะ อีกอย่างคือจะรีบกลับไปดูขมเขาด้วย
เอาล่ะปิงออกไปช่วยแม่เก็บของดีกว่านะลูก เดี๋ยวจะได้รีบปิดกัน”
แม่ว่าแล้วเดินนำออกไป
ผมมองมันนิดนึงกำลังจะเดินตามแม่ไปพี่เอย์ดึงแขนผมไว้
“เดี๋ยวกูจ่ายค่าชดเชยให้
คือว่า....
“พี่เอย์ได้ยินที่แม่พูดแล้วไม่ใช่เหรอครับ
อย่าไปพูดเรื่องค่าชดเชยอะไรนั่นกับคุณนายเธอเชียวนะ ถูกโกรธผมไม่รู้ด้วย” จริง ๆ
คือขู่มันไว้ก่อน แม่ผมไม่โกรธง่ายแบบนั้นหรอก
แต่ว่าแม่ค่อนข้างรักในศักดิ์ศรีของตัวเองนิสัยเราสองแม่ลูกเหมือนกันมากถึงเราจะจนแต่ผมกับแม่ก็ขยันทำงานแลกเงินนะครับ
ไม่เคยคิดจะสบายทางลัดหรอก
ผมออกไปยกหม้อยกจานอะไรต่าง
ๆ เข้ามาวางไว้ที่ด้านใน แม่ก็เตรียมตัวที่จะล้าง คือก็อยู่ใกล้ ๆ กับที่พี่เอย์นั่งอยู่นั่นแหละ
ผมเดินเข้าเดินออกเป็นสิบ ๆ รอบ
เห็นมันนั่งมองแบบเก้ๆกังๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูก ผมมองแล้วก็ยิ้มให้
แม่ก็ชวนมันคุยไปด้วยล้างจานไปด้วย ตอนนี้ที่หน้าร้านปิดแล้ว
ผมกำลังทยอยเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่เหลือเข้ามา ในที่สุดคุณชายก็เดินเข้ามาหาในมือผมกำลังยกหม้อแกงหน่อไม้ที่หมดแล้วพอดีเหลือติดก้นหม้อนิดหน่อยเท่านั้น
“กูช่วยยก”
ผมมองคนที่เพิ่งพูดเสนอความช่วยเหลือ พี่เอย์ยื่นมือมารับหม้อแกงหน่อไม้จากผม
ภาพความทรงจำระหว่างผมกับมันในวันแรกที่เราเจอกันหมุนกลับมาอีกครั้ง
วันนั้น.....
“ขอทางหน่อยครับ”
“เฮ้ย อะไรเนี่ยมันกระเด็นนะ
เดินให้มันดีๆสิวะ”
“ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้”
“ไม่ต้อง!”
“แต่ผมทำมันกระเด็นใส่เสื้อพี่
ผมควรจะรับผิดชอบ ให้ผมเช็ดให้เถอะครับ”
“ไม่ต้อง อย่ามาใกล้”
นี่ผมต้องขยี้ตาเพื่อดูอีกสักสิบครั้งไหมนะ
คุณชายที่รังเกียจหม้อแกงหน่อไม้วันนั้น มาวันนี้ขันอาสาขนาดยื่นมือเข้ามาช่วยผมถือแล้วมาวางลงให้แม่ล้าง
“ตายแล้วเอย์นั่งเลยลูกนั่งเฉยๆนะครับเดี๋ยวเจ้าปิงจัดการเอง
เอย์รีบเหรอครับถ้างั้นพาน้องไปก่อนก็ได้นะเดี๋ยวทางนี้แม่จัดการต่อเอง”
แม่ลุกรี้ลุกรนพอเห็นว่ามันเริ่มขนนั่นโน่นนี่เข้ามาช่วย
พี่เอย์ค่อย ๆ ถือเข้ามาวาง ผมรู้มันไม่เคยทำแต่ก็ยังอยากจะช่วย
ไม่รู้จะว่ายังไงสงสารก็สงสารแต่ผมก็ต้องช่วยงานที่บ้านก่อน
มันคงจะอยากพาไปที่ไหนของมันนั่นแหละไม่งั้นคงไม่มาหา
“ไม่เป็นไรครับเอย์ไม่รีบ
ให้เอย์ช่วยคุณแม่อีกแรงนะครับ”
เหหหหหห
มันใช้คำแทนตัวเองว่าเอย์ แล้วยังเรียกคุณนายว่าแม่
นี่มันจะเนียนมากไปไหมครับคุณชายเอตั้น ผมหรี่ตามองมันหน้าเขียวเลย
มันมองผมแล้วยักคิ้วส่งให้ก่อนเดินออกไปหยิบถาดผัดหมี่ที่หมดเกลี้ยงแล้วเข้ามาเก็บ
“เอย์มีธุระจะไปที่ไหนต่อหรือเปล่าครับลูก”
เอาแล้วคุณนายชวนมันคุย แต่เรียกแทนมันว่าลูกไปแล้ว ผมนั่งลงข้าง ๆแม่ ช่วยล้าง สงสัยเหมือนกันแม่จะถามมันทำไม
“เปล่าครับ”
มันนั่งยอง ๆ ลงข้างผม คือบริเวณที่ล้างหม้อของที่ร้านมันจะเป็นลานปูนไม่กว้างนักเราต้องล้างหม้อกับถาดใบใหญ่
ๆ กันที่พื้น
“อยู่ทานข้าวกับแม่ก่อนไหม
คือบ้านของพวกเราอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากหรอกจ๊ะถ้าหากว่าเอย์....
“แม่ครับ
พี่เอย์เขา....
“ไปสิครับ”
ผมไม่ทันได้พูดจบหรอก
มันน่ะชิงตัดคำพูดผมเสียก่อนแล้วยังเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ แม่ ช่วยจับช่วยล้างอย่างเอาใจ
แต่คือดูก็รู้ว่ามันทำไม่เป็นแม่ผมนี่หัวเราะร่วนเลย
เราสามคนออกมายืนกันที่หน้าร้าน
ผมปิดกุญแจให้แม่เป็นอย่างสุดท้ายคุณนายสะพายกระเป๋าผ้าลดโลกร้อนที่เริ่มจะเก่านิดๆแล้ว
ขณะที่ในมือถือถุงแกงที่เหลือกลับไปกินต่อที่บ้าน
ผมเดินเข้าหาขณะจะยื่นมือเข้ามารับถุงหนักๆใบนั้นในมือแม่ มือใหญ่ของใครคนนึงก็ยื่นมารับไว้ก่อน
พี่เอย์ยิ้มอ่อนโยนให้แม่ของผมคุณนายส่งถุงให้มันอย่างเต็มใจ
ผมยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลย....
“แม่ไปรถเอย์นะครับ”
มันบอกแม่แล้วหันมองมาที่ผม “หมาปิงมึงขับนำไปก่อนเลยเดี๋ยวกูพาแม่กลับเอง”
“ไม่เป็นไรครับเอย์
เดี๋ยวแม่ไปกับปิงได้ เอย์ค่อยขับตามานะลูก อย่าหลงนะ”
“ผมไม่ค่อยรู้จักทางครับ
ขับรถนี่หลงตลอดถึงได้ให้ปิงไปขับให้ไงครับ
คุณแม่นั่งไปกับผมนะครับจะได้บอกทางด้วย”
ผมรีบหันไปอีกทางแล้วทำท่าโก่งคออ้วก
คือรู้เลยว่ามันตะล่อมแม่ผมให้นั่งไปด้วย อิโถ่วว อยากเอาใจแม่ผัว
ล่ะซี้ คึคึ
แล้วเย็นวันนั้นมันก็มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่บ้านหลังเล็กๆของพวกผมแล้วเรียบร้อย
ชุมชนแออัดแบบนี้มีรถเบนซ์หรูหรามาจอดเทียบถึงหน้าบ้าน แล้วยิ่งคุณตะนาวศรีก้าวลงมาจากรถสีขาวงามสง่าคันนั้นด้วยแล้ว
เพื่อนบ้านหลายคนต่างยื่นหน้ามาสอดรู้ พอผมจอดมอไซด์ลงแค่นั้นแหละ
ไอ้พวกเด็กโข่งเด็กเล็กหลายคนปั้นหน้ายิ้มเข้ามาถามใหญ่เลย
“ใครอ่ะพี่ปิง
ใครอ่ะ”
ผมลงมะเหงกมันไปคนละทีแล้ววิ่งไล่เตะพวกมันจึงได้แยกย้ายกันกลับไป
“ช้านะกว่าจะเข้ามาได้”
พอเดินเข้ามาคุณชายก็ต่อว่าทันที
แต่ผมนี่อึ้งตกตะลึงโคตรของความค้าง คุณรู้ไหมครับว่าตอนนี้พี่เอย์นั่งทำอะไรอยู่ที่พื้น
ป๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
กร๊ากกกกกกกกก
โอ๊ยผมขำ มันนั่งตำเครื่องแกงอะไรไม่รู้ให้แม่ผมอยู่ที่พื้น
คือหน้าคุณชายนี่บูดมาก มิน่าล่ะเมื่อกี้ผมว่ารถผมก็เสียงดังนะ พี่เอย์มันรู้ว่าผมมาถึงแล้วทำไมไม่ออกไปตามวะปล่อยผมเล่นกับไอ้พวกเด็กแก่นๆอยู่ได้ตั้งนาน
ผมนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ มัน
“เจ็บมือ”
มันอ้อนผม ดูทำเสียงทำหน้าซิ
ผมรีบมองไปทางแม่พอเห็นว่าแม่ยืนหันหลังให้อยู่เลยรีบจับมือมันขึ้นมาทำท่าเป่าเพี้ยงหาย
แค่นั้นมันก็ยิ้มอะไรของมันต่อได้แล้ว ผมเลยลุกแล้วเดินเข้าไปหาแม่
“แม่ครับ
แม่ให้พี่เอย์เขาทำอะไรน่ะครับ” คุณนายกำลังผัดอะไรสักอย่างอยู่
“เอย์เขาอาสาช่วยแม่จ๊ะ
ปิงลูก พี่เอย์เขาเป็นนายจ้างลูกจริง ๆ แน่เหรอ”
“ครับใช่”
เอาแล้ว คุณนายสงสัยอะไรป่ะวะ คือถามแบบนี้แม่จะสื่อ??
“แม่ว่าน่ารักดี
นิสัยก็ดีไม่ถือตัวเลย” โถๆๆๆๆแม่ครับมันจะไปถือตัวได้ไง
ก็มาจีบลูกชายแม่แบบเนี๊ยะ ขืนมันถือตัวทำให้แม่ไม่ชอบก็โดนตะเพิดออกจากบ้านดิ่
“เสร็จแล้วครับแม่”
เสียงพี่เอย์ดังขึ้นทางด้านหลังผมหันไปดู ในมือมันถือครกหินหนักๆเข้ามาให้แม่
ผมชะโงกหน้าลงไปดูแล้วขำจนปวดท้องเลย แม่นี่ไม่ต้องพูดหัวเราะก๊ากกจนหน้าแดงไปหมด
ส่วนพี่เอย์ยังทำหน้างงอยู่ ก็พริกแกงที่มันตำน่ะสิครับยังไม่เห็นจะละเอียดเลย
พริกงี้เป็นชิ้น ๆ
อยู่เลยนะแม่รีบรับครกจากมันไปแล้วบอกให้ผมหาข้าวหาปลาออกไปนั่งกินกัน วันนี้พี่ขมไม่ได้ลงมากินด้วยนะครับ
ยังไม่หายจากหวัดเธอเลยนอนยาวแม่เอาข้าวต้มอุ่นๆขึ้นไปให้
ผมวิ่งขึ้นไปดูแกนิดนึงเกือบหายแล้วแต่ยังใส่ผ้าปิดปากอยู่กลิ่นวิคนี่ฟุ้งห้องเลย
“อร่อยไหมลูก
เอย์ทานได้ไหมครับ”
“ทานได้ครับ”
จะทานไม่ได้ยังไงล่ะ มันเล่นออเดอร์เมนูกับแม่ผมเอง
ถึงที่นี่จะไม่มีกุ้งแต่คุณชายสั่งไข่เจียวฟูฟ่องของมันกับยำทูน่ากระป๋องแม่แถมผัดข้าวโพดอ่อนหวานๆให้มันด้วย
เพราะแม่บอกว่าเราไม่มีอาหารให้เลือกมากนัก เด็ดสุดก็สามอย่างนี้
ซึ่งบังเอิ๊ญบังเอิญว่าคุณชายทานได้พอดี เราสามคนก็ทานข้าวกันไป วันนี้แม่ทำหมูสับผัดขิงของโปรดของผมด้วยนะ
“เอย์เป็นอะไรไหมลูก
ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้น หรือว่าอาหารไม่ถูกปาก แม่นี่แย่จริง ๆ นะทำหวานไปเหรอ”
เออผมก็สังเกตนะคือพี่เอย์สีหน้าไม่ค่อยดีเลยเหมือนคนเครียด
หรือมันนั่งกินข้าวที่พื้นแบบนี้ไม่เป็นคุณชายต้องมีโต๊ะอะไรแบบนั้นรึเปล่าวะ
“เปล่าครับไม่ใช่เรื่องกับข้าวหรอก
อาหารอร่อยมากเลย”
“อ้าวแล้วเอย์เป็นอะไรล่ะลูกมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า
บอกแม่ได้นะ” แม่ตักข้าวใส่ปากแล้วก็ถามมันต่อ
พี่เอย์เองก็กินไปได้กว่าครึ่งชามแล้ว
ผมคาบช้อนไว้ขณะรอฟังว่ามันจะพูดว่ามันเป็นอะไร
“คือว่าเมื่อคืนเอย์ฝันร้ายน่ะครับฝันเห็นผี
แล้ววันนี้เอย์ก็เลยกลัว”
“อุ๊ย แค่ความฝันเอย์จะกลัวไปทำไมลูก
คนเยอะแยะเอย์ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ”
“ครับตอนนี้เอย์ไม่กลัว
แต่เอย์จะกลัวก็ตอนที่เอย์กลับไปที่ห้องแล้วอยู่คนเดียว
หมู่นี้ฝันแบบนี้บ่อยมากเลยครับแม่ ฝันแล้วก็ละเมอทำอะไรไม่รู้ตัวตื่นมากลางดึกแล้วนอนไม่หลับทุกครั้งเลย”
“ตายล่ะ”
แม่อุทานเอามือทาบอก
“ยังครับ”
มันรีบตอบ ผมงี้หัวเราะแทบจะสำลักข้าว
“ไม่ได้ๆๆแบบนี้ต้องหาคนไปนอนเป็นเพื่อนแล้ว
เกิดลุกขึ้นมาละเมอดึกๆดื่น ๆ ไม่มีคนรู้ทำอะไรไม่รู้ตัวจะแย่นะลูกนะ”
“ครับเอย์ก็คิดว่าอย่างนั้น
เอย์อยู่ชั้นห้าสิบด้วยนะครับแม่”
คิ้วผมเริ่มกระตุก
คือไอ้พี่เอย์มันกำลังทำหน้าเศร้า ๆ
คุยกับแม่ของผมแล้วคุณนายคือเชื่อมันแบบจริงจังมาก ยิ่งมันบอกอยู่ชั้นห้าสิบแม่นี่เริ่มหันซ้ายหันขวาคิ้วขมวด ผมน่ะนะตอนแรกก็สงสัยอยู่หรอกว่ามันเป็นอะไร
แต่หลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ของมันแล้วผมกระจ่างในทันที แหม่....
แผนการคุณชายนี่ช่างคิดได้เนอะ คิดได้ไงว่าแม่ผมจะยอมให้ผมไปนอนค้างเป็นเพื่อนมัน
คุณนายแกจะเสนอให้มันไปหาคนมานอนเป็นเพื่อนน่ะสิ บรรดาเพื่อนฝูงอะไรแบบนั้น
“แม่ว่าเอย์ให้ปิงไปนอนเป็นเพื่อนดีไหมลูก
นอนละเมอแบบนี้อันตรายมากๆอยู่ชั้นห้าสิบ”
“พรวดดดดดดดด อะ แค่กๆๆ”
ผมสำลักเข้าแล้วจริง ๆยกน้ำกินพอดี๊พอดี พี่เอย์รีบขยับมาตบๆลูบๆหลังให้
ผมรู้มันกำลังกลั้นยิ้ม แม่ทำหน้าตกใจหันมาดู
แกลุกขึ้นไปหยิบทิชชู่มาให้
“กินยังไงเนี่ย
เวลากินข้าวอย่าพูดมากรู้ไหมลูก สำลักแบบนี้แหละ” โถแม่ครับ
แม่ได้ยินเสียงผมพูดสักทีหรือยัง
มีแต่แม่แหละคุยกับมันซ้ำยังคุยเรื่องที่ทำให้ผมสำลัก
“ปิงก็ไปนอนเป็นเพื่อนพี่เอย์นะลูกนะ
สงสารพี่เขาเดี๋ยวละเมอดึกๆคนเดียวไม่ดี”
“แม่เชื่อพี่เอย์เหรอฮะ
โตขนาดนี้ใครจะมาฝันเห็นผีแล้วยังนอนละเมออีก”
“เอ๊..น้องปิงนี่ พูดอะไรแบบนั้นถ้าไม่จริงพี่เขาจะพูดขึ้นมาทำไม
เดี๋ยวเหอะ เอาเป็นว่าวันนี้ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่เขาก็แล้วกัน”
คุณนายดุผมจบก็หันไปตักไข่เจียวเติมให้มันอีก พี่เอย์ยิ้มกว้างเลยสิ
มันหันมามองเห็นผมกำลังมองอยู่พอดียังมีหน้ามาเบะปากตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่
สรุปคือผมต้องไปนอนเป็นเพื่อนมันใช่ไหม
“ปิงขับรถกลับดีๆนะลูกมันดึกแล้ว” ผมดูเวลาที่ข้อมือเพิ่งหนึ่งทุ่มนี่นะดึกแล้วของแม่
“ครับ ๆ
แม่ไม่ต้องห่วงนะ”ผมบอกแม่ในขณะที่พี่เอย์ฉีกยิ้มแป้น
มันไหว้แม่ผมแล้วเดินมาขึ้นรถ ผมตะโกนบอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะมาช่วยเปิดร้านแต่เช้า
แม่เลยโบกมือให้ คุณนายยิ้มร่าเลย
“ขับไป...........”
พี่เอย์บอกผมรีบหันไปมอง คือพี่จะไปอะไรแถวนั้นวะครับ นี่คือมันจะสองทุ่มแล้วไง
“เร็วหน่อยเดี๋ยวไม่มัน”
ผมก็เลี้ยวเข้าไปจอดตามที่มันบอก สรุปคือเข้าห้างกันในเวลานี้ เพื่อ??
“รอบสองทุ่มครึ่งน่ะ กูกลัวไม่ทัน” อ้อ
จะพาไปดูหนัง ผมก็เดินตามคุณชายนะ
มีหลายครั้งเลยที่มันลดฝีเท้าเพื่อลงมาเดินข้างกัน
คือผมชอบทิ้งให้มันเดินอยู่ข้างหน้าก่อน แหมคุณก็ดูชุดผมกับชุดมันสิครับ
ผมเดินตามหลังมันแหละถูกต้องแล้ว
“ดูทรานส์ฟอร์เมอร์กันไหมมึงอยากดูรึเปล่า”
“ดูเรื่องนี้ไหมพี่ คิงคองยักษ์น่าจะดีนะ”
ผมชอบหนังแปลกๆไง พี่เอย์จิ้ม ๆ ดูตัวอย่างโอเคชอบมันกดซื้อตั๋วเลย
คนไม่ค่อยเยอะแปลกอ่ะ
ผมก็นั่งลงที่โซฟาแถวนั้นส่วนคุณชายยืนถือแก้วน้ำกับป๊อปคอร์น
พักนึงเราก็ไปต่อแถวเข้าไปข้างใน
“มึงหนาว?” มันถามขึ้นตอนที่หนังฉายได้ประมาณสิบห้านาทีแล้ว
ผมอยากบอกเลยว่าหนาวมากกกก คือแบบมากๆผมใส่แค่เสื้อยืดแขนสั้นนะส่วนมันเชิ้ตพับแขน
ผมเลยกอดอกเอาไว้ มันดึงเอามือผมไปจับไว้ คือใช้สองมือมันกุมเอาไว้เลย
ผมอายเป็นนะรีบหันซ้ายหันขวานึกได้ว่าอยู่ในโรงหนังนี่หว่าคือมันก็มืด
“ยิ้มเหี้ยไรอีก”
อะไรวะยิ้มในที่มืดๆยังเสือกมาเห็น ผมก็แค่นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาใครจะไปเชื่อว่ามันจะไปช่วยผมกับแม่ที่ร้านแล้วยังไปกินข้าวกับพวกเราที่บ้านเล็กๆของผมอีก
“ผมยิ้มกับหนังหรอก”
“หึ ไอ้หมาเพี้ยนเอ๊ย หนังน่ะนางเอกเขากำลังร้องไห้ มึงมานั่งฉีกยิ้มแบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยรึไง”
มันเลื่อนตัวเข้ามากระซิบ
โถ่เอ้ยคราวนี้ทำไมผมต้องรู้สึกอายมันด้วยวะทุกทีต้องเป็นมันอายผมนี่ ผมก็เลยเอนหัวเข้าไปกระซิบมันบ้าง
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
มันรีบหันมาถาม คงประมาณว่าแล้วแบบไหน
“ผมยิ้มกับหนังที่มีบางคนเจ้าแผนการอยากชวนผมมาดูทำเป็นไปช่วยงานแม่ผมถึงที่ร้าน
อดทนนั่งกินข้าวกับไข่เจียวที่พื้น ออกอุบายเพื่อพาผมกลับไปค้างด้วยที่ห้อง
แล้วในที่สุดผมก็มานั่งดูหนังด้วยที่นี่ ใครก็ไม่รู้เนาะพี่ โคตรเจ้าเล่ห์เล-”
“อื้อออออ” ผมพูดต่อไปไม่ได้ไอ้พี่เอย์แม่งบ้ามันกำป๊อปคอร์นที่วางอยู่ที่ตักมันยัดเข้ามาในปากผม
คุณคิดสภาพผมไม่สำลักก็บุญเท่าไหร่แล้ว พี่เอย์แย่จริง ๆ
ตอนนี้มันนั่งหัวเราะแล้วไม่สนใจผมอีกเลย
ขณะที่ผมคนนี้ต้องเคลียร์ป๊อปคอร์นในปากกว่าจะหมด
ขากลับคุณชายเป็นคนขับ
มันเลี้ยวเข้าปั๊มแล้วจอดลงแถวหน้าร้านกาแฟ
“เข้าไปไหม
หรือจะรอนี่”
“ผมง่วงอ่ะพี่
ขอรอที่รถนะครับ” มันยื่นมือมายีหัวผมนิดๆก่อนเปิดรถเดินลงไป ผมหลับตาลงคือง่วงนะวันนี้วิ่งช่วยแม่ทั้งวันเลย
ถึงจะปิดร้านเร็วแต่ก็คือเร็วขึ้นแค่ชั่วโมงเดียว
เออผมก็เพิ่งรู้นะว่าพี่ขมกับแม่เหนื่อยมากแค่ไหน เมื่อก่อนตอนผมเป็นเด็กมาช่วยแม่ขายแบบนี้ไม่เห็นเหนื่อยเลยหรือเพราะเดี๋ยวนี้ลูกค้าแม่เยอะขึ้นเพราะแม่ขายหลากหลายขึ้นก็ไม่รู้นะ
RRRRRR
RRRRRRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกผมออกจากภวังค์ความคิด
ผมมองหาต้นเสียง โทรศัพท์พี่เอย์วางอยู่แถว ๆ เกียร์ ผมเลยก้มดูใกล้ ๆ
‘นานะ’
รูปมันกับผู้หญิงสวยๆคนนั้นในชุดนักศึกษาที่ถ่ายแนบแก้มกันอีกแล้วนี่หว่า
ไหนๆดูซิโหเธอสวยจริงว่ะ โคตรสวยเลยแต่งหน้าเต็มมาก
ผมก็นึกไปว่าผู้หญิงคนนี้ใครวะทำไมโทรหาพี่เอย์บ่อยจังผมว่าผมเห็นหลายครั้งแล้วนะ
แต่ที่จำได้แม่นคือวันนั้นที่พี่เอย์ปัดมือผมออกแล้วเดินเลี่ยงเข้าไปคุยในห้อง
แสดงว่าคนนี้ต้องสำคัญ เพราะก่อนหน้านั้นมีผู้หญิงโทรเข้ามันยังให้ผมรับแทนได้ แต่สายนี้ไม่ใช่เลย
ท่าทางมันรีบพุ่งเข้ามารับด้วยซ้ำ
RRRR
RRRRRRRR
ผมปล่อยให้สายตัดไปเอง
สักพักไลน์มันก็เด้งขึ้นมา ยัยนานะคนเดิมของมัน
‘นาได้วันกลับแล้วนะเอย์
เครื่องลงสุวรรณภูมิเสาร์หน้าสิบโมงเอย์มารับนานะคะ
นาคิดถึงเอย์นะ เอย์ดีใจไหมที่เราจะได้เจอกันอีก ดึกๆเดี๋ยวนาโทรหา’
ผมมองไปที่หน้าร้านเห็นมันยังไม่เดินออกมาสงสัยคนเยอะ
ผมเลยถือวิสาสะหยิบมือถือมันขึ้นมาดู เธอส่งรูปมาให้มันด้วยนะ เป็นรูปที่ถ่ายกับหมาน้อยขนยาว
ๆ สีขาวน่ารักมากๆ คือสวยทั้งคนทั้งหมาว่างั้นเลย ผมมองไปที่หน้าร้านอีกครั้ง
มันก็ยังไม่ออกมาอีก
ขณะในใจคิดลูกช้างจะบาปป่ะวะขอแอบดูมือถือว่าที่สามีคงไม่เป็นอะไรมั้ง
แต่นิ้วผมโคตรเร็วคือมันทั้งจิ้มทั้งเลื่อนไปที่ประวัติการโทรเข้าโทรออกแล้วเรียบร้อย
“เหี้ย!” ผมอุทานเบา
ๆ
ทันทีที่เห็นว่าสองสามอาทิตย์มานี่พี่เอย์คุยโทรศัพท์กับผู้หญิงคนนี้เกือบทุกคืน
เวลาประจำคือตีสามนิดๆ เธอเป็นฝ่ายโทรมาหามันตลอดเลยนี่
มีแค่สองครั้งที่พี่เอย์โทรไปก่อน หืมม อะไรกันวะเธออยู่ประเทศไหนกัน แล้วพูดว่าจะกลับเสาร์หน้าให้พี่เอย์ไปรับที่สุวรรณภูมิแบบนี้ต้องอยู่ต่างประเทศแน่นอนอยู่แล้ว
เหี้ยเหอะแล้วคุยห่าไรกันทีนึงเป็นครึ่งชั่วโมงค่าโทรแม่งไม่บานตะไทไปถึงไหนเหรอวะ
โง่เนอะทำไมไม่ใช่แอปมือถือช่วยวะ เฮ้ย มือผมเลื่อนไปที่แทงโก้ทันที
พี่เอย์แม่งกูว่าแล้วมันไม่โง่หรอก ยัยนานะวีดีโอคอลคุยกับมันเกือบทุกวันเลยนี่หว่า
มันจะคุยเห้อะไรกันนักหนาวะ
-ตึ๊งนึง-
ผมสะดุ้ง
คราวนี้เป็นไลน์ผมดัง ผมรีบวางมือถือมันไว้ที่เดิม
แล้วรีบควักเอาโทรศัพท์ผมขึ้นมากดดู เป็นบุ๋มที่ไลน์เข้ามาหา บุ๋มไปเที่ยวชะอำเมื่อสองวันก่อนเลยส่งรูปมาให้ดู
จริง ๆ ผมเลยตอบกลับไปว่าขี้เหร่มาก วันหลังถ่ายมาแต่หาดทรายนะ
บุ๋มรีบเด้งข้อความเข้ามาเป็นอีโมเชือดผมทิ้งทันที จริง ๆ ผมกับบุ๋มเราเหมือนเพื่อนกันมากกว่านะ
ถึงจะเคยมีเรื่องอย่างว่ากันแล้วแต่ระหว่างเราคือชิลด์มากใครจะมีแฟนหรืออะไรยังไงเราไม่เคยว่ากัน
ผมเองก็รู้บุ๋มไม่ได้มีผมคนเดียว
ขณะที่บุ๋มเองก็รู้ผมก็ไม่ได้มีบุ๋มคนเดียวเช่นกัน เหมือนกับเรามีความรู้สึกดี ๆ
ให้กันในเชิงเพื่อนอะไรแบบนั้นมากกว่า แล้วยิ่งมารู้จักกับพี่เอย์ผมห่างกับบุ๋มเลยขนาดตอนงานวันเกิดบุ๋มกำลังจะได้ป่ำปั๊มกันแล้วอิพี่เอย์แม่งโทรมาขัดความสุขกันเสียได้
ตังแต่นั้นคือยังไม่ได้เจิดกับใครว่างั้นเถอะ
“นานป่ะ”
มันเข้ามาแล้วยื่นให้ผมแก้วนึง “อ่ะ โกโก้ร้อน”
“พี่ทำไมของผมเป็นแบบร้อนล่ะ”
เออผมชอบกินเย็น ๆ นะผมชอบเคี้ยวน้ำแข็งเล่น
“อือ
กูเห็นมึงหนาวในโรงหนังน่ะ กินอันนี้ไปก่อนเดี๋ยวกลับไปถึงห้องมึงอยากกินน้ำแข็งกินไอติมก็ค่อยซื้อขึ้นไปกิน
เล่นอะไรคุยกับใครอยู่น่ะ”
มันยื่นหน้าเข้ามาดูมือถือผมที่วางอยู่ที่ตัก
ผมกำลังเป่า ๆ แก้วโกโก้ เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้มือถือมันสายเข้าจะบอกมันดีไหมวะ
“พี่เอย์เมื่อกี้มีคนโทรเข้ามาแน่ะพี่
เครื่องพี่น่ะ” มันหันมองผมแล้วหยิบมือถือขึ้นไปกดดูทันที
ผมสังเกตนะมันชักสีหน้านิด ๆ แล้วเปลี่ยนที่วางมือถือไปไว้อีกฝั่งเลย
“แฟนพี่เหรอ
สวยจังนะครับ” คุณเชื่อไหมครับผมแกล้งถามไปด้วยหน้าตาทะเล้น ๆ
แบบนั้นแต่ในใจนี่ปวดหนึบเลยนะ มันหันมามอง
“เปล่า แฟนกูไม่สวยเลยหน้าเหมือนลูกหมาขี้เหร่มากอ่ะ”
“เอาจริงๆดิพี่
ไม่เล่น เธอเป็นแฟนพี่เอย์เหรอครับ” มันหันขวับมาหาผมทันที
“อย่าพูดคำนี้ให้กูได้ยินอีกนะถ้าไม่อยากให้เราต้องทะเลาะกัน”
เออก็แล้วเธอเป็นใครล่ะวะคุณมึงก็อธิบายให้กูฟังเร็วเข้าดิ่
“พี่เอ- // แค่เพื่อน เขาเป็นเพื่อนกู” มันบอกมาแค่นั้น ผมเลยไม่อยากซักต่อ
ผมค่อยๆจิบโกโก้ร้อนของผมทีละนิด
“บุ๋มก็เป็นแค่เพื่อนผมเหมือนกันพี่”
ผมพูดพึมพำคิดว่ามันคงจะไม่ได้ยินหรอก แต่พี่เอย์ปรายสายตามองมาด้วยนะมันยื่นมือมายีหัวผมเบา
ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ขณะที่รถเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ ผมก็นึก แค่เพื่อนของมันกับแค่เพื่อนของผมความหมายจะแตกต่างกันมากมายป่ะวะ
ถ้ายัยนานะอะไรนั่นเหมือนกับบุ๋มแล้วมันกับเขาจบกันแล้วตั้งแต่มันตกลงจะคบกับผม
แบบนั้นผมก็ไม่มีอะไรต้องคิดมากหรอก ใคร ๆ ก็เคยมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น
ขอแค่อดีตนั่นไม่มารบกวนปัจจุบันของผมและมันมากจนเกินไปก็พอ
เรามาถึงห้องกันเกือบหกทุ่ม
ผมเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนเลยนี่นา
เออทำไมผมไม่หยิบจากที่บ้านติดมือมาด้วยวะเนี่ย ผมเดินเข้าไปในห้องมันว่าจะไปขอยืมผ้าเช็ดตัวอาบน้ำสักหน่อย เห็นพี่เอย์กำลังถอดทุกอย่างของมันออกแล้วคงกำลังจะเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
“พี่เอย์ผมไม่มีผ้าเช็ดตัวพี่”
“ในตู้เยอะแยะมึงเลือกหยิบเอาดิ”
มันใส่แค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนั่งลงที่เตียง
“ผืนไหนก็ได้นะพี่”
“อือฮึ”
ผมก็ก้มลงหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้ คือตู้เสื้อผ้าคุณชายยาวจนเต็มพื้นที่ห้องนะครับ
แล้วไอ้ตรงที่วางผ้าเช็ดตัวนี่คือตรงกับบริเวณที่มันนั่งอยู่ที่เตียงพอดี ตาผมดันมองไปที่กระจกซึ่งสะท้อนภาพของมันที่นั่งสบาย
ๆ อยู่ที่เตียง พี่เอย์กำลังนั่งจ้องผมที่กำลังก้มหาผ้าอยู่ คือสายตามันหื่นมาก
มองที่ก้นผมอ่ะบอกเลย นี่ผมไม่ได้ทะลึ่งนะ ผมเลยรีบหยิบรีบจะเดินออกไป
“อ่ะนี่เสื้อ”
มันยื่นส่งให้เหมือนรออยู่แล้ว เป็นเสื้อเชิ้ตชุดนอนของมัน ตัวใหญ่มาก ผมเดินเข้าไปหาแล้วรับมาไว้
“กางเกงอ่ะพี่”
“กางเกงไม่ต้องใส่กูขี้เกียจถอดให้มึงอีก”
มันเงยหน้าบอก
“อ๊ะ จะถอดทำไมล่ะครับ”
ผมโพล่งออกไปมันมองตาเขียวปั๊ดเลยหน้านี่งองุ้มลงแล้ว พี่เอย์แม่งนิสัยเสียว่ะ
ทุเรศที่สุดจะให้คนใส่แต่เสื้อไม่ใส่กางเกงนอนมันจะอุบาทว์เกินไป
“อะ...ดะ...เดี๋ยวผมใส่กางเกงผมนอนก็ได้”
พอดีแหละวันนี้ใส่กางเกงยืดมาพอดี ผมรีบจะเดินออกคุณชายรีบดึงแขนไว้
ผมไม่อยากหันไปมองหน้ามันเลยให้ตายเหอะ หน้าตาแม่งอ้อนฉิบหาย
“พี่เอย์ครับผมจะออกไปอาบน้ำ”
มันยังไม่ยอมปล่อย ผมแอบๆมองหน้ามันหน้านี่ยังงออยู่เลย
ฮึ่ยยจะอะไรกับผมกันนักกันหนาวะต่างคนต่างอาบแล้วมาเจอกันบนเตียงแค่นั้นยากนักหรือไง
มันรั้งเอวผมเข้าไปแล้วกดหัวผมให้ปลายจมูกผมอยู่ที่หัวมันพอดี ผมก็งง
พี่เอย์แม่งทำไรวะ
“เหม็นไหม” อ้อให้ดมผมดูนี่เอง
“แหวะเหม็น”
จริง ๆ คือไม่เหม็นเลยนะผมแกล้งมัน
พี่เอย์หอมไปทั้งตัวถึงเหงื่อแตกแค่ไหนก็ไม่มีเหม็น คึคึ
ผมเคยแอบๆดมเสื้อผ้าใช้แล้วของมันด้วย หอมมากๆ
“อือมันเหม็นไง
เดี๋ยวจะลงไปให้ข้างล่างเข้าสระให้ดีกว่า”
“หกทุ่มนี่นะพี่”
พูดไรของมันวะ
“อือ
เขาปิดแล้วไง ทำไงล่ะที่นี้”
“พี่ก็สระเองดิ
จะยากเหรอราดๆถูๆแค่นั้นก็จบแล้ว ง่ายมาก” ผมทำท่าทางตลกๆให้มันดู
ก็ตลกมันนี่คิดอะไรจะไปสระผมที่ร้านดึกๆแบบนี้
“สระเองแชมพูเข้าตา
กูทำไม่เป็น”
เหอๆ
กูเชื่อก็ปัญญาอ่อนแล้ว อิพี่เอย์แม่งเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เจ้าแผนการใส่ทั้งผมทั้งแม่
ผมผลักมันออกทันทีกำลังจะเดินหนีออกมาข้างนอกมันดึงผมเข้าไปกอดเลย
“อ๊ะ
พี่เอย์”
“ไม่สระให้กูจะปล้ำมึงตรงนี้เลย”
“เย้ยยยได้ไงเล่า
ยังไม่ครบสามเดือนเลยเหอะ”
“งั้นมึงก็สระให้กูดิ
ไม่เห็นเป็นไรเลยเห็นก็เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ยังจะมีอะไรต้องอายกูอีก”
คราวนี้เป็นผมที่หน้างอ
ก็ดีอยู่หรอกได้สระผมให้แฟนแต่กลัวมันจะขึ้นแล้วจับผมกดน่ะสิเลยไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้
“เอาน่ากูสัญญาแล้วไม่ทำหรอกถ้ามึงยังไม่พร้อม
ก็แค่สระผมเอง”
ตอนนี้ผมเลยได้มานั่งอยู่ที่ขอบอ่างขณะที่คุณชายนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วเอนหัวหลับตาพริ้มให้ผมสระผมให้มันอยู่
ผมระมัดระวังเป็นพิเศษเลยนะเกิดมานี่แหละที่เพิ่งเคยสระผมให้คนอื่นเป็นครั้งแรก
พี่เอย์เอื้อมมาดึงมือผมไปจูบลงเบา ๆ
“ปิงกูโอนเงินให้มึงน้อยไปรึเปล่าได้เช็คดูบ้างไหม”
“ไม่น้อยหรอกครับ
พี่เอย์ให้เยอะเกินไปด้วยซ้ำ” คือมันไม่เคยจะนับหรอกผมมาผมไม่มาวันไหน
คุณชายเล่นโอนเงินเป็นก้อนให้ผมเลย
“ทำร้านให้แม่ใหม่ดีไหม
เดี๋ยวกูออกแบบออกเงินให้ ที่ตรงนั้นน่ะเช่าเหรอหรือว่าของตัวเอง”
“พี่เอย์ครับ”
ผมรีบขัด คือผมเข้าใจนะพี่เขาถามอย่างคนรวยจริง ๆ
ที่ดินในกรุงเทพแบบนั้นถึงจะเป็นห้องเล็กๆแต่ก็ไม่ใช่ราคาถูกๆนะครับ
แม่ผมเมื่อก่อนเข็นรถขายใช่ไหมตอนนี้มีร้านเล็กๆที่เจ้าของเขาแบ่งให้เช่าแม่ก็ดีใจมากแล้ว
“ปิง?”
“เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกนะครับ
ผมรู้พี่เห็นผมกับแม่วันนี้แล้วคงรู้สึกว่าอยากจะช่วยอะไรบ้าง แต่คือเราสามคน ผม
แม่ พี่ขม เราอยู่ของเรามาแบบนี้ใช้ชีวิตในแบบนี้ของเรา พวกผมมีความสุขดีครับ
ขอบคุณพี่เอย์มากที่นึกถึงกัน แต่ถ้าพี่รักผมกับแม่จริง ๆ
อย่าพูดเรื่องจะออกค่าใช้จ่ายอะไรนั่นอีกนะครับ
ผมขอ”
มันเงยหน้าขึ้นมองคงกลัวผมโกรธแต่ผมยิ้มบางส่งให้ ผมเริ่มใช้ฝักบัวล้างฟองแชมพูให้อย่างระมัดระวัง
พี่เอย์คงรู้ว่าครั้งนี้ผมจริงจัง
มันจูบมือผมเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้งจูบเสร็จเอาไปแนบไว้ที่แก้มอีก คุณรู้ไหม การสระผมให้คนโดยใช้มือแค่มือเดียวนี่มันโคตรของความลำบากเลย
พี่เอย์มันทำไมไม่นึกบ้าง ผมต้องดึงมือออกมาเพื่อจะเกลี่ย ๆ ล้างๆผมให้มัน ตอนแรกคุณชายไม่พอใจนะตอนผมดึงออกน่ะ
ไปๆมาๆตอนนี้นอนแหงนคอหลับตาพริ้มเลย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมเดินออกมาจากห้องน้ำปล่อยพี่เขาอาบน้ำต่อ
ผมเองก็ออกไปอาบของผมเหมือนกันกลับเข้ามาตัวมันนอนรออยู่แล้วเรียบร้อย บนเตียง
ห้องทำไมถึงหนาวแบบนี้วะเนี่ย
ผมห่อไหล่ย่นคอทำท่าหนาวมาก มันยิ้ม
“ปิดไฟเลยไหมพี่”
ผมถามมันอย่าคิดนะว่าผมจะเดินเข้ามาหยิบหมอนแล้วทำท่าจะออกไปนอนที่โซฟาข้างนอกเหมือนพระเอกนางเอกในนิยาย
ไม่เอาหรอกผมไม่สุภาพบุรุษขนาดนั้น ผมมีแฟนก็ต้องมีสิทธิ์นอนกอดแฟนผมดิ่
แค่กอดเฉยๆเหอะอย่าคิดอะไรมากไป
พี่เอย์เอื้อมมือไปกระตุกเชือกเปิดโคมไฟหัวเตียงผมเลยปิดสวิทไฟนีออนลงตอนนี้ทั้งห้องเลยเปลี่ยนเป็นแสงไฟสีส้มอ่อน
ๆ จากโคมไฟผ้าสวย ๆ แทน
ทำไมเห็นมันยิ้มร้ายแปลกๆวะ
“ปิง”
มันเรียกขึ้นเสียงนี่พร่าต่ำมาก ผมกำลังจะเดินเข้าไปที่เตียง
“เต้นให้กูดูหน่อยดิ”
หือออ
“เต้นยั่ว ๆ
เต้นแล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาหากูนะ”
เหี้ยเหอะ! ไอ้พี่เอย์ประสาทสุดๆเลย
ผมรีบวิ่งปรู๊ดขึ้นไปนอนข้างมัน ห่มผ้าคลุมโปงมิดชิดเอาให้แน่นที่สุด
จะบ้าหรือไงคุณคิดดูนะผมใส่แค่เสื้อชุดนอนยาว ๆ ของมันส่วนกางเกงก็แค่บ็อคเซอร์ตัวสั้น
ๆเก่าๆของผมไม่พ้นชายเสื้อเลยด้วยซ้ำ จะให้ไปเต้นโชว์แบบนั้นมันก็เหมือนอ่อยมันอ่ะดิ่
เออถ้ามันลุกขึ้นเต้นแล้วผมนอนดูนั่นคืออีกเรื่อง
“ปิง”
“พี่ดิ่เต้น”
“ปิงครับ”
“ไม่อ๊าวววว”
พี่เอย์ดึงแขนผมเข้าไปหามัน นี่มันสอดมือเข้ามาใต้ผ้าห่มโคตรเร็วอ่ะ
ผมขืนตัวไว้แต่คุณคิดว่าจะสู้มันได้ไหมล่ะครับ เราสู้กันสุดฤทธิ์
“อย่าดื้อสิวะ
มึงนี่” ใครจะยอมมันง่าย ๆ ผมก็มีมือมีตีนเหอะ
“ไหนพี่สัญญาแล้วไง
สามเดือนของเรา”
“แล้วกูจะทำอะไรมึงที่ไหนเล่า
ไหนบอกแค่ถูไถภายนอกได้ไงล่ะ จะผิดคำพูดกับกูเหรอ”
“แต่วันนี้ผมง่วงแล้ว
ฮ้าวว” ผมแกล้งหาว อะไรวะตอนนี้ตัวผมทำไมมานอนคร่อมมันไว้อีกแล้ว
มันกระชากผ้าห่มเหวี่ยงทิ้งไปที่พื้น สองมือจับเอวผมไว้แล้วดึงตัวผมขึ้นมาจูบ
“อะ..อื้มม พี่เอย์” ผมเบี่ยงหน้าออก มันจ้องผมนิ่งเลยสายตาคือหื่นมาก
“มึงนอนเฉย ๆ
เดี๋ยวกูทำเองก็ได้ แค่ภายนอกกูสัญญา” มันว่าแล้วพลิกตัวผมลงมาที่ด้านล่าง
ผมงี้ใจเต้นตึกตักเลยสิ
อะไรวะเคยคิดว่าจะบุกมันก็ตั้งหลายครั้งแต่ฝีมือคนเราต่างกันจริง ๆ
พอผมมาอยู่กับมันบนเตียงผมกลายเป็นลูกหมาน้อย ๆ ไปเลย
“อืมม ปิง~” นี่คือเสียงโทนต่ำที่มันเรียกผมนะครับ
กระซิบอยู่ที่ข้างหูเลย ผมนี่นอนเกร็งไม่กล้าขยับเลยนะ กลัวมันจะพีคมากกว่าเก่า
พี่เอย์โคตรของความหื่นมันจูบที่หลังคอผมจูบไล่ต่ำลงไปทั้งหลังผ่านเสื้อนอนบาง ๆ
สอดมือลูบไล้ทุกสัดส่วนขณะที่ส่วนล่างของมันโยกขึ้นโยกลงถูไถ
ตายๆกูตายของผมแม่งตั้งแล้ว
“อะ อืมม...”
เสียงมันคำรามขณะผมจิกผ้าปูที่นอนแน่นไม่ใช่ว่าเสียวหรืออะไร แต่ข่มใจรอให้มันเสร็จ
พี่เอย์แม่งเหี้ยสุดมันล้วงมือเข้าไปในบ็อคเซอร์ผมแล้ว
ผมคนนี้ที่กำลังข่มใจนับหนึ่งให้ถึงร้อยแต่นับวนได้อยู่แค่สิบ ว่าแล้วก็เริ่มที่ศูนย์ใหม่อีกแล้ว
“อ๊ะ!” ผมสะดุ้ง
อารมณ์เริ่มมา มันทั้งกอดทั้งจูบไซร้ผมอยู่ที่ด้านหลังเสียงลมหายใจดังสะท้อนอยู่ริมหูเลย
ผมชักเคลิ้ม เสียงครางของมันแม่งเร้าอารมณ์แบบสุดๆ ผมเลยหลับตาลงแน่นคืออารมณ์มันไปแล้ว
มือหนาของมันเลื่อนเข้ามาบดบี้ที่ยอดอกขณะที่อีกมือกำลังปรนเปรอให้ผมอย่างไม่มีตก
“อะ...อืออ~” ผมจิกผ้าปูแน่นในสมองตอนนี้ไม่คิดเห้ไรแล้วคือโคตรจะสุข
เรานอนตะแคง มันซ้อนหลังผมอยู่ มันเลื่อนมือเข้ามาจับมือผมไปสัมผัสที่น้องชายมัน
ผมรู้งานสิครับ มันทำให้ผม ผมก็ต้องทำให้มัน
“ปิง....”
เสียงมันกระซิบแผ่วเรียก ผมหลับตาแน่นคือรอให้ทุกอย่างลงตัวเราทั้งคู่กำลังจะไปถึงจุดสูงสุดนั้นแล้ว
มันดูดต้นคอผมแรงมากก่อนที่ผมจะทนอีกไม่ไหวปล่อยออกมาจนเลอะมือมันไปหมด
“อ่าา...”
พี่เอย์กำลังพีคขึ้นจนเกือบจะสุดแล้วผมรู้สึกได้จากมือที่กำลังทำให้มันคือลูกชายมันร้อนผ่าวมากและแข็งมาก
แล้วมันก็เกร็งตัวแบบมากๆ ผมเลยเร่งจังหวะให้อย่างรู้งานหลับตารอฟังเสียงมันครางออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
แต่คุณรู้ไหม...คำพูดที่มันปล่อยออกมาพร้อมกับลูกชายมันอีกเป็นล้านตัว
แทบทำให้ผมเป็นลม ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
พี่เอย์กระซิบท่วงทำนองนี้....
…..You’re my everything
Forever and the day I need you close to me.
….You’re my everything
You never have to worry never fear for I am near.
เสียงทุ้มแผ่วของพี่เอย์เพราะมาก.....
ผมหลับตาฟังถ้อยคำหวานรื่นหูที่มันกำลังกระซิบท่วงทำนองไพเราะจนจบท่อน ผมรู้นะว่ามันเป็นเพลงรักร่วมสมัยที่โด่งดังมาก
ไม่ค่อยเข้าใจความหมายนักหรอกแต่เพลงมันก็ซึ้งดี
พี่เอย์ร้องจบลงแล้ว ปิดท้ายด้วยคำพูดหวานชื่นที่แม้แต่เด็กประถมก็ยังเข้าใจ
“....love you ”
เลิฟยู!!
มันพูดว่าเลิฟยู!!!!!!
...รักมึง...
คำเดียวกันป่ะวะ??!!!
นี่กูโง่ขนาดคำนี้ก็ยังต้องแปลอีกเหรอ???
เนื้อเพลงเหรอมึงไอ้ปิง สติๆ คือเพลงนี้มันมีคำนี้ด้วยเหรอวะ????
“พี่เอย์”
ผมมองหน้ามันนิ่งคงเรียกชื่อมันแบบเบลอๆแหละผมว่า
คืออยากจะถามว่าไอ้คำสุดท้ายที่พูดนั้นมันมีในเนื้อเพลงนี้ด้วยเหรอ พี่เอย์ลูบหัวผมแล้วจูบลงที่เปลือกตาเบา ๆ ก่อนลุกขึ้นแล้วใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้เปื้อนดึงผมให้ลุกตามขึ้นมา
มันพาผมไปล้างมือในห้องน้ำ
“พี่เอย์ครับคือเพลงเมื่อกี้มันมี.....
โอ๊ยย” มันตีหน้าผากผมเบา ๆ ดักทางคำพูดผมไว้
“อย่าถามมาก นั่นน่ะกูละเมอหรอก”
เหรออออออออ
นั่นคือละเมอของพี่จริงเหรออออออออ?????
หว๋ายยยแบบนี้จะปล่อยให้มันไปละเมอที่อื่นได้เร้อ
>///<
คืนนั้นพี่เอย์นอนกอดผมไว้แน่น
หน้ามันแดงมาก กว่าจะปกติคือคุณชายเกือบจะหลับนั่นแหละ
ผมคนนี้สิที่หน้าบานจนจะเต็มเตียงแล้วเนี่ย คึคึ ในที่สุดผมก็ได้คำนี้จากมัน
ถึงจะแปลกๆไปหน่อยที่ไม่ใช่ภาษาไทย แต่ช่างดิ่ ผมแนว ผมเข้าใจ ผมชอบ เดี๋ยวจะไปเสิร์ชดูว่าเพลงนี้มันมีไอ้คำว่าเลิฟยู้วววรึเปล่า ^_^
เราหลับกันไปทั้ง
ๆ อย่างนั้น ผมสะดุ้งรู้สึกตัวอีกทีคือหนาวมาก
ขยับผ้ามาห่มเลยนึกได้ว่าไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องตัวเองนี่หว่า
ผมเลยเอื้อมมือไปว่าจะกอดมัน แต่ก็ต้องรีบลืมตา คือไม่มีพี่เอย์นอนอยู่ข้างเลย
ที่นอนคือว่างเปล่ามาก ผมรีบลุกขึ้นนั่งขยี้ตานิดหน่อย มองดูที่ห้องน้ำไม่มีแสงไฟลอดออกมาผมลุกขึ้นเดินมองหามันกลัวว่าจะเป็นอะไร ในห้องน้ำไม่มีจริงด้วยผมเลยเปิดออกมาข้างนอก
Tbc.