บทที่ 2
“ เสร็จยังวะโน่ นานว่ะ” เสียงไอ้โป้งมันบ่นครับ
ตอนนี้มันนั่งรอผมอยู่ที่ห้อง เรากำลังจะออกไปหาอะไรกินกัน
“มึงไม่ต้องมาบ่น เรื่องตอนเที่ยงกูยังไม่ได้ชำระความ” นึกถึงไอ้บ้านั่นขึ้นมาทำให้ผมเลือดขึ้นหน้า หน่อย ๆ เลยเลยมาลงที่ไอ้โป้งมัน
ตอนนี้ผมกำลังแต่งตัวอยู่ในห้องครับ ส่วนไอ้โป้งก็ดูทีวีอยู่ข้างนอก ผมเลือกเดฟดำกับเสื้อยืดดำแขนกุด รวบผมที่ปรกหน้าขึ้นมัดเป็นจุก หยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ ก่อนเดินออกไปหามัน แล้วเลือกคอนเวอร์สสีดำเป็นลำดับสุดท้าย ผมชอบสีนี้ครับ เกือบทุกวันผมจะแต่งตัวสไตล์นี้ เสื้อยืดบ้าง เสื้อกล้ามบ้าง แล้วแต่อารมณ์ (สาว ๆ เคยบอกว่าชอบที่ผมแต่งตัวแบบนี้ แต่ที่ผมแต่งเพราะผมชอบสไตล์นี้อยู่แล้วครับ)
ส่วนไอ้โป้งน่ะเหรอครับ เดฟดำ เชิ๊ตดำพับแขนโชวนาฬิกาโครตหรูของมัน แถมหัวมันยังเป็นสีทองตั้ง ๆ ที่จริงผมอยากตัดสั้น ๆ แล้วเซทขึ้นแบบมันบ้าง ไรบ้าง แต่คิดว่าคงไม่เหมาะอะครับ เลยได้ทรงเกาหลีมัดจุกมาแทน
“กินที่ไหนอ่ะ” ผมถามมันขณะที่เรากำลังลงลิฟท์มาชั้นล่าง
“Drif มะ ใกล้ ๆ” (Drif เป็นชื่อร้านอาหารที่ผมชอบไปครับ ไอ้โป้งมันรู้ใจผมอยู่แล้ว)
“ไปรถกู” มันพูดขณะที่ลิฟท์เปิดออกพอดี
“อืม” ผมตอบรับพร้อมกับเดินมุ่งไปที่รถ Lexus ดำของมันทันที
......
....
ไงครับดูเหมือนเราเข้ากันดีใช่ไหม แต่จริง ๆ แล้ว ....มันนัดสาวไว้ครับ ไม่รู้มันบ้าอะไร โทรมาบอกว่าไม่ว่างซะก็จบเรื่อง นี่ดันเพิ่งมาบอกเมื่อกี้ แถมยังรบเร้าให้ไปกับมันอีก
หลังจากเราทานข้าวกันเสร็จ ก็ถึงเวลานัดของมันครับ มันนัดน้องนาวดูหนัง ส่วนผมขี้เกียจไปเป็นก้าง เลยขอตัวเดินชอปปิ้งคอย เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ แต่ไม่ค่อยได้อะไรหรอกครับ สาว ๆ นี่ก็มองกันจริง ๆ มองจนผมคอแห้งเลย(เกี่ยวกันไหมนี่) ผมแวะร้านกาแฟชื่อดังเข้าแถวนิดหน่อยแล้วสั่ง “ไอส์ลาเต้ครับ” ผมชอบกาแฟรสนี้ที่สุด ที่จริงสั่งเป็นรสเดียว ฮ่า ฮ่า
ขณะกำลังรอกาแฟสายตาก็หันไปเจอกับไอ้หล่อบ้าหลังห้องเมื่อตอนกลางวัน ที่สำคัญมันยิ้มมุมปากนิด ๆ แล้วมองมาที่ผมด้วยครับ
แมร่งกวนส้นตีนเป็นบ้า สายตาห่าเหวอะไรของมัน ทำไมต้องเจอมันตอนนี้ด้วยวะ ผมยื่นเงินจ่ายรอใบเสร็จและตังค์ทอน หันไปอีกทีมันเดินออกมาหาผมแล้วครับ
รีบเดินไปดีกว่า ไม่อยากเสวนากับมันสักนิด แม่งตังทอนก็จะตกกำไว้อย่างหมิ่นเหม่ที่สุด
“มึง”
“.......” เสียงมันเรียกผมแน่แลเว แต่เรื่องอะไรผมจะตอบล่ะครับ รีบ ๆ เดินเลย
“ไอ้จุก กูเรียกมึงอ่ะ” ว่าแล้วไงครับ ยังก้าวไม่พ้นคอกไม้ของร้านเลย เจอมันที่ไหนผมอายที่นั่นจริง ๆ ผู้คนที่นั่งอยู่บางส่วนหันมามอง ก็คนมัดจุกแถวนี้มันมีแต่ผมนี่ครับ
“ทำไม” ผมตอบไปอย่างเสียไม่ได้
“มึงมาคนเดียว”
“อืม” รำคาญครับไม่อยากพูดยาว
“มานั่งดิ กูเลี้ยง”
ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเลยครับ มันคว้าแขนผมแล้วดึงเข้าไปในร้าน ให้นั่งลงที่โต๊ะมันเลยครับ แต่แปลกที่มันให้ผมนั่งฝั่งเดียวกับมันนะ
“มึงชื่ออะไร” ยังไม่ทันตั้งตัวอะไรมันก็ถามขึ้นมา ขณะที่ผมกำลังหงุดหงิดและกำลังจะลุกขึ้น
“มึงช่วยกูหน่อย” น้ำเสียงมันฟังซอฟกว่าทุกครั้งมากครับ ทำให้ผมถึงกับมองหน้ามันชัด ๆ ว่ามันเป็นอะไรกันแน่
“เดี๋ยวจะมีคนมาเพิ่ม มึงช่วยนั่งอยู่ตรงนี้ ...กับกู” มันพูดกับผม แต่สายตาที่ทอดตรงไปข้างหน้าอย่าไร้จุดหมายไม่มีแววตาของความยินดียินร้ายเลย มันแปลกมากครับ นี่นะเหรอครับการขอร้องคนอื่นของมัน
ผมไม่เคยเจอคนประหลาดแบบนี้เลย นี่นะเหรอครับเพื่อนที่เรียนด้วยกันกับผม ดูมันทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้งท่าทาง การกระทำ การแต่งตัว มีแต่คำพูดนี่ล่ะครับ เหมือนเด็กเป็นบ้าเลย
“เอาแต่ใจ” ผมพูดออกมาเบา ๆ ไม่รู้มันได้ยินไหม แต่หันไปอีกทีดูเหมือนว่ามันกำลังอมยิ้มอยู่
“หวัดดีค่ะคิม รอนานมั๊ย” อ้อ..ไอ้นี่มันชื่อคิม ผมเพิ่งรู้ครับ
คงเป็นผู้หญิงของมัน หน้าตาสวยเหมือนตุ๊กตา ทำผมลอน ๆ แต่งหน้าอ่อน ๆ มาคนเดียว กลิ่นหอมมากครับพอเธอนั่งลงยิ่งหอมเข้าไปใหญ่
“ขวัญ เอาเค๊กมั๊ยคะ เดี๋ยวคิมไปสั่งให้ ” โห พูดไปได้นะมึง แล้วที่มึงชวนกูมานั่งไม่แนะนำกูบ้างเลย
“ค่ะ ฝากด้วย” ตอนนี้มันลุกไปแล้วครับ แต่แปลกที่ผู้หญิงของมันไม่เดินตามไปด้วย สายตาเจ้าหล่อนมองมาที่ผมอย่างยั่วยวน (ไม่ผิดหรอกครับสายตาเหมือนจะกินผมแบบนี้ เจอมาเยอะและ) แต่ผมไม่สนครับ ไม่เป็กผม
“หวัดดีค่ะ เอ่อ...”
“โน่ครับ” ผมตอบ
“ขวัญค่ะ ......โน่หล่อจังเลยนะคะ เหมือนเด็กญี่ปุ่นเลย”
“......” ผมไม่ตอบครับ ยิ้มให้อย่างเดียว
“รู้จักกับคิมนานแล้วเหรอคะ” สายตาแมงโคตรรรรจิกผมเลยอ่ะ
แล้วผมต้องตอบว่าไงวะเนี่ย อยากบอกเหลือเกินชื่อมันผมก็รู้จากคุณมึงนี่แหละ
“ครับ” ผมตอบได้แค่นั้นจริง ๆ
“คิมเป็นคนมีเสน่ห์นะคะ.....แล้ว...โน่ล่ะ” เสียงกับสายตาหล่อนสุดยอดมากครับ ทอดให้ผมแบบเต็มๆ เมื่อไหร่ไอ้บ้าคิมมันจะมาวะเนี่ย
ผมลูบขอบแก้วเล่นไปมาแก้เขิน ไม่รู้จะสู้สายตาของคนตรงหน้าได้อีกนานแค่ไหน ดีนะที่ไอ้คิมมันเดินกลับมาแล้ว
“นานนะมึงอ่ะ” ผมต่อว่ามันครับ
“หึ หึ” นี่เหรอครับคำตอบของมัน ไอ้ท่าทางยิ้มบ้า ๆ เนี่ย แถมยังไม่พอ มันเอนตัวมาแล้วยกมือขวาขึ้นมาพาดหลังเก้าอี้ผมอีก
ตอนนี้สายตาน้องขวัญแกว่ง ๆ ยังไงพิกล ขณะที่ผมเบลอ ๆ อยู่ จู่ ๆ มันก็หันมามองผมแล้วพูดว่า
“คิมสั่งเค้กไว้ให้โน่แล้วนะครับ คืนนี้ใช้เค้กเติมพลังก็คงดี จะได้ไม่เหนื่อยมาก วันนี้อาจจะต้องหลายรอบหน่อย ตอนกลางวันดื้อนักนี่ ” พูดจบมันตักเค้กกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ
ผมอึ้งสิ มันพูดเหี้ยอะไรของมัน คำพูดสองแง่สองง่ามแบบนี้ แต่สำหรับขวัญคงแย่กว่า ตอนนี้ลุกขึ้นจ้องพวกผมสองคนอย่างกับจะกินเลือดเลยครับ
“ขวัญเป็นไรคะ จะสั่งอะไรเพิ่มรึเปล่า” ดูครับดู มันยังตีหน้าตายได้อีก
“คิม! ทุเรศที่สุด ขวัญจะกลับแล้วขอตัวนะคะ” แล้วเธอก็กระแทกเท้าเดินจากไป อย่างที่ใจมันต้องการครับ ผมคิด
ความจริงผมก็พอจะรู้อยู่หรอกตั้งแต่ตอนที่มันเริ่มเอามือมาพาดหลังเก้าอี้ผมแล้ว วิธีสลัดหญิงจอมจิก หนึ่งในไม้ตายของไอ้โป้ง ผมเคยช่วยมันหลายครั้ง กรณีถ้าหลุดยากจริง ๆ แต่ไม่คิดว่าไอ้หล่อนี่ก็จะใช้วิธีเดียวกันด้วย
“เสร็จธุระมึงและ งั้นกูกลับ” ผมพูดพร้อมลุกขึ้นยืน
“อืม” มันตอบรับเบาๆ พร้อมยกกาแฟแก้วที่ 2 ขึ้นมาจิบ “มึงชื่อไร” ดูครับดูมัน
ไอ้ห่า ! จะขอบใจกูสักคำก็ไม่มี
“ ชื่อ ‘โน่’ เรียกกูแค่นั้น” ผมพูดแล้วเดินออกไปทันที ตอนนี้โทรศัพท์ดังแล้วครับ คาดว่าไอ้โป้งน่าจะเสร็จแล้วล่ะ
ตอนนี้มันนั่งรอผมอยู่ที่ห้อง เรากำลังจะออกไปหาอะไรกินกัน
“มึงไม่ต้องมาบ่น เรื่องตอนเที่ยงกูยังไม่ได้ชำระความ” นึกถึงไอ้บ้านั่นขึ้นมาทำให้ผมเลือดขึ้นหน้า หน่อย ๆ เลยเลยมาลงที่ไอ้โป้งมัน
ตอนนี้ผมกำลังแต่งตัวอยู่ในห้องครับ ส่วนไอ้โป้งก็ดูทีวีอยู่ข้างนอก ผมเลือกเดฟดำกับเสื้อยืดดำแขนกุด รวบผมที่ปรกหน้าขึ้นมัดเป็นจุก หยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ ก่อนเดินออกไปหามัน แล้วเลือกคอนเวอร์สสีดำเป็นลำดับสุดท้าย ผมชอบสีนี้ครับ เกือบทุกวันผมจะแต่งตัวสไตล์นี้ เสื้อยืดบ้าง เสื้อกล้ามบ้าง แล้วแต่อารมณ์ (สาว ๆ เคยบอกว่าชอบที่ผมแต่งตัวแบบนี้ แต่ที่ผมแต่งเพราะผมชอบสไตล์นี้อยู่แล้วครับ)
ส่วนไอ้โป้งน่ะเหรอครับ เดฟดำ เชิ๊ตดำพับแขนโชวนาฬิกาโครตหรูของมัน แถมหัวมันยังเป็นสีทองตั้ง ๆ ที่จริงผมอยากตัดสั้น ๆ แล้วเซทขึ้นแบบมันบ้าง ไรบ้าง แต่คิดว่าคงไม่เหมาะอะครับ เลยได้ทรงเกาหลีมัดจุกมาแทน
“กินที่ไหนอ่ะ” ผมถามมันขณะที่เรากำลังลงลิฟท์มาชั้นล่าง
“Drif มะ ใกล้ ๆ” (Drif เป็นชื่อร้านอาหารที่ผมชอบไปครับ ไอ้โป้งมันรู้ใจผมอยู่แล้ว)
“ไปรถกู” มันพูดขณะที่ลิฟท์เปิดออกพอดี
“อืม” ผมตอบรับพร้อมกับเดินมุ่งไปที่รถ Lexus ดำของมันทันที
......
....
ไงครับดูเหมือนเราเข้ากันดีใช่ไหม แต่จริง ๆ แล้ว ....มันนัดสาวไว้ครับ ไม่รู้มันบ้าอะไร โทรมาบอกว่าไม่ว่างซะก็จบเรื่อง นี่ดันเพิ่งมาบอกเมื่อกี้ แถมยังรบเร้าให้ไปกับมันอีก
หลังจากเราทานข้าวกันเสร็จ ก็ถึงเวลานัดของมันครับ มันนัดน้องนาวดูหนัง ส่วนผมขี้เกียจไปเป็นก้าง เลยขอตัวเดินชอปปิ้งคอย เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ แต่ไม่ค่อยได้อะไรหรอกครับ สาว ๆ นี่ก็มองกันจริง ๆ มองจนผมคอแห้งเลย(เกี่ยวกันไหมนี่) ผมแวะร้านกาแฟชื่อดังเข้าแถวนิดหน่อยแล้วสั่ง “ไอส์ลาเต้ครับ” ผมชอบกาแฟรสนี้ที่สุด ที่จริงสั่งเป็นรสเดียว ฮ่า ฮ่า
ขณะกำลังรอกาแฟสายตาก็หันไปเจอกับไอ้หล่อบ้าหลังห้องเมื่อตอนกลางวัน ที่สำคัญมันยิ้มมุมปากนิด ๆ แล้วมองมาที่ผมด้วยครับ
แมร่งกวนส้นตีนเป็นบ้า สายตาห่าเหวอะไรของมัน ทำไมต้องเจอมันตอนนี้ด้วยวะ ผมยื่นเงินจ่ายรอใบเสร็จและตังค์ทอน หันไปอีกทีมันเดินออกมาหาผมแล้วครับ
รีบเดินไปดีกว่า ไม่อยากเสวนากับมันสักนิด แม่งตังทอนก็จะตกกำไว้อย่างหมิ่นเหม่ที่สุด
“มึง”
“.......” เสียงมันเรียกผมแน่แลเว แต่เรื่องอะไรผมจะตอบล่ะครับ รีบ ๆ เดินเลย
“ไอ้จุก กูเรียกมึงอ่ะ” ว่าแล้วไงครับ ยังก้าวไม่พ้นคอกไม้ของร้านเลย เจอมันที่ไหนผมอายที่นั่นจริง ๆ ผู้คนที่นั่งอยู่บางส่วนหันมามอง ก็คนมัดจุกแถวนี้มันมีแต่ผมนี่ครับ
“ทำไม” ผมตอบไปอย่างเสียไม่ได้
“มึงมาคนเดียว”
“อืม” รำคาญครับไม่อยากพูดยาว
“มานั่งดิ กูเลี้ยง”
ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเลยครับ มันคว้าแขนผมแล้วดึงเข้าไปในร้าน ให้นั่งลงที่โต๊ะมันเลยครับ แต่แปลกที่มันให้ผมนั่งฝั่งเดียวกับมันนะ
“มึงชื่ออะไร” ยังไม่ทันตั้งตัวอะไรมันก็ถามขึ้นมา ขณะที่ผมกำลังหงุดหงิดและกำลังจะลุกขึ้น
“มึงช่วยกูหน่อย” น้ำเสียงมันฟังซอฟกว่าทุกครั้งมากครับ ทำให้ผมถึงกับมองหน้ามันชัด ๆ ว่ามันเป็นอะไรกันแน่
“เดี๋ยวจะมีคนมาเพิ่ม มึงช่วยนั่งอยู่ตรงนี้ ...กับกู” มันพูดกับผม แต่สายตาที่ทอดตรงไปข้างหน้าอย่าไร้จุดหมายไม่มีแววตาของความยินดียินร้ายเลย มันแปลกมากครับ นี่นะเหรอครับการขอร้องคนอื่นของมัน
ผมไม่เคยเจอคนประหลาดแบบนี้เลย นี่นะเหรอครับเพื่อนที่เรียนด้วยกันกับผม ดูมันทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้งท่าทาง การกระทำ การแต่งตัว มีแต่คำพูดนี่ล่ะครับ เหมือนเด็กเป็นบ้าเลย
“เอาแต่ใจ” ผมพูดออกมาเบา ๆ ไม่รู้มันได้ยินไหม แต่หันไปอีกทีดูเหมือนว่ามันกำลังอมยิ้มอยู่
“หวัดดีค่ะคิม รอนานมั๊ย” อ้อ..ไอ้นี่มันชื่อคิม ผมเพิ่งรู้ครับ
คงเป็นผู้หญิงของมัน หน้าตาสวยเหมือนตุ๊กตา ทำผมลอน ๆ แต่งหน้าอ่อน ๆ มาคนเดียว กลิ่นหอมมากครับพอเธอนั่งลงยิ่งหอมเข้าไปใหญ่
“ขวัญ เอาเค๊กมั๊ยคะ เดี๋ยวคิมไปสั่งให้ ” โห พูดไปได้นะมึง แล้วที่มึงชวนกูมานั่งไม่แนะนำกูบ้างเลย
“ค่ะ ฝากด้วย” ตอนนี้มันลุกไปแล้วครับ แต่แปลกที่ผู้หญิงของมันไม่เดินตามไปด้วย สายตาเจ้าหล่อนมองมาที่ผมอย่างยั่วยวน (ไม่ผิดหรอกครับสายตาเหมือนจะกินผมแบบนี้ เจอมาเยอะและ) แต่ผมไม่สนครับ ไม่เป็กผม
“หวัดดีค่ะ เอ่อ...”
“โน่ครับ” ผมตอบ
“ขวัญค่ะ ......โน่หล่อจังเลยนะคะ เหมือนเด็กญี่ปุ่นเลย”
“......” ผมไม่ตอบครับ ยิ้มให้อย่างเดียว
“รู้จักกับคิมนานแล้วเหรอคะ” สายตาแมงโคตรรรรจิกผมเลยอ่ะ
แล้วผมต้องตอบว่าไงวะเนี่ย อยากบอกเหลือเกินชื่อมันผมก็รู้จากคุณมึงนี่แหละ
“ครับ” ผมตอบได้แค่นั้นจริง ๆ
“คิมเป็นคนมีเสน่ห์นะคะ.....แล้ว...โน่ล่ะ” เสียงกับสายตาหล่อนสุดยอดมากครับ ทอดให้ผมแบบเต็มๆ เมื่อไหร่ไอ้บ้าคิมมันจะมาวะเนี่ย
ผมลูบขอบแก้วเล่นไปมาแก้เขิน ไม่รู้จะสู้สายตาของคนตรงหน้าได้อีกนานแค่ไหน ดีนะที่ไอ้คิมมันเดินกลับมาแล้ว
“นานนะมึงอ่ะ” ผมต่อว่ามันครับ
“หึ หึ” นี่เหรอครับคำตอบของมัน ไอ้ท่าทางยิ้มบ้า ๆ เนี่ย แถมยังไม่พอ มันเอนตัวมาแล้วยกมือขวาขึ้นมาพาดหลังเก้าอี้ผมอีก
ตอนนี้สายตาน้องขวัญแกว่ง ๆ ยังไงพิกล ขณะที่ผมเบลอ ๆ อยู่ จู่ ๆ มันก็หันมามองผมแล้วพูดว่า
“คิมสั่งเค้กไว้ให้โน่แล้วนะครับ คืนนี้ใช้เค้กเติมพลังก็คงดี จะได้ไม่เหนื่อยมาก วันนี้อาจจะต้องหลายรอบหน่อย ตอนกลางวันดื้อนักนี่ ” พูดจบมันตักเค้กกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ
ผมอึ้งสิ มันพูดเหี้ยอะไรของมัน คำพูดสองแง่สองง่ามแบบนี้ แต่สำหรับขวัญคงแย่กว่า ตอนนี้ลุกขึ้นจ้องพวกผมสองคนอย่างกับจะกินเลือดเลยครับ
“ขวัญเป็นไรคะ จะสั่งอะไรเพิ่มรึเปล่า” ดูครับดู มันยังตีหน้าตายได้อีก
“คิม! ทุเรศที่สุด ขวัญจะกลับแล้วขอตัวนะคะ” แล้วเธอก็กระแทกเท้าเดินจากไป อย่างที่ใจมันต้องการครับ ผมคิด
ความจริงผมก็พอจะรู้อยู่หรอกตั้งแต่ตอนที่มันเริ่มเอามือมาพาดหลังเก้าอี้ผมแล้ว วิธีสลัดหญิงจอมจิก หนึ่งในไม้ตายของไอ้โป้ง ผมเคยช่วยมันหลายครั้ง กรณีถ้าหลุดยากจริง ๆ แต่ไม่คิดว่าไอ้หล่อนี่ก็จะใช้วิธีเดียวกันด้วย
“เสร็จธุระมึงและ งั้นกูกลับ” ผมพูดพร้อมลุกขึ้นยืน
“อืม” มันตอบรับเบาๆ พร้อมยกกาแฟแก้วที่ 2 ขึ้นมาจิบ “มึงชื่อไร” ดูครับดูมัน
ไอ้ห่า ! จะขอบใจกูสักคำก็ไม่มี
“ ชื่อ ‘โน่’ เรียกกูแค่นั้น” ผมพูดแล้วเดินออกไปทันที ตอนนี้โทรศัพท์ดังแล้วครับ คาดว่าไอ้โป้งน่าจะเสร็จแล้วล่ะ
.
.
.
เช้านี้ผมมามหาลัยแต่เช้าครับ
อากาศดี ๆ กะว่าจะมานั่งอ่านหนังสือเล่นนิดหน่อย
โทรหาไอ้โป้งมันออกมาแล้วเดี๋ยวคงถึง ผมเลยนั่งรอมันอยู่ด้านหน้าตึก
“มาเช้านะมึง ไม่ง่วงเหรอวะ” เสียงมันทักทายผมอยู่ด้านหลังทำเอาตกใจนิด ๆ เลยครับ
“มาเช้านะมึง ไม่ง่วงเหรอวะ” เสียงมันทักทายผมอยู่ด้านหลังทำเอาตกใจนิด ๆ เลยครับ
“เหี้ยโป้ง อารมณ์ดีนะมึงอ่ะ” ผมหย่อนก้นนั่งลงข้างมัน
“เอ๋า ของมันแน่ดิวะ” มันตอบลอยหน้าลอยตาได้อีก
“เรียบร้อยแล้วงั้นดิ” พูดแล้วอดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ครับ หลังจากส่งผมที่คอนโดแล้ว มันก็ไปต่อกับน้องนาวของมัน(คาดว่าตอนนี้จะกลายเป็นน้อง past ไปแล้วครับ )
“อืม” มันรับคำในลำคอเบา ๆ ไม่ต้องถามอะไรมากครับ พวกผม รู้กัน ....
ตอนนี้ต่างคนต่างกำลังสนใจหนังสือที่อยู่ตรงหน้า เรากำลังรอเข้าคลาสกันอยู่ครับ ยังไม่ถึงเวลา โทรศัพท์แม่งสั่นอีกล่ะ ผมหยิบออกมาดูเล็กน้อย เบอร์ไม่รู้จักครับ
“มึงจะรับป่ะ” มันไม่ตอบครับกดเล่นมือถือ ของมันต่อไป
...
“โน่ มึงไปดูประกาศยัง”
“......” เงียบครับ แกล้งดูหนังสือต่อไปเรื่อย ๆ
“โน่....ตอบมาดิวะ” มันยังรบเร้าถามต่อแต่ก็ยังสนใจกับหน้าจอตรงหน้าอยู่เหมือนเดิม
“ ยัง กูไม่สนใจ ใครคู่กูเดี๋ยวมันก็มาหากูเอง”
“แสดงว่ามึงไปดูมาแล้วดิ” ตอนนี้มันจ้องผมเขม็งเลยครับ พยายามค้นหาคำตอบสุดฤทธิ์
“......”
“เสียใจว่ะ นึกว่าจะได้คู่กับมึง” มันพูดหน้าหงอย ๆ ทำปากเชิดหน่อยๆ อีกต่างหาก ไอ่ห่านี่มันเป็นผู้หญิงรึไงกัน
ผมเหล่ตามองมันเล็กน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง เฉย ๆ นะ ใครก็ได้ไม่ใช่เหรอ แค่โปรเจคธรรมดาอ่ะ แต่ก็ นะ.......ตลอด 4 ปีเลยนี่
“ 9 โมงแล้วเว้ย เข้าเรียน เข้าเรียน” ผมพูดตัดบทพร้อมลุกขึ้นตบไหล่ให้กำลังใจมันดัง พลัก !
“ โอ๊ย ! เชี่ย โน่ แม่ง!!!”
“เร็วดิไอ้หมาหงอย” ผมพูดพร้อมวิ่งหนีมันขึ้นตึกแบบไม่สนใจใครเลยครับ ไอ้ห่า! อย่ามาวิ่งตามกูนะมึง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
หันไปมองมันกำลังวิ่งตามมา ตอนนี้มันยิ้มแล้วครับ อย่างน้อยผมก็อยากให้เพื่อนมีความสุขล่ะนะ ถึงผมจะทำไม่ค่อยเป็นก็เถอะ
..........
.....
...
“อ่ะ เซ็นต์ ดิ” เสียงฟ้าครับ เธอพูดพร้อมยื่นไปเซ็นต์ชื่อเวียนมาที่ผม วันนี้ฟ้านั่งติดกับผม เพื่อน ๆ ที่ลง section เดียวกันนั่นล่ะครับ กลุ่มฟ้ามีอยู่ 5-6 คน จำชื่อได้ไม่หมด แต่หน้าตาสวยทั้งกลุ่ม ไม่รู้ว่าไปอยู่รวมกันได้ไง รู้จักกันมาอาทิตย์กว่ายังไม่รู้อะไรมากหรอกครับ แต่ก็นะ...สายตาชื่นชมจากสาว ๆ ยังไงผมก็ดูออกบ้างล่ะ......(ไม่ค่อยหลงตัวเองใช่มั๊ย)
“โน่รู้รึยังฺ buddy Project นายคู่กับใคร” เสียงใส ๆ ข้างตัวผมเอ่ยขึ้นหลังจากผมส่งต่อใบเซนต์ชื่อนั้นให้ไอ้โป้ง เหลือบมองขึ้นไปเห็นไอ้คิมมันมาแล้วครับ และกำลังเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ว่างข้าง ๆ ไอ้โป้ง
(คงสงสัยกันใช่ไหมครับว่า buddy Project คืออะไร สำหรับคณะที่ผมเรียนนั้นส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับงานโปรแกรมมิ่งวิเคราะห์ และพัฒนาระบบกันตลอดทั้งปี เริ่มตั้งแต่ ปี 1 เป็นต้นไป คล้าย ๆ กับการเริ่มทำโปรเจคตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงระดับ Advance ซึ่งค่อนข้างหนัก ดังนั้นเขาจะต้องมีการจับคู่บัดดี้ให้กับนศ. ด้วยเพื่อระดมมันสมองสมอง ถ้างานระดับเล็กถึงระดับกลางก็จะมีแค่ 2 แต่ถ้างานขนาดกลางถึงองค์กรขนาดใหญ่ Team Project ก็จะถูกเพิ่มจำนวนสมาชิกขึ้นแล้วแต่ Advisor ครับ )
“ดูแล้ว แต่จำชื่อไม่ได้” ผมไม่เคยโกหกผู้หญิงครับ(ถ้าไม่จำเป็น)
“อ่ะ เราเขียนมาให้แล้ว” เธอพูดพร้อมยื่นกระดาษโน๊ตแผ่นเล็ก ๆ มาให้ผม
“แล้วฟ้า...”
“.....” ไม่มีเสียงตอบครับ แต่สายตามองไปทางไอ้โป้งมัน ฟ้ายิ้มอาย ๆ ออกมาด้วย
ตกใจดิครับ ผมรีบหันไปหาไอ้โป้งทันที เลิกคิ้วถามมันอย่าง งง ๆ ไอ้นี่มันไม่ตอบครับยักคิ้วกวนตีนมาให้ผม 1 ที พร้อมหรี่ตาลงอย่างเท่ ๆ.....มึงนะมึง ได้จับคู่กับผู้หญิงเชียวนะ แต่ของกูนี่สิ คิดแล้วต้องก้มลงมองชื่อที่เขียนอยู่ในกระดาษโน๊ตครับ นายภัทร อัครดำรงกุล
มันผู้ชายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอของกูน่ะ ผมอยากจะร้องไห้ครับ.....(ตอนนี้เหมือนตกอยู่ในหลุมดำ)
“นี่ไง บัดดี้มึงอ่ะ”
“ห๊ะ?” เสียงอะไรครับ คล้าย ๆ เสียงไอ้โป้ง ปลุกผมให้ตื่นจากหลุมดำหลุมนั้น
“โน่ ....... นี่ไง” ไอ้โป้งมันนั่งกอดอกแล้วเอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้ แล้วพยักพะเยิดหน้าไปทางไอ้หล่อนั่นทำให้ผมได้เห็นหน้าไอ้คนที่นั่งข้าง ๆ มันอย่างชัดเจน ผมหลุบตามองดูหัวชีตบนโต๊ะมันเล็กน้อย ใช่จริง ๆ ด้วยครับ ชื่อมันบนชีตนั่น นายภัทร อัครดำรงกุล ไอ้คิม!
กูอยากจะบ้า !
................
..........
....
“เฮ้ย ! มึงอ่ะ” เสียงใครวะแว่วมาเข้าหูครับ
“ไอ้จุก กูเรียกมึงอ่ะ” เอาอีกแล้วประโยคนี้คุ้นแม่ง เหมือนเคยฟังแถวร้านกาแฟ
“กูชื่อโน่ แล้ววันนี้ก็ไม่ได้มัดจุกนะ ถ้ามึงสังเกต” ผมพูดเหวี่ยง ๆ พร้อมหยุดเดินแล้วจ้องมาที่มันครับ ตอนนี้ผมกับไอ้โป้ง กำลังจะไปทานข้าวกัน มีเรียนบ่ายอีก คงต้องหากินกันแถว ๆ นี้ ครับ แต่ไอ้บ้าคิมมันเดินตามมาด้วย
“ทำไมวันนี้มึงไม่ผูกจุกมา”
“.....” ผมไม่มีหน้าที่ต้องตอบมันครับไร้สาระชิบหาย ตั้งหน้าตั้งตาเดินของผมต่อไปโรงอาหารกลางอยู่ใกล้ ๆ วันนี้ว่าจะใช้บริการสักหน่อย ไอ้โป้งทิ้งห่างไปไกลแล้ว มันกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ
“ กูถามว่าทำไมวันนี้มึงไม่ผูกจุกมา” มันเดินมาคว้าแขนผมไว้แล้วครับ หน้าโคตรโหดอ่ะ
“เรื่องไรของมึง”
“กูไม่ชอบคนถามไม่ตอบ” เออถ้างั้นมึงถามอะไรกูจะไม่ตอบ ผมคิดในใจครับ
“ตอบใหม่ ทำไมวันนี้ไม่ผูกจุกมา” เอ้า ไอ้นี่มันเป็นอะไรกับจุกผมมากรึเปล่าเนี่ย
“.....” ไม่ตอบครับเรื่องอะไรจะยอม
“โน่ แน่ใจนะครับว่าจะไม่ตอบกู” สายตาแม่งงงงงงง แถมยังบีบแขนผมไม่ยอมปล่อยอีก
“เอ้อออออออออ วันนี้กูลืมเอายางมัดผมมา” ตัดปัญหา จบมั๊ย
“ก็แค่นั้น อย่ากวนกูให้มากนัก” ผมนี่นะกวนมัน มันบ้าหรือผมงง(วะ)ครับเนี่ย
พูดจบมันก็เดินไปเลย โน่น หายเข้าโรงอาหารไปแล้ว ..... มันเป็นอะไรของมันนักหนา เฮ้อ! ผมกลุ้มครับ นี่เหรอครับ buddy project ที่ผมต้องดูแลตลอด 4 ปี โคตรเอาใจยากเลย ถ้าเป็นผู้หญิงจะไม่ว่าสักคำ
Tbc.