# 22(ตอนพิเศษ) ภารกิจด่วน
ที่เรือนจำพิเศษเขาสามหมอก กาญจนบุรี
ช่วงสายของวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม
วันสิ้นปี
ปัง!! ปัง!! เสียงรถแทรคเตอร์ที่ใช้งานภายในเรือนจำถูกนักโทษชายแดนหกจำนวน 4 คนปล้นแล้วขับชนกำแพงหนาของคุกใกล้ตัวตึกที่กำลังก่อสร้าง
เสียงนกหวีดยาวแสบแก้วหูจากผู้คุมสามคนวิ่งหน้าตั้งพยายามเข้าชาร์จ แต่โดนสกัดจากเหล่านักโทษที่กำลังเก็บกวาดทำความสะอาดลานอเนกประสงค์ดักทางไว้
ในที่สุดสองผู้คุมโดน 4 นช. จับเป็นตัวประกันโดยใช้มีดและเหล็กแหลมเป็นอาวุธ พร้อมทั้งปลดอาวุธปืนของผู้คุมทั้งสองออกมาเป็นอาวุธเพื่อใช้ต่อสู้
………………………………………………………………………………
“นายครับ ฮอพร้อมแล้ว”
เสียงรีบร้อนจากจ่าโจ เลขาส่วนตัวของฟ็อกซ์พ่นออกมาจากใบหน้าเคร่งเครียด หลังจากมีโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือด่วนจากหน่วยกลางสู่ S.W.A.T-D ฟ็อกซ์เรียกประชุมด่วนสำหรับเจ้าหน้าที่สายดำตามลำดับตัวอักษร (เคน/ฟ็อกซ์/คอร์น/เดฟและซาโต้)
แต่งานนี้พิเศษ หัวหน้าหนุ่มตัดสินใจให้คริสเข้าประชุมด้วย และน่าจะเป็นงานสายดำครั้งแรกของเขา
คอร์น(พิสูจน์หลักฐานสายดำ)รับหน้าที่นักบินที่ 2 รอพรรคพวกที่เหลืออยู่บนเครื่อง เจ้าหน้าที่ทั้งห้าต่างมุ่งสู่ชั้นดาดฟ้าของตึกบัญชาการฯ ซึ่งเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของหน่วย ฟอกซ์เข้าประจำที่นั่งตำแหน่งนักบินที่ 1
S.W.A.T-D ทุกนายต่างก้าวเท้าทยอยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำเขียว ซาโต้ คริส เดฟ และเคนยะกระโดดขึ้นปิดท้าย เมื่อประตูฮอปิดลง แมลงปอลำโตคาดป้าย S.W.A.T-D ตัวเบ้อเริ่มก็โบยบินขึ้นสู่น่านฟ้าทะยานมุ่งสู่ทิศตะวันตกเรือนจำพิเศษเขาสามหมอก จังหวัดกาญจนบุรี
‘........ล่าสุดนาย XXX XXXX ผบ.เรือนจำพิเศษเขาสามหมอกได้ชี้แจงว่า ขณะนี้กำลังเร่งประสานงานตำรวจชุดปราบจราจลร่วมกับเจ้าหน้าที่เรือนจำกว่าร้อยนายเข้าควบคุมสถานการณ์ทั้งในและนอกเรือนจำแล้ว อย่างไรก็ตามยังคงยืนยันว่าเรือนจำพิเศษเขาสามหมอกเป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูงมีกำแพงและระบบความปลอดภัยแน่นหนา ที่สำคัญมีระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ..........’
เสียงรายงานข่าวด่วนตามติดสถานกาณ์ฉุกเฉินยังดังผ่านวิทยุสื่อสารอยู่ตลอดแม้จะอยู่บนฮอ คริสตินนั่งสงบสติอารมณ์คิดถึงเรื่องภายในที่ประชุมเมื่อสักครู่
“งานคราวนี้มึงอาจไม่เคยทำมาก่อน แต่ให้จำไว้ว่า นี่คืองานที่แท้จริงของหน่วยเรา คริสมึงทำได้!” น้ำเสียงเด็ดขาดของฟ็อกซ์ยังก้องอยู่ในหูเขาตลอด ขณะที่เคนยะจัดแจงโยนเสื้อสีดำของหน่วยปราบจลาจลให้แต่ละคนเพื่อสวมใส่เมื่อเครื่องไต่เพดานบินได้ในระดับที่พอสมควรแล้ว
“มีเวลาไม่มากนัก เปลี่ยนชุดซะ”
อุ๊ก!! คริสรับชุดไว้ที่ตักอย่างจุก ๆ ชุดที่ทั้งหนักทั้งหนา ‘มันจะป้องกันอะไรดีขนาดนั้น’ ชายหนุ่มพิจารณาชุดที่ตนเองถือไว้พร้อมมองพรรคพวกที่เหลือกำลังเร่งสวมใส่ด้วยความรีบร้อน เขาเองก็ลุกขึ้นสวมบ้างแต่ไม่ค่อยถนัดนัก ซาโต้ที่สวมเสร็จก่อนจึงมาช่วยติดโน่นดึงนี่ให้อีกแรง
“ชุดกันกระสุนน่ะ หนักหน่อยนะครับ ” ชายหนุ่มชกลงที่ท้องคริสตินผ่านชุดสีดำกันกระสุนหนัก ๆ 1 ที
“เจ็บนะเว้ย มึงเล่นไรเนี่ย” คริสตินหัวเราะเบา ๆ แล้วตบลงที่พุงตัวเองบ้างทดสอบความหนักเบาของแรง พร้อมแกล้งชกพุงซาโต้กลับไปด้วย
“เจ็บ ?? นี่แสดงว่าหมัดผมหนักกว่าลูกกระสุนอีกนะเนี่ย” ในเวลาแบบนี้ยังจะมาหยอก
“เล่นไม่ดูเวลานะมึง” คริสตินถลึงตาใส่
“ก็อยากหยอกนี่ครับ”
สองคนหยอกล้อกันไปมาเบา ๆ ไม่ได้สนใจใครเลย เดฟที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ส่ายหัว จนกระทั่งฟ็อกซ์เดินข้ามมาจากด้านหน้าเพื่อเปลี่ยนชุด ทั้งซาโต้และคริสจึงได้หยุดปากลงแล้วซาโต้จึงเดินข้ามไปเพื่อทำหน้าที่นักบินที่ 1 แทน
เดฟถึงกับพ่นลมหายใจยาวที่สองคนแยกกันซะได้เพราะจะได้เงียบเสียงคุยไปซะที
“มีนักโทษชาย 4 คน แหกคุกจับผู้คุมสองคนเป็นตัวประกัน ภารกิจคราวนี้คือ ‘จับตาย’ แต่ตัวประกันต้องรอด รายงานล่าสุดที่แจ้งเข้ามาคือมันขู่ฆ่าตัวประกันจนสามารถออกไปนอกบริเวณเรือนจำได้แล้ว และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศส่วนที่เราจะต้องตามหาเป็นป่าทั้งหมด เพราะงั้นเราจะแบ่งทีมเป็นออกเป็น 3 ทีม”
ฟ็อกซ์เริ่มบรรยายแบ่งภารกิจขณะที่เคนยะจัดแจงสวมชุดให้เขาไปด้วย เฮลิคอร์ปเตอร์เริ่มลดระดับลง ซาโต้กดสวิทเพื่อเปิดประตูฮอร์ด้านข้างออกทำให้มองเห็นสภาพภูมิประเทศด้านล่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะนี้พวกเขากำลังเข้าสู่เขตจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว แม่น้ำแควสายใหญ่ทอดตัวเป็นแนวยาวอยู่กลางหุบเขาทั้งสองฟาก คริสตินที่นั่งติดประตูที่สุดถึงกับใจสั่นขึ้นมาเล็ก ๆ นี่เป็นภารกิจพิเศษครั้งแรกของเขาเพราะฟ็อกซ์เชื่อใจ เขาจะต้องทำให้ดีที่สุด ชายหนุ่มหลับตาพยายามระงับความตื่นเต้นทั้งหลายไว้ เดฟที่เขยิบไปนั่งแทนที่ซาโต้จึงสังเกตเห็นอาการของคริสได้อย่างชัดเจน
เขาเหล่ตามอง
“อ่อนวะ” สบถเบา ๆ
“อะไร” คริสที่หัวกระเซาะกระเซิงจากแรงลมหันมาถามทันควัน แต่เจอแค่อาการยักไหล่แล้วเมินหน้าเป็นคำตอบให้
แค่นั้นก็ทำให้คริสรู้สึกขัดใจแทบคลั่งแล้ว เหอะ!
“เคนยะจะจับคู่กับซาโต้ค้นหาทางฝั่งทิศตะวันออก ส่วนเดฟจะจับคู่กับคริสค้นหาทางฝั่งทิศตะวันตก คอร์นติดต่อกับส่วนกลางแล้วกลับมาลาดตะเวนบนอากาศ ส่วนผมจะดูแลฝั่งใต้และส่วนกลางที่เหลือทุกพื้นที่”
ซาโต้ที่นั่งอยู่ที่นั่งนักบินรีบหันมาทันทีที่ได้ยินประกาศจับคู่ เขารู้สึกผิดคาดเล็กน้อย “ฟ็อกซ์!” ชายหนุ่มท้วงขึ้น แต่ฟ็อกซ์หาได้สนใจไม่เขายังคงอธิบายเรื่องงานต่อไป
เช่นเดียวกันกับคริสตินพอได้ทราบว่าตนเองต้องจับคู่กับเดฟเขาแทบกลืนน้ำลายไม่ลง นั่งทำหน้าย่นแล้วฟังหัวหน้าบรรยายต่อไป ขณะที่ฝ่ายเดฟเองยิ่งแล้วใหญ่เมินหน้าออกไปชมวิวทิวทัศน์ด้านล่างทันทีแบบเซ็ง ๆ
แต่เอ๊ะ! ฟ็อกซ์ไปคนเดียวงั้นเหรอ
“ผมต้องการให้ภารกิจของเราจบภายในวันนี้ มีคำสั่งวิสามัญฯลงมาจากเบื้องบนไม่งั้นคงไม่ใช้งานพวกเรา อีกสิบนาทีเครื่องจะลงจอดส่งพวกคุณทุกคน เราจะใช้วิธีโรยตัวลงไปและคอร์นจะเข้าไปติดต่อที่ส่วนกลางเมื่อภารกิจจบสิ้นให้จุดพลุเป็นสัญญาณเรียกมา คอร์นจะไปรับท่านถึงที่”
“ใครไม่พอใจจุดไหนและมีคำถาม!” ฟ็อกซ์ตะโกนด้วยเสียงโหด ๆ ปลุกใจลูกน้องให้หึกเหิม
“ฟ็อกซ์ ให้ผมไปกับคริส ผมจะพาเขาไปเองคริสยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้” ซาโต้เดินข้ามจากด้านหน้ามาสบทบและสวนออกมาอย่างดัง
“งานนี้ค่อนข้างอันตรายเบื้องบนแจ้งมาว่าพวกมันแยกออกเป็นสองกลุ่ม นักโทษมีอาวุธและจับตัวประกันไว้เราไม่รู้ว่าด้านนอกจะมีพรรคพวกมันอีกไหมเพราะงั้นซาโต้มึงต้องไปกับเคนยะก่อนที่เคนจะยิงแม้กระทั่งตัวประกันทิ้ง! มึงเป็นคนเดียวที่จะปรามเคนได้ เข้าใจรึยัง!”
คริสตินเหลือบมองไปที่พี่ชายที่ยังนั่งหน้านิ่งไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของฟ็อกซ์เลยสักนิด ฟ็อกซ์ย่อมรู้ดีว่าเมื่อเคนยะเข้าสู่โหมดงานชายหนุ่มไม่แคร์ใด ๆ หน้าไหนทั้งนั้นเมื่อมีคำสั่งให้ฆ่าหนุ่มหน้าหวานคนนี้ฆ่าเรียบด้วยสีหน้าที่ยังตรึงไว้ด้วยรอยยิ้ม มีแต่ซาโต้เพียงคนเดียวที่กล้าขวางลำปืนของเคนยะด้วยด้ามกระบอกปืนเช่นเดียวกัน มีแต่ซาโต้เท่านั้นที่กล้าชกหน้าเคนยะเพื่อเรียกสติ
อย่าได้พูดถึงเจ้าเดฟนั่น เห็นท่าทีเย็นชาแข็งกระด้างแบบนั้นแต่จิตใจอ่อนโยนจนถึงที่สุดถ้าไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องฆ่าแล้วล่ะก็เป็นตายยังไงเดฟก็ต้องช่วยให้ได้ มีภารกิจหนึ่งที่เดฟเกือบโดนไฟครอกตายเพราะเข้าไปช่วยเหลือลูกสุนัขเพียงตัวเดียวมาแล้ว
ส่วนเขายิ่งแล้วใหญ่จะให้ชกเคนน่ะหรือ แม้แต่ทำให้เจ็บนิดเดียวเขายังไม่กล้า
คิดไปคิดมาสมเหตุผลที่สุดแล้วที่จะให้เจ้าซาโต้ไป
“เดฟกับคริส พวกนายสองคนลงไปก่อน เขาแห่งนี้โดนตัดสัญญาณโทรศัพท์รวมทั้งอุปกรณ์ติดต่อทุกประเภท ถ้าเจอเหตุการณ์เร่งด่วนให้ใช้พลุเรียกหน่วยลาดตระเวนบนอากาศเท่านั้นจำไว้”
เคนยะเริ่มโยนเป้และปืนไรเฟิ่ลแจกให้แต่ละคนตามลำดับ
“เอาล่ะ ถึงพิกัดแล้ว”
เดฟหันไปมองหน้าคริสแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตูฮอ เขากระชากเชือกพร้อมตะขอโรยตัวออกมาเตรียมพร้อม
“มานี่!”
คริสตินลุกและเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นหนุ่มหน้าเถื่อนพยักหน้าเรียกแล้วถือตะขอเตรียมรอ เดฟคล้องเชือกให้คริสด้วยความแม่นยำรวดเร็วและแน่นหนา ขณะที่ตัวเองก็สวมใส่เสร็จเรียบร้อยด้วยความเร็วเช่นกัน
เครื่องลดระดับลงต่ำจนถึงที่สุดแล้ว ประตูฮอเปิดกว้างออกเต็มที่ คริสกับเดฟยืนโต้ลมหนาวอยู่สองฝั่งซ้ายขวาของประตู ซาโต้เดินไปตรวจสอบตะขอของทั้งคู่เพื่อดูความแน่นหนาอีกครั้ง
เคนยะจึงเดินเข้าไปใกล้น้องชาย
“พี่จะรออยู่ที่จุดนัดพบ ออกมาให้ได้ล่ะ!” เขาตบแรง ๆลงที่บ่า เรียกกำลังใจของคริสตินได้เป็นอย่างดี ขณะที่มือหนาของเดฟคว้าเอาท่อนแขนของคริสไว้แน่นเตรียมพร้อมที่จะกระโดดลงไปด้วยกัน
“พร้อมแล้วครับหัวหน้า” เดฟตะโกนโต้ลม สองคนพร้อมแล้วที่จะโรยตัวลงไป ซาโต้จึงโน้มตัวไปตะโกนบอกคริสใกล้ ๆ
“ออกมาให้ได้นะครับคริส ผมจะรอบอกเรื่องสำคัญ!”
สิ้นสุดคำพูดของซาโต้ เดฟก็กอดเอาเอวคริสตินโรยตัวลงมาอย่างเร็ว สภาพภูมิประเทศแถบนี้เป็นป่าทึบทั้งหมด คริสเห็นน้ำตกอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขากำลังโรยตัวลงมาไม่มากนัก เดฟโหนตัวมาบังและโอบกระชับลำตัวคริสแน่นขึ้นไปอีกเมื่อจู่ ๆ ลมหนาวพัดโกรกมาอย่างแรง เขาใช้แผงอกแกร่งปิดบังกระแสลมเย็นยะเยือกจากใบพัดคอร์ปเตอร์ให้กับคริสจนคริสเองไม่ได้รู้สึกเลยว่าตนเองต้องต้านกับแรงลมมากมายแค่ไหน
เมื่อความยาวเชือกหมดลง เดฟจึงพยักหน้าให้สัญญาณ เขาทั้งคู่ปล่อยตะขอออกพร้อมกันแล้วกระโดดลงสู่เบื้องล่าง สองคนเสียหลักเล็กน้อย แต่ก็ลงสู่พื้นดินด้วยความปลอดภัย
เฮลิคอร์ปเตอร์ลำโตกำลังเคลื่อนตัวขึ้น คริสตินมองเห็นซาโต้ป้องปากตะโกนอะไรไม่รู้ลงมาพร้อมยกนิ้วโป้งชูให้อยู่ไกล ๆ ก่อนที่ภาพนั้นจะหายไปจนลับตา
คริสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูจุดประสงค์คือเข็มทิศระบุตำแหน่งของพวกเขาขณะที่เดฟเดินเข้าไปที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ แล้วใช้มีดพกทำสัญลักษณ์ไว้
“ตามมา! แล้วอย่ามาขัดแข้งขัดขาล่ะ” ลงมาถึงก็กัดเลย
คริสตินถูจมูกทำหน้าย่นก้าวเดินตามไปพร้อมในมือก็กระชับไรเฟิ่ลด้ามยาวที่สะพายไว้ด้วย อากาศในนี้ค่อนข้างเย็นถึงแม้จะเป็นยามบ่ายแต่ต้นไม้ใหญ่ของป่าทึบแห่งนี้บดบังแสงอาทิตย์ร้อน ๆ ไว้จนหมด
เดินกันมาได้สักระยะ
“นี่!” คริสหยุดเท้าแล้วเรียกคนด้านหน้า
เดฟยังเดินต่อไม่สนใจ
“นี่!” คริสเรียกดัง ๆ อีกครั้ง
“อย่าเสียงดัง มีอะไร?” คราวนี่เดฟหยุด แล้วหันกลับมาดุคนด้านหลังที่อยู่ห่างกันเกือบสิบเมตร
“แล้วเราจะเดินไปถึงไหนกันล่ะ เดินมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วเนี่ย” เขาเดินเข้ามาหาเดฟใกล้ ๆ จุดประสงค์แท้จริงคืออยากหาเพื่อนคุยมากกว่า
ป่าทึบ ๆ เงียบ ๆ แบบนี้ดูไปแล้วก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน
“เดินไปเรื่อย ๆ ใช้สัญชาตญาณจนกว่าจะเจอเบาะแส ตามมาแล้วกันอย่าพูดมาก” เดฟเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“ก็แล้วเบาะแสที่ว่าน่ะ มันคืออะไรล่ะ ผมจะได้ช่วยหา” คริสตินเองก็รีบจ้ำอ้าวตามขึ้นมาให้ทัน
ถามไปแล้วถึงนึกขึ้นมาได้ เบาะแสก็คือร่องรอยของคนร้ายยังไงเล่า คริสเอ้ย ไปถามให้ไอ้เจ้านี่มันหัวเราะเยาะทำไมนะ
พอคิดได้จึงแกล้งเมินหน้าหนีทำท่าชมนกชมไม้ไปเรื่อย
“นี่นายเข้ามาเป็นตำรวจได้ยังไงเนี่ย อ้อลืมไป เด็กเส้นนี่นะ เส้นใหญ่ซะด้วย” เดฟตั้งใจเน้นคำว่าเด็กเส้นเต็มที่
“นายว่าใคร”
“เปล๊า!” เดฟตอบเสียงสูง กระชับปืนในมือแล้วเดินหน้าต่อไป ปล่อยให้คนด้านหลังกัดฟันกรอด ๆ
แต่แล้ว จู่ ๆ คริสตินก็เดินตัดหน้านำเขาขึ้นไปจนไกลโข เดฟได้แต่ส่ายหน้าขำกับความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย
“นี่! ทางนี้ต่างหาก ไม่รู้ทางแล้วยังจะเดินนำ บ้ารึเปล่านายน่ะ” กัดไปอีกหนึ่งที เล่นเอาคริสที่หน้าง้ำอยู่แล้วมู่ทู่ลงอีกเป็นสองเท่า
“นายว่าใครบ้า” คราวนี้ถึงขนาดทิ้งปืนที่จับแล้ววิ่งเข้าไปหาเดฟใกล้ ๆ
“เหรอ?? เมื่อกี้ผมพูดเหรอ จำไม่เห็นได้”
ปัง!! ปัง!! เสียงรถแทรคเตอร์ที่ใช้งานภายในเรือนจำถูกนักโทษชายแดนหกจำนวน 4 คนปล้นแล้วขับชนกำแพงหนาของคุกใกล้ตัวตึกที่กำลังก่อสร้าง
เสียงนกหวีดยาวแสบแก้วหูจากผู้คุมสามคนวิ่งหน้าตั้งพยายามเข้าชาร์จ แต่โดนสกัดจากเหล่านักโทษที่กำลังเก็บกวาดทำความสะอาดลานอเนกประสงค์ดักทางไว้
ในที่สุดสองผู้คุมโดน 4 นช. จับเป็นตัวประกันโดยใช้มีดและเหล็กแหลมเป็นอาวุธ พร้อมทั้งปลดอาวุธปืนของผู้คุมทั้งสองออกมาเป็นอาวุธเพื่อใช้ต่อสู้
………………………………………………………………………………
“นายครับ ฮอพร้อมแล้ว”
เสียงรีบร้อนจากจ่าโจ เลขาส่วนตัวของฟ็อกซ์พ่นออกมาจากใบหน้าเคร่งเครียด หลังจากมีโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือด่วนจากหน่วยกลางสู่ S.W.A.T-D ฟ็อกซ์เรียกประชุมด่วนสำหรับเจ้าหน้าที่สายดำตามลำดับตัวอักษร (เคน/ฟ็อกซ์/คอร์น/เดฟและซาโต้)
แต่งานนี้พิเศษ หัวหน้าหนุ่มตัดสินใจให้คริสเข้าประชุมด้วย และน่าจะเป็นงานสายดำครั้งแรกของเขา
คอร์น(พิสูจน์หลักฐานสายดำ)รับหน้าที่นักบินที่ 2 รอพรรคพวกที่เหลืออยู่บนเครื่อง เจ้าหน้าที่ทั้งห้าต่างมุ่งสู่ชั้นดาดฟ้าของตึกบัญชาการฯ ซึ่งเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของหน่วย ฟอกซ์เข้าประจำที่นั่งตำแหน่งนักบินที่ 1
S.W.A.T-D ทุกนายต่างก้าวเท้าทยอยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำเขียว ซาโต้ คริส เดฟ และเคนยะกระโดดขึ้นปิดท้าย เมื่อประตูฮอปิดลง แมลงปอลำโตคาดป้าย S.W.A.T-D ตัวเบ้อเริ่มก็โบยบินขึ้นสู่น่านฟ้าทะยานมุ่งสู่ทิศตะวันตกเรือนจำพิเศษเขาสามหมอก จังหวัดกาญจนบุรี
‘........ล่าสุดนาย XXX XXXX ผบ.เรือนจำพิเศษเขาสามหมอกได้ชี้แจงว่า ขณะนี้กำลังเร่งประสานงานตำรวจชุดปราบจราจลร่วมกับเจ้าหน้าที่เรือนจำกว่าร้อยนายเข้าควบคุมสถานการณ์ทั้งในและนอกเรือนจำแล้ว อย่างไรก็ตามยังคงยืนยันว่าเรือนจำพิเศษเขาสามหมอกเป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูงมีกำแพงและระบบความปลอดภัยแน่นหนา ที่สำคัญมีระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ..........’
เสียงรายงานข่าวด่วนตามติดสถานกาณ์ฉุกเฉินยังดังผ่านวิทยุสื่อสารอยู่ตลอดแม้จะอยู่บนฮอ คริสตินนั่งสงบสติอารมณ์คิดถึงเรื่องภายในที่ประชุมเมื่อสักครู่
“งานคราวนี้มึงอาจไม่เคยทำมาก่อน แต่ให้จำไว้ว่า นี่คืองานที่แท้จริงของหน่วยเรา คริสมึงทำได้!” น้ำเสียงเด็ดขาดของฟ็อกซ์ยังก้องอยู่ในหูเขาตลอด ขณะที่เคนยะจัดแจงโยนเสื้อสีดำของหน่วยปราบจลาจลให้แต่ละคนเพื่อสวมใส่เมื่อเครื่องไต่เพดานบินได้ในระดับที่พอสมควรแล้ว
“มีเวลาไม่มากนัก เปลี่ยนชุดซะ”
อุ๊ก!! คริสรับชุดไว้ที่ตักอย่างจุก ๆ ชุดที่ทั้งหนักทั้งหนา ‘มันจะป้องกันอะไรดีขนาดนั้น’ ชายหนุ่มพิจารณาชุดที่ตนเองถือไว้พร้อมมองพรรคพวกที่เหลือกำลังเร่งสวมใส่ด้วยความรีบร้อน เขาเองก็ลุกขึ้นสวมบ้างแต่ไม่ค่อยถนัดนัก ซาโต้ที่สวมเสร็จก่อนจึงมาช่วยติดโน่นดึงนี่ให้อีกแรง
“ชุดกันกระสุนน่ะ หนักหน่อยนะครับ ” ชายหนุ่มชกลงที่ท้องคริสตินผ่านชุดสีดำกันกระสุนหนัก ๆ 1 ที
“เจ็บนะเว้ย มึงเล่นไรเนี่ย” คริสตินหัวเราะเบา ๆ แล้วตบลงที่พุงตัวเองบ้างทดสอบความหนักเบาของแรง พร้อมแกล้งชกพุงซาโต้กลับไปด้วย
“เจ็บ ?? นี่แสดงว่าหมัดผมหนักกว่าลูกกระสุนอีกนะเนี่ย” ในเวลาแบบนี้ยังจะมาหยอก
“เล่นไม่ดูเวลานะมึง” คริสตินถลึงตาใส่
“ก็อยากหยอกนี่ครับ”
สองคนหยอกล้อกันไปมาเบา ๆ ไม่ได้สนใจใครเลย เดฟที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ส่ายหัว จนกระทั่งฟ็อกซ์เดินข้ามมาจากด้านหน้าเพื่อเปลี่ยนชุด ทั้งซาโต้และคริสจึงได้หยุดปากลงแล้วซาโต้จึงเดินข้ามไปเพื่อทำหน้าที่นักบินที่ 1 แทน
เดฟถึงกับพ่นลมหายใจยาวที่สองคนแยกกันซะได้เพราะจะได้เงียบเสียงคุยไปซะที
“มีนักโทษชาย 4 คน แหกคุกจับผู้คุมสองคนเป็นตัวประกัน ภารกิจคราวนี้คือ ‘จับตาย’ แต่ตัวประกันต้องรอด รายงานล่าสุดที่แจ้งเข้ามาคือมันขู่ฆ่าตัวประกันจนสามารถออกไปนอกบริเวณเรือนจำได้แล้ว และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศส่วนที่เราจะต้องตามหาเป็นป่าทั้งหมด เพราะงั้นเราจะแบ่งทีมเป็นออกเป็น 3 ทีม”
ฟ็อกซ์เริ่มบรรยายแบ่งภารกิจขณะที่เคนยะจัดแจงสวมชุดให้เขาไปด้วย เฮลิคอร์ปเตอร์เริ่มลดระดับลง ซาโต้กดสวิทเพื่อเปิดประตูฮอร์ด้านข้างออกทำให้มองเห็นสภาพภูมิประเทศด้านล่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะนี้พวกเขากำลังเข้าสู่เขตจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว แม่น้ำแควสายใหญ่ทอดตัวเป็นแนวยาวอยู่กลางหุบเขาทั้งสองฟาก คริสตินที่นั่งติดประตูที่สุดถึงกับใจสั่นขึ้นมาเล็ก ๆ นี่เป็นภารกิจพิเศษครั้งแรกของเขาเพราะฟ็อกซ์เชื่อใจ เขาจะต้องทำให้ดีที่สุด ชายหนุ่มหลับตาพยายามระงับความตื่นเต้นทั้งหลายไว้ เดฟที่เขยิบไปนั่งแทนที่ซาโต้จึงสังเกตเห็นอาการของคริสได้อย่างชัดเจน
เขาเหล่ตามอง
“อ่อนวะ” สบถเบา ๆ
“อะไร” คริสที่หัวกระเซาะกระเซิงจากแรงลมหันมาถามทันควัน แต่เจอแค่อาการยักไหล่แล้วเมินหน้าเป็นคำตอบให้
แค่นั้นก็ทำให้คริสรู้สึกขัดใจแทบคลั่งแล้ว เหอะ!
“เคนยะจะจับคู่กับซาโต้ค้นหาทางฝั่งทิศตะวันออก ส่วนเดฟจะจับคู่กับคริสค้นหาทางฝั่งทิศตะวันตก คอร์นติดต่อกับส่วนกลางแล้วกลับมาลาดตะเวนบนอากาศ ส่วนผมจะดูแลฝั่งใต้และส่วนกลางที่เหลือทุกพื้นที่”
ซาโต้ที่นั่งอยู่ที่นั่งนักบินรีบหันมาทันทีที่ได้ยินประกาศจับคู่ เขารู้สึกผิดคาดเล็กน้อย “ฟ็อกซ์!” ชายหนุ่มท้วงขึ้น แต่ฟ็อกซ์หาได้สนใจไม่เขายังคงอธิบายเรื่องงานต่อไป
เช่นเดียวกันกับคริสตินพอได้ทราบว่าตนเองต้องจับคู่กับเดฟเขาแทบกลืนน้ำลายไม่ลง นั่งทำหน้าย่นแล้วฟังหัวหน้าบรรยายต่อไป ขณะที่ฝ่ายเดฟเองยิ่งแล้วใหญ่เมินหน้าออกไปชมวิวทิวทัศน์ด้านล่างทันทีแบบเซ็ง ๆ
แต่เอ๊ะ! ฟ็อกซ์ไปคนเดียวงั้นเหรอ
“ผมต้องการให้ภารกิจของเราจบภายในวันนี้ มีคำสั่งวิสามัญฯลงมาจากเบื้องบนไม่งั้นคงไม่ใช้งานพวกเรา อีกสิบนาทีเครื่องจะลงจอดส่งพวกคุณทุกคน เราจะใช้วิธีโรยตัวลงไปและคอร์นจะเข้าไปติดต่อที่ส่วนกลางเมื่อภารกิจจบสิ้นให้จุดพลุเป็นสัญญาณเรียกมา คอร์นจะไปรับท่านถึงที่”
“ใครไม่พอใจจุดไหนและมีคำถาม!” ฟ็อกซ์ตะโกนด้วยเสียงโหด ๆ ปลุกใจลูกน้องให้หึกเหิม
“ฟ็อกซ์ ให้ผมไปกับคริส ผมจะพาเขาไปเองคริสยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้” ซาโต้เดินข้ามจากด้านหน้ามาสบทบและสวนออกมาอย่างดัง
“งานนี้ค่อนข้างอันตรายเบื้องบนแจ้งมาว่าพวกมันแยกออกเป็นสองกลุ่ม นักโทษมีอาวุธและจับตัวประกันไว้เราไม่รู้ว่าด้านนอกจะมีพรรคพวกมันอีกไหมเพราะงั้นซาโต้มึงต้องไปกับเคนยะก่อนที่เคนจะยิงแม้กระทั่งตัวประกันทิ้ง! มึงเป็นคนเดียวที่จะปรามเคนได้ เข้าใจรึยัง!”
คริสตินเหลือบมองไปที่พี่ชายที่ยังนั่งหน้านิ่งไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของฟ็อกซ์เลยสักนิด ฟ็อกซ์ย่อมรู้ดีว่าเมื่อเคนยะเข้าสู่โหมดงานชายหนุ่มไม่แคร์ใด ๆ หน้าไหนทั้งนั้นเมื่อมีคำสั่งให้ฆ่าหนุ่มหน้าหวานคนนี้ฆ่าเรียบด้วยสีหน้าที่ยังตรึงไว้ด้วยรอยยิ้ม มีแต่ซาโต้เพียงคนเดียวที่กล้าขวางลำปืนของเคนยะด้วยด้ามกระบอกปืนเช่นเดียวกัน มีแต่ซาโต้เท่านั้นที่กล้าชกหน้าเคนยะเพื่อเรียกสติ
อย่าได้พูดถึงเจ้าเดฟนั่น เห็นท่าทีเย็นชาแข็งกระด้างแบบนั้นแต่จิตใจอ่อนโยนจนถึงที่สุดถ้าไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องฆ่าแล้วล่ะก็เป็นตายยังไงเดฟก็ต้องช่วยให้ได้ มีภารกิจหนึ่งที่เดฟเกือบโดนไฟครอกตายเพราะเข้าไปช่วยเหลือลูกสุนัขเพียงตัวเดียวมาแล้ว
ส่วนเขายิ่งแล้วใหญ่จะให้ชกเคนน่ะหรือ แม้แต่ทำให้เจ็บนิดเดียวเขายังไม่กล้า
คิดไปคิดมาสมเหตุผลที่สุดแล้วที่จะให้เจ้าซาโต้ไป
“เดฟกับคริส พวกนายสองคนลงไปก่อน เขาแห่งนี้โดนตัดสัญญาณโทรศัพท์รวมทั้งอุปกรณ์ติดต่อทุกประเภท ถ้าเจอเหตุการณ์เร่งด่วนให้ใช้พลุเรียกหน่วยลาดตระเวนบนอากาศเท่านั้นจำไว้”
เคนยะเริ่มโยนเป้และปืนไรเฟิ่ลแจกให้แต่ละคนตามลำดับ
“เอาล่ะ ถึงพิกัดแล้ว”
เดฟหันไปมองหน้าคริสแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตูฮอ เขากระชากเชือกพร้อมตะขอโรยตัวออกมาเตรียมพร้อม
“มานี่!”
คริสตินลุกและเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นหนุ่มหน้าเถื่อนพยักหน้าเรียกแล้วถือตะขอเตรียมรอ เดฟคล้องเชือกให้คริสด้วยความแม่นยำรวดเร็วและแน่นหนา ขณะที่ตัวเองก็สวมใส่เสร็จเรียบร้อยด้วยความเร็วเช่นกัน
เครื่องลดระดับลงต่ำจนถึงที่สุดแล้ว ประตูฮอเปิดกว้างออกเต็มที่ คริสกับเดฟยืนโต้ลมหนาวอยู่สองฝั่งซ้ายขวาของประตู ซาโต้เดินไปตรวจสอบตะขอของทั้งคู่เพื่อดูความแน่นหนาอีกครั้ง
เคนยะจึงเดินเข้าไปใกล้น้องชาย
“พี่จะรออยู่ที่จุดนัดพบ ออกมาให้ได้ล่ะ!” เขาตบแรง ๆลงที่บ่า เรียกกำลังใจของคริสตินได้เป็นอย่างดี ขณะที่มือหนาของเดฟคว้าเอาท่อนแขนของคริสไว้แน่นเตรียมพร้อมที่จะกระโดดลงไปด้วยกัน
“พร้อมแล้วครับหัวหน้า” เดฟตะโกนโต้ลม สองคนพร้อมแล้วที่จะโรยตัวลงไป ซาโต้จึงโน้มตัวไปตะโกนบอกคริสใกล้ ๆ
“ออกมาให้ได้นะครับคริส ผมจะรอบอกเรื่องสำคัญ!”
สิ้นสุดคำพูดของซาโต้ เดฟก็กอดเอาเอวคริสตินโรยตัวลงมาอย่างเร็ว สภาพภูมิประเทศแถบนี้เป็นป่าทึบทั้งหมด คริสเห็นน้ำตกอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขากำลังโรยตัวลงมาไม่มากนัก เดฟโหนตัวมาบังและโอบกระชับลำตัวคริสแน่นขึ้นไปอีกเมื่อจู่ ๆ ลมหนาวพัดโกรกมาอย่างแรง เขาใช้แผงอกแกร่งปิดบังกระแสลมเย็นยะเยือกจากใบพัดคอร์ปเตอร์ให้กับคริสจนคริสเองไม่ได้รู้สึกเลยว่าตนเองต้องต้านกับแรงลมมากมายแค่ไหน
เมื่อความยาวเชือกหมดลง เดฟจึงพยักหน้าให้สัญญาณ เขาทั้งคู่ปล่อยตะขอออกพร้อมกันแล้วกระโดดลงสู่เบื้องล่าง สองคนเสียหลักเล็กน้อย แต่ก็ลงสู่พื้นดินด้วยความปลอดภัย
เฮลิคอร์ปเตอร์ลำโตกำลังเคลื่อนตัวขึ้น คริสตินมองเห็นซาโต้ป้องปากตะโกนอะไรไม่รู้ลงมาพร้อมยกนิ้วโป้งชูให้อยู่ไกล ๆ ก่อนที่ภาพนั้นจะหายไปจนลับตา
คริสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูจุดประสงค์คือเข็มทิศระบุตำแหน่งของพวกเขาขณะที่เดฟเดินเข้าไปที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ แล้วใช้มีดพกทำสัญลักษณ์ไว้
“ตามมา! แล้วอย่ามาขัดแข้งขัดขาล่ะ” ลงมาถึงก็กัดเลย
คริสตินถูจมูกทำหน้าย่นก้าวเดินตามไปพร้อมในมือก็กระชับไรเฟิ่ลด้ามยาวที่สะพายไว้ด้วย อากาศในนี้ค่อนข้างเย็นถึงแม้จะเป็นยามบ่ายแต่ต้นไม้ใหญ่ของป่าทึบแห่งนี้บดบังแสงอาทิตย์ร้อน ๆ ไว้จนหมด
เดินกันมาได้สักระยะ
“นี่!” คริสหยุดเท้าแล้วเรียกคนด้านหน้า
เดฟยังเดินต่อไม่สนใจ
“นี่!” คริสเรียกดัง ๆ อีกครั้ง
“อย่าเสียงดัง มีอะไร?” คราวนี่เดฟหยุด แล้วหันกลับมาดุคนด้านหลังที่อยู่ห่างกันเกือบสิบเมตร
“แล้วเราจะเดินไปถึงไหนกันล่ะ เดินมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วเนี่ย” เขาเดินเข้ามาหาเดฟใกล้ ๆ จุดประสงค์แท้จริงคืออยากหาเพื่อนคุยมากกว่า
ป่าทึบ ๆ เงียบ ๆ แบบนี้ดูไปแล้วก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน
“เดินไปเรื่อย ๆ ใช้สัญชาตญาณจนกว่าจะเจอเบาะแส ตามมาแล้วกันอย่าพูดมาก” เดฟเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“ก็แล้วเบาะแสที่ว่าน่ะ มันคืออะไรล่ะ ผมจะได้ช่วยหา” คริสตินเองก็รีบจ้ำอ้าวตามขึ้นมาให้ทัน
ถามไปแล้วถึงนึกขึ้นมาได้ เบาะแสก็คือร่องรอยของคนร้ายยังไงเล่า คริสเอ้ย ไปถามให้ไอ้เจ้านี่มันหัวเราะเยาะทำไมนะ
พอคิดได้จึงแกล้งเมินหน้าหนีทำท่าชมนกชมไม้ไปเรื่อย
“นี่นายเข้ามาเป็นตำรวจได้ยังไงเนี่ย อ้อลืมไป เด็กเส้นนี่นะ เส้นใหญ่ซะด้วย” เดฟตั้งใจเน้นคำว่าเด็กเส้นเต็มที่
“นายว่าใคร”
“เปล๊า!” เดฟตอบเสียงสูง กระชับปืนในมือแล้วเดินหน้าต่อไป ปล่อยให้คนด้านหลังกัดฟันกรอด ๆ
แต่แล้ว จู่ ๆ คริสตินก็เดินตัดหน้านำเขาขึ้นไปจนไกลโข เดฟได้แต่ส่ายหน้าขำกับความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย
“นี่! ทางนี้ต่างหาก ไม่รู้ทางแล้วยังจะเดินนำ บ้ารึเปล่านายน่ะ” กัดไปอีกหนึ่งที เล่นเอาคริสที่หน้าง้ำอยู่แล้วมู่ทู่ลงอีกเป็นสองเท่า
“นายว่าใครบ้า” คราวนี้ถึงขนาดทิ้งปืนที่จับแล้ววิ่งเข้าไปหาเดฟใกล้ ๆ
“เหรอ?? เมื่อกี้ผมพูดเหรอ จำไม่เห็นได้”
หนอย ~ ตัวเองพูดเองทำลืม
เนียนนักนะ คริสทั้งบ่นทั้งด่าอยู่ในใจจนเหนื่อย
ทั้งเหนื่อยกายที่จะต้องเดินทางไกล ทั้งเหนื่อยอกเหนื่อยใจที่จะต้องต่อปากต่อคำกับคนบางคน ในขณะที่อีกฝ่ายทั้งยิ้มทั้งหัวเราะทำตัวเหมือนมีความสุขที่ได้แกล้งเขาซะงั้น
“เราจะเดินลัดเลาะไปทางริมน้ำ แกะรอยทางนี้จะง่ายกว่ามาก หวังว่าพวกนั้นคงใช้แม่น้ำเป็นตัวนำทางนะ” เดฟเริ่มเลี้ยวตัดแนวป่าออกไปอีกทางเสียงน้ำดังซ่าซ่ามาแต่ไกล คริสตินเห็นอย่างนั้นยิ่งดูตื่นเต้นเข้าไปอีก เขารีบวิ่งเข้าหาที่มาของเสียงทันที
ทั้งเหนื่อยกายที่จะต้องเดินทางไกล ทั้งเหนื่อยอกเหนื่อยใจที่จะต้องต่อปากต่อคำกับคนบางคน ในขณะที่อีกฝ่ายทั้งยิ้มทั้งหัวเราะทำตัวเหมือนมีความสุขที่ได้แกล้งเขาซะงั้น
“เราจะเดินลัดเลาะไปทางริมน้ำ แกะรอยทางนี้จะง่ายกว่ามาก หวังว่าพวกนั้นคงใช้แม่น้ำเป็นตัวนำทางนะ” เดฟเริ่มเลี้ยวตัดแนวป่าออกไปอีกทางเสียงน้ำดังซ่าซ่ามาแต่ไกล คริสตินเห็นอย่างนั้นยิ่งดูตื่นเต้นเข้าไปอีก เขารีบวิ่งเข้าหาที่มาของเสียงทันที
ไม่นานนักเขาสองคนก็มาถึงริมแม่น้ำแคบ
ๆ แต่เชี่ยวกราดสายหนึ่ง มีน้ำตกเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก
เดฟรีบเข้าไปดึงตัวคริสแล้วพาไปหลบที่หลังโขดหินใหญ่
“ชู่ว ผมได้ยินเสียงคน” เขากระซิบ คริสตินรีบกระชับปืนยาวในมือทันที สอดส่ายสายตาหาเป้าหมายแต่ยังไม่เห็นอะไรหรือใครแม้แต่น้อย
“ไม่มีนี่” หันกลับมาบอก
“นายยิงปืนแม่นใช่ไหม” เดฟถามจ้องตา
“ไม่รู้สิ แต่ใคร ๆ เขาก็ว่ากันอย่างนั้น”
คนถามพยักหน้ารับรู้ พวกเขารอกันอยู่สักพัก เดฟเริ่มมองซ้ายมองขวาแล้วแหงนขึ้นไปมองด้านบน แสงอาทิตย์เริ่มอัสดงแล้ว ลำแสงที่ลอดผ่านแนวป่าเข้ามาเริ่มจะน้อยลงเต็มที
“รออยู่นี่แล้วคอยสังเกตวิถีกระสุน ผมว่ามันเงียบเกินไปต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ” เขาเริ่มเบี่ยงตัวจะก้าวออกจากซอกหิน
“เดี๋ยว” คริสตินดึงชายหนุ่มไว้ “แล้วนายจะไปไหน”
“ผมจะเป็นตัวล่อให้เอง สังเกตดี ๆ ว่ากระสุนออกมาจากจุดไหนอย่าเพิ่งยิงนะ บางทีอาจมีตัวประกันอยู่ด้วย”
“แต่ว่า...”
“ตามนี้แหละ จะค่ำแล้วภารกิจยังได้ไม่ถึงครึ่งเลย หรืออยากจะนอนในป่า” จบคำพูดเดฟก็ก้าวขาออกไปทันทีคริสตินเองก็ตั้งหลักกระชับปืนจนแน่น เขาเห็นเดฟเดินออกไปที่ริมน้ำชายหนุ่มเดินช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมทิ้งห่างจากจุดของคริสให้มากนัก
ปัง!!
เสียงปืนดังสนั่น เสียงนกบินแตกออกจากต้นไม้ดังพรึ่บพรั่บ ๆ ไปทั่ว เดฟรีบหมอบตัวนอนลงแนบพื้น
ปัง!!
นัดที่สองตามมาติด ๆ เล็งคนที่นอนหมอบอยู่เต็ม ๆ จากหลังต้นไม้ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ
และก่อนที่นัดต่อไปจะตามมาซ้ำ
ปัง!! ถึงคราวคริสตินปล่อยกระสุนตรงของตัวเองพุ่งเข้าใส่คนยิงอย่างแม่นยำ
ปลายกระบอกปืนจากหลังต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้ามร่วงตกลงที่พื้นพร้อมชายในชุดนักโทษสีน้ำตาลเข้มล้มกองลงทันที คริสรีบวิ่งออกมาจากหลังซอกหินกำลังจะเข้าไปดูเดฟที่นอนหมอบอยู่
ด้วยความไม่รอบคอบของเขา โดยลืมไปว่า นักโทษที่หนีออกมาไม่ได้มีแค่คนเดียว
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” เสียงตะคอกดังมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำที่ไม่กว้างมากนัก จู่ ๆ กระแสลมแรงก็พัดผ่านมาพร้อมกลิ่นไอฝน
ชายในชุดนักโทษอีกคนใช้มีดจี้ล็อคคอตัวประกัน ส่วนมืออีกข้างชี้ปืนเล็งมาที่เดฟซึ่งนอนหมอบอยู่ก่อนแล้ว
เดฟไม่ขยับตัวเลย เขาต้องโดนยิงที่ไหนสักแห่งแน่นอน คริสตินชะงักหยุดยืนอยู่ไม่ไกลกันนัก
แม่น้ำไหลเชี่ยวรุนแรง กิ่งไม้ไหวเอนตามแรงลม กลิ่นฝนลอยมากระทบปลายจมูก คริสตินจ้องที่ตัวประกัน สีหน้าผู้คุมวัยกลางคนอ่อนละโหยลงอย่างเห็นได้ชัด ตามลำคอและใบหน้ามีรอยเลือดเลอะเทอะไปหมด
เดฟที่นอนหมอบอยู่เพราะโดนยิงกำลังคิดไปว่าช่างโชคดีชะมัด! พวกเขาเจอนักโทษสองคนแถมยังมีตัวประกันโผล่มาอีกหนึ่ง ในขณะที่เขาโดนยิงเช่นนี้ คริสตินเองก็ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย
“วางปืนลง ถอดชุดออกผูกไว้กับเป้ แล้วโยนเป้ของมึงข้ามมา!!” เสียงเหี้ยมร้องสั่งอย่างดัง
“เร็วเข้า ไม่งั้นกูได้ปาดคอไอ้แก่นี่ตายห่าแน่!”
คริสจำใจถอดชุดกันกระสุนของตนเองออกออก เขาเดินเข้าไปใกล้แม่น้ำแล้วโยนเป้พร้อมชุดที่ผูกติดไว้ข้ามไปให้
มันใช้ขาเขี่ยเป้เข้ามาใกล้ตัวเอง จู่ ๆ ก็เตะเป้ทั้งใบตกลงในแม่น้ำเชี่ยว คริสตินถึงกับงง
ทำไมมันทำอย่างนั้น
“เอาล่ะ คราวนี้ไปถอดชุด ถอดเป้ของเพื่อนมึงออกมา ทำเหมือนเดิมแล้วโยนข้ามมาให้กู!!” เสียงร้องสั่งจากนักโทษชายตะคอกมาอีกระรอก
คริสตินได้แต่ยืนมองเป้ใบใหญ่ของตัวองลอยตามกระแสน้ำไปอย่างเร็ว
“เร็ว!! ไม่งั้นกูปาดคอไอ้นี่จริง” นักโทษชายส่งเสียงเกรี้ยวกราด มันคงหวังให้พวกเขาทั้งสองคนปลดเครื่องป้องกันออกทั้งหมด
เลวจริง!! คริสตินเดินเข้าไปใกล้เดฟ เขาพลิกตัวชายหนุ่มให้นอนหงายพร้อมลงมือถอดเสื้อกันกระสุนของเดฟออก ขณะสายตากวาดหารอยแผลจากการถูกยิง
แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ คริสจึงจ้องตาเป็นเชิงถาม แต่คำตอบที่ได้มีแต่รอยยิ้มมุมปากของคนที่นอนหรี่ตามองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์อยู่เท่านั้น
เดฟไม่ได้โดนยิง! นี่เขาโดนหลอกหรือนี่
“เร็วเข้า! ห้ามพวกมึงคุยกัน ไม่งั้นกูฆ่าไอ้แก่นี้แน่” เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดยังดังข้ามมาไม่หยุด คริสตินจึงรีบผูกเสื้อกันกระสุนของเดฟเข้ากับเป้ด้วยความโมโห แล้วเหวี่ยงข้ามไปอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับใบหน้านักโทษชายคนนั้นอย่างจัง
“เฮ้ย!”
เดฟเห็นโอกาสมาถึงเขาพลิกตัวแล้วคว้าปืนพกเล็กที่เสียบอยู่กับรองเท้ายิงเข้าไปหนึ่งที เฉียดมือมันไปนิดเดียว
“ชู่ว ผมได้ยินเสียงคน” เขากระซิบ คริสตินรีบกระชับปืนยาวในมือทันที สอดส่ายสายตาหาเป้าหมายแต่ยังไม่เห็นอะไรหรือใครแม้แต่น้อย
“ไม่มีนี่” หันกลับมาบอก
“นายยิงปืนแม่นใช่ไหม” เดฟถามจ้องตา
“ไม่รู้สิ แต่ใคร ๆ เขาก็ว่ากันอย่างนั้น”
คนถามพยักหน้ารับรู้ พวกเขารอกันอยู่สักพัก เดฟเริ่มมองซ้ายมองขวาแล้วแหงนขึ้นไปมองด้านบน แสงอาทิตย์เริ่มอัสดงแล้ว ลำแสงที่ลอดผ่านแนวป่าเข้ามาเริ่มจะน้อยลงเต็มที
“รออยู่นี่แล้วคอยสังเกตวิถีกระสุน ผมว่ามันเงียบเกินไปต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ” เขาเริ่มเบี่ยงตัวจะก้าวออกจากซอกหิน
“เดี๋ยว” คริสตินดึงชายหนุ่มไว้ “แล้วนายจะไปไหน”
“ผมจะเป็นตัวล่อให้เอง สังเกตดี ๆ ว่ากระสุนออกมาจากจุดไหนอย่าเพิ่งยิงนะ บางทีอาจมีตัวประกันอยู่ด้วย”
“แต่ว่า...”
“ตามนี้แหละ จะค่ำแล้วภารกิจยังได้ไม่ถึงครึ่งเลย หรืออยากจะนอนในป่า” จบคำพูดเดฟก็ก้าวขาออกไปทันทีคริสตินเองก็ตั้งหลักกระชับปืนจนแน่น เขาเห็นเดฟเดินออกไปที่ริมน้ำชายหนุ่มเดินช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมทิ้งห่างจากจุดของคริสให้มากนัก
ปัง!!
เสียงปืนดังสนั่น เสียงนกบินแตกออกจากต้นไม้ดังพรึ่บพรั่บ ๆ ไปทั่ว เดฟรีบหมอบตัวนอนลงแนบพื้น
ปัง!!
นัดที่สองตามมาติด ๆ เล็งคนที่นอนหมอบอยู่เต็ม ๆ จากหลังต้นไม้ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ
และก่อนที่นัดต่อไปจะตามมาซ้ำ
ปัง!! ถึงคราวคริสตินปล่อยกระสุนตรงของตัวเองพุ่งเข้าใส่คนยิงอย่างแม่นยำ
ปลายกระบอกปืนจากหลังต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้ามร่วงตกลงที่พื้นพร้อมชายในชุดนักโทษสีน้ำตาลเข้มล้มกองลงทันที คริสรีบวิ่งออกมาจากหลังซอกหินกำลังจะเข้าไปดูเดฟที่นอนหมอบอยู่
ด้วยความไม่รอบคอบของเขา โดยลืมไปว่า นักโทษที่หนีออกมาไม่ได้มีแค่คนเดียว
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” เสียงตะคอกดังมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำที่ไม่กว้างมากนัก จู่ ๆ กระแสลมแรงก็พัดผ่านมาพร้อมกลิ่นไอฝน
ชายในชุดนักโทษอีกคนใช้มีดจี้ล็อคคอตัวประกัน ส่วนมืออีกข้างชี้ปืนเล็งมาที่เดฟซึ่งนอนหมอบอยู่ก่อนแล้ว
เดฟไม่ขยับตัวเลย เขาต้องโดนยิงที่ไหนสักแห่งแน่นอน คริสตินชะงักหยุดยืนอยู่ไม่ไกลกันนัก
แม่น้ำไหลเชี่ยวรุนแรง กิ่งไม้ไหวเอนตามแรงลม กลิ่นฝนลอยมากระทบปลายจมูก คริสตินจ้องที่ตัวประกัน สีหน้าผู้คุมวัยกลางคนอ่อนละโหยลงอย่างเห็นได้ชัด ตามลำคอและใบหน้ามีรอยเลือดเลอะเทอะไปหมด
เดฟที่นอนหมอบอยู่เพราะโดนยิงกำลังคิดไปว่าช่างโชคดีชะมัด! พวกเขาเจอนักโทษสองคนแถมยังมีตัวประกันโผล่มาอีกหนึ่ง ในขณะที่เขาโดนยิงเช่นนี้ คริสตินเองก็ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย
“วางปืนลง ถอดชุดออกผูกไว้กับเป้ แล้วโยนเป้ของมึงข้ามมา!!” เสียงเหี้ยมร้องสั่งอย่างดัง
“เร็วเข้า ไม่งั้นกูได้ปาดคอไอ้แก่นี่ตายห่าแน่!”
คริสจำใจถอดชุดกันกระสุนของตนเองออกออก เขาเดินเข้าไปใกล้แม่น้ำแล้วโยนเป้พร้อมชุดที่ผูกติดไว้ข้ามไปให้
มันใช้ขาเขี่ยเป้เข้ามาใกล้ตัวเอง จู่ ๆ ก็เตะเป้ทั้งใบตกลงในแม่น้ำเชี่ยว คริสตินถึงกับงง
ทำไมมันทำอย่างนั้น
“เอาล่ะ คราวนี้ไปถอดชุด ถอดเป้ของเพื่อนมึงออกมา ทำเหมือนเดิมแล้วโยนข้ามมาให้กู!!” เสียงร้องสั่งจากนักโทษชายตะคอกมาอีกระรอก
คริสตินได้แต่ยืนมองเป้ใบใหญ่ของตัวองลอยตามกระแสน้ำไปอย่างเร็ว
“เร็ว!! ไม่งั้นกูปาดคอไอ้นี่จริง” นักโทษชายส่งเสียงเกรี้ยวกราด มันคงหวังให้พวกเขาทั้งสองคนปลดเครื่องป้องกันออกทั้งหมด
เลวจริง!! คริสตินเดินเข้าไปใกล้เดฟ เขาพลิกตัวชายหนุ่มให้นอนหงายพร้อมลงมือถอดเสื้อกันกระสุนของเดฟออก ขณะสายตากวาดหารอยแผลจากการถูกยิง
แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ คริสจึงจ้องตาเป็นเชิงถาม แต่คำตอบที่ได้มีแต่รอยยิ้มมุมปากของคนที่นอนหรี่ตามองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์อยู่เท่านั้น
เดฟไม่ได้โดนยิง! นี่เขาโดนหลอกหรือนี่
“เร็วเข้า! ห้ามพวกมึงคุยกัน ไม่งั้นกูฆ่าไอ้แก่นี้แน่” เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดยังดังข้ามมาไม่หยุด คริสตินจึงรีบผูกเสื้อกันกระสุนของเดฟเข้ากับเป้ด้วยความโมโห แล้วเหวี่ยงข้ามไปอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับใบหน้านักโทษชายคนนั้นอย่างจัง
“เฮ้ย!”
เดฟเห็นโอกาสมาถึงเขาพลิกตัวแล้วคว้าปืนพกเล็กที่เสียบอยู่กับรองเท้ายิงเข้าไปหนึ่งที เฉียดมือมันไปนิดเดียว
ปัง!!
“มึงจะเล่นกับกูใช่ไหม”
“มึงจะเล่นกับกูใช่ไหม”
นช. คำราม มีดคม ๆ
กดลงที่คอของตัวประกันผู้อ่อนแรงจนเลือดเริ่มไหลทะลักออกมาอีกครั้ง แต่แล้วจู่ ๆ ผู้คุมที่ถูกจับเป็นตัวประกันก็ทรุดลงกับพื้น
นักโทษคนนั้นหน้าหรา สารวัตรหนุ่มมองเห็นโอกาสชั่วพริบตา
ปัง!! หัวกระสุนเจาะตัดขั้วหัวใจ นักโทษชายทรุดกองลงทันที
“เดฟ! ตัวประกัน” คริสตินร้องเสียงหลง แข่งกับฝนที่เริ่มเทกระหน่ำซัดลงมาแล้ว เขาวิ่งหน้าตั้งจะลุยน้ำข้ามไป เดฟรีบเข้าไปดึงแขนไว้
“ไปไม่ได้! น้ำเชี่ยวมาก”
“แต่ว่าตัวประกัน.... เราต้องช่วย”
ปัง!! หัวกระสุนเจาะตัดขั้วหัวใจ นักโทษชายทรุดกองลงทันที
“เดฟ! ตัวประกัน” คริสตินร้องเสียงหลง แข่งกับฝนที่เริ่มเทกระหน่ำซัดลงมาแล้ว เขาวิ่งหน้าตั้งจะลุยน้ำข้ามไป เดฟรีบเข้าไปดึงแขนไว้
“ไปไม่ได้! น้ำเชี่ยวมาก”
“แต่ว่าตัวประกัน.... เราต้องช่วย”
คริสไม่สนใจอะไรอีกแล้วเขาสลัดแขนได้วิ่งหน้าตั้งลงแม่น้ำทันที
เดฟก้มลงเก็บปืนขึ้นมาสะพายไว้แล้วตะลุยตามกันลงไป
กระแสน้ำกำลังเชี่ยวกราก ห่าฝนที่เทกระหน่ำซัดลงมาแรงเป็นเท่าตัว
คริสตินลื่นล้มลงแล้วขณะที่เดฟรีบเข้าไปคว้าตัวเขาเอาไว้จากกระแสน้ำ สองคนตะเกียกตะกายให้ถึงฝั่งเร็วที่สุด ท้องฟ้ามืดลงไปมากทั้งเสียงฟ้าร้องคำราม มือหนาจับท่อนแขนคริสไว้แน่น โขดหินคมบาดท่อนแขนขาวจนเลือดไหลเป็นทาง แต่คริสตินไม่ใส่ใจแม้สักนิด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของคนที่พวกเขากำลังจะเข้าไปช่วยเหลืออีกแล้ว เดฟมองเลือดที่ไหลจากแขนของคนที่เขาจับกับสีหน้ามุ่งมั่นที่เหมือนเคนยะไม่มีผิด ขณะที่ทั้งคู่ลื่นลงไปเป็นครั้งที่สอง ขาแกร่งมิอาจต้านทานกระแสน้ำได้ประกอบกับฝนที่เทกระหน่ำลงมาห่าใหญ่ รอบข้างมืดมิดไปหมดสายฟ้าแลบลงมาอีกครั้ง คริสตินมองเห็นฝั่งอยู่แค่เอื้อมแต่กลับโดนกระแสน้ำพัดพาไปเรื่อย
แต่แล้วจู่ ๆ คริสตินก็คลายมือออกจากเขา
“คริส!! อย่าปล่อยนะ” เดฟตะโกนแข่งฝนเมื่อเห็นคริสตินอยู่ ๆ ก็หน้าซีดปากสั่น อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
มันผิดปกติ
สายตาคริสจับอยู่ที่ศพนักโทษบนฝั่ง ตามแสงของสายฟ้าที่ฟาดลงมาเป็นระยะ ๆ
คริสเป็นโรคกลัวศพอยู่แล้ว แต่เดฟไม่รู้!
“คริส!!” เดฟตะโกนอีกครั้งพร้อมพยายามเข้ามาโอบเอาตัวคนที่กำลังเริ่มขาดสติ “คริส!! คริสครับ!!” เขาเขย่าตัวอีกฝ่ายอย่างแรงพร้อมตบแก้มเรียกสติ ขณะที่พยายามลากคริสตินขึ้นฝั่งให้ได้
“คริส!!”
กระแสน้ำกำลังเชี่ยวกราก ห่าฝนที่เทกระหน่ำซัดลงมาแรงเป็นเท่าตัว
คริสตินลื่นล้มลงแล้วขณะที่เดฟรีบเข้าไปคว้าตัวเขาเอาไว้จากกระแสน้ำ สองคนตะเกียกตะกายให้ถึงฝั่งเร็วที่สุด ท้องฟ้ามืดลงไปมากทั้งเสียงฟ้าร้องคำราม มือหนาจับท่อนแขนคริสไว้แน่น โขดหินคมบาดท่อนแขนขาวจนเลือดไหลเป็นทาง แต่คริสตินไม่ใส่ใจแม้สักนิด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของคนที่พวกเขากำลังจะเข้าไปช่วยเหลืออีกแล้ว เดฟมองเลือดที่ไหลจากแขนของคนที่เขาจับกับสีหน้ามุ่งมั่นที่เหมือนเคนยะไม่มีผิด ขณะที่ทั้งคู่ลื่นลงไปเป็นครั้งที่สอง ขาแกร่งมิอาจต้านทานกระแสน้ำได้ประกอบกับฝนที่เทกระหน่ำลงมาห่าใหญ่ รอบข้างมืดมิดไปหมดสายฟ้าแลบลงมาอีกครั้ง คริสตินมองเห็นฝั่งอยู่แค่เอื้อมแต่กลับโดนกระแสน้ำพัดพาไปเรื่อย
แต่แล้วจู่ ๆ คริสตินก็คลายมือออกจากเขา
“คริส!! อย่าปล่อยนะ” เดฟตะโกนแข่งฝนเมื่อเห็นคริสตินอยู่ ๆ ก็หน้าซีดปากสั่น อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
มันผิดปกติ
สายตาคริสจับอยู่ที่ศพนักโทษบนฝั่ง ตามแสงของสายฟ้าที่ฟาดลงมาเป็นระยะ ๆ
คริสเป็นโรคกลัวศพอยู่แล้ว แต่เดฟไม่รู้!
“คริส!!” เดฟตะโกนอีกครั้งพร้อมพยายามเข้ามาโอบเอาตัวคนที่กำลังเริ่มขาดสติ “คริส!! คริสครับ!!” เขาเขย่าตัวอีกฝ่ายอย่างแรงพร้อมตบแก้มเรียกสติ ขณะที่พยายามลากคริสตินขึ้นฝั่งให้ได้
“คริส!!”
.
.
.
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขาก็นั่งอยู่หลังโขดหินใหญ่ของอีกฝั่งเรียบร้อย ฝนยังตกอยู่ไม่หยุด รอบข้างที่มืดสนิททำให้เขาเหมือนคนพิการยังไงบอกไม่ถูก แขนและขาเจ็บปวดระบมไปหมด
แล้วเดฟล่ะ??
เมื่อนึกได้ดังนั้นคริสเริ่มหันซ้านหันขวา เขามองไม่เห็นเพราะความมืด มีแค่ลำแสงจากสายฟ้าที่ผ่าเป็นระยะเท่านั้น ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ใช้แสงไฟสีเขียวจากตัวเรือนนำสายตา 4 ทุ่มกว่าแล้ว รอบข้างไม่เห็นใคร
เดฟไปไหน??
จุดนี้ห่างจากจุดที่พวกเขายิงตอบโต้กับคนร้ายมากพอสมควรแน่ เพราะหินก้อนใหญ่ที่เขานั่งพิงอยู่นั้น ดูแล้วไม่คุ้นเอาเสียเลย
“เดฟ!!” คริสตะโกนเรียกแข่งฝนพร้อมลุกขึ้นยืน แต่เข่าเขาทรุดลงในทันที ความเจ็บปวดจากแผลที่หัวเข่าแล่นขึ้นสู่สมอง “โอ๊ยย..”
“เดฟ!!”
เดฟหายไปไหน
เขาพยายามลุกขึ้นมาอีกครั้งแล้วลากขาเดินออกไปด้วยความเจ็บปวด มือสัมผัสได้ถึงความเหนียว
น่าจะมีเลือดไหลออกมาด้วย
“เดฟ!!” ยังไม่มีเสียงตอบอีก
“เดฟ!! นายอยู่ไหนน่ะ” น้ำเสียงเขาเริ่มอ่อนแรงพร้อมขาอ่อนลงเพราะรอยแผล ชายหนุ่มทรุดลงนั่งกลางทางมืด ๆ
“เดฟ....” นายยังปลอดภัยอยู่รึเปล่า ไม่มีแม้แต่เสียงที่จะเรียกแล้ว
อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าเป้ และมันหายไปจนหมดสิ้น อีกทั้งเสื้อที่เขาสวมอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพียงเสื้อเชิ๊ตบาง ๆ เท่านั้น เดฟเองก็มาหายตัวไปอีกคน คริสตินนั่งถอดใจท่ามกลางสายฝนและความมืด มือขาว ๆ มีแต่รอยแผลเต็มไปหมด ไม่รู้น้ำฝนหรือน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม
เสียงฟ้าร้องคำรามดังมาเป็นระยะ เขาเห็นลำแสงเล็ก ๆ จากสายฟ้าผ่าลงที่ไหนสักแห่งใกล้ ๆ คริสตินตัดสินใจพยายามตะเกียกตะกายลากขาที่บาดเจ็บ เดินไปในทางที่คุ้นตา
ศพนักโทษในชุดสีน้ำตาลสองคนนอนเรียงกันอยู่เบื้องหน้า ข้าง ๆ กันมีผู้คุมที่ถูกจับเป็นตัวประกันนอนอยู่ด้วยซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว
คริสผงะ!!
เขาใช้มือลูบหน้าไล่สายน้ำฝนที่เทลงมาไม่หยุด เข่าทรุดกองลงกับพื้นอีกครั้งเนื้อตัวขาวเริ่มสั่นเทาขึ้นมาในความมืด
เขาฆ่าคน! ใช่ เมื่อกี้เขายิงนักโทษชายคนหนึ่งจนล้มกองลงไป
เขากลัว
กลัวมาก
เริ่มไม่ได้ยินเสียงจากรอบข้างอีกแล้ว
แม้แต่แสงสีดำในความมืดก็จะมองไม่เห็นแล้วด้วย
จู่ ๆ ก็มีมือมาดึงตัวเขาเข้าไปกอดไว้ น้ำตาที่ไหลร่วงลงมาพร้อมกับสายฝน คริสร้องไห้โฮออกมาทันทีที่จำได้ว่ากลิ่นของคนที่กอดเขาไว้ในตอนนี้คือใคร
“ เดฟ ” คริสงึมงำแผ่วเบาคล้ายคนเพ้อ
มือแกร่งกดหัวคริสตินไว้ในอ้อมกอดจนแน่น เดฟพยายามพาคริสที่เดินไม่ถนัดเพราะเจ็บที่ขามานั่งลงที่ด้านหลังหินก้อนใหญ่อีกครั้ง
“เดินออกมาทำไม” เขาถอดเสื้อตัวเองออกมาแล้วบิดให้แห้งที่สุด ใช้มันเช็ดหัวให้คริสติน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายตัวสั่นมาก คิดว่าคงเกิดจากความหนาวอีกทั้งความกลัว
“ผมออกไปจัดการเรื่องศพแล้วก็ดูตัวประกันด้วย พวกเขาเสียชีวิตหมดแล้ว” ก้อนหินขนาดใหญ่พอจะบดบังฝนได้นิดหน่อย โชคดีที่ฝนเริ่มจะซาลงบ้างแล้ว แต่คริสยังนั่งตัวสั่น ปากเล็ก ๆ ของเขาเม้มกัดไว้จนแน่น เดฟใช้แสงไฟจากนาฬิกาของตัวเองส่องดูหัวเข่าที่บาดเจ็บของอีกฝ่าย
“ ใส่ยาก่อนนะ โชคดีที่ของในเป้ผมยังไม่เสียหาย” เดฟล้วงยาออกมาจากกระเป๋าที่เขาเก็บมาด้วยเมื่อสักครู่ เทราดแผลให้คริส เสียงโอดโอยเบา ๆ จากผู้หมวดหนุ่มทำเอาเขาถึงกับขำ
“จะตลกอะไรล่ะ” ไม่ต้องมองเห็นก็รู้ว่าตอนนี้คนพูดคงหน้างอง้ำอยู่เป็นแน่แท้
“เปล่าสักหน่อย เพี้ยง! หายเจ็บแล้วพรุ่งนี้วิ่งได้สบายเลย” ยังมาทำปลอบใจเหมือนเป็นเด็ก
เสียงฟ้าร้องคำรามมาอีกครั้ง คริสสะดุ้งจนเผลอเกาะไหล่แล้วเบียดคนข้าง ๆ ไว้แน่น ฝนเริ่มซาลงมากแล้วจนเกือบจะหยุด จริงสินะภารกิจที่ฟ็อกซ์สั่งไว้ว่าต้องปิดให้ได้ภายในวันนี้ มันเสร็จสิ้นแล้วก็จริง แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถติดต่อกับพรรคพวกข้างนอกได้เลย
แล้วป่านนี้พี่เคนกับซาโต้จะเป็นยังไงบ้าง ฟ็อกซ์เองก็ด้วย ภารกิจจะสะสางเสร็จเรียบร้อยหรือยัง คริสตินเริ่มคิดไปเรื่อยเปื่อย
โดยเฉพาะเจ้าซาโต้ ป่านนี้จะนอนกลางป่ากลางฝนกับพี่เคนเหมือนเขารึเปล่า
“ชอบมันเหรอ?” จู่ ๆ เดฟก็ถามขึ้น แผงอกแกร่งเปลือยเปล่ากระเพื่อมลมหายใจเบา ๆ ชายหนุ่มเสยผมแล้วเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่หลังโขดหินนั่น
ถ้าบุหรี่ไม่เปียกคงได้จุดขึ้นแล้วเป็นแน่แท้
“หือ??”
“เจ้าซาโต้น่ะ ชอบมันเหรอ?”
“.........” คริสตินเริ่มทำหน้าไม่ถูก ยังคงอ้ำอึ้งกับคำถาม
“ดูออกง่ายจังนะ”
“........”
“นายน่ะ ดูออกได้ง่าย ๆ เลย ชอบใครหรือไม่ชอบใคร คิดถึงใคร เป็นห่วงใคร”
“แล้ว...มันแปลกรึเปล่า??” คงจะจริงสินะที่ซาโต้เคยบอกไว้ว่าเดฟมีสัญชาตญาณดี ไม่นึกว่าจะดีกระทั่งเรื่องแบบนี้ก็ด้วย
“ธรรมดานี่ ผมเองก็ชอบผู้ชาย”
“เรื่องนั้น.....ผม ก็พอรู้มาบ้าง”
“แล้วกลัวรึเปล่า”
“.........” คริสหันไปจ้องหน้าเดฟแม้จะมองไม่ค่อยเห็นนัก เขาห่อไหล่ถูมือประทังความหนาว ปากเล็กเริ่มสั่นขึ้นนิด ๆ ฝนสาดเข้ามาไม่ถึงก็จริงแต่เดฟที่ตัวแห้งแล้วเพราะถอดเสื้อออกกับเขาที่ตัวยังเปียกโชกอยู่เพราะสวมเสื้อไว้
ความรู้สึกจะต่างกันไหมนะ
“อยู่กับผมสองคนแบบนี้ กลัวไหม?”
“......ไม่นี่ ”
คริสตินส่ายหน้าแล้วตอบออกมาเบา ๆ หนาวมากเหลือเกิน สายตาทอดออกไปด้านนอก ลำแสงเล็ก ๆ จากสายฟ้าแลบส่องผ่านลงมา สายตาสะดุดลงที่สามศพนอนเรียงกันอยู่พอดี เขารีบดึงสายตากลับมา
เนื้อตัวขาวเริ่มสั่นขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“ถ้าไม่กลัวก็ถอดเสื้อออกซะ ตัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวเป็นไข้เอาง่าย ๆ”
“ฮัดชิ่ว!” ว่ายังไม่ทันขาดคำ คริสถูจมูกโด่งไปมาเบา ๆ
“ผมไม่อยากต้องไปแก้ตัวกับทั้งเคนยะทั้งเจ้าซาโต้หรอกนะ” คำพูดยังไม่ทันจบ เขาก็เริ่มคลำหากระดุมเสื้อเม็ดแรกของคริสแล้ว
เมื่อเชิ้ตตัวบางของคริสตินถูกปลดลง มือใหญ่สัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่มของผิวคนตรงข้าม เสียงฟ้าร้องยังคำรามไม่หยุด ลำแสงเล็ก ๆ ลอดผ่านลงมาเป็นระยะ ๆ เขาจับไหล่บางของคริสตินไว้ใบหน้าคมเหมือนถูกดึงดูดให้โน้มเข้าหาอีกฝ่ายโดยที่เขาเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ สองมือหนาเลื่อนขึ้นมาประคองสองแก้มนิ่มของคริสไว้
“ เดฟ ? ”
เสียงเรียกแผ่วเบาจากคนที่คงมองไม่เห็นการกระทำของเขา
“….จูบได้ไหม”
เสียงแหบพร่าที่ฟังดูแล้วอยู่ใกล้เสียเหลือเกิน คริสตินรีบตะปบสองมือของเขาเข้ากับฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมใบหน้าเขาไว้
สายฟ้าแลบกับเสียงฟ้าร้องคำรามมาอีกระรอก เผยให้เห็นว่าใบหน้าคมนั้นอยู่ใกล้ชิดเขามากเพียงใด ลมหายใจอุ่นร้อนของเดฟส่งผ่านมาถึงปลายจมูกรั้น คริสรีบขืนใบหน้าน่ารักไว้ในทันที
“ เดฟ ” เรียกพร้อมส่ายหน้าเบา ๆ ให้อีกฝ่ายรู้ว่า ‘ทำไมได้’
เดฟจึงปล่อยมือออก แล้วเปลี่ยนมาบีบจมูกเขาแทน
“…55555 แค่ลองใจหรอกน่า คิดว่าผมจะทำจริงหรือไง หน้าอย่างนายใครจะไปจูบลงกันเล่า” ใบหน้าคมแสร้งมองดูนั่นดูนี่พลางแหงนมองไปบนท้องฟ้ามืด
“นั่นสินะ นายคงไม่ทำแบบนั้นแน่ ๆ ” ทั้งหนาวทั้งมืด ถึงแม้จะถอดเสื้อที่เปียกออกแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ใส่อะไรอยู่ดี
“ชอบมันซะขนาดนี้ ทำไมไม่บอกออกไปเสียล่ะ”
“.........”
“ระวังนะ เจ้าซาโต้มันจะท้อจนถอยไปซะก่อน อย่าลืมว่าซาโต้ไม่ใช่เกย์แบบผม ผู้หญิงรอต่อคิวมันให้เพียบ” เดฟปรับอารมณ์ตัวเองให้เข้าที่พร้อมเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง
“...... ก็.... อะไร ๆ มันก็ไม่แน่นอนใช่ไหมล่ะ อีกอย่างซาโต้เองเขาก็มีหมอเจด้าอยู่แล้วเรื่องนี้เขาก็รู้กันทั้งตึก แล้วจะให้ผมพูดออกไปได้ยังไง” คริสหยิบเชิ้ตตัวบางของตัวเองมาบิดน้ำออกจนแห้ง แล้วผึ่งวางไว้ใกล้ ๆ ตัว ไม่รู้ทำไมเขาถึงเปิดใจพูดเรื่องแบบนี้กับคนตรงหน้าได้
“ยังเจ็บแผลอยู่ไหม”
“อือ นิดหน่อย”
“หึหึ ตัวสั่นหมดแล้วนายน่ะ ง่วงรึยัง นอนสิ”
“ไม่เป็นไร นายนอนเถอะเดี๋ยวผมเฝ้ายามให้เอง” คริสตินลูบหัวไหล่เปลือยเปล่าของตัวเองสำรวจแผลจากหินบาดที่รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
“เฮ้อ แปลกคนจริง เสียงแหบซะขนาดนี้แล้ว” มือแกร่งดึงเอาคริสตินไปซบลงที่หน้าอกของตนเอง
“อาจจะไม่อุ่นเหมือนอกเจ้าซาโต้ แต่ก็นอนได้ใช่ไหมล่ะ มาสิ”
แผงอกอุ่น ๆ ของเดฟไม่อุ่นเท่าของซาโต้ก็จริง แต่อาการสั่นของคริสก็ลดลงจนเห็นได้ชัด เขาตัดสินใจหลับตาลงแน่น ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างจมไปในความมืด
“เราช่วยตัวประกันไม่ได้ เขาตายแล้ว” เสียงพึมพำแผ่วเบาดังขึ้นจากคนในอ้อมกอด
“ครับ.....เราทำดีที่สุดแล้ว นอนเถอะนะ” มือใหญ่กดหน้าผากเนียนเข้าชิดสู่อ้อมอก ขณะที่ดวงตาคมมองทอดออกไปในความมืด เมฆสีดำค่อยเคลื่อนตัวออกจากจันทร์ดวงโตแล้ว สายลมอ่อน ๆ พัดโชยหอบความเย็นทะลุพาดผ่านผิวกาย
อ้อมกอดที่เปลือยเปล่าโอบกระชับไหล่บางเนียนให้แน่นขึ้นไปอีก
เสียงหรีดหริ่งเรไรยามค่ำคืนดังแทรกขึ้นแทนเสียงฝน
เดฟฮึมฮัมเพลงเบา ๆ ในลำคอ ทำลายความเงียบเหงา
ฟังดูแล้วโรแมนติกพิลึกเลย
.......จะขอยืนอยู่ตรงนี้ ตราบที่ฉันหายใจ
จะขอยืนอยู่ตรงนี้ ดูแลเธอเรื่อยไป
ไม่ให้เธอมีน้ำตา ไม่ว่าปัญหาเข้ามาเท่าไหร่
จะรักเธออยู่ตรงนี้ ตราบที่ฉันหายใจ
ชีวิตฉันต่อจากนี้ ไม่อาจจะรักใคร
ได้โปรดให้ฉันดูแล จะอยู่ตรงนี้จนวันสุดท้าย……
“เดฟ!!” ยังไม่มีเสียงตอบอีก
“เดฟ!! นายอยู่ไหนน่ะ” น้ำเสียงเขาเริ่มอ่อนแรงพร้อมขาอ่อนลงเพราะรอยแผล ชายหนุ่มทรุดลงนั่งกลางทางมืด ๆ
“เดฟ....” นายยังปลอดภัยอยู่รึเปล่า ไม่มีแม้แต่เสียงที่จะเรียกแล้ว
อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าเป้ และมันหายไปจนหมดสิ้น อีกทั้งเสื้อที่เขาสวมอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพียงเสื้อเชิ๊ตบาง ๆ เท่านั้น เดฟเองก็มาหายตัวไปอีกคน คริสตินนั่งถอดใจท่ามกลางสายฝนและความมืด มือขาว ๆ มีแต่รอยแผลเต็มไปหมด ไม่รู้น้ำฝนหรือน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม
เสียงฟ้าร้องคำรามดังมาเป็นระยะ เขาเห็นลำแสงเล็ก ๆ จากสายฟ้าผ่าลงที่ไหนสักแห่งใกล้ ๆ คริสตินตัดสินใจพยายามตะเกียกตะกายลากขาที่บาดเจ็บ เดินไปในทางที่คุ้นตา
ศพนักโทษในชุดสีน้ำตาลสองคนนอนเรียงกันอยู่เบื้องหน้า ข้าง ๆ กันมีผู้คุมที่ถูกจับเป็นตัวประกันนอนอยู่ด้วยซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว
คริสผงะ!!
เขาใช้มือลูบหน้าไล่สายน้ำฝนที่เทลงมาไม่หยุด เข่าทรุดกองลงกับพื้นอีกครั้งเนื้อตัวขาวเริ่มสั่นเทาขึ้นมาในความมืด
เขาฆ่าคน! ใช่ เมื่อกี้เขายิงนักโทษชายคนหนึ่งจนล้มกองลงไป
เขากลัว
กลัวมาก
เริ่มไม่ได้ยินเสียงจากรอบข้างอีกแล้ว
แม้แต่แสงสีดำในความมืดก็จะมองไม่เห็นแล้วด้วย
จู่ ๆ ก็มีมือมาดึงตัวเขาเข้าไปกอดไว้ น้ำตาที่ไหลร่วงลงมาพร้อมกับสายฝน คริสร้องไห้โฮออกมาทันทีที่จำได้ว่ากลิ่นของคนที่กอดเขาไว้ในตอนนี้คือใคร
“ เดฟ ” คริสงึมงำแผ่วเบาคล้ายคนเพ้อ
มือแกร่งกดหัวคริสตินไว้ในอ้อมกอดจนแน่น เดฟพยายามพาคริสที่เดินไม่ถนัดเพราะเจ็บที่ขามานั่งลงที่ด้านหลังหินก้อนใหญ่อีกครั้ง
“เดินออกมาทำไม” เขาถอดเสื้อตัวเองออกมาแล้วบิดให้แห้งที่สุด ใช้มันเช็ดหัวให้คริสติน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายตัวสั่นมาก คิดว่าคงเกิดจากความหนาวอีกทั้งความกลัว
“ผมออกไปจัดการเรื่องศพแล้วก็ดูตัวประกันด้วย พวกเขาเสียชีวิตหมดแล้ว” ก้อนหินขนาดใหญ่พอจะบดบังฝนได้นิดหน่อย โชคดีที่ฝนเริ่มจะซาลงบ้างแล้ว แต่คริสยังนั่งตัวสั่น ปากเล็ก ๆ ของเขาเม้มกัดไว้จนแน่น เดฟใช้แสงไฟจากนาฬิกาของตัวเองส่องดูหัวเข่าที่บาดเจ็บของอีกฝ่าย
“ ใส่ยาก่อนนะ โชคดีที่ของในเป้ผมยังไม่เสียหาย” เดฟล้วงยาออกมาจากกระเป๋าที่เขาเก็บมาด้วยเมื่อสักครู่ เทราดแผลให้คริส เสียงโอดโอยเบา ๆ จากผู้หมวดหนุ่มทำเอาเขาถึงกับขำ
“จะตลกอะไรล่ะ” ไม่ต้องมองเห็นก็รู้ว่าตอนนี้คนพูดคงหน้างอง้ำอยู่เป็นแน่แท้
“เปล่าสักหน่อย เพี้ยง! หายเจ็บแล้วพรุ่งนี้วิ่งได้สบายเลย” ยังมาทำปลอบใจเหมือนเป็นเด็ก
เสียงฟ้าร้องคำรามมาอีกครั้ง คริสสะดุ้งจนเผลอเกาะไหล่แล้วเบียดคนข้าง ๆ ไว้แน่น ฝนเริ่มซาลงมากแล้วจนเกือบจะหยุด จริงสินะภารกิจที่ฟ็อกซ์สั่งไว้ว่าต้องปิดให้ได้ภายในวันนี้ มันเสร็จสิ้นแล้วก็จริง แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถติดต่อกับพรรคพวกข้างนอกได้เลย
แล้วป่านนี้พี่เคนกับซาโต้จะเป็นยังไงบ้าง ฟ็อกซ์เองก็ด้วย ภารกิจจะสะสางเสร็จเรียบร้อยหรือยัง คริสตินเริ่มคิดไปเรื่อยเปื่อย
โดยเฉพาะเจ้าซาโต้ ป่านนี้จะนอนกลางป่ากลางฝนกับพี่เคนเหมือนเขารึเปล่า
“ชอบมันเหรอ?” จู่ ๆ เดฟก็ถามขึ้น แผงอกแกร่งเปลือยเปล่ากระเพื่อมลมหายใจเบา ๆ ชายหนุ่มเสยผมแล้วเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่หลังโขดหินนั่น
ถ้าบุหรี่ไม่เปียกคงได้จุดขึ้นแล้วเป็นแน่แท้
“หือ??”
“เจ้าซาโต้น่ะ ชอบมันเหรอ?”
“.........” คริสตินเริ่มทำหน้าไม่ถูก ยังคงอ้ำอึ้งกับคำถาม
“ดูออกง่ายจังนะ”
“........”
“นายน่ะ ดูออกได้ง่าย ๆ เลย ชอบใครหรือไม่ชอบใคร คิดถึงใคร เป็นห่วงใคร”
“แล้ว...มันแปลกรึเปล่า??” คงจะจริงสินะที่ซาโต้เคยบอกไว้ว่าเดฟมีสัญชาตญาณดี ไม่นึกว่าจะดีกระทั่งเรื่องแบบนี้ก็ด้วย
“ธรรมดานี่ ผมเองก็ชอบผู้ชาย”
“เรื่องนั้น.....ผม ก็พอรู้มาบ้าง”
“แล้วกลัวรึเปล่า”
“.........” คริสหันไปจ้องหน้าเดฟแม้จะมองไม่ค่อยเห็นนัก เขาห่อไหล่ถูมือประทังความหนาว ปากเล็กเริ่มสั่นขึ้นนิด ๆ ฝนสาดเข้ามาไม่ถึงก็จริงแต่เดฟที่ตัวแห้งแล้วเพราะถอดเสื้อออกกับเขาที่ตัวยังเปียกโชกอยู่เพราะสวมเสื้อไว้
ความรู้สึกจะต่างกันไหมนะ
“อยู่กับผมสองคนแบบนี้ กลัวไหม?”
“......ไม่นี่ ”
คริสตินส่ายหน้าแล้วตอบออกมาเบา ๆ หนาวมากเหลือเกิน สายตาทอดออกไปด้านนอก ลำแสงเล็ก ๆ จากสายฟ้าแลบส่องผ่านลงมา สายตาสะดุดลงที่สามศพนอนเรียงกันอยู่พอดี เขารีบดึงสายตากลับมา
เนื้อตัวขาวเริ่มสั่นขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“ถ้าไม่กลัวก็ถอดเสื้อออกซะ ตัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวเป็นไข้เอาง่าย ๆ”
“ฮัดชิ่ว!” ว่ายังไม่ทันขาดคำ คริสถูจมูกโด่งไปมาเบา ๆ
“ผมไม่อยากต้องไปแก้ตัวกับทั้งเคนยะทั้งเจ้าซาโต้หรอกนะ” คำพูดยังไม่ทันจบ เขาก็เริ่มคลำหากระดุมเสื้อเม็ดแรกของคริสแล้ว
เมื่อเชิ้ตตัวบางของคริสตินถูกปลดลง มือใหญ่สัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่มของผิวคนตรงข้าม เสียงฟ้าร้องยังคำรามไม่หยุด ลำแสงเล็ก ๆ ลอดผ่านลงมาเป็นระยะ ๆ เขาจับไหล่บางของคริสตินไว้ใบหน้าคมเหมือนถูกดึงดูดให้โน้มเข้าหาอีกฝ่ายโดยที่เขาเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ สองมือหนาเลื่อนขึ้นมาประคองสองแก้มนิ่มของคริสไว้
“ เดฟ ? ”
เสียงเรียกแผ่วเบาจากคนที่คงมองไม่เห็นการกระทำของเขา
“….จูบได้ไหม”
เสียงแหบพร่าที่ฟังดูแล้วอยู่ใกล้เสียเหลือเกิน คริสตินรีบตะปบสองมือของเขาเข้ากับฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมใบหน้าเขาไว้
สายฟ้าแลบกับเสียงฟ้าร้องคำรามมาอีกระรอก เผยให้เห็นว่าใบหน้าคมนั้นอยู่ใกล้ชิดเขามากเพียงใด ลมหายใจอุ่นร้อนของเดฟส่งผ่านมาถึงปลายจมูกรั้น คริสรีบขืนใบหน้าน่ารักไว้ในทันที
“ เดฟ ” เรียกพร้อมส่ายหน้าเบา ๆ ให้อีกฝ่ายรู้ว่า ‘ทำไมได้’
เดฟจึงปล่อยมือออก แล้วเปลี่ยนมาบีบจมูกเขาแทน
“…55555 แค่ลองใจหรอกน่า คิดว่าผมจะทำจริงหรือไง หน้าอย่างนายใครจะไปจูบลงกันเล่า” ใบหน้าคมแสร้งมองดูนั่นดูนี่พลางแหงนมองไปบนท้องฟ้ามืด
“นั่นสินะ นายคงไม่ทำแบบนั้นแน่ ๆ ” ทั้งหนาวทั้งมืด ถึงแม้จะถอดเสื้อที่เปียกออกแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ใส่อะไรอยู่ดี
“ชอบมันซะขนาดนี้ ทำไมไม่บอกออกไปเสียล่ะ”
“.........”
“ระวังนะ เจ้าซาโต้มันจะท้อจนถอยไปซะก่อน อย่าลืมว่าซาโต้ไม่ใช่เกย์แบบผม ผู้หญิงรอต่อคิวมันให้เพียบ” เดฟปรับอารมณ์ตัวเองให้เข้าที่พร้อมเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง
“...... ก็.... อะไร ๆ มันก็ไม่แน่นอนใช่ไหมล่ะ อีกอย่างซาโต้เองเขาก็มีหมอเจด้าอยู่แล้วเรื่องนี้เขาก็รู้กันทั้งตึก แล้วจะให้ผมพูดออกไปได้ยังไง” คริสหยิบเชิ้ตตัวบางของตัวเองมาบิดน้ำออกจนแห้ง แล้วผึ่งวางไว้ใกล้ ๆ ตัว ไม่รู้ทำไมเขาถึงเปิดใจพูดเรื่องแบบนี้กับคนตรงหน้าได้
“ยังเจ็บแผลอยู่ไหม”
“อือ นิดหน่อย”
“หึหึ ตัวสั่นหมดแล้วนายน่ะ ง่วงรึยัง นอนสิ”
“ไม่เป็นไร นายนอนเถอะเดี๋ยวผมเฝ้ายามให้เอง” คริสตินลูบหัวไหล่เปลือยเปล่าของตัวเองสำรวจแผลจากหินบาดที่รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
“เฮ้อ แปลกคนจริง เสียงแหบซะขนาดนี้แล้ว” มือแกร่งดึงเอาคริสตินไปซบลงที่หน้าอกของตนเอง
“อาจจะไม่อุ่นเหมือนอกเจ้าซาโต้ แต่ก็นอนได้ใช่ไหมล่ะ มาสิ”
แผงอกอุ่น ๆ ของเดฟไม่อุ่นเท่าของซาโต้ก็จริง แต่อาการสั่นของคริสก็ลดลงจนเห็นได้ชัด เขาตัดสินใจหลับตาลงแน่น ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างจมไปในความมืด
“เราช่วยตัวประกันไม่ได้ เขาตายแล้ว” เสียงพึมพำแผ่วเบาดังขึ้นจากคนในอ้อมกอด
“ครับ.....เราทำดีที่สุดแล้ว นอนเถอะนะ” มือใหญ่กดหน้าผากเนียนเข้าชิดสู่อ้อมอก ขณะที่ดวงตาคมมองทอดออกไปในความมืด เมฆสีดำค่อยเคลื่อนตัวออกจากจันทร์ดวงโตแล้ว สายลมอ่อน ๆ พัดโชยหอบความเย็นทะลุพาดผ่านผิวกาย
อ้อมกอดที่เปลือยเปล่าโอบกระชับไหล่บางเนียนให้แน่นขึ้นไปอีก
เสียงหรีดหริ่งเรไรยามค่ำคืนดังแทรกขึ้นแทนเสียงฝน
เดฟฮึมฮัมเพลงเบา ๆ ในลำคอ ทำลายความเงียบเหงา
ฟังดูแล้วโรแมนติกพิลึกเลย
.......จะขอยืนอยู่ตรงนี้ ตราบที่ฉันหายใจ
จะขอยืนอยู่ตรงนี้ ดูแลเธอเรื่อยไป
ไม่ให้เธอมีน้ำตา ไม่ว่าปัญหาเข้ามาเท่าไหร่
จะรักเธออยู่ตรงนี้ ตราบที่ฉันหายใจ
ชีวิตฉันต่อจากนี้ ไม่อาจจะรักใคร
ได้โปรดให้ฉันดูแล จะอยู่ตรงนี้จนวันสุดท้าย……
Tbc.