บทที่11
“อร่อยไหมลูก ธารทานเยอะๆนะครับ”
ธาราธารเพียงแค่พยักหน้ารับเบา ๆ
เมื่อเธอตักผัดเปรี้ยวหวานกุ้งใส่จานลูกชาย ดูเหมือนวันนี้ภัครจิราอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ธาราธารมาค้างที่บ้านสองสามวันแล้ว
ช่วงหลังมาเธอให้วารินดูแลธาราธารตลอดและตัวธาราธารเองก็เรียนหนัก
เพราะฉะนั้นนานๆทีเขาสองแม่ลูกจึงจะมีเวลาทานอาหารร่วมกันบ้าง
“วารินเป็นยังไงบ้าง
เขาดูแลลูกดีรึเปล่า”
“...ครับ
ก็ดี”
ธาราธารเงยหน้ามองภัครจิรานิ่ง
เขาหยุดคิดนิดหนึ่งและตอบเรียบๆในแบบของเขา แต่ภัครจิราพอดูรู้ว่าธาราธารถูกใจวารินแค่ไหนเพราะไม่อย่างนั้นคงรีบมาบอกให้เธอเปลี่ยนคนใหม่นานแล้ว เธอแอบมองลูกชายด้วยแววตายิ้มๆ
ธารธารรูปร่างเปลี่ยนไปนิดหน่อยดูสูงขึ้นและตัวใหญ่ขึ้นกลายเป็นหนุ่มเต็มตัว
พักหลังมานี้เขาไม่มีปัญหามาให้เธอตามสะสางตามแก้ไขอีกแล้ว
เรื่องใช้เงินก็ลดลงซื้อแต่ละครั้งก็จะเป็นชิ้นใหญ่ๆไปเลยไม่หว่านเงินทิ้งพร่ำเพรื่ออย่างแต่ก่อนอีก
เธอแอบถามวารินอยู่เหมือนกันแต่อีกฝ่ายบอกไม่มีเรื่องอะไรต้องเป็นห่วงดังนั้นเธอจึงปล่อยวารินจัดการต่อไป
“แม่เองก็รู้สึกว่าเขาทำงานนี้ได้ดี
ต่อไปจะค่อยๆให้เขาสอนเรื่องงานโรงแรมให้กับลูก
ไม่ต้องรีบร้อนค่อยเรียนรู้ไปทีละนิดธารว่าดีไหมครับ” เธอตะล่อมลูกชาย
ธาราธารคอยปฏิเสธเรื่องงานบริหารมาตลอดมุ่งมั่นอยากจะเป็นหมออย่างเดียว
เธอเคยพูดจนอ่อนใจมาแล้ว
“แบบนั้นก็ได้ครับ
พี่ทรายเขาก็อธิบายอะไรๆเข้าใจง่ายดี”
ภัครจิรายิ้มกว้างหลังฟังคำตอบ
เธอตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ
ที่ให้วารินเข้ามาดูแลลูกชายคนเดียวของเธอ เธอคิดว่าคงต้องตบรางวัลหนักๆให้เลขาคนโปรดของเธอสักหน่อยแล้ว
อาจจะเป็นบ้านพร้อมที่ดินที่วารินและพี่ชายอาศัยอยู่ด้วยกันซึ่งตอนนั้นเธอไปช่วยไถ่ซื้อคืนมาไว้ให้ปัจจุบันกลายเป็นกรรมสิทธิ์ในชื่อของธาราธาร
“แม่อยากจะให้รางวัลวารินเขา
ถ้าลูกไม่ว่าอะไรบ้านของวารินตรงนั้น ที่ดินเล็กๆนั่นน่ะลูก แถวสีลมที่แม่โอนให้ธารเมื่อสองปีที่แล้ว
แม่ว่าจะยกคืนให้วาริน ตอบแทนที่เขาช่วยดูแลธาร ลูกจะว่าอะไรไหม”
ภัครจิรามองหน้าลูกชายอย่างคาดหวังคำตอบ
“ไม่ว่าหรอกครับ
ให้เขาคืนไปเถอะ ผมเองก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากตรงนั้นอยู่แล้วคุณแม่อยากทำอะไรก็ตามใจเลย”
ธาราธารดูเปลี่ยนไปจริงๆทั้งนิสัยใจคอคำพูดคำจา
เขาโตขึ้นเองหรือวารินสอนเขาดีกันแน่ ภัครจิราเชื่อว่าวารินคงมีอิทธิพลกับความคิดของเด็กคนนี้มากๆ
ภัครจิราไตร่ตรองในใจเงียบๆ
พยักหน้ารับรู้และคิดไว้ว่าวันไหนว่าง ๆ จะจัดการเรื่องที่ดินคืนให้วารินกับพี่ชาย
.
.
“ทำไมวันนี้ถึงแวะมารับกันได้ล่ะเนี่ย”
วารินก้าวขึ้นรถแล้วหันไปถามปกติวันธรรมดาแบบนี้ธาราธารไม่มีวันแวะมาหาเขาเด็ดขาดหมกตัวอยู่แต่ที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น
ธาราธารรอให้วารินกดสายเข็มขัดให้เรียบร้อยแล้วจึงออกรถ
“วันนี้สอบเสร็จเร็วน่ะ
ไปดูห้องกันเถอะ พี่ดูๆไว้ที่ไหนบ้างรึเปล่า”
ธาราธารขับรถเลี้ยวออกจากโรงแรม
ช่วงบ่ายถนนโล่งสบาย เบนซ์สองประตูสีขาวแล่นฉิวดังใจนึก
วารินเริ่มชินกับสไตล์การขับรถของธาราธารแล้ว เขานั่งมาเกือบสองปีไม่ว่าจะเร็วแค่ไหนแต่ธาราธารรอบคอบเสมอและไม่เคยผิดพลาด
น่าแปลกที่เขาเป็นคนขับรถเร็วมากแต่เวลารถติดกลับใจเย็นมากเช่นกัน
วารินไม่เคยได้ยินธาราธารบ่นหรือด่ารถคันอื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ที่นี่เหรอ” วารินเงยหน้าดูตัวตึกและโดยรอบ
เป็นตึกสามหลังหันหน้าเข้าหากันตรงกลางมีสระว่ายน้ำ
“ดีไหม
สวยนะเป็นส่วนตัว ถึงจะแพงไปนิดแต่ผมไม่สนใจเรื่องนั้น” เขาตอบอย่างคนรวย
วารินแอบเบ้ปากและบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“พี่ชอบไหม”
ธาราธารถามสั้น
ๆ หลังจากเดินดูภายในห้อง แน่นอนว่าเขาเลือกห้องที่มีพื้นที่ใช้งานมากสุดไม่ได้ถามเรื่องราคาเลยสักนิด
คล้ายๆกับห้องเดิมแต่กว้างกว่านิดหน่อย แต่งโทนสีขาวตัดสีน้ำตาลดูหรูหรากว่าที่เดิมหลายเท่าตัว
แค่ห้องนอนก็ปาเข้าไปสามห้อง
“มัน...กว้างไปไหมธาร”
วารินอึกอักถาม
“ถ้างั้นไม่เอา! ไปดูที่อื่นกัน”
ธาราธารแทรกขึ้นอย่างไม่แคร์
วารินรีบกระตุกชายเสื้อเขาเบา ๆ กลัวเสียมารยาทเพราะเห็นว่าพนักงานที่พาชมเริ่มหน้าเสียแล้ว
วารินจึงดึงธาราธารออกมาไกลอีกหน่อย
“ใจเย็นๆสิ
ค่อยๆพูด แล้วธารชอบรึเปล่าล่ะ ถ้าชอบ...”
“แล้วพี่ล่ะ
ถ้าพี่ไม่ชอบผมไม่เอานะ พี่ตัดสินใจเถอะ”
“แต่ธารเป็นคนอยู่
ถ้าธารชอบก็ซื้อเลยพี่จะไปตัดสินใจแทนเราได้ยังไง” วารินโต้กลับอย่างโมโหแต่ยังคงเสียงเบาไว้
“โอเค!
พี่ตอบผมคำเดียวผมจะตัดสินใจเอง พี่ชอบที่นี่ไหม?”
ธาราธารเน้นคำถามที่ท้ายประโยคชัดๆ
ช้าๆ วารินถอนใจอย่างยอมแพ้จริง ๆ “ชอบดิ”
“ก็แค่นั้น”
ธาราธารกำลังคุยกับพนักงานขายเรื่องตกแต่งภายในใหม่
ขณะที่วารินแอบเดินสำรวจไปทั่วห้องอีกครั้ง
ธาราธารคิดจะเปลี่ยนให้ห้องนอนหนึ่งในสามให้กลายเป็นห้องแต่งตัวเพราะธาราธารเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าเครื่องประดับ
เยอะมากและเขาชอบที่จะจัดแยกอะไรๆให้เป็นระเบียบ และที่ห้องนอนเล็กเขาให้ดัดแปลงเป็นห้องหนังสือ
“ทำไมไม่ให้คนของเรามาทำเรื่องตกแต่งให้ล่ะ
ใช้คนของเขาจะไว้ใจได้เหรอ มันจะสวยถูกใจไหม”
เมื่อเขาสองคนเดินลงมาจากตึกวารินก็ถามขึ้น
เจ้าหน้าที่ด้านล่างโค้งให้พวกเขาอย่างสวยงามคงต้องรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาตกลงซื้อเลยทันทีไม่ใช่แค่มาขอดูก่อนเหมือนคนอื่น
ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก
บริษัทนี้เขาชื่อเสียงดีไว้ใจได้ อ้อ ห้องนอนใหญ่ผมให้เขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทั้งหมดนะพี่ชอบใช่ไหม”
ธาราธารพูดนิ่งๆเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่วารินหันมองเขาตาขวาง
“ช...ชอบ
แล้วทำไม” วารินตะกุกตะกักธาราธารหันมามองเขาอย่างฉงน
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย พี่ไม่ได้ไปอยู่ด้วยสักหน่อย ”
...ใช่แล้ว
จะแต่งสีอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักนิด...
เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอออกมาเบา
ๆอย่างคนรู้ทัน วารินได้แต่นั่งค้อนปะหลับปะเหลือก ตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีทางไปนอนค้างด้วยแน่
ๆ แค่ไปเช้าเย็นกลับก็มากพออยู่แล้ว เขาอาจจะต้องพูดเรื่องนี้กับธาราธารอีกครั้ง
“ไม่เข้าไปแน่นะ”
เมื่อรถจอดลงที่หน้าบ้าน
วารินเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าสะพายที่หลังเบาะ
ธาราธารฉวยโอกาสเอาปลายจมูกเข้ามาเฉียดแก้มใสของวารินอย่างจงใจ วารินหน้าแดงแจ๋
“หอมนม” แน่นอนว่าต้นแขนแน่นๆนั้นถูกฟาดไปหนักๆหนึ่งที “บ้า! พูดอะไรน่ะ” แต่เหมือนเขายิ่งสนุกธาราธารยิ้มยิ่งแกล้งยื่นหน้าเข้าหาอีก
วารินผลักเขาออกจนกระเด็นไปชนกระจกรถ
“แรงเยอะนะ เดี๋ยวเหอะๆ”
เขาทำหน้าคาดโทษ วารินจึงฟาดเขาไปอีกหน
คราวนี้มั่นใจได้เลยว่าต้นแขนเขาคงแดงเถือกเป็นทางแน่
“เลิกเล่นได้แล้ว
ชอบเล่นอะไรแปลกๆนี่มันกลางถนนนะเกิดคนเห็นเขาจะคิดยังไง”
วารินทำเสียงง่องแง่งแกล้งค้อนได้ยินแต่อีกฝ่ายบ่นพึมพำ
‘ใครจะเห็นก็ช่างเขาสิ’ ธาราธารตามไปส่งวารินถึงหน้าประตูรั้ว
เขาก้มลงดึงไม้คัดกลอนของรั้วไม้ออก แล้วเอื้อมมือไปจับมือเล็กของวารินมาบีบไว้แน่น
“ไม่ไปไหนอีกแล้ว
วันนี้จะกลับไปค้างที่บ้าน”
สายตาเขามั่นคงเหมือนกับน้ำเสียงของเขา
วารินจ้องหน้าเขานิ่งเริ่มทำหน้าไม่ถูก “พี่ไม่ได้ถามเราสักหน่อย”
“ผมก็แค่อยากบอก
กลัวคนบางคนคิดมาก”
เขาลากเสียงยิ้ม
ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นริมถนนหน้าบ้านของเจ้าตัว
เขาคงดึงคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วเพราะตอนนี้หน้าตาวารินมัน ‘ลูกหมา’ มากหน้าแดงลามไปถึงหูถึงคอ
ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น
ทำให้เขาได้รู้หัวใจตัวเอง
ธาราธารไม่คิดแคร์อะไรอีกแล้ว
จะเป็นเรื่องอายุ ความเหมาะสม ขอแค่วารินสบายใจและยอมอยู่ด้วยกันกับเขาไปตลอด
เวลาจะช่วยไขความกังวลทุกอย่างให้ค่อยเดินผ่านไป
และเขากับวารินจะผ่านมันไปด้วยกัน
เขามั่นใจว่าวารินก็คิดแบบเดียวกับเขา
“พี่รักผมไหม”
จู่ๆเขาถามขึ้น วารินเบิกตากว้างปากเล็กอุทานเรียกชื่อเขาแต่เสียงกลับไม่หลุดออกมา
“ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีแค่ไหน
ผมไม่เคยคบใครจริงจัง แต่ผมคิดว่าอยากหยุดอยู่ที่พี่เป็นคนสุดท้าย ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้พี่รู้ไว้ว่าคนที่ผมรักคือพี่คนเดียว”
มันอาจจะเร็วไปสำหรับเด็กอายุยี่สิบอย่างเขา
ดูเหมือนว่าเป็นคำสัญญาเลื่อนลอยไม่นานก็คงเปลี่ยนใจ
ธาราธารยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเล็กเมื่อเห็นว่าวารินกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ตอนนี้ยังไม่ต้องเชื่อหรอก
แต่ให้พี่คอยดูผมไปเรื่อยๆ เราดูกันไปจนแก่เลยดีไหมครับ”
วารินจ้องหน้าเขานิ่งไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกเด็กสารภาพรักต่อหน้าต่อตาตอนอายุสามสิบสองแบบนี้
ธาราธารเลื่อนมือมาประคองแก้มนุ่มไว้อย่างเบามือ ปากเล็กๆค่อยคลี่ยิ้มออกอย่างลืมตัว
เขาโน้มใบหน้าคมลงจุมพิตที่หน้าผากเนียนเบา ๆ โดยมีเงาของต้นลั่นทมใหญ่ทาบทับบดบังไว้
วารินหลับตาลงแน่น ถ้าหากเขาตอบรับธาราธาร
จากนี้ไปไม่รู้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคอีกมากมายแค่ไหน
ตัวเขาจะพร้อมไหมที่จะก้าวเข้าไปในดงหนามเหล่านั้น
.
.
“พี่ซี! ทรายกลับมา...ล...แล้ว..ครับ”
วารินตกใจไม่คิดว่าจะมีลูกค้าสองคนของภูวดลนั่งอยู่ในบ้าน
เขาค่อยค้อมตัวผ่านเข้ามาวางกระเป๋าที่โซฟาด้านใน
ก่อนเข้ามาเขาเห็นรถคันใหญ่ที่หน้าบ้านแต่ไม่ทันได้ฉุกใจคิดถึงได้ทะเล่อทะล่าเข้ามาแบบนี้
“ทรายมานี่ครับ
มารู้จักลูกค้าสำคัญของพี่ก่อน” ปกติภูวดลไม่เคยแนะนำลูกค้าให้เขารู้จักอย่างเป็นทางการแบบนี้
วารินมองครั้งเดียวก็จำได้แล้วหนึ่งในนั้นคือ ชนาธิป
เด็กที่เมื่อปีที่แล้วมาให้ภูวดลวาดภาพนิ่งให้
คราวนี้มากับใครสักคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ดูโดดเด่นจนวารินต้องเหลียวหลังกลับไปดู
“นี่คุณทัตพล
คุณพ่อของชนาธิป
ทรายจำชนาธิปได้ใช่ไหมที่น้องเขามาให้พี่ซีวาดรูปให้เมื่อปีที่แล้วไง”
วารินยกมือขึ้นไหว้ทัตพลอย่างสุภาพแล้วรับไหว้ชนาธิปไปในตัว
ทัตพลยกมือขึ้นรับพร้อมส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้แล้วกลับไปสนใจผลงานภาพวาดหลากหลายบนโต๊ะนั่นต่อ วารินหย่อนตัวนั่งลงใกล้ๆกับภูวดล ลอบสำรวจทัตพลดี
ๆอีกครั้งเพราะเขามีความรู้สึกว่าทัตพลเหมือนใครสักคนที่เขาเคยรู้จัก
ทัตพลเป็นผู้ใหญ่ที่หล่อและดูดีมากๆ
วารินไม่กล้าคาดเดาอายุ เขาไม่มีผมหงอกเลยสักเส้น
รูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างสวยงามจนเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมอยู่กระดุมเม็ดบนคงหลุดออกจากรังดุมโดยไม่ตั้งใจเผยให้เห็นหน้าอกฟิตๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นั่นแสดงว่าเขาดูแลตัวเองดีมาตลอด
มือไม้เรียวยาวขาวสะอาดเขาสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายคงเป็นของคุณแม่ของชนาธิป
วารินมองส่วนที่โดดเด่นที่สุดในร่างกายเขานั่นก็คือผิว
ทัตพลเป็นผู้ชายที่มีผิวสวยมาก ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของสิวเลยสักเม็ด
เนียนละเอียดจนไม่น่าเชื่อ เขาไม่ขาวจนเกินไปแต่ก็ไม่ใช่ผิวสีแทน คิ้วเข้ม
จมูกโด่งเป็นสัน วารินก้มมองตัวเองแล้วยังอาย ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นถึงพ่อของเด็กมหาวิทยาลัยคนหนึ่งกลับมาผิวพรรณเนียนสวยและบุคลิกภาพดูดีได้ขนาดนี้
.....เขาดูเหมือนใครสักคน....
วารินพยายามนึกแต่จะอย่างไรก็นึกไม่ออก
จนกระทั่งทัตพลเปิดบทสนทนากับภูวดลอีกครั้ง วารินถึงนึกได้ในทันที ‘ธาราธาร’ ผู้ชายคนนี้เหมือนธาราธารมากๆ
ขอย้ำว่ามากที่สุด ถ้าเปลี่ยนจากชนาธิปมาเป็นธาราธารที่นั่งข้างเขาไม่ต้องบอกก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพ่อลูกไม่ก็พี่น้องกัน
ส่วนชนาธิป เขาคงจะเหมือนคุณแม่ของเขา
เพราะไม่มีส่วนใดเลยที่เขาดูเหมือนทัตพล วารินเผลอคิดเรื่อยเปื่อย
“วันนี้ขอบคุณมาก มารบกวนซะนาน”
เสียงนุ่มลึกแบบผู้ใหญ่ดึงความสนใจจากวารินไปได้ทั้งหมดทั้งที่กำลังจมอยู่กับความคิด
ภูวดลยกมือไหว้วารินเองก็ยกตามด้วยอีกรอบ
ขณะชนาธิปเดินไปที่รถแต่ทัตพลกลับยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“โทษทีนะซี ผมขอคุยกับน้องชายคุณสักครู่ได้ไหม”
วารินหันมองภูวดลทันทีจากนั้นหันกลับไปมองทัตพลอีกครั้ง
ภูวดลเหมือนจะรู้ว่าทัตพลมีธุระบางอย่างอยากจะคุยกับวารินเขาแตะไหล่น้องชายแล้วพยักหน้าให้เบา
ๆก่อนเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“เธอชื่อ ‘ทราย’ สินะ เมื่อสักครู่นี้ธาราธารมาส่งเธอใช่ไหม?”
เขาถามออกมาตรง ๆ
วารินมองเขาด้วยความแปลกใจ
ทำไมทัตพลถึงรู้ว่าธาราธารมาส่งเขา ทัตพลรู้จักธาราธารด้วย?
“ค...ครับ
คุณรู้จักธารด้วยเหรอ” วารินตอบตะกุกตะกักแล้วถามต่อ
“จะไม่รู้จักได้ยังไง
ธาราธารเขาเป็นลูกชายฉันนี่”
วารินเบิกตาค้างยกมือทาบอกอย่างไม่รู้ตัว
จมลงในความคิดส่วนตัวอีกครั้งไม่อยากเชื่อเลยทัตพลคือพ่อของธาราธารจริงหรือ?
ถ้าบอกว่าไม่เชื่อคงไม่ได้เพราะหน้าตาท่าทางก็ฟ้องอยู่แล้ว ถึงแม้ภัครจิราจะเคยเอ่ยถึงแต่กลับไม่เคยมีข่าวหลุดออกมาให้รู้สักครั้งว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
วารินมองสบตาทัตพลอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
“ฉันยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เธอสองคนยังไม่ลงมาจากรถเลยด้วยซ้ำ”
เพราะทัตพลออกมาคุยโทรศัพท์ทำให้เขาเห็นทุกอย่างอย่างที่ไม่ควรจะเห็น
วารินตกใจหนักยิ่งกว่าเดิม ทัตพลคงจะอยากบอกว่าเขาเห็นที่ธาราธารทำกับวารินทุกอย่างแน่ๆ
“ตรงๆเลยนะทราย
เธอเป็นอะไรกับลูกชายของฉัน”
ทัตพลล้วงสองมือเข้าในกระเป๋ากางเกง วารินอยากจะถามจริง ๆ ว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่ บุคลิกท่าทางของเขามัน
ช่าง....
ลมพัดมาเบา ๆ
...กลิ่นลั่นทมหอมฟุ้งไปทั่ว เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปลิวระใบหน้าเล็กน่ารัก สายตาของเขาจ้องมองที่วารินอย่างต้องการคำตอบ
“พี่เลี้ยงครับ
ผมเป็นแค่คนดูแลไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
“คนดูแล”
เขาทวนคำ คิ้วคมเลิกขึ้นนิดหน่อย
“ใช่ครับ
คุณภัครเธอให้ผมคอยดูแลเป็นธุระจัดการทุกเรื่องทุกอย่างให้กับน้อง
เพราะเธอทำงานหลายที่ไม่ค่อยมีเวลาน่ะครับ”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ”
เขาใช้สายตาประเมินคำพูดของวาริน ทำเอาวารินทำหน้าไม่ถูก
“ธารเข้าชอบเล่นอะไรแปลกๆ
ที่คุณเห็นวันนี้ก็ไม่มีอะไรนะครับ เราแค่เล่นกันเท่านั้น”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่
นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวเขาอยู่แล้ว” ทัตพลเดินเข้าหาวารินใกล้ๆยื่นนามบัตรส่งให้คนตัวเล็ก
“ทั้งธารและภัครไม่เคยรู้ว่าฉันติดตามดูธารเขามาตลอด
เธอเก็บความลับได้ใช่ไหมทราย
ฉันไว้ใจเธอได้ใช่ไหม”
วารินก้มมองนามบัตรในมือ
มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ทัตพลดันมาเป็นลูกค้าสำคัญของภูวดล
เขาคนนี้เป็นถึงสามีของภัครจิราและเป็นถึงคุณพ่อของธาราธาร
เขาย้ำมาแบบนี้แสดงว่าต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับต่อไป
วารินพยักหน้ารับเบาๆ
“ครับ”
“สองทุ่มวันศุกร์
รบกวนมาเจอฉันที่ห้องอาหาร........ของโรงแรม......ฉันจะรอเธออยู่ที่นั่น
ถือว่าฉันขอร้องก็ได้ ฉันมีเรื่องมากมายอยากจะถามเธอเกี่ยวกับธาราธารลูกชายของฉัน
เธอคงไม่ใจร้ายกับฉันสินะ”
.
.
“คิดเรื่องอะไรครับทราย
เหม่อเชียว”
วารินนอนดูโทรทัศน์เล่นไปเรื่อย
แต่เหมือนจิตใจวารินไม่ได้อยู่ที่หน้าจอ
“พี่ซีครับ
คุณทัตพลกับน้องชนาธิปเขามาทำอะไรอ่ะ”
“เขามาติดต่อขอซื้อภาพ
ชนาธิปเข้าติดใจฝีมือพี่ซีเลยพาคุณพ่อเขามาดูเห็นว่าจะซื้อไปให้ของขวัญเพื่อนที่เพิ่งเปิดพิพิธภัณฑ์ภาพวาดที่แพร่”
“แล้วได้ไหมครับ
เขาเลือกได้สักรูปไหม”
“สี่รูป”
ภูวดลเน้นคำชูนิ้วเลขสี่ขึ้นอย่างภูมิใจ “สองแสนสี่ แค่นี่ถือว่าเยอะมากสำหรับนักวาดภาพโนเนมอย่างพี่ซี”
วารินรีบลุกขึ้นยิ้มกว้างดีใจไปกับพี่ชาย เขาเดินเข้าไปแกล้งชกท้องภูวดลเบา ๆ ส่ายหน้าไม่ให้ภูวดลพูดจาดูถูกตัวเองแบบนั้นอีก ถึงภูวดลไม่ใช่ศิลปินมีอันดับแต่ผลงานของเขาวารินมองอย่างไรก็งดงามกว่าของคนอื่นเสมอ
.
.
“บังเอิญจังนะ
มาอ่านหนังสือเหรอ”
ธาราธารเงยหน้าขึ้นมองคนพูด
ชนาธิปวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ
“มาทำไม ศาลายาก็มีหอสมุดไม่ใช่เหรอ”
ธาราธารพูดเย็นชาอย่างเคยเขาก้มลงไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ
“มาหาหนังสือที่ๆนั่นไม่มีดิ
เผื่อที่นี่จะมีบ้าง นี่นายใส่แว่นด้วย?”
ธาราธารหันมามองเขานิดหนึ่งแล้วก้มลงไปสนใจหนังสือต่อ
ชนาธิปเดินหายไปสักครู่ แล้วจึงกลับมาพร้อมหนังสือในมือสองสามเล่มเขาหย่อนก้นนั่งลงข้างธาราธาร
อีกฝ่ายเขยิบถอยออกอย่างจงใจ
“จะสอบเหรอ
ขยันจัง”
“สอบอยู่ตลอดนั่นแหละ
ถามทำไม”
“เปล่า ก็แค่ชวนคุย นี่!ได้ยินข่าวว่าปีสองเรียนกับศพ จริงป่ะ
นายไม่กลัวเหรอ”
ชนาธิปทำเสียงกระซิบกระซาบ
ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตอบเขาห้วนแค่ไหน
“อือใช่
แล้วไอ้ที่สอบอยู่ตลอดเนี่ยก็ข้อมูลที่มาจากท่านอาจารย์ใหญ่เนี่ยแหละ ผ่าวิเคราะห์ละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย
ลึกลงไปถึงไขกระดูกด้วยนะ นายคิดว่าฉันจะกลัวไหมล่ะ
อยู่ด้วยกันทุกวันทุกสัปดาห์ไม่มีอะไรทำก็พูดคุยกับท่าน ก้มหน้าก้มตาลงไปจับต้องท่านทุกสัดส่วนทั้งในทั้งนอกทั้งปาดทั้งตัดทั้งดึงทั้งต่อ
สำรวจยิ่งกว่าเรือนร่างสวยๆงามๆของสาวๆซะอีก ชินแล้ว!”
ธาราธารไม่ใช่คนพูดมาก
แต่พอพูดถึงเรื่องนี้เขาเครียดมากจนแทบจะบ้าจึงระบายออกมาเสียยาว โดยเฉพาะแลปกรอส
ยิ่งเรียนยิ่งเมามัน(คล้ายเขาจะบ้าเข้าไปทุกที คาดว่าพอขึ้นปีสามไอ้ที่เรียนเรื่องไม่ปกติทั้งหลายมันจะทำให้เขาผิดปกติไปจริง
ๆ )
เขาว่าแล้วปิดหนังสือลงอย่างหงุดหงิด
เมื่อโดนชนาธิปกวนถามโน่นนี่ต่อไปไม่หยุด
พอเดินออกมาจากหอสมุดชนาธิปรีบตาม
“นี่ธารไปกินข้าวด้วยกันเถอะ
นะๆ”ชนาธิปดึงแขนธาราธารไว้
“นี่ถามจริง
นายนี่มันตามติดทุกคนแบบนี้ตลอดรีเปล่าเนี่ยฮึ หรือว่าเป็นกับฉันคนเดียว”
เขายกมือขึ้นเสยผมอย่างเซ็งๆชนาธิปไม่ปล่อยเขาง่าย
ๆ
“ธิปก็แค่อยากทานข้าวกับธาร
นะได้ไหม”
ธาราธารถอนใจหน่อยหนึ่งแต่ก็ยอมพาอีกคนไปกินด้วย
หลังจากทานข้าวกันเสร็จธาราธารพาชนาธิปมาส่งที่เดิมเพราะรถของเขาจอดไว้แถวนี้
“ดีใจจังได้มาทานข้าวกับธารด้วย
ไม่เจอกันเกือบปีแน่ะตั้งแต่ธารย้ายมาอยู่ที่นี่ ธิปขอมาหาธารอีกได้ไหม”
“ไม่ได้”
ธาราธารตอบทันทีเขาทำท่ารำคาญอีกฝ่ายเต็มที่
ชนาธิปยังไม่ยอมลงจากรถ
“ไม่รู้ล่ะธิปมีเบอร์ธารแล้ว
ต่อไปถ้าธิปมาหา ธารต้องพาธิปทานข้าวนะ”
“ไม่ต้องมาหา! ลงไปได้แล้ว ฉันไม่ได้ว่างเหมือนนาย”
เขาไล่ดื้อๆ
ชนาธิปจำใจก้าวลงจากรถแต่ยังไม่ยอมปิดประตู ร่างเล็กก้มลงมามองหน้าธาราธารเหมือนมีอะไรอยากจะพูด
ธาราธารเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“อะไร”ธาราธารถามเสียงนิ่ง
“ธาร
ที่เขาลือกันจริงไหม? ที่ว่าธารได้ทั้งชายทั้งหญิงน่ะ”
“จริง!”
ธาราธารตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติ ชนาธิปเองก็ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วดูเขาไม่ค่อยแปลกใจ
“แล้วธารมีแฟนรึยัง”
“มีแล้ว”
“ผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ผู้ชายแล้วก็รักแฟนมากด้วย
ถามจบแล้วก็ปิดประตูให้ซะที”
ชนาธิปยืนมองท้ายรถสีขาวที่ขับห่างออกไป
ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าธาราธารมีเสน่ห์มากมายเหลือเกิน
หน้าตาท่าทางคล้ายกับคุณพ่อเขามากจนเขาอดคิดไปไม่ได้ว่าตอนคุณพ่อเขาเป็นหนุ่มคงจะรูปหล่อและก็เย็นชาแบบนี้แน่
ๆ เขาเผลออมยิ้มออกมาแล้วกดโทรศัพท์มือถือส่งข้อความหาคนที่เพิ่งไล่เขาลงจากรถ
‘ขอบคุณนะสำหรับอาหาร วันหลังธิปเลี้ยงนะ’
อย่างธาราธารหรือจะเคยเปิดอ่านข้อความไร้สาระพวกนี้
แม้กระทั่งสายเรียกเข้าถ้าเป็นเบอร์ที่เขาไม่รู้จักจริง ๆ
ก็อย่าหวังว่าเขาจะรับเสียให้ยาก
Tbc.