Monday, June 16, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) # 7 พี่เอย์เป็นคนแปลก......




# 7 พี่เอย์เป็นคนแปลก.....



กลางดึกคืนหนึ่งที่ห้องเช่าเล็ก ๆ เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังรัวออกมาจากห้องที่แสงไฟยังคงส่องสว่างจ้า  หกทุ่มเศษแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าเด็กหนุ่มเจ้าของห้องจะหลับจะนอน

แกร๊กกกก แกร๊กกก แกร๊กกกก  แกร๊กกกกกกกกกกกกกก

คืนนี้ฝนตกหนักเสียด้วย งานเขียนโปรแกรมให้เด็ก ๆ นักศึกษาของมหาลัยวิทยาลัยเอกชนนี่มันทำเงินค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว ผมโต้รุ่งมาสองคืนติด ๆ แล้ว

แกร๊กกกก  แกร๊กกก  แกร๊กกกกกกกก  แกร๊กกกกกกกกกกกกกก

RRR
RRRRRRR
RRRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR

“ฮัลโหลครับ” ผมคว้ามือถือที่วางอยู่ที่พื้นมากดรับ โต๊ะที่ผมใช้วางเครื่องคอมฯ เป็นโต๊ะญี่ปุ่นเล็ก ๆแบบพับได้อันละร้อยกว่าบาทนั่นแหละครับ อุปกรณ์ของใช้อื่น ๆ วางเรี่ยราดอยู่บนพื้น ถ้ามันง่วงมากจริง ๆ ผมก็นอนแม่งอยู่ตรงพื้นนั่นแหละ ประจำนะนิสัยผมกินง่ายนอนง่าย

“รับช้านะมึง ทำเหี้ยไรอยู่ นอนหรือยัง?”  เสียงใครวะ  ผมขมวดคิ้วนิดๆ

“โหลนั่นใคร มึงเพื่อนกูเหรอ เหี้ย! พูดกับกูดี ๆ  จะตายเหรอมึง” ใจผมน่ะนึกไปว่าเป็นไอ้พวกตัวกวนในแกงค์ผมนั่นแหละครับ  ลองดูเบอร์ที่หน้าจออีกครั้ง เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้ซะด้วย

“กูคือเพื่อนรุ่นพี่ที่จ่ายค่าแรงงานทำความสะอาดห้องให้มึงเกือบทุกวันนั่นไง กูต้องกราบสวัสดีมึงด้วยไหม หมาปิง!

เย้ย!!!  พะ....... พี่เอย์?” ผมอุทานขึ้นอย่างดังถึงขนาดดีดตัวลุกจากพื้น นี่ผมตกใจมากจริงนะ

“เออกูนี่แหละ” มันกระแทกเสียงมาตามสาย

“ขอโทษครับพี่  ผมจำเสียงพี่ไม่ได้จริง ๆ ว่าแต่....พี่มีธุระอะไรอ่ะ” เออผมก็งงนะ ใครจะคิด ดึกดื่นขนาดนี้คุณชายจะโทรหา

“กูต้องมีธุระแน่อยู่แล้ว ไม่งั้นจะพิสวาสโทรหามึงกลางดึกขนาดนี้ทำไม”

“ครับๆ รู้แล้วครับ พี่มีอะไรอ่ะ” ว๋าย เสียงคุณชายอารมณ์เสียแล้วด้วย ผมต้องตะล่อม ๆ ให้มันเย็นลงก่อน ตอนนี้ผมหย่อนก้นนั่งลงที่เดิมแล้วเรียบร้อย

“พรุ่งนี้มึงมาห้องกูแต่เช้านะ จะได้ทำอาหารให้กูกินก่อนออกไปเรียน”

“พี่เอย์พรุ่งนี้วันเสาร์นะครับ” มันลืมป่ะวะ ปกติวันเสาร์คุณชายอยู่ห้องนี่หว่า และผมก็ชอบไปถึงช่วงสาย ๆ ด้วย

“ใช่วันเสาร์แต่กูมีเรียนเพิ่ม ว่าจะบอกอยู่เหมือนกัน ช่วยไม่ได้มึงไม่มาห้องกูสามวันแล้วนี่ ไม่ใช่ว่าได้งานใหม่แล้วหรือไง”

“ปัดโธ่  จะได้ที่ไหนล่ะครับพี่ ผมยุ่งจริง ๆ ช่วงนี้ต้องช่วยที่ร้าน กลางคืนก็ต้องทำงานส่งอาจารย์ กะว่าจะไปทั้งเสาร์ทั้งอาทิตย์เลยแหละ อยู่ทั้งวันเลยดีไหมพี่จะเรียกใช้อะไรไอ้ปิงคนนี้ชดเชยให้เต็มที่  ผมจะกลับหลังจากพี่นอนหลับแล้วทั้งสองวันเลยนะ  ฮี่ๆ”

“เรื่องของมึงดิ มาบอกกูทำไม มาไม่มากูไม่เห็นสนเลย”

“อ้าวงั้นเหรอ งั้นผมไม่ต้องไปเนาะปล่อยให้ห้องรกไปเลย”

“ไอ้หมาปิง!” คุณชายเสียงเขียวมาเชียว

“ครับ ๆ ไปครับ พรุ่งนี้พี่ตื่นมานะ อาหารรออยู่บนโต๊ะเลย ไอ้ปิงคนนี้จัดการทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อย”

“เออดี”

“..........” ขณะที่ผมคุยกับพี่เอย์ไปด้วยมือผมก็ไม่ได้หยุดว่างนะครับ เอาหูฟังมาใส่แล้วตัวเองก็แกร๊กกก แกร๊กก แกร๊กกก รัวอยู่ที่แป้นพิมพ์ต่อไป

“หมาปิงมึงทำอะไรอยู่เสียงอะไร ต๊อกๆแต๊กๆแปลก ๆ”

“อ๋อผมกำลังทำการบ้านอยู่ครับ พิมพ์งาน ๆ” ความจริงผมกำลังเขียนโค๊ดโปรแกรมอยู่

แกร๊กกก  แกร๊กกกกกก แกร๊กกก  แกร๊กกก  แกร๊กกกกกก  แกร๊กกก

“นี่มึงพิมพ์ไวขนาดนั้นเชียว”

“ธรรมดา” ผมตอบ   

ถ้ามันรู้ว่าผมคิดไปด้วยพิมพ์ไปด้วยแล้วจะตกใจ ไม่ใช่พิมพ์งานตามกระดาษหรือสมุดนะครับคุณพี่

“................” พี่เอย์เงียบไปขณะที่ผมก็พิมพ์งานของผมต่อ

“.................” แกร๊กกก แกร๊กกกกกก แกร๊กกก

“................” คุณชายยังเงียบอยู่

“.................” แกร๊กกก แกร๊กกกกกก แกร๊กกก

มันเงียบนานไปหน่อยมั้ง  และผมเองก็เพิ่งจะนึกออกว่าทำไมพี่เอย์ไม่พูดอะไรต่อเลย

“พี่เอย์ ยังอยู่ไหมพี่”

“อือ” พี่เขาตอบกลับมา

“เอ่อ  คือ พี่มีอะไรจะสั่งเพิ่มอีกรึเปล่าครับ” ผมอยากลองถามดูเผื่อว่ามันจะมีอะไรสั่งผมต่อ คือถ้าหมดธุระแล้วก็ควรจะวางใช่ไหม จะถือหูไว้ทำไมเหรอ คือตอนนี้ผมยิ่งงานเร่งไงแล้วยังไม่เข้าใจทางนั้นด้วย

“เปล่า  ไม่มีกูวางแล้วนะ” อะไรของเขาวะ

“ครับผม”

ผมตอบรับแล้วดึงหูฟังออก ทำงานของผมต่อไป เหลืออีกแค่ไม่กี่บรรทัดหรอกครับจวนจะเสร็จอยู่แล้ว รอผมรันดูใหม่แค่นั้นถ้ารอบนี้โอเคผมนอนได้เลย



-เช้าตรู่วันเสาร์-

เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก ถนนหนทางจึงยังมีร่องรอยของแอ่งน้ำให้เห็นกันเป็นหย่อม ๆ ผมจอดมอไซด์ไว้ที่ประจำก่อนเดินตัดเข้าไปที่ตึกใหญ่ของคอนโดหรู ข้าวของรุงรังเต็มสองมือมีแต่ข้าวปลาอาหารที่คุณชายเจ้าของห้องต้องรับประทานทั้งนั้น  ตัวเลขที่ลิฟต์เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงชั้นห้าสิบ ที่หมายเดิม


พี่เอย์เป็นคนสะอาด

ความรู้สึกแว๊บแรกหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องที่ผมไม่ได้แวะมานานถึงสามวันเต็ม ๆ ตอนแรกคิดว่ามันจะรกมากกว่านี้สักหน่อยแต่เอาจริงแล้วก็ธรรมดานะ ไม่ถึงกับรกมากเรียกว่าสะอาดใช้ได้เลย  ผมเอาถุงอาหารสดต่าง ๆ ที่ซื้อมาเข้าไปวางไว้ในครัว เดินออกมารวบม่านสีครีมที่ผนังกระจก มองวิวของแม่น้ำเจ้าพระยายามเช้า ที่จริงก็เห็นเหมือนเดิมทุกวันผมเองก็ไม่รู้จะชอบดูทำไมนักหนา ดูทีไรผมก็ยิ้มอ่ะ ผมชอบเวลาเรือโดยสารวิ่งแล้วน้ำมันเป็นรูปร่างแปลกตา ไหน ๆ วันนี้ผมเห็นเรือกี่ลำนะ? ผมลองนับ ๆ ดูเล่น ๆ ก่อนจะเดินกลับไปหุงข้าว 

พี่เอย์เป็นคนกินยากมาก เพราะเขาจะกินได้อยู่แค่ไม่กี่อย่าง คุณเข้าใจใช่ไหมคนที่กินง่ายนั้นหมายถึงไม่เลือกกิน จะอะไรก็กินได้ แต่พี่เอย์ไม่ใช่เพราะมันจะกินอาหารง่าย ๆ แต่กินได้อยู่แค่ไม่กี่อย่าง(นี่ผมก็งงนะ พูดเองงงเอง) ส่วนอาหารที่จะทำวันนี้ แต่นแต๊น ~ ~ ผมภูมิใจนำเสนอ ผัดกระเพราแฮมไส้กรอกพริกหวาน รับรองกินได้ไม่มีปัญหา พี่ท่านเคยบอกให้ผมทำไส้กรอกต้มกับแฮมเวฟให้ แสดงว่าต้องกินสองอย่างนี้ได้ ผมแค่ใส่ใบกระเพราบวกพริกสดและพริกหวานสีเหลืองนิดหน่อยเสริมวิตามิน รับรองมือนี้อร่อยชัวร์

ยี่สิบนาทีหลังจากนั้นผัดกระเพราร้อน ๆ ก็พร้อมเสิร์ฟลงที่โต๊ะ ผมแถมไข่ดาวสารโป๊ะลงบนข้าวให้ด้วยนะสองฟอง   เสียงก๊อกๆแก๊ก ๆ ดังลอดออกมาจากในห้องนอน พี่เอย์คงจะตื่นแล้ว ผมเองก็เสร็จงานตรงนี้แล้วพอดี ลองเดินไปดูมันสักหน่อยดีกว่า

ประตูห้องพี่ท่านเปิดแง้มไว้เสียด้วยสิ ให้ตายเหอะ ใช้ไม่ได้เล้ย นี่อย่าบอกนะว่านอนไม่ปิดประตูตั้งแต่เมื่อคืน

“มีอะไร” คุณชายยืนหน้านิ่งอยู่หน้ากระจก ในสภาพผ้าขนหนูสีขาวพันท่อนล่างไว้แค่ผืนเดียว ในมือมีขวดสเปรย์น้ำหอมที่คล้ายกำลังจะฉีดพ่น ทรงผมที่ยังไม่ได้หวีถูกเสยๆขึ้นไว้อย่างไม่เรียบร้อยนัก

ผมชอบหน้าผากพี่เอย์จัง........สวย

“อะ.....เอ่อ...คะ...คือ” ให้ตายเหอะ นี่เป็นอีกครั้งแล้วที่ผมคิดว่าพี่เขาสวย

“อะไรของมึง อ้ำอึ้งทำไม มีอะไรรีบพูด”

“คะ...คือว่า อาหารเสร็จแล้วครับพี่”

“อือเดี๋ยวกูออกไป ปิดประตูให้ด้วย”

ผมหันหลังเดินออกมาคล้ายคนเพ้อเลยนะผมว่า  พี่เอย์ทำไมถึงหุ่นดีแบบนี้วะให้ตายเหอะ วันนั้นที่ผมเช็ดตัวให้มันเห็นกันจะๆก็จริงแต่ทำไมผมไม่ทันสังเกต จะมารู้สึกวาบหวิวอะไรเอาตอนนี้ ไอ้ปิงมึงใจเย็นไว้หน่อย ผมสะบัด ๆ หัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน พลางดึงคอเสื้อตัวเองออกแล้วก้ม ๆ มองกล้ามเนื้อหน้าอกของตัวเองบ้าง  จิ๊ ทำยังผมถึงจะมีกล้ามเนื้อสวย ๆ แบบพี่เขาบ้างนะ ผมทั้งวิดพื้นทั้งซิทอัพทั้งโหนบาร์(คือมันก็ไม่ใช่บาร์เบออะไรหรอกแค่เวลาที่เตะบอลผมชอบโหนประตูโกลด์เล่น) แต่กล้ามทำไมมันขึ้นน้อยนิดขนาดนี้ก็ไม่รู้

ฮัทเช่ย!!
“มันคืออะไร” พี่เอย์ถูจมูกไปมาพร้อมย่นหน้า มีอย่างที่ไหนพอนั่งลงที่โต๊ะปุ๊บคุณชายยกอาหารขึ้นมาดม แบบนั้นมันก็จามสิครับ นั่นน่ะผัดกระเพรานะ 

“ผัดกระเพราแฮมไส้กรอกพริกหวานครับ อร่อยนะผมตั้งใจทำมาก ๆ เลย พี่ต้องกินนะครับ” ผมรินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วค่อยวางลงให้

“ฉุนว่ะปิง กินแล้วจะจามไหม มันเผ็ดรึเปล่า”

“เผ็ดนิดเดียวครับ ถ้าไม่ใส่พริกมันไม่ใช่ผัดกระเพราไง พี่ลองทานดูนะ”

พี่เอย์นั่งมองอยู่ครู่หนึ่งผมงี้ลุ้นใจแทบขาด ในที่สุดมันก็ตักกินนะ กินไปเรื่อย ๆ ตามแบบของคุณชายลูกผู้ดีนั่นแหละ กินจนเกือบจะหมดบ่นว่าเผ็ดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร พอถึงเวลามันก็เดินไปคว้าเอากระเป๋าสะพายทำท่าจะออกไป

“กูจะกลับมาอีกทีตอนเย็น ระหว่างนั้นถ้างานมึงเรียบร้อยแล้วก็กลับไปช่วยที่บ้านก่อนก็ได้ ไว้ค่ำ ๆ มึงค่อยมาใหม่” พี่เอย์หันมาบอกผม

“เอ๊ะผมต้องมาอีกเหรอครับ”

“เดี๋ยวเหอะมึง เมื่อคืนหมาตัวไหนบอกกูว่าสองวันนี้จะอยู่จนกูหลับแล้วถึงจะกลับ” เห๋ยพี่เอย์จ๋า พี่จำได้เหรอเนี่ย ผมก็แค่พูดไปเล่น ๆ นี่พี่ท่านคิดจริงจังด้วยเหรอ

“ตังค์วางอยู่บนโต๊ะที่เดิม เข้าไปหยิบเอาเอง มึงซื้ออะไรมาเพิ่มก็บวกเข้าไปไม่ต้องมาเกรงใจอะไรกูมากนักหรอก เข้าใจนะ”

“ครับผม”

ผมฉีกยิ้มกว้างตอบรับ วันนี้พี่เอย์อารมณ์ดีนะผมว่า ทานข้าวเกือบหมดจานเลยด้วยที่สำคัญไม่ด่าผมเลยสักคำแล้วยังบอกให้ผมไปเอาตังค์แบบไม่ต้องเกรงใจอีก






“ปิงครับ เช็ดโต๊ะสองให้แม่ก่อนลูก ลูกค้าจะเข้ามานั่งไม่มีโต๊ะเลย”

“ครับผม”

บ่ายวันเสาร์ลูกค้าที่ร้านเยอะมากเพราะอย่างนั้นทุกครั้งที่เป็นเสาร์อาทิตย์ถ้าเป็นไปได้ผมจะเคลียร์งานทำความสะอาดห้องให้เสร็จก่อนเที่ยงแวะส่งงานโปรแกรมที่ไปรษณีย์แล้วจะออกมาช่วยแม่กับพี่ขมที่ร้าน อยู่ยาวไปจนถึงตอนเย็น ๆนั่นแหละ ก่อนจะออกไปอีกทีค่ำๆเพื่อเตะบอลกับพวกไอ้บาสไอ้วุฒิ แต่สำหรับวันนี้คงต้องงดไป เพราะต้องไปอยู่เฝ้าคุณชายช่วงเย็น

“ปิง โทรศัพท์ครับ” เสียงพี่ขมเรียก

“ครับผม มันอยู่ตรงไหนอ่ะพี่ขม ปิงหลงไปวางไว้ที่ไหนอีกแล้ว”

“อยู่นี่” ผมมองตามเสียงและที่พี่ขมชี้บอก คราวนี้เป็นข้างหม้อน้ำยาขนมจีน เฮ้ยดีนะไม่เปื้อน

“ฮัลโหลครับ” ใครวะเบอร์คุ้น ๆ แต่ก็ไม่ได้เมมชื่อไว้

“ปิงมึงออกมาจากห้องกูรึยัง” เสียงพี่เอย์นี่หว่า เดี๋ยวต้องเมมเก็บไว้หน่อยแล้ว หลายครั้งแล้วเกิดมันลองถามแล้วผมจำไม่ได้ขึ้นมาคุณชายวีนหูแตกแน่

“ออกมาแล้วครับ ตอนนี้อยู่ที่ร้าน”

“ร้านมึงไกลป่ะ จากมหาลัยกูกับร้านมึง ที่ไหนจะถึงคอนโดกูได้ก่อนกัน” พี่เอย์พูดเรื่องอะไรวะ ทำไมถามอะไรงงๆแบบนั้น

“อืม ผมว่าร้านผมใกล้กว่านะ ขับมอไซด์สิบห้านาทีก็ถึงแล้ว” ก็ใช่ไงผมซิกแซกเก่งอ่ะ ซอยหนีตำรวจนะผมชำนาญที่สุดเลย

“โอเคมึงฟังนะปิง  ที่โต๊ะหนังสือในห้องกูข้าง ๆ จะมีกระบอกกลม ๆ ยาว ๆ เป็นกระบอกพลาสติกสีดำๆน่ะมึงเคยเห็นไหม คุ้นไหมรู้สึกว่าตัวเองเคยเห็นมันไหม”

“อ้อ เคยครับ แต่มันมีหลายอันนี่ ทำไมเหรอ” เออแล้วมันคืออะไรกันวะ ในห้องพี่เอย์มีไอ้แบบนี้อยู่ตั้งหลายอัน

“เอาหนึ่งในนั้นมาให้กู ที่ด้านหน้ามันจะติดป้ายไว้ว่า แปลนคอนโดแบบ C’  หยิบออกมาแล้วมาหากูที่มหาลัย พอถึงแล้วโทรบอกเดี๋ยวกูขับรถออกไปรับ”

“เฮ้ยพี่ไม่ต้องขับรถออกมารับหรอก บอกแค่ตึกมาเดี๋ยวผมซิ่งมอไซด์เอาไปให้เอง” มหาลัยนั้นผมก็เคยไปนะ พอจะรู้ที่ทางบ้างแหละ

“นั่งบีทีเอสมาลงที่สยาม ไม่ก็รถเมล์แท็กซี่อะไรก็แล้วแต่มึง ห้ามเอามอไซด์มา แค่นี้มึงโอเคเข้าใจใช่ไหม” เน้นเสียงห้ามซะชัดแจ่มเลยนะครับ

“เอ้า ทำไมอ่ะครับมอไซด์ดิ ถึงเร็วนะ”  

“ไม่อ่ะ เดี๋ยวขากลับจะพามึงแวะซื้อของด้วย เราจะได้ออกไปด้วยกันเลย”

“อ่ะจ๊ะ งั้นเดี๋ยวปิงรีบออกไปเอาให้ตอนนี้เลย” ผมหยอกพี่เอย์เล่นเห็นท่าทางซีเรียส น่าจะกลัวเอางานไปส่งให้ไม่ทัน ไม่มีทางหรอกครับถ้าผมรับปากแล้วพี่ต้องได้ส่งงานของพี่แน่ ๆ

“เดี๋ยวเหอะ เดี๊ยะๆ”

ผมกดวางสายแล้วบอกแม่กับพี่ขม จากนั้นซิ่งมอไซด์คันเก่งไปเอาของให้คุณชายที่คอนโด จอดรถทิ้งไว้ที่นั่นขึ้นอะไรจะเร็วที่สุด ผมเลือกบีทีเอสสถานีแถว ๆ นั้นแล้วต่อมอไซด์เล็กๆ  ใช้เวลาโดยรวมแค่ยี่สิบนาทีกว่า ๆ ก็เทียบท่าถึงหน้ามอรอคุณชายอยู่แล้วเรียบร้อย

“ขึ้นมาได้แล้ว” ทันทีที่รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีขาวจอดลงตรงหน้า  ประตูรถก็ถูกเปิดผลั๊วะออกมา พร้อมตัวคนขับตะโกนออกมาจากด้านใน ผมรีบก้าวขึ้นไปนั่งเลยสิครับท่าทางมันรีบมากเลย

“พี่นั่นแหละช้า” สิ่งแรกที่คุณชายทำคือจับไอ้กระบอกดำๆยาว ๆ ขึ้นมาดูว่าป้ายชื่อใช่อันเดียวกับที่มันสั่งไว้รึเปล่า เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยก็ยัดไอ้กระบอกนั้นใส่ตักผมไว้เหมือนเดิม

“กูก็มีธุระเหมือนกันนะเว้ยไม่ใช่แค่รอมารับมึงนี่หว่า นี่ออกมาระหว่างเรียนเลยนะ” มันพาผมขับรถไปทางตึกที่เรียน จอดเทียบไว้เรียบร้อย

“เดี๋ยวกูขึ้นไปเรียนต่อ  อีกประมาณชั่วโมงมึงนั่งรอกูอยู่แถวนี้โอเคไหม หรือจะไปหาซื้ออะไรกินตรงโน้นก็ได้ อ่ะนี่กุญแจกับกระเป๋าตังค์” มันยัดกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถใสมือให้ผมอย่างที่ผมกำลังงง ๆ แล้วตัวมันก็คว้าเอาไอ้กระบอกยาว ๆ นั่นรีบเดินขึ้นตึกไป

ผมมองกระเป๋าตังค์สีดำหรู ๆ ที่อยู่ในมือกับมองกุญแจรถบีเอ็มคันสวยที่ตัวเองถืออยู่ แล้วตัดสินใจเดินลงไปหาซื้อขนมกินที่เซเว่นไม่ใกล้ไม่ไกล ผมเลือกไอติมรสสละกับขนมกินเล่นนิดหน่อยเดินออกมานั่งเล่นนั่งรออยู่แถว ๆ นั้น โทรศัพท์ก็มีแต่ไม่มีไวไฟฟรีจะเล่นคุกกี้รันก็ไม่ได้ ผมเก่งนะตอนนี้ได้สิบเจ็ดล้านแล้ว ฮ่าฮ่า จะเรียกใช้สามจีก็โอ๊ยไม่รวยพอจะเหมาจ่ายนะครับ หูฟังก็ไม่ได้เอามาจะเปิดเพลงเสียงดังโต๊ะข้าง ๆ ก็จะด่าเอา ผมเลยได้แต่นั่งมองสาวไปเรื่อย ไม่รู้ผมคิดยังไงดันอยากรู้อยากเห็นว่าข้างในกระเป๋าหรูหราแบน ๆ ใบนั้นมันมีอะไรบ้าง ผมมองซ้ายมองขวาทำทีเหมือนกับว่ากำลังจะแอบค้นกระเป๋าสามีก่อนจะเอาขึ้นมาเปิด  ๆดู

คึคึคึ  เสียงผมหัวเราะเองแหละ ก็ช่วยไม่ได้นี่บัตรประชาชนหน้าตาตลกเป็นบ้า แต่บัตรนักศึกษาพี่เอย์หล่อแฮะ ไหน ๆ มีอะไรอยู่ซอกนี้อีก แอร๊~~ มีถุงยางด้วยโว๊ย พกทีนึงสามชิ้นเลยนี่หว่า อ๊ะแล้วเงินล่ะ โถๆๆคุณชายสมเป็นคุณชายจริงจริ๊งมีแต่ใบพันทั้งนั้น นอกนั้นก็มีแต่บัตรอะไรไม่รู้ไร้สาระ ทั้งสีทอง สีขาว สีเขียว สีดำ หลายใบเป็นบ้า

ผมสำรวจดูจนพอใจแล้วก็ยัดมันเอาไว้ในกระเป๋าหลังเหมือนเดิม ด้านซ้ายเป็นของผมเองมีตังค์อยู่แค่หกร้อย กับด้านขวาเป็นของไอ้คุณชายมีตังค์อยู่......เอิ่มไม่รู้เท่าไหร่ ประเมินออกมาไม่ได้ อัตราความแตกต่างสูงเกินไป จบ!

ผมนั่งกินโน่นนี่นั่นไปเรื่อยๆ จนหมดที่ซื้อมา มองเห็นร้านชานมไข่มุกเจ้าอร่อยอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่เลยเดินไปกะว่าจะซื้อ มีนักศึกษาสาว ๆ สามสี่คนยืนรออยู่ก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นเด็กแว่นหน้าตาเนิร์ด ๆ หน่อยแต่ก็น่ารักดีระดับนึงนะ เธอขยับตัวเพื่อให้ผมเข้าไปซื้อได้ ผมเลยพยักหน้าให้เธอไปทีแล้วอมยิ้มหวาน เป็นการขอบคุณ แฮ่ ๆ นี่ไม่ได้ม่อเลยนะ แค่ทำในแบบที่เคยทำ พอผมสั่งเสร็จ จ่ายตังค์เสร็จ ผมก็ออกมายืนรอ รู้สึกว่าเธอเองก็แอบ ๆ มองผมอยู่เหมือนกันเลยลองส่งยิ้มให้อีกที คราวนี้เธอยิ้มกว้างเลยครับ เอาล่ะว้ากู คราวนี้จะมีสาวเป็นถึงเด็กมอจุฬาตรีคูณ วาสนาตูจะดีเกินไปรึเปล่าวะ ต้องขอบคุณไอ้คุณพี่เอย์มากจริง ๆ เธอเข้าไปเอาชานมของเธอก่อนจากนั้นก็เป็นคิวผม พอผมเดินออกมาเธอเองก็เดินออกมาพร้อมกันด้วยพอดี ให้ตายเหอะไอ้ปิงนั่นเธอรอมึงอยู่ชัด ๆ เลยนี่หว่า ยังไม่เคยกินเด็กแว่นเลยวะ แอร๊ยย ~ คิดแล้วเขิน เธอเองตอนนี้ก็แก้มแดงแป๊ดเลย

“หวัดดีครับ ผมปิงนะ ตัวเองชื่ออะไรเหรอ” นี่ผมจะเรียกเธอว่าไงดีวะเนี่ย ถ้าหากอยู่ปีสามปีสี่นี่ถือว่ารุ่นพี่ผมนะ เรียก ตัวเองผิดมากป่ะวะ  แต่หน้าเธอยังอ่อนอยู่เลยน่าจะรุ่น ๆ เดียวกับผม

“หม่อนค่ะ เราชื่อหม่อนใบหม่อน” แหมพูดเพราะจัง เสียงหวานด้วย หลบตาผมทำไมครับ เอิ๊ก

“หม่อนเรียนที่นี่เหรอ” กูโชว์โง่อีกแล้วถามไปได้ไงชุดเขาเข็มเขา แค่เห็นก็รู้แล้วนี่ แต่ไม่เป็นไรผู้หญิงชอบคนตลก   หม่อนไม่ได้ตอบกลับมาแต่ยิ้มหวานให้แทน ผมเลยชวนเธอไปนั่งเล่นกันที่โต๊ะต่อ

“ปิงเรียนที่นี่เหรอ” เธอถามขึ้น ผมเงยหน้าจากหลอดดูดทันที เอาดิ๊ ท่านี้ผมคิดว่าผมน่ารักอ่ะ

“เปล่า” ผมตอบปฏิเสธไปจ้องตาเธอไม่ยอมปล่อย หม่อนหน้าแดงรีบหลบสายตา แต่คงสงสัยคิดว่าผมมาเตร็จเตร่อะไรอยู่แถวนี้

“มารอพี่น่ะ เห็นว่าวันนี้มีเรียนเพิ่ม หม่อนเองก็เรียนเพิ่มกับเขาด้วยเหรอ อยู่คณะอะไรครับ”

“อักษรน่ะ เรียนบรรณารักษ์” ให้ตายเหอะขุ่นแม่ขาจะเรียบร้อยไปไหนครับ โอ๊ยเด็กเนิร์ดแล้วยังเรียนบรรนารักษ์ เวลาพูดก็นิ่ม ๆ เนิบ ๆ นี่ผมทำไมรู้สึกเธอน่ารักดีนะ

“หม่อนน่ารักจัง เรียบร้อยดี ว่าแต่วันนี้ก็มาเรียนเพิ่มเหรอ”

“จ๊ะ อาจารย์นัดพิเศษน่ะ”

เราสองคุยโน่นนี่นั่นกันเรื่อยเปื่อย เป็นผมม่อจนเธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกนั่นแหละครับ ได้เบอร์โทรกับไลน์มาแล้วด้วย แปลกใจนิดหน่อยเหมือนกันตอนแรกคิดว่าเธอจะไม่เล่นไลน์ที่ไหนได้ หึหึ ทั้งวอทแอปทั้งห่าอะไรต่อมิอะไรจะให้ผมทั้งหมดเลย ผมเลยบอกขอแค่ไลน์กับเบอร์พอ กำลังว่าจะหยอกเธอเล่นต่อสักหน่อยโทรศัพท์ดันดังลั่นขึ้น อึ๋ย! พี่เอย์โทรเข้ามาแล้วผมรีบมองซ้ายมองขวา ไม่เห็นเลยมองไปที่รถ มันยืนจังก้าจ้องตาโตอยู่แล้ว ผมรีบลุกเลยสิครับ ตาย ๆ คุณชายหน้าเขียวแล้วไม่รู้ลงมานานรึยัง

“ม่อสาวสนุกเชียวนะมึง” งี้แหละไม่อยากจะกดรับสายเลย

“พี่ลงมานานยังครับ” ผมก้มลงบอกกับหม่อนเบา ๆ ว่าขอตัวกลับก่อนพี่มาแล้วเดี๋ยวไลน์ไปเล่นด้วย เธอจึงยิ้มให้พร้อมยกมือบ๊าย ๆ ผม

“นานพอจะเห็นว่ามึงม่อน้องเขาจนตัวผู้หญิงเขาแดงไปหมดแล้วนั่นแหละ” เอ้าจริงเหรอผมไม่สังเกตเลยนะ หม่อนตัวแดงเหรอไม่ใช่ว่าเพราะอากาศร้อนนะ ผมเลยหันมองกลับไปอีกที

“มึงจะมองกลับไปทำซากเหรอรีบเดินมาหากูนี่!” พี่เอย์แว๊ดเสียงขึ้น

“หูยพี่ ดุผมจริงเลยคนนั่งรอเป็นชั่วโมงมันไม่มีอะไรทำนี่”

“ปิงอย่าเถียงกูนะ รีบเดินมา หรือจะวิ่งมาก็ได้กูร้อน กุญแจรถอยู่กับมึงอ่ะ” หน้ามันงี้บูดเป็นตูดลิงเลยครับ ผมคุยในสาย แต่เห็นหน้าคุณชายท่านแจ่มชัดมากยืนหน้างออยู่ข้างรถ ไอ้ปิงวิ่งเลยสิครับ พอไปถึงพี่เอย์กระชากเอากุญแจแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งที่คนขับเลย

“พี่ไม่ให้ผมขับให้เหรอ” ผมถามขึ้นหลังจากรีบกระโดดขึ้นมานั่งข้าง ๆ  ต้องสปีดสุดเพราะกลัวมันจะขับออกไปก่อน ท่าทางอารมณ์เสียมาแบบนั้นคงจะทิ้งแน่ถ้าผมทำตัวมีปัญหา

“งานไม่ผ่านเหรอพี่ ทำไมหน้างอแบบนั้นน่ะ” เพราะผมถามเรื่องขับรถคุณชายไม่ตอบ ผมเลยเปลี่ยนไปเรื่องใหม่ คราวนี้ยิ่งแย่กว่าเก่าคิ้วคม ๆ ของพี่ท่านขมวดเป็นปมแล้ว

“พี่เอย์” ผมเรียกมันเสียงอ่อย เป็นไรวะลงมาก็หน้างอ ตอนขึ้นไปยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ

“ระดับกูไม่มีหรอกเว้ยงานไม่ผ่าน”

“อ้าวแล้วพี่หน้างอทำไมอ่ะ”

มันตวัดสายตามองผมทันที ผมเลยแกล้งยักไหล่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“หิวข้าวมั้งสัส”

“จริงดิ่?”  เวลาพี่หิวนี่น่ากลัวจังนะ ตางี้เขียวปั๊ดเลย

“แล้วใครอ่ะเด็กที่มึงนั่งคุยด้วยเมื่อกี้” พี่เอย์หันมาถาม

“ไม่รู้อ่ะ เด็กมหาลัยพี่แหละผมเห็นเธอท่าทางไม่ค่อยมีเพื่อนเลยชวนคุย”

“เขาชื่ออะไร”

“หม่อน ใบหม่อน”

“ไลน์ล่ะ”

“นี่ครับได้มาแล้ว โอ๊ยยยย! ” ขณะที่ผมกำลังจะโชว์ไลน์ของหม่อนให้พี่เอย์ดู มือหนา ๆ ของคุณชายก็โบกลงที่หัวผมแบบเต็ม ๆ

“มึงนี่แย่จริง ๆ นะกูให้นั่งรออยู่แค่ชั่วโมงเดียวนี่ทำตัวมีปัญหา รู้งี้ไม่ให้มาจนถึงที่นี่หรอก อยู่ที่โรงเรียนมึงคงจะหลอกสาว ๆ เก่งแบบนี้เหมือนกันสินะ”

“อะไรเล่า ไม่เคยหรอก ผมสงบเงียบและเรียบร้อยจะตาย ประสบการณ์กับผู้หญิงครั้งเดียวก็ยังไม่เคยเลยด้วย” แน่นอนครับผมโกหก ครั้งเดียวไม่เคย เคยแต่หลาย ๆ ครั้ง เอิ่ม...ตรงไปป่ะวะ

“หึหึหึหึ  หมาปิงเอ๊ย”

พี่เอย์พึมพำกลับมา มีเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ พร้อม ๆ กับที่รถยังมุ่งหน้าต่อไปบนท้องถนน ตอนนี้ห้าโมงกว่า ๆ แล้ว รถติดมากกกกกกก นี่ขนาดวันเสาร์นะ

“กินข้าวที่โรงแรม........ละกันนะ” พี่เอย์บอกชื่อโรงแรมยาวเหยียดออกมา ผมรู้สึกมันคุ้น ๆ พอนึกออกเท่านั้นแหละ

“โหยพี่ผมไม่เข้าไปได้ไหมอ่ะ” โรงแรมโคตรหรูแบบนั้นผมไม่ชอบเข้าไปเลย

“ทำไม” มันหันหน้ามาถาม

“เอาตรง ๆ เลยนะผมไม่ชอบกินอาหารหรู ๆ ตามโรงแรมหรือร้านอาหารเลยว่ะพี่ ผมแบบ ผมไม่อร่อยอ่ะ แล้วก็ไม่อิ่มด้วย”

อีกครั้งแล้วที่ผมเห็นพี่เอย์อมยิ้มแล้วก็หัวเราะเบา ๆ

“เอางี้ เดี๋ยวเรากินอะไรกันที่ห้างดีไหม ห้างธรรมดาก็ได้นี่ ใกล้ ๆ เดี๋ยวกูเลี้ยวตรงนี้เลยละกัน”

ว่าแล้วพี่เอย์ก็เลี้ยวรถเข้ามาหาที่จอด ในห้างที่มันบอกว่าธรรมดา แต่ก็ห้างใหญ่ไม่แพ้ห้างอันดับหนึ่งของแถวนี้หรอกครับ

“กินร้านนี้ละกันนะ” มันเดินนำเลี้ยวเข้าร้าน

“พี่นี่ชอบกินอาหารฝรั่งเนาะ”

“อือ แม่กูชอบทำอาหารฝรั่ง กูก็คิดว่ามันกินง่ายดีนะ พวกอาหารจานเดียวง่าย ๆ พาสต้าสปาเก็ตตี้หรือพวกซุปครีมอะไรแบบนี้”

“แต่มันไม่ค่อยมีประโยชน์นะแล้วพี่ก็ไม่ค่อยกินหลากหลายด้วย เดี๋ยวต่อไปผมจะซื้อของสดไปไว้เยอะ ๆ แล้วจะค่อย ๆ ทำเมนูในหนังสือให้พี่กินดีไหมล่ะครับ แบบนั้นจะดีกว่าไหม” เอาจริง ๆ คือผมรู้สึกอยากจะทำให้พี่เขาทานอย่างที่พูดจริงนะ

“เป็นอะไร? อยู่ดี ๆ เกิดใจดีขึ้นมา คิดตังค์กูเพิ่มป่ะเนี่ย” พอพี่เอย์พูดแบบนั้นผมนึกได้ทันที รีบล้วงกระเป๋าตังค์ส่งคืนให้ พี่เอย์รับไปแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงไว้เลย

“พี่ไม่ตรวจดูล่ะ” ผมถามเมื่อเห็นว่าพี่เอย์ไม่ได้สนใจกระเป๋าตังค์เลยเก็บยัดใส่กระเป๋ากางเกง

“ตรวจดูทำไม กูให้มึงทั้งกระเป๋าแบบนั้นแสดงว่ามึงมีสิทธิ์ที่จะใช้ทั้งหมดนั่นแหละ หมดไปเท่าไหร่ก็ช่างหัวมันสิ กูอนุญาตแล้ว ”

“ใจดีกับผมอีกแล้ว” จริง ๆ ผมไม่ได้ใช้เลยนะ

“ใครใจดีกับมึง กูนี่เหรอ”

ผมรีบพยักหน้าให้ พี่เอย์เลยถีบผมเบา ๆ ใต้โต๊ะมาที “เงียบแล้วกินไป เลิกพูดได้แล้วกูรำคาญ”

ผมเบะปากใส่มันหนึ่งทีก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารของตัวเอง





พี่เอย์เป็นคนเข้าใจยาก

พอกินข้าวเสร็จ ไอ้ผมก็นึกว่าคุณชายจะตรงกลับห้องเลยไม่ก็ลงไปหาซื้อของที่ซุปเปอร์ชั้นล่าง แต่เปล่าเลยครับ พี่เอย์เดินเลี้ยวขึ้นบันไดเลื่อนเฉยเลย

“เดี๋ยวกูจะเข้าไปดูหนัง มึงนั่งรออยู่ตรงนี้”

“ห๋า!!!!! ผมอุทานขึ้นสุดเสียงจนมันต้องยกมือมาอุดปากไว้หันซ้ายหันขวาคิดว่าคงจะอายคน ก็ผมลืมตัวนี่ครับจู่ ๆ พี่เอย์พูดอะไร

“ทะ....ทำไมเป็นงั้นล่ะ” ทำไมพี่ไม่ชวนผมเข้าไปด้วยวะ  คือผมไม่คิดว่าคุณชายจะพูดอะไรแบบนี้ คือก็เรามาด้วยกันไง ถ้าคิดจะดูหนังก็น่าจะชวนกันไม่ใช่เหรอ ดูซินั่นจอนั้นตัวอย่างหนังน่าดูชะมัดเลย

“ทำไม?”

“เอ๋า พี่ก็ให้ผมเข้าไปด้วยดิ เรื่องนี้ผมก็อยากดูเหมือนกันนะ แองเจลิน่า มาเลฟิเซ้นท์” เห็นไอ้บาสกับไอ้วุฒิมันเพิ่งมาดูกัน ชมไม่ขาดปากเลย  จริง ๆ วันก่อนพวกมันชวนผมมาดูด้วยนะแต่ผมไม่ว่างต้องเคลียร์เรื่องงานเขียนโปรแกรมนั่นแหละครับ

“เรื่องของมึง ถ้าอยากเข้าไปด้วยก็ตามมา” พี่เอย์พูดแค่นั้นแล้วเดินลิ่ว ๆ ไปกดซื้อตั๋วเลย ผมรีบตามสิครับ

พี่เอย์เลือกที่นั่งแล้วก็เดินไปทางน้ำกับขนม พอถึงที่เขาขายป๊อปคอร์นมีหันมาทางผมแล้วทำหน้าเหมือนจะถาม ผมเลยพยักหน้ารับ ๆ ไป ไม่รู้อ่ะคุณชายอยากกินล่ะมั้งไม่งั้นจะใจดีแบบนั้นเหรอ พี่เอย์ซื้อน้ำอัดลมหนึ่งแก้วกับป๊อปคอร์นอันใหญ่ ๆ หนึ่งอัน  คุณเชื่อไหมเวลามาดูหนังกับสาวนะผมไม่เคยถือป๊อปคอนเองเลยเหอะมีแต่ผู้หญิงเขาถือ ส่วนผมจะถือแก้วน้ำให้ แล้วตอนนี้มันคืออะไรเหรอวะ? พี่เอย์ถือแก้วน้ำ ส่วนผมดันเป็นคนถือป๊อปคอร์น แล้วที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดดันมีเด็กมัธยมต้นกลุ่มใหญ่เลยผู้หญิงทั้งนั้น แม่งยืนมองผมกับพี่เอย์แล้วยิ้มอ่ะ  มันซุบซิบห่าอะไรกันไม่รู้ ผมเซ็นต์ดีนะ

“พี่เอย์” ผมสะกิด เรากำลังยืนต่อแถวเข้าไป มันหันมามอง

“ผมจะถือไอ้นั่น” ผมหมายถึงน้ำที่อยู่ในมือมัน ซึ่งคือมันมีแก้วเดียว มีหลอดเดียว มโนไปว่าอาจจะต้องดูดด้วยกันในโรง บรึ๋ยย แล้วคือพี่เอย์ซื้อมาแก้วเดียวอ่ะให้ตายเหอะ

“กูไม่อยากถือป๊อปคอร์น” พี่เอย์ตอบ สายตานี่ผมสังเกต คุณชายเอย์มองไปที่ไอ้เด็กกลุ่มนั้นแว๊บนึงเหมือนกันนะ

“ผมก็ไม่อยากถือป๊อปคอร์นอ่ะ” ผมบอกมันเสียงอ่อย ทำไงดีวะ ไอ้เด็กพวกนั่นแม่งล้อผมแน่ มันต้องมโนกันไปว่าผมเป็นผู้หญิงของพี่เขาแหงเลย  อมยิ้มกันใหญ่ ไอ้พวกเด็กบ้า

“มานี่มามึงมายืนอยู่หน้ากู เดี๋ยวกูบังให้ แค่นี้ไอ้เด็กพวกนั้นมันก็ไม่เห็นมึงแล้ว”

ผมรีบมุดเข้าไปเลยสิครับ พี่เอย์วาดวงแขนขึ้นรับเอาผมเข้าไปยืนอยู่ข้างหน้ามัน ผมรู้สึกว่ามันขยับ ๆ บังตัวผมให้มิดเลยล่ะตัวเราเลยยืนซ้อนกันอยู่  ในที่สุดเราก็เดินเข้าโรงไปทั้งที่เสียงกรี๊ดของพวกเด็กบ้ายังดังก้องอยู่ในหู แม่งมันกรี๊ดห่าอะไรไม่รู้โดยเฉพาะตอนที่ผมขยับเข้าใต้วงแขนพี่เอย์แค่นั้นเอง สงสัยจะหาว่าผมหลบมัน






“แวะท็อปก่อนนะ หิวอีกแล้วว่ะ กลับไปมึงทำอะไรง่าย ๆ ให้กูกินแล้วค่อยกลับก็แล้วกัน”

“ได้ครับ”

เราเลือกซื้อของกัน คราวนี้พี่เอย์หยิบกุ้งแช่แข็งไปเยอะเลย ผมเลยถามว่าทำไม มันบอกไว้เวลาทำข้าวผัดกุ้ง

“พี่นี่ชอบข้าวผัดกุ้งมากเหรอ”

“อือ มันก็อร่อยดีนี่”

“งั้นผมซื้อไข่ไก่เพิ่มหน่อย ที่ห้องหมดแล้ว”

“ใส่มะเขือเทศด้วยนะกูชอบกิน”

“ซื้อแตงกวาด้วยไหม พี่กินได้หรือเปล่าครับ”

“เอาแตงญี่ปุ่นนะ แตงกวาธรรมดากินไม่เป็น”

“ครับ ๆ  อึ๋ย แตงญี่ปุ่นแพงอ่ะพี่ สองลูกตั้งร้อยกว่าบาทแน่ะ” ผมรีบวางแตงทั้งแพ็คลงคืนที่ชั้นเลย ตอนแรกหยิบมาแล้วด้วยนะ ผมเลยเลื่อนไปหยิบแตงแบบธรรมดาแทน

“แพงอะไรร้อยกว่าบาทเอง กูกินได้ไม่ถือว่าแพงหรอก ส่วนแตงที่มึงจะซื้อแพ็คละสี่สิบบาทก็จริงแต่ซื้อมาแล้วกูไม่กินก็ทิ้งแบบนี้ถือว่าเสียของมากกว่าไหม”

“งั้นถ้าผมซื้อแตงไอ้แพง ๆ นั้นแล้วพี่ต้องกินให้หมดด้วยนะ” ผมหันไปมองหน้ามันเป็นเชิงต่อรองแล้วเปลี่ยนไปหยิบเอาแตงญี่ปุ่นกลับมาแบบเดิม

วันนี้พี่เอย์ไม่แยกไปหยิบขนมปังนะ มันเดินอยู่กับผมตลอดเลย ที่สำคัญช่วยผมเข็นรถอีกด้วย  เราใช้เวลาเลือกซื้อของกันราว ๆ ครึ่งชั่วโมงได้ พอออกมาที่ลานจอดรถ  รถโล่งมากคงเพราะเกือบจะสามทุ่มแล้ว คุณชายช่วยผมขนของใส่ท้ายรถจนเสร็จเรียบร้อย แวะเติมน้ำมันระหว่างทางแล้วตรงกลับห้องกันเลย

“พี่เอย์ไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวผมทำกับข้าวไว้ให้”

“แล้วมึงจะกลับตอนไหน”

“ทำข้าวให้พี่เสร็จนี่แหละ” จะว่าไปเมื่อคืนผมบอกมันว่าจะกลับหลังจากมันเข้านอนแล้วนี่หว่า ช่างเหอะคงจะจำไม่ได้หรอกมั้งนะ ดึกแล้วผมก็ง่วงนะ ไม่ค่อยได้นอนมาสองสามวันแล้วด้วย

พี่เอย์มองหน้าผมครู่หนึ่งคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา แล้วคุณชายก็เดินหายเข้าไปในห้อง ผมเลยจัดการรื้อๆของที่ซื้อมาจัดเก็บให้เข้าที่ สิบห้านาทีหลังจากนั้นพี่เอย์ออกมานั่งดูทีวีดูการ์ตูนที่มันชอบรอ

“พี่ข้าวเสร็จแล้วนะครับ ผมตั้งไว้ที่โต๊ะนะ”

“เอามาให้ตรงนี้ดิ หิวแล้วนะเร็วหน่อย” ครับ ๆ คุณชายเอย์  ทำให้กินแล้วยังต้องเสิร์ฟด้วย กรรมแท้ ๆ ไอ้ปิง ผมเอาไอ้ข้าวผัดจานยักษ์ไปวางไว้ให้ตรงหน้า วันนี้ไม่ใจดีแถมไข่ดาวหรอกนะ แค่ข้าวผัดกุ้งธรรมดามีแตงวางไว้ข้าง ๆ แค่นั้นแหละ

“อ้าว แล้วของมึง” พี่เอย์เงยหน้าขึ้นมาถาม

“ไม่มีหรอกครับ ผมทำแค่ให้พี่ทาน ต้องทานให้หมดนะ” ผมบอกมันแล้วหันไปมองดูรายการโทรทัศน์ พี่เอย์เปิดบาร์บี้อีกแล้ว ช่องนี้แม่งฉายบาร์บี้เวลานี้เหรอวะ

“มึงเดินไปเอาจานเล็กมาให้กูอีกสักใบซิ”

“พี่จะเอาไปทำไรอ่ะ”

“อย่าถามมากเดินไปเอามา” โอเค ผมเดินไปเอาจานมาวางลงให้ กำลังดูว่ามันจะทำอะไร พี่เอย์ตักข้าวผัดจานนั้นแบ่งใส่จานเล็ก ๆ จนเกือบครึ่ง จากนั้นยื่นจานนั้นส่งคืนให้ผม ผมยิ้มกว้างเลยสิครับ แหมคุณชายใจดีจริง ๆ เลยน้า จะแบ่งให้ผมกินด้วย

“เอาไปเททิ้ง กูกินไม่หมด”

คือพี่เอย์พูดหน้านิ่งมาก คือแบบมาก ๆ มันยื่นจานนั้นให้ผมแล้วหันไปสนใจการ์ตูนของมันต่อ พอเห็นผมเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รับ พี่เขาเลยหันมามองอีกครั้งคราวนี้ตาเริ่มเขียวแล้วผมเลยรีบรับจานมาถือไว้แทบไม่ทัน

“ผัดเยอะแยะทำไม ทีหลังถ้าจะให้กูกินคนเดียวมึงผัดจานเล็ก ๆ สิ  รีบเอาไปทิ้งได้แล้ว จิ๊! น่ารำคาญ”

อะไรของเขาวะ จะทิ้งทำไมเสียดายเหอะ เอ๊ะแต่เดี๋ยวก่อน วันก่อนก็ทำจานเท่านี้ทิ้งไว้ให้นี่ทำไมไม่เห็นบ่นเลย แถมยังกินหมดอีกต่างหาก หรือว่าจริง ๆ แล้ว......คึคึ

“ถ้าพี่จะทิ้งงั้นผมขอกินนะ” ผมลองถามมันดู จริง ๆ ก็หิวแหละกะว่าถ้าออกไปจะแวะซื้อข้าวกล่องก่อนเข้าหอ แต่ถ้ากินไปจากที่นี่ก็ประหยัดดีเหมือนกัน

“เรื่องของมึง” พี่เอย์ตอบห้วนมากจริง ๆ ทำท่าไม่ไยดีแบบสุด ๆ ผมเลยเดินไปเอาช้อนมานั่งขัดสมาธิลงที่พื้นแล้วกินข้าวอยู่ข้าง ๆ คุณชายที่นั่งอยู่บนโซฟานุ่มดูทีวี  โทรศัพท์มือถือมันดังพี่เอย์เลยลุกขึ้นไปหยิบแล้วกดรับ ผมก็นั่งกินไปเรื่อย ๆ ดูทีวีไป

รายการทีวีก็แหม่ เมื่อกี้ยังเป็นการ์ตูนอยู่เลยไหงตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นรายการเกี่ยวกับเรื่องความรักซะงั้น ตอนแรกผมก็ไม่สนใจหรอกแต่ไม่กล้าเปลี่ยนช่องเลยนั่งทน ๆ ดูไปเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มีการบอกด้วยนะว่าห้าอันดับของคนที่เป็นคู่รักวัยรุ่นมักจะทำกันประจำมีอะไรบ้าง คำตอบที่สาว ๆ หนุ่ม ๆเขาโหวตกันมาก็มี....

-                   คุยโทรศัพท์กันก่อนนอน

-                   เดินห้างช้อปปิ้งด้วยกัน

-                   ดูหนังกันแชร์ของกันกินในโรงหนังด้วยกัน

-                   กินข้าวด้วยกัน กินในสิ่งที่ชอบด้วยกัน

แล้วก็ข้อสุดท้าย
-                    
-                   ไปนั่งรอกันที่โรงเรียนไม่ก็มหาวิทยาลัยเพื่อกลับพร้อมกัน

หืม?? อะไรวะ ทำไมมันเหมือนสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดกับไอ้คุณชายในวันนี้เลย

“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น” พี่เอย์คงคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว มันเดินเข้ามาจับหัวผมแล้วแทรกตัวลงนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม

“พี่เอย์” ผมพึมพำเรียกชื่อมัน พี่เอย์ละสายตาจากทีวีที่มันเปลี่ยนช่องไปแล้วหันมองมาที่ผม ช่วยไม่ได้นะ ผมเป็นคนที่พูดอะไรตรง ๆ ซะด้วย  ถ้าอยากรู้ผมจะถาม  นี่คือคติส่วนตัวของผมเลย

“อะไร? มีอะไร ทำหน้าอะไรของมึง”

“ผมถามอะไรพี่อย่างดิ คือผมสงสัยว่ะพี่  นะ ขอถามนะ”

“อือ อะไรถามมาสิ ถ้าไม่ใช่วิธีขึ้นไปเก็บปลาบนท้องฟ้ากับลงไปเก็บดาวในแม่น้ำกูตอบมึงได้หมดอ่ะ”

“ครับ” แต่ผมดันเสือกเงียบไปอีก พี่เอย์เลยหันมามองอีกครั้ง

“อะไรปิง  มึงจะถามอะไร”

“พี่ว่า.............ถ้าเราชอบใครสักคนเราจะจีบเขายังไงอ่ะ”

พี่เอย์ตวัดสายตามองผมทันที มันคิดอะไรไม่รู้อยู่ครู่หนึ่งก่อนวางช้อนลงที่จานเสียงดังเคร้ง!เลย

“นี่อย่าบอกนะว่ามึงติดใจน้องหม่อนไหมใบพืชอะไรนั่น  เจอกันแค่ชั่วโมงเดียวนี่นะ” พี่เอย์ท่าทางอารมณ์เสียแล้ว ตาย ๆ สิ่งที่ผมจะถามต่อเนี่ย มันจะถีบผมตกตึกเลยไหมเนี่ย

“เปล่า ๆผมเคยคุยกับไอ้พวกเพื่อน ๆ น่ะครับ ตอนนี้เลยอยากรู้มุมมองของพี่ ก็พี่สาวเยอะใช่ไหมล่ะ คงจะมีอะไรดี ๆ แหละไม่งั้นสาวจะรักจะหลงเหรอ”

“เออแน่นอนกูมีอะไรดีๆแน่อยู่แล้ว”

“พี่ก็บอกผมมาดิ ถ้าพี่สนใจสาวสักคนพี่จะจีบเขายังไงบ้างเหรอ”

“มึงนี่มันยุ่งยากเสียจริง ทำไมต้องถามอะไรให้มันวุ่นวายด้วยวะ แค่รู้สึกอยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย เป็นตัวของมึงเลยก็แค่นั้นแหละ”

“แล้วอะไรบ้างล่ะ ผมก็แค่อยากจะรู้นี่” ผมหรี่ตารอฟังคำตอบมันเต็มที่ โคตรจะลุ้น ถ้ามันตอบเหมือนในทีวีนะ แสดงว่า......

“ก็ชวนกินข้าว ดูหนัง ช็อปปิ้ง ดึก ๆ ก็โทรหา พามาเที่ยวห้อง ไม่เกินเดือนหรอกมึงจัดการเด็ดดอกไม้มาเชยชมได้เลย แต่ถ้าผู้หญิงแรง ๆวันสองวันมึงก็ได้เขาแล้ว พอใจไหมคำตอบ”

“นี่พี่พูดจริงเหรอครับเนี่ย” ตาย ๆ นี่ผมรู้จักมันมาสามอาทิตย์กว่าแล้วดัวย ขืนครบสี่อาทิตย์ขึ้นมาผมไม่แย่เหรอ

“ก็เออดิวะ จะมีปัญหาอะไรอีก”

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ นึกถึงเรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ มองหน้าพี่เอย์ดี ๆ อีกครั้งมันคงงงแหละ เพราะผมมองมันแล้วขมวดคิ้วแน่นเลย พี่เอย์จ้องหน้าผมใหญ่ทำหน้าสงสัยเต็มที่ ผมเองก็ไม่ต่างแต่เหตุผลของเรามันต่างกัน

“เป็นอะไรของมึง” มันพูดออกมา คราวนี้ผมรีบคลานเข้าไปเอาให้ใกล้มันที่สุดเลย พี่เอย์ยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่ ขยับตัวหลบเมื่อผมยืดตัวขึ้นทำท่าโน้มเข้าหามันทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่ที่พื้น มันที่นั่งอยู่บนโซฟาถึงกับงงแดกไปเลย ใบหน้าเราห่างกันแค่นิดเดียว

“พี่เอย์” ผมพูดเบา ๆ ก็เรียกมันนั่นแหละ แต่ไม่รู้จะทำเสียงเซ็กซี่แบบนั้นไปทำไม ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

“พี่เอย์ครับ” ผมเรียกอีกครั้ง คราวนี้มันชักสีหน้าหงุดหงิดคงคิดว่าผมจะเรียกทำไมนักหนา มีเสียงจิ๊จ๊ะออกมาจากลำคอคุณชายด้วยนะ

“นี่มึงเลิกทำหน้าแบบนี้ได้ไหมกูเห็นแล้วหงุดหงิดแม่ง ออกไปให้พ้น ๆดิ๊ ยื่นหน้าเข้าใกล้อะไรนักหนา ทำหน้าอะไรคิดว่าทำแล้วน่ารักเหรอวะ มึงแม่ง ถอยออกไปดิ่!”

“ไม่”

“ไอ้ปิง มึงจะเอาอะไร”

“พี่ตอบผมก่อน มีเรื่องที่ผมสงสัยแล้วก็คาใจ หลายครั้งแล้ว ถ้าไม่ตอบผมไม่ออกอ่ะ”

“ช่างหัวมึงดิ่ ไม่ออกกูถีบ” พี่เอย์ยกขาขึ้นมาแล้วผมเลยกดหน้าขามันไว้ พร้อมกับรัวคำถามออกมารวดเดียว


“พี่ชอบผมเหรอ”


มันเงียบไปเลยครับ จ้องผมนิ่งเลย ทุกอย่างรอบตัวเราสองคนนิ่งและเงียบสนิท ผมสาบานขนาดเสียงทีวีผมยังไม่ได้ยิน ผมไม่รู้พี่เอย์กำลังคิดและรู้สึกยังไงแต่เห็นว่ามันจ้องหน้าผมนิ่งเลย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีพี่เอย์ดีดหน้าผากผมดัง ป๊อก! เบา ๆ

“คิดยังไงทำไมถามอะไรออกมาแบบนั้น ถ้ากูตอบว่าไม่ได้ชอบนี่มึงจะเสียใจมากไหมวะปิง”  

คิดว่าผมจะเชื่อพี่ไหมล่ะ ก็พี่เล่นทำอะไรแบบที่ในทีวีเขาบอกทั้งหมดเลยนี่หว่า ฮอร์โมนผมกระซิบบอกมานะว่าพี่น่ะรู้สึกแปลก ๆ กับผมแน่แล้ว

“ผมไม่เชื่อหรอก ก็เมื่อกี้พี่ตอบว่าถ้าพี่สนใจใครพี่ก็จะชวนเขาไปกินข้าว ดูหนัง ช็อปปิ้ง ตอนดึก ๆ ก็จะโทรหา นั่นมันที่พี่ทำกับผมทั้งหมดเลยนี่”

พี่เอย์ฟังผมแล้วเงียบไปอีกแล้ว ทำไมจนป่านนี้เสียงทีวีที่เปิดอยู่ไม่ได้ผ่านเข้าหูผมเลยนะ

“มึงอยากรู้คำตอบจริงเหรอ” มันพูดหน้านิ่งมาก สายตาจับผมไว้ไม่ปล่อยเลย

“ครับ” ผมเองก็นิ่งไม่แพ้มันหรอก

“งั้นเข้ามานี่ ขยับมาใกล้ ๆ” พี่เอย์พยักหน้าเรียกเบา ๆ ผมเลยเอียงหูเข้าไป คิดว่ามันคงจะพูดอะไรสักอย่างให้ได้ฟัง อยากได้แบบใกล้ชิดเลยเผื่อคุณชายเธอจะอาย คึคึ ผมนับถอยหลังรอเลย

 5


4


3


2


1



“ไม่-ได้-ชอบ”

จบครับ ชัดเจน พี่เอย์กระตุกรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนคนกำลังสะใจ ผมงี้มองมันแบบไหนน่ะเหรอ หึหึหึหึ ไม่ยอมหรอกครับผมน่ะ กับคนปากแข็งแบบนี้ ก็ที่ผ่านมาผมคิดแล้วคิดอีก พอมาเจอรายการทีวีบ้าบอวันนี้ผมสรุปความเข้าข้างตัวเองเลยเรียบร้อย ถึงไม่ได้ชอบก็คงจะต้องสนใจเป็นพิเศษบ้างล่ะวะ แหม่ผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะไร้เดียงสาไร้ประสบการณ์สักหน่อย จีบสาวมาก็หลายคนอยู่นะ ท่าทางแบบนี้มันฟ้องว่าชอบกันอยู่ชัด ๆ

“ผมไม่เชื่อหรอก”

“เรื่องของมึง”

“พี่ไม่ได้ชอบผมเลยจริงอ่ะ” ผมถามย้ำเข้าไปอีก

พี่เอย์ปรายสายตามองมาที่ผม ก่อนที่จะหันไปมองที่จอทีวีอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผมได้ยินเสียงทีวีแล้วหลังจากหูบอดมาหลายนาที

“แค่สนใจก็ยังไม่เคย?”

“.............”

คุณเชื่อไหม ผมเป็นคนดื้อมากจริง ๆ นะ

“พี่เอย์” ผมสะกิด แต่มันไม่หันมาพี่เอย์จ้องทีวีต่อไป ผมเลยสะกิดเรียกอีกครั้ง

“พี่เอย์”

คราวนี้มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหันมาจ้องหน้าผมนิ่งเลย 

“พี่เอย์ ผม.........อุ๊บส์! ~ ~

จบสิ้นแล้วครับชีวิตผม เมื่อจู่ ๆ พี่เอย์คว้าเอาคอผมเข้ามา แล้วเอียงศีรษะกดริมฝีปากแนบชิดลงมาที่ปากของผม เสียง จ๊วบบบ! ดังออกมาเบา ๆ จากนั้นมือใหญ่ของพี่เขาดึงซอกคอผมออกทันที เราสบตากันห้าวิฯเห็นจะได้ ต่เป็นห้าวิที่ผมรู้สึกว่าโคตรนานเลย

“ต้องให้กูพูดอีกไหม ว่าไม่ได้ชอบ!” พี่เอย์ลุกขึ้น แล้วแทรกตัวเดินออกไป ทิ้งผมนั่งงงงวยเป็นหมาเอ๋อตายอยู่กลางห้อง อีกครั้งแล้วที่หูผมบอด คราวนี้ไม่ใช่แค่หูหรอกครับแม้แต่ดวงตาผมก็ยังพลันมืดมิดดับสนิทไปเลย

มันคืออะไรกันวะ?  บอกไม่ได้ชอบ แต่จูบปากผม

มันคืออะไรกันวะ? บอกไม่เคยสนใจหาว่าผมหลงตัวเองคิดฟุ้งซ่าน แต่คนแบบพี่ เล่นจูบผมลงมาแบบนี้


ให้ตายเหอะ!  ตัวผมดันร้อนวูบวาบขึ้นมา ใบหน้าเองก็ร้อนผ่าวไปหมด ท่าทางเหมือนจะเป็นไข้ยังไงไม่รู้  แล้วคืนนี้ผมจะนอนหลับตาลงได้เหรอวะเนี่ย...........ฉิบหายแล้วมึงไอ้ปิง  แก้มผมแทบจะแตกออกเป็นเสียง ๆ แล้วนะ ผมดีใจงั้นเหรอ? แต่พี่เอย์บอกว่าไม่ได้ชอบผมนี่ ....แล้วทำไมผมถึงดีใจแบบนี้(วะ)ครับ


พี่เอย์เป็นคนแปลกมาจริง ๆ 



Tbc.