บทที่14
“สีขาว?”
“ใช่ครับสีขาว
ธารเขาชอบทุกอย่างที่เป็นสีขาวครับ
เขาเคยบอกว่าสีขาวเป็นสีที่เป็นตัวแทนของความ ‘บริสุทธิ์’ ไม่สกปรกถ้าเปื้อนนิดเดียวเราก็จะรู้ได้ทันที
แล้วเขาเป็นคนที่รักษาของดีมากเพราะอย่างนั้นของใช้ของเขาจึงดูใหม่อยู่ตลอดเลยครับ”
วารินแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าพักหลังมาธาราธารชอบแต่งห้องโทนขาวตัดกับน้ำตาลน่าจะเป็นเพราะตัวเขาเคยบอกไว้ว่าชอบ
“แต่ถ้าขาวล้วนไปหมดมันจะไม่สวยนะทราย
แบบนี้เป็นไงขาวน้ำตาล ไม่ก็ขาวตัดดำ”
ทัตพลแตะมือที่หน้าจอแทปเลตเลื่อน
ๆ ให้วารินลองเลือกดู ตัวอย่างชุดเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินโทนขาวเป็นเมนหลัก
มีพนักงานจากบริษัทออกแบบอีกสองคนนั่งลงรายละเอียดแปลนช่วยกันที่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์
หลังจากคุยรายละเอียดหลักๆกันแล้ว
วารินลองดูเลเอาท์คร่าวๆ แล้วบอกในจุดที่ควรปรับเปลี่ยน ใช้เวลาไม่นานภาพโพสเปคทีฟก็ขึ้นรูปหมุนไปมาอยู่ที่หน้าจอใหญ่
วารินอดคิดไม่ได้ว่าเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทันสมัยเสียจริง
ปรับเปลี่ยนทุกอย่างได้อย่างใจนึกไม่ต้องมานั่งขึ้นรูปโมเดลแบบสมัยก่อนเมื่อตอนเรียน
โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆช่วยได้เยอะ
“หิวไหม ข้าวเที่ยงกินนิดเดียวเอง
ทานนี่ก่อนสิ”
พนักงานของบริษัทตกแต่งลุกออกไปแล้ว
ทัตพลเลื่อนจานผลไม้สดที่เพิ่งเอาเข้ามาเสิร์ฟส่งให้วาริน
“จะเอาเป็นนมหรือน้ำผลไม้คั้นดี”
เขายังถามต่ออีกอย่างเอาใจ
วารินลูบท้องแล้วยิ้มอย่างดีใจเพราะหิวนานแล้ว คุยเรื่องงานมาตั้งแต่เช้า พอเที่ยงทานพอได้นิดหน่อยก็ต้องลุยรายละเอียดกันต่ออีก
กระทั่งตอนนี้เวลาล่วงเลยไปบ่ายแก่ ๆ แล้ว
“เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะพาเธอขับเรือชมวิวดีไหม
ตอบแทนที่อุตส่าห์อดทนเพื่อฉันและธาราธารมากขนาดนี้”
เขายิ้มอย่างอบอุ่น
แล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่สบายใจ
“ขอบคุณครับ
ได้ยินว่าเกาะแถวนี้สวยมากถ้าคุณทัตจะกรุณาก็เยี่ยมเลย”
วารินยิ้มร่า
ในดวงตาฉายแววความสุข ทัตพลบอกให้คนตัวเล็กขึ้นไปเอาเสื้อคลุมที่ห้องก่อน เดี๋ยวจะพาไปดูรีสอร์ทเล็กๆที่เขาสร้างไว้ให้ธาราธารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก
เมื่อวารินกลับมาถึงทัตพลก็รออยู่ที่รถกอล์ฟไฟฟ้าสีเขียวอ่อนคันเล็ก
“ทรายจะขับไหม เดี๋ยวฉันบอกทางให้” เขาถามเมื่อวารินกระโดดขึ้นไปนั่ง
“ไม่ดีกว่าครับ
เอ๊ะหรือว่าคุณเหนื่อยถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผม....”
“เปล่า ๆ
ไม่ใช่อย่างนั้น” เขารีบโบกมือปฏิเสธไปมา “ฉันแค่อยากให้ทรายได้ลองอะไรใหม่ๆดู ยังไม่เคยขับรถแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เคยหรอกครับ
แต่เมื่อวานตอนขึ้นมาทางมันค่อนข้างอันตราย..” วารินทำหน้าแหยๆ แค่ตอนนี้เขาขับเลี้ยวออกมาจากรีสอร์ทคน
ก็เริ่มเอียงซ้ายเอียงขวาแล้ว ทางมันค่อนข้างวิบากจริง ๆ
ใช้เวลาไม่นานรถก็มาจอดลงที่รีสอร์ทเล็กๆแทบจะเรียกว่าติดกับที่เดิมเลยด้วยซ้ำเพียงแต่เขาพาวารินขับอ้อมมาด้านหลัง
กว่าจะทะลุมาจอดถึงหน้าหาดวารินต้องยึดราวรถไว้จนมือชาไปหมด
“ฉันกำลังให้คนปรับพื้นที่ทำถนนใหม่
แล้วก็ตกแต่งภูมิทัศน์ใหม่ทั้งหมดลงต้นลีลาวดีไว้เยอะเลยนะ”
วารินยกมือกันแสงแดดที่ส่องใบหน้า
พร้อมกวาดตามองไปรอบๆเห็นบ้านพักส่วนหนึ่งที่ก่อสร้างจวนจะเสร็จเรียบร้อยอยู่ห้าหกหลัง
อีกส่วนหนึ่งที่หน้าหาด กำลังขึ้นโครงก่อสร้างประมาณสี่ห้าหลัง
เป็นบ้านทรงไทยเล็กๆยกพื้น ส่วนด้านในเป็นตึกสองชั้นโมเดิร์นเล่นระดับสวยงามมาก
“รูปแบบของการตกแต่งภายในจะเป็นไปอย่างที่เธอออกแบบให้ทั้งหมดนะ
เธอคิดว่าธารเขาจะชอบรึเปล่า”
ทัตพลเดินนำชมทุกส่วนของรีสอร์ท
วารินตื่นตาตื่นใจไม่มีวี่แววความเหน็ดเหนื่อยให้เห็น
“กลับกันดีกว่า
ที่นี่ไม่มีอะไรให้กินหรอก” เขาแอบแขวะยิ้มๆ
เมื่อได้ยินเสียงท้องของคนตัวเล็กร้องประท้วงโครกคราก
วารินได้แต่ลูบต้นคอตัวเองแล้วยิ้มแฮ่ ๆ แก้เขิน
...ขายขี้หน้าจริง
ๆ เลย...
พอกลับมาถึงที่พัก
ทัตพลสั่งให้เด็กเตรียมอาหารใส่ปิ่นโตให้
วารินเลิกคิ้วสงสัยเมื่อเอื้อมมือไปรับเถาปิ่นโตและตะกร้าขวดน้ำจากน้องพนักงานที่ยื่นมาให้
“เดี๋ยวไปกินกันบนเรือ
หรือว่าอยากไปปิคนิคที่เกาะ ทรายหิ้วท้องรอไหวไหม”
เขาเดินไปหยิบกุญแจเรือที่เคาน์เตอร์แล้วเดินนำวารินไปที่สะพานไม้เล็กๆซึ่งทอดตัวออกไปยาวเหยียด
เพื่อขึ้นเรือเร็วขนาดสองที่นั่งสีฟ้าขาวที่จอดเทียบรออยู่ก่อนหน้าแล้ว
มือใหญ่ยื่นมาให้จับ
เมื่อเห็นคนตัวเล็กเก้ ๆ กัง ๆขณะจะก้าวลงเรือ
ทัตพลขับเรือเองวารินเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ เขา เสียงเรือยนต์ดังขึ้นพร้อม
ๆ กับแสงแดดที่ค่อยหุบตัวลง บรรยากาศยามเย็นมาพร้อมกับกลิ่นไอท้องทะเลสีเขียวมรกต
ดวงตากลมฉายแววตื่นเต้นเต็มที่ วารินกวาดเก็บเอาความสวยงามของทิวทัศน์รอบ ๆ
ตัวใส่ไว้ในหัวใจดวงน้อย
“ลืมไปเลยใช่ไหมว่าตัวเองหิวข้าว”
เขาหันมาพูดยิ้ม
ๆ วารินเองก็ยิ้มกว้างกลับไป รู้สึกขอบคุณเขามากที่พามาเที่ยวในที่สวยงามแบบนี้ มือเล็กคว้าเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปสวย
ๆทั้งซ้ายทั้งขวา
“มีเกาะสวยๆอยู่ที่หนึ่ง
เดี๋ยวฉันจะพาไปดู”
เขาพูดพร้อมหักหัวเรือไปอีกทาง
เรือเร็วยังคงมุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ๆไม่นานนักวารินมองเห็นเกาะเล็กๆ อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“ตรงโน้นเหรอครับ”
ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นเพื่อให้เห็นวิวได้ชัด
“ใช่
เดี๋ยวจะพาขับวนดูรอบๆ ก่อน หาดสวยมากเลยนะไม่ค่อยมีคนรู้จักหรอก”
เขาพาวารินวนรอบเกาะช้า
ๆ กินบรรยากาศยามเย็น สักพักเสียงท้องคนตัวเล็กร้องประท้วงขึ้นอีก
เขาหันมาหัวเราะเบา ๆ วารินยิ้มจนตาหยีแล้วหันไปคว้าเถาปิ่นโตมาเปิด
มีข้าวแค่ชั้นเดียว
แล้วก็มีช้อนสั้นแค่หนึ่งคัน ส่วนกับข้าวสมบูรณ์แบบมาก วารินรีบหันมองเขาทันที
แต่อีกฝ่ายดูเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
“อ้าว
ทำไมไม่กินล่ะทราย” เขาหันมาถามเมื่อเห็นวารินนิ่งไป
“ค...คือคุณทัตจะทานด้วยรึเปล่าครับ”
วารินอยากจะตบปากตัวเองจริง
ๆ ถามออกไปได้อย่างไร รู้ทั้งรู้ว่าทัตพลเองก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเหมือนกัน เขาหันมามองด้วยแววตาฉงนแต่ก็คลี่รอยยิ้มออกมาเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่บนตักของวาริน
“ไม่เป็นไรทรายทานเถอะ
เดี๋ยวกลับไปฉันค่อยกินก็ได้”
“ม..ไม่ได้หรอกครับ
ถ้าคุณไม่รังเกียจเราทานด้วยกันเลยก็ได้”
วารินพูดแล้วก็ยื่นกับข้าวไปด้านหน้าเขา
ทัตพลหันมองอย่างง ๆ เห็นว่าวารินตักกับข้าวราดให้เรียบร้อยเหลือแต่ตักขึ้นมาทานเท่านั้น
“ไม่เป็นไร
ทรายกินเถอะ” เขายังยิ้มให้อย่างเคย แต่วารินกลับขมวดคิ้วจนเป็นปม
“คุณรังเกียจจริง ๆ สินะครับ”
“ไม่ใช่นะทราย
คือ...”
“ผมยังไม่ได้กินหรอก
ให้คุณกินอิ่มก่อนก็ได้เดี๋ยวผมทานทีหลัง”
น้ำเสียงของวารินแสดงความผิดหวังนิด
ๆ ทัตพลรีบชี้แจงทันที “เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว
ฉันตักไม่ได้ต่างหากเพราะขับเรืออยู่ไงล่ะ ไม่ได้รังเกียจทรายเลยนะ”
มือเล็กตักข้าวพอดีคำยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากเขา
ทัตพลหันมองอย่างชั่งใจแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างบริสุทธิ์ไร้เดียงสานั่นเขาก็อ้าปากรับอย่างยินดี
วารินป้อนเขาบ้างทานเองบ้างสลับกันไป
จนอาหารพร่องปิ่นโต “ทรายจะถ่ายรูปไหม เดี๋ยวฉันถ่ายให้ได้นะ”
“ขอบคุณครับ”
วารินยื่นโทรศัพท์มือถือให้อย่างไม่เกรงใจ
โพสท่าทางประหลาดๆใส่กล้อง ภูวดลชอบบอกว่าวารินไม่เหมือนใครเวลาถ่ายรูปชอบทำท่าทางที่ตัวเองขี้เหล่ไม่เคยแอคท่าสวยๆเลยสักครั้ง
ไม่รู้ทัตพลจะคิดเหมือนกับพี่ชายเขารึเปล่า
“อ่ะนี่
ถ่ายให้ฉันบ้าง” เขายื่นโทรศัพท์ของตัวเองส่งให้วาริน
“ถ่ายรูปพวกเราสองคนนะเป็นที่ระลึกเธออุตสาห์มาเที่ยวทั้งที”
วารินเอียงศีรษะไปใกล้ไหล่ของเขาแล้วชูสองนิ้วหันหลังมือในแนวนอนพร้อมยิงฟันเพิ่มความทุเรศทุรัง
ทัตพลถึงกับหัวเราะร่าในความบ้าบิ่นของวาริน มือเล็กจิ้มปุ่มบันทึกภาพทันที
และอีกสองสามช็อตแล้วแต่คนตัวเล็กจะสรรหาท่าทางประหลาด ๆ มาทำกับเขา
....เขารู้สึกมีความสุข....ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ไม่ได้มีความสุขแบบนี้.....
“ไปไหนกันต่อดีครับ
หรือว่าจะกลับกันเลย” เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนทุ่มกว่า
ทัตพลตัดสินใจพาวารินมุ่งหน้ากลับที่พัก ขับเรือตอนกลางคืนคงไม่ดีแน่ ๆ
“วันนี้จะเปิดแชมเปญฉลองนะ
ดื่มกันที่ไหนดี” เขาถามขึ้น พร้อมส่งตะกร้าใส่ขวดน้ำและเถาปิ่นโตให้คนงานเอาไปเก็บ
โยนกุญแจเรือส่งให้เด็กอีกคนและบอกให้เติมน้ำมันไว้ด้วยเพราะเขาใช้จนเกือบจะหมดแล้ว
“เนื่องในโอกาสอะไรเหรอครับ”
วารินถามซื่อ ๆ เดินตามหลังเขาไปตามสะพานเล็กมาลงที่หน้าหาด ทรายสีขาวต้องกับแสงไฟสีส้มจากร้านอาหารของรีสอร์ทสะท้อนเป็นสีทองระยิบระยับยามค่ำคืน
“ขอบคุณทุกๆอย่างที่ทรายทำให้
ทั้งให้ลูกชายฉันแล้วก็ตัวฉันเองด้วย เธอเป็นเด็กดีนะทราย”
วารินเผลอยิ้มกว้างทันทีที่ถูกชม ยกมือเกาศีรษะเล็กแก้เขิน
“เดี๋ยวฉันอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วจะขึ้นไป
เราดื่มกันที่ระเบียงหน้าห้องเลยก็ได้วันนี้ลมไม่ค่อยแรงเท่าไหร่
ขอเคลียร์งานต่ออีกหน่อยนิดนะ ระหว่างนั้นทรายพักผ่อนรอไปก่อน”
เขาให้เกียรติวารินมากแม้จะพักห้องเดียวกันแต่กลับลงมาอาบน้ำแต่งตัวที่ออฟฟิศทุกครั้ง
เขาเดินมาส่งวารินถึงเชิงบันไดแล้วขอตัวแยกไปอีกทาง
วารินรีบเดินขึ้นห้องพร้อมถ่ายรูปทิวทัศน์ข้างทางต่ออีกหน่อยไหน ๆ
วันนี้ก็กลายเป็นช่างภาพจำเป็นไปแล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขณะวารินนอนแช่ในอ่างอาบน้ำ
ลุกออกมาควานหาแทบไม่ทัน
“กวนทำไมเนี่ย
อาบน้ำอยู่” วารินแหวใส่ปลายสาย ธาราธารถึงกับผงะ เขายิ้มร้ายโทรได้จังหวะดีจริงๆ
“พี่โป๊รึเปล่า
อยู่กับใครน่ะ”เขาแกล้งทำเสียงขู่
“โป๊ดิ่
แต่ตอนนี้อยู่คนเดียว” วารินยกผ้าเช็ดตัวขึ้นเช็ดผม
เขาว่าจะเดินออกไปคุยที่ริมระเบียงทว่ากลับมองเห็นโต๊ะดินเนอร์ถูกเซ็ทไว้ที่มุมด้านหน้าของระเบียงกว้าง
แก้วแชมเปญสองใบถูกวางไว้ข้างกันพร้อมแก้วดอกไม้สดและแก้วเทียนไขที่ยังไม่ถูกจุด
“แล้วไป
ถ้าอยู่กับคนอื่นผมไม่ยอมนะเนี่ย” ปลายสายยังแกล้งเย้าวารินไม่หยุด
ธาราธารถามวารินว่าวันนี้ไปไหนมาบ้างเขาจึงตอบไปว่านั่งเรือเล่นชมเกาะโน่นเกาะนี่
“แล้วได้ถ่ายรูปไว้ไหมล่ะ”
“ถ่ายสิเยอะด้วย
ใช้กล้องมือถือนั่นแหละง่ายดี” วารินหัวเราะคิกคัก
เขามาเที่ยวแต่ดันไม่พกกล้องถ่ายรูปมากลับใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายแทน
“ส่งรูปมาให้ดูดิ๊
อยากเห็นไปกับใครบ้างเพื่อนๆพี่อ่ะผมยังไม่เคยเห็นเลยสักคนนะ” เสียงพลิกหน้าหนังสือทำให้วารินรู้ว่าธาราธารคงกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เป็นแน่
เขาเรียนหมอเพราะอย่างนั้นต้องทุ่มเทมากกว่าอย่างอื่นเป็นเท่าตัว
วารินชะงักนิดหนึ่ง
วางผ้าเช็ดผมลงเดินไปหยิบเสื้อและกางเกงจากในตู้แล้วค่อยสวมลง “จะดูอะไร้ มีแต่คนแก่ๆทั้งนั้น เดี๋ยวกลับไปค่อยดูนะ”
“พี่ทราย ผมว่าพี่แปลกวะครับ”
เสียงปิดหนังสือดังตุ๊บ
วารินรู้ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ธาราธารเรียกเขาว่า ‘พี่ทราย’ แปลว่าเริ่มมีอะไรข้องใจเขาแล้ว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นวารินรีบไปส่องดูเมื่อเห็นเป็นเสื้อฟอร์มพนักงานมาพร้อมกับอุปกรณ์จัดแต่งโต๊ะอาหารก็เปิดประตูให้
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว
แล้วจะให้ธารดูนะครับ พี่ขอคัดรูปสวยๆก่อน” วารินหาทางเลี่ยง แต่ทางนั้นยังคงแกล้งเง้างอนต่อรอง
วารินจึงจำใจส่งรูปเดี่ยวที่ถ่ายบนเรือใบให้ดูรูปหนึ่ง
ธาราธารจึงค่อยพอใจกลับมาคุยร่าเริงได้อย่างเก่า
“พี่ต้องวางแล้วนะเดี๋ยวจะกินข้าวแล้ว
ไว้เจอกันนะครับ...พี่รักธารนะ” วารินตั้งใจพูดอย่างนั้นจริง ๆ
ธาราธารส่งเสียงเย้เฮดมาตามสายจนวารินอดจินตนาการท่าทางกระโดดดีใจของเด็กเจ้าปัญหาไม่ได้
“...ผมก็รักพี่...”
ทันทีที่ได้ยินคำนั้นปากเล็กๆยิ้มกว้างออกอย่างไม่รู้ตัว
วารินกดวางสายแล้วเดินไปส่องที่ระเบียงอีกหน พนักงานกลับออกไปแล้วโต๊ะถูกจัดให้พร้อมสำหรับดื่มฉลอง
เทียนในแก้วถูกจุดไว้เรียบร้อย ที่โต๊ะเล็กข้าง ๆ
มีขวดแชมเปญนอนตะแคงอยู่ในตะกร้าหวายเล็ก ๆ
ทัตพลเดินมายืนซ้อนอยู่ที่แผ่นหลังเขาจับไหล่คนตัวเล็กให้เดินออกไปนั่งที่เก้าอี้นวมริมระเบียงที่ถูกเตรียมไว้แล้วตัวเขาก็นั่งลงข้าง
ๆหยิบขวดแชมเปญขึ้นมาแล้วส่งให้กับวาริน
“ทรายเปิดนะ
ลองดู”
เขาเลิกคิ้วเหมือนท้าทายอยากให้วารินลองทำ
มือเล็กรับเอาขวดแชมเปญอ้วน ๆ มาถือไว้ วารินยืนขึ้นค่อยแกะฟอยล์ที่ห่อปากขวดออก ขณะที่มือกำลังจะคลายลวดล็อคจุกออก
ทัตพลก็จับห้ามไว้ทันที
“เดี๋ยวก่อนๆ
หันปากขวดออกไปทางโน้นสิอย่าหันมาใส่ฉันนะ”
เขารีบโบกไม้โบกมือร้องห้ามเมื่อเห็นวารินเปิดผิดวิธี “อย่างนั้นแหละ แล้วก็ค่อย ๆ คลายเกลียวลวดออก
อีกมือก็จับจุกก๊อกไว้ให้มั่น” เขามองท่าทางกล้า ๆ กลัวๆของอีกคนแล้วนึกขัน
วารินได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
เขาลุกขึ้นเข้ามายืนซ้อนแผ่นหลังเล็ก
มือซ้ายเข้ากอบกุมฝ่ามือเล็กประคองจุกก๊อกไว้แน่นส่วนมือขวากุมมือเล็กไว้ให้ค่อย ๆ
ขยับบิดหมุนขวด “อย่าตกใจนะเดี๋ยวจะได้ยินเสียงจุกระเบิด”
เขายิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่พาวารินเปิดขวดแชมเปญเป็นครั้งแรกในชีวิต
พอเสียงจุกระเบิดดังโป๊ะ พรายฟองมากมายก็ไหลออกมาพร้อม ๆ
กับกลิ่นหอมเฉพาะของแชมเปญทำเอาวารินถึงกับน้ำลายสอเลยทีเดียว
เขาจับตรงก้านแก้วแล้วส่งไวน์ชั้นเลิศให้กับวาริน
ทั้งสองคนนั่งจิบกันไปเรื่อยๆพร้อมกับเพลงเบา ๆ ที่เคล้าบรรยากาศดังลอดมาจากบาร์ด้านล่าง
“กินหอยนางรมสิ เข้ากับแชมเปญมากเลยนะหรือว่าคาร์เวียชอบอันไหน”
เขาแนะนำอย่างชำนาญพร้อมทำท่าจะตักให้ แต่วารินรีบห้ามบอกตัวเองทานไม่เป็น
วารินดื่มไปได้แค่สองแก้วก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวเสียแล้ว
“งั้นเอาสเตอร์เบอรี่สดไหม
เดี๋ยวฉันสั่งให้เขาเอาขึ้นมาให้”
วารินรีบพยักหน้าหงึก
ๆ พร้อมบอกให้เขาสั่งนมสดร้อนขึ้นมาให้อีกหนึ่งเหยือก คราวนี้ทัตพลไม่แปลกใจแล้ว เขาคิดว่าวารินคงต้องดื่มนมร้อนก่อนนอนเป็นประจำ
เขากดโทรสั่งไม่นานพนักงานก็เอาของขึ้นมาส่งให้ วารินรีบรินนมใส่แก้วแล้วไปนั่งกินใกล้
ๆ กับเขา ทัตพลหันมามองดูแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ
วารินได้แต่เลิกคิ้วถามว่าเขาหัวเราะอะไร
“ขอโทษนะฉันไม่รู้นี่ว่าเธอไม่ชอบแชมเปญ
รู้อย่างนี้เราสั่งนมสดขึ้นมาดื่มฉลองกันดีกว่าใช่ไหม”
ปากเขาบอกว่าขอโทษแต่วารินกลับมีความรู้สึกว่าเขาเหน็บวารินเล่นมากกว่า
หน้าตาท่าทางเขายิ้มร้ายๆเหมือนธาราธารไม่มีผิด วารินหมั่นเขี้ยวจึงแกล้งเทนมสดจากเหยือกลงไปที่แก้วแชมเปญของเขา
ทัตพลตกใจจนหน้าหรา เขาไม่คิดว่าวารินจะกล้าเล่นอะไรแผลง ๆ แบบนี้ ปกติแก้วแชมเปญนั้นสำคัญมากจะไม่ใส่รวมกับของอย่างอื่นเพราะกลัวจะเสียรสชาติแท้
ๆ ของไวน์ชั้นเลิศ
“ดื่มฉลองด้วยนมก็เป็นความคิดที่ดีนะครับ”
วารินยิ้มหวานเพราะเมานิด ๆ ยกแก้วแชมเปญของตนเองซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยนมตะแคงไปชนกับแก้วของเขาที่เต็มไปด้วยนมเช่นกัน
ทัตพลทำอะไรไม่ถูกเขาจึงได้แต่ยิ้มและส่ายหัวอย่างยอมแพ้แล้วยอมดื่มนมลงไป
วารินเติมแล้วเติมอีกจนจะหมดเหยือกขณะที่ทัตพลแค่แก้วเดียวก็ขอบายกลับไปจิบไวน์รสเริดของเขาต่อ
วารินทอดสายตาออกไปที่ท้องทะเลดำมืดขณะที่มือก็หยิบสตอเบอรี่ขึ้นมากินอย่างสบายอกสบายใจ
เสียงเพลงฝรั่งช้าๆจากบาร์หน้าหาดดังลอดขึ้นมาจนถึงข้างบน
วารินฮัมเพลงในลำคอเบา ๆ ในใจพลันนึกถึงเรื่องของธาราธารขึ้นมา
มันแน่นอนแล้วที่ว่าเขาตกหลุมรักเจ้าเด็กบ้านั่น
กลับไปคงต้องคุยเรื่องนี้กับภูวดลดู เขาเองหากว่าจะมีความรักหรือคนรักจริง ๆ
ก็ไม่คิดจะปิดปัง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าภูวดลจะต้องเสียใจแต่ไม่อยากยื้อยุดกันอยู่แบบนี้
สู้บอกๆไปให้เรียบร้อย เขาได้แต่หวังว่าพี่ชายเขาจะเข้าใจ
จู่ ๆ
ร่างเล็กลุกพรวดแล้ววิ่งหายเข้าไปด้านใน ทัตพลที่กำลังเพลิดเพลินกับการดื่มถึงกับเหลียวหลังไปมอง
ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดดังโครม
วารินหายไปนานก็ยังไม่ออกมาเขาเห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นไปตาม
“ทราย
เป็นอะไรรึเปล่า” เขาลองเคาะเรียกดู ได้ยินเสียงน้ำฝักบัวไหลซ่าอยู่ด้านใน
“ทราย
มีอะไร” เขาเรียกอีกทีเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ตอบอะไรกลับมา ทัตพลเริ่มร้อนใจแนบหูเข้ากับบานประตูใสแต่ผ้าม่านดันปิดไว้หมด
ได้ยินเสียงร้องไห้ดังร่วมกับเสียงน้ำ
“ทราย! เป็นอะไรน่ะ!?”
คราวนี้เขาเคาะรัวเลย ได้ยินเหมือนเสียงพูดแต่เบามากจนใจหาย ทัตพลเริ่มหน้าเสียร้อนใจสุดๆ
“ทราย!ถ้าไม่ตอบฉันจะเปิดเข้าไปนะ!” แต่เขาไม่ได้รอให้วารินตอบ
เขาเลื่อนบานประตูเข้าไปทันที
...ภาพที่เห็นทำเขาแทบช็อค...
วารินนอนขดตัวอยู่ใต้สายน้ำฝักบัวที่เย็นจัด
หน้าแดงตัวแดง ร่างเล็กๆร้องไห้ปานจะขาดใจ
“อย่าเข้ามา อย่าเข้ามาใกล้ผม” เสียงเล็กสั่นสะอึกสะอื้น
ทัตพลรีบเข้าไปหมุนก๊อกเพื่อปิดน้ำ “อย่าปิดนะ เปิดไว้แบบนั้น ออกไป
ออกไปให้พ้นจากตัวผมปล่อยผมไว้คนเดียว” วารินเสียงแผ่ว เขาร้องห้าม ทัตพลก้มลงไปดูใกล้ๆ
“อย่าแตะ! อย่าแตะตัวผมนะออกไปได้แล้ว” วารินทั้งร้องไห้ทั้งปัดป่ายมือไปมาเมื่อเขายื่นมาสัมผัส
ทัตพลรู้สึกถึงไอร้อนมากมายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของคนตัวเล็ก
เขารีบสอดมือเข้าประครอง
และทันทีที่เขาอุ้มวารินขึ้นมือเล็กๆก็ยึดเสื้อเขาจนแน่นซุกหน้าลงไปที่หน้าอก
ตัวสั่นเทาแล้วก็ครางเสียงสั่น พูดอะไรบางอย่างซึ่งเขาฟังไม่ได้ศัพท์
จู่ ๆ ทัตพลที่กำลังอุ้มวารินออกมาด้านนอกต้องหยุดชะงัก
เขายืนนิ่งไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้อีก สองแขนแกร่งเริ่มสั่นขณะรู้สึกถึงความร้อนจากแก่นกายตัวเองที่พวยพุ่งขึ้นแทบระเบิด
เขาขบสันกรามแน่นจนนูน รีบปล่อยวารินลงบนพื้น ตัวเขาวิ่งพรวดเข้าห้องน้ำแล้วก้มศีรษะลงที่อ่าง
ใช้น้ำเย็น ๆ จากก๊อกหวิดราดให้ทั่วใบหน้าทันที
....เกิดอะไรขึ้น?....ทำไมเป็นแบบนี้?....
...เขาสองคนเป็นอะไร??...
ทัตพลเกาะผนังเดินออกมาด้านนอกด้วยขาที่สั่นเทา
ปวดหนึบแถวแก่นกลางลำตัว ขณะที่วารินยังนอนขดคู้อยู่ที่นั่นตัวสั่นเทาไม่ต่างไปจากเขา
ร่างเล็ก ๆ งอตัวร้องครางอย่างเจ็บปวด
...เขารู้ว่าวารินต้องการอะไร
...และเขารู้ว่าตัวเขาตอนนี้ต้องการอะไร...
เป็นใครกันที่ทำแบบนี้กับพวกเขา.....ยาปลุกเซ็กส์?....
ทัตพลเริ่มหอบหายใจถี่
มองดูวารินที่ทั้งทุบทั้งตีตัวเองอย่างน่าสงสาร เสียงร้องไห้ยังกรีดลึกเข้ามาในโสตประสาทของเขา
วารินเริ่มทุรนทุรายหนักแล้ว อีกไม่นานตัวเขาจะเริ่มคุมตัวเองไม่ได้เช่นกัน
เขาลากขาที่ร้อนผ่าวของเขาผ่านร่างของวารินอย่างเชื่องช้า
เขาต้องออกไป จะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ แต่ทว่ามือเล็กกลับคว้าเอาขาเขาไว้ เงยหน้าร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร
....วารินไร้สติไปแล้ว....
แค่ผิวกายสองคนแตะกันราวกับไฟในคบเพลิงที่ถูกจุด
เขารวบเอาตัวบอบบางเข้ามากอดแล้วกดจูบหนักๆลงไปที่ริมฝีปากเล็กอย่างหื่นกระหายทั้งดูดดุนกวาดต้อน
กลิ่นนมที่มาจากโพรงปากอุ่นร้อนยิ่งเร้าอารมณ์เขาจนกระเจิง วารินตอบโต้เขาทันทีอย่างไม่รอช้าราวกับโหยหามานาน
กลิ่นและรสชาติของแชมเปญถูกลิ้นเล็กกวาดต้อนจากปากเขาทั้งหมด ทั้งสองคนโรมรันใส่กันแบบไม่มียั้ง
เขาดึงเสื้อวารินออกอย่างไม่ทันใจขณะที่อีกมือกระชากกางเกงเปียกน้ำทั้งถีบทั้งถองให้ออกไปกองอยู่ที่พื้น
วารินเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน มือเล็กดึงเสื้อผ้าเขาออกอย่างร้อนรนทั้งบนและร่าง
ร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างกอดฟัดกันและกันจนแทบจะหลอมเป็นร่างเดียว
“ฮ...ฮ้าา”
วารินหอบหายใจหนักและถี่
สองมือจิกผมเขาแน่นเมื่อทัตพลเริ่มละเลงลิ้นขบลงที่เม็ดสีสวยที่ชูชันท้าทายเขาอยู่
ร่างบอบบางแอ่นรับ เขาลากจูบขึ้นไปที่ซอกคอขาวกระชากผมนิ่มให้คอแหงนขึ้นรับการโลมเลียจากเขาได้ถนัด
เขาทั้งขบทั้งกัดอย่างคนอดอยากมานาน
“อ..อ๊ะ”
เสียงเล็กร้องครางอย่างสุขสม
ใบหน้าน่ารักหลับพริ้ม สองมือเลื่อนมาโอบไหล่กว้างขอแลกจูบจากเขาอย่างร้อนรน เขาลากวารินขึ้นมาต่อที่เตียงโรมรันพันตูยิ่งกว่าพายุ
ทัตพลพลิกร่างเล็กขึ้นมาทาบทับอยู่บนเรือนร่างของเขา
เคลื่อนกายโยกช่วงกลางลำตัวที่ร้อนรุ่มเสียดสีบดเบียดกับร่างเล็กที่อยู่ด้านบนอย่างหื่นกระหาย
“อาา..” ทั้งเขาทั้งวารินครางฮือ
คนตัวเล็กถูกพลิกลงไปอยู่ด้านล่างอีกครั้งตัวเขาขึ้นทาบทับ ริมฝีปากลากไล้ไปจนทั่วตั้งแต่ผมหอมริมหูเปลือกตาจมูกแก้มคิ้วคางจบลงที่ริมฝีปากสวย
ไม่มีส่วนไหนเล็ดลอดจากปากและลิ้นของเขาได้ ซอกคอขาวหัวไหล่เนินอกต่ำลงมาถึงหน้าท้องแบนราบทัตพลทั้งดูดทั้งเลียเอาจนแดงเป็นทางคล้ายคนตายอดตายอยาก
วารินครางลั่นเกร็งจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
ถึงแม้ทัตพลจะไม่เคยนอนกับผู้ชายมาก่อนแต่ด้วยสัญชาตญาณและความต้องการส่วนลึกที่โดนปลุกออกมาด้วยยาปลุกเซ็กส์ทำให้เขาหน้ามืดตามัวครอบริมฝีปากลงที่แท่งสีสวยตั้งชันของวารินได้อย่างไม่รังเกียจ
“อ๊าา..”
วารินที่ไร้สติหลับตาพริ้มจิกผมเขาแน่นแสนจะสุขสม กระเด้งสะโพกเข้าออกจากปากเขาจนหลั่งน้ำสีขาวขุ่นออกมาเลอะเต็มหน้าท้อง
ทัตพลขบกรามอย่างอดทนเขารุ่มร้อนราวร่างกายจะระเบิด ใช้นิ้วปาดน้ำรักลากยาวลงมาถึงส่วนอ่อนไหวที่สุด
วารินสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาเริ่มแหย่นิ้วนำเข้าไปก่อน “ฮ..ฮึก..อ๊ะ”
เสียงเล็กๆครางเครือจิกมือลงที่แผ่นหลังเขาเป็นทาง เขาก้มลงมาจูบปลอบประโลมตามสัญชาตญาณ
ทัตพลเริ่มใส่เข้าไปอีกนิ้ว วารินกอดเขาแน่นจนสั่นเมื่อเขาเริ่มกดนิ้วเข้าๆออกๆและนวดวนรอบ
ๆ วารินร้องลั่นด้วยความเสียว
“อ๊ะ..อ๊าา” ใบหน้าเล็กส่ายไปมาอย่างร้อนรนเหมือนไม่ทันใจอะไรสักอย่าง
ทัตพลไม่รอช้าเลื่อนตัวลงที่หว่างขาขาว เขาแทรกกายร้อนอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่โน้มลงมาทาบทับและปิดริมฝีปากวารินไว้ด้วยจูบ
“ฮ..ฮึก.อ๊าา”
วารินสะท้านเฮือกเขาสอดกายเข้ามาแล้วแม้จะทุลักทุเลยังเข้ามาไม่หมด ความเจ็บปวดทำให้วารินเริ่มได้สติ
ร่างเล็กเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่ากำลังโดนทำอะไร วารินร้องไห้โฮต่อต้านเขาสองมือทั้งผลักทั้งทุบแผ่นหลังของคนที่ทาบทับตัวเองอยู่
“ฮืออ..ไม่เอา
ออกไป” วารินเสียงสั่นพร่าน้ำตาไหลพรากลงเป็นทาง แม้ว่ามือจะกอดเขาไว้แน่นแต่ก็ทุบตีเขาอยู่ตลอดเช่นกัน
ทัตพลนิ่วหน้าเพราะยังเข้าไปไม่ได้ทั้งหมด
“นิดเดียวนะ นิดเดียว”
เขาปลอบ ลูบผมหอมเบา ๆหัวใจดวงน้อยร้องไห้อย่างขมขื่น วารินทั้งต้องการเขาทั้งต่อต้านเขาไม่รู้จะทำอย่างไร
เขาก้มลงมาจูบซับริมฝีปากปลอบประโลม จูบจนวารินครางแล้วถือโอกาสดันกายของเขาเข้าไปจนจมมิด
วารินร้องลั่นสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาแช่ไว้สักพักแล้วถอนออกไปทั้งหมด สอดใส่กลับมาใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง
ทุกครั้งวารินต้องร้องลั่นไม่สนใจใครจะได้ยินหรือไม่อย่างไร
เขาเข้ามาครอบครอง เคลื่อนกายทาบทับอยู่ข้างบน
ท่อนแขนแข็งแรงเกี่ยวสองขาขาวไว้ มือเล็กสอดรับโอบหัวไหล่เขาไว้แน่น
ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเสียวซ่านสติเริ่มหายไปอีกครั้งมีแต่เสียงกระเส่าและความต้องการของคนสองคนร่ำร้องใส่กัน
ทัตพลมอบบทรักที่เร่าร้อนและเนิ่นนาน เขาพลิกตัววารินให้ขึ้นไปอยู่ด้านบน
ตัวเขาลุกขึ้นนั่งแล้วโอบคนตัวเล็กให้นั่งแลกจูบกันอย่างเมามัน เขาทำกับวารินทุกอย่างเหมือนทำกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ขณะที่สองร่างนั่งกอดโยกสอดรับกันไป
“ฮ..อื้มม..ฮ้าา..”วารินครางเสียงกระเส่าตามท่าทางที่ยากขึ้น
เย้าอารมณ์เขามากมายเหลือเกิน เขาขยำขยี้สะโพกสวยด้วยสองมือแล้วผลักเข้าออกเป็นจังหวะ
ส่วนเชื่อมต่อที่กำลังส่งรับกันนั้นสอดรับกันอย่างรู้งาน ทัตพลเลื่อนตัวประคองร่างเล็กค่อยลุกขึ้นยืนที่หน้าเตียง
วารินใช้สองขาเกี่ยวสะโพกเขาไว้แน่นสองแขนกอดรอบคอ เขากระเด้งสะโพกเพื่อส่งแท่งร้อนๆของเขาให้เคลื่อนตัวเข้าออกแบบหนักๆวารินร้องลั่นมือที่เกาะบ่าเขาสั่นสะท้าน
ใบหน้าสวยแหงนเชิด ริมฝีปากปากซู้ดครางเสียงดังลั่น “ฮ...อ๊าา..ซี๊ดส์” ทัตพลจูบปิดปากลิ้นร้อน
ๆ ไล้เลียอย่างคนหิวกระหาย
....เขาทั้งคู่ไร้สติไปนานแล้ว...
เมื่อวางร่างบอบบางลงบนเตียงอีกครั้งเขาพลิกตัววารินให้นอนคว่ำยกสะโพกสวยให้ลอยเด่นแทรกแก่นกายร้อนเข้าใส่อย่างไม่รอช้า
วารินกัดหมอนจนปากสั่นขณะที่สองมือจิกผ้าปูที่นอนจนเหมือนจะฉีกขาด เขากระแทกกายเข้าออกพร้อมเงยหน้าหลับตาพริ้มรับรสสุขสมเต็มที่
วารินทั้งคราง ทั้งร้อง ทั้งขอ
มือเล็กตบตีลงไปที่เตียงอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเมื่อเขาเร่งจังหวะกระแทกถี่ยิบ
“อืออ..อ่าา”
เสียงเขาครางอย่างสุขสมโน้มตัวลงไปกอด จับแท่งร้อนของวารินชักเข้าชักออกจนจนคนตัวเล็กครางลั่นไม่ต่างกัน
“อื้ออ..อ๊าา...”
วารินปลดปล่อยออกมาอีกครั้งทัตพลปล่อยให้น้ำสีขาวเลอะมือและผ้าปูที่นอนอย่างไม่ใส่ใจ
“ซี๊ดส์..อ่าาา..”
เขาครางเสียงพร่าต่ำเมื่อจวนจะถึงสวรรค์ ร่างใหญ่เคลื่อนตัวเข้าทาบทับให้คนด้านล่างนอนราบลงกับที่นอนนุ่ม
เขาโยกต่ออีกไม่กี่ครั้งก็กระตุกปลดปล่อยเข้าใส่อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ทั้งสองคนหอบหายใจอย่างหนักและถี่ขณะที่น้ำตายังไหลลงมาไม่หยุด
ทว่าร่างกายเริ่มก่อตัวใหม่อีกแล้ว วารินสะอื้นอย่างเจ็บใจ อยากจะลุกหนีจากตรงนี้อยากจะหายไปแต่เรียวแรงที่เคยมีกลับหายไปหมด
ท่อนกลางของตัวเริ่มร้อนแบบแปลกๆ
เขายังไม่ถอนกายเขาออกไปและวารินเองก็รู้สึกได้ว่าเขาเองก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้งเช่นกันมันทั้งร้อนและสั่น
วารินสะอึกสะอื้น
เขาสองคนทำผิดอย่างที่เรียกว่าผิดมหันต์
ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำแต่กลับก้าวเดินออกจากมันไม่ได้ ทำไม! กำปั้นเล็กทุบลงบนที่นอนซ้ำๆกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด ทัตพลรีบพลิกตัววารินให้หันกลับมาสบตา
น้ำใส ๆ จากตาดวงน้อยไหลอาบสองแก้ม ไหล่บางสะท้านไหว “ฮ..ฮึกก..” เขายกมือขึ้นเช็ดออกให้อย่างอ่อนโยน
ตัวเขาเริ่มสั่นจนวารินกลัว เขาโน้มใบหน้าเข้ามาอีกแล้ว วารินหลับตาบวมช้ำลงแน่นน้ำใสๆไหลอาบลงมา
เปิดปากยอมรับจูบของเขาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ สองมือยกขึ้นจับบ่ากว้างขณะที่เขาเกี่ยวแขนล็อคเรียวขาสวยและสอดแทรกกายเข้ามาอีกหน
บทรักที่เร่าร้อนกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง...และอีกครั้ง
.
.
Tbc.