#
20
เช้ามืด
เช้ามืด
เด็กหนุ่มนอนเบิกตาโพลงอยู่บนเตียง
ผ้าปูที่นอนสีฟ้าขาวเปราะไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ทยอยไหลออมาจากบางส่วนบางท่อนของอวัยวะ แม้ดวงตาจะเปิดโพลงอยู่ แต่ประสาทสัมผัสทางการมองเห็นค่อย
ๆ ลดต่ำลงจนน่าใจหาย เนื้อตัวที่สั่นเทากับสติสัมปชัญญะที่กำลังจะหลุดหาย
ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างดำมืด ประสาทสัมผัสทั้ง 5 กำลังจะหยุดทำงาน
ของเหลวในกระเพาะเริ่มไหลย้อนขึ้นสู่หลอดลมปิดกั้นทางเดินหายใจ เนื้อตัวที่สั่นเทาเริ่มชักกระตุก ปากอ้ากว้างจากการสำลักของเหลวดำขลักจากภายใน
เล็บทั้งสิบจิกเกร็งแน่น ดวงตาไร้แล้วซึ่งจุดโฟกัส
ขณะที่อีกคนกำลังยืนหรี่ตามอง
เขาแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจกับผลงานของตนเอง
วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเขาควบคุมได้และทำมันออกมาจนเกือบจะดี
มือหนาที่สวมใส่ถุงมือยางเลอะเทอะไปด้วยเลือด
เขากำด้ามใบมีดโกนสีเขียวไว้แน่น
เหลือแค่เก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย
ก็จะเรียกได้ว่าเป็นผลงานไร้ที่ติ
สมบูรณ์แบบ....วันนี้ไม่เหมือนวันนั้น
คนที่กำลังจะหมดลมคนนี้มันสมควรแล้วที่จะต้องได้รับบทลงโทษแบบนี้
มันแรด มันร่าน
มันยั่ว ฉะนั้นมันต้องตาย!
....การฆาตกรรมมันต้องสนุกสนาน....
วันนั้น ‘หนึ่ง’ เด็กที่ทำให้เขาเกือบจะเผลอใจ
ไอ้เด็กเวร! เกือบทำให้เขาสูญเสียเป้าหมายสำคัญไป
เกือบทำให้เขาละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเพียรทำมาตลอด ผลงานในวันนั้นสำหรับไอ้เด็กนั่นมันเลยไม่สมบูรณ์แบบ ผลงานห่วยแตก
.....เด็กนั่นตายแบบหยาบ
ๆ เกินไป....
เขาจะไม่ใจอ่อนแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
ขณะที่ขายาว ๆ
กำลังจะก้าวเข้าไปใกล้เพื่อชมผลงานศิลปะฆาตกรรมของเขาในอีกมุม
เขาก็รู้สึกได้ว่ามีโลหะเย็น ๆ จ่อชิดอยู่ที่ท้ายทอยหนาของตัวเอง
“มึงหยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!!”
เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้รอยยิ้มแสยะและขาของเขาหยุดชะงัก
ผั๊วะ!!!
ไม่ต้องรออะไรทั้งสิ้น
ด้ามกระบอกปืนสีเงินวาวฟาดลงที่ท้ายทอยเข้าอย่างจัง
ทำเอาคนที่กำลังยืนดูผลงานของตัวเองอย่างภาคภูมิใจถึงกับเข่าอ่อน
มีดโกนด้ามเล็กร่วงหล่นลงที่พื้นพร้อม ๆ กับตัวเขาที่ทรุดกองลงในพริบตา
มือหนาถูกจับไพล่กันด้านหลังพร้อมกุญแจมือกดสับล็อคลงอย่างหยาบคาย
.
.
เสียงหวอรถร่วมกตัญญู เสียงวิทยุรับส่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เสียงคนเซ็งแซ่ดังระงมไปทั่วบริเวณบ้านเช่าเล็ก ๆ ในซอยใกล้กับสถานีขนส่งประจำเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจดันตัวผู้ต้องหาเดินสวนออกมาพร้อมเสื้อเจ็คเก็ตสีครีมคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าไว้ ตำรวจในเครื่องแบบหลายนายพยายามกันบรรดาคนมุงที่เริ่มตะโกนโหวกเหวกด่าทอบ้างก็ปาข้าวของต่าง ๆ เข้าใส่ผู้ต้องหากันจ้าละหวั่น
เสียงหวอรถร่วมกตัญญู เสียงวิทยุรับส่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เสียงคนเซ็งแซ่ดังระงมไปทั่วบริเวณบ้านเช่าเล็ก ๆ ในซอยใกล้กับสถานีขนส่งประจำเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจดันตัวผู้ต้องหาเดินสวนออกมาพร้อมเสื้อเจ็คเก็ตสีครีมคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าไว้ ตำรวจในเครื่องแบบหลายนายพยายามกันบรรดาคนมุงที่เริ่มตะโกนโหวกเหวกด่าทอบ้างก็ปาข้าวของต่าง ๆ เข้าใส่ผู้ต้องหากันจ้าละหวั่น
แถบเทปสีเหลืองถูกขึงพรืดขึ้นอย่างรวดเร็ว
พร้อม ๆ
กับทีมเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยต่างกรูกันเข้ามาเพื่อทำหน้าที่สารพัดสารเพของตนเอง
“ส่งศพไปที่นิติเวชของหน่วยผมเลย
เดี๋ยวผมไปรอที่สถานีฯ จะได้ส่งมอบคดีให้เรียบร้อย”
เสียงจากนายตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบ
ผู้ที่มองยังไง้ยังไงก็เหมือนกับเด็กวัยรุ่นลากมีดถือดาบแถวถนนกาญจนาตอนกลางคืนไม่มีผิดเพี้ยน
เมื่อสักครู่เขาถอดแจ็คเก็ตของตัวเองโยนคลุมลงไปที่ศีรษะของผู้ต้องหาทำให้ตอนนี้ท่อนบนของเขาคงเหลือไว้แต่เสื้อแขนกุดสีดำลายไม้กางเขนโชว์กล้ามเนื้อแขนที่สวยงาม
นั่นยิ่งทำให้ลุคเขาเหมือนแบดบอยเข้าไปใหญ่
หลังสั่งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำท้องที่คนหนึ่งเรียบร้อยชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงออกมาจากห้องเกิดเหตุ
สภาพภายในตัวบ้านไม่มีใด ๆ ที่ผิดปกติ
ตอนที่เขาแกะรอยตามมาถึงบ้านหลังนี้ น่าเสียดายที่ทุกอย่างนั้นสายเกินไป
ย่อมเป็นความจริงที่ว่านั่นไม่ใช่ความผิดของเขา...แต่ใครจะรู้ลึก
ๆ แล้วเขารู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย
....ถ้าเขามาเร็วกว่านี้....
ดวงตาคมกริบมองเห็นจ่าสุรชัยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานประจำหน่วยวิ่งหน้าตั้งหอบแฟ้มบันทึกข้อมูลตรงดิ่งเข้ามา
“ช้าไปนะสุรชัย” เขาท้วงขึ้นแล้วปรายตามอง
“ขอโทษครับสารวัตรเดฟ”
สุรชัยรีบหยุดค้อมศีรษะทำความเคารพ
พร้อมรับถุงมือและผ้าคาดปากจากเจ้าหน้าที่มาสวมไว้อย่างรวดเร็ว
ตรงข้ามกับสารวัตรหนุ่มที่กำลังถอดถุงมือยางทิ้ง เขากำลังจะออกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว
“สองคนที่รับผิดชอบคดีนี้ล่ะ?” เขาถามหาหน่วย D
“รีบไปที่สถานีแล้วครับ
พอสารวัตรแจ้งไป ภารกิจทุกอย่างก็ถูกยกเลิก ซาโต้พาหมวดคริสไปรออยู่ที่นั่นแล้ว”
สุรชัยชี้แจงอย่างเก้อเขิน
เมื่อภารกิจที่วางกันไว้ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาคว้าน้ำเหลวไม่เป็นท่าเป้าหมายที่คาดว่าจะใช่
กลับกลายเป็นไอ้หมอหื่นธรรมดา ๆ ไม่มีพิษมีภัยถึงขนาดจะทำการฆาตกรรมใครได้
สุดท้ายคนที่จัดการปิดฉากคดีนี้ได้ก็เป็นสารวัตรเดฟหัวหน้าหน่วย
T ผู้โด่งดัง สุรชัยมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินออกไปจากตัวบ้าน
หลบหลีกฝูงชนและรถทำข่าวท้องถิ่นหลายคันที่มาล้อมจับกลุ่มเซ็งแซ่อยู่ด้านหน้า
ไม่นานนักมอเตอร์ไซด์สีดำคันใหญ่ซึ่งเหมือนกับของซาโต้เปี๊ยบก็เคลื่อนที่ออกจากซอยเล็ก
ๆ นั่นไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากระดับความน่ากลัวของฟ็อกซ์เป็น 10 ล่ะก็ เดฟที่อายุอานามพอ ๆ กับซาโต้
ก็อาจจะเรียกได้ว่าสูสี แต่หน้าตาและบุคลิกของหนุ่มคนนี้ดูเถื่อนกว่ามิใช่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น
รสนิยมแปลกประหลาดของเขาก็เป็นที่รู้กันทั่วทั้งหน่วยงาน เสือกลัดมัน(Tiger) ที่มักควงเด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยหน้าตาดีถึงดีที่สุดเปลี่ยนไปเป็นว่าเล่น
ใช่!
เดฟเป็นเกย์ ไม่มีแคร์สื่อ
เปิดเผยจนน่าตกอกตกใจ
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้งานของเขาเสียแม้แต่น้อย ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้
ชายหนุ่มได้รับภารกิจพิเศษคู่ขนานให้ไปทำงานไกลถึงชายแดนไทย-กัมพูชา ในที่สุดภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบ
ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะเป็นคนมาปิดคดีนี้ให้กับหน่วย D หน่วยของเพื่อนซี้
ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยน้องสุดท้องของ SWAT-D
.
.
.
.
“กูก็บอกแล้วว่ากูไม่ถนัดงานขาว ๆ แบบนี้ มึงจะซักทำหอกอะไรนักหนาวะเดฟ”
.
.
.
“กูก็บอกแล้วว่ากูไม่ถนัดงานขาว ๆ แบบนี้ มึงจะซักทำหอกอะไรนักหนาวะเดฟ”
น้ำเสียงเดือด ๆ จากคนตรงหน้า
ทำเอาเดฟแค่นเสียงดัง ‘เหอะ’
ก่อนจะหันกลับมามองคนพูดที่กำลังนั่งคิ้วขมวดอย่างหัวเสีย
ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่ที่ระเบียงด้านหน้าของสถานีตำรวจประจำเมืองฯ
แน่นอนว่าคนพูดเองก็รู้ว่านั่นมันข้อแต่ตัวชัด
ๆ
“ มึงผิดแล้วซาโต้
เพราะมึงไม่เคยทำงานจับคู่กับใครนอกจากเคนยะต่างหาก
คนอย่างมึงมีแต่ต้องให้ลุยเดี่ยว ไม่ก็ต้องให้เคนยะคุมมึง แล้วไอ้เด็กใหม่นี่ใคร?
ฟ็อกส์ไว้ใจขนาดให้ลงงานคู่กับมึงนี่นะ”
“.....น้องชายเคนยะ ‘หมวดคริส’ ฟ็อกซ์ค่อนข้างมั่นใจเลยเอามาฝึกพวกคดีเล็ก
ๆ ก่อนถึงจะจับยัดเข้างานเบื้องหลัง ได้ยินมาว่าวิถีกระสุนเยี่ยมไม่แพ้เคน
นอกนั้นกูไม่ได้ซัก”
“อ้อ...เด็กเส้นนี่เอง
แล้วมึงพอจะเห็นแววอะไรบ้างรึเปล่า อยู่ด้วยกันมาเป็นอาทิตย์”
แววเหรอ ?
“ยังเลย เขายังใหม่ยังทำงานเบื้องหน้าอยู่
แล้วอีกอย่างนี่ก็เป็นคดีแรกของเขาด้วย” ซาโต้แทบอยากจะเขกหัวตัวเองสักป้าบ
โทษฐานที่ใส่ใจตัวคดีน้อยไปหน่อยแถมยังนำทางคริสไปผิด ๆ เป็นเพราะเขาอาศัยข้อมูลจากคอมพิวเตอร์มากเกินไปในขณะที่เดฟมักสืบจริงโดยอาศัยสัญชาตญาณและการลงพื้นที่จริงมากกว่า
“มัวทำเหี้ยอะไรอยู่วะ เหลวไหลฉิบหาย
นี่ถ้าเคนไม่วานกูช่วยสืบป่านนี้จะตายไปอีกซักกี่ศพ พวกมึงนี่จริง ๆ ”
แบดบอยหนุ่มพูดพร้อมปรายตามองไปยังห้องขังผู้ต้องหาชั่วคราวของสถานีตำรวจท้องที่
เป็นปกติที่จะต้องทำการฝากขังก่อนส่งขึ้นศาลแล้วส่งเข้าเรือนจำอีกต่อหนึ่ง ชายหนุ่มในห้องขังนั่งกอดเข่าหันหน้าเข้าหากำแพงอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
เดฟควักบุหรี่ขึ้นมาพร้อมตบล้วงหาไฟแช็คให้วุ่น ซาโต้เห็นแบบนั้นได้แต่ส่ายหัว
“มึงก็รู้ว่ามันไม่ดี ยังจะสูบ”
“รสใหม่เว้ย เย็นฉิบหายเลยว่ะแต่อ่อนน่าดู
เหมือนไม่ได้สูบแหละ” เมื่อเจอไฟแช็คแล้วเขาก็จัดการจุดบุหรี่ขึ้นทันที
ควันขาว ๆ
ซึ่งไม่มีกลิ่นของเมนทอลเลยสักนิดพ่นออกไปด้านนอกระเบียง
เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งปรี่เข้ามาแจ้งว่าสถานีโทรทัศน์หลายช่องแจ้งเข้ามาขอทำข่าว
เนื่องจากเป็นคดีที่ค่อนข้างดัง
ซาโต้จึงชี้แจงไปว่าให้สารวัตรท้องที่เป็นคนตัดสินใจได้เลย เพราะพวกเขาจะทำเรื่องส่งมอบคดีให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันนี้
จากนั้นเขาจึงหันมาคุยกับเดฟต่อ
“กูก็รู้นะว่าผิด มึงจะว่าอะไรก็ว่าไปเหอะ กูพลาดจริงกูก็ยอมรับ” ซาโต้แย่งบุหรี่มาจากปากเดฟแล้วอัดเข้าปอดตัวเองแรง
ๆ หนึ่งอึกใหญ่ เดฟเองถึงกับอึ้ง ซาโต้เป็นคนรักความสะอาดและรักสุขภาพมาก
แม้แต่เรื่องอาหารการกินยังต้องพิถีพิถันซึ่งต่างกับเขาแทบจะเรียกได้ว่าคนละขั้ว
เขาแทบไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้แตะต้องบุหรี่มาก่อนเลย
แต่ทำไมวันนี้??
“พอใจยัง” ซาโต้หรี่ตาพร้อมพ่นควันใส่หน้าเพื่อนซี้
ไม่มีสำลักควัน ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
ทั้งที่อัดเข้าไปมากมายขนาดนั้น เจ้าซาโต้มันยังแน่เหมือนเดิม เดฟส่ายหัวพร้อมยกยิ้มอย่างยอมแพ้
นี่คงเป็นการลงโทษตัวเองของเพื่อนสนิทเขาคนนี้ล่ะมั้ง
หน้าตาหนุ่มแว่นแบบนี้ไม่เหมาะกับท่าพ่นควันขาวเอาซะเลย
เดฟดึงบุหรี่กลับคืนมา “ไอ้ห่า! มึงอมไว้ที่กระพุ้งแก้มล่ะสิ”
“หึ ทำเป็นรู้ทัน” เขาพูดยิ้มๆผลักหัวเดฟไปที
“แล้วคู่หูมึงไปไหนซะล่ะ
ทำไมไม่เห็นอยู่ด้วยกัน ไหนสุรชัยบอกว่ามึงพามารออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว”
ซาโต้เบนสายตามองเข้าไปที่ห้องขังนั้นอีกครั้ง
แววตาที่ลอดผ่านกรอบเลนส์นั้นยากจะบอกได้ว่าเขารู้สึกเช่นไร
ถ้าพวกคุณรู้ว่าผู้ต้องหาคือใคร.....คงจะไม่เชื่อแน่นอน หลายสิ่งหลายอย่างอาจจะต้องรอฟังจากการสอบปากคำอีกครั้ง
“หมวดคริสเขาแวะไปดูสถานที่เกิดเหตุ
กูเลยแยกมารอที่นี่ก่อน”
มีสัญญาณเรียกเข้า
ซาโต้จึงล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสาย
ที่หน้าจอโชว์รูปเจ้าของสายคนที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่พอดี
คุยกันได้สักพักเขาจึงลุกขึ้นเตรียมพร้อมเมื่อมองไปเห็นท่านผู้กำกับประจำ สน.
เดินทางมาถึงแล้วตรงดิ่งเข้าห้องทำงาน
“คริสกำลังมา มึงจะรอเจอรึเปล่า”
เขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม
เตรียมตัวจะไปทำหน้าที่ของตน เพราะตามหน้าที่แล้วเขาจะต้องเข้าไปรายงานผลการปฏิบัติงานเบื้องต้นให้หัวหน้าสถานีทราบก่อนส่งมอบคดีให้กับท้องที่ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
“ไม่ดีกว่า คดีคงไม่มีอะไรแล้ว มึงทำเรื่องส่งมอบให้ทางท้องที่เลยละกัน
กูขอตัวกลับก่อนตั้งแต่กลับมายังไม่ได้แวะไปหาน้อง ๆ สักคนเลยว่ะ”
เดฟตอบแหยง
ๆ เขารีบหลบหลีกออกนอกเรื่อง แน่นอนว่าน้อง ๆ ที่เขาพูดถึงย่อมเป็นผู้ชาย ชายหนุ่มยักคิ้วกวน
ๆ
ส่งให้ซาโต้พร้อมรับเสื้อแจ็คเก็ตสีครีมที่สิบเวรด้านหน้าเดินถืออกมาให้เขาตั้งแต่ที่เขาใช้มันคลุมหัวให้ผู้ต้องหาที่บ้านเช่าหลังนั้นแล้วก็ลืมไปเสียสนิท
ชายหนุ่มพาดเสื้อขึ้นไหล่อย่างลวก ๆ แล้วเดินดูดบุหรี่แยกออกไปอีกทาง
เขาไม่ค่อยอยากเสวนากับพวกเด็กเส้นสักเท่าไหร่
อยู่ที่หน่วยนี้หากคิดจะทำงานทั้งสายดำสายขาวสำคัญที่สุดคือต้องเก่ง! หากเป็นการเก่งจากเส้นสายแล้วล่ะก็
เขาขอผ่านละกัน
ไม่อยากคุย
“แล้วจอกันที่ตึกเว้ย”
ซาโต้ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ มองตามไอ้เจ้าคน ไม่มีแบบแผน แบดบอยประจำหน่วยฯ แม้ว่าคดีนี้เขาจะทำพลาด แต่ดีที่ได้เจ้าเพื่อนซี้คนนี้เข้ามาช่วยไว้ทันไม่อย่างนั้นเรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตคนแบบนี้จะทำเอาเขารู้สึกแย่ขนาดไหน ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกก่อนเดินไปทางห้องทำงานของท่านผู้กำกับ
.
ซาโต้ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ มองตามไอ้เจ้าคน ไม่มีแบบแผน แบดบอยประจำหน่วยฯ แม้ว่าคดีนี้เขาจะทำพลาด แต่ดีที่ได้เจ้าเพื่อนซี้คนนี้เข้ามาช่วยไว้ทันไม่อย่างนั้นเรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตคนแบบนี้จะทำเอาเขารู้สึกแย่ขนาดไหน ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกก่อนเดินไปทางห้องทำงานของท่านผู้กำกับ
.
.
“โอ๊ย!!!!”
เพล้ง!!!!!!!!!!!
คริสตินอุทานดังลั่นเมื่อกำลังวิ่งหน้าตั้งขึ้นบันไดที่หน้าสถานี
เขาชนเข้ากับวัยรุ่นชายที่เดินโทรศัพท์สวนลงมาจาก สน.
มือแกร่งคว้าเอาท่อนแขนคริสไว้ได้ตามสัญชาตญาณก่อนที่อีกฝ่ายเกือบจะร่วงตกบันไดเพราะแรงกระแทก
ในมืออีกข้างยังคีบบุหรี่ค้างอยู่
พอสองฝ่ายตั้งสติได้ต่างคนก็ต่างจ้องมองสิ่งของที่ตกกองอยู่บนพื้นบันได
โทรศัพท์มือถือหน้าจอใหญ่รุ่นใหม่ยี่ห้อดังกระจกจอแตกร้าวออกเป็นสามเสี่ยง ดีที่มันยังไม่หลุดออกมา
คริสจ้องเจ้าของโทรศัพท์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูท่าทางแล้ว น่าจะเป็นพวกเด็กวัยรุ่นที่ไปมีเรื่องมีราวแล้วโดนจับมาลงบันทึกประจำวันไว้
แต่โทรศัพท์ของเจ้านี่มันแตก เพราะความรีบเพราะเขาวิ่งขึ้นผิดทางมาชนมันก็เลยตกแตก
โทรศัพท์มือถือหน้าจอใหญ่รุ่นใหม่ยี่ห้อดังกระจกจอแตกร้าวออกเป็นสามเสี่ยง ดีที่มันยังไม่หลุดออกมา
คริสจ้องเจ้าของโทรศัพท์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูท่าทางแล้ว น่าจะเป็นพวกเด็กวัยรุ่นที่ไปมีเรื่องมีราวแล้วโดนจับมาลงบันทึกประจำวันไว้
แต่โทรศัพท์ของเจ้านี่มันแตก เพราะความรีบเพราะเขาวิ่งขึ้นผิดทางมาชนมันก็เลยตกแตก
ไม่สิ!
ถ้าเจ้านี่มันไม่มัวคุยจนเดินไม่ดูทางมันคงจะหลีกเขาได้
เหตุผลข้อหลังดูเข้าท่ากว่าเยอะ
เหตุผลข้อหลังดูเข้าท่ากว่าเยอะ
“เดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือ
บันไดก็ตั้งกว้างมัวแต่คุยโทรศัพท์อยู่ได้” อยากตบปากตัวเองเป็นพันครั้งเมื่อพูดคำนี้ออกไป
รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองผิดเต็มประตู
ใจจริงอยากพูดคำว่าขอโทษแต่ไม่รู้อะไรดลใจให้คำพูดประโยคนั้นดันหลุดออกจากปากไปได้ วันนี้ซวยจริง ๆ
ทำคดีก็เหลวไม่เป็นท่าแถมยังมาทำโทรศัพท์ใครก็ไม่รู้เสียหายอีก ขอด่าไว้ก่อน
ยังไง เขาก็ต้องชดใช้ให้เจ้านี่อยู่แล้ว
ยังไง เขาก็ต้องชดใช้ให้เจ้านี่อยู่แล้ว
“พวกเด็กแว้นรึเปล่าเนี่ย
ถูกจับมาตั้งแต่เมื่อคืนญาติไม่มาประกันตัวรึไง? แย่นะวัยรุ่นสมัยนี้” ด่าอีกทีแก้เขิน ไหน ๆ ก็ตัดสินใจจะซื้อให้มันคืนอยู่แล้ว
งั้นแถมอีกประโยค
งั้นแถมอีกประโยค
“แล้วเอาเงินที่ไหนไปซื้อไปหาของใช้แพง
ๆ แบบนี้ล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าทำอะไรผิด ๆ แล้วโดนจับจนต้องมาลงบันทึกเอาไว้ อ้อออ
รึว่านายไปดักตีหัวใครจนอีกฝ่ายเขาเอาเรื่องกลัวมากจนต้องวิ่งแจ้นมาให้พี่ ๆ
ตำรวจเขาช่วยบันทึกกันไว้ก่อนใช่รึเปล่า”
ฮ่าฮ่า ด่าร่ายยาวจนสะใจ ท่าทางแบดบอยแบบนี้มาสถานีตำรวจเพราะมีเรื่องแน่นอน คนไม่มีเรื่องที่ไหนเขาจะมาเดินเล่นสถานที่แบบนี้กันตั้งแต่ไก่โห่
ฮ่าฮ่า ด่าร่ายยาวจนสะใจ ท่าทางแบดบอยแบบนี้มาสถานีตำรวจเพราะมีเรื่องแน่นอน คนไม่มีเรื่องที่ไหนเขาจะมาเดินเล่นสถานที่แบบนี้กันตั้งแต่ไก่โห่
“พูดพอรึยัง”
น้ำเสียงทุ้ม ๆ กับสายตาเย็นชา เขาดีดบุหรี่ทิ้ง ก่อนจะออกแรงบีบที่แขนของครีสให้แรงขึ้นไปอีกแล้วทำท่าจะผลักลงมาจากขั้นบันไดจริง ๆ คริสตินถึงกับหน้าหราเพราะลืมไปว่าตัวเองนั้นยืนหมิ่นเหม่กับขั้นบันไดมากแค่ไหน ดีที่เจ้านี่ยังจับเขาเอาไว้อยู่
“เฮ้ย ๆๆๆ เล่นอะไรเนี่ยเดี๋ยวแจ้งข้อหาพยายามฆ่าอีกข้อหาเป็นไง โดนเมื่อคืนยังไม่เข็ดจะเอาอีกใช่ไหมฮึ” คริสพยายามแกะมือแกร่งนั้นออกจากแขนตัวเอง ชายหนุ่มก้าวขึ้นมาอีกขั้นหาที่มั่นยืนจนได้ มองเห็นโทรศัพท์อีกครั้งก็นึกละอายใจ
“เก็บขึ้นมาให้สิ ทำตกไม่ใช่รึไง”
น้ำเสียงทุ้ม ๆ กับสายตาเย็นชา เขาดีดบุหรี่ทิ้ง ก่อนจะออกแรงบีบที่แขนของครีสให้แรงขึ้นไปอีกแล้วทำท่าจะผลักลงมาจากขั้นบันไดจริง ๆ คริสตินถึงกับหน้าหราเพราะลืมไปว่าตัวเองนั้นยืนหมิ่นเหม่กับขั้นบันไดมากแค่ไหน ดีที่เจ้านี่ยังจับเขาเอาไว้อยู่
“เฮ้ย ๆๆๆ เล่นอะไรเนี่ยเดี๋ยวแจ้งข้อหาพยายามฆ่าอีกข้อหาเป็นไง โดนเมื่อคืนยังไม่เข็ดจะเอาอีกใช่ไหมฮึ” คริสพยายามแกะมือแกร่งนั้นออกจากแขนตัวเอง ชายหนุ่มก้าวขึ้นมาอีกขั้นหาที่มั่นยืนจนได้ มองเห็นโทรศัพท์อีกครั้งก็นึกละอายใจ
“เก็บขึ้นมาให้สิ ทำตกไม่ใช่รึไง”
เจ้าของโทรศัพท์พูดพร้อมปล่อยแขนผู้หมวดหนุ่มออก ในใจเสียอารมณ์สุด ๆ
กำลังโทรนัดแนะกับเด็กในคอนโทรลแท้ ๆ
ดันมีใครก็ไม่รู้เดินมาชนจนโทรศัพท์เขาตกแถมเสียหายอีกต่างหาก
แต่นั่นยังไม่น่าเจ็บใจเท่าโดนเจ้านี่ด่าและเข้าใจผิดเขาไปต่าง ๆ นานา
จะให้ก้มลงไปเก็บเองเหรอ ฝันเหอะ!
คริสตินเบ้ปากแล้วก้มลงไปเก็บขึ้นมาเช็ด ๆ ถู ๆ พร้อมพิจารณาที่หน้าจอ ไม่เสียหายเท่าไหร่มีแต่กระจกเท่านั้นที่ร้าวมากซ่อมให้ก็คงพอมั้ง
จะให้ก้มลงไปเก็บเองเหรอ ฝันเหอะ!
คริสตินเบ้ปากแล้วก้มลงไปเก็บขึ้นมาเช็ด ๆ ถู ๆ พร้อมพิจารณาที่หน้าจอ ไม่เสียหายเท่าไหร่มีแต่กระจกเท่านั้นที่ร้าวมากซ่อมให้ก็คงพอมั้ง
“เดี๋ยวจะเอาไปซ่อมให้
นายเอาบัตรนายมาสิ ซ่อมเสร็จแล้วจะติดต่อกลับไป” คริสพูดห้วนๆ
“ไม่เก่งไปหน่อยเหรอ ทั้งจะเอาโทรศัพท์ผมทั้งจะเอาบัตรผม ต้มตุ๋นหลอกลวงกันหน้าบันไดสถานีตำรวจเลยเนี่ยนะ” ชายหนุ่มกอดอกเอียงศีรษะหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ น่าตาก็ดีอยู่หรอกแต่ร้ายไม่เบาเลยเด็กมหา’ลัย สมัยนี้
ผู้หมวดคริสถึงกับตาโตพูดไม่ออกเมื่อได้ฟังคำพูดแบบนั้น
“ก็แล้วนาย......”
“สารวัตรเดฟ หมวดคริส คุยอะไรกันอยู่ครับเนี่ยท่าทางซีเรียสเชียว ไม่เข้าไปนั่งคุยกันดี ๆ” สุรชัยที่หอบซองสีน้ำตาลพร้อมแฟ้มเอกสารมาเต็มอ้อมอกกำลังเดินขึ้นบันไดมา เจอสองคนกำลังคุยกันอยู่พอดี
“ผมเอาเอกสารมาให้ทางสถานีเซ็นนิดหน่อยนะครับเดี๋ยวจะกลับตึกแล้ว สารวัตรเดฟกำลังจะกลับแล้วเหรอครับ” สุรชัยยังพูดต่อโดยไม่สังเกตสถานการณ์ของทั้งคู่เลยสักนิด จบแล้วเขาก็เดินขึ้นไป
ทั้งเดฟทั้งคริสต่างอึก ๆ อัก ๆ เมื่อได้รู้สถานะของอีกฝ่าย
คริสตินกำลังนึกไปถึงว่าไอ้เจ้าเดฟคนนี้นี่เองที่โทรไปยกเลิกภารกิจของพวกเขาเมื่อตอนเช้ามืดวันนี้ แถมยังเป็นคนปิดคดีที่เขากับซาโต้เป็นคนรับผิดชอบให้อีกต่างหาก
นี่น่ะเหรอคนที่มีตำแหน่งเป็นถึงสารวัตร ท่าทางไม่ให้เลยสักนิด หน้าเถื่อนยิ่งกว่าผู้ต้องหาซะอีก
“สะ...สวัสดีครับสารวัตรเดฟ ยินดีที่ได้รู้จัก” ฝืนใจทักไปหน่อยยังไงก็มีตำแหน่งสูงกว่าแถมเป็นผู้มีพระคุณ โถ่!ไม่ถูกชะตาเอาซะเลย
ขณะที่เดฟเองกลับมาตั้งสติได้ก่อนแต่ก็ยังเงียบปากไว้ ชายหนุ่มเหยียดยิ้มที่มุมปากเมื่อได้รู้ว่าคน ๆ นี้คือ หมวดคริส น้องชายของเคนยะ ‘เด็กเส้น’ คนที่ว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ เด็กเส้น ” หึหึเน้นคำสุดท้ายให้คนบางคนเจ็บใจเล่น เมื่อมองเห็นอีกฝ่ายกำลังจ้องเขาอย่างขัดใจ ตัวเขายิ่งรู้สึกสนุก
ปากเขาเสียแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร
“เด็กเส้นก็งี้แหละ
ไม่ค่อยจะฉลาดนักหรอก ใช่ไหม หึหึ” รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เขาโน้มตัวไปกระซิบลงข้างหูของผู้หมวดหนุ่มอย่างเยาะเย้ย
เดฟดึงเอาโทรศัพท์ของตัวเองกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
พร้อมสาวเท้าลงบันไดไม่สนใจฝ่ายที่ยืนงงอยู่สักนิด
คริสได้แต่ยืนขัดใจมองตามอย่างหัวเสีย ‘นิสัยเหมือนไอ้พี่ฟ็อกซ์เปี๊ยบ!’ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เขาได้แต่สูดลมหายใจลึกก่อนตัดสินใจเดินตามสุรชัยขึ้นไปบนสถานี
ซาโต้กำลังรอเขาอยู่
เรื่องคราวนี้ฝากเอาไว้ก่อน ถึงเขาจะผิดที่ทำโทรศัพท์เสียหายแต่จะมาหลอกด่าแถมพูดกระทบกระเทียบกันแบบนี้
ช่างไม่ถูกชะตาเอาซะเลย
เรื่องคราวนี้ฝากเอาไว้ก่อน ถึงเขาจะผิดที่ทำโทรศัพท์เสียหายแต่จะมาหลอกด่าแถมพูดกระทบกระเทียบกันแบบนี้
ช่างไม่ถูกชะตาเอาซะเลย
ไอ้สารวัตรเดฟ!
Tbc.