Monday, March 17, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 11


บทที่11



“อร่อยไหมลูก ธารทานเยอะๆนะครับ”


ธาราธารเพียงแค่พยักหน้ารับเบา ๆ เมื่อเธอตักผัดเปรี้ยวหวานกุ้งใส่จานลูกชาย ดูเหมือนวันนี้ภัครจิราอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ธาราธารมาค้างที่บ้านสองสามวันแล้ว ช่วงหลังมาเธอให้วารินดูแลธาราธารตลอดและตัวธาราธารเองก็เรียนหนัก เพราะฉะนั้นนานๆทีเขาสองแม่ลูกจึงจะมีเวลาทานอาหารร่วมกันบ้าง


“วารินเป็นยังไงบ้าง เขาดูแลลูกดีรึเปล่า”


“...ครับ ก็ดี”


ธาราธารเงยหน้ามองภัครจิรานิ่ง เขาหยุดคิดนิดหนึ่งและตอบเรียบๆในแบบของเขา แต่ภัครจิราพอดูรู้ว่าธาราธารถูกใจวารินแค่ไหนเพราะไม่อย่างนั้นคงรีบมาบอกให้เธอเปลี่ยนคนใหม่นานแล้ว  เธอแอบมองลูกชายด้วยแววตายิ้มๆ ธารธารรูปร่างเปลี่ยนไปนิดหน่อยดูสูงขึ้นและตัวใหญ่ขึ้นกลายเป็นหนุ่มเต็มตัว พักหลังมานี้เขาไม่มีปัญหามาให้เธอตามสะสางตามแก้ไขอีกแล้ว เรื่องใช้เงินก็ลดลงซื้อแต่ละครั้งก็จะเป็นชิ้นใหญ่ๆไปเลยไม่หว่านเงินทิ้งพร่ำเพรื่ออย่างแต่ก่อนอีก  เธอแอบถามวารินอยู่เหมือนกันแต่อีกฝ่ายบอกไม่มีเรื่องอะไรต้องเป็นห่วงดังนั้นเธอจึงปล่อยวารินจัดการต่อไป


“แม่เองก็รู้สึกว่าเขาทำงานนี้ได้ดี ต่อไปจะค่อยๆให้เขาสอนเรื่องงานโรงแรมให้กับลูก ไม่ต้องรีบร้อนค่อยเรียนรู้ไปทีละนิดธารว่าดีไหมครับ” เธอตะล่อมลูกชาย ธาราธารคอยปฏิเสธเรื่องงานบริหารมาตลอดมุ่งมั่นอยากจะเป็นหมออย่างเดียว เธอเคยพูดจนอ่อนใจมาแล้ว


“แบบนั้นก็ได้ครับ พี่ทรายเขาก็อธิบายอะไรๆเข้าใจง่ายดี”


ภัครจิรายิ้มกว้างหลังฟังคำตอบ  เธอตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่ให้วารินเข้ามาดูแลลูกชายคนเดียวของเธอ เธอคิดว่าคงต้องตบรางวัลหนักๆให้เลขาคนโปรดของเธอสักหน่อยแล้ว อาจจะเป็นบ้านพร้อมที่ดินที่วารินและพี่ชายอาศัยอยู่ด้วยกันซึ่งตอนนั้นเธอไปช่วยไถ่ซื้อคืนมาไว้ให้ปัจจุบันกลายเป็นกรรมสิทธิ์ในชื่อของธาราธาร


“แม่อยากจะให้รางวัลวารินเขา ถ้าลูกไม่ว่าอะไรบ้านของวารินตรงนั้น ที่ดินเล็กๆนั่นน่ะลูก แถวสีลมที่แม่โอนให้ธารเมื่อสองปีที่แล้ว แม่ว่าจะยกคืนให้วาริน ตอบแทนที่เขาช่วยดูแลธาร ลูกจะว่าอะไรไหม”


ภัครจิรามองหน้าลูกชายอย่างคาดหวังคำตอบ


“ไม่ว่าหรอกครับ ให้เขาคืนไปเถอะ ผมเองก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากตรงนั้นอยู่แล้วคุณแม่อยากทำอะไรก็ตามใจเลย”


ธาราธารดูเปลี่ยนไปจริงๆทั้งนิสัยใจคอคำพูดคำจา เขาโตขึ้นเองหรือวารินสอนเขาดีกันแน่ ภัครจิราเชื่อว่าวารินคงมีอิทธิพลกับความคิดของเด็กคนนี้มากๆ


ภัครจิราไตร่ตรองในใจเงียบๆ พยักหน้ารับรู้และคิดไว้ว่าวันไหนว่าง ๆ จะจัดการเรื่องที่ดินคืนให้วารินกับพี่ชาย

.
.

“ทำไมวันนี้ถึงแวะมารับกันได้ล่ะเนี่ย”


วารินก้าวขึ้นรถแล้วหันไปถามปกติวันธรรมดาแบบนี้ธาราธารไม่มีวันแวะมาหาเขาเด็ดขาดหมกตัวอยู่แต่ที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น ธาราธารรอให้วารินกดสายเข็มขัดให้เรียบร้อยแล้วจึงออกรถ


“วันนี้สอบเสร็จเร็วน่ะ ไปดูห้องกันเถอะ พี่ดูๆไว้ที่ไหนบ้างรึเปล่า”


ธาราธารขับรถเลี้ยวออกจากโรงแรม ช่วงบ่ายถนนโล่งสบาย เบนซ์สองประตูสีขาวแล่นฉิวดังใจนึก วารินเริ่มชินกับสไตล์การขับรถของธาราธารแล้ว เขานั่งมาเกือบสองปีไม่ว่าจะเร็วแค่ไหนแต่ธาราธารรอบคอบเสมอและไม่เคยผิดพลาด น่าแปลกที่เขาเป็นคนขับรถเร็วมากแต่เวลารถติดกลับใจเย็นมากเช่นกัน วารินไม่เคยได้ยินธาราธารบ่นหรือด่ารถคันอื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว


“ที่นี่เหรอ” วารินเงยหน้าดูตัวตึกและโดยรอบ เป็นตึกสามหลังหันหน้าเข้าหากันตรงกลางมีสระว่ายน้ำ


“ดีไหม สวยนะเป็นส่วนตัว ถึงจะแพงไปนิดแต่ผมไม่สนใจเรื่องนั้น” เขาตอบอย่างคนรวย วารินแอบเบ้ปากและบ่นพึมพำอยู่คนเดียว


“พี่ชอบไหม”


ธาราธารถามสั้น ๆ หลังจากเดินดูภายในห้อง แน่นอนว่าเขาเลือกห้องที่มีพื้นที่ใช้งานมากสุดไม่ได้ถามเรื่องราคาเลยสักนิด คล้ายๆกับห้องเดิมแต่กว้างกว่านิดหน่อย แต่งโทนสีขาวตัดสีน้ำตาลดูหรูหรากว่าที่เดิมหลายเท่าตัว แค่ห้องนอนก็ปาเข้าไปสามห้อง


“มัน...กว้างไปไหมธาร” วารินอึกอักถาม


“ถ้างั้นไม่เอา! ไปดูที่อื่นกัน”


ธาราธารแทรกขึ้นอย่างไม่แคร์ วารินรีบกระตุกชายเสื้อเขาเบา ๆ กลัวเสียมารยาทเพราะเห็นว่าพนักงานที่พาชมเริ่มหน้าเสียแล้ว วารินจึงดึงธาราธารออกมาไกลอีกหน่อย


“ใจเย็นๆสิ ค่อยๆพูด แล้วธารชอบรึเปล่าล่ะ ถ้าชอบ...”


“แล้วพี่ล่ะ ถ้าพี่ไม่ชอบผมไม่เอานะ พี่ตัดสินใจเถอะ”


“แต่ธารเป็นคนอยู่ ถ้าธารชอบก็ซื้อเลยพี่จะไปตัดสินใจแทนเราได้ยังไง” วารินโต้กลับอย่างโมโหแต่ยังคงเสียงเบาไว้


“โอเค! พี่ตอบผมคำเดียวผมจะตัดสินใจเอง พี่ชอบที่นี่ไหม?”


ธาราธารเน้นคำถามที่ท้ายประโยคชัดๆ ช้าๆ วารินถอนใจอย่างยอมแพ้จริง ๆ “ชอบดิ”


“ก็แค่นั้น”


ธาราธารกำลังคุยกับพนักงานขายเรื่องตกแต่งภายในใหม่ ขณะที่วารินแอบเดินสำรวจไปทั่วห้องอีกครั้ง  ธาราธารคิดจะเปลี่ยนให้ห้องนอนหนึ่งในสามให้กลายเป็นห้องแต่งตัวเพราะธาราธารเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าเครื่องประดับ เยอะมากและเขาชอบที่จะจัดแยกอะไรๆให้เป็นระเบียบ และที่ห้องนอนเล็กเขาให้ดัดแปลงเป็นห้องหนังสือ


“ทำไมไม่ให้คนของเรามาทำเรื่องตกแต่งให้ล่ะ ใช้คนของเขาจะไว้ใจได้เหรอ มันจะสวยถูกใจไหม”


เมื่อเขาสองคนเดินลงมาจากตึกวารินก็ถามขึ้น เจ้าหน้าที่ด้านล่างโค้งให้พวกเขาอย่างสวยงามคงต้องรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาตกลงซื้อเลยทันทีไม่ใช่แค่มาขอดูก่อนเหมือนคนอื่น ๆ


“ไม่เป็นไรหรอก บริษัทนี้เขาชื่อเสียงดีไว้ใจได้ อ้อ ห้องนอนใหญ่ผมให้เขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทั้งหมดนะพี่ชอบใช่ไหม” ธาราธารพูดนิ่งๆเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่วารินหันมองเขาตาขวาง


“ช...ชอบ แล้วทำไม”  วารินตะกุกตะกักธาราธารหันมามองเขาอย่างฉงน “ไม่เห็นเกี่ยวเลย พี่ไม่ได้ไปอยู่ด้วยสักหน่อย ”


...ใช่แล้ว จะแต่งสีอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักนิด...


เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆอย่างคนรู้ทัน วารินได้แต่นั่งค้อนปะหลับปะเหลือก ตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีทางไปนอนค้างด้วยแน่ ๆ แค่ไปเช้าเย็นกลับก็มากพออยู่แล้ว เขาอาจจะต้องพูดเรื่องนี้กับธาราธารอีกครั้ง


“ไม่เข้าไปแน่นะ”


เมื่อรถจอดลงที่หน้าบ้าน วารินเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าสะพายที่หลังเบาะ ธาราธารฉวยโอกาสเอาปลายจมูกเข้ามาเฉียดแก้มใสของวารินอย่างจงใจ วารินหน้าแดงแจ๋ “หอมนม” แน่นอนว่าต้นแขนแน่นๆนั้นถูกฟาดไปหนักๆหนึ่งที “บ้า! พูดอะไรน่ะ”  แต่เหมือนเขายิ่งสนุกธาราธารยิ้มยิ่งแกล้งยื่นหน้าเข้าหาอีก วารินผลักเขาออกจนกระเด็นไปชนกระจกรถ


“แรงเยอะนะ เดี๋ยวเหอะๆ”


 เขาทำหน้าคาดโทษ วารินจึงฟาดเขาไปอีกหน คราวนี้มั่นใจได้เลยว่าต้นแขนเขาคงแดงเถือกเป็นทางแน่


“เลิกเล่นได้แล้ว ชอบเล่นอะไรแปลกๆนี่มันกลางถนนนะเกิดคนเห็นเขาจะคิดยังไง”


วารินทำเสียงง่องแง่งแกล้งค้อนได้ยินแต่อีกฝ่ายบ่นพึมพำ ใครจะเห็นก็ช่างเขาสิ  ธาราธารตามไปส่งวารินถึงหน้าประตูรั้ว เขาก้มลงดึงไม้คัดกลอนของรั้วไม้ออก แล้วเอื้อมมือไปจับมือเล็กของวารินมาบีบไว้แน่น


“ไม่ไปไหนอีกแล้ว วันนี้จะกลับไปค้างที่บ้าน”


สายตาเขามั่นคงเหมือนกับน้ำเสียงของเขา วารินจ้องหน้าเขานิ่งเริ่มทำหน้าไม่ถูก “พี่ไม่ได้ถามเราสักหน่อย”


“ผมก็แค่อยากบอก กลัวคนบางคนคิดมาก”


เขาลากเสียงยิ้ม ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นริมถนนหน้าบ้านของเจ้าตัว เขาคงดึงคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วเพราะตอนนี้หน้าตาวารินมัน ลูกหมามากหน้าแดงลามไปถึงหูถึงคอ


ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น ทำให้เขาได้รู้หัวใจตัวเอง


ธาราธารไม่คิดแคร์อะไรอีกแล้ว จะเป็นเรื่องอายุ ความเหมาะสม ขอแค่วารินสบายใจและยอมอยู่ด้วยกันกับเขาไปตลอด


เวลาจะช่วยไขความกังวลทุกอย่างให้ค่อยเดินผ่านไป

และเขากับวารินจะผ่านมันไปด้วยกัน เขามั่นใจว่าวารินก็คิดแบบเดียวกับเขา


“พี่รักผมไหม” จู่ๆเขาถามขึ้น วารินเบิกตากว้างปากเล็กอุทานเรียกชื่อเขาแต่เสียงกลับไม่หลุดออกมา


“ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีแค่ไหน ผมไม่เคยคบใครจริงจัง แต่ผมคิดว่าอยากหยุดอยู่ที่พี่เป็นคนสุดท้าย  ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้พี่รู้ไว้ว่าคนที่ผมรักคือพี่คนเดียว”


มันอาจจะเร็วไปสำหรับเด็กอายุยี่สิบอย่างเขา ดูเหมือนว่าเป็นคำสัญญาเลื่อนลอยไม่นานก็คงเปลี่ยนใจ ธาราธารยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเล็กเมื่อเห็นว่าวารินกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา


“ตอนนี้ยังไม่ต้องเชื่อหรอก แต่ให้พี่คอยดูผมไปเรื่อยๆ เราดูกันไปจนแก่เลยดีไหมครับ”


วารินจ้องหน้าเขานิ่งไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกเด็กสารภาพรักต่อหน้าต่อตาตอนอายุสามสิบสองแบบนี้ ธาราธารเลื่อนมือมาประคองแก้มนุ่มไว้อย่างเบามือ ปากเล็กๆค่อยคลี่ยิ้มออกอย่างลืมตัว เขาโน้มใบหน้าคมลงจุมพิตที่หน้าผากเนียนเบา ๆ โดยมีเงาของต้นลั่นทมใหญ่ทาบทับบดบังไว้ วารินหลับตาลงแน่น ถ้าหากเขาตอบรับธาราธาร จากนี้ไปไม่รู้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคอีกมากมายแค่ไหน ตัวเขาจะพร้อมไหมที่จะก้าวเข้าไปในดงหนามเหล่านั้น

.
.

“พี่ซี! ทรายกลับมา...ล...แล้ว..ครับ


วารินตกใจไม่คิดว่าจะมีลูกค้าสองคนของภูวดลนั่งอยู่ในบ้าน เขาค่อยค้อมตัวผ่านเข้ามาวางกระเป๋าที่โซฟาด้านใน ก่อนเข้ามาเขาเห็นรถคันใหญ่ที่หน้าบ้านแต่ไม่ทันได้ฉุกใจคิดถึงได้ทะเล่อทะล่าเข้ามาแบบนี้


“ทรายมานี่ครับ มารู้จักลูกค้าสำคัญของพี่ก่อน” ปกติภูวดลไม่เคยแนะนำลูกค้าให้เขารู้จักอย่างเป็นทางการแบบนี้ วารินมองครั้งเดียวก็จำได้แล้วหนึ่งในนั้นคือ ชนาธิป เด็กที่เมื่อปีที่แล้วมาให้ภูวดลวาดภาพนิ่งให้ คราวนี้มากับใครสักคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ดูโดดเด่นจนวารินต้องเหลียวหลังกลับไปดู


“นี่คุณทัตพล คุณพ่อของชนาธิป ทรายจำชนาธิปได้ใช่ไหมที่น้องเขามาให้พี่ซีวาดรูปให้เมื่อปีที่แล้วไง”

วารินยกมือขึ้นไหว้ทัตพลอย่างสุภาพแล้วรับไหว้ชนาธิปไปในตัว ทัตพลยกมือขึ้นรับพร้อมส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้แล้วกลับไปสนใจผลงานภาพวาดหลากหลายบนโต๊ะนั่นต่อ  วารินหย่อนตัวนั่งลงใกล้ๆกับภูวดล ลอบสำรวจทัตพลดี ๆอีกครั้งเพราะเขามีความรู้สึกว่าทัตพลเหมือนใครสักคนที่เขาเคยรู้จัก


ทัตพลเป็นผู้ใหญ่ที่หล่อและดูดีมากๆ วารินไม่กล้าคาดเดาอายุ  เขาไม่มีผมหงอกเลยสักเส้น รูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างสวยงามจนเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมอยู่กระดุมเม็ดบนคงหลุดออกจากรังดุมโดยไม่ตั้งใจเผยให้เห็นหน้าอกฟิตๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นแสดงว่าเขาดูแลตัวเองดีมาตลอด มือไม้เรียวยาวขาวสะอาดเขาสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายคงเป็นของคุณแม่ของชนาธิป 


วารินมองส่วนที่โดดเด่นที่สุดในร่างกายเขานั่นก็คือผิว ทัตพลเป็นผู้ชายที่มีผิวสวยมาก ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของสิวเลยสักเม็ด เนียนละเอียดจนไม่น่าเชื่อ เขาไม่ขาวจนเกินไปแต่ก็ไม่ใช่ผิวสีแทน คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน วารินก้มมองตัวเองแล้วยังอาย ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นถึงพ่อของเด็กมหาวิทยาลัยคนหนึ่งกลับมาผิวพรรณเนียนสวยและบุคลิกภาพดูดีได้ขนาดนี้


.....เขาดูเหมือนใครสักคน....


วารินพยายามนึกแต่จะอย่างไรก็นึกไม่ออก จนกระทั่งทัตพลเปิดบทสนทนากับภูวดลอีกครั้ง วารินถึงนึกได้ในทันที ธาราธารผู้ชายคนนี้เหมือนธาราธารมากๆ ขอย้ำว่ามากที่สุด ถ้าเปลี่ยนจากชนาธิปมาเป็นธาราธารที่นั่งข้างเขาไม่ต้องบอกก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพ่อลูกไม่ก็พี่น้องกัน


ส่วนชนาธิป เขาคงจะเหมือนคุณแม่ของเขา เพราะไม่มีส่วนใดเลยที่เขาดูเหมือนทัตพล วารินเผลอคิดเรื่อยเปื่อย


“วันนี้ขอบคุณมาก มารบกวนซะนาน”


เสียงนุ่มลึกแบบผู้ใหญ่ดึงความสนใจจากวารินไปได้ทั้งหมดทั้งที่กำลังจมอยู่กับความคิด ภูวดลยกมือไหว้วารินเองก็ยกตามด้วยอีกรอบ ขณะชนาธิปเดินไปที่รถแต่ทัตพลกลับยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม


“โทษทีนะซี ผมขอคุยกับน้องชายคุณสักครู่ได้ไหม”


วารินหันมองภูวดลทันทีจากนั้นหันกลับไปมองทัตพลอีกครั้ง ภูวดลเหมือนจะรู้ว่าทัตพลมีธุระบางอย่างอยากจะคุยกับวารินเขาแตะไหล่น้องชายแล้วพยักหน้าให้เบา ๆก่อนเดินกลับเข้าไปในบ้าน


“เธอชื่อทรายสินะ เมื่อสักครู่นี้ธาราธารมาส่งเธอใช่ไหม?” เขาถามออกมาตรง ๆ

วารินมองเขาด้วยความแปลกใจ ทำไมทัตพลถึงรู้ว่าธาราธารมาส่งเขา  ทัตพลรู้จักธาราธารด้วย?


“ค...ครับ คุณรู้จักธารด้วยเหรอ” วารินตอบตะกุกตะกักแล้วถามต่อ


“จะไม่รู้จักได้ยังไง ธาราธารเขาเป็นลูกชายฉันนี่”


วารินเบิกตาค้างยกมือทาบอกอย่างไม่รู้ตัว จมลงในความคิดส่วนตัวอีกครั้งไม่อยากเชื่อเลยทัตพลคือพ่อของธาราธารจริงหรือ? ถ้าบอกว่าไม่เชื่อคงไม่ได้เพราะหน้าตาท่าทางก็ฟ้องอยู่แล้ว ถึงแม้ภัครจิราจะเคยเอ่ยถึงแต่กลับไม่เคยมีข่าวหลุดออกมาให้รู้สักครั้งว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วารินมองสบตาทัตพลอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้


“ฉันยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เธอสองคนยังไม่ลงมาจากรถเลยด้วยซ้ำ”


เพราะทัตพลออกมาคุยโทรศัพท์ทำให้เขาเห็นทุกอย่างอย่างที่ไม่ควรจะเห็น วารินตกใจหนักยิ่งกว่าเดิม ทัตพลคงจะอยากบอกว่าเขาเห็นที่ธาราธารทำกับวารินทุกอย่างแน่ๆ


“ตรงๆเลยนะทราย เธอเป็นอะไรกับลูกชายของฉัน”

ทัตพลล้วงสองมือเข้าในกระเป๋ากางเกง  วารินอยากจะถามจริง ๆ ว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่ บุคลิกท่าทางของเขามัน

ช่าง....

ลมพัดมาเบา ๆ ...กลิ่นลั่นทมหอมฟุ้งไปทั่ว เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปลิวระใบหน้าเล็กน่ารัก สายตาของเขาจ้องมองที่วารินอย่างต้องการคำตอบ


“พี่เลี้ยงครับ ผมเป็นแค่คนดูแลไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”


“คนดูแล” เขาทวนคำ คิ้วคมเลิกขึ้นนิดหน่อย


“ใช่ครับ คุณภัครเธอให้ผมคอยดูแลเป็นธุระจัดการทุกเรื่องทุกอย่างให้กับน้อง เพราะเธอทำงานหลายที่ไม่ค่อยมีเวลาน่ะครับ”


“อย่างนั้นหรอกเหรอ” เขาใช้สายตาประเมินคำพูดของวาริน ทำเอาวารินทำหน้าไม่ถูก


“ธารเข้าชอบเล่นอะไรแปลกๆ ที่คุณเห็นวันนี้ก็ไม่มีอะไรนะครับ เราแค่เล่นกันเท่านั้น”


“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวเขาอยู่แล้ว” ทัตพลเดินเข้าหาวารินใกล้ๆยื่นนามบัตรส่งให้คนตัวเล็ก


“ทั้งธารและภัครไม่เคยรู้ว่าฉันติดตามดูธารเขามาตลอด  เธอเก็บความลับได้ใช่ไหมทราย ฉันไว้ใจเธอได้ใช่ไหม”
วารินก้มมองนามบัตรในมือ มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ทัตพลดันมาเป็นลูกค้าสำคัญของภูวดล เขาคนนี้เป็นถึงสามีของภัครจิราและเป็นถึงคุณพ่อของธาราธาร เขาย้ำมาแบบนี้แสดงว่าต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับต่อไป


วารินพยักหน้ารับเบาๆ “ครับ”


“สองทุ่มวันศุกร์ รบกวนมาเจอฉันที่ห้องอาหาร........ของโรงแรม......ฉันจะรอเธออยู่ที่นั่น ถือว่าฉันขอร้องก็ได้ ฉันมีเรื่องมากมายอยากจะถามเธอเกี่ยวกับธาราธารลูกชายของฉัน เธอคงไม่ใจร้ายกับฉันสินะ”

.
.

“คิดเรื่องอะไรครับทราย เหม่อเชียว”


วารินนอนดูโทรทัศน์เล่นไปเรื่อย แต่เหมือนจิตใจวารินไม่ได้อยู่ที่หน้าจอ


“พี่ซีครับ คุณทัตพลกับน้องชนาธิปเขามาทำอะไรอ่ะ”


“เขามาติดต่อขอซื้อภาพ ชนาธิปเข้าติดใจฝีมือพี่ซีเลยพาคุณพ่อเขามาดูเห็นว่าจะซื้อไปให้ของขวัญเพื่อนที่เพิ่งเปิดพิพิธภัณฑ์ภาพวาดที่แพร่”


“แล้วได้ไหมครับ เขาเลือกได้สักรูปไหม”


“สี่รูป” ภูวดลเน้นคำชูนิ้วเลขสี่ขึ้นอย่างภูมิใจ “สองแสนสี่  แค่นี่ถือว่าเยอะมากสำหรับนักวาดภาพโนเนมอย่างพี่ซี”

วารินรีบลุกขึ้นยิ้มกว้างดีใจไปกับพี่ชาย เขาเดินเข้าไปแกล้งชกท้องภูวดลเบา ๆ ส่ายหน้าไม่ให้ภูวดลพูดจาดูถูกตัวเองแบบนั้นอีก ถึงภูวดลไม่ใช่ศิลปินมีอันดับแต่ผลงานของเขาวารินมองอย่างไรก็งดงามกว่าของคนอื่นเสมอ

.
.

“บังเอิญจังนะ มาอ่านหนังสือเหรอ”

ธาราธารเงยหน้าขึ้นมองคนพูด ชนาธิปวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ

“มาทำไม  ศาลายาก็มีหอสมุดไม่ใช่เหรอ”

ธาราธารพูดเย็นชาอย่างเคยเขาก้มลงไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ

“มาหาหนังสือที่ๆนั่นไม่มีดิ เผื่อที่นี่จะมีบ้าง นี่นายใส่แว่นด้วย?”

ธาราธารหันมามองเขานิดหนึ่งแล้วก้มลงไปสนใจหนังสือต่อ ชนาธิปเดินหายไปสักครู่ แล้วจึงกลับมาพร้อมหนังสือในมือสองสามเล่มเขาหย่อนก้นนั่งลงข้างธาราธาร อีกฝ่ายเขยิบถอยออกอย่างจงใจ

“จะสอบเหรอ ขยันจัง”

“สอบอยู่ตลอดนั่นแหละ ถามทำไม”

“เปล่า ก็แค่ชวนคุย  นี่!ได้ยินข่าวว่าปีสองเรียนกับศพ จริงป่ะ นายไม่กลัวเหรอ”

ชนาธิปทำเสียงกระซิบกระซาบ ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตอบเขาห้วนแค่ไหน

“อือใช่ แล้วไอ้ที่สอบอยู่ตลอดเนี่ยก็ข้อมูลที่มาจากท่านอาจารย์ใหญ่เนี่ยแหละ ผ่าวิเคราะห์ละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย ลึกลงไปถึงไขกระดูกด้วยนะ นายคิดว่าฉันจะกลัวไหมล่ะ อยู่ด้วยกันทุกวันทุกสัปดาห์ไม่มีอะไรทำก็พูดคุยกับท่าน ก้มหน้าก้มตาลงไปจับต้องท่านทุกสัดส่วนทั้งในทั้งนอกทั้งปาดทั้งตัดทั้งดึงทั้งต่อ สำรวจยิ่งกว่าเรือนร่างสวยๆงามๆของสาวๆซะอีก  ชินแล้ว!”

ธาราธารไม่ใช่คนพูดมาก แต่พอพูดถึงเรื่องนี้เขาเครียดมากจนแทบจะบ้าจึงระบายออกมาเสียยาว โดยเฉพาะแลปกรอส ยิ่งเรียนยิ่งเมามัน(คล้ายเขาจะบ้าเข้าไปทุกที คาดว่าพอขึ้นปีสามไอ้ที่เรียนเรื่องไม่ปกติทั้งหลายมันจะทำให้เขาผิดปกติไปจริง ๆ )

เขาว่าแล้วปิดหนังสือลงอย่างหงุดหงิด เมื่อโดนชนาธิปกวนถามโน่นนี่ต่อไปไม่หยุด  พอเดินออกมาจากหอสมุดชนาธิปรีบตาม

“นี่ธารไปกินข้าวด้วยกันเถอะ นะๆ”ชนาธิปดึงแขนธาราธารไว้

“นี่ถามจริง นายนี่มันตามติดทุกคนแบบนี้ตลอดรีเปล่าเนี่ยฮึ หรือว่าเป็นกับฉันคนเดียว”

เขายกมือขึ้นเสยผมอย่างเซ็งๆชนาธิปไม่ปล่อยเขาง่าย ๆ

“ธิปก็แค่อยากทานข้าวกับธาร นะได้ไหม”

ธาราธารถอนใจหน่อยหนึ่งแต่ก็ยอมพาอีกคนไปกินด้วย หลังจากทานข้าวกันเสร็จธาราธารพาชนาธิปมาส่งที่เดิมเพราะรถของเขาจอดไว้แถวนี้

“ดีใจจังได้มาทานข้าวกับธารด้วย ไม่เจอกันเกือบปีแน่ะตั้งแต่ธารย้ายมาอยู่ที่นี่ ธิปขอมาหาธารอีกได้ไหม”

“ไม่ได้”

ธาราธารตอบทันทีเขาทำท่ารำคาญอีกฝ่ายเต็มที่ ชนาธิปยังไม่ยอมลงจากรถ

“ไม่รู้ล่ะธิปมีเบอร์ธารแล้ว ต่อไปถ้าธิปมาหา ธารต้องพาธิปทานข้าวนะ”

“ไม่ต้องมาหาลงไปได้แล้ว ฉันไม่ได้ว่างเหมือนนาย”

เขาไล่ดื้อๆ ชนาธิปจำใจก้าวลงจากรถแต่ยังไม่ยอมปิดประตู ร่างเล็กก้มลงมามองหน้าธาราธารเหมือนมีอะไรอยากจะพูด ธาราธารเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“อะไร”ธาราธารถามเสียงนิ่ง

“ธาร ที่เขาลือกันจริงไหม? ที่ว่าธารได้ทั้งชายทั้งหญิงน่ะ”

“จริง!” ธาราธารตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติ ชนาธิปเองก็ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วดูเขาไม่ค่อยแปลกใจ

“แล้วธารมีแฟนรึยัง”

“มีแล้ว”

“ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“ผู้ชายแล้วก็รักแฟนมากด้วย ถามจบแล้วก็ปิดประตูให้ซะที”

ชนาธิปยืนมองท้ายรถสีขาวที่ขับห่างออกไป ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าธาราธารมีเสน่ห์มากมายเหลือเกิน หน้าตาท่าทางคล้ายกับคุณพ่อเขามากจนเขาอดคิดไปไม่ได้ว่าตอนคุณพ่อเขาเป็นหนุ่มคงจะรูปหล่อและก็เย็นชาแบบนี้แน่ ๆ  เขาเผลออมยิ้มออกมาแล้วกดโทรศัพท์มือถือส่งข้อความหาคนที่เพิ่งไล่เขาลงจากรถ

ขอบคุณนะสำหรับอาหาร วันหลังธิปเลี้ยงนะ


อย่างธาราธารหรือจะเคยเปิดอ่านข้อความไร้สาระพวกนี้ แม้กระทั่งสายเรียกเข้าถ้าเป็นเบอร์ที่เขาไม่รู้จักจริง ๆ ก็อย่าหวังว่าเขาจะรับเสียให้ยาก

Tbc.