# 12
หลังจากสำรวจความเรียบร้อยของชุดพนักงานเสิร์ฟที่ตนสวมใส่อยู่เสร็จแล้ว ผู้หมวดคริสตินก็เดินเข้าไปเตรียมตัวอยู่หลังบาร์เหล้าทันที
แต่เดิมนั้นตกลงกันไว้ว่าเมื่อเจ้าซาโต้เป็นนักเต้นแล้วตัวเขาจะต้องคอยคุมสถานการณ์ในฐานะเด็กเสิร์ฟ แต่ไป ๆ มา ๆ เจ้าซาโต้ไปคุยอิท่าไหนไม่รู้ จู่ ๆ เจ๊เปรี้ยวดันมีคำสั่งให้เขานั่งคอยอยู่หลังเคาเตอร์เป็นผู้ช่วยของบาร์เทนเดอร์แทน ชายหนุ่มไม่อยากขัดให้มากความเพราะกลัวเรื่องแตกจึงได้แต่นั่งจุ้มปุ๊กรออยู่ที่นี่ พี่บาร์เทนเดอร์ตัวหลักก็แสนใจดีชวนคุยนั่นคุยนี่อยู่ไม่ขาดปาก
“ไงฮะ มาทำใหม่เหรอ” จู่ ๆ เสียงเล็กรื่นหูก็เรียกให้คริสเงยหน้าจากแก้วเหล้าที่กำลังหัดผสม ‘น้องหนึ่ง’ เด็กที่นั่งมองเขาเมื่อเช้านี้นี่เอง
“อ๋อ ครับ” คริสตอบไปอย่างเป็นมิตร
“พี่หน้าตาดีนี่ ไม่ลองสมัครเป็นนักเต้นล่ะฮะ เงินดีนะ แบบพี่ผมว่าต่ำ ๆ คงได้คืนละไม่น้อยเลยแหละ”
ตัวเล็ก หน้าตาดี ผิวขาว อายุไม่น่าเกิน 17-18 นัยน์ตาสีดำโกรกผมสีน้ำตาลอ่อน คริสใช้สายตาสแกนโดยละเอียด ก่อนเลื่อนแก้วเหล้าที่เพิ่งหัดผสมส่งให้
“เลี้ยงผมเหรอ” เด็กหนุ่มตรงหน้าเลิกคิ้วถาม
กฎของที่นี่ก็เหมือนกฎของร้านอาหารทั่วไปนักเต้นและพนักงานไม่มีสิทธิ์ดื่มกินฟรี ยกเว้นน้ำเปล่าและอาหารจากหลังร้าน
“ลองชิมให้หน่อยว่าใช้ได้รึเปล่า” คริสส่งยิ้มให้แล้วตอบไปแบบเรียบ ๆ แต่น้องหนึ่งทำท่าทางยึกยักเหมือนกล้า ๆ กลัว ๆ เสียงของคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คริสก็ดังขึ้น
“กินได้น่า เดี๋ยวแก้วนี้หักจากบัญชีคิตตี้เขาก็ได้ เนอะ” พี่เม่นบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อมือสวย(ผมสังเกตนะ)แซวน้องสองคนเบา ๆ เม่นกำลังก้ม ๆ เงย ๆ จัดการเกี่ยวกับตู้แช่ไวน์
‘หนึ่ง’ ผ่อนคลายขึ้นเยอะเมื่อได้ฟังคำพูดนั้นของเม่น สามคนคุยไปหัวเราะกันไปเรื่อยในขณะที่ลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรเริ่มเข้ามากันแล้ว นาฬิกาดิจิตอลใต้เคาเตอร์บาร์บอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว นักเต้นระดับทั่วไป 4 – 5 คน เริ่มขึ้นไปโชว์สเต็ปเลื้อยเบา ๆ ทั้งสองฝั่งของเคาท์เตอร์ยาวที่เป็นรูปตัว T ส่วนเวทีช่องกลางเมนหลัก มีไว้สำหรับโชว์ชุดพิเศษของแต่ละวันในช่วง สเปเชี่ยลไทม์(5 ทุ่มขึ้นไป)เท่านั้น
“พี่คิตตี้เป็นแฟนพี่ซามอนเหรอฮะ” จู่ ๆ คนตรงหน้าก็ถามขึ้นนำให้คนที่กำลังฟังอยู่อย่างคริสถึงกับหน้าเหวอ
“ไม่ต้องอายหรอกฮะ ที่หลังร้านน่ะเขาถามพี่ซามอนกัน พี่เขาบอกพวกผมหมดแล้วแหละ เรื่องธรรมดาน่าพี่”
‘ฮึ่ยย!! พูดเองเออเองนี่คงเป็นนิสัยของมันสินะ คอยดูนะกลับไปกูจะจัดการมึงเอาให้เหวอไปเลย’ คริสได้แต่นึกในใจมือไม้ที่ขัดแก้วอยู่กดน้ำหนักลงจนเด็กหนุ่มตรงหน้าเริ่มเพ่งมอง
คริสจึงเริ่มรู้สึกตัว
“อ๋อ ครับ พี่ซามอนเขาว่าไงก็คงตามนั้นแหละ” ผู้หมวดหนุ่มจำใจโปรยยิ้มหวานตอบ แต่ในใจเริ่มวางแผนการชั่วร้ายเพื่อเอาคืนไอ้คู่หูตัวแสบแล้ว(เอ๊ะ โหมดนี้คุ้น ๆ คล้ายเคนยะชอบกล)
“คิคิ พี่คิตตี้นี่ตลกดีนะครับ งอนแฟนน่ารักจัง พี่เขารักหรอกถึงได้เปิดเผยขนาดนั้นน่ะ” น้องหนึ่งยังพูดต่อแบบซื่อ ๆ
“อ้อ ครับ หึหึหึ” คริสแค่นเสียงลอดไรฟัน ด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม พร้อมตาข้างซ้ายกระตุก หงึก ๆ
หนึ่งนั่งคุยอยู่ที่บาร์เหล้ากับคริสบ้างเม่นบ้างอย่างถูกคอ สักพักก็ขอตัวกลับเข้าไปด้านหลังเพื่อเตรียมตัวเนื่องจากเวลาตอนนี้ใกล้จะเริ่มโชว์แล้ว ข้อมูลคร่าว ๆ ที่คริสได้มาก็คือ ‘หนึ่ง’ เป็นคนจังหวัดสุรินท์อยู่กับยายแค่สองคน เมื่อทำงานได้เงินก็จะส่งกลับไปให้ยายเป็นประจำทุกเดือน เขาทำงานที่นี่มาได้ปีกว่าแล้ว
ผู้หมวดหนุ่มเริ่มสอดส่ายสายตามองหาคู่หู เมื่อเห็นว่าคนที่มาด้วยกันตั้งแต่สองทุ่มนั้นหายไปหลายชั่วโมงแล้ว
“คิตตี้” จู่ ๆเสียงเรียกก็ดังขึ้น คริสตินรีบลุกขึ้นมาจากใต้เคาท์เตอร์เนื่องจากก้มลงไปเก็บที่เปิดขวดที่ทำหล่นไปเมื่อสักครู่
“ซาตะ เอ้ย! ซาม่อน มึงหาย......” คริสถามร้อนรน แต่ซาโต้พยักหน้าให้เบา ๆ ตัดจังหวะ บอกให้รู้ว่าต้องเดินตามออกไป
พอเลี่ยงออกมาได้ก็โวยวายใส่ชุดใหญ่ "ซาโต้ มึงหายไปไหนมาตั้งหลายชั่วโมง ทิ้งกูนะมึง” สองหนุ่มหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน
ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาเยอะแล้ว
“ซ้อมเต้นอยู่ด้านหลังครับ ผมเดินออกมาดูคริสอยู่ตลอดนะ” สังเกตได้ว่าสีหน้าคนตอบชักแปลก ๆ
“แล้วนี่อะไร มึงยังไม่แต่งตัวอีกรึไง” คริสตินไล่สายตาดูคู่หูตั้งแต่หัวจรดเท้า
“จะแต่งทำไมล่ะครับ มีแต่ต้องถอดออกทั้งหมดนั่นแหละ” ซาโต้พูดหน้าบูด สีหน้าประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ชุดที่ใส่เข้ามายังไงก็ยังใส่ครบอยู่แบบนั้น
แต่นั่นก็นำให้คริสหัวเราะ หึหึ เบา ๆ
“เอาน่า จะกลัวอะไรล่ะ กูก็อยู่นี่ด้วยทั้งคน” ชายหนุ่มเลิกคิ้วปรายตาลอกเลียนประโยคที่ซาโต้เคยพูดกับเขาไว้มาทั้งประโยคอย่างล้อเลียน
นำให้ซาโต้หรี่ตาเขามองอย่างดุ ๆ
“ร้ายนะครับคริส เดี๋ยวคืนนี้จะแกล้งให้หนักเลยคอยดู” ซาโต้มองคู่หูด้วยสายตาอย่างเจ้าเล่ห์(เปลี่ยนสีหน้าเร็วนักนะมึง)
“อะไร ๆ มึงจะแกล้งอะไรกู อย่า! อย่าได้คิดอะไรแผลง ๆ เราพักโรงแรมไม่ใช่ที่บ้านเดี๋ยวข้าวของเขาแตกขึ้นมากูขี้เกียจควักเงินตัวเองจ่าย เงินเดือนยิ่งน้อย ๆ อยู่” ผู้หมวดหนุ่มพาลคิดไปว่าแกล้งในความหมายของซาโต้คือแกล้งแบบเดียวกับที่ฟ็อกซ์ชอบแกล้งเขา
ซาโต้ได้ฟังดังนั้นรีบหันหน้าไปอีกทางเพื่อหลบรอยยิ้มขำของตัวเอง กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็น ‘โถๆๆๆ คริสครับ จะซื่อเกินไปแล้ว’
ข้างฝ่ายคริสตินเมื่อพูดประโยคนั้นจบก็ไม่ใช่ว่าจะไม่คิดอะไรเสียเลย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจู่ ๆ ก็หันไป ความคิดประหลาดก็วูบไหวเข้ามาในหัวอย่างเร็ว ‘ไอ้เหี้ยซาโต้ มึงอย่าได้คิดว่าจะกอดกูได้อีกแบบเมื่อคืน คราวนี้กูไม่มีทางยอมให้มึงแกล้งกูแบบนั้นอีกแน่’
เสียงเพลงสากลเปลี่ยนไปเรื่อย เพลงแล้วเพลงเล่า
โต๊ะนั่งที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้ถูกเติมเต็มไปด้วยเหล่าชายเทียมมากหน้าหลายตา
แต่งหญิงบ้าง แต่งชายบ้าง แล้วแต่จะเลือกสรรปรุงแต่งเสื้อผ้าหน้าผมกันมา
เสียงกรี๊ดดังลั่นมาจากโต๊ะมุม เมื่อกระทาชายนักเต้นเดินไปร่อนสะโพกโชว์เดี่ยวอยู่บนเวทีลอยที่ยื่นติดไปกับโต๊ะ ๆ นั้น แบงค์สีแดงสองสามใบถูกเสียบลงที่ขอบกางเกงในตัวจิ๋วอย่างหมิ่นเหม่
คริสตินเห็นดังนั้นจึงหันกลับมามองหน้าคู่หูตนอย่างรู้สึกผิด ‘ซาโต้ มึงจะต้องได้ทำอะไรแบบนั้นเหรอวะเนี่ย กูขอโทษจริง ๆ ว่ะมึง’
แต่เหมือนซาโต้จะไม่ยี่หร่ะกับอะไรรอบข้างเลยสักนิด ชายหนุ่มยังยืนเฉยดูพวกกระเทยโต๊ะนั้นกรี๊ดกร๊าดกับท่าเต้นสุดยั่วยวนสยิวกิ้วด้วยใบหน้าเฉย ๆ
คริสมองไปทางบาร์เหล้าเห็นเม่นกวักมือเรียกเขาเบา ๆ มีลูกค้าทยอยเข้ามานั่งที่เคาเตอร์บาร์ 2 – 3 คนแล้ว ชายหนุ่มจึงคิดจะเดินเลี่ยงออกไป
“ซาโต้กูต้องไปที่เคาเตอร์แล้ว มึงขึ้นโชว์ตอนไหน”
“ยังไม่รู้เลยครับ ต้องรอเป้าหมายของเราก่อน”
“เฮ้ย หมายความว่าไง มึงคุยกับมาม่าเขาเหรอ”
“ครับเรียบร้อย แต่เฉพาะเจ๊เปรี้ยวคนเดียวเท่านั้นนะที่รู้”
“งั้นก็แสดงว่า เมื่อวาน...”
คริสตาโตนึกถึงเรื่องเมื่อวาน มิน่าล่ะเจ๊เปรี้ยวถึงได้ให้อิสระเขาขนาดนี้ ไอ้เขาก็หลงคิดว่าเจ๊แกใจดีแบบนี้กับพนักงานทุกคนเลยรึเปล่า อีกทั้งยังช่วยกันพี่แป๋วไม่ให้มายุ่มย่ามวุ่นวาย
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ตนกำลังนึกถึง
พี่แป๋วนั่งเทคแคร์แขกฝรั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง ‘สงสัยแขกส่วนตัวล่ะมั้ง’ คริสนึก แล้วสายตาก็ไปสะดุดลงกับชายที่ยืนอยู่หลังบาร์เหล้าอีกครั้ง
เม่น ที่ตอนนี้เริ่มมองคริสตาเขียว กวักไม่กวักมือให้เขาเข้าไปช่วยเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“ซาโต้ กูต้องไปแล้วโชคดีนะมึง ไว้มึงขึ้นเต้นกูจะคอยดูไม่กระพริบตาเลย ตั้งใจอ่อยให้ได้ล่ะเพื่อน” คริสตินตบลงที่บ่าคู่หูเบา ๆ แล้วผุดยิ้ม ไม่รู้ว่าเป็นยิ้มจริงใจหรือยิ้มเยาะเย้ยกันแน่
แต่คู่หูคนเก่งดันไม่ยิ้มด้วยซะนี่ ชายหนุ่มถองศอกลงที่ท้องผู้หมวดหนุ่มเบา ๆ
หลังจากสำรวจความเรียบร้อยของชุดพนักงานเสิร์ฟที่ตนสวมใส่อยู่เสร็จแล้ว ผู้หมวดคริสตินก็เดินเข้าไปเตรียมตัวอยู่หลังบาร์เหล้าทันที
แต่เดิมนั้นตกลงกันไว้ว่าเมื่อเจ้าซาโต้เป็นนักเต้นแล้วตัวเขาจะต้องคอยคุมสถานการณ์ในฐานะเด็กเสิร์ฟ แต่ไป ๆ มา ๆ เจ้าซาโต้ไปคุยอิท่าไหนไม่รู้ จู่ ๆ เจ๊เปรี้ยวดันมีคำสั่งให้เขานั่งคอยอยู่หลังเคาเตอร์เป็นผู้ช่วยของบาร์เทนเดอร์แทน ชายหนุ่มไม่อยากขัดให้มากความเพราะกลัวเรื่องแตกจึงได้แต่นั่งจุ้มปุ๊กรออยู่ที่นี่ พี่บาร์เทนเดอร์ตัวหลักก็แสนใจดีชวนคุยนั่นคุยนี่อยู่ไม่ขาดปาก
“ไงฮะ มาทำใหม่เหรอ” จู่ ๆ เสียงเล็กรื่นหูก็เรียกให้คริสเงยหน้าจากแก้วเหล้าที่กำลังหัดผสม ‘น้องหนึ่ง’ เด็กที่นั่งมองเขาเมื่อเช้านี้นี่เอง
“อ๋อ ครับ” คริสตอบไปอย่างเป็นมิตร
“พี่หน้าตาดีนี่ ไม่ลองสมัครเป็นนักเต้นล่ะฮะ เงินดีนะ แบบพี่ผมว่าต่ำ ๆ คงได้คืนละไม่น้อยเลยแหละ”
ตัวเล็ก หน้าตาดี ผิวขาว อายุไม่น่าเกิน 17-18 นัยน์ตาสีดำโกรกผมสีน้ำตาลอ่อน คริสใช้สายตาสแกนโดยละเอียด ก่อนเลื่อนแก้วเหล้าที่เพิ่งหัดผสมส่งให้
“เลี้ยงผมเหรอ” เด็กหนุ่มตรงหน้าเลิกคิ้วถาม
กฎของที่นี่ก็เหมือนกฎของร้านอาหารทั่วไปนักเต้นและพนักงานไม่มีสิทธิ์ดื่มกินฟรี ยกเว้นน้ำเปล่าและอาหารจากหลังร้าน
“ลองชิมให้หน่อยว่าใช้ได้รึเปล่า” คริสส่งยิ้มให้แล้วตอบไปแบบเรียบ ๆ แต่น้องหนึ่งทำท่าทางยึกยักเหมือนกล้า ๆ กลัว ๆ เสียงของคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คริสก็ดังขึ้น
“กินได้น่า เดี๋ยวแก้วนี้หักจากบัญชีคิตตี้เขาก็ได้ เนอะ” พี่เม่นบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อมือสวย(ผมสังเกตนะ)แซวน้องสองคนเบา ๆ เม่นกำลังก้ม ๆ เงย ๆ จัดการเกี่ยวกับตู้แช่ไวน์
‘หนึ่ง’ ผ่อนคลายขึ้นเยอะเมื่อได้ฟังคำพูดนั้นของเม่น สามคนคุยไปหัวเราะกันไปเรื่อยในขณะที่ลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรเริ่มเข้ามากันแล้ว นาฬิกาดิจิตอลใต้เคาเตอร์บาร์บอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว นักเต้นระดับทั่วไป 4 – 5 คน เริ่มขึ้นไปโชว์สเต็ปเลื้อยเบา ๆ ทั้งสองฝั่งของเคาท์เตอร์ยาวที่เป็นรูปตัว T ส่วนเวทีช่องกลางเมนหลัก มีไว้สำหรับโชว์ชุดพิเศษของแต่ละวันในช่วง สเปเชี่ยลไทม์(5 ทุ่มขึ้นไป)เท่านั้น
“พี่คิตตี้เป็นแฟนพี่ซามอนเหรอฮะ” จู่ ๆ คนตรงหน้าก็ถามขึ้นนำให้คนที่กำลังฟังอยู่อย่างคริสถึงกับหน้าเหวอ
“ไม่ต้องอายหรอกฮะ ที่หลังร้านน่ะเขาถามพี่ซามอนกัน พี่เขาบอกพวกผมหมดแล้วแหละ เรื่องธรรมดาน่าพี่”
‘ฮึ่ยย!! พูดเองเออเองนี่คงเป็นนิสัยของมันสินะ คอยดูนะกลับไปกูจะจัดการมึงเอาให้เหวอไปเลย’ คริสได้แต่นึกในใจมือไม้ที่ขัดแก้วอยู่กดน้ำหนักลงจนเด็กหนุ่มตรงหน้าเริ่มเพ่งมอง
คริสจึงเริ่มรู้สึกตัว
“อ๋อ ครับ พี่ซามอนเขาว่าไงก็คงตามนั้นแหละ” ผู้หมวดหนุ่มจำใจโปรยยิ้มหวานตอบ แต่ในใจเริ่มวางแผนการชั่วร้ายเพื่อเอาคืนไอ้คู่หูตัวแสบแล้ว(เอ๊ะ โหมดนี้คุ้น ๆ คล้ายเคนยะชอบกล)
“คิคิ พี่คิตตี้นี่ตลกดีนะครับ งอนแฟนน่ารักจัง พี่เขารักหรอกถึงได้เปิดเผยขนาดนั้นน่ะ” น้องหนึ่งยังพูดต่อแบบซื่อ ๆ
“อ้อ ครับ หึหึหึ” คริสแค่นเสียงลอดไรฟัน ด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม พร้อมตาข้างซ้ายกระตุก หงึก ๆ
หนึ่งนั่งคุยอยู่ที่บาร์เหล้ากับคริสบ้างเม่นบ้างอย่างถูกคอ สักพักก็ขอตัวกลับเข้าไปด้านหลังเพื่อเตรียมตัวเนื่องจากเวลาตอนนี้ใกล้จะเริ่มโชว์แล้ว ข้อมูลคร่าว ๆ ที่คริสได้มาก็คือ ‘หนึ่ง’ เป็นคนจังหวัดสุรินท์อยู่กับยายแค่สองคน เมื่อทำงานได้เงินก็จะส่งกลับไปให้ยายเป็นประจำทุกเดือน เขาทำงานที่นี่มาได้ปีกว่าแล้ว
ผู้หมวดหนุ่มเริ่มสอดส่ายสายตามองหาคู่หู เมื่อเห็นว่าคนที่มาด้วยกันตั้งแต่สองทุ่มนั้นหายไปหลายชั่วโมงแล้ว
“คิตตี้” จู่ ๆเสียงเรียกก็ดังขึ้น คริสตินรีบลุกขึ้นมาจากใต้เคาท์เตอร์เนื่องจากก้มลงไปเก็บที่เปิดขวดที่ทำหล่นไปเมื่อสักครู่
“ซาตะ เอ้ย! ซาม่อน มึงหาย......” คริสถามร้อนรน แต่ซาโต้พยักหน้าให้เบา ๆ ตัดจังหวะ บอกให้รู้ว่าต้องเดินตามออกไป
พอเลี่ยงออกมาได้ก็โวยวายใส่ชุดใหญ่ "ซาโต้ มึงหายไปไหนมาตั้งหลายชั่วโมง ทิ้งกูนะมึง” สองหนุ่มหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน
ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาเยอะแล้ว
“ซ้อมเต้นอยู่ด้านหลังครับ ผมเดินออกมาดูคริสอยู่ตลอดนะ” สังเกตได้ว่าสีหน้าคนตอบชักแปลก ๆ
“แล้วนี่อะไร มึงยังไม่แต่งตัวอีกรึไง” คริสตินไล่สายตาดูคู่หูตั้งแต่หัวจรดเท้า
“จะแต่งทำไมล่ะครับ มีแต่ต้องถอดออกทั้งหมดนั่นแหละ” ซาโต้พูดหน้าบูด สีหน้าประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ชุดที่ใส่เข้ามายังไงก็ยังใส่ครบอยู่แบบนั้น
แต่นั่นก็นำให้คริสหัวเราะ หึหึ เบา ๆ
“เอาน่า จะกลัวอะไรล่ะ กูก็อยู่นี่ด้วยทั้งคน” ชายหนุ่มเลิกคิ้วปรายตาลอกเลียนประโยคที่ซาโต้เคยพูดกับเขาไว้มาทั้งประโยคอย่างล้อเลียน
นำให้ซาโต้หรี่ตาเขามองอย่างดุ ๆ
“ร้ายนะครับคริส เดี๋ยวคืนนี้จะแกล้งให้หนักเลยคอยดู” ซาโต้มองคู่หูด้วยสายตาอย่างเจ้าเล่ห์(เปลี่ยนสีหน้าเร็วนักนะมึง)
“อะไร ๆ มึงจะแกล้งอะไรกู อย่า! อย่าได้คิดอะไรแผลง ๆ เราพักโรงแรมไม่ใช่ที่บ้านเดี๋ยวข้าวของเขาแตกขึ้นมากูขี้เกียจควักเงินตัวเองจ่าย เงินเดือนยิ่งน้อย ๆ อยู่” ผู้หมวดหนุ่มพาลคิดไปว่าแกล้งในความหมายของซาโต้คือแกล้งแบบเดียวกับที่ฟ็อกซ์ชอบแกล้งเขา
ซาโต้ได้ฟังดังนั้นรีบหันหน้าไปอีกทางเพื่อหลบรอยยิ้มขำของตัวเอง กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็น ‘โถๆๆๆ คริสครับ จะซื่อเกินไปแล้ว’
ข้างฝ่ายคริสตินเมื่อพูดประโยคนั้นจบก็ไม่ใช่ว่าจะไม่คิดอะไรเสียเลย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจู่ ๆ ก็หันไป ความคิดประหลาดก็วูบไหวเข้ามาในหัวอย่างเร็ว ‘ไอ้เหี้ยซาโต้ มึงอย่าได้คิดว่าจะกอดกูได้อีกแบบเมื่อคืน คราวนี้กูไม่มีทางยอมให้มึงแกล้งกูแบบนั้นอีกแน่’
เสียงเพลงสากลเปลี่ยนไปเรื่อย เพลงแล้วเพลงเล่า
โต๊ะนั่งที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้ถูกเติมเต็มไปด้วยเหล่าชายเทียมมากหน้าหลายตา
แต่งหญิงบ้าง แต่งชายบ้าง แล้วแต่จะเลือกสรรปรุงแต่งเสื้อผ้าหน้าผมกันมา
เสียงกรี๊ดดังลั่นมาจากโต๊ะมุม เมื่อกระทาชายนักเต้นเดินไปร่อนสะโพกโชว์เดี่ยวอยู่บนเวทีลอยที่ยื่นติดไปกับโต๊ะ ๆ นั้น แบงค์สีแดงสองสามใบถูกเสียบลงที่ขอบกางเกงในตัวจิ๋วอย่างหมิ่นเหม่
คริสตินเห็นดังนั้นจึงหันกลับมามองหน้าคู่หูตนอย่างรู้สึกผิด ‘ซาโต้ มึงจะต้องได้ทำอะไรแบบนั้นเหรอวะเนี่ย กูขอโทษจริง ๆ ว่ะมึง’
แต่เหมือนซาโต้จะไม่ยี่หร่ะกับอะไรรอบข้างเลยสักนิด ชายหนุ่มยังยืนเฉยดูพวกกระเทยโต๊ะนั้นกรี๊ดกร๊าดกับท่าเต้นสุดยั่วยวนสยิวกิ้วด้วยใบหน้าเฉย ๆ
คริสมองไปทางบาร์เหล้าเห็นเม่นกวักมือเรียกเขาเบา ๆ มีลูกค้าทยอยเข้ามานั่งที่เคาเตอร์บาร์ 2 – 3 คนแล้ว ชายหนุ่มจึงคิดจะเดินเลี่ยงออกไป
“ซาโต้กูต้องไปที่เคาเตอร์แล้ว มึงขึ้นโชว์ตอนไหน”
“ยังไม่รู้เลยครับ ต้องรอเป้าหมายของเราก่อน”
“เฮ้ย หมายความว่าไง มึงคุยกับมาม่าเขาเหรอ”
“ครับเรียบร้อย แต่เฉพาะเจ๊เปรี้ยวคนเดียวเท่านั้นนะที่รู้”
“งั้นก็แสดงว่า เมื่อวาน...”
คริสตาโตนึกถึงเรื่องเมื่อวาน มิน่าล่ะเจ๊เปรี้ยวถึงได้ให้อิสระเขาขนาดนี้ ไอ้เขาก็หลงคิดว่าเจ๊แกใจดีแบบนี้กับพนักงานทุกคนเลยรึเปล่า อีกทั้งยังช่วยกันพี่แป๋วไม่ให้มายุ่มย่ามวุ่นวาย
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ตนกำลังนึกถึง
พี่แป๋วนั่งเทคแคร์แขกฝรั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง ‘สงสัยแขกส่วนตัวล่ะมั้ง’ คริสนึก แล้วสายตาก็ไปสะดุดลงกับชายที่ยืนอยู่หลังบาร์เหล้าอีกครั้ง
เม่น ที่ตอนนี้เริ่มมองคริสตาเขียว กวักไม่กวักมือให้เขาเข้าไปช่วยเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“ซาโต้ กูต้องไปแล้วโชคดีนะมึง ไว้มึงขึ้นเต้นกูจะคอยดูไม่กระพริบตาเลย ตั้งใจอ่อยให้ได้ล่ะเพื่อน” คริสตินตบลงที่บ่าคู่หูเบา ๆ แล้วผุดยิ้ม ไม่รู้ว่าเป็นยิ้มจริงใจหรือยิ้มเยาะเย้ยกันแน่
แต่คู่หูคนเก่งดันไม่ยิ้มด้วยซะนี่ ชายหนุ่มถองศอกลงที่ท้องผู้หมวดหนุ่มเบา ๆ
“เห็นแล้วอย่ากรี๊ดล่ะ รู้เอาไว้ด้วยทุกอย่างเพื่องาน” พูดจบปุ๊บก็เดินเลี่ยงออกไปทันที ทิ้งให้คริสตินเบ้ปากแลบลิ้นส่งให้ลับหลังเบา ๆ
‘ห่า! กูจะกรี๊ดเพื่อ ????
หลงตัวเองไปแล้วไอ้ปลาแซลมอน!! ”
.
.
.
.
.
.
.
ในที่สุดช่วง โชว์ไทม์ ก็มาถึง(5 ทุ่มเป๊ะพอดิบพอดี)
อินโทรเพลง My Love ของ Westlife ดังขึ้นกระหึ่มบาร์
ถึงคิวของ‘น้องหนึ่ง’ โชว์สเต็ปเทพอยู่ที่ส่วนกลางของเวทีที่ยื่นออกมา มีเสาสีเงินวาวหนึ่งต้นตั้งตระหง่าน แถมด้วยออฟชั่นเสริมอีกอย่างคือ เก้าอี้ขนาดกลางหนึ่งตัวที่ตั้งเด่นอยู่ข้างเสา
เพลง และ ลีลาคนดำเนินไปเรื่อย
คริสจ้องมองตาโต ไม่คิดไม่ฝันว่าเด็กหนุ่มท่าทางเรียบร้อยที่นั่งคุยกับเขาเมื่อกี้จะร้อนแรงได้ขนาดนั้น กางเกงในตัวจิ๋วสีขาวปักเพชรแวววับนั้นมันคล้ายจีสตริงมากไม่ใช่รึไง!!?
ในขณะที่เม่นเองแอบบอกออกมาเบา ๆ ว่า ‘หนึ่ง’ เป็นขวัญใจของลูกค้าที่นี่มาก ช่วงโชว์ไทม์ของทุกวันหนึ่งจะมีโชว์ไม่ต่ำกว่า 3 เพลง
แบงค์สีม่วงสีแดงหลายใบ ถูกเสียบลงที่ขอบกางเกงในตัวจิ๋วทั้งหน้าทั้งหลังอย่างหมิ่นเหม่ จุดประสงค์ที่แท้จริงของการเสียบแบงค์นั่นก็เพื่อจับต้องของบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น บางคนมือบอนถึงขนาดบีบทั้งหน้าทั้งหลังเลยก็มี
ลีลาการไหลเลื้อยโยกโหนเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ...
คริสตินหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อสเต็ปสุดท้ายของเพลง ‘น้องหนึ่ง’ขึ้นไปนั่งคร่อมบนเก้าอี้พร้อมโยกสะโพกขาว ๆที่ตอนนี้หันโชว์เข้าหาคนดูเด้งเข้าเด้งออกอย่างไม่มีอาย
เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเหล่าชายเทียมทุกรูปแบบที่ด้านล่างดังจนแสบแก้วหู
เมื่อจบเพลง ‘หนึ่ง’เดินโทง ๆ มีแต่กางเกงในตัวเดียวมาที่บาร์เหล้าผ่านสายตามากมายหลายคู่ขณะที่คริสยืนชงเหล้าให้ลูกค้าอยู่
บทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างหนึ่งกับลูกค้าที่นั่งอยู่ก่อนแล้วอย่างออกอรรถรส
วิสกี้ชั้นดีถูกเลื่อนส่งมาให้นักเต้นชั้นหนึ่งแก้วแล้วแก้วเล่าโดยคำสั่งของลูกค้าคนนั้น
แต่ก็เพียงพักเดียวเท่านั้น จู่ ๆ เจ๊เปรี้ยวก็เดินมาสะกิดเด็กหนุ่มบอกมีแขก VIP เรียกหา จากนั้นหนึ่งก็เดินหายไปในมุมมืดมุมหนึ่งของร้าน
เสียงเพลงจังหวะเร็วขึ้นนิดหน่อย.........................กระตุกอารมณ์ผู้หมวดหนุ่มให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
แสงไฟมืดบ้างสว่างบ้างกระพริบแวบวับไปกับจังหวะเพลงนำ
1 ในชายหนุ่มสองคนที่เดินขึ้นเวทีมาทำให้คริสตินถึงกับอ้าปากตาโตแทบถลนออกมาจากเบ้า
แผงอกแกร่งเปลือยเปล่า กับกางเกงชั้นในตัวจิ๋วสีดำสนิท มันใส่ที่รัดแขนเป็นเซทเดียวกับกางเกงชั้นในและสายรัดไหล่ทั้งสองข้าง สร้อยสีเงินรูปไม้กางเขนปักเพชรถูกผูกไว้กลางลำคอ หน้าผากที่ถูกเซ็ทเปิด โชว์หราเรียวหน้าสวย แว่นสายตาสีชาอ่อนทำให้ใบหน้าละอ่อนนั่นดูเท่ขึ้นอีกจม รวมถึงรองเท้าบูตครึ่งน่องสไตล์เฮฟวี่
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก / กรี๊ดดดดดดดดดดด / อร้ายยยยยยยยยยยยยยย~ ~
เสียงกรีดร้องที่ไม่รู้ของใครเป็นของใครดังสนั่นลั่นไปทั่วบาร์ เมื่อมีการแนะนำดีกรีเด็กใหม่สดซิงจากดีเจที่เปิดเพลงอยู่ด้านล่าง
คริสปลอบใจตัวเองว่าเสียงกรีดร้องที่ได้ยินนั่นคงไม่ได้หลุดออกมาจากเขาด้วยส่วนหนึ่งหรอกนะ
เพราะเขาเองแทบจะอดรนทนไม่ไหวทันทีที่คู่หูสุดเท่หันหลังโชว์กล้ามเนื้อสวยที่แผ่นหลังกว้างรอยสักเป็นตัวหนังสืออะไรบางอย่างบริเวณบั้นท้ายที่หมิ่นเหม่กับขอบกางเกงในนั่น เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมด้านล่างดังกระหึ่มไปทั้งบาร์
มันสักคำว่าอะไร??!!
“โอ่ยยยยย แย่แล้ว นี่กูใจสั่นทำเหี้ย!ไรเนี่ยยยย” คริสหน้าซีดตาลอยไร้จุดโฟกัส
ฝ่ามือจากเม่นที่โบกไหว ๆ อยู่ด้านหน้าเรียกสติสตังผู้หมวดหนุ่มให้กลับคืนมาอีกครั้ง สัญชาตญาณตำรวจวิ่งปรู๊ดเข้าสู่กระแสเลือดเช่นเดิม
เม่นหัวเราะขำแซวเขาเบา ๆ แต่คริสตินหาได้แคร์ไม่
ชายหนุ่มเริ่มนึกถึงคำพูดของคู่หูที่บอกไว้ว่าถ้าเป้าหมายเข้ามาแล้วเขาจะขึ้นโชว์ทันที สายตาจริงจังนั่นเริ่มสอดส่ายไปทั่วร้านอย่างร้อนรน
ไม่เจอ
หายังไงก็หาไม่เจอใบหน้าผู้ต้องสงสัยที่จดจำมานั่นเลย ทำเอาคริสถึงกับเริ่มเครียดหนักขมวดคิ้วแน่น
จนกระทั้งเจ๊เปรี้ยวที่ยังคงนั่งอยู่ด้านหน้าเคาเตอร์เหล้าตอนนี้ ต้องสะกิดเขาเบา ๆ แล้วพยักเพยิดหน้าไปที่มุมสุดของบาร์มุมหนึ่ง
คริสตินมองตามอย่างไว เพ่งสายตาทะลวงความมืดสุดชีวิต
ชายคนนั้น...
คุณหมอหนุ่มใหญ่วัย 39 คเชนทร์ โชนิน เขากำลังนั่งคุยอยู่กับ ‘น้องหนึ่ง’ นักเต้นชายวัยละอ่อนอย่างออกรส ร่างกายบอบบางของน้องหนึ่งออดอ้อนถูไถอยู่ที่ในวงแขนแกร่ง ใบหน้าแสนสุภาพนั่นจดจ้องอยู่บนเวทีไม่วางตา
คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ
‘ไอ้ซาโต้มันจะโดนใจเจ้าคุณหมอนี่บ้างไหมน้อ’ คริสนึกๆ พลันก็คิดสงสารคู่หูตนเองขึ้นมาเมื่อเห็นเหล่ากระเทยหลากหลายทยอยไปยืนออหน้าเวทีรอเสียบแบงค์สีแดง ๆ สีม่วงสีเทาลงที่ขอบกางเกงในนั่น
แต่นักเต้นหน้าใหม่อย่างซาโต้กลับไม่ยอมเดินเข้ามาริมขอบเวทีเลยแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้เสียงเรียกจากด้านล่างยิ่งดังขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะตอนนี้พี่แป๋ว อดีตคนเคยกรี๊ดเจ้าซาโต้เตรียมพวงมาลัยห้อยแบงค์แดง ๆ พวงเบ้อเริ่มรอคล้องชายหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มปริ่มสุดชีวิต
ในที่สุดเพลงโชว์ก็จบลงโดยที่เจ้าซาโต้ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาเสียบเงินสักกะใบเดียว แม้กระทั่งพวงมาลัยจากเจ๊แป๋วมันก็ยังไม่ยอมก้มลงมารับ เจ๊เปรี้ยวตรงรี่ไปรอรับชายหนุ่มที่ข้างเวทีทันที พร้อมพาเดินไปยังมุมที่น้องหนึ่งและเป้าหมายของเรานั่งอยู่ก่อนแล้ว
ระหว่างเดินผ่านหน้าเคาเตอร์เหล้าซาโต้หันมาตีคิ้วกวน ๆ ส่งให้คริสติน 1 ทีแบบไม่รู้ความหมาย
แต่นั่นก็พาลทำเอาคริสหน้าแต้มสีขึ้นมาอีกไม่รู้ตัว เมื่อได้เห็นร่างกายกำยำที่เกือบจะเปลือยเปล่าของคู่หูเข้าแบบใกล้ ๆ
เม่น บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันใช้ศอกสะกิดแซวชายหนุ่มเบา ๆ “เขินหลายทีแล้วนะครับน้องคิต ฮิ้ววว”
คริสตินได้แต่ส่งยิ้มฝืน ๆหึหึ แทนคำตอบ ‘เขินอะไรกันเล่า ผมอายแทนมันต่างหาก ไอ้ซาโต้บ้าไม่รู้กล้าทำไปได้ยังไง’
.
.
.
.
.
.
.
ในที่สุดช่วง โชว์ไทม์ ก็มาถึง(5 ทุ่มเป๊ะพอดิบพอดี)
อินโทรเพลง My Love ของ Westlife ดังขึ้นกระหึ่มบาร์
ถึงคิวของ‘น้องหนึ่ง’ โชว์สเต็ปเทพอยู่ที่ส่วนกลางของเวทีที่ยื่นออกมา มีเสาสีเงินวาวหนึ่งต้นตั้งตระหง่าน แถมด้วยออฟชั่นเสริมอีกอย่างคือ เก้าอี้ขนาดกลางหนึ่งตัวที่ตั้งเด่นอยู่ข้างเสา
เพลง และ ลีลาคนดำเนินไปเรื่อย
คริสจ้องมองตาโต ไม่คิดไม่ฝันว่าเด็กหนุ่มท่าทางเรียบร้อยที่นั่งคุยกับเขาเมื่อกี้จะร้อนแรงได้ขนาดนั้น กางเกงในตัวจิ๋วสีขาวปักเพชรแวววับนั้นมันคล้ายจีสตริงมากไม่ใช่รึไง!!?
ในขณะที่เม่นเองแอบบอกออกมาเบา ๆ ว่า ‘หนึ่ง’ เป็นขวัญใจของลูกค้าที่นี่มาก ช่วงโชว์ไทม์ของทุกวันหนึ่งจะมีโชว์ไม่ต่ำกว่า 3 เพลง
แบงค์สีม่วงสีแดงหลายใบ ถูกเสียบลงที่ขอบกางเกงในตัวจิ๋วทั้งหน้าทั้งหลังอย่างหมิ่นเหม่ จุดประสงค์ที่แท้จริงของการเสียบแบงค์นั่นก็เพื่อจับต้องของบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น บางคนมือบอนถึงขนาดบีบทั้งหน้าทั้งหลังเลยก็มี
ลีลาการไหลเลื้อยโยกโหนเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ...
คริสตินหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อสเต็ปสุดท้ายของเพลง ‘น้องหนึ่ง’ขึ้นไปนั่งคร่อมบนเก้าอี้พร้อมโยกสะโพกขาว ๆที่ตอนนี้หันโชว์เข้าหาคนดูเด้งเข้าเด้งออกอย่างไม่มีอาย
เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเหล่าชายเทียมทุกรูปแบบที่ด้านล่างดังจนแสบแก้วหู
เมื่อจบเพลง ‘หนึ่ง’เดินโทง ๆ มีแต่กางเกงในตัวเดียวมาที่บาร์เหล้าผ่านสายตามากมายหลายคู่ขณะที่คริสยืนชงเหล้าให้ลูกค้าอยู่
บทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างหนึ่งกับลูกค้าที่นั่งอยู่ก่อนแล้วอย่างออกอรรถรส
วิสกี้ชั้นดีถูกเลื่อนส่งมาให้นักเต้นชั้นหนึ่งแก้วแล้วแก้วเล่าโดยคำสั่งของลูกค้าคนนั้น
แต่ก็เพียงพักเดียวเท่านั้น จู่ ๆ เจ๊เปรี้ยวก็เดินมาสะกิดเด็กหนุ่มบอกมีแขก VIP เรียกหา จากนั้นหนึ่งก็เดินหายไปในมุมมืดมุมหนึ่งของร้าน
เสียงเพลงจังหวะเร็วขึ้นนิดหน่อย.........................กระตุกอารมณ์ผู้หมวดหนุ่มให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
แสงไฟมืดบ้างสว่างบ้างกระพริบแวบวับไปกับจังหวะเพลงนำ
1 ในชายหนุ่มสองคนที่เดินขึ้นเวทีมาทำให้คริสตินถึงกับอ้าปากตาโตแทบถลนออกมาจากเบ้า
แผงอกแกร่งเปลือยเปล่า กับกางเกงชั้นในตัวจิ๋วสีดำสนิท มันใส่ที่รัดแขนเป็นเซทเดียวกับกางเกงชั้นในและสายรัดไหล่ทั้งสองข้าง สร้อยสีเงินรูปไม้กางเขนปักเพชรถูกผูกไว้กลางลำคอ หน้าผากที่ถูกเซ็ทเปิด โชว์หราเรียวหน้าสวย แว่นสายตาสีชาอ่อนทำให้ใบหน้าละอ่อนนั่นดูเท่ขึ้นอีกจม รวมถึงรองเท้าบูตครึ่งน่องสไตล์เฮฟวี่
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก / กรี๊ดดดดดดดดดดด / อร้ายยยยยยยยยยยยยยย~ ~
เสียงกรีดร้องที่ไม่รู้ของใครเป็นของใครดังสนั่นลั่นไปทั่วบาร์ เมื่อมีการแนะนำดีกรีเด็กใหม่สดซิงจากดีเจที่เปิดเพลงอยู่ด้านล่าง
คริสปลอบใจตัวเองว่าเสียงกรีดร้องที่ได้ยินนั่นคงไม่ได้หลุดออกมาจากเขาด้วยส่วนหนึ่งหรอกนะ
เพราะเขาเองแทบจะอดรนทนไม่ไหวทันทีที่คู่หูสุดเท่หันหลังโชว์กล้ามเนื้อสวยที่แผ่นหลังกว้างรอยสักเป็นตัวหนังสืออะไรบางอย่างบริเวณบั้นท้ายที่หมิ่นเหม่กับขอบกางเกงในนั่น เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมด้านล่างดังกระหึ่มไปทั้งบาร์
มันสักคำว่าอะไร??!!
“โอ่ยยยยย แย่แล้ว นี่กูใจสั่นทำเหี้ย!ไรเนี่ยยยย” คริสหน้าซีดตาลอยไร้จุดโฟกัส
ฝ่ามือจากเม่นที่โบกไหว ๆ อยู่ด้านหน้าเรียกสติสตังผู้หมวดหนุ่มให้กลับคืนมาอีกครั้ง สัญชาตญาณตำรวจวิ่งปรู๊ดเข้าสู่กระแสเลือดเช่นเดิม
เม่นหัวเราะขำแซวเขาเบา ๆ แต่คริสตินหาได้แคร์ไม่
ชายหนุ่มเริ่มนึกถึงคำพูดของคู่หูที่บอกไว้ว่าถ้าเป้าหมายเข้ามาแล้วเขาจะขึ้นโชว์ทันที สายตาจริงจังนั่นเริ่มสอดส่ายไปทั่วร้านอย่างร้อนรน
ไม่เจอ
หายังไงก็หาไม่เจอใบหน้าผู้ต้องสงสัยที่จดจำมานั่นเลย ทำเอาคริสถึงกับเริ่มเครียดหนักขมวดคิ้วแน่น
จนกระทั้งเจ๊เปรี้ยวที่ยังคงนั่งอยู่ด้านหน้าเคาเตอร์เหล้าตอนนี้ ต้องสะกิดเขาเบา ๆ แล้วพยักเพยิดหน้าไปที่มุมสุดของบาร์มุมหนึ่ง
คริสตินมองตามอย่างไว เพ่งสายตาทะลวงความมืดสุดชีวิต
ชายคนนั้น...
คุณหมอหนุ่มใหญ่วัย 39 คเชนทร์ โชนิน เขากำลังนั่งคุยอยู่กับ ‘น้องหนึ่ง’ นักเต้นชายวัยละอ่อนอย่างออกรส ร่างกายบอบบางของน้องหนึ่งออดอ้อนถูไถอยู่ที่ในวงแขนแกร่ง ใบหน้าแสนสุภาพนั่นจดจ้องอยู่บนเวทีไม่วางตา
คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ
‘ไอ้ซาโต้มันจะโดนใจเจ้าคุณหมอนี่บ้างไหมน้อ’ คริสนึกๆ พลันก็คิดสงสารคู่หูตนเองขึ้นมาเมื่อเห็นเหล่ากระเทยหลากหลายทยอยไปยืนออหน้าเวทีรอเสียบแบงค์สีแดง ๆ สีม่วงสีเทาลงที่ขอบกางเกงในนั่น
แต่นักเต้นหน้าใหม่อย่างซาโต้กลับไม่ยอมเดินเข้ามาริมขอบเวทีเลยแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้เสียงเรียกจากด้านล่างยิ่งดังขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะตอนนี้พี่แป๋ว อดีตคนเคยกรี๊ดเจ้าซาโต้เตรียมพวงมาลัยห้อยแบงค์แดง ๆ พวงเบ้อเริ่มรอคล้องชายหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มปริ่มสุดชีวิต
ในที่สุดเพลงโชว์ก็จบลงโดยที่เจ้าซาโต้ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาเสียบเงินสักกะใบเดียว แม้กระทั่งพวงมาลัยจากเจ๊แป๋วมันก็ยังไม่ยอมก้มลงมารับ เจ๊เปรี้ยวตรงรี่ไปรอรับชายหนุ่มที่ข้างเวทีทันที พร้อมพาเดินไปยังมุมที่น้องหนึ่งและเป้าหมายของเรานั่งอยู่ก่อนแล้ว
ระหว่างเดินผ่านหน้าเคาเตอร์เหล้าซาโต้หันมาตีคิ้วกวน ๆ ส่งให้คริสติน 1 ทีแบบไม่รู้ความหมาย
แต่นั่นก็พาลทำเอาคริสหน้าแต้มสีขึ้นมาอีกไม่รู้ตัว เมื่อได้เห็นร่างกายกำยำที่เกือบจะเปลือยเปล่าของคู่หูเข้าแบบใกล้ ๆ
เม่น บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันใช้ศอกสะกิดแซวชายหนุ่มเบา ๆ “เขินหลายทีแล้วนะครับน้องคิต ฮิ้ววว”
คริสตินได้แต่ส่งยิ้มฝืน ๆหึหึ แทนคำตอบ ‘เขินอะไรกันเล่า ผมอายแทนมันต่างหาก ไอ้ซาโต้บ้าไม่รู้กล้าทำไปได้ยังไง’
Tbc.