Wednesday, March 12, 2014
S.W.A.T - D (หน่วยสืบคดีโหด) *Yaoi * บทที่ 4
# 4
นาฬิกาข้อมือบอกเวลา บ่ายสองยี่สิบนาที ขณะที่รถพุ่งทะยานด้วยความเร็วมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯ
“กลับตึกเลยรึเปล่า” คริสเปิดหน้าหมวกกันน็อคออกมาถามโต้ลม
“เดี๋ยวพาไปกินข้าว ท่าทางนายจะหิวมาก หน้าถึงได้ซีดขนาดนี้” ซาโต้หันตอบสบาย ๆ
ห๋า!!!! กินข้าว ??
มันใช้อะไรคิดกันเนี่ย เพิ่งดูศพมาแล้วใครกันมันจะไปนึกถึงเรื่องอาหารการกินกันวะ! เพราะว่ากลัวหรอกถึงได้หน้าซีด แต่จ้างให้ก็ไม่ยอมพูด ก็ยังดีที่ยังห่วงยังถาม ค่อยสมเป็นคู่หูที่ต้องทำงานร่วมกันหน่อย
สองหนุ่มแวะข้างทางหาร้านอาหารง่าย ๆ กินกัน ต่างคนก็ต่างจ้วงอาหารในจานตนเองอย่างไม่สนใจอื่นใด แต่เป็นซาโต้ที่อิ่มก่อนเขานั่งจ้องอีกคนที่กินเอากินเอาจนถึงขนาดสั่งจานที่สองเพิ่ม
“หือ??”
คริสเลิกคิ้วถามหลังเก็บกวาดสองจานตรงหน้าเรียบร้อยและกำลังกระดกน้ำในแก้วซดจนน้ำแข็งที่อยู่ข้างในตกลงมากระแทกจนเจ็บริมฝีปาก ต้องเลียลิ้นไปมาเบา ๆ
“........” (จ้อง ๆๆ)
“อะไร นายมองฉันรึเปล่า” คริสถามขึ้น
“.......เปล่านี่”
“มอง ชัด ๆ” ไอ้หมอนี่พอได้คุยกับมันจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้กวนโอ๊ยอะไรมากมายนี่นา ตรงข้ามกับตอนแรกที่เจอเลย
“ก็....แค่แปลกใจ ไม่นึกว่าจะหิวข้าวจริง ๆ นึกว่ากลัวศพจนหน้าซีดซะอีก หึหึหึ” ซาโต้เลื่อนกระดาษเช็ดปากให้คนตรงข้ามทั้งสีหน้าเปื้อนยิ้มแบบสะใจ(?)
ยุ่ง!!! ทำเป็นรู้ดี เพิ่งจะชมอยู่ไม่ขาดคำ(ชมในใจ ฮ่าๆๆ)
จะกลัวจริงหรือกลัวไม่จริงแล้วยุ่งอะไรด้วย ตอนแรกก็ไม่ได้หิวหรอกแต่พอของอร่อยเข้าปากแล้วก็ลืมเรื่องราวก่อนหน้าไปหมด ตอนนี้เขาสนใจแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นนี่
เอ๊ะ!! แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากรู้มากกว่า คริสนึกขึ้นมาได้ “เอ้อ!ถามอะไรหน่อย”
“ ครับ ? ” ซาโต้เลิกคิ้ว
“ทำไมนายแสดงท่าทีกับหัวหน้าแบบนั้นล่ะ”
“แบบไหน”
“ก็แบบเมื่อเช้า ทำตัวเหมือนเพื่อนไรงี้”
นั่นมันปีนเกลียวไม่ใช่รึไงที่นายทำน่ะนะ ต้องเตือนไว้ซะหน่อยไหน ๆ ก็ได้จับคู่กันแล้ว
“ก็เพื่อนนี่ ทำไมเหรอ” ซาโต้ตอบสบาย ๆ
เพื่อนเหรอ???? เพื่อนอะไรของมันวะ มันจะเป็นเพื่อนพี่ฟ็อกซ์ไปได้ยังไง คริสคิดหนักกับท่าทีและคำตอบแปลก ๆ ของคนตรงหน้า
“ทำไม ติดใจอะไรผมรึไง”
รอยยิ้มเผล่แต้มบนใบหน้าคมที่แม้จะถูกบดบังไว้ด้วยเรแบนด์สีเข้มแต่ก็ยังดูดีถึงขนาดสาวโต๊ะข้างๆมองมาเป็นระยะ
“ปะ....เปล่า” เฮ้ย ๆๆ อย่ายิ้มแบบนี้กับคำตอบแบบนั้นนะ สยองงงงง ว่ะมึง
“หึหึหึ จะเอาอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” ซาโต้เห็นคริสใช้ส้อมจิ้ม ๆแตงกวาที่เหลือในจานขึ้นมากินเล่นแก้เขินจึงได้ถามดู ผู้หมวดหนุ่มได้แต่คาบส้อมไว้แล้วส่ายหน้า
ตกลงว่าไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าเจ้าคู่หูตรงหน้าเป็นเพื่อนพี่ฟ็อกซ์ได้ยังไงกัน เห็นทีได้แต่ต้องสืบเอาเองซะแล้ว
“ถ้าอิ่มแล้วก็ไปกันเถอะ”
แหะ แหะ โดนตัดบทเรียบร้อย
.
.
.
.
.
.
กว่าจะกลับมาถึงตึกก็เกือบจะเย็น ซาโต้เดินนำเข้าชั้นหนึ่งหน่วยนิติเวชทันที ในขณะที่คริสขอแยกขึ้นไปที่ชั้น 7(แผนกคดียาเสพติด) กะว่าจะไปหาเคนยะปรึกษาเรื่องคดีวันนี้ เขาชอบปรึกษาพี่ชายเขาเพื่อกำหนดขอบเขตของเรื่องที่จะสืบและความเกี่ยวพันของตัวคดี ยิ่งคดีนี้ถูกสันนิฐานว่าจะเป็นฆาตกรรมต่อเนื่อง ยิ่งต้องปรึกษา แต่พอเปิดเข้ามาที่ห้องพี่ก็เห็นฟ็อกซ์กำลังนั่งดื่มชาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะพี่ชายเขาแทน คริสได้แต่เกาหน้าแก้เขินเมื่อโดนฝ่ายที่นั่งอยู่จ้องเอา
“เคนไม่อยู่ มึงมีอะไร”
“ปะ...เปล่า แล้วพี่เคนไปไหนครับ เมื่อไหร่จะกลับ” แล้วหัวหน้าเรามานั่งทำอะไรที่แผนกนี้วะเนี่ย ห้องตัวเองมีก็ไม่อยู่
“จะมาปรึกษาเรื่องคดีรึไง” เออ แล้วจะให้เขาตอบว่ายังไงล่ะ ตอบว่าใช่เดี๋ยวก็โดนด่าอีก
“ไม่ใช่สักหน่อย แค่จะมาบอกว่าวันนี้อาจจะกลับค่ำ”
“ฮ่า ๆๆๆๆ เจ้าคริส มึงโตเป็นควายแล้วจะกลับค่ำนิดค่ำหน่อยยังต้องมารายงานพี่มึงอีกเหรอ ห๊า!! ทำเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปได้ ไปทำงานได้แล้ว มีเรื่องอะไรไปปรึกษาคู่หูมึงโน่น มีของดีอยู่กับตัวไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์นะ”
ว่าแล้วต้องโดนด่า ถ้าไม่อยู่ในโหมดงานล่ะก็ฟ็อกซ์แทบจะกัดเขาเกือบทุกประโยคเลยไม่รู้เป็นอะไรของมัน ไอ้เพื่อนพี่บ้า!! ไม่เรียกมันว่าหัวหน้าแล้ววุ้ย!! คริสโวยวายในใจหน้างอ
แกร็กกกกก....
“อ้าว ไงคริส ไหนว่าออกไปดูที่เกิดเหตุกับซาโต้ล่ะ เสร็จแล้วเหรอ” โห ในที่สุดเทวดาของคริสก็มา
เคนยะวางเอกสารที่หอบเข้ามาเต็มอ้อมแขนลงบนโต๊ะหน้าชายหนุ่มที่กำลังกินเวเฟอร์คู่กับชาเขียวอย่างสบายอารมณ์
“พี่เคนเย็นนี้ผมคงกลับค่ำหน่อย ต้องรอผลรายงานฯที่นิติเวช พี่เคนจะรอผมรึเปล่า”
“อ๋อ ได้สิเดี๋ยวพี่เคลียร์งานรอ เสร็จเมื่อไหร่โทรขึ้นมาแล้วกัน”
“ครับ....”
“ไม่ได้ครับเคน เย็นนี้เรามีนัดไปกระทรวงกลาโหมกันเคนจำไม่ได้เหรอครับ” ฟ็อกซ์แทรกขึ้นอย่างเร็ว
“อ้อ! ใช่จริงด้วย ลืมไปได้ยังไงนะ คริส พี่คงไม่ว่างแล้วล่ะ นายกลับเองได้นะ หรือจะให้ใครไปส่งก็ได้เดี๋ยวพี่บอกเด็กไว้ให้”
“ก็ให้เจ้าซาโต้ไปส่งสิ ก็บอกแล้วไง มีของดีอยู่กับตัวรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์บ้าง” ฟ็อกส์เดินเข้ามาใกล้พร้อมยื่นเวเฟอร์รสนมให้คริส 1 ชิ้น
“อ่ะ เอาไปกิน”
“ทะ...ทำไมครับ” คริสถามงง ๆ
“แก้โง่ 5555555555”
@#$%^&**(())%$#@ เต็ม ๆ รูหูเลย ไอ้ฟ็อกซ์!! คริสเม้มปากกัดฟันกรอด ๆ ตาเขียว สบถด่าอยู่ในใจไม่เป็นภาษา
“แกล้งน้องนี่สนุกนักนะฟ็อกซ์ ไปทำงานของนายได้แล้วตอนเย็นค่อยเจอกัน” เคนยะใช้สองมือดันบ่ากว้าง ๆ ของเพื่อนซี้ให้ออกไปพ้นประตูโดยไม่สนใจคนถูกผลักที่พยายามยื้อไว้ไม่อยากออกไปสักนิด แถมหันมาตีลูกอ้อนใส่พี่เขา แม่งเลือกปฏิบัติชัด ๆ(ผมไม่อยากจะใช้คำหยาบเลยนะจริง ๆ )
“ส่วนคริสเดี๋ยวให้ซาโต้ไปส่งก็แล้วกันนะ จะให้พี่บอกให้หรือจะบอกเองล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมจัดการเอง”
“เอางั้นก็ได้ แล้วเจอกันที่บ้านนะ”
.
.
.
.
.
.
หลังจากออกจากห้องทำงานสารวัตรเคนยะ หมวดคริสตินพุ่งตรงไปที่ชั้นหนึ่งแผนกนิติวิทยาทันที สถานที่ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะก้าวเท้าเข้ามาเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มท่องนะโมอยู่ในใจตั้งแต่ก้าวขาเข้าไปแล้ว
ห้อง ที่สามารถบอกเล่าความเป็นจริง เรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ผู้ที่นอนทอดร่างไร้ลมหายใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยอุณหภูมิภายในที่ต่ำมากทำเอาเขาเกิดอาการขนลุกไม่รู้ตัว ผนังรอบข้างเต็มไปด้วยชั้นวางตู้กระจกที่มีโถแก้วใสบรรจุน้ำยาแช่ชิ้นเนื้อ(น้ำเปล่าผสมฟอร์มาลีน 10%) ติดป้ายชื่อกำกับไว้อย่างชัดเจน เป็นร้อย ๆ ขวด
เมื่อเดินทะลุผ่านเข้ามาถึงห้องชั้นกลาง ชายหนุ่มได้แต่สบถอยู่ในใจ ‘ให้ตายเหอะ! ไม่อยากเปิดประตูบานนี้เข้าไปเล้ยยยย นี่เราจะต้องเจอกับซัมบอดี้กี่ร่างกันวะเนี่ย’ คริสส่อง ๆ สายตาลอดช่องกระจกใสบานเล็กตรงประตูเข้าไป เห็นเตียงว่างอยู่สองเตียง อีกหนึ่งเตียงคนมุงกันจ้าล่ะหวั่น ข้าง ๆ มีสายระโยงระยางจากเครื่องอะไรสักอย่าง(น่าจะเป็นเครื่องอัดฟอร์มาลีนนะ ผมว่า) เจ้าหน้าที่สามสี่คนรวมทั้งนักศึกษาแพทย์ แต่ละคนล้วนเดินสาละวนอยู่ในนั้นเป็นนัยยะบอกได้ว่าการตรวจพิสูจน์ยังไม่เสร็จสิ้น
“นี่!!!!”
เฮ้ยยยย!! คริสตกใจหน้าซีด เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านหลังเมื่อหันไปดูเขาถึงกับถอนหายใจโล่ง เพราะเสียงนั่นคือเสียงคู่หูเขาเอง ซาโต้สวมเสื้อกราวด์สีขาวทับเสื้อผ้าเมื่อตอนเช้าไว้เรียบร้อย เรแบนด์สีเข้มถูกเปลี่ยนเป็นแว่นใสสีชาอ่อน ไม่ได้สวมผ้าคาดปากและถุงมือ เออ มันหล่อจัง(วะ)
“มาเงียบ ๆ ตกใจหมดเลยยยยย” คริสโวย
“หึหึหึ....”
“หัวเราะอะไร! แล้วศพล่ะ ตรวจเสร็จรึยัง”
“ยัง เจด้าตรวจอยู่ เกือบแล้วล่ะ เย็บอยู่มั้ง” โห...มันพูดเหมือนเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศธรรมดา
“อ้าว แล้วนายไม่ไปช่วยล่ะ” นายน่าจะเป็นผู้ช่วยหมอเจด้านี่นะ
“ช่วยทำไม ไม่ใช่หน้าที่ ผมมารอผลรายงานฯ เหมือนกัน” พูดแล้วส่งซองเอกสารที่ถืออยู่ในมือให้คริส
“อะไร”
“รายงานของสองศพที่แล้ว” พอยื่นให้เสร็จก็เดินไปเอนหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟาตัวยาวตรงมุมห้อง
คริสตามไปนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม ผู้หมวดหนุ่มเปิดซองแล้วพลิกดูอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขาสนใจมากเป็นพิเศษคือบรรดารูปถ่ายช็อตต่าง ๆ ของศพแต่ละราย รายละเอียดของรูปภาพจะบ่งบอกให้เห็นถึงรูปแบบการทำฆาตกรรมที่ทุกวันนี้พัฒนาไปจนถึงขีดที่เรียกว่าเหนือจินตนาการของคนธรรมดาจริง ๆ
แต่เพียงครู่เดียว คนที่เรารอคอยก็ออกมา “หวัดดีค่ะหมวดคริส”
เสียงใสกังวาลขึ้น หลังจากประตูห้องด้านในถูกเปิดออกพร้อมสาวสวยในชุดเสื้อกราวด์สีขาว เธอไม่ได้สวมถุงมือและผ้าคาดปาก แสดงให้เห็นว่าการชันสูตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว นิสิตแพทย์สองสามคนเดินตามออกมาพร้อมรถเข็นบรรทุกขวดโหลชิ้นเนื้อและแฟ้มงาน ซึ่งหมอเอ๊กซ์(เอ็กส์เทิร์น(ปี 6))ทั้งหมดที่ตามคุณหมอสาวออกมาก็แยกตัวไปนั่งจับกลุ่มเขียนอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงานอีกฟากหนึ่งของห้อง
“ดีครับหมอเจด้า” คริสพูดยิ้ม ๆ อดประทับใจในความน่ารักของคุณหมอไม่ได้
เคนยะเคยเล่าให้เขาฟังว่า 3 ปีที่แล้ว เจด้าเป็นนักศึกษาแพทย์เพียงคนเดียวในปีนั้นที่ยอมมาฝึกงานที่นิติเวชแห่งนี้กับอาจารย์หมออีกคนที่ประจำอยู่ที่นี่ ทั้งอัธยาศัยใจคอดี ไม่ถือตัวทำให้คุณหมอเจด้าคนนี้เป็นที่รักใคร่ของเจ้าหน้าที่ในตึกนี้มาก
ก็เพราะแพทย์นิติเวชคือคนที่ต้องทำงานอยู่กับ ‘อดีตคน’ บางคราวต้องคลุกคลีอยู่ด้วยเป็นเวลานานหลายต่อหลายชั่วโมง ยิ่งบางครั้งเมื่อมีเหตุที่ ‘ไม่อาจฌาปนกิจ’ ยิ่งทำให้ต้องกลับมาพบกันครั้งแล้วครั้งเล่า แพทย์ส่วนใหญ่จึงชอบตรวจรักษาร่างกายที่มีชีวิตมากกว่าจะยอมตรวจสืบ สังขารที่ไร้วิญญาณ แบบนี้
“มาแล้วไม่ยอมเข้าไปช่วยนะซาโต้” คุณหมอคนสวยเดินไปนั่งลงข้าง ๆ คนที่นั่งเอนหลังอยู่อย่างสบายตัวพร้อมตวัดสายตาค้อนให้หนึ่งทีเบา ๆ
“ไหนดูสิ ยังไม่หายเหรอ” มือเรียวขาวส่งขึ้นมาทาบที่ซอกคอของคนที่นอนอยู่เบา ๆ ซาโต้ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมเอียงคอหลบ ‘สงสัยจะอายเขาล่ะมั้ง’ คริสนึกพร้อมมองสำรวจภาพถ่ายในมือต่อไป
“เปล่า หายแล้วครับ กำลังจะกลับ ”
“แล้วนอนแบบนั้นทำไม”
“.......”
“ซาโต้” เสียงเธอช่างเว้าวอนจริง ๆ เรียกให้คริสต้องเงยหน้ามองสองหนุ่มสาวอีกครั้ง ไม่คิดว่าจะได้เห็นด้านนี้ของคุณหมอนิติเวชคนเก่ง
“ไม่มีอะไรค่ะเจ ผมแค่ง่วงน่ะ” โหยยยย พูดเพราะอีกต่างหากไอ้ห่า!!
สายตาห่วงใยจากคุณหมอสาวส่งตรงไปให้ชายหนุ่มข้าง ๆ อย่างชัดเจนทำเอาบุคคลที่ 3 อย่างคริสถึงกับทำตัวไม่ถูก ได้แต่กระแอมไอเบา ๆ
ช่วยเห็นหัวผมบ้างเถอะครับ จะมาจีบกันอะไรตรงนี้ นี่มันห้องตรวจศพนะ แหะ แหะ
“อาจารย์หมอคะ จัดการไฟล์รูปไว้เรียบร้อยแล้วค่ะให้แนบเข้าเมลแล้วส่งเลยไหมคะ”เสียงใสแจ้วจากนิสิตแพทย์คนหนึ่งดังขึ้น เธอเดินมานั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ ซาโต้ (อย่างใกล้เลย ขอบอก)
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวอาจารย์จัดการเอง ถ้างานเสร็จแล้วจะกลับเลยก็ได้ เดี๋ยวอาจารย์หมอมานพจะเข้ามาเปลี่ยนเวรแล้วด้วย”
เจด้าพูดกับลูกศิษย์อย่างอารมณ์ดี แต่สายตาลูกศิษย์คนสวยกลับจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ที่คนที่เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ
“เอ่อ....คือ...เอ่อ....” ดูเหมือนเธอมีอะไรบางอย่างจะพูดต่อ ดวงตากลมโตนั้นหลุบขึ้นลงอย่างเอียงอาย
“ หืม มีอะไรอีกล่ะ” เจด้าถามพลางวางมือเรียวขาวลงที่หน้าขาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างสนิทสนม เจ้าซาโต้กลอกตามองมาที่คริสเหมือนขอความช่วยเหลือ
‘เอาล่ะเหวยยยยยย ’ คริสที่นั่งอยู่ตรงข้ามคนทั้งสามเกร็งตัวพยายามแอบมองลอดรูปถ่ายศพสุดสยองขนาด 6” x 8” อย่างระมัดระวัง
“.......นี่ค่ะ เห็นพี่ซาโต้อยากได้เมื่อวันก่อน ขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะอาจารย์” เธอพูดอย่างเร็วพร้อมยัดบางอย่างใส่มือซาโต้แบบรีบ ๆ บอกลาคุณหมอเสร็จก็ลุกขึ้นวิ่งออกไปทันที ผมเห็นแว๊บ ๆ คล้ายจะเป็นแฟลชไดร้ท์อันเล็ก ๆ สีชมพูห้อยสายสติชเอาไว้อีกต่างหาก
“หืม อยากได้เหรอ ทำไมไม่บอกเจล่ะ รบกวนน้องเขาทำไม” ซาโต้หน้าเหวอ ยัดของที่อยู่ในมือลงในกระเป๋าเสื้อด้านในทันที
แหม ไอ้ห่า!!! เสน่ห์แรงนะมึง
ตอนนี้ใครมาเห็นหน้าเจ้าคนที่นั่งเหวออยู่ คงต้องตลกหน้ามันถึงที่สุด คริสพยายามกลั้นหัวเราะจนท้องแข็ง
เจด้ายิ้มน้อย ๆ ก่อนลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นรินน้ำเปล่าใส่แก้ว แล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้น
“เหมือนกับสองศพที่แล้วไม่มีผิด ตอนที่เลาะผิวหนังรอบลำคอออกมาเพื่อดูรอยช้ำ เราพบว่ามีเลือดออกรอบรอยเล็บ แถมผู้ตายยังมีจุดเลือดออกที่ใต้เยื่อบุตาขาว ยืนยันได้ส่วนหนึ่งว่ามีการบีบคอร่วมด้วยจริง แต่ว่า สาเหตุการเสียชีวิตจริง ๆ ก็คือบาดแผลที่ด้านหลังของศีรษะ เป็นแผลที่น่าจะถูกจับโขกลงไปซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งจนเหยื่อหมดสติ ไม่ใช่แผลที่เกิดจากการโดนของแข็งทุบฟาดหรือปาดเฉือนอวัยวะเพศ”
หือ....โหดจังวะ
“ช่องทวารหนักฉีกขาด ทั้งรอยเก่าแล้วก็รอยใหม่ แต่ไม่มีร่องรอยของคราบอสุจิ มีแต่น้ำเมือกจำนวนมากไหลออกจากช่องทวาร เป็นไปได้ว่าผู้ตายคงจะโดนลวนลามจากช่องนั้นอยู่เป็นประจำ ส่วนลักษณะการปาดเฉือนอวัยวะเพศ ก็เหมือนสองศพที่แล้วทุกอย่าง รวมถึงวิถีของการส่งปลายเข็มเข้าที่โคนขาด้านในด้วย น่าจะเกิดจากฝีมือฆาตกรคนเดียวกันเพราะองศาของการเอียงเข็มก็เป็นปัจัยร่วมอย่างหนึ่งด้วย”
“ยังไงครับ” คริสถามขึ้นพร้อมเอียงศีรษะคิดตาม
“แต่ละคนจะมีลักษณะเฉพาะตัวในการใช้เข็ม บอกตรง ๆ ฆาตรกรรายนี้เหมือนคนที่ใช้เข็มมาอย่างชำนาญ ไม่มีการแทงพลาด แทงครั้งเดียวก็เจอเส้นเลือดดำเลย ตัวฆาตกรเองคงกะให้ยาออกฤทธิ์เร็วด้วยแหละ เพราะถึงแม้หลอดเลือดดำจะหาง่ายแต่ก็ไม่มีการพลาดอะไร ตำแหน่งเดียวกันเป๊ะทั้ง 3 ศพ”
แต่..
กริ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์สายภายในดังขึ้นตัดบทการคุยกันของทั้งสาม คุณหมอเจด้ารับสายสักครู่ก็หันมาบอกกับสองหนุ่มว่าพิสูจน์หลักฐานให้ไปเซ็นรับเอกสารซึ่งจ่าสุรชัยเตรียมไว้ให้ที่ชั้นสองเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวฉันไปเอาเองก็ได้ นายอยู่ที่นี่กับคุณหมอเถอะ” คริสลุกขึ้นขันอาสา คิดว่าควรเปิดโอกาสให้สองคนนี้สักหน่อย แต่...
“ไปด้วยกันดีกว่า...”
“ไม่เป็นไร นายอยู่นี่แหละ” ซาโต้ไม่สนใจคำค้านนั้นเดินจำอ้าวออกไปก่อนผู้หมวดหนุ่มซะอีก
“ซาโต้” เสียงใสจากหมอเจด้าเรียกให้ชายหนุ่มที่กำลังจะก้าวออกจากประตูไปหันกลับมามองอีกครั้ง
“วันนี้เจไม่ได้เอารถมา ซาโต้ไปส่งเจนะ”
“.....ครับ”
“งั้นเดี๋ยวเจโทรไปบอกตอนจะกลับนะ อ้อ! หมวดคริสคะ เดี๋ยวคืนนี้จะเมลผลชันสูตรเบื้องต้นของศพนี้ ไปให้นะคะ ส่วนฉบับเต็มคงต้องรออีกสัก 2-3 วัน โชคดีที่ชิ้นเนื้อค่อนข้างสมบูรณ์ 2-3 วันคงจะเอาเข้าแล็บได้ เคสนี้เจจะลงแล็บให้เองเลย รายละเอียดอย่างอื่นเจส่งไปให้เบื้องต้นแล้ว พร้อมกับไฟล์รูป 100% ค่ะ”
“อา...ครับขอบคุณครับ”
หลังออกมาจากห้องขณะกำลังเดินมุ่งไปที่ชั้นสอง แผนกพิสูจน์หลักฐาน คริสก็ถองศอกเข้าที่ท้องของคู่หูเบา ๆ ซึ่งทำเอาซาโต้หน้าเหวอ แปะเป็นเครื่องหมายคำถาม
“อะไร”
“เสน่ห์แรงนะมึงนะ กูหมั่นไส้ว่ะ” อิอิ ยิ่งเริ่มสนิทกันคำหยาบก็เริ่มออกมาเรื่อย ๆ แล้ว ฮ่า ๆๆ
“แรงตรงไหน ธรรมดาออก” ซาโต้ตอบยิ้ม ๆ
โหยยยย ไอ้ห่า!! กูเองก็อยากมีนะโมเมนท์แบบนั้นน่ะ ชาย 1 หญิง 2 ฮ่า ๆ แค่คิดก็มีความสุข
ซาโต้ใช้แขนแกร่งรวบคอคู่หูคนใหม่ที่เพิ่งได้มาวันนี้เข้ามาใกล้ ๆอย่างสบายอกสบายใจ สองคนเดินกอดคอกันขึ้นบันได
“นี่ ผมจะบอกเคล็ดลับให้เอาไหมล่ะ” เออ เข้าท่าวะ รีบบอกมาเลยมึง คริสหูผึ่ง
“ของแบบนี้มันอยู่ที่หน้าตา คนหน้าตาดีแค่ยืนเฉย ๆ สาว ๆ ก็กรี๊ดกันแล้ว ส่วนคน...เอิ่ม ขี้เหร่... ถึงแม้พยายามแค่ไหน มันก็ขี้เหร่อยู่วันยังค่ำอ่ะ เสียใจด้วยนะ หึหึหึ”
เอ๊ะ!! ไอ้นี่!! มันหลอกด่าใครรึเปล่าวะ แล้วไอ้คำว่า ‘ขี้เหร่’ ของมันเนี่ย มันหันมามองหน้าเราทำไมหวา ทว่าพอนึกได้ดังนั้นผู้หมวดหนุ่มถึงกับเคี้ยวฟันกรอด ๆ ผลักหัวคู่หูที่ตอนนี้เอียงชิดติดกันอยู่ให้ออกห่างไปทันที ใบหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กน้อยฉายชัดออกมา จมูกรั้นหันเชิดไปอีกทาง
‘สะใจมากใช่ไหมที่หลอกด่ากันได้เนี่ยยยยย!! กูก็โกรธเป็นเหมือนกันนะ’
เห็นท่าทางแบบนั้นของคู่หูทำเอาซาโต้ถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
“เฮ้ยยยย!! ล้อเล่นนนนนน”
‘อะไร ๆ ทำไมเมิงต้องแก้ตัวเร็วขนาดนั้นด้วย นี่กูทำหน้าเหมือนสาวแรกรุ่นขนาดนั้นเลยรึไงวะ???’ คริสหันมามอง
“ให้มันจริงเหอะ มึงพูดซะกูหมดความมั่นใจตัวเองไปเลย ไอ้ห่า!!”
“ไรว้าาาา รู้จักกันแค่วันเดียวพูดไม่เพราะซะแล้ว ไม่น่ารักเลยเนาะ คนเรา” โซโต้รวบหัวผู้หมวดหนุ่มเข้ามาอีกครั้ง พร้อมหรี่ตามองแบบใกล้ ๆ
“เออ ๆ โทษที ลืมไปว่าเราเพิ่งรู้จักกัน”
“หึหึหึ”
“ก็แล้วจะหัวเราะทำไมล่ะ” ฮึ้ยยย!! กวนประสาท
“ป๊าววววว” เอ้อ ให้มันได้อย่างนี้ ไอ้ซาโต้
Tbc.