# 8
ห้าวันแล้วนับจากวันนั้นที่ผมไม่ได้แวะไปที่ห้องพี่เขาอีกเลย
พี่เอย์เองก็เงียบหายไป.......
“ลูกพี่!” ผมสะดุ้ง
ไอ้บาสเรียกผมอย่างดังมันตบลงมาที่ไหล่ จนปลุกผมออกจากภวังค์ความคิดทุกอย่าง
“เป็นไรอ่ะ
นั่งเหม่ออีกแล้ว”
“เออช่วงนี้แปลกๆนะมึง
เหม่ออยู่เรื่อยเลย” ไอ้วุฒิเสริมขึ้น พวกเรามาเตะบอลกันที่เก่าเวลาเดิมค่ำ ๆ
แต่ผมออกจากสนามมาก่อน
“เห้อ กลุ้มว่ะแม่ง”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนทิ้งตัวนอนลงที่สนาม พื้นหญ้าเย็น ๆให้ความรู้สึกว่าแผ่นหลังชื้นแปลก
ๆ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยด้วยสิ
“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกกันดิ่
ผมว่าตั้งแต่ลูกพี่ไปทำงานกับคุณพี่เอลิซ่าอะไรนั่นนับวันลูกพี่แปลกไปยังไงไม่รู้
ชอบเหม่อ”
ไอ้บาสก้มลงมาดูผมที่นอนดูดวงดาวบนท้องฟ้า
มันอายุน้อยกว่าผมและไอ้วุฒิหนึ่งปีเพราะงั้นมันจึงแทนตัวเองและเรียกผมเป็นลูกพี่เสมอ
“เขาชื่อพี่เอย์เว้ย
เอย์เฉย ๆ ไม่ใช่เอลิซ่า”
“ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
เหมือนกันตรงไหนวะ นี่ไอ้พวกนี้มันยังคิดว่าพี่เอย์เป็นผู้หญิงอยู่อีก?
คึคึ ผมคิดแล้วขำหน่อย ๆ
“นั่นแน่ยิ้มแล้ว
แสดงว่าคิดถึงพี่สาวคนนั้นจริงดิ่เนี่ย แหมๆแล้วมาเตะบอลกับพวกผมได้ทุกวัน แสดงว่าไม่ได้ไปหาพี่เอย์คนสวยหลายวันแล้วสินะ”
“เป็นอะไรมึง
กลุ้มเรื่องอะไรนักหนา” ผมไม่สนใจเสียงนกเสียงกาของไอ้บาสเลย
แต่พอไอ้วุฒิก้มลงถามผมเท่านั้นแหละ ทำให้ผมต้องฉุกคิด วุฒิเป็นคนไม่ค่อยพูด
เห็นท่าว่าครั้งนี้ผมคงทำหน้าจ๋อยเกินไปจริง ๆ เล่นเอามันถึงกับออกปากถามมาแบบนี้
“ไอ้พวกตัวดีมึงฟังกูนะ”
ผมลุกขึ้นนั่งตัดสินใจบางเรื่อง หันมามองพวกมันสองคน
ท่าทางมันตั้งอกตั้งใจมากเหมือนอยากรู้ว่าผมกำลังจะพูดเรื่องอะไร
“ตอนนี้กูกำลังคิดว่าตัวเองอาจจะกำลังถูกรัก”
“หืมม”
มันสองคนหืมออกมาพร้อมกัน
“นั่นแหละที่กูกลุ้มอยู่”
“กับใครอ่ะพี่ ใคร?
ใครที่มันบังอาจมารักพี่ปิงของพวกผม โอ๊ยยย!” ผมโบกหัวมันไปที หนอย ๆ ใช้คำว่าบังอาจได้ไงวะไอ้บาสนี่
มีคนมารักกูก็ดีแล้วไม่ใช่ไง
“มึงฟังดี ๆ” คราวนี้ผมกระซิบ
พวกมันเลยพลอยยื่นหัวลงมาสุม ๆ กันเพื่อรอฟัง
“กับพี่เอย์นั่นแหละ”
“ห๋า!!!!!!” แม่งทำหน้าตาตื่นทำไมวะไอ้พวกลูกสมุน ไม่ใช่แค่มึงที่ตกใจหรอก
แต่กูนี่ตกใจยังลงไม่ได้มาห้าวันแล้ว
“มึงรู้ได้ยังไงปิง”
เป็นไอ้วุฒิถามขึ้น ไอ้ห่านี่วันดีคืนดีมันก็เรียกผมว่าลูกพี่
แต่ถ้าวันไหนมันจริงจังมันจะเรียกผมว่าปิง ท่าทางวันนี้มันซีเรียสแล้ว
“กูรู้ดิ่
กูถามมาแล้ว”
“เห้ย!!!!” อีกครั้งแล้วที่มันเห้ยขึ้นมาพร้อมกัน
“แล้วพี่เขาบอกว่าชอบมึง?”
ไอ้วุฒิ ไอ้กืก มึงนี่มันถามจี้ใจดำกูอีกแล้ว
“เปล่า เขาบอกว่า ไม่-ได้-ชอบ”
“อ่าวววววววววววววววววว”
ดู๊ดูมัน สองตัวพร้อมใจกันอ้าว เบะปากหันไปคนละทิศคนละทางโห่ผมอ่ะ
“กูถึงได้นั่งกลุ้มอยู่แบบนี้ไง”
“ยังไงอ่ะ
งงๆนะลูกพี่” หมาบาสมึงนี่มันก็ฟังกูให้จบก่อนดิวะ
“กูว่าพี่เขาแปลก
ๆ ว่ะ บอกไม่ได้ชอบแต่การกระทำอะไรพวกนั้นมันไม่ใช่ไง
คือกูรู้ของกูแหละว่าพี่เขาชอบกูแหง” เรื่องจูบผมละไว้ไม่บอกพวกมันหรอกนะ
แค่นี้ท่าทางพวกแม่งตื่นเต้นมากแล้ว
“แบบนี้มันต้องพิสูจน์สิพี่”
ไอ้บาส ไอ้ตัวดีมึงคิดไม่ต่างจากกูเลย คึคึ
“กูกำลังคิดอยู่ว่าจะพิสูจน์ยังไงดี
แต่ตอนนี้คือยังคิดไม่ออก”
“ก็เลยนอนกลุ้มใจอยู่งี้น่ะเหรอ
หลบหน้าเขาด้วยป่ะเนี่ยรู้สึกว่าไม่ไปทำงานหลายวันแล้วนี่”
“.....เออ” ไอ้พวกแสนรู้
“แล้วพี่ชอบพี่เอย์เธอรึเปล่าล่ะ”
ไอ้บาสมันยังคิดว่าพี่เอย์เป็นผู้หญิงอยู่นะครับ
“ห๊ะ?
อะไรนะ” ผมได้ยินไม่ชัด ไอ้พวกในสนามแม่งโห่เฮอะไรกันไม่รู้
“ผมถามว่า
แล้วพี่ชอบพี่สาวคนนั้นเขารึเปล่า”
“ไม่รู้ดิวะ
แต่คิดว่านิด ๆ แล้วล่ะ มึงก็รู้กูก็เล่นไปเรื่อย ยังไม่รู้เลยไอ้คำว่าชอบแบบจริงจังมันเป็นยังไง
แต่ก็คิดว่าชอบล่ะนะ” คือผมเก็บเอาเรื่องพี่เขามาคิดขนาดนี้ผมว่าคราวนี้ผมอาการหนักอยู่นะ
ปกติกับสาว ๆ ถ้าผมชอบก็คือเดินหน้าจีบเลยไง ถ้าเขาชอบก็โอเคคบ ๆ กันไปแต่ไม่ได้จริงจังหรอก
เหมือนเคยบอกไปแล้วนะว่าผมเจ้าชู้ สาว ๆ น่ะดูง่ายถ้าเขาไม่ชอบเขาก็จะไม่มาทำดีแสดงออกอะไรต่าง
ๆ ให้ผมเข้าใจผิดหรอก แต่กับพี่เอย์มันแปลก คือคุณชายทำไมไม่เหมือนใครวะ
บอกว่าไม่ชอบแต่การกระทำมันไม่ใช่เลยไง แล้วยังมาจูบผมอีกแถมด้วยคำพูดแปลก ๆ ว่าไม่ได้ชอบ
ผมโคตรอยากถามอ่ะ พี่จูบกับคนที่ไม่ได้ชอบได้ด้วยเหรอวะ คือผมอาจจะซื่อใช่ไหม
แต่คือถ้าพี่ไม่ชอบผมอย่ามาทำอะไรกับผมงี้สิ
ผมเองก็มีหัวใจนะอ่อนไหวมากอยู่เหมือนกัน เห้อ
ผมเลยต้องมานั่งกลุ้มอยู่เนี่ย
“ชอบก็จีบสิครับลูกพี่
อะไรกันเรื่องจีบสาวนี่พี่ปิงไม่เห็นเคยต้องให้สอน ทำไมคราวนี้แค่เป็นรุ่นพี่เข้าหน่อย
หน้าเหวอหลายวันอยู่แบบนั้นเลย”
“ก็คนนี้ไม่เหมือนคนอื่นนี่หว่า”
“ยังไง”
“เขาสวย
เขารวย เขาแปลก (ที่สำคัญเขาเป็นผู้ชายอันนี้ผมไม่ได้พูด)....เหมือนดอกฟ้าเลยว่ะแม่ง
ถึงกูชอบพี่เขาแล้วกูจะกล้าเหรอ”
“โถถถถถถถถถถถถถถ
ลูกพี่ปิงช่างน่าสงสาร ริอ่านไปชอบดอกฟ้า เห็นเขาโน้มกิ่งลงมาเลยคิดจะเด็ดดมสุดท้ายเขาบอกไม่ได้ชอบซะงั้น
กร๊ากกกกก”
“ไอ้พวกเหี้ย!” ผมแจกคำสุภาพพวกมันไป แม่งพวกมันสองคนหัวเราะผมพร้อม ๆ กันอ่ะแถมไอ้วุฒิมันยังเอามือมาลูบหัวผมทำทีเป็นปลอบใจอีกต่างหาก
หน้าตาแม่งเสแสร้งกันทั้งคู่ ผมเลยแจกฝ่าพระบาทยันใส่มันไปคนล่ะทีโทษฐานพูดความจริง
คิดแล้วก็ตลกครับ
ไอ้พวกนี้มันคิดไปได้ว่าพี่เอย์เป็นผู้หญิง ผมเองก็พลอยเล่นไปกับพวกมันด้วย
ไว้โอกาสดี ๆ ผมจะบอกความจริงมันละกัน หึหึหึ
ฝนโปรยลงมาแล้ว
ผมยืนทำใจก่อนจะทาบคีย์การ์ดแตะลงไป
หลังเตะบอลเสร็จว่าจะตรงกลับหอเลย รู้สึกตัวอีกทีรถมอไซด์ผมดันมาจอดลงที่คอนโดหรูหรานี้เสียได้
คิดอยู่เหมือนกันว่าดึกไปไหม แต่ช่วยไม่ได้นะ ไหน ๆ ก็มาถึงแล้วขึ้นมาดูคุณชายเขาหน่อยแล้วกัน
ป่านนี้ห้องคงจะรกพี่แกอาจจะบ่นแย่แล้ว ผมหายไปหลายวันแล้วด้วย
♪ ♫ ♩
♫ ♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬
♪ จะเก็บเอาไว้ในวันที่จะเผยใจ รอวันนั้น
วันที่ฉันแน่ใจ
ว่าวันนี้เธอคิดว่าฉันนั้นใช่ และเธอพร้อมจะฟังความข้างใน ♪ ♫ ♩ ♫ ♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬
♪ ♫ ♩ ♫ ♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ จะบอกว่า
‘รัก’ ให้เธอได้ยินใกล้ๆ บอกความรักเธอได้หรือไม่
♪ ♫ ♩ ♫ ♫ ~ ถ้ายังไม่ชัดฟังอีกครั้งก็ได้ ได้ยินไหมว่า
‘รักเธอทั้งหัวใจ’
เสียงเพลงดังคลอเบา
ๆ ทันทีที่ผมผลักบานประตูเข้ามา เครื่องเสียงชั้นดีนี่ทำให้บรรยากาศของเพลงยิ่งดีขึ้นไปอีกนะผมว่า
ผมกวาดตามองหาเจ้าของห้องแต่ยังไม่เห็น ปกติดึก ๆ พี่เอย์จะชอบนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟามุมที่มองเห็นแม่น้ำแล้วก็กินโน่นกินนี่ไปด้วย
แต่วันนี้ทีวีไม่เห็นเปิด
มีแต่เสียงเพลงที่ดังขับกล่อมโอบล้อมบรรยากาศให้ดูอบอุ่น ผมเดินเข้าไปเงียบ ๆ ตกใจเหมือนกันที่เห็นว่าคุณชายนอนเงียบอยู่ที่โซฟา
มีหนังสือเล่มบาง ๆ กางปิดใบหน้าไว้ ผมยืนมองพี่เขานิ่งขณะคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาของเรา
วันนั้นเป็นผมเองที่ไม่ควรเอ่ยถามออกไปเลย
คุณเชื่อไหม...ใจผมตอนนี้ยังสั่นอยู่เลยนะ พี่เอย์บอกว่าไม่ได้ชอบผม คำว่า ‘ไม่ได้ชอบ’ โคตรจะดังกึกก้องอยู่ในหัวใจแต่อีกความรู้สึกคือ
แล้วพี่มาจูบผมทำไมวะ? คือถ้าไม่รู้สึกอะไรด้วยจริง
ๆ ช่วยอย่าทำอะไรให้มันคลุมเครือแบบนี้ดิ
ผมเดินเข้าไปใกล้ขณะในใจคิด
ถ้ายกหนังสือออกให้ พี่เขาจะรู้สึกตัวตื่นหรือเปล่าวะ หลังจากนั้นคือ
เราจะพูดอะไรกันเหรอ? แต่ร่างกายของผมไปไวกว่าความคิดมากจริง ๆ ผมดึงหนังสือเล่มบาง ๆออก ดีนะที่มันไม่รู้สึกตัวไม่งั้นคงได้ด่าผมเปิงไปแล้ว
ใส่แว่นด้วยเหรอเนี่ย
ผมไม่เคยเห็นพี่เอย์ใส่แว่นมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
สงสัยน่าจะใส่เฉพาะตอนอ่านหนังสือมั้งนะ ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นนี่มันก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบเหมือนกันเนาะ
ดูดีว่ะพี่ คึคึ นั่นคือสิ่งที่จุดรอยยิ้มของผมขึ้นมาได้อีกครั้ง
ผมอยากเอื้อมมือไปถอดแว่นมันออกมาวางไว้ให้อยู่หรอก แต่ถ้าทำแบบนั้นคิดว่าคงตื่นชัวร์ๆเลยคิดว่าไม่ดีกว่า
พี่เอย์เป็นคนสะอาด นี่คือเรื่องจริงนะครับ
ข้าวของเครื่องใช้ที่ผ่านตาตอนนี้ยังคงสะอาดสะอ้านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
แม้ว่าผมจะไม่มาหลายวันแต่ไม่มีอะไรระเกะระกะไม่เข้าที่เลย
ทุกอย่างยังคงสภาพเดิมเหมือนตอนที่ผมทำไว้ให้ไม่มีผิด ผมเดินไปที่ครัวมีแก้วน้ำใช้แล้วอยู่สี่ห้าใบ
ไม่มีจานอาหารใช้แล้ว อ่างล้างจานแห้งสนิทราวกับว่าไม่ได้ถูกใช้งานเลย พี่เอย์คงจะสั่งอาหารขึ้นมาทานทุกมื้อเพราะมีใบเสร็จค่าอาหารวางกองอยู่ที่โต๊ะเยอะมาก
ผมจัดการล้างแก้ว
เสร็จแล้วจึงดูเวลา ดึกมากพอสมควรไว้วันหลังผมจะมาใหม่ก็แล้วกัน พี่เขายังนอนนิ่งอยู่ที่เดิมขณะที่ผมเดินไปหยิบเอากระเป๋าขึ้นมาคาดใส่ไหล่
ให้ตายเหอะ
นี่ผมถือวิสาสะไปรึเปล่านะ รู้ตัวอีกทีผมก็หอบเอาผ้าห่มนุ่ม ๆ สีขาวที่คุณชายชอบใช้กอดนอนเป็นประจำออกมาห่มคลุมให้
ชายผ้าห่มตกลงมาที่พื้นเนื่องจากโซฟามันเตี้ยและก็แคบ เดี๋ยวตื่นมาจะโวยวายว่าผ้าห่มเปื้อนอีกไหมเนี่ย
แต่ช่างเถอะครับก็แอร์มันหนาวนี่ผมจะปล่อยให้คนนอนหลับอยู่ตรงนั้นแข็งตายได้ยังไงกันล่ะ
ก่อนออกไปผมเพิ่งสังเกตนะว่าเพลงที่มันเปิดค้างไว้ถูกรีเพลซ้ำไปซ้ำมาอยู่เพลงเดียวเลยนี่หว่า
ไหนลองฟังชัดๆดูซิ มันเพลงอะไรกันวะชอบนักหรือไง
.......จะบอกว่า ‘รัก’ ให้เธอได้ยินใกล้ๆ
บอกความรักเธอได้หรือไม่
ถ้ายังไม่ชัดฟังอีกครั้งก็ได้
ได้ยินไหมว่า ‘รักเธอทั้งหัวใจ’
คือผมไม่รู้ล่ะว่ามันจะเนื้อหาก่อนหน้านั้นเป็นอะไรยังไง
แต่หูผมได้ยินแค่ไอ้สี่ประโยคนี้นี่
ทำไมล่ะครับ ถ้าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองนี่ผมจะผิดมากเหรอ
คือตอนนี้ผมยิ้มจนแก้มแทบแตกอีกแล้ว
ประโยคสุดท้ายของเพลงนั่นมันอะไร????
RRRRR
RRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR
เสียงมือถือดังยาวเรียกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ปล่อยมันไว้ทำเป็นไม่ได้ยิน หลังกลับมาจากห้องคุณชายฝนโปรยมาตลอดทางหนาวก็หนาว
พอมาถึงผมอาบน้ำสระผมแล้วรีบเข้ามาซุกตัวนอนในผ้าห่มเลยสิ ปากนี่ยังสั่นอยู่เลยนะ
กำลังจะจมลงในห้วงฝันอยู่แล้วเชียว ใครวะ ดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้ยังจะโทรมาอีก
พลิกตัวไปอีกทาง
หลับตาปล่อยให้มันดังต่อไปอีกสักระยะนั่นแหละครับ ถึงจะเริ่มสอดไม้สอดมือควานหา
จำได้ว่าวางไว้ข้าง ๆ ตัวนะแต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมหาไม่เจอ มืดก็มืด ผมปิดไฟแล้วด้วย
ตกใจนิดหนึ่งตอนที่เห็นว่าเป็นสายใครที่โทรเข้ามา
เราไม่ได้คุยกันเลยเกือบอาทิตย์แล้ว...........พี่เอย์
“ครับพี่” ผมกดรับ
“.............................”
พี่เอย์เงียบไป โทรมาหาแล้วทำไมไม่พูดอะไรเลย
ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหนาวขึ้น ตอนนี้ปากยังสั่นอยู่เลยนะ ห่มผ้าจนถึงคอเลยขดตัวไว้งอๆให้เหมือนกุ้ง
“พี่เอย์
ฮัลโหลพี่ยังอยู่รึเปล่าครับ”
“เป็นอะไร” คุณชายถามขึ้นเรียบๆ
ท่าทางจะจับเสียงสั่น ๆ ของผมได้
“เปล่าครับ
ผมหนาวน่ะเมื่อกี้ตากฝน”
“.....................”
พี่เอย์เงียบไปอีกครั้ง
“พี่เอย์ครับ”
ผมก็เรียกมันอีก
“ทำไมมาแล้วมึงไม่เรียกกู”
เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบเลย นี่รู้เหรอว่าผมไป
จริงสิคงจะเห็นผ้าที่ห่มไว้ให้ล่ะมั้งนะ ช่วยไม่ได้ยังไม่อยากเห็นคนหนอนแข็งตาย
“ปิง”
“ครับ”
“นอนหรือยัง”
“ครับ กำลัง”
“พรุ่งนี้จะเข้ามาไหม”
“ว่าจะเข้าไปเย็น
ๆ น่ะครับ” พรุ่งนี้วันเสาร์ปกติผมจะไปห้องมันสาย ๆ แต่ไม่รู้อะไรดลใจจู่ ๆ ผมดันตอบว่าจะเข้าไปเย็น
ๆ ซะงั้น
“มึงอยู่ช่วยที่ร้าน?”
“อ่า ใช่ครับ”
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องเข้ามา”
“ห๊ะ?”
ตายห่าโกรธเหรอวะ ผมหายไปแค่อาทิตย์เดียว แหม่ ก็ต้องให้ผมปรับสภาพจิตใจบ้างดิครับเจอแบบนั้น
ผมคนนี้ไม่ใช่หน้าด้านหน้าทนนะ หน้าแตกยับขนาดนั้นอ่ะ ขอผมทำใจบ้างเหอะ
“พรุ่งนี้กูจะไปทำธุระแถวอัมพวา
มึงใส่สูทที่กูซื้อให้วันนั้นแล้วรออยู่ที่ร้าน เดี๋ยวกูแวะเข้าไปรับ ซักประมาณบ่ายสี่โมงก็แล้วกัน”
“พี่จะให้ผมขับรถให้เหรอครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ ไอ้หมาปิง
นี่มึงคิดว่ากูจะชวนมึงไปทำไมถ้าไม่เอามึงไปขับรถ” พี่เอย์คนเดิมกลับมาแล้วแฮะ
โด่วเห็นเก็กทำเป็นเสียงแข็งอยู่ตั้งนาน ของจริงต้องเสียงเขียวต่างหาก
แลดูอารมณ์ดีขึ้นแล้วด้วย
“ถ้างั้นให้ผมไปหาพี่ที่ห้องเลยไหมแล้วก็ออกมาพร้อมกันเลย
” จะให้ใส่สูทหรูๆแบบนั้นรออยู่ที่ร้านให้แม่กับพี่ขมเห็นเหรอ
โอ๊ยไอ้ปิงมึงโดนแม่ล้อเป็นปี ๆ แน่
“ไม่อ่ะ
เดี๋ยวกูไปที่ร้านมึงสักสี่โมงเย็น”
“นี่พี่จะไปรับผมจริงเหรอ”
“ไอ้ปิงนี่มึงกำลังคิดอะไร
ร้านมึงน่ะเป็นเส้นที่กูต้องผ่านออกไปอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้มึงวนเข้ามาอีกหรอก
อย่ามาทำเป็นเรื่องมากดึกแล้วรีบนอนซะ พรุ่งนี้เจอกัน”
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”
“ใครห่วงมึงบ้าเหอะ
ที่กูให้มึงรีบนอนเนี่ยเพื่อจะได้ขับรถให้กูพรุ่งนี้ดี ๆ ต่างหาก ห่มผ้าให้ดี ๆ
ด้วยเกิดป่วยขึ้นมาไม่มีคนขับรถให้กูพรุ่งนี้กูไม่แย่หรือไง”
“ครับๆ”
“กูวางแล้วนะ”
“ครับผม เอ้ยพี่เอย์”
“เรียกทำไม”
“เพลงเพราะดีนะพี่”
“เพลงอะไรของมึง”
น้ำเสียงท่าทางสงสัยเชียว คงคิดว่าผมพูดเรื่องอะไร
“ก็เพลงที่พี่เปิด
แล้วนอนฟังจนหลับคาหนังสือไปเลยน่ะ”
“..........................”
เอาล่ะเหว๋ย มันเงียบไปเลยแสดงว่าเพลงนี้ต้องมีอะไรดี ๆ
“ผมชอบฟังอ่ะ
เพลงประกอบเรื่องฮอร์โมน ตอนนั้นผมติดเลยนะ พี่เองก็ชอบเหรอ”
“.....อือ”
พี่เอตอบแล้วเงียบไปอีก ผมก็เลย....
“นั่นแน่
ชอบน้องสไปร้ท์ใช่ไหมล่ะ เสียใจด้วยนะพี่นั่นน่ะผมจองไว้แล้ว
พี่ไม่มีสิทธิ์หรอกคร๊าบ” ผมแกล้งกวนพี่เอย์ แต่สิ่งที่มำให้ผมอึ้งสุด ๆ
เลยก็คือสิ่งที่พี่เขาตอบออกมาต่างหาก
“เปล่า
กูชอบไผ่ น่ารักดีว่ะ”
คิ้วผมกระตุกสิครับ
ทีถามว่าชอบผมเหรอดันตอบซะแจ่มชัดว่าไม่ได้ชอบ แล้วทีงี้ดันมาบอกว่าชอบไผ่
เดี๊ยะๆพี่เอย์นี่ทำผมอารมณ์เสียจะได้หลับได้นอนไหมคืนนี้
“อะไร
เงียบไปเลยเหรอมึง เดี๋ยวจะบอกอะไรดี ๆ ให้ยิ่งกว่านี้อีก ตั้งใจฟังดี ๆ นะมึง ไอ้หมาปิง” ผมหูผึ่งเลยสิครับพี่เอย์กำลังจะพูดอะไรวะ
“วันอาทิตย์เข้ามาเอาเครื่องเสียงไปซ่อมให้ให้กูด้วย”
“หือ?”
“มันเสียไง
มึงไม่ได้ยินเหรอ”
“เสีย?”
ผมทวนคำนี่คือ ผมงงจริงนะ พี่เอย์พูดอะไรวะ
บอกผมตั้งใจฟังแค่จะให้เอาเครื่องเสียงไปซ่อมเนี่ยนะ
“เออ มันเล่นอยู่เพลงเดียวซ้ำไปซ้ำมาไม่เรียกว่าเสียให้กูเรียกว่าอะไร”
อ้าวฉิบหาย แล้วที่ผมยิ้มแก้มแทบแตกคิดอยู่คนเดียวมาตลอดทางกลับบ้านนี่คือ??
“ไม่ใช่ว่าพี่ตั้งรีเพลซ้ำที่เพลงนี้เหรอ”
“หมาปิงเอ๊ย
มึงนี่ก็คิดได้เนาะ กูจะบ้าฟังเพลงๆ เดียวซ้ำไปซ้ำมาทำไม
ไม่ได้ปัญญาอ่อนแบบมึงนี่”
แป่วววววว คิ้วผมทั้งกระตุกทั้งขมวดนิด
ๆ แล้วนะผมว่า แอบได้ยินเสียงที่ปลายสายหัวเราะในลำคอลอดผ่านมาด้วย
หนอยยยยนี่แกล้งกันเหรอ ทำเป็นพูดว่าเครื่องเสียงเสีย ผมว่ามันไม่ใช่หรอกม้างงงง
คึคึคึ
“มึงหัวเราะอะไรหมาปิง”
“เปล่า
ผมตลกพี่อ่ะ”
“ตลกอะไร”
“มีคนเขาบอกว่าพี่ปากหนัก
ระวังจะห้อยตกลงมาถึงพื้นนะพี่”
“ไอ้หมาปิง!” เหย๋ยยยเสียงเขียวมาอีกแล้ว
หลังจากนั้นผมเลยรีบบอกว่าจะวางแล้วนะจะได้นอน นั่นแหละถึงจะหลบคำด่าพี่แกมาได้
คืนนั้นจะว่าไปก็เหมือนกับว่าอาการอึดอัดแปลก
ๆ ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาหายเป็นปลิดทิ้งเลยนะ พี่เอย์ไม่ได้พูดเรื่องจูบวันนั้นของเรา
เฉยไปเลยทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรมาก่อน ท่าทางน้ำเสียงทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
เป็นคน ๆ เดิมที่ผมคิดได้แล้วล่ะว่า คุณชายท่านปากหนักมากจริง ๆ
เพราะอย่างงั้นตอนนี้ผมจึงได้ข้อสรุปความเป็นพี่เอย์ออกมาแล้วหนึ่งอย่าง
คนอย่างพี่มันฟังอย่างเดียวไม่ได้หรอก ต้องดูสิ่งที่พี่ทำนั่นแหละดีที่สุด
บ่ายแก่ ๆ
วันเสาร์
“ปิง ทำอะไรอยู่หลังร้านน่ะลูก
ทำไมไม่ออกมาช่วยพี่ขมเสิร์ฟอาหาร”
เสียงแม่ตะโกนเข้ามา
ผมตอนนี้เดินลุกลี้ลุกลน คือจะว่าไงดีวะเอาเป็นว่าโคตรจะตื่นเต้นสุด ๆ
ผมหอบเอาเสื้อผ้าชุดสูทหรูหรามาจากหอ
ตอนเข้ามาวิ่งปรู๊ดสุดขีดแม่คงไม่เห็นว่าผมหอบเสื้อสูทมาด้วย
มีแต่พี่ขมที่มองแต่พี่แกก็ไม่ได้พูดอะไร คุณรู้ไหมผมหายเข้ามาเป็นชั่วโมงแล้วนะ
คุณนายคงผิดสังเกตก็เลยมาตามผมน่ะสิครับ
“อะไรกันน่ะปิง คิคิคิ ปิงใส่ชุดอะไรน่ะลูก คึคึคึ ขมๆ เข้ามาดูปิง
ๆเร็ว หลานแต่งตัวอะไรเนี่ย ตลกเสียจริง”
“แม่อ่ะ
อย่าหัวเราะปิงสิครับ ปิงอยากแต่งมากเหอะไอ้ชุดแบบนี้น่ะ”
ผมคิดไว้แล้วที่ไหนเห็นไหมล่ะ
แม่ยังหัวเราะอยู่ไม่หยุด ปากเล็ก ๆ
สีอมชมพูของแม่ยิ้มกว้างอย่างที่ผมไม่ค่อยได้เห็นมาก่อนเลยนะ
คงคิดว่าผมแต่งแบบนี้แล้วมันไม่ใช่สไตล์แบบลูกชายเขานั่นแหละ
พักนึงพี่ขมเดินเข้ามาดูบ้าง ไม่ต่างกับแม่หรอกครับยิ่งแล้วใหญ่พี่ขมยกมือขึ้นป้องปากแล้วหัวเราะร่วนเลย
“หล่อนะเรา
ปิง ๆ หึหึหึหึ”
“พี่ขมอ่ะอย่าล้อปิงดิ่”
ผมว่าหน้างอ แหมคุณนายกับพี่ขมทำเอาหมดความมั่นใจไปนิด ๆ นะเนี่ย
“ผมหล่อเหมือนกันเหอะ”
“จ้าพ่อคนหล่อ
ว่าแต่ปิงจะไปไหนล่ะลูก ทำไมถึงแต่งชุดแบบนี้ครับ นี่ไปเช่ามาเหรอเนี่ย
หรือไปยืมของใครเขามา” คุณนายเริ่มทำหน้าสงสัย
คงเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลว่าทำไมจู่ ๆ ผมใส่เสื้อผ้าหรูหราแบบนี้
“เปล่าครับ
คือปิงรับจ๊อบพิเศษเป็นคนขับรถให้กับพี่คนนึงอยู่น่ะครับแม่
แล้ววันนี้คุณชายเขาจะให้ปิงขับให้”
“คนขับรถ?
นี่คือเสื้อผ้าคนขับรถงั้นเหรอ?” คุณนายทำท่าทีสงสัยขึ้นอีก
“ครับใช่ นี่แหละเสื้อผ้าคนขับรถ
เดี๋ยวคุณชายเขาจะแวะมารับปิงนะ”
“เขาให้ปิงเป็นคนขับรถของเขา
แต่เขาจะแวะมารับปิงที่นี่” ทำไมแม่ทำหน้าแบบนั้นวะ ผมกำลังนึกสงสัย
“ครับใช่”
“เจ้านายเราแปลกนะปิง
เออ แปลก” แม่พึมพำออกมาเบา ๆ พอดีว่ามีลูกค้าเข้าร้านพี่ขมเลยเข้ามาเรียกแม่ออกไป
ผมเลยได้แต่ยืนรออยู่ด้านใน พร้อมกับส่องดูหน้าร้านไปด้วยว่าพี่เอย์มาถึงหรือยัง
อารมณ์ประมาณเจ้าสาวแอบมองอยากรู้ว่าเจ้าบ่าวมาถึงเรือนชานหรือยังนั่นแหละครับ แอร๊ยยย~~ล้อเล่น
ปิ๊นนนน
ตายๆกูตายเสียงแตรรถดังมาจากหน้าบ้าน
ผมเข้าห้องน้ำเป็นรอบที่สิบแล้วมั้ง จะตื่นเต้นอะไรผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ก็แค่พี่เขาบอกจะมารับแล้วให้ผมแต่งตัวรอ ฮึ่ย ผมยิ่งรีบแม่งซิปก็ยิ่งรูดยากกว่าจะใส่เข็มขัดอะไรอีกแล้วนี่ทำไมชุดนี้มันต้องมีไอ้เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในที่รัดติ้วขนาดนี้ด้วยวะ
ดีนะที่ผมผอมถ้าอ้วน ๆ น่ะหมดสิทธิ์แน่
ผมรีบถลาออกมาทันทีที่แต่งตัวเสร็จ
แม่เดินเข้ามาพอดีท่าทางร้อนรนชอบกล
“ปิงลูก ใครไม่รู้มาจอดรถอยู่หน้าร้านเราแต่งตัวแปลก
ๆ แบบลูกเลย นั่นเจ้านายลูกหรือเปล่า คนที่ปิงบอกว่าจะมารับลูกน่ะ”
แม่พาผมเมียงมองออกไปที่หน้าร้าน
เยื้องไปนิด ๆ แต่ทำไมวะ ทำไมเราต้องทำท่าแอบมองเหมือนคนกำลังทำความผิดผมเองก็ไม่เข้าใจ
เห็นพี่เอย์ลงมายืนคอยอยู่แล้วมองเข้ามาทางนี้อีกด้วยดีนะ ตาย ๆ หน้ามันงอรึ
เปล่าผมพยายามหรี่ตาดูมันให้ชัด
ๆ สงสัยเย็นแล้วไม่มีแดดถ้าเป็นตอนกลางวันแดดเปรี้ยงๆคิดเหรอคุณชายจะลงมายืนรอ
“ใช่แล้วครับแม่นั่นแหละเจ้านายปิง
งั้นปิงไปนะ พี่ขมปิงไปนะ”
ผมรีบเดินออกมาบอกแม่แล้วโบกมือบอกพี่ขม
พอออกจากร้านมาได้เจอคุณชายมองมาทางนี้แล้วพอดี
พี่เอย์หล่อมากจริง
ๆเหอะ ยิ่งอยู่ในชุดนี้และทำผมแบบนี้ด้วยแล้ว ออร่าคุณชายยิ่งจับ
“ทำไมแม่มึงไม่ออกมา”
นี่คือคำพูดแรกหลังจากเราไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายวัน ผมเซ่อไปนิดหน่อย
พี่เอย์พูดอะไร? คือจะสื่อว่าอะไร
“กูถามว่าทำไมแม่มึงไม่เดินออกมาด้วย”
“อะ...เออแล้วทำไมแม่ผมต้องเดินออกมาด้วยล่ะ”
เออผมก็งงนะ พี่เอย์พูดอะไรของมันวะ
“งั้นกูจะสวัสดีท่านได้ยังไง”
อ้อ ที่แท้แบบนี้เอง โถ่เอ้ยไอ้คุณช้ายย อยากสวัสดีแม่ผัว เอ้ยไม่ใช่ แม่ผม
“พี่จะสวัสดีแม่ผมเหรอ”
“เออ
ก็เขาเป็นแม่มึงไม่ใช่รึไง” โอ๊ยยยพระแม่มาลีที่รักคุณชายอยากสวัสดีแม่แต่พูดจาแบบนี้
กูปวดหัวเลยจริง ๆ
“ถ้างั้นต้องเดินเข้าไปสิครับ
พี่เป็นเด็กต้องเดินเข้าไปสวัสดีแม่ผมสิ คุณนายไม่ออกมาหรอกกลัวร้อน แฮ่ ๆ
ไม่ใช่หรอกแม่ตำส้มตำอยู่น่ะ ติดลูกค้า”
“งั้นก็พากูเข้าไปสิ”
เอาจริงเหรอเนี่ย ผมมองพี่เอย์อย่างงงๆเหมือนกัน แต่ก็เดินนำเข้าไปเมื่อเห็นหน้าตาพี่เอย์จริงจังไม่เหมือนคนพูดเล่น
ๆ แม่ตกใจแทบลมจับคาครกส้มตำพอเห็นพี่เอย์ยกมือขึ้นไหว้
แกปล่อยสากกระเบือแล้วรับไหว้คุณชายเกือบไม่ทัน
“สวัสดีค่ะคุณชาย”
เย้ยย!!!! ผมสะดุ้ง แม่ทำไมพูดจาแบบนั้น
พี่ขมยิ่งแล้วใหญ่ถอยหลังออกไปยืนไว้อาลัยอย่างไกล
ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านพอได้ยินแม่เรียกคำว่าคุณชายต่างหันมาดู พี่เอย์นี่หน้าตาเหรอหรามองแม่กับครกส้มตำสลับกัน
สุดท้ายปรายสายตามาทางผมเขียวปั๊ดเลย คิดว่าคงนึกอะไรออกแล้วว่าทำไมแม่เรียกพี่แกแบบนั้น
“แม่ครับ
นี่พี่เอย์ครับ พี่เขาไม่ใช่คุณชาย แต่คือชื่อพี่เอย์” ผมรีบเดินเข้าไปกระตุกแถบผ้ากันเปื้อนที่แม่สวมอยู่
แล้วส่งสายตาประมาณว่า เขาไม่ใช่คุณชายหรอกแม่อันนั้นคือคำที่ผมเปรียบเปรย
คุณรู้ไหมอย่างฮาเลย
แม่ผมเก็ตครับรีบทักใหม่ คราวนี้พี่เอย์สีหน้าดีขึ้นหน่อย จากนั้นแม่ก็บอกให้คุณชายอบรมสั่งสอนผมให้เต็มที่ไปเลย
“พี่ขมนี่พี่เอย์เจ้านายปิงเอง”
ผมแนะนำพี่ขมด้วย
“พี่ขมเป็นเพื่อนแม่ครับพี่เอย์
เป็นพี่เลี้ยงผมด้วยนะ”
ประโยคหลังผมหันไปกระซิบพี่เอย์ พี่เขายกมือไหว้พี่ขมด้วยอีกคน
จะว่าไปวันนี้พี่เอย์ใจหล่อมากครับ หน้าตาไม่ต้องพูดถึงคือหล่อลากอยู่แล้ว
“งั้นผมลาเลยนะครับคุณน้า”
มันเรียกแม่ผมว่าคุณน้าด้วย ใช้ได้ๆ แหมแบบนี้แม่รับพี่เอย์เป็นลูกสะใภ้ได้แน่ ๆ
ผมคิดเพ้อไปจนตาลอยหันมาอีกทีเจอสายตาเขียวปั๊ดจากมันอยู่
“จ้าน้าฝากเจ้าปิงด้วยนะครับเอย์
ซนนิดหน่อยนะเอย์จัดการได้เลยนะลูก”
“แม่อ่ะ” ผมคิ้วกระตุก
รีบดึงชายเสื้อแม่ไว้ ปราม ๆ พูดอะไรให้ลด ๆ ลงหน่อย แม่ชอบคนหล่อ ๆ
ครับยิ่งตอนนั้นเรื่องลูกทาสฉายตอนกลางคืนเนี่ยนั่งเฝ้าหน้าจอกับพี่ขมเลย
แม่บอกฟินนนน เพราะฉะนั้นเจอพี่เอย์นี่ไม่ต้องเดาเลยแม่ชอบพี่เขาแล้วแน่นอน
“ไปเถอะครับพี่เอย์
เดี๋ยวจะสายนะ”
พี่เอย์ยกมือไหว้ลาแม่ผมอีกที
จากนั้น ผมและพี่เขาก็เดินมาที่รถ
“เดี๋ยวขาไปกูจะขับก่อน
มึงจำทางไว้ขากลับจะได้เป็นคนขับ โอเคนะ”
“ครับผม”
ผมตอบรับแล้วกระโดดขึ้นนั่งหน้ารถเลย
พี่เอย์ขับรถเร็วมากเลยครับ
แต่ทำไมผมถึงมั่นใจมันก็ไม่รู้อาจเพราะเราออกมาสายด้วยพี่คงกลัวจะถึงงานค่ำจนเกินไป
“ปิง ถอดหูกระต่ายออกซะ
มีเสื้อสูทแขวนไว้ที่หลังรถมึงเปลี่ยนเอาตัวนั้นมาใส่แทน”
“ทำไมอ่ะพี่ ผมแต่งแบบนี้ไม่ได้เหรอ”
“แต่งให้เหมือนกูก็แล้วกัน
เนคไทไม่ต้องใส่นะ ไม่ใช่งานทางการอะไรมาก”
“งานอะไรเหรอพี่ผมถามได้ไหม”
“พี่ชายเพื่อนกูแต่งงาน
ผู้หญิงอยากแต่งที่อัมพวาเขาเลยจัดขึ้นมาที่รีสอร์ท”
“อ้อ ครับ”
พี่เอย์พูดตอนที่เราคงเกือบจะถึงงานกันแล้ว
ผมรับคำแล้วทำตามจริง ๆ
ไม่อยากจะถอดเสื้อนอกออกเลยเพราะเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในมันเป็นทรงรัดรูปซึ่งคับมาก
ผมเอี้ยวตัวไปดึงเอาสูทที่แขวนไว้อยู่ด้านหลังมาถือไว้ที่ตัก
“เดี๋ยวขากลับเราออกอีกเส้นนึงละกัน
เส้นนี้อ้อมไกลไปหน่อยกูเองก็ไม่ค่อยได้มา
เมื่อคืนนั่งเช็คแผนที่มันมีสองเส้นที่ไปได้
เดี๋ยวขากลับมึงขับแล้วเราออกอีกจุดก็แล้วกัน”
“ครับผม”
ความจริงแล้วอัมพวาเป็นสถานที่ๆผมเคยคิดอยากมาเหมือนกันนะ
พี่เอย์ขับรถแค่ชั่วโมงกว่า ๆ
ผมก็เห็นป้ายบอกทางให้เลี้ยวไปทางตลาดน้ำแล้วแต่พี่เขาดันเลี้ยวไปอีกทางซะได้
แสดงว่ารีสอร์ตที่จัดงานคงไม่ได้อยู่ในโซนตลาด ก็แน่อยู่แล้วล่ะเนาะใครจะบ้ามาจัดงานแต่งที่ตลาด
ผมนี่ก็คิดไปเรื่อยจริง ๆ
“มึงเดินอยู่ใกล้
ๆ กูนะ อย่าหลง ญาติพี่น้องเขาเยอะ”
พอถึงพี่เอย์จอดรถเข้าซองอย่างดี
รถเยอะมาเลยครับโชคดีมีที่จอด
“ไอ้เอย์ช้านะมึง”
“พรรคพวกเรามาหรือยัง”
“เดี๋ยวคงทยอยกันมาแล้ว”
“งั้นกูก็ไม่ถือว่าช้าหรอก”
ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามารับผมกับพี่เอย์ถึงหน้างาน
เจอพี่เอย์จัดไปดอกหนึ่งเบา ๆ ประมาณว่าบอกให้รู้ว่ากูมาแล้วนี่แหละสไตล์กู
อะไรแบบนั้น พี่คนนั้นมองมาทางผมด้วยนะ
“หวัดครับน้องปิง” ผมตกใจเลยนะทำไมพี่เขารู้จักผมด้วยวะ
“จำกันไม่ได้เหรอ วันนั้นเราไม่ใช่เหรอครับที่ไปรับเจ้าเอย์มันที่โรงแรม” ผมนึกออกทันทีเลย
วันที่พี่เอย์เมาแล้วเรียกให้ผมไปรับนั่นแหละ
พี่ฟิวส์เดินลงเดินคู่กับผมพี่เอย์หันกลับมามองหน่อยนึงแต่มันก็ไม่อะไรนะ
“พี่ชื่อฟิวส์นะ เรียกพี่ฟิวส์ก็ได้ครับ”
“ครับพี่ฟิวส์ ยินดีด้วยนะครับได้แต่งงานกับเขาสักที” ผมแกล้งแถมพี่เขาอีกหนึ่งดอก
มันเป็นนิสัยน่ะครับผมเป็นคนแปลก ๆ แบบนี้แหละ แต่ผมเห็นพี่เอย์อมยิ้มด้วยนะ
คงคิดว่ากวนตีนไม่แพ้กัน ฮิฮิ
“เฮ้ยไม่ใช่ นี่งานแต่งพี่ชายพี่ไม่ใช่พี่ครับน้องปิง” พี่ฟิวส์รีบแก้ตัว
“อ้าวเหรอครับโทษที”
ส่วนผมตีหน้าซื่อ หึหึ
“เข้าไปเหอะไป”
พี่เอย์พูดตัดบทแล้วหันมองมาที่ผม วันนี้เราสองคนแต่งตัวเหมือนกันนะครับ หลังจากผมเปลี่ยนเสื้อนอกบนรถ
ชุดเราสองคนคือสูทสีเข้มกับสแลคสีเดียวกันทั้งชุด
ต่างไปที่เชิ้ตตัวในของผมเป็นสีขาวส่วนของพี่เอย์เป็นสีเทาเข้มผ้าแบบลื่น ๆ
มัน ๆ อ่ะผมก็อธิบายไม่ถูก
พี่เอย์เข้าไปเซ็นต์ชื่ออวยพรถ่ายรูปคู่กับบ่าวสาว
มีผมได้ถ่ายด้วยนะแจ๋วมากฮี่ๆตอนแรกคิดว่าต้องยืนรอคุณชายแบบเก้อ ๆ
ซะแล้วปรากฏว่าพี่ฟิวส์ใจดีกว่าที่คิดเรียกผมเข้าไปถ่ายด้วย
จัดที่จัดทางให้ยืนสองฝั่งกับพี่เอย์อีกต่างหากแลดูคล้ายคู่รักไปงานแต่งเดี๊ยะเลย
เอิ๊กก ผมก็พูดไปเนาะ คนเขาปฏิเสธมาแล้วแท้ ๆ
“กลับดี ๆ
นะมึง ให้น้องมันขับให้ใช่ไหม”
“ก็ชัวร์อยู่แล้ว
ถ้าไม่เอามันมาขับรถกูจะชวนมันมาด้วยทำไมวะ” พี่เอย์ครับพี่จะตรงไปไหน
รู้แล้วน่าว่าเป็นคนขับรถ ขามานี่ผมนั่งจำทางตลอดเลยนะว่าต้องเลี้ยวอะไรตรงไหนบ้าง
“ปากมึงนี่ตลอดอ่ะ
น้องปิงอย่าไปถือนะครับ ไอ้เอย์มันเป็นแบบนี้แหละ”
ผมยิ้มรับจากนั้นพี่เอย์ยื่นกุญแจรถส่งให้ก่อนบอกลาพี่ฟิวส์แล้วเราสองคนก็ตรงออกมาจากงาน
ผมเหยียบไม่เร็วเท่าเท้าคุณชายนะ กะชมบรรยากาศตอนกลางคืนไปด้วยเลยขับแบบเรื่อย ๆ
ตอนแรกนึกว่าพี่เอย์จะว่าอะไรแต่ไม่เลย คุณชายก็นั่งฟังเพลงอยู่ข้างหลังนั่นแหละ
“พี่เอย์พี่ได้กลิ่นน้ำมันไหมพี่”
ระหว่างทางผมรู้สึกได้กลิ่นน้ำมันฉุนมากเลยนะเลยลองถามพี่เอย์ดู
“เออว่ะ
เหม็นนะปิงรถเป็นไรป่ะวะมึงจอดก่อนดิ๊” ผมตีไฟเข้าข้างทาง เอาแบบใกล้ ๆ
กับแสงไฟมากหน่อยแต่ก็ยังมืดอยู่ดี ตอนนี้เกือบจะสามทุ่มแล้วด้วย
“เปิดฝากระโปรง”
พี่เอย์บอกผมแล้วเดินลงไป ผมเห็นคุณชายล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเลยห้ามไว้บอกเดี๋ยวผมดูให้เอง
“ทำเป็นเหรอ”มันถาม
“ผมเด็กช่างยนต์นะครับพี่
เดี๋ยวผมขอดูก่อนนะ” คือถ้ามันอาการหนักผมก็ไม่เป็นเหมือนกันนะ ภาวนาให้เป็นนิด ๆ
หน่อย ๆ เถอะ
คือมันมืดมากเราไม่มีไฟฉายพี่เอย์เลยกดหน้าจอโทรศัพท์ส่องให้ผมก็จับโน่นดูนี่ตรวจเช็คแต่ไม่เห็นอะไรผิดปกตินะ
นึกบางอย่างขึ้นมาได้เลยถอดเสื้อนอกแม่งกลางถนนนั่นแหละ
คุณชายเธอก็มองนะคงคิดว่าผมกำลังจะทำอะไร
“พี่เอย์เดี๋ยวผมจะลองเข้าไปดูใต้ท้องรถ
พี่เข้าไปนั่งข้างในรถก่อนก็ได้นะครับ” ผมบอกแล้วพาดเสื้อนอกที่ถอดออกไว้ที่หน้ารถ
ปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วพับ ๆ ขึ้นไป เสื้อแม่งขับรัดติ้วสุดขีด
ผมเลยปลดกระดุมหน้าอกแม่งหมดเลยอ่ะ
“มึงจะเข้าไปข้างใต้นี่น่ะเหรอ”
พี่เอย์ถามแบบงง ๆ นิดหน่อย
“ครับ”
ผมตอบรับทั้งที่มือยังจับ ๆ สำรวจท่อ สำรวจส่วนต่าง ๆ ที่หน้ารถอยู่
ผมคิดว่าจะตรวจให้ครบทุกจุดแล้วถึงจะลงไปดูช่วงล่าง
พี่เอย์ส่องมือถือให้ผมตามจุดที่มือผมเลื่อนไปจับ ผมนึกยังไงไม่รู้หันมองไปที่หน้ามัน
แล้วยิ้มให้ทีนึงคือผมอยากขอบคุณแหละ อุตส่าห์ลงมาส่องไฟให้ทั้งที่จะนั่งอยู่เฉย ๆ
บนรถก็ได้
“ยิ้มเหี้ยไรของมึง”
“เปล่า
รู้สึกดีอ่ะ มีคนคอยห่วงกลัวว่าผมจะมองไม่เห็น”
“ใคร? ใครห่วงว่ามึงจะมองไม่เห็น” คือหน้าคุณชายนิ่งมาก
มองผมแล้วตีคิ้วถาม ผมเหรอครับจะกลัว ผมละสายตาจากไอ้เครื่องยนต์หน้ารถแล้วเรียบร้อยจ้องหน้ามันเลย
หน้าตาพี่เอย์แม่งกวน นี่ผมชมพี่อยู่นะครับ
“ใครก็ไม่รู้เนาะ
ส่องไฟตามมือผมอยู่ตลอดเลย ใครอ่ะพี่เห็นไหมว่าเขาคือใคร”
ฟิ้ววววววว ~ ~ ~ ตุ่บ!!
“อ่าวเฮ้ย!! พี่จะเขวี้ยงมาทำไมล่ะเนี่ย
นี่มันไอโฟนนะครับพี่ไม่ใช่ของถูก ๆ ไหน ๆ
มันตกลงไปอยู่ตรงไหนล่ะที่นี้ยิ่งมืดอยู่ด้วย พี่เอย์นี่น้า”
“ช่างหัวมันดิ
ให้มันหายไปเลยสมน้ำหน้ามึงจะได้มองเครื่องแบบมืด ๆ”
พี่เอย์นี่แปลกคนจริงจริ๊งชมก็ไม่ได้
ถึงขนาดเขวี้ยงไอโฟนใส่ผมอ่ะ อะไรของเขาก็ไม่รู้ อ่า ผมเห็นแล้วตกอยู่ตรงนี้เอง
เลยหยิบขึ้นมาแล้วส่งคืนให้มัน แทนที่จะขอบอกขอบใจกันนะไม่มีหรอก
คุณชายกระชากออกไปถือไว้แล้วไม่สนใจผมอีกเลย
ผมตรวจเครื่องช่วงบนอย่างละเอียดจนเรียบร้อยทุกอย่างโอเค คิดว่าความผิดปกติน่าจะมาจากช่วงล่าง
ผมคงต้องมุดไปที่ใต้ท้องรถจริง ๆ
“คิดว่าน่าจะเป็นน้ำมันรั่วนะครับพี่
ถ้าใช่จริง ๆ
เราขับต่อไปไม่ได้นะครับอันตรายมาก เดี๋ยวผมมุดเข้าไปดูแปปเดียว” ผมว่าแล้วโหนตัวลงนอนที่หน้ารถค่อย
ๆ กระเถิบ ๆ เข้าไปใต้ท้องรถแบบช้า ๆ ดีนะรถพี่เอย์ไม่ได้โหลดต่ำรถ
นี่ขนาดใต้ท้องรถยังสะอาดเลยเหรอ โถๆคุณชายของแท้เลยนี่หว่า ผมเคยดูรถของลูกค้าที่โรงเรียนนะโหยบางคันมีแต่โคลนฝังแน่นมาก
ๆ คือไม่เคยล้างช่วงล่างกันเลยเหรอวะอะไรแบบนี้
“ปิงมึงโอเครึเปล่าวะ”
เสียงพี่เอย์ดังลอดเข้ามาจากด้านนอก คงเห็นว่าผมเงียบไปนาน ผมใช้แสงไฟจากมือถือส่อง
ๆ ดู โคตรจะเห็นไม่ชัด คือคุณเข้าใจใช่ไหมว่ามันมืดมาก
“พี่ห่วงผมเหรอ
กลัวรถยุบลงมาทับผมรึไง”
“เปล่า กูห่วงรถ
กูกลัวมึงทำรถกูพัง กูว่าเรียก......
“อ่า เจอแล้ว
น้ำมันรั่วจริง ๆ ด้วย ดีนะพี่ที่เราไม่ขับกันต่อน่ะ” ผมค่อย ๆ ถด ๆ ตัวถอยออกมา
แต่พอยืนขึ้นเท่านั้นแหละพี่เอย์ที่มองหน้าผมอยู่นี่ยิ้มใหญ่เลยครับ
ไม่ใช่สิเขาไม่เรียกว่ายิ้ม คุณชายเหมือนคนกลั้นขำสิมากกว่า ผมเลยเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่าหัวเราะอะไร
พี่เอย์ไม่ตอบแต่ยื่นผ้าเช็ดหน้าที่กระเป๋าเสื้อนอกส่งให้ผมแทน ผมรับมาก็เช็ด ๆ
นะแต่น้ำมันอ่ะ ยิ่งเช็ดยิ่งเลอะมือผมดำไปหมด เสื้อสีขาวก็เปื้อนไปแล้วที่สำคัญโดนที่หน้าด้วย
“ติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย
เดี๋ยวคืนนี้เราค้างคืนแถว ๆ นี้ก็แล้วกัน
พรุ่งนี้วันอาทิตย์มึงไม่มีธุระอะไรที่ไหนใช่ไหม” มันปรายสายตามองที่เสื้อผม
ซึ่งตอนนี้ถูกผมดึงกระดุมออกจนหมดเนื่องจากมันคับติ้วมากๆทำงานไม่สะดวก
“ก็ไม่มีหรอกครับ
แล้วเราจะพักกันที่ไหนอ่ะ รถขับไปได้ไม่ไกลมากนะพี่”
คือน้ำมันรั่วแบบนี้ผมไม่อยากให้ขับต่อเลยนั่นแหละครับ คราวนี้พี่เอย์เดินไปขึ้นที่ฝั่งคนขับ
ผมเลยต้องเปลี่ยนไปนั่งข้าง ๆ แทน พี่เขาค่อยเคลื่อนรถออกไปตีไฟฉุกเฉินไว้ตลอดทาง
“ป้ายเขาบอกอีกแปดร้อยเมตรมีรีสอร์ต เราไปพักกันที่นั่นเดี๋ยวกูให้เด็กที่บ้านเอารถคันใหม่มาเปลี่ยนให้
แล้วพรุ่งนี้เราค่อยออกกันแต่เช้า”
“ครับผม”
พอรถคลานมาถึงก็จอดเข้าช่องจอดไว้
มันเป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ บ้านเป็นหลัง ๆ ทาสีสดใส มีระเบียงยื่นไปด้านหลังติดแม่น้ำแม่กลอง
บรรยากาศเงียบ ๆ ดี
“สองห้องครับ”
เสียงพี่เอย์บอกพนักงาน เธอมองดูผมด้วยนะ คงสงสัยทำไมเสื้อผ้าผมเลอะเทอะแบบนั้น
“เหลืออยู่แค่หลังเดียวค่ะ
นอกนั้นเต็มหมดแล้ว เสาร์อาทิตย์อาทิตย์แบบนี้คนมาพักเยอะเลย”
คุณชายมองมาที่ผมหน่อยนึงก่อนพยักหน้าแล้วเซ็นชื่อจ่ายเงินไป
“ที่นี่มีบริการซักเสื้อให้ด้วยนะคะ
จะถอดส่งซักเลยไหม” พี่ผู้หญิงยิ้มหวานมาทางผม คิดว่าแกคงสมเพชผมสุด ๆ
แหละครับเสื้อผมเปื้อนมากจริง ๆ นะหลังก็เปื้อนดินด้านหน้าก็คราบน้ำมันเครื่องกับน้ำมันที่รั่ว
“ครับซักเลย”
เป็นผมที่ตอบออกมาแล้วถอดเลยครับ ผมปลดกระดุมแม่งตรงนั้นเลยแหละ ไม่เห็นเป็นไรนี่
ผมถอดเสื้อเตะบอลออกบ่อย แต่คุณชายนี่สิชักสีหน้าแล้ว
“ไปถอดที่ห้องสิ
พี่เขาเป็นผู้หญิงมึงจะบ้าถอดเสื้ออยู่ตรงนี้เลยเหรอ” มันหันมาดุผมเสียงเขียวเลย
“ไม่เป็นไรค่ะถอดเลย
ที่นี่ลูกค้าฝรั่งเยอะเดินถอดกันแบบนี้พี่ชินแล้ว ดึกแล้วเดี๋ยวพี่รีบซักให้” เธอว่ามาแบบนั้นผมก็ถอดสิครับ
พี่เอย์งี้ยืนหน้านิ่งเลย
“นี่ค่ะเงินทอน”
เธอเรียกพี่เอย์ยื่นเงินทอนส่งให้ คืนละพันแปดมั้งรู้สึก
ทอนมาสองร้อยคิดว่าพี่เอย์จะรับเหรอครับ
คุณชายมือหนักไม่เคยรับคืนหรอกสองร้อยอะไรนั่นยกเว้นจะซื้อของตามซุปเปอร์นั่นแหละ
“ขอบคุณค่ะ
หลังนั้นนะ สีส้ม ๆ หลังสุดท้ายเลย” เธอไหว้แล้วยื่นกุญแจส่งให้
พี่เอย์ยื่นมือไปรับทำไมผมเห็นมันกำแบงค์ร้อยไว้วะ
อ้าวตกลงเมื่อกี้คุณชายไม่ให้ทิปเธอเหรอ สงสัยมีอะไรบางอย่างไม่ถูกใจ
“พี่เอย์”
ผมเรียกมัน เห็นเดินนำลิ่ว ๆ เลย แล้วดูทำหน้าทำตา ผมเริ่มหนาวขึ้นมาหน่อย ๆ
เหมือนกันก็เสื้อไม่ได้ใส่นี่ สูทอย่าพูดถึงนะถอดไว้ที่รถทั้งสองคนนั่นแหละครับ
ใส่ลงมาแค่เชิ้ตคนล่ะตัว
“พี่เอย์”
“อะไรของมึงเรียกอะไรนักหนา”
มันหันมาถาม เราเดินกันมาถึงหน้าห้องแล้ว พี่เอย์กำลังไขกุญแจ ห้องหมายเลข 22 เหรอวะ ผมจะจำไว้นะ คืนแรกที่เราสองคนค้างด้วยกัน
คึคึ
“อารมณ์ดีอะไรนักหนายิ้มกว้างขนาดนั้น”
พี่เอย์ผลักประตูเข้าไปข้างในเสียบการ์ดไว้ที่ข้างประตู
อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่าก็พรึ่บขึ้นมา ผมยืนฉีกยิ้มกว้าง
“สติดีอยู่หรือเปล่าไอ้ปิงมึง
ยิ้มเหี้ยไรนักหนาวะ หึหึ หรือว่าดีใจได้ถอดเสื้อโชว์สาวทั้งที โธ่เอ๊ยไอ้แห้งใครเขาจะดูมึงกันวะ
ผอมก็ผอม ผิวก็เหมือนผู้หญิง แถมหัวนมมึงยังสีอมชมพูอีก กูรันทดแทนมึงจริง ๆ
ว่ะปิง”
พี่เอย์พูดแล้วล้วงอุปกรณ์พวกกระเป๋าตังค์กุญแจโทรศัพท์วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
จากนั้นมันเดินไปชะโงกหน้าดูที่ระเบียง แล้วพี่เอย์ก็ถอดเสื้อเชิ้ตของพี่เขาออกมา
“เอาไป!”
ผมรับไว้แทบไม่ทันเมื่อพี่เอย์ปาเสื้อที่ถอดแล้วโยนมาให้ผม
เสื้อเชิ้ตของพี่เขา?? อะไร คืออะไร??
“ใส่เอาไว้
จิ๊! น่ารำคาญ กูมีเสื้อกล้ามอีกตัวอยู่แล้วไม่อยากเห็นคนเป็นปอดบวมตาย”
ผมฉีกยิ้มเลยสิครับ
แหม ๆ ทำเป็นพูดโน่นนี่นั่นจริง ๆ ก็ห่วงผมเหอะ
“ยิ้มเหี้ยไรอีก”
“พี่เอย์” ผมเรียก
พี่เอย์เดินผ่านมานั่งลงใกล้ ๆ ผมพอดี คือคุณจินตนาการออกไหม ห้องเล็ก ๆ
ที่มีแค่เตียงหลังเดียวกับโต๊ะเล็ก ๆ หัวเตียงโซฟาอะไรก็ไม่มีนะ
ถ้าคิดจะนั่งก็คือเราต้องนั่งคุยบนเตียงอ่ะ
“อะไร”
“ผมดีใจอ่ะ”
“เรื่องอะไร”
“เปล่าครับ
พี่เข้าไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมรออาบต่อ”
พี่เอย์มองหน้าผมเชิงสงสัยเหมือนกันนะผมว่า
แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป
อยากรู้เหรอว่าผมดีใจเรื่องอะไร
ก็แบบ
คือผมไม่อยากจะบอกเลยว่าผมมโนไปตั้งแต่เห็นเตียงแล้วนะว่าผมกับพี่เอย์ต้องแชร์เตียงกันเหรอวะ
อะไรแบบนี้ คือมันก็เขินนะ แอร๊ยยย ~ ~ ไม่ใช่ๆคือที่ดีใจก็คือได้มาเที่ยวที่อัมพวาแล้วยังได้มาพักที่สอร์ทน่ารักแบบนี้อีก
จริง ๆ ก้เคยคิดอยากมาเที่ยวแบ็คแพ็คกับพวกไอ้บาสไอ้วุฒิอยู่เหมือนกัน
สมุทรสงครามก็ไม่ไกลดี
“ไปอาบได้แล้วนั่งคิดเหี้ยไรอยู่
หน้าแม่งตลก มึงอย่าคิดนะว่าทำหน้าแบบนี้แล้วจะน่ารัก สุดจะขี้เหร่เลย”
ผมเบะปากใส่มันไปทีโทษฐานขัดในอารมณ์และเน้นย้ำคำว่าขี้เหร่ชัดไป
เข้าไปอาบน้ำแปปเดียวแหละมันหนาวครับ
ไม่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นนะ อาบจากโอ่งดินกันเลยได้บรรยากาศดีชะมัด
พออกมาเท่านั้นแหละคุณเอ๊ยยย พี่เอย์ในกางเกงส
แลคตัวเดียวนอนถอดเสื้อหนุนแขนดูทีวีอยูบนเตียง
ผมงี้ฟินสิครับปั๊ดติโถ สรีระคุณชายยิ่งกว่าสาว ๆ มานอนแก้ผ้ารอเสียอีก
ผมคว้าหยิบเอาเสื้อเชิ้ตของพี่เอย์ออกมาใส่
หุยหอมว่ะแม่งหื้มมมม ผมสูดจมูกดมกลิ่นเสื้อเต็มที่ คล้ายคนโรคจิตนิดหน่อยนะผมว่า ผมก้มมองดูกระดุมเออว่ะไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง
จะได้นอนสบายๆตัวหน่อยเอ๊ะหรือว่าจะถอดแบบเดียวกับมันดีวะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นกูจะไม่เป็นลมเลยเหรอ
ตอนที่ขึ้นไปนอนอยู่ข้าง ๆ กันเนี่ย
“โอ๊ยยย!!!”
เสียงผมเองครับ
ผมอุทานดังลั่นขึ้นมาเลย หมอนใบโต ๆ
ปลิวมาใส่หัวผมอย่างแรงคือเอาเป็นว่าดับมโนผมไปจนสิ้นล่ะนะ ก่อนที่ผมจะหันไปดูว่าใครกันวะที่เป็นคนปามันมาแบบนี้
เสียงทุ้มต่ำของพี่เอย์ก็ดังขึ้น
“มึงนอนหน้าเตียงไป
มีเสื้อใส่แล้วก็ไม่ต้องใช้ผ้าห่ม”
อะไรของเขาวะ
ให้ขึ้นไปนอนด้วยกันไม่ได้หรือไง ที่นอนตั้งกว้าง
แล้วที่สำคัญมีผ้าห่มผืนเดียวด้วยนะ ผมต้องนอนบนพื้นปูนเย็น ๆ
ในขณะที่คุณชายนอนบนเตียงนุ่ม ๆ โอบล้อมไปด้วยผ้าห่มสีขาวผืนหนา
จิ๊!
“ปิดไฟดิ่
ง่วงแล้ว”
เสียงคุณชายสั่งมา
ผมเลยลุกขึ้นไปปิด จากนั้นลงมานอนลงที่หน้าเตียงในสภาพหมอนใบเดียวนั่นแหละครับ
หนาวว่ะแม่งผ้าห่มก็ไม่มี ไอ้คุณชายใจร้ายดูซิมันนอนกอดผ้าห่มชิดอกแบบนั้น
ทุเรศที่สุด ผมชะเง้อคอไปดูมันมีการกระตุกยิ้มเย้ยผมด้วยนะประมาณว่ากูได้นอนที่นอนนุ่ม
ๆล่ะวะ ผมหน้ายู่เลยสิครับทิ้งหัวลงที่หมอนกอดอกแทนผ้าห่มแล้วข่มตานอนลงไป นานพอสมควรแต่ผมก็ยังไม่หลับนะคือรู้สึกหนาว
ชะเง้อคอขึ้นไปอีกทีเห็นพี่เอย์หลับตาพริ้มไปแล้ว ทำไงได้ผมเลยพยายามที่จะหลับบ้างสิครับจะอยู่รออะไรอีก
กอดอกไว้แบบนี้ล่ะแม่ง หนาวฉิบหายแอร์ก็ตกที่หน้าเตียงพอดี๊พอดีเลย พื้นก็เย๊นเย็น
ผมข่มตานานมากแต่กลับหลับลงไม่ได้เลย คือพื้นมันเย็นมาก มันเป็นพื้นหินอ่อนขัด เอาล่ะวะผมมีแผนดี
ๆ แต่ขอดูพี่เขาอีกทีก่อนก็แล้วกัน คราวนี้รู้สึกพี่เอย์จะหลับตายไปแล้ว ผมก็เลย....
กระดื๊บๆๆค่อย
ๆ ไต่ขึ้นไปบนเตียง เตียงกว้างมากแต่พี่เอย์นอนอยู่ฝั่งเดียว ไอ้คุณชายใจร้าย
ผมจะนอนชิด ๆ ริม ๆ ขอแค่ความอบอุ่นของฟูกหรอก
รับรองเดี๋ยวกลิ้งลงมาทันทีก่อนคุณชายตื่นนอนตอนเช้าแน่
ตอนนี้ผมเลยมานอนตัวลีบๆอยู่ริมขอบเตียงแล้วเรียบร้อยด้วยความเงียบเชียบสุดขีด
แห่ะๆ ค่อยหายหนาวขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังเย็น ๆ อยู่ดี ผมหลับตาลงได้แค่พักเดียว ยังไม่ทันหายหนาวดีเลย
กลับมีความรู้สึกว่าใครอีกคนที่นอนร่วมเตียงกันอยู่เริ่มขยับ ผมรีบหลับตาปี๋แล้วพยายามกลั้นหายใจคือทำตัวให้ไม่มีตัวตนเงียบที่สุดเสมือนว่าเป็นอากาศธาตุอะไรแบบนั้นเพื่อไม่ให้ไอ้คุณชายรู้สึกว่ามีใครอีกคนนอนอยู่ด้วย
แต่คุณเชื่อไหม.....หน้าผมร้อนผ่าวไปหมดเลยเมื่อจู่
ๆ มือใหญ่ของพี่เอย์เอื้อมมาดึงตัวผมเข้าไปกอด
ตอนนี้เราสองคนเลยอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน พี่เอย์รู้เหรอว่าผมหนาว
ถ้าพี่เขารู้ว่าผมไต่ขึ้นมานอนอยู่ข้าง ๆ แล้วทำไมไม่ต่อว่าอะไรผมล่ะ แต่กลับทำอะไรแบบนี้ คติผมเลยนะ ถ้าผมอยากรู้ผมจะถาม
“พะ.......
“เงียบ!
อย่าถามมากพี่จะนอน”
เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบ
ทำเอาผมที่กำลังจะอ้าปากถามถึงกับตะลึงงัน เพราะนึกอะไรขึ้นได้กับสิ่งที่ได้ยินมาเมื่อตะกี้
คือมันพูดว่า
พี่?? พี่เอย์แทนตัวเองว่า ‘พี่’ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
นี่ผมหูฝาดป่ะวะ
หรือไม่งั้นมันก็ละเมอคิดว่าผมเป็นคนอื่นไปแล้วล่ะ
เฮ้ยแบบนี้ไม่ได้
มันนอนอยู่กับผมนี่ต้องให้รู้สิว่านี่คือผม ไอ้ปิง! มาคิดว่าผมเป็นคนอื่นนี่ผมไม่ปลื้มนะครับนะ
“พี่อะ......เย้ยยยยย!!!”
พี่เอย์ปิดกั้นคำพูดทุกอย่างของด้วยการกระทำที่รวดเร็วมากของมัน
มือใหญ่จับไหล่ผมแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมเลย ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกคือมันเกิดขึ้นเร็วมาก
ถึงมันมืดก็จริงนะ แต่ผมก็พอจะมองเห็นล่ะว่าคุณชายกำลังจ้องหน้าผมอยู่
“ขึ้นมาทำไมกูบอกให้นอนอยู่ข้างล่างนี่มึงไม่ได้ฟังใช่ไหม”
หว๋าย มันตื่นแล้วจริง ๆ เมื่อกี้ยังหลับอยู่เลยแท้ ๆ ไม่น่าเล้ยกูไอ้ปิงไม่น่าไปปลุกเสือหลับเลย
“ขอโทษครับ
ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“.............”
มันเงียบไป
“พี่เอย์ปล่อยผมดิ
ผมจะได้ลงไปนอน”
“ตัวมึงทำไมเย็น”
“ก็แอร์มันตกใส่ไง
ผมหนาวอ่ะ ไม่มีผ้าห่มด้วย”
พี่เอย์เงียบไปอีกแล้ว
แต่ผมรู้สึกนะ รู้สึกว่าได้ยินมันทำเสียงฮึดฮัดในลำคอด้วยคล้ายคนไม่พอใจอะไรสักอย่างก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ปิงกูโคตรรำคาญมึงเลย
หน้าตามึงแม่ง!” อะไรของมันวะ ทำไมต้องทำหน้าหงุดหงิดใส่ผมขนาดนี้ด้วย หน้าตาผมไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้นสักหน่อย
ตื่นขึ้นมาก็มาว่ากันเลย
“พี่อ่ะ
ผมไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้นสักหน่อย ปล่อยดิ
ผมจะได้ลงไปนอน” โว๊ะผมก็งอนเป็นนะ ผมบอกมันทั้งหน้าตางอ ๆ แบบนั้นแหละ
คือแอบเคืองนิดๆเหมือนกัน
มันปล่อยผมออกจริง
ๆ ผมเลยลุกขึ้นกำลังจะลงไปนอนข้างล่างที่เดิมผม ตรงพื้นเย็น ๆ นั่นแหละ
แต่ว่า......
“ไปนอนตรงนั้น
ห้ามกินมาที่กู” พี่เอย์ชี้ไปที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง
ซึ่งเป็นฝั่งที่คุณชายนอนอยู่เมื่อสักครู่ คือผมก็งงอยู่นะ
ทำไมมันไม่ให้ผมนอนฝั่งนี้ล่ะไหน ๆ ก็จะให้นอนบนเตียงด้วยกันแล้ว
“กูจะนอนแล้ว
มึงห้ามทำตัวรุ่มร่าม ตื่นมากูต้องเจอว่ามึงนอนสงบเงียบและเรียบร้อย”
“ครับผม
ปิงสัญญา พี่เหอะนอนให้ดีอย่าเฉียดมาใกล้ผมล่ะ”
“เหี้ยเหอะ
อย่างกูนี่ไม่ทางหรอกเว้ย กอดผักยังดีกว่านอนกอดมึง”
อู๊ยยยยยยโคตรเจ็บอ่ะ
เห็นผมผอมแบบนี้ตัวผมนิ่มนะบอกเลย
แม่ยังชอบนอนกอดผมเลยแม่บอกผิวผมนุ่มดี แล้วดุ๊ดูคุณชายมันพูด กอดผักดีกว่ากอดผม
ฮึ่ยยย
พี่เอย์มองหน้าผมแล้วอมยิ้ม
มันอมยิ้มจริง ๆ ครับคงคิดว่ากัดผมได้น่ะสิ จิ๊ ! จากนั้นมันก็ล้มตัวลงนอน ผมเองก็นอนบ้างสิครับ
ผ้าห่มเหรอ? อย่าถามเลยแค่ได้มานอนร่วมเตียงเดียวกับคุณชายก็วาสนาหมาปิงแล้ว
ผ้าห่มนุ่ม ๆ น่ะให้คุณชายเขาห่มไปเถอะ
แห่ะๆไม่ใช่อะไรหรอกคือพี่เอย์ไม่ได้ใส่เสื้อด้วยไงพี่แกถอดแล้วพาดไว้ที่เก้าอี้ตั้งแต่ก่อนจะไปอาบน้ำแล้ว
คงกลัวว่าพรุ่งนี้เสื้อจะเหม็นล่ะมั้งนะ
คืนนั้นผมก็หลับไปทั้ง
ๆ อย่างนั้นแหละครับ ยาวไปเลยคงจะเหนื่อยด้วย ตื่นเช้าขึ้นมาแสงที่ลอดส่องเข้ามาจากหน้าต่างฝั่งระเบียงรวมถึงเสียงนกร้องจิ๊บๆจั๊บๆทำให้ผมจำเป็นต้องลืมตาตื่น
คุณเชื่อไหมครับ....ตอนนี้ผมกับพี่เอย์ยังนอนร่วมเตียงเดียวกันเหมือนกับเมื่อคืนนะ
แต่ผมตอนนี้แตกต่างออกไป คำพูดของพี่เอย์ถูกรีเพลซ้ำเข้ามาในหัวสมองผมอีกครั้ง
“กูจะนอนแล้ว
มึงห้ามทำตัวรุ่มร่าม ตื่นมากูต้องเจอว่ามึงนอนสงบเงียบและเรียบร้อย”
ครับใช่ถูกต้องเลย
ผมตอนนี้นอนเรียบร้อยมากแต่คนที่ทำตัวรุ่มร่ามนั้นมันใช่ตัวผมเหรอ ถาม!
พี่เอย์นอนวาดวงแขนกอดตัวผมอยู่ ขณะที่แข้งขามันกับผมพันกันจนไม่รู้ขาใครเป็นขาใคร
ใบหน้าหล่อ ๆ ของพี่ท่านซุกอยู่ตรงซอกคอผมพอดี๊พอดี
นี่คือคุณชายยังไม่ตื่นนะ
เห็นไหมว่าผมนอนสงบเงียบและเรียบร้อยจริง
ๆ เป็นคุณชายเองต่างหากที่เป็นฝ่ายกระทำการรุ่มร่ามทุกอย่างกับผม คึคึคึ ตาย ๆ
ผมพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อนึกอะไรดี ๆ ออก
มือที่ถูกมันนอนหนุนอยู่วางอยู่ใกล้โทรศัพท์มือถือนิดเดียว
ผมเลยหยิบมาอย่างระมัดระวังที่สุด
คึคึคึ
แชะ!!!
ต้องถ่ายเอาไว้เถียงคนปากดีดิ่
ตื่นมาถ้ากล้ามาว่าผมทำตัวรุ่มร่ามนะ
พ่อจะเอารูปนี้ฟาดให้ดูเลยคอยดูสิเอ้า
แต่ว่าตอนนี้ต้องขอหลับตาต่อก่อนก็แล้วกัน
ให้คุณชายเขาได้ตื่นก่อน อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำหน้าตาแบบไหนถ้าหากเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายรุ่มร่ามกับผมแบบนี้
Tbc.