Tuesday, April 1, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 23


บทที่23


ท้องถนนที่ทอดยาว แสงจากเสาไฟสีส้มเรียงรายทอดยาวโค้งไปตลอดทั้งแนว คืนนั้นเขาขับรถกลับบ้านทั้งที่ยังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว คำพูดของทัตพลยังกึกก้องสะท้อนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในห้วงความคิด



ธารกำลังเข้าใจผิดนะ เรื่องราวมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเต็มใจ  ระหว่างพ่อกับทราย....


พ่อกับทรายเราโดนวางยา


พ่อรู้ว่ามันอาจจะเชื่อยาก แต่พ่อพาทรายเขาไปทำธุระที่พังงา เราค้างที่นั่นกันสองคืนแล้วคืนที่สองมันก็เกิดเรื่องขึ้นมา นี่คือเรื่องจริง ๆ ที่เกิดขึ้นธารจะเชื่อหรือไม่พ่อคงไปห้ามความคิดลูกไม่ได้แต่ขอให้ลูกรู้ไว้ว่าพ่อกับทรายเราไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกันแบบนั้น



เขาสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปอีกครั้งตั้งสติกับถนนหนทางข้างหน้า เบนซ์สีขาวคันเดิมจอดรออยู่ไม่นานประตูรั้วแบบอัตโนมัติก็เปิดกว้างรอให้รถหรูขับเคลื่อนเข้าไปจอดตัวลงที่ด้านใน 


“วันนี้ไม่กลับหรือทินกร” เขาเอ่ยถามคนที่วิ่งมารับกุญแจรถ ปกติพอค่ำหน่อยทินกรจะกลับไปค้างที่บ้านกับภรรยา เช้ามืดวันใหม่จึงจะมาทำงานแต่เช้า น้อยครั้งนักที่จะเห็นเขาอยู่ค้างคืนที่นี่


“วันนี้เมียผมเขาไปเที่ยวกาญจนบุรีกับพวกเพื่อนๆน่ะครับ กลับไปก็ไม่รู้จะคุยกับใครอยู่ดีเลยอยู่นอนมันเสียที่นี่เลยดีกว่าเผื่อตอนเช้าคุณธารมีอะไรเรียกใช้”  ทินกรตอบตรงไปตรงมาธาราธารจึงพยักหน้าให้เบา ๆ จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปด้านใน


“ดาว อีกสักครึ่งชั่วโมงให้พี่ทรายเอากาแฟขึ้นไปให้ฉันที่ห้องหนังสือด้วยนะ” เมื่อร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในบ้านเขาเรียกนับดาวมาสั่งความ


“เอ่อ..พี่ทรายนอนแล้วค่ะ เดี๋ยวดาวเอาขึ้นไปให้แทนนะคะของคุณธารกาแฟดำใส่น้ำตาลก้อนเดียว”
ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู  เวลาเพิ่งจะสามทุ่มกว่า ๆ วารินไม่น่าจะนอนเร็วได้ปกติเห็นชอบนั่งคุยเล่นกับนับดาวจนดึกดื่น


“พี่ทรายไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ตัวรุม ๆ ตั้งแต่เช้าดาวไล่ไปพักก็ไม่เชื่อ นี่ก็เพิ่งจะเข้าไปนอนเอง ดาวเลยไม่อยากรบกวน เดี๋ยวดาวชงกาแฟให้คุณธารเองนะคะคุณธารขึ้นไปรอข้างบนเถอะค่ะเดี๋ยวพี่เตตรวจรอบบ้านเสร็จก็คงจะมาปิดบ้านแล้ว”


นับดาวเห็นธาราธารชักสีหน้าสงสัยจึงไขความข้องใจของเขาทั้งหมด ชายหนุ่มชั่งใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วเขาก็เดินเลี่ยงขึ้นบ้านไป  ทุกวันหลังกลับจากเรียนหากไม่ดึกมากเขาจะเข้าไปทักทายคุณแม่เสมอและวันนี้เขาก็ยังทำเหมือนเดิมเช่นทุกวัน


“คุณแม่หลับไปแล้วหรือครับป้าวัน”


“หลับตั้งแต่สองทุ่มแล้วค่ะ คุณธารเพิ่งกลับมาถึงหรือค่ะทานอะไรมาหรือยัง”ปกติเธอเป็นคนจัดเตรียมเรื่องอาหารการกิน แต่หลังจากต้องมาดูแลภัครจิราก็กลายเป็นนับดาวที่เข้ามาเตรียมเรื่องอาหารแทน


“เรียบร้อยมาแล้วครับ ป้าวันนอนเถอะนะดูแลคุณแม่มาทั้งวันคงจะเหนื่อย” เขาเดินเข้าไปจับมือภัครจิราเบา ๆ กระชับผ้าห่มให้


“ผมกลับมาแล้วนะครับคุณแม่ พักผ่อนให้สบายนะครับ” เขาพูดกับเธอเบา ๆ  ก่อนเดินไปปิดไฟดวงใหญ่แล้วเปิดเป็นไฟหรี่สีส้มอ่อนๆให้แทน



สายน้ำเย็น ๆ จากฝักบัวช่วยชะล้างสิ่งสกปรกจากร่างกายได้ก็จริงแต่ทว่ากลับไม่สามารถสลัดความคิดที่ฝังติดอยู่ในจิตใจคนเราได้เลย เรือนกายสูงใหญ่ยันมือข้างหนึ่งกับผนังกระเบื้องปล่อยให้สายน้ำเย็น ๆ ราดรดตั้งแต่ศีรษะไหลผ่านร่างกายแข็งแรงกำยำผ่านลงมาจนถึงปลายเท้า


เขาสะบัดศีรษะไล่ความเบียกชื้นจากสายน้ำ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกจนแห้งหมาดเมื่อทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยจึงเข้าไปที่ห้องหนังสือ กาแฟดำร้อน ๆ จากนับดาวส่งกลิ่นหอมโชยมาจากโต๊ะทำงาน เขาใช้เวลากับหนังสือตรงหน้าไปได้แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น จิตใจดันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคิดถึงเรื่องของวารินขึ้นมาอีก



“พี่ทรายไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ตัวรุม ๆ ตั้งแต่เช้าดาวไล่ไปพักก็ไม่เชื่อ นี่ก็เพิ่งจะเข้าไปนอนเอง ดาวเลยไม่อยากรบกวน”



ไม่รู้อะไรดลใจ..ตอนนี้เขาดันมายืนอยู่ที่หน้าประตูเล็กๆที่เขาเคยเรียกมันว่าห้องคนใช้  มือใหญ่ไขกุญแจเปิดเข้าไปอย่างเบามือและถือวิสาสะ ถึงไฟในห้องจะถูกปิดลงแล้วแต่เขาก็ยังสามารถเห็นคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง ธาราธารเดินเข้าไปใกล้ ๆ จ้องมองดวงหน้าที่อ่อนระโหยนั่น วารินดูผอมลงกว่าเดิมนิดหน่อยใบหน้าที่เคยมีแต่แววสดใสร่าเริงอยู่เสมอกลับกลายเป็นใบหน้าที่คล้ายกับคนจมอยู่ในความทุกข์ เขาเลื่อนมือไปขยับผ้าห่มให้ขึ้นมาชิดหน้าอกของคนตัวเล็กเผลอโน้มตัวลงไปหวังเพื่อจะแตะริมฝีปากที่แก้มนิ่มนั่นแต่เขาต้องหยุดชะงักอยู่แค่นั้น ทั้งที่ห่างเพียงไม่ถึงนิ้วด้วยซ้ำ ใบหน้าและดวงตาที่มองคนตัวเล็กด้วยความอบอุ่นนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นทันทีที่นึกไปถึงภาพบาดหัวใจในวีดีโอนั่น เขาค่อยยันตัวขึ้นขณะริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างขมขื่น แววตาที่มองลงไปมีแต่แววตัดพ้อเต็มไปหมด



“พ่อกับทรายเราโดนวางยา”


“ธารกำลังเข้าใจผิดนะ เรื่องราวมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเต็มใจ  ระหว่างพ่อกับทราย....”


คำพูดของทัตพลเหมือนแผ่นที่ถูกรีเพลซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในหัวสมองของเขา


ถึงแม้คนทั้งคู่จะถูกวางยาจริง แต่มันก็เปลี่ยนความเป็นจริงไปไม่ได้ ในเมื่อทั้งคุณพ่อของเขาและวารินมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกันไปแล้ว และที่สำคัญที่สุดคือคุณแม่ของเขา ภัครจิราต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้เพราะคนทั้งคู่นั่น


ร่างสูงใหญ่หมุนตัวเดินกลับออกไปทันที นิ้วมือเรียวยาวบดเบียดเข้าหากัน สันกรามได้รูปถูกบดจนนูน นึกโมโหตัวเองที่เดินลงมาทำไมถึงห้องหลังบ้านแบบนี้


...จำเป็นอะไรที่เขาต้องดีกับวาริน...


...จำเป็นอะไรที่ต้องเป็นห่วง..


...ก็แค่ที่ระบาย เวลาเขา อยากก็แค่นั้น!....



ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาธาราธารใช้เวลาหมดไปกับการเรียนตั้งแต่เช้าจรดเย็นแทบทุกวัน บางวันมีสอบกลางคืนและมีเรียนต่อในเช้าวันถัดมา ทำให้เขาไม่สะดวกในการเทียวไปเทียวมาระหว่างที่บ้านและโรงพยาบาลเขาจึงเลือกที่จะค้างที่คอนโดมากกว่า


“สวัสดีค่ะคุณธาร เย็นนี้ก็โทรมาถามอาการคุณผู้หญิงอีกหรือคะ” นับดาวรับโทรศัพท์แล้วแกล้งพูดดักคอ เพราะพักหลังธาราธารไม่ค่อยได้กลับบ้านจะใช้วิธีการโทรมาสอบถามอาการแม่ของเขาทุกๆวันทั้งเช้าทั้งเย็น


“รู้แล้วก็รีบรายงานมาเร็วเข้า”


นับดาวจึงพูดบอกเขาไปตามสภาพที่เห็นตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นโดยละเอียดเมื่อไม่มีอะไรที่น่าห่วงก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องวางสาย แต่ฉุกใจนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ก็เลย...


“พี่ทรายเขาอยู่แถวนั้นหรือเปล่า”


“อยู่ค่ะคุณธารจะคุยด้วยหรือคะเดี๋ยวดาวไปเรียก....


“ไม่ต้องๆ” เขารีบร้องปรามเมื่อได้ยินว่านับดาวทำเสียงตะกุกตะกักเหมือนกำลังจะแฮ้งกิ้งคอล


“อ้าวพี่ทรายเดินมาพอดีเลย คุณธารจะคุยด้วยไหมคะดาวจะเรียกให้” นับดาวกวักมือเรียกวารินให้เดินเข้ามาใกล้ คนตัวเล็กจึงเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยว่าใครกันที่อยู่ปลายสาย เด็กสาวจึงทำปากบุ้ยใบ้บอกว่าคุณธาร วารินหน้าเจื่อนลงทันที


“ไม่ต้องอ่ะ ฉันไม่อยากคุยกับเขา เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปคงจะดึกไม่ต้องรอก็ได้”


เขาพูดไว้แค่นั้นแล้ววางสายตัดไปเลย ทว่าความรู้สึกของคนที่ได้ยินประโยคสุดท้ายพอดีกลับวาบโหวงขึ้นในหัวใจอย่างไรบอกไม่ถูก คนตัวเล็กยกมือขึ้นทาบอกสูดลมหายใจก่อนนับดาวจะเอื้อมมือมาเกาะบ่าเล็กนั้นไว้แกล้งทำท่าตลกๆให้วารินได้หัวเราะแล้วชวนไปรดน้ำต้นไม้ด้วยกัน


ช่วงบ่ายวันถัดมาที่ตึกเรียนของโรงพยาบาลที่ธาราธารเรียนอยู่เขาเดินสวนบัวชมพูตรงทางเดินพอดี


“ธาร”


เธอร้องเรียกขึ้นอย่างยินดี บอกเพื่อนที่เดินมาด้วยกันให้ไปก่อน “ไม่ได้เจอเลย โทรไปก็ไม่รับสาย ธารโกรธบัวเรื่องอะไรหรือเปล่า” เธอดึงแขนเสื้อเขาให้เดินมาในจุดที่คนไม่พลุกพล่านมากนัก


“เปล่านี่ครับ”


“แต่ธารไม่เคยรับสายบัวเลย ไม่เคยโทรหา แล้วก็..ถึงแม้เราจะเจอกันโดยบังเอิญธารก็ไม่เคยทักบัวก่อน” เธอก้มหน้าเพราะตาเริ่มแดง ๆ ระบายทุกอย่างออกมาด้วยความน้อยใจ “ธารน่ะไม่คิดถึงกันแล้ว”


“ไม่เอาน่าบัว เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะบัวบอกเองใช่ไหมว่าเต็มใจและจะไม่มานั่งเสียใจทีหลัง ผมเคยบอกไปแล้วว่าผมยังไม่คิดจะหยุดที่ใครทั้งนั้น วันนั้นบัวก็บอกว่าเข้าใจนี่”


“แต่บัวคิดถึงธาร คิดถึง”เธอย้ำคำว่าคิดถึงให้เขารู้ว่าเธอหมายถึงอะไร “บัวรักธารนะ เรามาคบกันได้ไหม บัวไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว บัวอยากคบกับธารให้เป็นเรื่องเป็นราว อยากยืดอกบอกใคร ๆ ว่าเราเป็นของกันและกันแล้ว” เสียงเธอสั่นเหมือนคนจะร้องไห้ ธาราธารกวาดตามองเธอแบบเต็ม ๆ ตัว เธอใส่เสื้อกาวด์แบบสั้นถือแฟ้มอยู่ในมือ คงเพิ่งผ่านการทำแลปมาเหมือนกัน


“เย็นนี้บัวว่างไหม? กินข้าวกับผมนะ”


เขาพูดสั้น ๆ แค่นั้นแต่บัวชมพูยิ้มแก้มแทบปริ เธอเกาะแขนเขาอย่างยินดีความรู้สึกตื้นตันเอ่อล้นเต็มไปหมดเหมือนรอคอยมานาน ขณะที่ฝ่ายคนชวนยังตีสีหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยน


...หากเธอรู้ว่าเขากำลังจะสลัดเธอทิ้งเธอจะร้องไห้หนักขนาดไหนกันนะ...


“ทำไมธารเลือกที่นี่”


พอมาถึงห้องอาหารบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกภายในโรงแรมหรูมีระดับบัวชมพูก็ยิ้มหน้าบาน “แสดงว่าธารจำได้ใช่ไหมคืนที่เราสองคน....” เธอพูดอย่างเอียงอายหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อที่นี่คือห้องอาหารที่เขากับบัวชมพูเคยมาทานข้าวด้วยกันพร้อม ๆ พี่รหัสทั้งสาย


“เปล่า เพราะที่นี่ใกล้บ้านบัวที่สุด”


เพราะเมื่อเขาขอเลิกเธออาจทำใจไม่ได้ เสียใจมากเขาจะได้พาเธอไปส่งในที่ใกล้ๆที่สุดและปลอดภัยนั่นก็คือบ้านของเธอเอง


“ใครบอกวันนี้บัวจะค้างที่บ้าน”


เธอเอียงหน้าเขินอายซบใบหน้าเข้ากับต้นแขนเขา “บัวจะไปค้างห้องธารต่างหาก” ริมฝีปากสีสดซุกไซ้จนแขนเสื้อเชิ้ตติดสีของลิปสติก ยิ่งเธอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่เขาชอบใช้เธอยิ่งต้องการเขาแทบคลั่ง เธอกัดแขนเขาเล่นเบา ๆ


“ทานหอยเชลล์ราดซอสเปรี้ยวหวานละกันนะ ไม่อ้วนดี”


เมื่อพนักงานเดินมารับออร์เดอร์เขาจึงสั่งให้เธอเสร็จสรรพ  อาหารชั้นเลิศถูกเสิร์ฟพร้อมกับไวน์ขาวชั้นดีมีพนักงานเข้ามารินให้ทั้งเธอและเขา เธอหยิบก้านแก้วไวน์ขึ้นมาระดับสายตาแล้วแกว่งไปมาเบา ๆ เหมือนกำลังให้ท่าเขาอย่างไรอย่างนั้น ธาราธารจึงยกแก้วของตนเองขึ้นเอียงแตะกันพอเป็นมารยาท ทั้งสองคนทานอาหารกันจนเสร็จเรียบร้อย ธาราธารจึงชวนเธอลงไปที่โซนเอาท์ดอร์ของโรงแรมสถานที่ซึ่งเป็นระเบียงสวยยื่นลงไปที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาหญิงชายหลายคู่กำลังเก็บเกี่ยวบรรยากาศแสนโรแมนติก ฝั่งตรงข้ามมองเห็นเจดีย์ประดับไฟสีส้มระยิบระยับสวยงามมาก ก่อนที่ใบหน้าหวานแต้มรอยยิ้มสวยซึ้งจะหันมามองเขาด้วยแววตาที่หวานฉ่ำ


“ขอบคุณมากนะธาร วันนี้บัวมีความสุขมากๆเลย บัวรักธารที่สุด” เธอโผเข้าไปซบเอวเขาไว้แบบไม่อายสายตาใคร ถึงแม้คนจะไม่เยอะแต่พนักงานที่ยืนตามจุดต่าง ๆ ก็มี เขาดึงตัวเธอออกนิดหน่อยใช้สายตาบอกให้เธอรู้ว่ามีใครหลายคนมองอยู่ มันไม่ดีกับตัวเธอเอง


“ช่างสิก็บัวมีความสุขนี่ เรากลับกันเลยไหมไปห้องธารนะ พรุ่งนี้วันเสาร์บัวไม่มีเรียนธารเองก็ไม่มี บัวเช็คมาเรียบร้อยแล้ว”


ธาราธารพลูลมหายใจก่อนจับไหล่บางให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ  


“บัวครับ...ฟังผมให้ดีๆนะ  ผมจะไม่ทำอย่างนั้นกับบัวอีกแล้ว” ดวงตาคมกริบจ้องเข้าไปในแววตาเธอเพื่อบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังพูดนั้นคือเรื่องจริงๆไม่ใช่พูดเล่น


ดวงตาสวยไหวระริกคล้ายคนกำลังหวาดกลัว


“บัวเก็บสิ่งที่บัวควรถนอม รักษาไว้ให้กับผู้ชายดี ๆ ที่เขารักบัวและบัวก็รักเขาจากใจจริงจะดีกว่านะครับ  คนอย่างผมไม่มีค่าพอสำหรับความรักของบัวหรอก ลืมผมซะนะ”


“...ธาร....


เธอจ้องเขานิ่ง พึมพำเสียงอ่อนก้าวถอยหลังไม่รู้ตัว มีหยาดหยดน้ำตาที่ไหลตกลงมาบนผิวแก้มสวย เขายกมือขึ้นปาดมันให้เธออย่างเบามือ


“อย่ามาเสียเวลากับคนอย่างผมเลย คนเลว ๆ คนที่ไม่มีคุณค่าพอจะหยุดลงที่ใครสักคนได้”




ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีแค่ไหน ผมไม่เคยคบใครจริงจังแต่ผมอยากหยุดอยู่ที่พี่เป็นคนสุดท้าย  ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้พี่รู้ไว้ว่าคนที่ผมรักคือพี่คนเดียว



นานมาแล้วที่เขาเคยพูดประโยคนี้กับคนๆหนึ่ง แต่มันจะมีความหมายอะไรในเมื่อ คนๆนั้นขยี้ความรักและความตั้งใจของเขาแหลกเละไม่มีชิ้นดี


“ทำไม!..ทำไมถึงเป็นบัวไม่ได้ ทำไมธารถึงหยุดที่บัวไม่ได้ ทำไมถึงเป็นบัวไม่ได้”


“ไม่ใช่แค่กับบัวหรอก กับทุกคนต่างหาก”


“ไม่จริง! ธารมีคนที่ธารคิดจะหยุดด้วยอยู่แล้วบัวดูก็รู้ เพียงแต่บัวไม่รู้ว่าใครคือคน ๆ นั้น ธารคงไม่รู้ตัวเวลาที่ธารพูดในแววตาของธารส่งผ่านไปถึงใครสักคน...คนที่โชคดีคนนั้น” น้ำตาเธอไหลรินลงมาป็นทางเมื่อพูดถึงใครคนนั้นของเขา คนที่เธอคิดว่าโชคดี


...หากแต่ นั่นไม่ใช่ความโชคดีเลยสักนิด...


“ผมขอโทษ..ทุกอย่าง..ขอให้บัวโชคดีนะครับ”


เมื่อสายลมยามดึกพัดโกรก พาเอาลมหายใจที่เจือไปด้วยความผิดหวังพัดหาย ถึงแม้ว่าเธอจะรักเขามากมายแค่ไหนแต่ในเมื่อเขาตั้งใจปฏิเสธกันถึงขนาดนี้เธอเองก็มีคำว่าศักดิ์ศรีหลงเหลืออยู่ในตัว


“ธารยังเป็นน้องรหัสบัวเหมือนเดิม และธารคือ..คนแรก..บัวไม่มีวันลืม”


เธอพูดแล้วส่งยิ้มบางให้เขาก่อนจะเดินหันหลังเข้าบ้านไป  เขาใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงหน้าคฤหาสน์หลังงามที่เขาไม่ได้กลับมาเกือบๆสองสัปดาห์ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของใครบางคนก้มๆเงยๆอยู่แถวพุ่มไม้ประดับข้างโขดหินริมสระน้ำหน้าบ้าน


“ทำอะไรอยู่น่ะ” 


เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาวารินถึงกับสะดุ้งโหยง เพราะมัวแต่สนใจกับสัตว์ตัวเล็กๆที่ติดอยู่ที่กิ่งไม้จนไม่ทันได้ยินว่ามีเสียงรถขับเข้ามาจอดด้านใน


“ธาร...นกมัน...”


สองมือเล็กของวารินโอบอุ้มลูกนกตัวน้อยไว้ในอุ้งมือ เขาชูมันให้เด็กหนุ่มดูแล้วทำสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ธาราธารเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กอย่างเร็ว ใจเขาวูบโหวงไปหมดแค่เห็นวารินทำสีหน้าแบบนั้น เหมือนกับว่าเขาจะลืมเลือนความโกรธแค้นที่มีกับคนตัวเล็กทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง


“มันคงตกลงมา แต่ยังไม่ตายหรอก หาที่นอนอุ่น ๆ มาไว้ให้มันกันไม่ให้มดแดงมาไต่เดี๋ยวพรุ่งนี้รับรองมันบินปร๋อแน่”


วารินรีบวางมันลงที่รังเล็กๆของมันทันที ร่างเล็กวิ่งเข้าไปในบ้านดึงสำลีมาจากตู้ยาแล้วหยิบผ้าผืนเล็กๆชุบน้ำมาโอบรอบรังของมันไว้อย่างเบามือ ธาราธารมองคนที่วิ่งไปวิ่งมาตกแต่งรังนอนให้กับนกด้วยสายตาที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก


...ทั้งๆที่รักแต่มันก็แสนจะแค้น..ทั้ง ๆ ที่แค้นแต่มันก็สุดแสนจะรัก...


“ดาว! ทำไมยังไม่นอน? มันดึกแล้วไม่ใช่หรือไง”


เขาเฉไฉหัวใจตัวเองตั้งคำถามกับนับดาวที่เดินออกมาพอดี เด็กสาวถึงกับสะดุ้ง ปกติธาราธารเคยถามเรื่องแบบนี้กับเธอที่ไหน นับดาวจึงมองไปที่วารินเพราะคิดว่าคนที่เจ้านายของเธอต้องการจะถามคงจะเป็นวารินมากกว่า


“เอ่อ..ดาวกับพี่ทรายรอเปิดบ้านให้คุณธารน่ะค่ะ” นับดาวจำเป็นต้องตอบเพราะเห็นวารินยังเงียบ


“จำเป็นอะไร นายเตก็อยู่ แยกย้ายกันไปนอนได้แล้วนี่มันจวนจะห้าทุ่มอยู่แล้วยังมาชมนกชมไม้กันอยู่ได้” เขากระแทกเสียงใส่  ใบหน้าคมเข้มแหงนเงยมองท้องฟ้ามืด คืนนี้น้ำค้างค่อนข้างแรงเขาไม่อยากให้คนแถว ๆ นี้ต้องมาเจ็บป่วยตัวร้อนเพราะตากน้ำค้าง เดี๋ยวจะเป็นภาระให้นับดาวต้องดูแลไปอีกคน


“เดี๋ยวก่อน!”


พอเดินกันเข้ามาที่ด้านใน นับดาวกับวารินกำลังจะเดินไปที่ห้องด้านหลัง ธาราธารจึงเรียกขึ้นเขาฉุดแขนเล็กรั้งไม่ให้เดินต่อ


“เดี๋ยวเอากาแฟขึ้นไปให้ผมที่ห้องหนังสือด้วย แล้วรออยู่ที่นั่น มีธุระจะคุย”


วารินพยักหน้ารับคำหลังชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่สามารถปฏิเสธคน ๆ นี้ได้อยู่แล้วถึงไม่เอาขึ้นไปให้ ธาราธารก็ต้องลงมาหาเรื่องเขาที่ห้องอยู่ดี  


ไม่นานนักกาแฟร้อนหอมละมุนก็ถูกเสิร์ฟลงที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยกองเอกสารสำคัญต่าง ๆ เด็กหนุ่มขยับแว่นสายตาเล็กน้อยละสายตาจากเอกสารในมือ ไม่รู้เป็นเพราะเขาอาบน้ำเร็วหรือวารินชงกาแฟช้ากันแน่


“นั่งสิ  นั่นปากกา นี่แฟ้มงานของโรงแรมทั้งหมดตั้งแต่วันที่คุณแม่ไม่สบาย อ่านแล้วบรีฟออกมาให้ผมฟัง”


เขาเลื่อนแฟ้มกองใหญ่ส่งไปให้วาริน คนตัวเล็กมองหน้าเขาอย่างแปลกใจไม่เข้าใจทำไมจู่ ๆ วันนี้เรียกมาทำงานช่วย วารินจำใจนั่งลงไปอย่างช่วยไม่ได้


เขาสองคนนั่งทำงานกันไปเงียบ ๆ นานเป็นชั่วโมงโดยไม่มีใครพูดอะไร ดวงตาคมกริบมองคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านแล้วจด อ่านแล้วจด จะว่าไปเรื่องราวที่เขาได้ฟังมาจากทัตพลพ่อของเขาก็มีส่วนทำให้เขาอ่อนลงกับวารินมาพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นวันนี้ที่เรียกให้มาอ่านรายงานกองโตของทางโรงแรมช่วยจริง ๆ ก็เพราะอยากแกล้ง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่ได้เห็นหน้าวารินมาสองอาทิตย์แล้วแม้แต่เสียงก็ยังไม่ได้ยิน


...จะทำอย่างไรได้ในเมื่อหัวใจมันไม่เชื่อฟังเขาเลยจริง ๆ ....


มือเล็กยกขึ้นปิดปากเมื่อหาวหวอดๆออกมาถึงสองสามรอบขณะที่อีกคนยังนั่งนิ่งไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด 


“เดี๋ยวพี่จะสรุปเรื่องงบการเงินคร่าว ๆ ให้ธารฟังก่อน ส่วนงานในแผนกอื่น ๆพี่เขียนสรุปไว้ให้ในนี้แล้วไว้ธารค่อยๆอ่านไปก็แล้วกันนะ”


แล้ววารินก็ค่อยๆบรีฟเรื่องราวของฝ่ายบัญชีการเงินให้ธาราธารฟัง คำว่าคร่าว ๆ ของเขานั้นละเอียดมากพอตัว


ธารอย่าดูเพียงแค่การรวบรวมตัวเลขทางการเงินอย่างเดียว แต่ธารต้องทำความเข้าใจและตีความให้ได้ว่าตัวเลขแบบไหนที่เป็นตัวชี้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นตรงไหน เราจะได้สามารถเข้าไปจัดการแก้ไขได้ทัน”


ธาราธารมองนาฬิกาโบราณเรือนเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เขาปิดแฟ้มลงแล้วถอดแว่นสายตาวางไว้


“วันนี้แค่นี้เถอะ เดี๋ยวผมจะอ่านหนังสือเรียนต่อสักหน่อย พี่ทรายลงไปเลยก็ได้พรุ่งนี้ค่อยมาทำในส่วนที่เหลือต่อ”


นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องที่ธาราธารเรียกเขาว่า พี่ทราย ด้วยน้ำเสียงคงที่ไม่มีประชดประชัน วารินน้ำตารื้นขึ้นมาทันที  ไม่ได้หวังจะกลับไปดีกันเหมือนเดิมขอแค่อีกฝ่ายอภัยให้กับเขา  เผื่อว่าจะมีโอกาสให้เขาได้เข้าไปดูแลภัครจิราชดเชยความผิดที่ได้ทำบ้างเท่านั้น


“เดี๋ยว!


ขณะที่วารินกำลังจะเปิดบานประตู ท่อนแขนแข็งแรงเอื้อมมาดึงแขนเล็กของเขาไว้ วารินเซถลาตามแรงดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดใหญ่ เขาสอดมือเข้ามาที่ด้านหลังจุมพิตลงที่ต้นคอขาวนั่นเบา ๆ ปลายจมูกโด่งสูดเอากลิ่นหอมเฉพาะตัวของวารินไว้ในลมหายใจทั้งหมดโดยใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น วารินรีบหันกลับมามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรอยสั่นไหว


...เขากลัว กลัวความโหดร้ายป่าเถื่อนที่ธาราธารทำกับเขา....


...ทว่าอีกใจ..กลับโหยหาอ้อมกอดจากซาตานร้ายนั่น...


วารินไม่เข้าใจว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นทำไมธาราธารถึงได้แสดงด้านอ่อนโยนกับเขานัก


“รีบลงไปสิ”


เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น หันหลังแล้วเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะ ดวงตาคมจดจ้องใบหน้าเล็กของวารินไม่ยอมให้หลุดลอดไปไหน


....สายตาทั้งคู่สบกัน...นานเป็นนาที...


ในที่สุดเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวลุกเดินไปกระชากคนตัวเล็กเข้ามากดจูบลงที่ริมฝีปากสวย สองมือของเขาประคองศีรษะวารินไว้แน่นทั้งเดินทั้งจูบดันตัวอีกคนให้ถอยหลังร่นไปที่โต๊ะหนังสือ จุมพิตที่ดูดดื่มหวานล้ำไม่เหมือนทุกครั้งที่เขาเคยทำ วารินถึงกับกำชายเสื้อเขาไว้แน่น เขาดูดดุนปลายลิ้นเล็กๆดูดแล้วดูดอีกราวกับว่ามันเป็นของเล่นชิ้นเลิศที่เนิ่นนานใช่ว่าใครจะได้ลิ้มลอง เขาสัมผัสจนพอใจจู่ ๆ ผลักคนตัวเล็กออกห่าง  วารินที่หน้าแดงซ่านเงยมองเขาอย่างไม่เข้าใจ


“ชอบไหม? เวลาที่ผมทำดีด้วย”


“..ธาร...” เสียงเล็กพึมพำเรียกอย่างคนไม่เข้าใจในคำถามของเขา


“ผมให้พี่เลือก จะทำให้ผมพอใจ หรือจะให้ผมทำจนพอใจ”


เขาเอ่ยขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ วารินที่หน้าขึ้นสีอยู่แล้วยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ไม่รู้อะไรดลใจวันนี้ธาราธารแปลกไปมากจริง ๆ


“ต...แต่เมื่อกี้ธารจูบไปแล้ว”


“ผมจะนับถึงสาม ถ้าพี่ยังไม่ยอมทำอะไรสักอย่างผมจะถือว่าพี่เลือกอย่างหลัง หนึ่ง....   สอง....  สะ”


ยังไม่ทันได้เอ่ยถึงสาม วารินเดินเข้าไปเกาะบ่าเขาเขย่งปลายเท้าแล้วจูบลงที่แก้มเขาเบา ๆ ทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว


“แค่นี้พอใจรึยัง”


พอหอมเสร็จคนตัวเล็กถอยร่นมายืนชิดผนังห้อง มองดูคนตรงหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ มือใหญ่ยื่นออกไปกวักเรียกให้เดินเข้ามาหาเขาใกล้ ๆ แต่วารินยังไม่ยอมขยับ จนเขาต้องเดินออกมาจากโต๊ะที่พิงอยู่ดึงแขนวารินให้เข้ามาใกล้  ตัวเขานั่งลงที่เก้าอี้


“คิดว่าผมจะพอใจไหม ทำแค่นั้น??” เขามองดวงหน้าเล็กๆของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า


“ต่อไปนี้ ถ้าไม่อยากให้ผมรุนแรงด้วย พี่ต้องเป็นคนทำให้ผมพอใจด้วยตัวของพี่เอง” เขาว่าจบกระชากแขนเล็กให้ล้มลงในอ้อมกอดของเขา ริมฝีปากฉกเข้าจูบที่เรียวปากสวยทันที


“ปีนขึ้นมา”


เขาว่าทั้งที่ยังดูดดุนปลายลิ้นอีกคนอยู่ไม่หยุด วารินขืนตัวไว้แต่ไหนเลยจะสู้แรงเขาได้ เสื้อนอนบาง ๆ ที่สวมอยู่ถูกเขาปลดกระดุมออกไปตอนไหนแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเขาเลื่อนริมฝีปากลงมาครอบครองเข้าที่ยอดอกสีสวย ลิ้นร้อนๆไล้เลียไปจนถ้วนทั่วเปียกชื้นไปหมดวารินที่ยืนอยู่แทบทรงกายไว้ไม่ได้ทั้งทรมานทั้งวาบหวามไปหมด


“อื้ออ...”  


มือเล็กโอบกอดศีรษะเขาไว้บิดตัวด้วยความเสียวซ่าน  เมื่อรู้สึกตัวอีกทีกางเกงนอนขายาวก็ถูกเขาปลดร่นลงจนถึงปลายเท้า วงแขนแกร่งโอบเอาเอวบอบบางแล้วดึงตัวอีกคนขึ้นมาอยู่บนตักของเขา กางเกงนอนของเขาถูกเลื่อนออกนิดหน่อยพอให้แก่นกายที่ชูชันของได้โผล่พ้นออกมา


“ธาร! อย่า...ไม่เอาพอเถอะ” วารินผลักหน้าอกเขาไว้ ความทรงจำเลวร้ายผุดขึ้นมา วารินทั้งกลัวเขาทั้งอยากให้เขาสัมผัส


“ผมหยุดไม่ได้แล้วล่ะ เสียใจด้วย”


เขาเลื่อนริมฝีปากร้อนขึ้นมาครอบครองที่เรียวปากนุ่มนิ่มอีกครั้งก่อนจะบดเรียวปากหนักหน่วงเร่าร้อนและอ่อนหวาน วารินที่นั่งคร่อมตักเขาอยู่ถูกเขาโอบรัดไว้แนบอกจนแน่น เขาเอื้อมมือเปิดลิ้นชักหยิบเจลเย็นสีใสขึ้นมาป้ายที่ช่องทางด้านหลังของร่างที่เขาโอบอุ้มไว้ เรียวนิ้วร้ายสอดเข้าออกที่ช่องทางรักจนอีกคนต้องบิดแอ่นร่างกายเพราะความรัญจวนเมื่อเขากดเข้าที่ปุ่มกระสันแต่ละทีคนตัวเล็กถึงกับครางฮือลงที่ข้างหู เขาค่อยขยับสอดกายร้อนขึ้นใส่สะโพกกลมกลึงขณะที่คนด้านบนพยายามกดสะโพกตัวเองลงด้วยอีกแรง


“อ๊าา..” ในที่สุดความลึกล้ำที่แนบสนิทยิ่งเติมไฟปรารถนาให้แผดเผารุนแรงขึ้น ธาราธารกระแทกสะโพกสวนขึ้นรัวเร็วไม่มียั้ง


“ฮื้ออ...” วารินครางดังลั่นสะโพกบางสวนเข้าหาอย่างร้อนแรงเช่นกันนั่นทำเอาอีกฝ่ายถึงกับเผลอยิ้มออกมาอย่างพอใจ


“เก่งมาก” เสียงทุ้มเอ่ยชม เขาตวัดวงแขนแกร่งกระชับแนบชิดจนสองร่างไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน วารินครางกระเส่าด้วยความรัญจวน


“เรียกชื่อผม”


“อื้ออ..ไม่ ธาร..พอแล้ว ไม่ไหว” เสียงหวานครางแผ่ว ส่ายหน้าร้องขอทั้งที่ยังโอบรอบคอเขาไว้ ยิ่งเพิ่มความกระสันให้เขาเป็นเท่าตัว


“เรียกใหม่ เรียกชื่อผม” เขาสั่งย้ำ


“..ธาร..” วารินครางกระเส่า


เขายิ้มน้อย ๆ ขณะที่อารมณ์ปรารถนาทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วฉุดคร่าสติสัมปชัญญะและความกระดากอายทั้งหมดให้เลือนหายไป ในยามนี้มีแต่ความปรารถนาแรงกล้าที่สองคนมีต่อกันเท่านั้น


“..พี่..ทราย..”


เสียงทุ้มพร่าต่ำคำรามหนักเมื่อร่างกายช่วงล่างของอีกคนบีบรัดจนทำเอาเขาแทบระเบิด ริมฝีปากร้อนเข้าดูดกลืนยอดอกที่ชูชันไล้เลียส่วนที่แข็งเป็นไตรอรับสัมผัสเสน่หาจากเขา สะโพกทั้งสองสอบเข้าหากันกระชั้นถี่และเร่าร้อน เขาละมือข้างหนึ่งออกมารูดรั้งแก่นกายของอีกคนทั้งรัวและเร็ว   กระทั่งช่องทางแสนคับแคบบีบรัดหนักหน่วงรุนแรงเขากระแทกกระทั้นกายตอบรับอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย วารินครางฮือลั่นห้องก่อนสองร่างจะกระตุกปล่อยธารรักสีขาวเร่าร้อนเข้าใส่กันและกันทุกหยาดหยด


“เก่งนี่ ทำให้ผมพอใจอย่างนี้ให้ได้ตลอดล่ะ” เขาพูดทั้งที่ยังหอบหนักขณะที่อีกคนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงซบอกเขาไว้แน่น


ทว่าพอผ่านไปได้สักครู่เขาจึงเอ่ยถ้อยคำบางอย่างขึ้น  “ลืมเสียให้หมด ใครหน้าไหนที่พี่เคยผ่านมา จดจำแค่ผมคนนี้คนเดียว”


สิ้นคำพูดนั้นวารินละใบหน้าออกจากบ่าแกร่งจ้องมองเขาทันที แววตาเขาเฉยชาราวกับคนไร้ความรู้สึก แตกต่างจากธาราธารคนเมื่อกี้ราวฟ้ากับเหว เขาดันคนตัวเล็กออกเพื่อให้ถอนกายออกได้สะดวก วารินขาล้าและสั่นแทบจะยืนไม่อยู่ขณะที่เขาไม่ได้สนใจ ยื่นแค่กระดาษชำระส่งให้


“เช็ดซะ แล้วลงไปอาบน้ำข้างล่าง ดึกมากแล้ว ผมจะพักผ่อน”


ถ้อยคำเย็นชาพร่างพลูอออกมาจากริมฝีปากได้รูปของเขา   วารินก้มลงหยิบกางเกงขึ้นมาสวม มือเล็กทยอยติดกระดุม ขณะที่น้ำตารินตกในหัวใจนั้นร้าวรานยิ่งกว่าสิ่งไหนๆ มองแผ่นหลังกว้างที่แสนเย็นชายืนนิ่งอยู่แบบนั้น


จะไปหวังอะไรกับอ้อมกอดปลอบประโลม เขาตีค่าราคาแค่ที่ระบายในยาม อยากก็แค่นั้น


เขามันโง่เข้าใจผิดคิดไปเองว่าอีกคนดีด้วยเพราะว่ารัก เพราะว่าต้องการกันจริง ๆ  นอนทอดกายให้คนตรงหน้าอย่างไร้ยางอายที่สุด และสุดท้ายก็โดนเขาดูถูกกลับมาเหมือนเดิม



....เหมือนทุกๆครั้ง....



ขณะที่ร่างสูงใหญ่หันหลังให้อีกคน มองทอดออกไปที่ระเบียงด้านนอก รอยวูบไหวในดวงตาที่วารินไม่มีวันจะมองเห็น ทั้งที่รู้สึกเวทนาคนตัวเล็กแทบขาดใจ รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันแสนจะโหดร้าย ทั้งคำพูดทั้งการกระทำ แต่จะให้ทำดีด้วยด้วยความรู้สึกแสนบริสุทธิ์แบบเก่ามันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เมื่อความทรงจำมากมายไหลทะลักกลับมาตอกย้ำให้เขาได้เจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก


Heart, my one weakness
Pretend to be strong but I actually can’t bear it
I need both love and someone to understand
I have to keep them with myself  it’s just only
I don’t want anyone to know that deep down inside how much I love you with all my heart

                                                                                                                                                            (Cr.ที่ไหนสักแห่ง ลืม)

Tbc.