Wednesday, June 18, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) # 8 ใครกันที่นอนสงบเงียบและเรียบร้อย



# 8  



ห้าวันแล้วนับจากวันนั้นที่ผมไม่ได้แวะไปที่ห้องพี่เขาอีกเลย พี่เอย์เองก็เงียบหายไป.......

“ลูกพี่!”   ผมสะดุ้ง  ไอ้บาสเรียกผมอย่างดังมันตบลงมาที่ไหล่ จนปลุกผมออกจากภวังค์ความคิดทุกอย่าง

“เป็นไรอ่ะ นั่งเหม่ออีกแล้ว”

“เออช่วงนี้แปลกๆนะมึง เหม่ออยู่เรื่อยเลย” ไอ้วุฒิเสริมขึ้น พวกเรามาเตะบอลกันที่เก่าเวลาเดิมค่ำ ๆ แต่ผมออกจากสนามมาก่อน

“เห้อ  กลุ้มว่ะแม่ง” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนทิ้งตัวนอนลงที่สนาม พื้นหญ้าเย็น ๆให้ความรู้สึกว่าแผ่นหลังชื้นแปลก ๆ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยด้วยสิ

“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกกันดิ่  ผมว่าตั้งแต่ลูกพี่ไปทำงานกับคุณพี่เอลิซ่าอะไรนั่นนับวันลูกพี่แปลกไปยังไงไม่รู้ ชอบเหม่อ”

ไอ้บาสก้มลงมาดูผมที่นอนดูดวงดาวบนท้องฟ้า มันอายุน้อยกว่าผมและไอ้วุฒิหนึ่งปีเพราะงั้นมันจึงแทนตัวเองและเรียกผมเป็นลูกพี่เสมอ

“เขาชื่อพี่เอย์เว้ย เอย์เฉย ๆ ไม่ใช่เอลิซ่า”

“ก็เหมือนกันนั่นแหละ” เหมือนกันตรงไหนวะ  นี่ไอ้พวกนี้มันยังคิดว่าพี่เอย์เป็นผู้หญิงอยู่อีก? คึคึ ผมคิดแล้วขำหน่อย ๆ

“นั่นแน่ยิ้มแล้ว แสดงว่าคิดถึงพี่สาวคนนั้นจริงดิ่เนี่ย แหมๆแล้วมาเตะบอลกับพวกผมได้ทุกวัน แสดงว่าไม่ได้ไปหาพี่เอย์คนสวยหลายวันแล้วสินะ”

“เป็นอะไรมึง กลุ้มเรื่องอะไรนักหนา” ผมไม่สนใจเสียงนกเสียงกาของไอ้บาสเลย แต่พอไอ้วุฒิก้มลงถามผมเท่านั้นแหละ ทำให้ผมต้องฉุกคิด  วุฒิเป็นคนไม่ค่อยพูด เห็นท่าว่าครั้งนี้ผมคงทำหน้าจ๋อยเกินไปจริง ๆ เล่นเอามันถึงกับออกปากถามมาแบบนี้

“ไอ้พวกตัวดีมึงฟังกูนะ” ผมลุกขึ้นนั่งตัดสินใจบางเรื่อง หันมามองพวกมันสองคน ท่าทางมันตั้งอกตั้งใจมากเหมือนอยากรู้ว่าผมกำลังจะพูดเรื่องอะไร

“ตอนนี้กูกำลังคิดว่าตัวเองอาจจะกำลังถูกรัก”

“หืมม” มันสองคนหืมออกมาพร้อมกัน

“นั่นแหละที่กูกลุ้มอยู่”

“กับใครอ่ะพี่  ใคร?  ใครที่มันบังอาจมารักพี่ปิงของพวกผม โอ๊ยยย!” ผมโบกหัวมันไปที หนอย ๆ ใช้คำว่าบังอาจได้ไงวะไอ้บาสนี่ มีคนมารักกูก็ดีแล้วไม่ใช่ไง

“มึงฟังดี ๆ” คราวนี้ผมกระซิบ พวกมันเลยพลอยยื่นหัวลงมาสุม ๆ กันเพื่อรอฟัง

“กับพี่เอย์นั่นแหละ”

“ห๋า!!!!!!”  แม่งทำหน้าตาตื่นทำไมวะไอ้พวกลูกสมุน ไม่ใช่แค่มึงที่ตกใจหรอก แต่กูนี่ตกใจยังลงไม่ได้มาห้าวันแล้ว

“มึงรู้ได้ยังไงปิง” เป็นไอ้วุฒิถามขึ้น ไอ้ห่านี่วันดีคืนดีมันก็เรียกผมว่าลูกพี่ แต่ถ้าวันไหนมันจริงจังมันจะเรียกผมว่าปิง ท่าทางวันนี้มันซีเรียสแล้ว

“กูรู้ดิ่ กูถามมาแล้ว”

“เห้ย!!!!” อีกครั้งแล้วที่มันเห้ยขึ้นมาพร้อมกัน

“แล้วพี่เขาบอกว่าชอบมึง?” ไอ้วุฒิ ไอ้กืก มึงนี่มันถามจี้ใจดำกูอีกแล้ว

“เปล่า  เขาบอกว่า ไม่-ได้-ชอบ

“อ่าวววววววววววววววววว” ดู๊ดูมัน สองตัวพร้อมใจกันอ้าว เบะปากหันไปคนละทิศคนละทางโห่ผมอ่ะ

“กูถึงได้นั่งกลุ้มอยู่แบบนี้ไง”

“ยังไงอ่ะ งงๆนะลูกพี่” หมาบาสมึงนี่มันก็ฟังกูให้จบก่อนดิวะ

“กูว่าพี่เขาแปลก ๆ ว่ะ บอกไม่ได้ชอบแต่การกระทำอะไรพวกนั้นมันไม่ใช่ไง คือกูรู้ของกูแหละว่าพี่เขาชอบกูแหง” เรื่องจูบผมละไว้ไม่บอกพวกมันหรอกนะ แค่นี้ท่าทางพวกแม่งตื่นเต้นมากแล้ว

“แบบนี้มันต้องพิสูจน์สิพี่” ไอ้บาส ไอ้ตัวดีมึงคิดไม่ต่างจากกูเลย คึคึ

“กูกำลังคิดอยู่ว่าจะพิสูจน์ยังไงดี แต่ตอนนี้คือยังคิดไม่ออก”

“ก็เลยนอนกลุ้มใจอยู่งี้น่ะเหรอ หลบหน้าเขาด้วยป่ะเนี่ยรู้สึกว่าไม่ไปทำงานหลายวันแล้วนี่”

“.....เออ” ไอ้พวกแสนรู้

“แล้วพี่ชอบพี่เอย์เธอรึเปล่าล่ะ” ไอ้บาสมันยังคิดว่าพี่เอย์เป็นผู้หญิงอยู่นะครับ

“ห๊ะ? อะไรนะ” ผมได้ยินไม่ชัด ไอ้พวกในสนามแม่งโห่เฮอะไรกันไม่รู้

“ผมถามว่า แล้วพี่ชอบพี่สาวคนนั้นเขารึเปล่า”

“ไม่รู้ดิวะ แต่คิดว่านิด ๆ แล้วล่ะ มึงก็รู้กูก็เล่นไปเรื่อย ยังไม่รู้เลยไอ้คำว่าชอบแบบจริงจังมันเป็นยังไง แต่ก็คิดว่าชอบล่ะนะ” คือผมเก็บเอาเรื่องพี่เขามาคิดขนาดนี้ผมว่าคราวนี้ผมอาการหนักอยู่นะ ปกติกับสาว ๆ ถ้าผมชอบก็คือเดินหน้าจีบเลยไง ถ้าเขาชอบก็โอเคคบ ๆ กันไปแต่ไม่ได้จริงจังหรอก เหมือนเคยบอกไปแล้วนะว่าผมเจ้าชู้ สาว ๆ น่ะดูง่ายถ้าเขาไม่ชอบเขาก็จะไม่มาทำดีแสดงออกอะไรต่าง ๆ ให้ผมเข้าใจผิดหรอก แต่กับพี่เอย์มันแปลก คือคุณชายทำไมไม่เหมือนใครวะ บอกว่าไม่ชอบแต่การกระทำมันไม่ใช่เลยไง แล้วยังมาจูบผมอีกแถมด้วยคำพูดแปลก ๆ ว่าไม่ได้ชอบ ผมโคตรอยากถามอ่ะ พี่จูบกับคนที่ไม่ได้ชอบได้ด้วยเหรอวะ คือผมอาจจะซื่อใช่ไหม แต่คือถ้าพี่ไม่ชอบผมอย่ามาทำอะไรกับผมงี้สิ ผมเองก็มีหัวใจนะอ่อนไหวมากอยู่เหมือนกัน เห้อ  ผมเลยต้องมานั่งกลุ้มอยู่เนี่ย

“ชอบก็จีบสิครับลูกพี่ อะไรกันเรื่องจีบสาวนี่พี่ปิงไม่เห็นเคยต้องให้สอน ทำไมคราวนี้แค่เป็นรุ่นพี่เข้าหน่อย หน้าเหวอหลายวันอยู่แบบนั้นเลย”

“ก็คนนี้ไม่เหมือนคนอื่นนี่หว่า”

“ยังไง”

“เขาสวย เขารวย เขาแปลก (ที่สำคัญเขาเป็นผู้ชายอันนี้ผมไม่ได้พูด)....เหมือนดอกฟ้าเลยว่ะแม่ง ถึงกูชอบพี่เขาแล้วกูจะกล้าเหรอ”

“โถถถถถถถถถถถถถถ ลูกพี่ปิงช่างน่าสงสาร ริอ่านไปชอบดอกฟ้า เห็นเขาโน้มกิ่งลงมาเลยคิดจะเด็ดดมสุดท้ายเขาบอกไม่ได้ชอบซะงั้น กร๊ากกกกก”

“ไอ้พวกเหี้ย!” ผมแจกคำสุภาพพวกมันไป  แม่งพวกมันสองคนหัวเราะผมพร้อม ๆ กันอ่ะแถมไอ้วุฒิมันยังเอามือมาลูบหัวผมทำทีเป็นปลอบใจอีกต่างหาก หน้าตาแม่งเสแสร้งกันทั้งคู่ ผมเลยแจกฝ่าพระบาทยันใส่มันไปคนล่ะทีโทษฐานพูดความจริง 

คิดแล้วก็ตลกครับ ไอ้พวกนี้มันคิดไปได้ว่าพี่เอย์เป็นผู้หญิง ผมเองก็พลอยเล่นไปกับพวกมันด้วย ไว้โอกาสดี ๆ ผมจะบอกความจริงมันละกัน หึหึหึ





ฝนโปรยลงมาแล้ว

ผมยืนทำใจก่อนจะทาบคีย์การ์ดแตะลงไป หลังเตะบอลเสร็จว่าจะตรงกลับหอเลย รู้สึกตัวอีกทีรถมอไซด์ผมดันมาจอดลงที่คอนโดหรูหรานี้เสียได้ คิดอยู่เหมือนกันว่าดึกไปไหม แต่ช่วยไม่ได้นะ ไหน ๆ ก็มาถึงแล้วขึ้นมาดูคุณชายเขาหน่อยแล้วกัน ป่านนี้ห้องคงจะรกพี่แกอาจจะบ่นแย่แล้ว ผมหายไปหลายวันแล้วด้วย








  ~ ~     จะเก็บเอาไว้ในวันที่จะเผยใจ     รอวันนั้น วันที่ฉันแน่ใจ

ว่าวันนี้เธอคิดว่าฉันนั้นใช่    และเธอพร้อมจะฟังความข้างใน ~ ~  

  ~ ~     จะบอกว่า รัก ให้เธอได้ยินใกล้ๆ    บอกความรักเธอได้หรือไม่

~ ถ้ายังไม่ชัดฟังอีกครั้งก็ได้      ได้ยินไหมว่า รักเธอทั้งหัวใจ


เสียงเพลงดังคลอเบา ๆ ทันทีที่ผมผลักบานประตูเข้ามา เครื่องเสียงชั้นดีนี่ทำให้บรรยากาศของเพลงยิ่งดีขึ้นไปอีกนะผมว่า ผมกวาดตามองหาเจ้าของห้องแต่ยังไม่เห็น ปกติดึก ๆ พี่เอย์จะชอบนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟามุมที่มองเห็นแม่น้ำแล้วก็กินโน่นกินนี่ไปด้วย

แต่วันนี้ทีวีไม่เห็นเปิด มีแต่เสียงเพลงที่ดังขับกล่อมโอบล้อมบรรยากาศให้ดูอบอุ่น  ผมเดินเข้าไปเงียบ ๆ ตกใจเหมือนกันที่เห็นว่าคุณชายนอนเงียบอยู่ที่โซฟา มีหนังสือเล่มบาง ๆ กางปิดใบหน้าไว้  ผมยืนมองพี่เขานิ่งขณะคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาของเรา

วันนั้นเป็นผมเองที่ไม่ควรเอ่ยถามออกไปเลย คุณเชื่อไหม...ใจผมตอนนี้ยังสั่นอยู่เลยนะ พี่เอย์บอกว่าไม่ได้ชอบผม คำว่า ไม่ได้ชอบ โคตรจะดังกึกก้องอยู่ในหัวใจแต่อีกความรู้สึกคือ แล้วพี่มาจูบผมทำไมวะ?  คือถ้าไม่รู้สึกอะไรด้วยจริง ๆ ช่วยอย่าทำอะไรให้มันคลุมเครือแบบนี้ดิ

ผมเดินเข้าไปใกล้ขณะในใจคิด ถ้ายกหนังสือออกให้ พี่เขาจะรู้สึกตัวตื่นหรือเปล่าวะ หลังจากนั้นคือ เราจะพูดอะไรกันเหรอ? แต่ร่างกายของผมไปไวกว่าความคิดมากจริง ๆ  ผมดึงหนังสือเล่มบาง ๆออก ดีนะที่มันไม่รู้สึกตัวไม่งั้นคงได้ด่าผมเปิงไปแล้ว

ใส่แว่นด้วยเหรอเนี่ย  ผมไม่เคยเห็นพี่เอย์ใส่แว่นมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว สงสัยน่าจะใส่เฉพาะตอนอ่านหนังสือมั้งนะ ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นนี่มันก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบเหมือนกันเนาะ ดูดีว่ะพี่  คึคึ  นั่นคือสิ่งที่จุดรอยยิ้มของผมขึ้นมาได้อีกครั้ง ผมอยากเอื้อมมือไปถอดแว่นมันออกมาวางไว้ให้อยู่หรอก แต่ถ้าทำแบบนั้นคิดว่าคงตื่นชัวร์ๆเลยคิดว่าไม่ดีกว่า

พี่เอย์เป็นคนสะอาด นี่คือเรื่องจริงนะครับ ข้าวของเครื่องใช้ที่ผ่านตาตอนนี้ยังคงสะอาดสะอ้านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แม้ว่าผมจะไม่มาหลายวันแต่ไม่มีอะไรระเกะระกะไม่เข้าที่เลย ทุกอย่างยังคงสภาพเดิมเหมือนตอนที่ผมทำไว้ให้ไม่มีผิด ผมเดินไปที่ครัวมีแก้วน้ำใช้แล้วอยู่สี่ห้าใบ ไม่มีจานอาหารใช้แล้ว อ่างล้างจานแห้งสนิทราวกับว่าไม่ได้ถูกใช้งานเลย พี่เอย์คงจะสั่งอาหารขึ้นมาทานทุกมื้อเพราะมีใบเสร็จค่าอาหารวางกองอยู่ที่โต๊ะเยอะมาก

ผมจัดการล้างแก้ว เสร็จแล้วจึงดูเวลา ดึกมากพอสมควรไว้วันหลังผมจะมาใหม่ก็แล้วกัน พี่เขายังนอนนิ่งอยู่ที่เดิมขณะที่ผมเดินไปหยิบเอากระเป๋าขึ้นมาคาดใส่ไหล่

ให้ตายเหอะ นี่ผมถือวิสาสะไปรึเปล่านะ รู้ตัวอีกทีผมก็หอบเอาผ้าห่มนุ่ม ๆ สีขาวที่คุณชายชอบใช้กอดนอนเป็นประจำออกมาห่มคลุมให้ ชายผ้าห่มตกลงมาที่พื้นเนื่องจากโซฟามันเตี้ยและก็แคบ เดี๋ยวตื่นมาจะโวยวายว่าผ้าห่มเปื้อนอีกไหมเนี่ย แต่ช่างเถอะครับก็แอร์มันหนาวนี่ผมจะปล่อยให้คนนอนหลับอยู่ตรงนั้นแข็งตายได้ยังไงกันล่ะ

ก่อนออกไปผมเพิ่งสังเกตนะว่าเพลงที่มันเปิดค้างไว้ถูกรีเพลซ้ำไปซ้ำมาอยู่เพลงเดียวเลยนี่หว่า ไหนลองฟังชัดๆดูซิ มันเพลงอะไรกันวะชอบนักหรือไง

.......จะบอกว่า รักให้เธอได้ยินใกล้ๆ

บอกความรักเธอได้หรือไม่

 ถ้ายังไม่ชัดฟังอีกครั้งก็ได้

ได้ยินไหมว่า รักเธอทั้งหัวใจ


คือผมไม่รู้ล่ะว่ามันจะเนื้อหาก่อนหน้านั้นเป็นอะไรยังไง แต่หูผมได้ยินแค่ไอ้สี่ประโยคนี้นี่

ทำไมล่ะครับ ถ้าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองนี่ผมจะผิดมากเหรอ  คือตอนนี้ผมยิ้มจนแก้มแทบแตกอีกแล้ว ประโยคสุดท้ายของเพลงนั่นมันอะไร????






RRRRR
RRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR

เสียงมือถือดังยาวเรียกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ปล่อยมันไว้ทำเป็นไม่ได้ยิน  หลังกลับมาจากห้องคุณชายฝนโปรยมาตลอดทางหนาวก็หนาว พอมาถึงผมอาบน้ำสระผมแล้วรีบเข้ามาซุกตัวนอนในผ้าห่มเลยสิ ปากนี่ยังสั่นอยู่เลยนะ กำลังจะจมลงในห้วงฝันอยู่แล้วเชียว ใครวะ ดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้ยังจะโทรมาอีก

พลิกตัวไปอีกทาง หลับตาปล่อยให้มันดังต่อไปอีกสักระยะนั่นแหละครับ ถึงจะเริ่มสอดไม้สอดมือควานหา จำได้ว่าวางไว้ข้าง ๆ ตัวนะแต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมหาไม่เจอ มืดก็มืด ผมปิดไฟแล้วด้วย

ตกใจนิดหนึ่งตอนที่เห็นว่าเป็นสายใครที่โทรเข้ามา เราไม่ได้คุยกันเลยเกือบอาทิตย์แล้ว...........พี่เอย์

“ครับพี่”  ผมกดรับ

“.............................” พี่เอย์เงียบไป โทรมาหาแล้วทำไมไม่พูดอะไรเลย  ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหนาวขึ้น ตอนนี้ปากยังสั่นอยู่เลยนะ ห่มผ้าจนถึงคอเลยขดตัวไว้งอๆให้เหมือนกุ้ง

“พี่เอย์ ฮัลโหลพี่ยังอยู่รึเปล่าครับ”

“เป็นอะไร” คุณชายถามขึ้นเรียบๆ ท่าทางจะจับเสียงสั่น ๆ ของผมได้

“เปล่าครับ ผมหนาวน่ะเมื่อกี้ตากฝน”

“.....................” พี่เอย์เงียบไปอีกครั้ง

“พี่เอย์ครับ” ผมก็เรียกมันอีก

“ทำไมมาแล้วมึงไม่เรียกกู” เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบเลย นี่รู้เหรอว่าผมไป จริงสิคงจะเห็นผ้าที่ห่มไว้ให้ล่ะมั้งนะ ช่วยไม่ได้ยังไม่อยากเห็นคนหนอนแข็งตาย 

“ปิง”

“ครับ”

“นอนหรือยัง”

“ครับ กำลัง”

“พรุ่งนี้จะเข้ามาไหม”

“ว่าจะเข้าไปเย็น ๆ น่ะครับ” พรุ่งนี้วันเสาร์ปกติผมจะไปห้องมันสาย ๆ แต่ไม่รู้อะไรดลใจจู่ ๆ ผมดันตอบว่าจะเข้าไปเย็น ๆ ซะงั้น

“มึงอยู่ช่วยที่ร้าน?”

“อ่า ใช่ครับ”

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องเข้ามา”

“ห๊ะ?” ตายห่าโกรธเหรอวะ ผมหายไปแค่อาทิตย์เดียว แหม่ ก็ต้องให้ผมปรับสภาพจิตใจบ้างดิครับเจอแบบนั้น ผมคนนี้ไม่ใช่หน้าด้านหน้าทนนะ หน้าแตกยับขนาดนั้นอ่ะ ขอผมทำใจบ้างเหอะ

“พรุ่งนี้กูจะไปทำธุระแถวอัมพวา มึงใส่สูทที่กูซื้อให้วันนั้นแล้วรออยู่ที่ร้าน เดี๋ยวกูแวะเข้าไปรับ ซักประมาณบ่ายสี่โมงก็แล้วกัน”

“พี่จะให้ผมขับรถให้เหรอครับ”

“ก็ใช่น่ะสิ  ไอ้หมาปิง นี่มึงคิดว่ากูจะชวนมึงไปทำไมถ้าไม่เอามึงไปขับรถ” พี่เอย์คนเดิมกลับมาแล้วแฮะ โด่วเห็นเก็กทำเป็นเสียงแข็งอยู่ตั้งนาน ของจริงต้องเสียงเขียวต่างหาก แลดูอารมณ์ดีขึ้นแล้วด้วย

“ถ้างั้นให้ผมไปหาพี่ที่ห้องเลยไหมแล้วก็ออกมาพร้อมกันเลย ” จะให้ใส่สูทหรูๆแบบนั้นรออยู่ที่ร้านให้แม่กับพี่ขมเห็นเหรอ โอ๊ยไอ้ปิงมึงโดนแม่ล้อเป็นปี ๆ แน่

“ไม่อ่ะ เดี๋ยวกูไปที่ร้านมึงสักสี่โมงเย็น”

“นี่พี่จะไปรับผมจริงเหรอ”

“ไอ้ปิงนี่มึงกำลังคิดอะไร ร้านมึงน่ะเป็นเส้นที่กูต้องผ่านออกไปอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้มึงวนเข้ามาอีกหรอก อย่ามาทำเป็นเรื่องมากดึกแล้วรีบนอนซะ พรุ่งนี้เจอกัน”

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”

“ใครห่วงมึงบ้าเหอะ ที่กูให้มึงรีบนอนเนี่ยเพื่อจะได้ขับรถให้กูพรุ่งนี้ดี ๆ ต่างหาก ห่มผ้าให้ดี ๆ ด้วยเกิดป่วยขึ้นมาไม่มีคนขับรถให้กูพรุ่งนี้กูไม่แย่หรือไง”

“ครับๆ”

“กูวางแล้วนะ”

“ครับผม เอ้ยพี่เอย์”

“เรียกทำไม”

“เพลงเพราะดีนะพี่”

“เพลงอะไรของมึง” น้ำเสียงท่าทางสงสัยเชียว คงคิดว่าผมพูดเรื่องอะไร

“ก็เพลงที่พี่เปิด แล้วนอนฟังจนหลับคาหนังสือไปเลยน่ะ”

“..........................” เอาล่ะเหว๋ย มันเงียบไปเลยแสดงว่าเพลงนี้ต้องมีอะไรดี ๆ

“ผมชอบฟังอ่ะ เพลงประกอบเรื่องฮอร์โมน ตอนนั้นผมติดเลยนะ พี่เองก็ชอบเหรอ”

“.....อือ” พี่เอตอบแล้วเงียบไปอีก ผมก็เลย....

“นั่นแน่ ชอบน้องสไปร้ท์ใช่ไหมล่ะ เสียใจด้วยนะพี่นั่นน่ะผมจองไว้แล้ว พี่ไม่มีสิทธิ์หรอกคร๊าบ” ผมแกล้งกวนพี่เอย์ แต่สิ่งที่มำให้ผมอึ้งสุด ๆ เลยก็คือสิ่งที่พี่เขาตอบออกมาต่างหาก

“เปล่า กูชอบไผ่ น่ารักดีว่ะ”

คิ้วผมกระตุกสิครับ ทีถามว่าชอบผมเหรอดันตอบซะแจ่มชัดว่าไม่ได้ชอบ แล้วทีงี้ดันมาบอกว่าชอบไผ่ เดี๊ยะๆพี่เอย์นี่ทำผมอารมณ์เสียจะได้หลับได้นอนไหมคืนนี้

“อะไร เงียบไปเลยเหรอมึง เดี๋ยวจะบอกอะไรดี ๆ ให้ยิ่งกว่านี้อีก  ตั้งใจฟังดี ๆ นะมึง ไอ้หมาปิง” ผมหูผึ่งเลยสิครับพี่เอย์กำลังจะพูดอะไรวะ

วันอาทิตย์เข้ามาเอาเครื่องเสียงไปซ่อมให้ให้กูด้วย

“หือ?”

“มันเสียไง มึงไม่ได้ยินเหรอ”

“เสีย?” ผมทวนคำนี่คือ ผมงงจริงนะ พี่เอย์พูดอะไรวะ บอกผมตั้งใจฟังแค่จะให้เอาเครื่องเสียงไปซ่อมเนี่ยนะ

“เออ  มันเล่นอยู่เพลงเดียวซ้ำไปซ้ำมาไม่เรียกว่าเสียให้กูเรียกว่าอะไร” อ้าวฉิบหาย แล้วที่ผมยิ้มแก้มแทบแตกคิดอยู่คนเดียวมาตลอดทางกลับบ้านนี่คือ??

“ไม่ใช่ว่าพี่ตั้งรีเพลซ้ำที่เพลงนี้เหรอ”

“หมาปิงเอ๊ย มึงนี่ก็คิดได้เนาะ กูจะบ้าฟังเพลงๆ เดียวซ้ำไปซ้ำมาทำไม ไม่ได้ปัญญาอ่อนแบบมึงนี่”

แป่วววววว คิ้วผมทั้งกระตุกทั้งขมวดนิด ๆ แล้วนะผมว่า แอบได้ยินเสียงที่ปลายสายหัวเราะในลำคอลอดผ่านมาด้วย หนอยยยยนี่แกล้งกันเหรอ ทำเป็นพูดว่าเครื่องเสียงเสีย ผมว่ามันไม่ใช่หรอกม้างงงง คึคึคึ

“มึงหัวเราะอะไรหมาปิง”

“เปล่า ผมตลกพี่อ่ะ”

“ตลกอะไร”

“มีคนเขาบอกว่าพี่ปากหนัก ระวังจะห้อยตกลงมาถึงพื้นนะพี่”

“ไอ้หมาปิง!” เหย๋ยยยเสียงเขียวมาอีกแล้ว หลังจากนั้นผมเลยรีบบอกว่าจะวางแล้วนะจะได้นอน นั่นแหละถึงจะหลบคำด่าพี่แกมาได้  

คืนนั้นจะว่าไปก็เหมือนกับว่าอาการอึดอัดแปลก ๆ ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาหายเป็นปลิดทิ้งเลยนะ พี่เอย์ไม่ได้พูดเรื่องจูบวันนั้นของเรา เฉยไปเลยทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรมาก่อน  ท่าทางน้ำเสียงทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เป็นคน ๆ เดิมที่ผมคิดได้แล้วล่ะว่า คุณชายท่านปากหนักมากจริง ๆ เพราะอย่างงั้นตอนนี้ผมจึงได้ข้อสรุปความเป็นพี่เอย์ออกมาแล้วหนึ่งอย่าง

คนอย่างพี่มันฟังอย่างเดียวไม่ได้หรอก ต้องดูสิ่งที่พี่ทำนั่นแหละดีที่สุด





บ่ายแก่ ๆ วันเสาร์

“ปิง  ทำอะไรอยู่หลังร้านน่ะลูก ทำไมไม่ออกมาช่วยพี่ขมเสิร์ฟอาหาร”

เสียงแม่ตะโกนเข้ามา ผมตอนนี้เดินลุกลี้ลุกลน คือจะว่าไงดีวะเอาเป็นว่าโคตรจะตื่นเต้นสุด ๆ ผมหอบเอาเสื้อผ้าชุดสูทหรูหรามาจากหอ ตอนเข้ามาวิ่งปรู๊ดสุดขีดแม่คงไม่เห็นว่าผมหอบเสื้อสูทมาด้วย มีแต่พี่ขมที่มองแต่พี่แกก็ไม่ได้พูดอะไร คุณรู้ไหมผมหายเข้ามาเป็นชั่วโมงแล้วนะ คุณนายคงผิดสังเกตก็เลยมาตามผมน่ะสิครับ

“อะไรกันน่ะปิง  คิคิคิ  ปิงใส่ชุดอะไรน่ะลูก คึคึคึ ขมๆ เข้ามาดูปิง ๆเร็ว หลานแต่งตัวอะไรเนี่ย ตลกเสียจริง”

“แม่อ่ะ อย่าหัวเราะปิงสิครับ ปิงอยากแต่งมากเหอะไอ้ชุดแบบนี้น่ะ”

ผมคิดไว้แล้วที่ไหนเห็นไหมล่ะ แม่ยังหัวเราะอยู่ไม่หยุด ปากเล็ก ๆ สีอมชมพูของแม่ยิ้มกว้างอย่างที่ผมไม่ค่อยได้เห็นมาก่อนเลยนะ คงคิดว่าผมแต่งแบบนี้แล้วมันไม่ใช่สไตล์แบบลูกชายเขานั่นแหละ พักนึงพี่ขมเดินเข้ามาดูบ้าง ไม่ต่างกับแม่หรอกครับยิ่งแล้วใหญ่พี่ขมยกมือขึ้นป้องปากแล้วหัวเราะร่วนเลย

“หล่อนะเรา ปิง ๆ หึหึหึหึ”

“พี่ขมอ่ะอย่าล้อปิงดิ่” ผมว่าหน้างอ แหมคุณนายกับพี่ขมทำเอาหมดความมั่นใจไปนิด ๆ นะเนี่ย

“ผมหล่อเหมือนกันเหอะ”

“จ้าพ่อคนหล่อ ว่าแต่ปิงจะไปไหนล่ะลูก ทำไมถึงแต่งชุดแบบนี้ครับ นี่ไปเช่ามาเหรอเนี่ย หรือไปยืมของใครเขามา” คุณนายเริ่มทำหน้าสงสัย คงเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลว่าทำไมจู่ ๆ ผมใส่เสื้อผ้าหรูหราแบบนี้

“เปล่าครับ คือปิงรับจ๊อบพิเศษเป็นคนขับรถให้กับพี่คนนึงอยู่น่ะครับแม่ แล้ววันนี้คุณชายเขาจะให้ปิงขับให้”

“คนขับรถ? นี่คือเสื้อผ้าคนขับรถงั้นเหรอ?” คุณนายทำท่าทีสงสัยขึ้นอีก

“ครับใช่ นี่แหละเสื้อผ้าคนขับรถ เดี๋ยวคุณชายเขาจะแวะมารับปิงนะ”

“เขาให้ปิงเป็นคนขับรถของเขา แต่เขาจะแวะมารับปิงที่นี่” ทำไมแม่ทำหน้าแบบนั้นวะ ผมกำลังนึกสงสัย

“ครับใช่”

“เจ้านายเราแปลกนะปิง เออ แปลก” แม่พึมพำออกมาเบา ๆ พอดีว่ามีลูกค้าเข้าร้านพี่ขมเลยเข้ามาเรียกแม่ออกไป ผมเลยได้แต่ยืนรออยู่ด้านใน พร้อมกับส่องดูหน้าร้านไปด้วยว่าพี่เอย์มาถึงหรือยัง อารมณ์ประมาณเจ้าสาวแอบมองอยากรู้ว่าเจ้าบ่าวมาถึงเรือนชานหรือยังนั่นแหละครับ  แอร๊ยยย~~ล้อเล่น


ปิ๊นนนน

ตายๆกูตายเสียงแตรรถดังมาจากหน้าบ้าน ผมเข้าห้องน้ำเป็นรอบที่สิบแล้วมั้ง จะตื่นเต้นอะไรผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ก็แค่พี่เขาบอกจะมารับแล้วให้ผมแต่งตัวรอ ฮึ่ย ผมยิ่งรีบแม่งซิปก็ยิ่งรูดยากกว่าจะใส่เข็มขัดอะไรอีกแล้วนี่ทำไมชุดนี้มันต้องมีไอ้เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในที่รัดติ้วขนาดนี้ด้วยวะ ดีนะที่ผมผอมถ้าอ้วน ๆ น่ะหมดสิทธิ์แน่

ผมรีบถลาออกมาทันทีที่แต่งตัวเสร็จ แม่เดินเข้ามาพอดีท่าทางร้อนรนชอบกล

“ปิงลูก ใครไม่รู้มาจอดรถอยู่หน้าร้านเราแต่งตัวแปลก ๆ แบบลูกเลย นั่นเจ้านายลูกหรือเปล่า คนที่ปิงบอกว่าจะมารับลูกน่ะ”

แม่พาผมเมียงมองออกไปที่หน้าร้าน เยื้องไปนิด ๆ แต่ทำไมวะ  ทำไมเราต้องทำท่าแอบมองเหมือนคนกำลังทำความผิดผมเองก็ไม่เข้าใจ เห็นพี่เอย์ลงมายืนคอยอยู่แล้วมองเข้ามาทางนี้อีกด้วยดีนะ ตาย ๆ หน้ามันงอรึ
เปล่าผมพยายามหรี่ตาดูมันให้ชัด ๆ สงสัยเย็นแล้วไม่มีแดดถ้าเป็นตอนกลางวันแดดเปรี้ยงๆคิดเหรอคุณชายจะลงมายืนรอ

“ใช่แล้วครับแม่นั่นแหละเจ้านายปิง งั้นปิงไปนะ พี่ขมปิงไปนะ”

ผมรีบเดินออกมาบอกแม่แล้วโบกมือบอกพี่ขม พอออกจากร้านมาได้เจอคุณชายมองมาทางนี้แล้วพอดี

พี่เอย์หล่อมากจริง ๆเหอะ ยิ่งอยู่ในชุดนี้และทำผมแบบนี้ด้วยแล้ว ออร่าคุณชายยิ่งจับ

“ทำไมแม่มึงไม่ออกมา” นี่คือคำพูดแรกหลังจากเราไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายวัน ผมเซ่อไปนิดหน่อย พี่เอย์พูดอะไร? คือจะสื่อว่าอะไร

“กูถามว่าทำไมแม่มึงไม่เดินออกมาด้วย”

“อะ...เออแล้วทำไมแม่ผมต้องเดินออกมาด้วยล่ะ” เออผมก็งงนะ พี่เอย์พูดอะไรของมันวะ

“งั้นกูจะสวัสดีท่านได้ยังไง” อ้อ ที่แท้แบบนี้เอง โถ่เอ้ยไอ้คุณช้ายย อยากสวัสดีแม่ผัว เอ้ยไม่ใช่ แม่ผม

“พี่จะสวัสดีแม่ผมเหรอ”

“เออ ก็เขาเป็นแม่มึงไม่ใช่รึไง” โอ๊ยยยพระแม่มาลีที่รักคุณชายอยากสวัสดีแม่แต่พูดจาแบบนี้ กูปวดหัวเลยจริง ๆ

“ถ้างั้นต้องเดินเข้าไปสิครับ พี่เป็นเด็กต้องเดินเข้าไปสวัสดีแม่ผมสิ คุณนายไม่ออกมาหรอกกลัวร้อน แฮ่ ๆ ไม่ใช่หรอกแม่ตำส้มตำอยู่น่ะ ติดลูกค้า”

“งั้นก็พากูเข้าไปสิ” เอาจริงเหรอเนี่ย ผมมองพี่เอย์อย่างงงๆเหมือนกัน แต่ก็เดินนำเข้าไปเมื่อเห็นหน้าตาพี่เอย์จริงจังไม่เหมือนคนพูดเล่น ๆ  แม่ตกใจแทบลมจับคาครกส้มตำพอเห็นพี่เอย์ยกมือขึ้นไหว้ แกปล่อยสากกระเบือแล้วรับไหว้คุณชายเกือบไม่ทัน

“สวัสดีค่ะคุณชาย”

เย้ยย!!!! ผมสะดุ้ง แม่ทำไมพูดจาแบบนั้น พี่ขมยิ่งแล้วใหญ่ถอยหลังออกไปยืนไว้อาลัยอย่างไกล ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านพอได้ยินแม่เรียกคำว่าคุณชายต่างหันมาดู พี่เอย์นี่หน้าตาเหรอหรามองแม่กับครกส้มตำสลับกัน สุดท้ายปรายสายตามาทางผมเขียวปั๊ดเลย คิดว่าคงนึกอะไรออกแล้วว่าทำไมแม่เรียกพี่แกแบบนั้น

“แม่ครับ นี่พี่เอย์ครับ พี่เขาไม่ใช่คุณชาย แต่คือชื่อพี่เอย์” ผมรีบเดินเข้าไปกระตุกแถบผ้ากันเปื้อนที่แม่สวมอยู่ แล้วส่งสายตาประมาณว่า เขาไม่ใช่คุณชายหรอกแม่อันนั้นคือคำที่ผมเปรียบเปรย

คุณรู้ไหมอย่างฮาเลย แม่ผมเก็ตครับรีบทักใหม่ คราวนี้พี่เอย์สีหน้าดีขึ้นหน่อย จากนั้นแม่ก็บอกให้คุณชายอบรมสั่งสอนผมให้เต็มที่ไปเลย

“พี่ขมนี่พี่เอย์เจ้านายปิงเอง” ผมแนะนำพี่ขมด้วย

“พี่ขมเป็นเพื่อนแม่ครับพี่เอย์  เป็นพี่เลี้ยงผมด้วยนะ” ประโยคหลังผมหันไปกระซิบพี่เอย์ พี่เขายกมือไหว้พี่ขมด้วยอีกคน จะว่าไปวันนี้พี่เอย์ใจหล่อมากครับ หน้าตาไม่ต้องพูดถึงคือหล่อลากอยู่แล้ว

“งั้นผมลาเลยนะครับคุณน้า” มันเรียกแม่ผมว่าคุณน้าด้วย ใช้ได้ๆ แหมแบบนี้แม่รับพี่เอย์เป็นลูกสะใภ้ได้แน่ ๆ ผมคิดเพ้อไปจนตาลอยหันมาอีกทีเจอสายตาเขียวปั๊ดจากมันอยู่

“จ้าน้าฝากเจ้าปิงด้วยนะครับเอย์ ซนนิดหน่อยนะเอย์จัดการได้เลยนะลูก”

“แม่อ่ะ” ผมคิ้วกระตุก รีบดึงชายเสื้อแม่ไว้ ปราม ๆ พูดอะไรให้ลด ๆ ลงหน่อย แม่ชอบคนหล่อ ๆ ครับยิ่งตอนนั้นเรื่องลูกทาสฉายตอนกลางคืนเนี่ยนั่งเฝ้าหน้าจอกับพี่ขมเลย แม่บอกฟินนนน เพราะฉะนั้นเจอพี่เอย์นี่ไม่ต้องเดาเลยแม่ชอบพี่เขาแล้วแน่นอน

“ไปเถอะครับพี่เอย์ เดี๋ยวจะสายนะ”

พี่เอย์ยกมือไหว้ลาแม่ผมอีกที จากนั้น ผมและพี่เขาก็เดินมาที่รถ

“เดี๋ยวขาไปกูจะขับก่อน มึงจำทางไว้ขากลับจะได้เป็นคนขับ โอเคนะ”

“ครับผม”

ผมตอบรับแล้วกระโดดขึ้นนั่งหน้ารถเลย พี่เอย์ขับรถเร็วมากเลยครับ แต่ทำไมผมถึงมั่นใจมันก็ไม่รู้อาจเพราะเราออกมาสายด้วยพี่คงกลัวจะถึงงานค่ำจนเกินไป

“ปิง ถอดหูกระต่ายออกซะ มีเสื้อสูทแขวนไว้ที่หลังรถมึงเปลี่ยนเอาตัวนั้นมาใส่แทน”

“ทำไมอ่ะพี่ ผมแต่งแบบนี้ไม่ได้เหรอ”

“แต่งให้เหมือนกูก็แล้วกัน เนคไทไม่ต้องใส่นะ ไม่ใช่งานทางการอะไรมาก”

“งานอะไรเหรอพี่ผมถามได้ไหม”

“พี่ชายเพื่อนกูแต่งงาน ผู้หญิงอยากแต่งที่อัมพวาเขาเลยจัดขึ้นมาที่รีสอร์ท”

“อ้อ ครับ”

พี่เอย์พูดตอนที่เราคงเกือบจะถึงงานกันแล้ว ผมรับคำแล้วทำตามจริง ๆ ไม่อยากจะถอดเสื้อนอกออกเลยเพราะเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในมันเป็นทรงรัดรูปซึ่งคับมาก ผมเอี้ยวตัวไปดึงเอาสูทที่แขวนไว้อยู่ด้านหลังมาถือไว้ที่ตัก

“เดี๋ยวขากลับเราออกอีกเส้นนึงละกัน เส้นนี้อ้อมไกลไปหน่อยกูเองก็ไม่ค่อยได้มา เมื่อคืนนั่งเช็คแผนที่มันมีสองเส้นที่ไปได้ เดี๋ยวขากลับมึงขับแล้วเราออกอีกจุดก็แล้วกัน”

“ครับผม”

ความจริงแล้วอัมพวาเป็นสถานที่ๆผมเคยคิดอยากมาเหมือนกันนะ พี่เอย์ขับรถแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ผมก็เห็นป้ายบอกทางให้เลี้ยวไปทางตลาดน้ำแล้วแต่พี่เขาดันเลี้ยวไปอีกทางซะได้ แสดงว่ารีสอร์ตที่จัดงานคงไม่ได้อยู่ในโซนตลาด ก็แน่อยู่แล้วล่ะเนาะใครจะบ้ามาจัดงานแต่งที่ตลาด ผมนี่ก็คิดไปเรื่อยจริง ๆ

“มึงเดินอยู่ใกล้ ๆ กูนะ อย่าหลง ญาติพี่น้องเขาเยอะ”

พอถึงพี่เอย์จอดรถเข้าซองอย่างดี รถเยอะมาเลยครับโชคดีมีที่จอด

“ไอ้เอย์ช้านะมึง”

“พรรคพวกเรามาหรือยัง”

“เดี๋ยวคงทยอยกันมาแล้ว”

“งั้นกูก็ไม่ถือว่าช้าหรอก”

ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามารับผมกับพี่เอย์ถึงหน้างาน เจอพี่เอย์จัดไปดอกหนึ่งเบา ๆ ประมาณว่าบอกให้รู้ว่ากูมาแล้วนี่แหละสไตล์กู อะไรแบบนั้น พี่คนนั้นมองมาทางผมด้วยนะ

หวัดครับน้องปิงผมตกใจเลยนะทำไมพี่เขารู้จักผมด้วยวะ

จำกันไม่ได้เหรอ วันนั้นเราไม่ใช่เหรอครับที่ไปรับเจ้าเอย์มันที่โรงแรมผมนึกออกทันทีเลย วันที่พี่เอย์เมาแล้วเรียกให้ผมไปรับนั่นแหละ พี่ฟิวส์เดินลงเดินคู่กับผมพี่เอย์หันกลับมามองหน่อยนึงแต่มันก็ไม่อะไรนะ

พี่ชื่อฟิวส์นะ เรียกพี่ฟิวส์ก็ได้ครับ

ครับพี่ฟิวส์ ยินดีด้วยนะครับได้แต่งงานกับเขาสักทีผมแกล้งแถมพี่เขาอีกหนึ่งดอก มันเป็นนิสัยน่ะครับผมเป็นคนแปลก ๆ แบบนี้แหละ แต่ผมเห็นพี่เอย์อมยิ้มด้วยนะ คงคิดว่ากวนตีนไม่แพ้กัน ฮิฮิ

“เฮ้ยไม่ใช่  นี่งานแต่งพี่ชายพี่ไม่ใช่พี่ครับน้องปิง” พี่ฟิวส์รีบแก้ตัว

“อ้าวเหรอครับโทษที” ส่วนผมตีหน้าซื่อ หึหึ

“เข้าไปเหอะไป” พี่เอย์พูดตัดบทแล้วหันมองมาที่ผม วันนี้เราสองคนแต่งตัวเหมือนกันนะครับ หลังจากผมเปลี่ยนเสื้อนอกบนรถ ชุดเราสองคนคือสูทสีเข้มกับสแลคสีเดียวกันทั้งชุด  ต่างไปที่เชิ้ตตัวในของผมเป็นสีขาวส่วนของพี่เอย์เป็นสีเทาเข้มผ้าแบบลื่น ๆ มัน ๆ อ่ะผมก็อธิบายไม่ถูก

พี่เอย์เข้าไปเซ็นต์ชื่ออวยพรถ่ายรูปคู่กับบ่าวสาว มีผมได้ถ่ายด้วยนะแจ๋วมากฮี่ๆตอนแรกคิดว่าต้องยืนรอคุณชายแบบเก้อ ๆ ซะแล้วปรากฏว่าพี่ฟิวส์ใจดีกว่าที่คิดเรียกผมเข้าไปถ่ายด้วย จัดที่จัดทางให้ยืนสองฝั่งกับพี่เอย์อีกต่างหากแลดูคล้ายคู่รักไปงานแต่งเดี๊ยะเลย เอิ๊กก ผมก็พูดไปเนาะ คนเขาปฏิเสธมาแล้วแท้ ๆ

“กลับดี ๆ นะมึง ให้น้องมันขับให้ใช่ไหม”

“ก็ชัวร์อยู่แล้ว ถ้าไม่เอามันมาขับรถกูจะชวนมันมาด้วยทำไมวะ” พี่เอย์ครับพี่จะตรงไปไหน รู้แล้วน่าว่าเป็นคนขับรถ ขามานี่ผมนั่งจำทางตลอดเลยนะว่าต้องเลี้ยวอะไรตรงไหนบ้าง

“ปากมึงนี่ตลอดอ่ะ น้องปิงอย่าไปถือนะครับ ไอ้เอย์มันเป็นแบบนี้แหละ”

ผมยิ้มรับจากนั้นพี่เอย์ยื่นกุญแจรถส่งให้ก่อนบอกลาพี่ฟิวส์แล้วเราสองคนก็ตรงออกมาจากงาน ผมเหยียบไม่เร็วเท่าเท้าคุณชายนะ กะชมบรรยากาศตอนกลางคืนไปด้วยเลยขับแบบเรื่อย ๆ ตอนแรกนึกว่าพี่เอย์จะว่าอะไรแต่ไม่เลย คุณชายก็นั่งฟังเพลงอยู่ข้างหลังนั่นแหละ

“พี่เอย์พี่ได้กลิ่นน้ำมันไหมพี่” ระหว่างทางผมรู้สึกได้กลิ่นน้ำมันฉุนมากเลยนะเลยลองถามพี่เอย์ดู

“เออว่ะ เหม็นนะปิงรถเป็นไรป่ะวะมึงจอดก่อนดิ๊” ผมตีไฟเข้าข้างทาง เอาแบบใกล้ ๆ กับแสงไฟมากหน่อยแต่ก็ยังมืดอยู่ดี ตอนนี้เกือบจะสามทุ่มแล้วด้วย

“เปิดฝากระโปรง” พี่เอย์บอกผมแล้วเดินลงไป ผมเห็นคุณชายล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเลยห้ามไว้บอกเดี๋ยวผมดูให้เอง

“ทำเป็นเหรอ”มันถาม

“ผมเด็กช่างยนต์นะครับพี่ เดี๋ยวผมขอดูก่อนนะ” คือถ้ามันอาการหนักผมก็ไม่เป็นเหมือนกันนะ ภาวนาให้เป็นนิด ๆ หน่อย ๆ เถอะ

คือมันมืดมากเราไม่มีไฟฉายพี่เอย์เลยกดหน้าจอโทรศัพท์ส่องให้ผมก็จับโน่นดูนี่ตรวจเช็คแต่ไม่เห็นอะไรผิดปกตินะ นึกบางอย่างขึ้นมาได้เลยถอดเสื้อนอกแม่งกลางถนนนั่นแหละ คุณชายเธอก็มองนะคงคิดว่าผมกำลังจะทำอะไร

“พี่เอย์เดี๋ยวผมจะลองเข้าไปดูใต้ท้องรถ พี่เข้าไปนั่งข้างในรถก่อนก็ได้นะครับ” ผมบอกแล้วพาดเสื้อนอกที่ถอดออกไว้ที่หน้ารถ ปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วพับ ๆ ขึ้นไป เสื้อแม่งขับรัดติ้วสุดขีด ผมเลยปลดกระดุมหน้าอกแม่งหมดเลยอ่ะ

“มึงจะเข้าไปข้างใต้นี่น่ะเหรอ” พี่เอย์ถามแบบงง ๆ นิดหน่อย

“ครับ” ผมตอบรับทั้งที่มือยังจับ ๆ สำรวจท่อ สำรวจส่วนต่าง ๆ ที่หน้ารถอยู่ ผมคิดว่าจะตรวจให้ครบทุกจุดแล้วถึงจะลงไปดูช่วงล่าง พี่เอย์ส่องมือถือให้ผมตามจุดที่มือผมเลื่อนไปจับ ผมนึกยังไงไม่รู้หันมองไปที่หน้ามัน แล้วยิ้มให้ทีนึงคือผมอยากขอบคุณแหละ อุตส่าห์ลงมาส่องไฟให้ทั้งที่จะนั่งอยู่เฉย ๆ บนรถก็ได้

“ยิ้มเหี้ยไรของมึง”

“เปล่า รู้สึกดีอ่ะ มีคนคอยห่วงกลัวว่าผมจะมองไม่เห็น”

“ใคร?  ใครห่วงว่ามึงจะมองไม่เห็น” คือหน้าคุณชายนิ่งมาก มองผมแล้วตีคิ้วถาม ผมเหรอครับจะกลัว ผมละสายตาจากไอ้เครื่องยนต์หน้ารถแล้วเรียบร้อยจ้องหน้ามันเลย หน้าตาพี่เอย์แม่งกวน นี่ผมชมพี่อยู่นะครับ

“ใครก็ไม่รู้เนาะ ส่องไฟตามมือผมอยู่ตลอดเลย ใครอ่ะพี่เห็นไหมว่าเขาคือใคร”

ฟิ้ววววววว ~ ~ ~ ตุ่บ!!

“อ่าวเฮ้ย!! พี่จะเขวี้ยงมาทำไมล่ะเนี่ย นี่มันไอโฟนนะครับพี่ไม่ใช่ของถูก ๆ ไหน ๆ มันตกลงไปอยู่ตรงไหนล่ะที่นี้ยิ่งมืดอยู่ด้วย พี่เอย์นี่น้า”

“ช่างหัวมันดิ ให้มันหายไปเลยสมน้ำหน้ามึงจะได้มองเครื่องแบบมืด ๆ”

พี่เอย์นี่แปลกคนจริงจริ๊งชมก็ไม่ได้ ถึงขนาดเขวี้ยงไอโฟนใส่ผมอ่ะ อะไรของเขาก็ไม่รู้ อ่า ผมเห็นแล้วตกอยู่ตรงนี้เอง เลยหยิบขึ้นมาแล้วส่งคืนให้มัน แทนที่จะขอบอกขอบใจกันนะไม่มีหรอก คุณชายกระชากออกไปถือไว้แล้วไม่สนใจผมอีกเลย

ผมตรวจเครื่องช่วงบนอย่างละเอียดจนเรียบร้อยทุกอย่างโอเค  คิดว่าความผิดปกติน่าจะมาจากช่วงล่าง ผมคงต้องมุดไปที่ใต้ท้องรถจริง ๆ

“คิดว่าน่าจะเป็นน้ำมันรั่วนะครับพี่  ถ้าใช่จริง ๆ เราขับต่อไปไม่ได้นะครับอันตรายมาก เดี๋ยวผมมุดเข้าไปดูแปปเดียว” ผมว่าแล้วโหนตัวลงนอนที่หน้ารถค่อย ๆ กระเถิบ ๆ เข้าไปใต้ท้องรถแบบช้า ๆ ดีนะรถพี่เอย์ไม่ได้โหลดต่ำรถ นี่ขนาดใต้ท้องรถยังสะอาดเลยเหรอ โถๆคุณชายของแท้เลยนี่หว่า  ผมเคยดูรถของลูกค้าที่โรงเรียนนะโหยบางคันมีแต่โคลนฝังแน่นมาก ๆ คือไม่เคยล้างช่วงล่างกันเลยเหรอวะอะไรแบบนี้

“ปิงมึงโอเครึเปล่าวะ” เสียงพี่เอย์ดังลอดเข้ามาจากด้านนอก คงเห็นว่าผมเงียบไปนาน ผมใช้แสงไฟจากมือถือส่อง ๆ ดู โคตรจะเห็นไม่ชัด คือคุณเข้าใจใช่ไหมว่ามันมืดมาก

“พี่ห่วงผมเหรอ กลัวรถยุบลงมาทับผมรึไง”

“เปล่า กูห่วงรถ กูกลัวมึงทำรถกูพัง กูว่าเรียก......

“อ่า เจอแล้ว น้ำมันรั่วจริง ๆ ด้วย ดีนะพี่ที่เราไม่ขับกันต่อน่ะ”  ผมค่อย ๆ ถด ๆ ตัวถอยออกมา แต่พอยืนขึ้นเท่านั้นแหละพี่เอย์ที่มองหน้าผมอยู่นี่ยิ้มใหญ่เลยครับ ไม่ใช่สิเขาไม่เรียกว่ายิ้ม คุณชายเหมือนคนกลั้นขำสิมากกว่า ผมเลยเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่าหัวเราะอะไร พี่เอย์ไม่ตอบแต่ยื่นผ้าเช็ดหน้าที่กระเป๋าเสื้อนอกส่งให้ผมแทน ผมรับมาก็เช็ด ๆ นะแต่น้ำมันอ่ะ ยิ่งเช็ดยิ่งเลอะมือผมดำไปหมด เสื้อสีขาวก็เปื้อนไปแล้วที่สำคัญโดนที่หน้าด้วย

“ติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย เดี๋ยวคืนนี้เราค้างคืนแถว ๆ นี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้วันอาทิตย์มึงไม่มีธุระอะไรที่ไหนใช่ไหม” มันปรายสายตามองที่เสื้อผม ซึ่งตอนนี้ถูกผมดึงกระดุมออกจนหมดเนื่องจากมันคับติ้วมากๆทำงานไม่สะดวก

“ก็ไม่มีหรอกครับ แล้วเราจะพักกันที่ไหนอ่ะ รถขับไปได้ไม่ไกลมากนะพี่” คือน้ำมันรั่วแบบนี้ผมไม่อยากให้ขับต่อเลยนั่นแหละครับ คราวนี้พี่เอย์เดินไปขึ้นที่ฝั่งคนขับ ผมเลยต้องเปลี่ยนไปนั่งข้าง ๆ แทน พี่เขาค่อยเคลื่อนรถออกไปตีไฟฉุกเฉินไว้ตลอดทาง

“ป้ายเขาบอกอีกแปดร้อยเมตรมีรีสอร์ต  เราไปพักกันที่นั่นเดี๋ยวกูให้เด็กที่บ้านเอารถคันใหม่มาเปลี่ยนให้ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยออกกันแต่เช้า”

“ครับผม”

พอรถคลานมาถึงก็จอดเข้าช่องจอดไว้ มันเป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ บ้านเป็นหลัง ๆ ทาสีสดใส มีระเบียงยื่นไปด้านหลังติดแม่น้ำแม่กลอง บรรยากาศเงียบ ๆ ดี

“สองห้องครับ” เสียงพี่เอย์บอกพนักงาน เธอมองดูผมด้วยนะ คงสงสัยทำไมเสื้อผ้าผมเลอะเทอะแบบนั้น

“เหลืออยู่แค่หลังเดียวค่ะ นอกนั้นเต็มหมดแล้ว เสาร์อาทิตย์อาทิตย์แบบนี้คนมาพักเยอะเลย”

คุณชายมองมาที่ผมหน่อยนึงก่อนพยักหน้าแล้วเซ็นชื่อจ่ายเงินไป

“ที่นี่มีบริการซักเสื้อให้ด้วยนะคะ จะถอดส่งซักเลยไหม” พี่ผู้หญิงยิ้มหวานมาทางผม คิดว่าแกคงสมเพชผมสุด ๆ แหละครับเสื้อผมเปื้อนมากจริง ๆ นะหลังก็เปื้อนดินด้านหน้าก็คราบน้ำมันเครื่องกับน้ำมันที่รั่ว

“ครับซักเลย” เป็นผมที่ตอบออกมาแล้วถอดเลยครับ ผมปลดกระดุมแม่งตรงนั้นเลยแหละ ไม่เห็นเป็นไรนี่ ผมถอดเสื้อเตะบอลออกบ่อย แต่คุณชายนี่สิชักสีหน้าแล้ว

“ไปถอดที่ห้องสิ พี่เขาเป็นผู้หญิงมึงจะบ้าถอดเสื้ออยู่ตรงนี้เลยเหรอ” มันหันมาดุผมเสียงเขียวเลย

“ไม่เป็นไรค่ะถอดเลย ที่นี่ลูกค้าฝรั่งเยอะเดินถอดกันแบบนี้พี่ชินแล้ว ดึกแล้วเดี๋ยวพี่รีบซักให้” เธอว่ามาแบบนั้นผมก็ถอดสิครับ พี่เอย์งี้ยืนหน้านิ่งเลย

“นี่ค่ะเงินทอน” เธอเรียกพี่เอย์ยื่นเงินทอนส่งให้ คืนละพันแปดมั้งรู้สึก ทอนมาสองร้อยคิดว่าพี่เอย์จะรับเหรอครับ คุณชายมือหนักไม่เคยรับคืนหรอกสองร้อยอะไรนั่นยกเว้นจะซื้อของตามซุปเปอร์นั่นแหละ

“ขอบคุณค่ะ หลังนั้นนะ สีส้ม ๆ หลังสุดท้ายเลย” เธอไหว้แล้วยื่นกุญแจส่งให้ พี่เอย์ยื่นมือไปรับทำไมผมเห็นมันกำแบงค์ร้อยไว้วะ อ้าวตกลงเมื่อกี้คุณชายไม่ให้ทิปเธอเหรอ สงสัยมีอะไรบางอย่างไม่ถูกใจ

“พี่เอย์” ผมเรียกมัน เห็นเดินนำลิ่ว ๆ เลย แล้วดูทำหน้าทำตา ผมเริ่มหนาวขึ้นมาหน่อย ๆ เหมือนกันก็เสื้อไม่ได้ใส่นี่ สูทอย่าพูดถึงนะถอดไว้ที่รถทั้งสองคนนั่นแหละครับ ใส่ลงมาแค่เชิ้ตคนล่ะตัว

“พี่เอย์”

“อะไรของมึงเรียกอะไรนักหนา” มันหันมาถาม เราเดินกันมาถึงหน้าห้องแล้ว พี่เอย์กำลังไขกุญแจ ห้องหมายเลข 22 เหรอวะ ผมจะจำไว้นะ คืนแรกที่เราสองคนค้างด้วยกัน คึคึ

“อารมณ์ดีอะไรนักหนายิ้มกว้างขนาดนั้น” พี่เอย์ผลักประตูเข้าไปข้างในเสียบการ์ดไว้ที่ข้างประตู อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่าก็พรึ่บขึ้นมา ผมยืนฉีกยิ้มกว้าง

“สติดีอยู่หรือเปล่าไอ้ปิงมึง ยิ้มเหี้ยไรนักหนาวะ หึหึ หรือว่าดีใจได้ถอดเสื้อโชว์สาวทั้งที โธ่เอ๊ยไอ้แห้งใครเขาจะดูมึงกันวะ ผอมก็ผอม ผิวก็เหมือนผู้หญิง แถมหัวนมมึงยังสีอมชมพูอีก กูรันทดแทนมึงจริง ๆ ว่ะปิง”

พี่เอย์พูดแล้วล้วงอุปกรณ์พวกกระเป๋าตังค์กุญแจโทรศัพท์วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง จากนั้นมันเดินไปชะโงกหน้าดูที่ระเบียง แล้วพี่เอย์ก็ถอดเสื้อเชิ้ตของพี่เขาออกมา

“เอาไป!

ผมรับไว้แทบไม่ทันเมื่อพี่เอย์ปาเสื้อที่ถอดแล้วโยนมาให้ผม เสื้อเชิ้ตของพี่เขา?? อะไร คืออะไร??

“ใส่เอาไว้ จิ๊! น่ารำคาญ กูมีเสื้อกล้ามอีกตัวอยู่แล้วไม่อยากเห็นคนเป็นปอดบวมตาย”

ผมฉีกยิ้มเลยสิครับ แหม ๆ ทำเป็นพูดโน่นนี่นั่นจริง ๆ ก็ห่วงผมเหอะ

“ยิ้มเหี้ยไรอีก”

“พี่เอย์” ผมเรียก พี่เอย์เดินผ่านมานั่งลงใกล้ ๆ ผมพอดี คือคุณจินตนาการออกไหม ห้องเล็ก ๆ ที่มีแค่เตียงหลังเดียวกับโต๊ะเล็ก ๆ หัวเตียงโซฟาอะไรก็ไม่มีนะ ถ้าคิดจะนั่งก็คือเราต้องนั่งคุยบนเตียงอ่ะ

“อะไร”

“ผมดีใจอ่ะ”

“เรื่องอะไร”

“เปล่าครับ พี่เข้าไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมรออาบต่อ”

พี่เอย์มองหน้าผมเชิงสงสัยเหมือนกันนะผมว่า แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป

อยากรู้เหรอว่าผมดีใจเรื่องอะไร ก็แบบ คือผมไม่อยากจะบอกเลยว่าผมมโนไปตั้งแต่เห็นเตียงแล้วนะว่าผมกับพี่เอย์ต้องแชร์เตียงกันเหรอวะ อะไรแบบนี้ คือมันก็เขินนะ แอร๊ยยย ~ ~ ไม่ใช่ๆคือที่ดีใจก็คือได้มาเที่ยวที่อัมพวาแล้วยังได้มาพักที่สอร์ทน่ารักแบบนี้อีก จริง ๆ ก้เคยคิดอยากมาเที่ยวแบ็คแพ็คกับพวกไอ้บาสไอ้วุฒิอยู่เหมือนกัน สมุทรสงครามก็ไม่ไกลดี

“ไปอาบได้แล้วนั่งคิดเหี้ยไรอยู่ หน้าแม่งตลก มึงอย่าคิดนะว่าทำหน้าแบบนี้แล้วจะน่ารัก สุดจะขี้เหร่เลย”

ผมเบะปากใส่มันไปทีโทษฐานขัดในอารมณ์และเน้นย้ำคำว่าขี้เหร่ชัดไป  เข้าไปอาบน้ำแปปเดียวแหละมันหนาวครับ ไม่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นนะ อาบจากโอ่งดินกันเลยได้บรรยากาศดีชะมัด พออกมาเท่านั้นแหละคุณเอ๊ยยย พี่เอย์ในกางเกงส
แลคตัวเดียวนอนถอดเสื้อหนุนแขนดูทีวีอยูบนเตียง ผมงี้ฟินสิครับปั๊ดติโถ สรีระคุณชายยิ่งกว่าสาว ๆ มานอนแก้ผ้ารอเสียอีก

ผมคว้าหยิบเอาเสื้อเชิ้ตของพี่เอย์ออกมาใส่ หุยหอมว่ะแม่งหื้มมมม ผมสูดจมูกดมกลิ่นเสื้อเต็มที่ คล้ายคนโรคจิตนิดหน่อยนะผมว่า  ผมก้มมองดูกระดุมเออว่ะไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง จะได้นอนสบายๆตัวหน่อยเอ๊ะหรือว่าจะถอดแบบเดียวกับมันดีวะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นกูจะไม่เป็นลมเลยเหรอ ตอนที่ขึ้นไปนอนอยู่ข้าง ๆ กันเนี่ย  

“โอ๊ยยย!!!

เสียงผมเองครับ ผมอุทานดังลั่นขึ้นมาเลย หมอนใบโต ๆ ปลิวมาใส่หัวผมอย่างแรงคือเอาเป็นว่าดับมโนผมไปจนสิ้นล่ะนะ ก่อนที่ผมจะหันไปดูว่าใครกันวะที่เป็นคนปามันมาแบบนี้ เสียงทุ้มต่ำของพี่เอย์ก็ดังขึ้น

“มึงนอนหน้าเตียงไป มีเสื้อใส่แล้วก็ไม่ต้องใช้ผ้าห่ม”

อะไรของเขาวะ ให้ขึ้นไปนอนด้วยกันไม่ได้หรือไง ที่นอนตั้งกว้าง แล้วที่สำคัญมีผ้าห่มผืนเดียวด้วยนะ ผมต้องนอนบนพื้นปูนเย็น ๆ ในขณะที่คุณชายนอนบนเตียงนุ่ม ๆ โอบล้อมไปด้วยผ้าห่มสีขาวผืนหนา

จิ๊!

“ปิดไฟดิ่ ง่วงแล้ว”

เสียงคุณชายสั่งมา ผมเลยลุกขึ้นไปปิด จากนั้นลงมานอนลงที่หน้าเตียงในสภาพหมอนใบเดียวนั่นแหละครับ หนาวว่ะแม่งผ้าห่มก็ไม่มี ไอ้คุณชายใจร้ายดูซิมันนอนกอดผ้าห่มชิดอกแบบนั้น ทุเรศที่สุด ผมชะเง้อคอไปดูมันมีการกระตุกยิ้มเย้ยผมด้วยนะประมาณว่ากูได้นอนที่นอนนุ่ม ๆล่ะวะ ผมหน้ายู่เลยสิครับทิ้งหัวลงที่หมอนกอดอกแทนผ้าห่มแล้วข่มตานอนลงไป  นานพอสมควรแต่ผมก็ยังไม่หลับนะคือรู้สึกหนาว ชะเง้อคอขึ้นไปอีกทีเห็นพี่เอย์หลับตาพริ้มไปแล้ว ทำไงได้ผมเลยพยายามที่จะหลับบ้างสิครับจะอยู่รออะไรอีก กอดอกไว้แบบนี้ล่ะแม่ง หนาวฉิบหายแอร์ก็ตกที่หน้าเตียงพอดี๊พอดีเลย พื้นก็เย๊นเย็น ผมข่มตานานมากแต่กลับหลับลงไม่ได้เลย คือพื้นมันเย็นมาก มันเป็นพื้นหินอ่อนขัด เอาล่ะวะผมมีแผนดี ๆ แต่ขอดูพี่เขาอีกทีก่อนก็แล้วกัน คราวนี้รู้สึกพี่เอย์จะหลับตายไปแล้ว ผมก็เลย....

กระดื๊บๆๆค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปบนเตียง เตียงกว้างมากแต่พี่เอย์นอนอยู่ฝั่งเดียว ไอ้คุณชายใจร้าย ผมจะนอนชิด ๆ ริม ๆ ขอแค่ความอบอุ่นของฟูกหรอก รับรองเดี๋ยวกลิ้งลงมาทันทีก่อนคุณชายตื่นนอนตอนเช้าแน่ ตอนนี้ผมเลยมานอนตัวลีบๆอยู่ริมขอบเตียงแล้วเรียบร้อยด้วยความเงียบเชียบสุดขีด แห่ะๆ ค่อยหายหนาวขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังเย็น ๆ อยู่ดี  ผมหลับตาลงได้แค่พักเดียว ยังไม่ทันหายหนาวดีเลย กลับมีความรู้สึกว่าใครอีกคนที่นอนร่วมเตียงกันอยู่เริ่มขยับ ผมรีบหลับตาปี๋แล้วพยายามกลั้นหายใจคือทำตัวให้ไม่มีตัวตนเงียบที่สุดเสมือนว่าเป็นอากาศธาตุอะไรแบบนั้นเพื่อไม่ให้ไอ้คุณชายรู้สึกว่ามีใครอีกคนนอนอยู่ด้วย

แต่คุณเชื่อไหม.....หน้าผมร้อนผ่าวไปหมดเลยเมื่อจู่ ๆ มือใหญ่ของพี่เอย์เอื้อมมาดึงตัวผมเข้าไปกอด ตอนนี้เราสองคนเลยอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน พี่เอย์รู้เหรอว่าผมหนาว ถ้าพี่เขารู้ว่าผมไต่ขึ้นมานอนอยู่ข้าง ๆ แล้วทำไมไม่ต่อว่าอะไรผมล่ะ แต่กลับทำอะไรแบบนี้  คติผมเลยนะ ถ้าผมอยากรู้ผมจะถาม

“พะ.......

เงียบ!  อย่าถามมากพี่จะนอน”

เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบ ทำเอาผมที่กำลังจะอ้าปากถามถึงกับตะลึงงัน เพราะนึกอะไรขึ้นได้กับสิ่งที่ได้ยินมาเมื่อตะกี้

คือมันพูดว่า พี่??   พี่เอย์แทนตัวเองว่าพี่’ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

นี่ผมหูฝาดป่ะวะ หรือไม่งั้นมันก็ละเมอคิดว่าผมเป็นคนอื่นไปแล้วล่ะ  

เฮ้ยแบบนี้ไม่ได้ มันนอนอยู่กับผมนี่ต้องให้รู้สิว่านี่คือผม ไอ้ปิง!  มาคิดว่าผมเป็นคนอื่นนี่ผมไม่ปลื้มนะครับนะ

“พี่อะ......เย้ยยยยย!!!”

พี่เอย์ปิดกั้นคำพูดทุกอย่างของด้วยการกระทำที่รวดเร็วมากของมัน มือใหญ่จับไหล่ผมแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมเลย ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกคือมันเกิดขึ้นเร็วมาก ถึงมันมืดก็จริงนะ แต่ผมก็พอจะมองเห็นล่ะว่าคุณชายกำลังจ้องหน้าผมอยู่

“ขึ้นมาทำไมกูบอกให้นอนอยู่ข้างล่างนี่มึงไม่ได้ฟังใช่ไหม” หว๋าย มันตื่นแล้วจริง ๆ เมื่อกี้ยังหลับอยู่เลยแท้ ๆ ไม่น่าเล้ยกูไอ้ปิงไม่น่าไปปลุกเสือหลับเลย

“ขอโทษครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”

“.............” มันเงียบไป

“พี่เอย์ปล่อยผมดิ ผมจะได้ลงไปนอน”

“ตัวมึงทำไมเย็น”

“ก็แอร์มันตกใส่ไง ผมหนาวอ่ะ ไม่มีผ้าห่มด้วย”

พี่เอย์เงียบไปอีกแล้ว แต่ผมรู้สึกนะ รู้สึกว่าได้ยินมันทำเสียงฮึดฮัดในลำคอด้วยคล้ายคนไม่พอใจอะไรสักอย่างก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดอะไรบางอย่างออกมา

“ปิงกูโคตรรำคาญมึงเลย หน้าตามึงแม่ง! อะไรของมันวะ ทำไมต้องทำหน้าหงุดหงิดใส่ผมขนาดนี้ด้วย หน้าตาผมไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้นสักหน่อย ตื่นขึ้นมาก็มาว่ากันเลย

“พี่อ่ะ ผมไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้นสักหน่อย  ปล่อยดิ ผมจะได้ลงไปนอน” โว๊ะผมก็งอนเป็นนะ ผมบอกมันทั้งหน้าตางอ ๆ แบบนั้นแหละ คือแอบเคืองนิดๆเหมือนกัน

มันปล่อยผมออกจริง ๆ ผมเลยลุกขึ้นกำลังจะลงไปนอนข้างล่างที่เดิมผม ตรงพื้นเย็น ๆ นั่นแหละ แต่ว่า......

“ไปนอนตรงนั้น ห้ามกินมาที่กู” พี่เอย์ชี้ไปที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง ซึ่งเป็นฝั่งที่คุณชายนอนอยู่เมื่อสักครู่ คือผมก็งงอยู่นะ ทำไมมันไม่ให้ผมนอนฝั่งนี้ล่ะไหน ๆ ก็จะให้นอนบนเตียงด้วยกันแล้ว

“กูจะนอนแล้ว มึงห้ามทำตัวรุ่มร่าม ตื่นมากูต้องเจอว่ามึงนอนสงบเงียบและเรียบร้อย”

“ครับผม ปิงสัญญา พี่เหอะนอนให้ดีอย่าเฉียดมาใกล้ผมล่ะ”

“เหี้ยเหอะ อย่างกูนี่ไม่ทางหรอกเว้ย กอดผักยังดีกว่านอนกอดมึง

อู๊ยยยยยยโคตรเจ็บอ่ะ  เห็นผมผอมแบบนี้ตัวผมนิ่มนะบอกเลย แม่ยังชอบนอนกอดผมเลยแม่บอกผิวผมนุ่มดี แล้วดุ๊ดูคุณชายมันพูด กอดผักดีกว่ากอดผม ฮึ่ยยย

พี่เอย์มองหน้าผมแล้วอมยิ้ม มันอมยิ้มจริง ๆ ครับคงคิดว่ากัดผมได้น่ะสิ จิ๊ จากนั้นมันก็ล้มตัวลงนอน  ผมเองก็นอนบ้างสิครับ ผ้าห่มเหรอ? อย่าถามเลยแค่ได้มานอนร่วมเตียงเดียวกับคุณชายก็วาสนาหมาปิงแล้ว ผ้าห่มนุ่ม ๆ น่ะให้คุณชายเขาห่มไปเถอะ แห่ะๆไม่ใช่อะไรหรอกคือพี่เอย์ไม่ได้ใส่เสื้อด้วยไงพี่แกถอดแล้วพาดไว้ที่เก้าอี้ตั้งแต่ก่อนจะไปอาบน้ำแล้ว คงกลัวว่าพรุ่งนี้เสื้อจะเหม็นล่ะมั้งนะ

คืนนั้นผมก็หลับไปทั้ง ๆ อย่างนั้นแหละครับ ยาวไปเลยคงจะเหนื่อยด้วย ตื่นเช้าขึ้นมาแสงที่ลอดส่องเข้ามาจากหน้าต่างฝั่งระเบียงรวมถึงเสียงนกร้องจิ๊บๆจั๊บๆทำให้ผมจำเป็นต้องลืมตาตื่น

คุณเชื่อไหมครับ....ตอนนี้ผมกับพี่เอย์ยังนอนร่วมเตียงเดียวกันเหมือนกับเมื่อคืนนะ แต่ผมตอนนี้แตกต่างออกไป คำพูดของพี่เอย์ถูกรีเพลซ้ำเข้ามาในหัวสมองผมอีกครั้ง
   
 “กูจะนอนแล้ว มึงห้ามทำตัวรุ่มร่าม ตื่นมากูต้องเจอว่ามึงนอนสงบเงียบและเรียบร้อย”

ครับใช่ถูกต้องเลย ผมตอนนี้นอนเรียบร้อยมากแต่คนที่ทำตัวรุ่มร่ามนั้นมันใช่ตัวผมเหรอ ถาม! พี่เอย์นอนวาดวงแขนกอดตัวผมอยู่ ขณะที่แข้งขามันกับผมพันกันจนไม่รู้ขาใครเป็นขาใคร ใบหน้าหล่อ ๆ ของพี่ท่านซุกอยู่ตรงซอกคอผมพอดี๊พอดี

นี่คือคุณชายยังไม่ตื่นนะ

เห็นไหมว่าผมนอนสงบเงียบและเรียบร้อยจริง ๆ เป็นคุณชายเองต่างหากที่เป็นฝ่ายกระทำการรุ่มร่ามทุกอย่างกับผม  คึคึคึ ตาย ๆ ผมพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อนึกอะไรดี ๆ ออก มือที่ถูกมันนอนหนุนอยู่วางอยู่ใกล้โทรศัพท์มือถือนิดเดียว ผมเลยหยิบมาอย่างระมัดระวังที่สุด

คึคึคึ

แชะ!!!

ต้องถ่ายเอาไว้เถียงคนปากดีดิ่  ตื่นมาถ้ากล้ามาว่าผมทำตัวรุ่มร่ามนะ พ่อจะเอารูปนี้ฟาดให้ดูเลยคอยดูสิเอ้า

แต่ว่าตอนนี้ต้องขอหลับตาต่อก่อนก็แล้วกัน ให้คุณชายเขาได้ตื่นก่อน อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำหน้าตาแบบไหนถ้าหากเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายรุ่มร่ามกับผมแบบนี้




Tbc.