[23]
“...หลายคนให้ความสำคัญกับเรื่องความรักและยอมทิ้งโอกาสดีๆมากมายที่เข้ามาเพื่อให้ได้อยู่กับคนรัก....อย่าลืมว่า
เมื่อมีอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิต ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทุ่มเททุกอย่าง
หรือยอมสูญเสียความเป็นตัวเองไปเพื่อเอาใจอีกฝ่ายและคิดว่าวิธีนี้จะสามารถดึงให้เขาอยู่กับเราไปได้นาน
ๆ เพราะสุดท้ายแล้วเมื่ออีกฝ่ายหมดใจยังไงก็รั้งเขาไว้ไม่ได้
ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ชีวิตเสียสูญ เราควรจะให้เท่าที่ให้ได้ ทั้งเวลาและสิ่งอื่น ๆ
ในชีวิต และทำในสิ่งที่มีความสุขทั้งสองฝ่าย
เราจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อเราทำตัวเองให้มีคุณค่า
รักไม่ใช่ทุกอย่างหรอกครับ
ความรักอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้คนสองคนอยู่ร่วมกันไปตลอด
ยังมีปัจจัยอื่นอีกเยอะเช่นกัน
ดังนั้นต่อให้มีหรือไม่มีมันเราก็อยู่ได้...เพราะความรักไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต”
“แล้วอยู่แบบไหนอ่ะครับดีเจแคป
ถ้าขาดความรักชีวิตคงเหี่ยวเฉาเหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำนะผมว่า..”
“ความรักของพ่อแม่
ครอบครัว เพื่อนฝูง พี่น้อง สำคัญนะ รักตัวเองให้มากๆ
ความรักไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตอย่าไปยึดติดกับมันครับ
ชีวิตเรายังมีเรื่องให้คิดให้ทำอีกเยอะ รักตัวเองให้มากๆ ผมย้ำคำนี้อยู่เสมอ พบกันอีกครั้งศุกร์หน้าห้าทุ่มเศษ
กับผมดีเจแคป..”
“และผมดีเจแบงค์
สำหรับคืนนี้เราสองคนต้องลากันไปแล้วล่ะครับ บ๊ายบายยยย/บ๊ายบายยยย....”
“...เมื่อรักไม่ใช่ทุกอย่าง เสมอ
รักมันไม่ใช่เธอ ฉัน หรือว่าใคร
รักไม่ใช่ความสุข ในบางครั้ง
รักไม่ใช่ความหวัง ในวันที่ฉันเเละเธอต้องจากไป
รักไม่ใช่ทุกอย่าง......”
เมื่อเพลงสุดท้ายของรายการถูกปล่อยออกมา
แคปเซ็ทโปรแกรมสำหรับสปอตโฆษณาหลังรายการข่าวประจำชั่วโมงเอาไว้ก่อนถอดเฮดโฟนออก
เขาหยิบเอาสคริปที่วางอยู่ข้าง ๆ เลื่อนเก้าอี้แล้วลุกออกมาโดยมีแบงค์ที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นจากใต้โต๊ะเพราะก้มลงไปทำอะไรสักอย่างกับเครื่องสำรองกระแสไฟลุกตามกันมาติดๆ
พี่ดีเจเติ้ลที่รอเปลี่ยนมืออยู่แล้วทักทายกันนิดหน่อย
สองหนุ่มค้อมศีรษะให้อย่างเคารพแล้วเดินผ่านมาที่ห้องใหญ่มาด้านนอก
“ฮ้าววววว”
แคปหาวหวอดพลางชูสองมือขึ้นบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาทีส่งเสียงอย่างเกียจคร้าน
“อ่ะ....!” เมื่อแก้มถูกสัมผัสด้วยกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบแคปถึงกับสะดุ้ง
“สัส กูตกใจ”
“โอ๋ๆขวัญมาๆ”
แบงค์มันก็แค่ยืนยิ้มที่แกล้งอีกคนได้
คำพูดปลอบใจแบบเด็กๆทำเอาแคปหัวเสียหน้าเหวี่ยงขึ้นได้อีก
“คืนนี้กลับยังไงวะ..”
เสียงทุ้มเอ่ยถามตัดอารมณ์หุนหันของอีกคน แคปหันมามองนิดหน่อยแต่ไม่ได้ตอบ
งัดเปิดฝากระป๋องน้ำอัดลมเย็นๆแล้วยกดื่ม
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดีขณะที่พนักงานฝ่ายเทคนิคยื่นสคริปงานปึกใหญ่ส่งให้
แบงค์เดินเข้าไปรับไว้แล้วกล่าวขอบคุณ
“งานของอาทิตย์หน้ามาเร็วจริงจริ๊ง..”
เจ้าแบงค์บ่นพึมพำพลางก้มมองสำรวจสิ่งที่อยู่ในมือ เขายื่นให้แคปปึกนึง
“หัวข้ออะไรวะเนี่ย
มีแต่เรื่องเศร้าๆ” พอกวาดตามองหัวข้อเรื่องสำหรับรายการครั้งหน้าแล้วต้องส่ายหัว
แน่นอนว่าเรตติ้งรายการดีขึ้นมากจริง ๆ แต่ก็ต้องแลกกับธีมของรายการที่ดราม่าถึงขีดสุดในทุกๆครั้งที่มาจัด
บางครั้งแคปรับฟังเรื่องราวจากบรรดาผู้ที่โทรเข้ามาเล่าเรื่องราวความรักของตัวเองแล้วอดที่จะหดหู่ไม่ได้ ชีวิตจริงทำไมถึงต้องเศร้าโศกขนาดนั้น สุขแค่ร้อยแต่เจ็บเป็นล้าน
ถึงขนาดนั้นก็ยังยอมแลกมาอย่างขาดทุน
คนหนอคน
“เหม่ออะไรน่ะ”
เขารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แบงค์เอาปึกกระดาษในมือโบกไปมาผ่านหน้าแล้วเอียงใบหน้าคมเข้ามาถาม
แคปถึงกับต้องผลักมันให้ออกห่าง
“กูจะกลับแล้ว..”
เขาว่าพร้อมกับคว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นมาแล้วยัดสคริปใส่ลงไป
ยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่มต่ออีกหน่อย
“แฟนมึงมารับ?”
“.......”
แคปไม่ได้ตอบ เขาวางเครื่องดื่มเย็น ๆในมือลงพร้อมยักคิ้วข้างเดียวส่งกลับไปแบบกวน
ๆ แบงค์เห็นแบบนั้นถึงกับแค่นหัวเราะในคอ
“เฮ้อออ
ว่าจะชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันสักหน่อย วันนี้ก็ไม่ได้อีกงั้นสิ”
“ไม่ใช่แค่วันนี้ไม่ได้เว้ย
วันไหนๆก็ไม่ได้ทั้งนั้นน่ะแหละ” แคปย้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับบีบกระป๋องน้ำอัดลมที่กินจนหมดเกลี้ยงแล้วโยนลงถังขยะมุมห้องอย่างแม่นยำ
“มีแฟนขี้หึงหนักใจชะมัดเฮ้อออ..”แบงค์แกล้งทำเสียงล้อเลียนแบบกวน
ๆ เจอแคปหันมาตวัดสายตาใส่
“นั่นไม่เกี่ยวกับมึงนี่”
เขากระชับสายกระเป๋าพลางหันไปมองคนด้านหลังแวปหนึ่งอีกครั้งก่อนผลักประตูเปิดออกไป ขายาวเดินดุ่ม ๆ ไปที่ลิฟต์
ตีหนึ่งเศษจะว่าเงียบก็เงียบนะ พนักงานส่วนใหญ่ก็ทำในช่วงเวลาปกติ จะมีก็แค่เฉพาะบรรดาพวกที่มีหน้าที่ช่วงดึกเท่านั้นที่มาประจำอยู่
“รีบไปไหนวะแคป
เดี๋ยวกูลงไปส่ง นัดกับมันไว้ที่ไหน..” เสียงทุ้มของแบงค์ไล่หลังตามมาพร้อม ๆ
กับตัวคนที่ซอยเท้าเดินตามมาจนทัน
“ไม่ต้อง!
แยกกันต่างคนต่างเดินเลย..” แคปกดเรียกลิฟต์ปุ๊ป บานประตูก็เปิดปั๊ปขึ้นมาทันที
สองคนจึงเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างในคนล่ะมุม
“นัดกันไว้ที่ไหน
เอาดีๆ”
“..........”
แคปส่ายหัวคิ้วย่น แสดงออกให้มันรู้ไปเลยว่าไม่อยากบอกอย่ามาถามมาก
ขณะที่แบงค์เห็นแบบนั้นยิ่งอยากแกล้ง
“กูไม่ตามมึงไปหรอกน่าก็แค่ถามดู
ถ้าเป็นนอกอาคารเดี๋ยวเดินไปเป็นเพื่อนมันดึกมากแล้ว”
“เรื่องของกู
ไม่ต้องมายุ่งได้ไหมห๊ะ” พอลิฟต์เปิดออกแคปก้าวเลี้ยวออกฝั่งซ้ายแบบไม่รีรอ
แบงค์รีบเข้ามาคว้าสายกระเป๋ารั้งเอาไว้
“อะไรของมึงอีกวะ
ยุ่งกับกูจริงนะ” แคปหันมาถามเสียงขุ่น
“ร้านกาแฟ?”
“ใช่! แล้วยังไง?
มึงจะไปพร้อมกูไหมล่ะ”
“ใจร้ายจริง
ๆ กูก็แค่ถาม”
“เลิกเรียกตัวเองว่ากูแล้วเลิกแทนตัวกูว่ามึง
ถึงตอนนั้นกูจะพูดด้วยดีๆ”
“พี่แคป..งี้เหรอ?”
“กวนตีน
ไอ้เด็กนรก” แคปสวนกลับกัดฟันกรอด ๆ มันเรียกเขาพี่แคป แต่หน้าตาดูตั้งใจกวนมาก ๆ
ไม่ได้ให้ความเคารพในฐานะพี่อย่างปากเรียกเลยสักนิด
“อ้าว
เรียกพี่แคปก็ไม่โอเค งั้นให้เรียกอะไรอ่ะ น้องแคป แคปเฉย ๆ หรือจะให้เรียกคาปูแบบพี่ชายมึงเรียกดีล่ะ”
“นี่มึงไปรู้เรื่องนี้มาจากไหนห๊ะ!”แคปเดือดขึ้นมาอีกรอบ
ชื่อนี่แม่งโคตรหวงถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวหรือคนสนิทจริงๆไม่มีใครหน้าไหนที่เขายอมให้มาเรียกหรอก
“หึหึ
คาปูชิโน่เรอะ? คาปู คาปู จุ๊ๆมานี่เร็วเดี๋ยวพี่แบงค์เอาขนมให้น๊า” แบงค์แกล้งทำเสียงเยาะ
ตั้งใจกวนประสาทอีกคนเต็มที่โดยการทำเสียงเรียกที่เหมือนกับเรียกลูกหมา
แคปปนี่ยืนขนหัวลุกคือโกรธมันแบบมากๆ
ขณะที่จะอ้าปากด่ากลับเสียงโทรศัพท์มือถือดังเรียกขึ้น
เขาเอาขึ้นมาดูพอเห็นว่าเป็นใครที่โทรเข้ามาเรียก แคปชี้หน้าแบงค์แล้วด่าคาดโทษ
“มึงนะมึง
กูฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เด็กเปรต” เสียงมือถือยังแผดลั่นอยู่แบบนั้นแคปยิ่งรน
ไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับไอ้เด็กนรกตรงหน้ามากนัก
“อย่าลืมมาเอาคืนด้วยล่ะ...พี่แคป”
“ไอ้เด็กบ้า!”
แคปด่าสาดใส่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนหันหลังเดินเลี่ยงออกไป เสียงหัวเราะหึหึจากแบงค์ดังตามมาอยู่ในโสตทำเอาเขาปวดหัวจึ๊กๆ
แคปยั๊วะมากทำอะไรไม่ถูก เขาคว้าได้ขวดอะไรบางอย่างแถว ๆ
นั้นจับฟาดมันไปแบบกะเอาให้โดนได้ยินแต่เสียงแบงค์ร้องโอดโอยอยู่มุมตึกแคปจึงแสยะยิ้มร้ายสมน้ำหน้า
ก่อนที่สองคนจะแยกกันออกไปได้ยินแต่เสียงทุ้มต่ำของแบงค์ดังแว่วตามมาอีกรอบ
“บ้าเอ๊ย! เด็กนรกจริงๆนะมึง”
แคปสบถ แต่ล่ะวันมาทำงานกว่าจะได้กลับต้องทะเลาะกับไอ้เด็กเวรตะไลนั่นทุกทีสิน่า
ตอนทำงานก็เข้าขากันดีอยู่หรอก
งานเป็นงานแบงค์มันจะไม่เคยกวนเขาเลยแต่พอเลิกงานเท่านั้นแหละ
มันตั้งใจยั่วโมโหกวนส้นตีนฟัดกันจนจะแตกหักกันไปข้างเสียทุกที
“ฮัลโหลถึงแล้วโว๊ย!
มึงก็โทรเหี้ยไรของมึงนักหน่าห๊ะ!!”
แคปเอามือถือที่แผดเรียกดังไม่ยอมหยุดขึ้นมากดรับแล้วพาลใส่คนในสาย
ทำเอาเอสที่นั่งชิลอ่านหนังสืออยู่ถึงกับคิ้วกระตุก
ปิดพับหนังสือปกหนาเล่มยักษ์เสียงอย่างดังจนพนักงานร้านกาแฟยังต้องสะดุ้งแล้วหันดู
“พูดไม่เพราะแบบนี้กลับเองนะเมีย
กูไม่รอแล้ว” เสียงทุ้มขุ่นว่าจบลุกพรวดขึ้นเลย
เขาเดินออกจาโต๊ะจริงอย่างที่ปากว่าจะไม่รอ
พอจะเลี้ยวออกจากร้านเท่านั้นแหละเจอมือเล็กของใครสักคนดึงเอาไว้อย่างเร็ว
“เฮ้ย! มึงจะบ้าเรอะ
กูมาถึงแล้วเนี่ยจะเลี้ยวไปไหนของมึงห๊ะ ไหนใครวะว่าจะมารอกูไง
ยิ่งอารมณ์เสียๆอย่ามาทำเป็นเอาแต่ใจนิสัยผู้หญิงนะมึง”
“.......”
เอสไม่ยอมพูดตอบโต้ เขาเพียงหันไปมองคนพูดตาเขียวแล้วนิ่ง
ขณะที่แคปอ้ำอึ้งพูดไม่ออกชะงักไปนิดเมื่อรู้สำนึกว่าตัวเองทำผิดที่โมโหอีกคนแล้วไปพาลใส่อีกคนแบบนั้น
ทั้งที่รู้ว่าเอสมันตั้งใจมานั่งรออยู่เงียบ ๆ ตั้งสองชั่วโมง
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเผลอตัวตะคอกใส่ไป
แคปนึกไปนึกว่าไม่รู้ความคิดอันน้อยนิดในสมองเรียบเรียงเฉไปทางไหน
เขาพลันนึกถึงคำพูดที่เอสบอกเอาไว้คืนนั้น...
...กูเป็นคนเบื่อง่าย ยิ่งได้แล้วยิ่งไม่ค่อยสนใจ...
ตายห่า
ตายๆๆๆๆ เพราะไอ้เด็กบ้านั่นคนเดียวโว๊ยยยยยย
“คิดอะไรของมึงอีกหื้อ
คิดมากจนคิ้วยุ่งไปหมดแล้วนั่น..” เอสเห็นอีกคนหน้าค่อย ๆ
ยู่ๆลงเรื่อยๆแบบนั้นถึงกับส่ายหัว
แคปมีนิสัยไม่ดีมากๆอยู่อย่างคือชอบคิดเองเออเองอยู่คนเดียว บางครั้งคิดในสิ่งที่ผิดๆแล้วไม่ยอมถามว่าเรื่องจริงเป็นยังไง
ถึงตอนนั้นก็เข้าใจผิดกันไปมากโข
เอสถอนหายใจหนักๆก่อนคว้าหมับล็อคเอาคอคนตัวเล็กกว่าแล้วลากพาเดินกลับออกไปด้วยกัน
“เข้าไปนั่งเงียบ
ๆ อย่าโวยวายให้มันมากนัก..” พอถึงรถเขายัดไอ้ตัวน่ารำคาญที่บ่นอุบอิบโวยวายมาตั้งแต่หน้าร้านกาแฟ
บ่นว่าหนักคอบ้างหล่ะ หนักไหล่บ้างล่ะ
ทำท่าไม่อยากให้เขาเดินกอดคอลงมาด้วยกันบ้างล่ะ
แต่พอเขาทำท่าจะเอาท่อนแขนออกจากไหล่มันจริง ๆ มันกลับหันมาชักสีหน้าทำตาเขียวใส่
หรือนี่จะเป็นอารมณ์เลือดลมจะมาจะไปของพวกผู้หญิงวะ?
แคปมันมีรอบเดือนด้วยเหรอ
“ไอ้สัส!”
แคปเงยหน้าขึ้นมาด่า ขณะที่เอสคร่อมตัวไว้ที่ประตู เขามองซ้ายมองขวาปลอดคน
มือหนาคว้าที่ปลายคางเล็กแล้วบีบก่อนก้มลงไปดูดมุมปากแรง ๆ หนึ่งที่
เจอแคปฟาดผั๊วะลงที่กลางหลังแต่เอสไม่สะท้านสักนิด
“ทำโทษคนปากดี”
เอสถอนริมฝีปากออกมาแล้วแสยะรอยยิ้มร้ายก่อนปิดประตูใส่หน้าคนมองกลับตาขวางเสียงดังโครม!
“............”
แคปนั่งกัดฟันกรอดๆ สองมือกำแน่น มันไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
ตั้งแต่ได้กันมาจริง ๆ จัง ๆ มันไม่เห็นเปลี่ยนไปจากเดิมเลยนี่หว่า เคยแกล้งเขาแบบไหนมันก็ยังคงเป็นแบบนั้นไม่เห็นจะอ่อนโยนอ่อนหวานห่าเหี้ยอะไรเลย
คนนิสัยแย่ทำยังไงก็ยังแย่อยู่วันยังค่ำ ไม่มีช่วงโปรโมชั่นบ้าบออะไรนั่นหรอก
“หิวอะไรไหม
จะแวะที่ไหนก่อนหรือเปล่า” เอสหันมาถามเรียบๆเมื่อเขาเลี้ยวรถออกมาจากตึก
เห็นแล้วแหละว่าคนข้าง ๆ นั่นทำหน้าตายุ่งอยู่แบบนั้น ปล่อยให้มันคิดโน่นนี่ไปเถอะ
จนสักพัก
“ตกลงไม่กิน?
จะกลับเลยใช่ไหม” คนขับหันมาถามดูอีกครั้ง
เสี้ยวหน้ายุ่งเหยิงของแคปยิ่งยุ่งลงกว่าเก่าพอได้ยินประโยคแบบนั้น
“กินสิวะ!
หิวจะตายห่าแล้วเนี่ย” แคปเห็นท่าไม่ดีรีบร้องดักทางขึ้นมาก่อน
กับคนแบบนี้ถ้ามัวแต่ทำเป็นโกรธรับรองไม่ได้กินอะไรแน่ ๆ
คืนนี้มันตรงดิ่งพากลับห้องแบบไม่ต้องถาม
“เป็นอะไรของมึง
ทำใจเย็นๆก่อนไหมแล้วค่อยพูดจากับกู”
“.......”
แคปกัดฟันกรอดๆอดทนไม่อยากจะโปรยคำด่า
เหนื่อยที่ต้องพูดมาตลอดสองชั่วโมงที่จัดรายการถ้าต้องมาปากต่อคำกับไอ้ตัวอันตรายข้าง
ๆ อีก แพ้แบบไม่ต้องลุ้น
“แคป
ข้าวไข่เจียวหน้าทางเข้าคอนโดมึงก็น่าอร่อยนะ คืนนี้แวะกินลองดูไหมล่ะ”
“........”
“อะไร..ยังไม่หายอารมณ์เสียอีกเหรอวะ”
“อยู่เฉยๆ
กูกำลังทำใจ ทำสมาธิ..” แคปว่าหน้าตายังคงยุ่งอยู่ เอสหันมองเสี้ยวหน้ายุ่งเหยิงแล้วก็นำขำ
“ขนาดนั้นเลย?”
“........”
“อะไรเนี่ย
นานแล้วน่าเลิกโกรธได้แล้ว”
“ก็เพราะว่ามึงอ่ะแหละ”
“กูทำไมอีก..”
“ก็มึงอ่ะ..”
“ทำไมล่ะ”
“อะไรวะ
มึงไม่เห็นจะเปลี่ยนไปจากเดิมเลยนี่”
“หมายความว่ายังไงแคป..”
“ก็คืนนั้นเรา...”
แคปรีบเบรคตัวเองไว้แทบไม่ทัน จะพูดออกมาว่าคืนนั้นเขาสองคนเป็นของกันและกันแล้ว
แต่สิ่งที่เอสแสดงออกมาหลังจากวันนั้นไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว
“กูบอกไปแล้วนี่..”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบา ๆ เหมือนจะรู้ความคิดอีกคน เขาหันไปมองหน้าแคปแวบหนึ่ง
“แต่มันควรจะดีขึ้นบ้างป่ะ
นี่อะไรมึงยังชอบรังแกกูเหมือนเดิมไปเปลี่ยนเลยเหอะ ไอ้คนใจร้าย”
“แล้วมึงล่ะ
เปลี่ยนไปบ้างรึเปล่า
ปากมึงเนี่ยก็ยังชอบรังแกกูเหมือนเดิมไม่เห็นจะเปลี่ยนไปเลยนะ..” เอสสวนขึ้นทันใจ แคปเองก็ไม่น้อยหน้าตาเหลือกกลับไปทำเอาคนมองถึงกับหลุดยิ้มยิ่งเห็นริมฝีปากเล็กที่ยังขยับบ่นไม่หยุดแบบนั้น
“จิ๊! มึงน่ะมันแย่ ๆๆๆๆๆที่สุดของความแย่..” มือใหญ่เอื้อมเข้าไปคว้ามือแคปดึงเข้ามาจับไว้ที่ตัก
“เอาน่า
ก็เราสองคนคู่กัดอยู่แล้วนี่ เป็นแบบนี้หรือว่ามึงรับไม่ได้อยากให้กูหวานใส่เหมือนที่มึงทำหวานน้ำตาลหกกับพวกผู้หญิงงั้นดิ”
“ไม่ใช่สักหน่อย!” แคปหันไปทำตาเขียวใส่อีกรอบแบบไม่ต้องรอ
เขาเกลียดคำพูดแบบนั้นของมัน เอสก็แค่หันมาเลิกคิ้วถาม
ตกลงอยากให้เขาทำแบบไหนด้วยกันแน่
“ไม่อยากได้แล้วเว้ยกูรำคาญ
ช่างมึงเหอะมึงอยากทำตัวแบบไหนยังไงกูไม่สนแล้วเรื่องของมึงเลย เชิญ!”
“หึหึ..”
เอสยิ้มร้ายนิดๆแล้วส่ายหัวที่แกล้งอีกคนให้หัวเสียได้
บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่านับวันตัวเองจะซาดิสต์ชอบแกล้งแคปมันมากจริง ๆ
ยิ่งแหย่ให้มันโกรธจนหน้ายุ่งได้เขายิ่งชอบ แต่บางทีก็แอบสงสารไอ้เจ้าคนโดนแกล้งอยู่เหมือนกัน
เอสยื่นมือไปขยี้หัวเล็กจนยุ่ง
แต่ก็เหมือนเดิม..เจอแคปดึงมือเขาออกแล้วเหวี่ยงกลับมาแบบแรง ๆ
เอสก็แค่หัวเราะ
“ข้าวไข่เจียวสองที่ครับ..”
รถยนต์คันสวยจอดลงที่ข้างทาง จวนจะตีสองแบบนี้ตลอดทางสองฟากมืดมิด
ร้านรวงทะยอยปิดตัวกันไปหมดแล้วยังคงเหลือแต่ร้านสะดวกซื้อประปราย
แต่ทว่ารถเข็นขายข้าวไข่เจียวข้างทางส่งกลิ่นหอมฉุยยั่วยวนใจมากจริง ๆ
“ขอบคุณครับป้า”
แคปกล่าวขอบคุณเมื่อคุณป้าคนเสิร์ฟวางอาหารสองจานลงให้ เมนูด่วนรวดเร็วมาก
“น้ำดื่มบริการตัวเองเลยนะหนุ่มๆ”
“ขอบคุณครับ”
แคปยิ้มจนตาหยีเขากล่าวขอบคุณกลับไปอีกครั้ง
มองไปที่คูลเลอร์กดน้ำข้างๆมีตะกร้าวางแก้วเรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบ
เขาบ่ายหน้าบอกเอสเดินไปกดมาให้ คนที่นั่งตรงข้ามก็แค่หันดูตามแล้วยักไหล่
“อย่ามา หน้าที่มึงอ่ะ” แคปชิงพูดขึ้นก่อน
“หน้าที่ตอนไหน”เอสถามกลับไม่รู้ไม่ชี้
แคปยื่นหน้าเข้าไปสั่งแบบโหดๆ
“หน้าที่มึงนั่นแหละ
ลุกแล้วไปเอาน้ำมาเลย คนล่ะแก้วมึงกับกู”
“ไม่เอาอ่ะ
หน้าที่แบบนี้ของภรรยาไม่ใช่เหรอ”
“ภรรยาไหนไอ้เหี้ย! มึงอย่ามาพูดเรื่องที่ทำให้กูเสียเส้นนะ!” แคปกำขอบโต๊ะแน่น เริ่มแล้ว ในใจเดือดปุดๆแล้วจริง ๆ จู่ ๆ
มันพูดเรื่องภรรยาขึ้นมาทำไมวะ เชื่อไหมว่านับตั้งแต่วันนั้นมาไอ้คำว่าภรรยา เมีย
หรือห่าเหวอะไรเทือกๆนั้นแสลงหูเขามากมาย ไม่อยากได้ยินเลยให้ตาย
“เส้นเลือดขึ้นขมับแล้วมึง
จริงจังไปไหนวะแคป..” เอสใช้สายตานำทางมองที่ขมับเล็ก
เขาเห็นเส้นเลือดข้างหัวมันเด้งดึ๋งๆจริงนะ นึกแล้วขำ
พอมองแคปดีๆอีกทีเห็นสองมือเล็กกำช้อนกำส้อมหน้าตามู่ทู่ เขาอมยิ้มเล็กๆที่มุมปากก่อนลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้
“เฮ้อ...”เสียงทุ้มถอนหายใจออกมา
แคปเงยหน้ามองเห็นมันเดินไปกดน้ำแล้วลอบยิ้มพอใจ หึหึ
ในที่สุดมันก็ต้องทำตามคำสั่งเขาล่ะว๊าา
คนเป็นสามีมันก็ต้องอยู่ในอาณัติภรรยาถูกต้องที่สุดแคปนึกไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับอมยิ้มออกมา
“อ้าว! แล้วของกูล่ะ”
กำลังยิ้มอยู่ดีๆก็ต้องชะงัก เพราะไอ้ตัวดีฝั่งตรงข้ามจู่ ๆ
เดินมานั่งลงแล้วดูดน้ำในแก้วโชว์ให้ดู
พอแคปมองดูของตัวเองกลับไม่มีแม้แต่แก้วเปล่าๆสักกะใบ
“ก็เดินไปเอาเองดิ”
เอสตอบเรียบง่าย เขาวางแก้วน้ำลงแล้วตักข้าวในจานตัวเองกินต่อ
ไม่สนใจคนที่นั่งกัดปาดบดฟันอยู่ตรงหน้า
“นี่มึงบ้าป่ะ
ลุกขึ้นไปเอามาแล้วเผื่อกูอีกสักแก้วจะเป็นไรไปวะ ไอ้คนใจดำ เอาของมึงมานี่เลย!”
แคปด่าเสร็จจะคว้าเอาแก้วของเอสมาเป็นของตัวเองแทนแต่อีกฝ่ายเร็วไม่แพ้กันจับแก้วตัวเองไว้ก่อน
“ไอ้....”
“อยากจะด่าอะไรก็เชิญ”
“มึงไม่จริงใจกับกู”เมื่อแคปคิดหาคำด่าอื่นไม่ได้
เขาคิดอะไรออกก็ด่าไปก่อน เอสถึงกับชะงักไปนิดๆ
“หื้อ..”
“คนใจดำ”
“.......”
“เลว”
“......”
“ไม่มีน้ำใจ”
“หึ.....”
“บ้าเอ๊ย”
แคปที่สุดของความไม่ได้ดั่งใจ นึกเกลียดไอ้คนตรงหน้าจริง ๆ
ด่าอะไรไปเท่าไหร่มันก็ยังคงมึนอยู่แบบนั้น กะอิแค่น้ำไม่เห็นจะสนเลยเดี๋ยวกินข้าวเสร็จเขาเดินไปกดเองก็ได้
ในเมื่อมันใจจืดใจดำไม่ยอมเผื่อแผ่กันเดี๋ยวเขาจะลุกไปเอามากินเองก็ได้
ได้ผัวเฮงซวยเซ็งเป็นบ้าเลยให้ตาย
“เอาอีกไหม
อิ่มหรือยัง” เสียงทุ้มถามขึ้นเมื่อเห็นแคปส่งข้าวเข้าปากเป็นคำสุดท้าย
แคปเหลือบมองขึ้นนิดๆทั้งที่ตายังเขียวจัด มีหน้ามาถามกูเรอะไอ้คนใจแล้ง
ขนาดน้ำมึงยังไม่เผื่อกูแล้วนี่อะไรเฟคมาถามว่าจะเอาอีกจานไหม ใครจะไปแดกต่อลงวะ
“ถ้างั้นก็ลุก”
“กูลุกแน่อยู่แล้วเว้ย”
แคปเห็นไอ้คนบ้ามันลุกขึ้นไปจ่ายตังแล้วตัวเขาจึงเดินไปที่คูลเลอร์กดน้ำที่อยู่ข้าง
ๆ รถเข็น โมโหไม่หายเลยแม่งไม่มีน้ำใจสักกะติ๊ด
“อ่ะนี่ค่ะ
น้ำมะพร้าวปั่นนมสดของคุณได้แล้วนะคะ”
“ครับ?”
แคปยื่นมือออกไปรับแก้วน้ำผลไม้ปั่นที่เธอยื่นส่งให้
เขากำลังจะอ้าปากถามว่าไม่ใช่คนสั่ง บางทีเธออาจเอาให้ผิดคนอะไรแบบนั้น
“ขอโทษที่ช้านะคะ
น้องคนนั้นเขาสั่งไว้ให้คุณน่ะค่ะ
เห็นบอกว่าคุณไม่ทานน้ำใบเตยป้าเลยบอกไปว่ามีน้ำมะพร้าวปั่นอร่อย ๆ อยู่ร้านใกล้ ๆ
กว่าจะได้มาให้เด็กไปรอคิวเลยนะลองทานดูนะคะ”
“อ่ะ...
“ต้องขอโทษจริง
ๆ ค่ะร้านเรามีแต่น้ำใบเตยไว้บริการ ไว้วันหน้าวันหลังป้าจะเอาน้ำเปล่ามาสำรองไว้ด้วย”
“ขอบคุณมากครับ
เอ่อ แล้วเท่าไหร่ ผมจะ...”
“ไม่ต้องค่ะ
เพื่อนคุณจ่ายเรียบร้อยแล้ว”
แคปกล่าวขอบคุณเธออีกครั้งพอหันกลับมาเห็นไอ้คนบ้าคนประสาทมันไปยืนพิงรถรอเขาอยู่แล้ว
แคปเดินตึงตังเข้าไปหา
“ไม่ขอบใจหรอกเว้ย
บอกเลย” แคปว่าแล้วดูดน้ำในแก้ว อื้อหือออ ที่สุดของความอร่อยโคตรๆ
แต่ยังต้องตีหน้าตาเรียบเฉยไว้กลัวเสียฟอร์ม
แคปกลอกตาทำไก๋แต่ไม่พ้นสายตาเหยี่ยวของเอสหรอก เขาก็แค่ขำ
“กินน้ำมะพร้าวดื่มนมเยอะๆผิวมึงจะได้หอม
ๆเวลากูดูดมันจะได้รสชาติอะไรแบบนั้นมาบ้าง หึหึ
เพี๊ยะ..”
“ไอ้สัส!”
“มือหนักตลอด..”
“กูเกลียดมึงที่สุด”
“ปากดี”
“ไอ้....
คนปากดีโดนจับหัวกดยัดเข้าไปในรถแคปโวยวายอย่างเคย
รถยนต์สีขาวสะอาดคันสวยยูเทิร์นช่วงถนนเดียวก็เลี้ยวเข้ามาจอดลงที่ลานจอดของคอนโดขนาดกลาง
ข้าง ๆ กันเป็นรถแต่งสีดำมันวับของแคปและถัดไปอีกเล็กน้อยเป็นรถปอที่ป่านนี้อาจจะนอนหลับอุตุไปแล้วไม่ก็นั่งเล่นเกมส์ตาค้างรอเปิดห้องให้เขาอยู่
“ทำไมมึงไม่กลับไปนอนห้องตัวเองมั่งวะเอส
มานอนห้องคนอื่นอยู่ได้ห้องตัวเองมีปล่อยให้ร้างไม่สงสารมันบ้างหรือไง..”
แคปเดินไปโยนแก้วน้ำมะพร้าวที่ดูดจนหมดเกลี้ยงทิ้งลงที่ถังขยะก่อนทางเข้าไปรอลิฟต์
เอสที่เดินตามมาติดๆไม่ได้สนใจคำถามของคนข้างตัวมากนัก เขาก็แค่ยกข้อมือดูเวลา
“สงสารห้องเนี่ยนะ”
“ก็เออ”
“บ้ารึเปล่า
นอนกับเมียย่อมดีกว่านอนคนเดียวเป็นไหนๆ”
“นี่มึงเลิกพูดเรื่องผัวๆเมียๆสักทีเหอะ
น่ารำคาญว่ะ”
“ไปนอนห้องกูมั่งไหมล่ะ
สะดวกกว่านะมึงแหกปากร้องกี่เดซิเบลไม่มีใครว่า
อยู่ห้องมึงต้องกลั้นเสียงมันอึดอัดไม่ใช่เหรอ” จู่ ๆ
เอสนึกบ้าอะไรไม่รู้เดินเข้ามาก้มลงกระซิบใส่เสียงพร่าแหบ
แคปถึงกับขนลุกรีบผลักเอสออกแรง ๆ เห็นมันยิ้มขำๆเขารู้เลยตัวเองโดนแกล้งอีกแล้วแน่
ๆ
“ไอ้บ้าเอ๊ย
ทุเรศแม่งพูดแต่เรื่องลามก มึงนี่มันหน้าด้านจริง ๆ ให้ตาย”
“หึ...ช่างสิกูพูดเรื่องลามกกับเมียตัวเองไม่เห็นจะเป็นไร”
“ไอ้โรคจิต!”
แคปตาเขียวอื๋อ พูดกับมันขาดทุนทั้งปี เขาสองคนออกมาจากลิฟต์พร้อมกัน
เอสดึงเอาคนข้าง ๆ เข้ามาใกล้ก่อนล็อคลำคอเล็กมากอดเอาไว้พอถึงห้องทาบการ์ด
กดรหัสแล้วผลักเข้าไปเลย แคปเดินไปเคาะห้องเรียกปอบอกว่ากลับมาแล้ว
“ยังไม่นอนเหรอวะ”
แคปยื่นแต่หน้าเข้าไปถาม ปอกึ่งนั่งกึ่งนอนกระดิกขาอยู่บนเตียง
“เออ
รอหมา”
“หมาไหน”
“หมาบ้า
มันไปจัดรายการแล้วทิ้งจานทิ้งแก้วหม้อไหชามกะละมังไว้ให้กูล้าง
ทั้งที่วันนี้เวรมัน กูจะรอด่ามันก่อนเนี่ยมึงเห็นมันมั่งป่ะห๊ะ”
“อ้าวจริงดิ..”
แคปทำหน้าโง่ ๆ ไม่รู้ไม่ชี้ได้ดีที่สุดในสถานการณ์แบบนี้
ขณะที่ปอทำตาเขียวเสียงเหี้ยมเพ่งมาแต่ไกล
พรึ่บ!
แคปคงโดนหมอนใบโตฟาดมาจากเตียงไปแล้วถ้าหากว่าเอสไม่มาดึงแขนเขาให้เดินออกมาจากหน้าบานประตูแล้วรับหมอนใบนั้นไว้แทน
ปอหน้าซีดจัดเมื่อเห็นหน้าอีกคน แคปมันก็แค่หัวเราะขำนั่นแหละ
“โกรธเหี้ยไรนักหนา
อ่ะ เอาไป..” แคปยื่นถุงข้าวไข่เจียวในมือส่งให้ยิ้ม ๆ ความจริงก็คือเขาสั่งมาเผื่อมันไว้อยู่แล้วรู้ว่ามันต้องรอยังไม่นอน
แต่คนที่ถือถุงแล้วจ่ายตังค์ให้ทุกอย่างก็เป็นไอ้ตัวอันตรายข้าง ๆ นี่แหละ
“ดีมาก
มีของมาเซ่นกูค่อยยังชั่วหน่อย..”
ปอเดินยิ้มออกมาจัดการเทข้าวกินประมาณตีสามเนี่ยนะ
ถึงไม่อยากจะเชื่อแต่คนอย่างพวกเขานอนตีสองตีสามมันก็ธรรมดา
“พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าด้วย
มึงอย่าลืมเรื่องงาน..” เอสดึงแขนแคปที่เพิ่งนั่งลงที่โซฟาให้ลุกขึ้น
เขาบอกกับปอที่กำลังเปิดกล่องข้าวไข่เจียวในครัว รายนั้นหันมาเออๆออๆบอกไม่ลืมอยู่แล้ว
ทุกเช้าวันเสาร์ปอมีหน้าที่ใหม่คือเขาต้องเริ่มงานเลขากับเอส เข้าบริษัทพร้อมกันกับเจ้านายคนใหม่ของเขา
นี่เป็นสัปดาห์ที่สองหลังจากครั้งแรกที่เขาเข้าไปรายงานตัวแล้วรับมอบงานจากเลขาของท่านเจ้าสัวรัชชาคุณพ่อของเอส
วันนั้นอยากจะบอกว่าปองุ่นง่านตลอดทั้งวันแต่งตัวเนี๊ยบเป๊ะมากขนาดแคปก็ยังแซว
เขานึกว่าตัวเองจะได้ขับรถให้ไอ้คุณชายเอสนั่งแต่เปล่าเลย
เอสยังเลือกไปส่งแคปกลับบ้านก่อนปล่อยให้เขาเข้าบริษัทคนเดียวกว่าตัวเองจะตามมาก็โน่นแหละก่อนถึงเวลาประชุมแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ
“รายงานสรุปของมึงไปถึงไหนแล้ว
คุณนาคินเขาจะขอดูพรุ่งนี้อย่าลืมซะล่ะ”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ
ไม่ต้องห่วง”
“อืม
พรุ่งนี้คุณนาคินจะเอารถคันใหม่เข้ามาให้
ต่อไปเวลาที่เราเข้างานมึงต้องเป็นคนขับรถให้กู เราจะใช้รถคันนั้น..”
“โอเค
เขาบอกกูไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเหมือนกัน”
เอสพยักหน้ารับรู้จากนั้นหันมาทำตาเขียวใส่ไอ้คนที่เขาดึงมันขึ้นจากโซฟาแล้วทำท่าอิดออด
ไล่ให้เข้าไปอาบน้ำซะ แคปมันชอบขี้เกียจ รักความสกปรก อาบน้ำนี่ไม่ยอมถูสบู่
ถ้าหากสระผมก็จะเอาแชมพูล้างตัวแทนอยู่เสมอ อย่าคิดว่าเขารู้ไม่ทัน
ถึงอย่างนั้นตัวมันก็ยังหอมน่ากอดอยู่ดี
“ไม่เอากูง่วงนอนแล้ว
อยากนอน..” แคปเดินโซเซทำท่าเป็นง่วงมากๆแล้วพุ่งตัวลงนอนที่เตียงแบบไม่ต้องรอ
เอสรีบคว้าเอาไว้แทบไม่ทัน
“ไปอาบน้ำก่อน”
“ไม่เอา”
“สกปรกว่ะแคป
กูไม่อยากนอนกอดสิ่งปฏิกูลหรอกนะ”
“เอ๊ะ
ไอ้สัส! มึงด่ากูเป็นสิ่งปฏิกูลเชียวเหรอห๊ะ”
พอถูกด่าเท่านั้นแหละคนตัวเล็กกว่าลุกขึ้นแว๊ดใส่อย่างดัง
“ก็ด่า
จะทำไม”เอสตอบหน้าซื่อ
“มึงนั่นแหละ
ไอ้สิ่งปฏิกูล ตัวเชื้อโรค ลามกน่าขยะแขยง ทุเรศน่ารังเกียจ ไอ้โรคจิต
ตัวมึงน่ะเป็นอะไรเลือกเอาสิ เลือกมาสักอย่าง”
“เป็นอะไรก็ได้..”เอสตอบเสียงท้าทาย
“หนอย...”
“มีปัญหาอะไรล่ะ”
“ไอ้....อ่ะ!!”
แคปตาเหลือกขึ้นมาเมื่อจู่ ๆ โดนกระชากแขนให้เข้าไปนั่งลงที่ตักมันอยู่ที่ปลายเตียง
“อย่าปากดีให้มันมากนัก”
“อื๊อออ..”
มือใหญ่สอดเข้าที่ท้ายทอยแล้วกดให้ใบหน้าเล็กก้มลงมามารับจูบจากเขาได้พอดิบพอดี เอสเบียดริมฝีปากบดบี้ลงไปแล้วกัดเบา
ๆ เป็นการตบท้าย
“อ่ะ..ไอ้โรคจิต”
“อย่าดื้อกับกูแคป”
“อื้ออออ..”
ริมฝีปากหยักกดเบียดแบบไม่มียั้ง เรียวลิ้นร้ายกาจถูกดุนดันเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กๆที่หลบหลีกเขาเป็นพัลวัล
เอสที่เชี่ยวชาญศึกเล็กใหญ่มากกว่ายอมเป็นผู้ชนะอยู่แล้ว
เขาเกี่ยวต้อนเรียวลิ้นนุ่มนิ่มดูดดึงให้ออกมาเร่าร้อนอยู่ในโพรงเขาได้โดยที่แคปไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำจูบที่รุนแรงในตอนแรงกลับเปลี่ยนเป็นผ่อนลงแต่ทว่ายังคงความเร่าร้อนไม่ลดละ
มือหนาอีกข้างสอดลูบเข้าไปที่แผ่นหลังของคนที่อยู่บนตัก
ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะละออกมาแล้วใช้ปลายจมูกซุกลงที่ซอกคอหอม
แคปส่งเสียงประท้วงพลางเอียงหลบ กำปั้นเล็กทุบลงที่ต้นแขนแกร่งเสียงดังตุ่บๆ เอส
หัวเราะหึเมื่อรู้สึกได้ว่าลูกชายของไอ้คนที่นั่งตักเขาอยู่มันเริ่มขยายตัว
“รู้สึกเร็วจังนะเมีย
อยากเหมือนกันเหรอวะ” เขาเลียปากยั่วหรี่ตามองใบหน้าที่แดงก่ำของคนบนตัก
“อย่ามาพูดบ้าๆมึงมันไอ้โรคจิต”
แคปทำท่าจะลุกขึ้นแต่อีกคนก็แค่ดึงไว้ เขาใช้จังหวะนั้นพลิกเอาตัวแคปกดลงบนเตียงนุ่มได้สำเร็จ
“อาทิตย์นึงแล้วนะ”
“แล้วยังไง”
“คิดว่าความอดทนกูจะมีมากแค่ไหนล่ะ”
“ใครสน..”
เอาจริง ๆ คือตั้งแต่คืนนั้นแคปยังไม่ยอมให้เอสมันทำกับตัวเองอีกเลย
ก็แค่จูบแค่กอดแต่เรื่องทำจนสุดทางแบบนั้นอย่าคิดว่าเขาจะยอม เจ็บเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆแบบนั้นคือมันต้องทำใจกันหน่อยล่ะ
ถึงเรื่องเสียวจะตามมาก็เถอะ
“แคป..”
เสียงแหบพร่ากระซิบเรียกเมื่อไอ้คนที่คร่อมตัวเขาไว้มันใช้ปลายลิ้นส่งเข้ามาหยอกล้อที่กกหูเล็กเม้มหนักแล้วเลียเข้าอีกทีเบา
ๆ
“อ่ะ เรียกทำไมวะ!” แคปดันไหล่หนานั่นออกแต่อีกฝ่ายไม่ยอมขยับเลยจริง
ๆ เขาจึงปล่อยให้มันซุกไซ้เข้าไป รู้ตัวตลอดไม่มีทางเกินเลยแน่นอน
เป็นแฟนกันแล้วไม่ให้มันจูบมันกอดเลยเดี๋ยวจะพาลเบื่อกูอีก ยอมมันนิดๆหน่อย ๆ
พอเห็นท่าไม่ดีก็แค่หลบฉากออกมาเท่านั้น
แคปใช้ความใจดีตรงนี้ของเอสเลี่ยงมาได้หนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ แล้ว
“ลูกชายมึงตื่นแล้วว่ะแคป..”
เอสว่าทั้งที่ยังจูบเสื้อแคปถูกกระชากแล้วเหวี่ยงออกไปนานแล้ว
ริมฝีปากร้อนและร้ายกาจกำลังไล่จูบลงตามลาดไหล่แล้วลงมาดูดดึงเล่นอยู่ที่ยอดอก
แคปกัดฟันจนปากสั่น
“พอแล้วไอ้สัส
มึงจะจูบกูไปถึงไหนห๊ะ”
“พลิกหน่อย..”
“อ่ะ...ห๊ะ....”
แคปไม่ทันได้ตั้งตัวถูกจับพลิกนอนคว่ำโชว์แผ่นหลังขาวเนียน
เอสขึ้นคร่อมแบบไม่ต้องรีรอ
เขาไล่จูบขบเม้มไปตามร่องกลางหลังลากปลายลิ้นกัดแล้วดูด
ดูดแล้วเลียเอาจนขึ้นรอยแดง ๆ สีระเรื่อ แคปเสียวปลาบสะท้านไปทั้งหลังจริง ๆ
“อ๊ะ
เอส..”
“กูอยากกินมึงทั้งตัวจริง
ๆ ขอเลยละกัน..”
“อึกก
ไม่...” แคปห้ามทันเสียที่ไหน กางเกงถูกร่างสูงปลดออกแล้วถีบกระชากลงจากตัว พอทำท่าจะต่อต้านก็เจอเอสรวบสองมือไว้ด้วยความเร็ว
ขนลุกซู่เมื่ออีกคนดูดลงเบา ๆ ที่ต้นคอจากนั้นไล่ปลายจมูกซุกลงที่ท้ายทอยดูดแล้วคบกัดอยู่พักใหญ่เก็บเกี่ยวความหอมหวานทั่วถ้วนทั้งแผ่นหลังโค้งสวย
สุดท้ายไล้เลียลิ้นร้อนๆขึ้นไปจนถึงราวเอว
“อื๊อออ
ไม่ไหวแล้วไอ้เหี้ย อย่าทำตรงนั้นบ้าเอ๊ย กูเสียวไอ้คนชั่ว..อี๊~” แคปสั่นไปทั้งตัวโดนจู่โจมจุดอ่อนไหว
ทั้งท้ายทอย ทั้งราวเอว นี่ยังไม่รวมเนินนมที่เสียวจนกัดฟันกรอดๆอยู่นานแล้ว
“หึหึ
ชอบก็บอกมาเถอะว่ะ..”เอสพูดยิ้ม ๆ เขาละริมฝีปากออกมาจากต้นคอของอีกคน
ก่อนพลิกร่างแคปให้หันมาเผชิญหน้ากัน
“มึงขึ้นนะ..”
เสียงทุ้มพร่าเอ่ย
เขากดข้อมือเล็กจนจมเตียงก้มมองเห็นคนที่นอนหมดท่าอยู่ใต้ร่างกายของตัวเอง
สร้อยสีเงินที่เขาคล้องเกียร์ให้สะท้อนแสงระยิบระยับ
“ไม่เอาเว้ย!” แคปรีบบอกไม่
หน้าร้อนขึ้นมานิดๆ นึกถึงวันนั้นแม่งขึ้นให้มันได้ยังไงยังงตัวเองอยู่นะ
“ดื้อฉิบหาย”
“เรื่องของกู
ปล่อยเลย”
“ปล่อยก็โง่ดิ
จะเอาเมียต้องขอนุญาตเหรอ กูถามมึงดีแค่ไหนแล้ว”
“หยุดพูดคำว่าเมีย
กูบอกมึงกี่รอบแล้วห๊ะ”
“รีบทำรีบนอน”
“ไม่เอา”
“แต่ของมึงขึ้นแล้วอย่าดื้อได้ไหมวะ”
“ช่างหัวมันสิ
ขึ้นเองเดี๋ยวมันก็ลงเองได้เหมือนกันกูไม่ได้ลกมกทุเรศแบบมึงนี่ต้องหาคนเอาลงให้บ้ารึเปล่าแบบนี้ไม่ต้องหาคนมานอนด้วยทุกวันหรือไงห๊ะ”
“ปากมึงนี่นะ”
“กูไม่สน
ปล่อยกูเอสจะจูบก็จูบให้เสร็จ จบแล้วลุกขึ้นกูอึดอัด”
“.......”
“ปล่อยกู!”
“ดีเหมือนกัน
เดี๋ยวกูออกไปหิ้วผู้หญิงสักคนกลับไปนอนที่ห้องดีกว่าเบื่อว่ะ มีเมียก็เอาไม่ได้
เริ่มเบื่อแล้ว..” เอสละลำตัวออกมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาเสยผมทำหน้านิ่ง ๆ
แคปลุกขึ้นอย่างเร็วเหลือบมองคนที่นั่งทำหน้าเซ็ง
“มึงลองนอกใจกูดิ”
“..........”
เอสเหลือบตาขึ้นมอง แคปเดินไปกระชากผ้าเช็ดตัวเอามาพาดบ่าไว้หน้าตาเครียดมาก
“มึงเป็นของๆกู
ไม่มีสิทธิ์นอกใจกูเด็ดขาด”
“เหอะ..”
เอสแค่นเสียงในลำคอไม่หันมามองหน้าแคป เขาไล่ปลดกระดุมเสื้อตัวเองลงทีล่ะเม็ดจนสุด
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น”
“........”
“บ้าเอ๊ย!”
แคปที่กำลังจะเดินเข้าไปอาบน้ำถึงกับเลือดขึ้นหน้าเมื่อเอสแสดงออกเย็นชาแบบนั้น
เขารำคาญมันสุดขีดจริงๆ
มือบางยื่นเข้าไปคว้าสาบเสื้อมันแล้วรั้งเข้ามาก้มหน้าตัวเองกดจูบบดบี้ลงไปดูดปากมันแรง
ๆ สื่อให้รู้กันไปเลย เอสเหมือนจะตกใจนิดๆแต่ก็รับปลายลิ้นที่เข้ามาพัวพัน
แคปไล่ต้อนรุนแรงกว่าที่เคย
บดขยี้กลีบปากหยักทั้งดูดทั้งดึงเอาให้มันรู้กันไปเลยไม่ใช่ว่าไม่อยากทำแต่ตอนนี้มันยังทำใจไม่ได้แค่นั้น
กูขอเตรียมตัวอีกบ้างไรบ้าง
กูยังเจ็บและขยาดอยู่มึงจะให้กูบอกไปแบบนี้มันก็คงเสียศักดิ์ศรีแน่ ๆ
“พอใจไหมไอ้สัส!”
แคปผละริมฝีปากออกแรง ๆมองคนที่เงยหน้าอมยิ้ม
เอสที่ท้าวสองแขนไปด้านหลังค้ำลงกับที่นอนยักคิ้วยั่วยวนเขาอยู่
สายตาคมกริบไล่มองลงไปที่กลางลำตัวแคป ใต้เข็มขัดนั่นแหละเป้าหมายของมัน
“มองเหี้ยไร
เสียมารยาท”
“ลูกชายมึงตื่นเต็มตัวเลยนะแค่จูบกับกูไม่ถึงสองนาที”
“เรื่องของกู”
“หึหึ”
“มึงแม่งโรคจิตที่สุด”
“กูชอบมึงแบบเมื่อกี้ว่ะ
ร้อนแรงดีแคป ขออีกนะวันหลัง”
“มึงฝันเอาสิ”
“แล้วจะทำไงกับนั่น”
เอสมองแล้วยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง แคปชี้หน้าคาดโทษบอกห้ามมองให้มันมากนัก
“เรื่องของกู
เดี๋ยวกูช่วยตัวเองได้”
“อะไรนะ”เอสลุกพรวดขึ้นทันที
เขาจ้องแคปเหมือนโกรธมานานสามชาติ คนถูกมองถึงกับตั้งตัวไม่ทัน จู่ ๆ
มันเป็นบ้าอะไรขึ้นมา
“เป็นอะไร!” แคปตะโกนถาม
“ห้ามช่วยตัวเอง!”
“เหี้ยไรของมึง”
“มึงช่วยตัวเองวันไหนกูจะเลิกกับมึงวันนั้น”
“ห๊ะ
อะ..อะไร..เหี้ยไร๊” แคปถามหน้าตาตื่น ๆ ไม่เข้าใจ
“ไม่เข้าใจช่างหัวมึง
กูบอกไว้แค่นั้นถ้ากูรู้มึงช่วยตัวเองวันไหนกูจะเลิกกับมึงจริง ๆ จบกันเลย”
“ไอ้สัส!!”
แคปแหกปากลั่น ตัวสั่นกัดฟันกรอดๆ บ้าเอ๊ยจะมาห้ามกันได้ยังไงเรื่องแบบนี้
กูอยากขึ้นมาจะให้กูไปลงที่ไหนไอ้ประสาทโรคจิต นิสัยเสียเลวมาก
“เข้าไปสิไหนว่าจะไปอาบน้ำไง
ห้ามล๊อคนะมึงกูเปิดเข้าไปเจอมึงสาวอยู่กูเอามึงตาย จบกันเลย”
“ไอ้....”
“ด่าสิ”
“กู...
“ด่าไหมล่ะ”
“ไอ้สัส!!”
แคปร้องไห้ฮือๆๆไม่ได้ดั่งใจเข้าไปในห้องน้ำล็อคลูกบิดเสียงดังมาก ให้มันรู้กันไปเลยทำไมเขาต้องฟังคำสั่งมันด้วยเดี๋ยวกูจะชักแม่งตรงนี้ล่ะ
มึงจะมารู้ได้ยังไงเขาทำอะไรอยู่ในห้องน้ำบ้าง
แคปไม่รอช้าถอดทุกอย่างเรียบร้อยตั้งท่าใช้มือซ้ายจับน้องชายตัวเองที่ยังแข็งอยู่นิดๆขึ้นมา
ดวงตาเฉี่ยวๆหลับพริ้มลงพร้อมกับค่อย ๆ ปล่อยอารมณ์พลูลมหายใจ
แกร็ก~
“อ่ะ...!!”
“ทำ-เหี้ย-ไร” เสียงทุ้มน่ากลัวดังขึ้นต่อหน้า
รัศมีความห่างเพียงแค่ชั่วลมหายใจ แคปตาค้างหุบขาไม่ทันเอสก้าวเข้ามาแล้ว
หน้าตามันยิ่งกว่ายักษ์
“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
และแน่นอนว่าคืนนั้นแคปถูกจับกินในห้องน้ำนั่นแหละ
.
.
ก๊อกๆ
“ท่านประธานขออนุญาตครับ
คุณเอสมาถึงแล้วครับ”
“อืม...”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน่าเคารพยำเกรงภายใต้แว่นสายตากรอบใส
ราศีผู้ดีเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจและบารมีฉาบอยู่เต็มบุคลิก
สิงโตเจ้าป่าในวงการธุรกิจของเมืองไทย คลื่นลูกใหม่ที่กำลังขยายกิจการคืบคลานเข้าสู่แถบอาเซี่ยน
อัครรัชชานนท์แค่ชื่อที่เอ่ยยังเป็นที่กล่าวขาน
“คุณพ่อครับ..”
เช้าวันเสาร์เอสเข้าบริษัทตามปกติที่ช่วงนี้ต้องทำ
เขาไปส่งแคปที่ห้องของอาร์ก่อนจะตรงมาที่สำนักงานใหญ่ขณะที่ปอล่วงหน้ามาก่อนแล้ว น่าจะคุยงานอยู่กับเลขาของคุณนาคินที่ห้องรับรองเล็ก
คุณพ่อของเขาเงยหน้าจากกองเอกสารบนโต๊ะทำงานหรูหราตัวใหญ่ของยอดตึกสูงชั้นบนสุด
ห้องทำงานของระดับท็อป มีคุณนาคินเลขาชั้นดีผู้ที่ดูแลเอสมาตั้งแต่เด็กยืนอยู่เคียงข้าง
“ประวัติของคนที่ลูกเลือกมาเป็นเลขา..”
ท่านเจ้าสัวยื่นแฟ้มที่ถูกเตรียมไว้บนโต๊ะส่งให้ เอสเปิดมองเพียงแค่ผ่าน ๆ
ประวัติของปอแบบละเอียดถูกสรุปมาแล้วอย่างดี ทุกอย่าง ทุกคนในครอบครัว
รวมถึงญาติพี่น้องของปอ แน่นอนว่าเป็นฝีมือการสืบของเลขาคนสนิทของคุณพ่อเขาด้วย
“จำเป็นต้องตรวจละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอครับป๊า..”
ไม่บ่อยนักที่เอสจะเรียกคุณพ่อของเขาว่าป๊าในที่ทำงานแบบนี้
เอสเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ตระกูลอัครรัชชานนท์มีเครือญาติมากมาย
เพราะงั้นโยงใยทางด้านธุรกิจไม่ต้องพูดถึง หากแต่ผู้ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของตระกูลรัชชาก็คือคุณพ่อของเขาคนนี้
ชื่อของท่าน รัชชา อัครรัชชานนท์ มีใครบ้างในประเทศนี้ที่ไม่รู้จัก
“จำเป็นสิ
ยิ่งคนที่จะเข้ามาเป็นเลขาให้กับลูกพ่อยิ่งต้องตรวจสอบเข้มงวด”
“ไอ้ปอมันเป็นเพื่อนผมเอง”
“เพื่อนที่อยู่คนละคณะ
ไม่ใช่เพื่อนของเอสที่เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เพื่อนที่เรียนพิเศษ ไม่ใช่เพื่อนของเพื่อนที่สนิท
แต่เป็นแค่เพื่อนห่าง ๆ ซึ่งลูกเพิ่งจะรู้จักได้ไม่ถึงปีนึงเลยด้วยซ้ำ”
“ป๊า!”
“ป๊าจำเป็นต้องสืบ”
“............”
“แต่ก็ใช้ได้
ผลการเรียนอยู่ในระดับกลาง ๆ
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าครอบครัวไม่เคยมีประวัติฉ้อฉล เรื่องเงินก็ขาวสะอาดเรียบร้อยดี
พ่อแม่รับราชการเป็นครูทั้งคู่ ประหยัดมัธยัสถ์
กำลังจะปลดเกษียณในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มีน้องสาวแค่คนเดียว เรียบร้อย
นิสัยคล้ายกันกับพี่ชาย พ่อแม่เขาอบรมมาดีเหมือนกันนะ”
“ผมว่าแค่มันเป็นคนมีความรับผิดชอบ
รักเพื่อนยิ่งกว่ารักตัวเอง เสียสละได้ในหลาย ๆ เรื่องผมก็พอใจแล้ว”
“หึ..ดีมาก
ป๊ารอแค่คำนี้จากแก”
“ป๊าตกลงแล้วใช่ไหมครับ”
ท่านเจ้าสัวเพียงพยักหน้าเบา
ๆ รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้น
เอสชินกับท่าทีแบบนี้มากเหมือนกันคุณพ่อคุณแม่เขาทำงานตลอดไม่ค่อยมีเวลามากนัก
คนที่เขาสนิทด้วยก็คือนาคินดูแลพาอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก
แต่ทุกครั้งที่มีการตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ คุณพ่อจะไม่เคยละเลย งานประชุมผู้ปกครอง
งานวันพ่อ วันแม่ พิธีจบการศึกษา
งานมอบเกียรติบัตรถ้าหากทางโรงเรียนขอมาท่านจะเจียดเวลาให้เสมอ
ก็เพราะว่าเอสคือลูกชายคนเดียวของท่าน
ท่านเจ้าสัวมองไปที่นาคินแล้วโบกมือให้เป็นสัญลักษณ์ว่าทุกอย่างโอเค
เอสก็พอเข้าใจ
คุณพ่อสกรีนปอมากเป็นพิเศษเพราะต้องเข้ามาทำงานกับเขาความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของบริษัทก็สำคัญไม่น้อย
อย่างน้อย ๆ วันนี้คุณนาคินก็จะให้รถคันใหม่ประจำตำแหน่งกับมัน
“ไปเตรียมตัวเถอะเดี๋ยวสิบโมงมีประชุมเล็กๆที่ห้องรับรองบีหก
แกเข้าแทนป๊าเลยนะ คุณนาคินจะเข้าไปด้วยแล้วก็ให้เลขาของแกเข้าไปดูงานด้วยเลย
เขาจะต้องเริ่มทำงานนับจากวันนี้นาคินจะเป็นคนเทรนให้เอง”
“งั้นผมขอตัวนะครับป๊า”
เอสลุกขึ้นแต่พ่อของเขาเรียกไว้อีกหน
“กลับบ้านมั่งสิ
แม่เขาบ่นจะแย่ป๊าหูชาไปหมดฟังพวกผู้หญิงบ่นทุกวี่ทุกวัน บางทีมันก็นะ..”
“เดี๋ยวสอบเสร็จจะกลับนะครับ
ป๊าบอกคุณแม่ด้วย”
“โทรบอกแม่เขาสักหน่อย
แกต้องโทรเองฝากไปแบบนี้มีหวังโดนบ่นกันทั้งแกทั้งป๊าน่ะสิ”
“แล้วคุณแม่ไม่เข้ามาเหรอครับวันนี้”
“ขึ้นเชียงใหม่น่ะ
ดูงานที่มีปัญหานิดหน่อย รีบจบออกมาสักทีเอส
พ่อกับแม่ต้องการคนช่วยงานจะแย่อยู่แล้ว”
“อีกสองปีครับป๊า”
“หึหึ
นั่นสินะ” ใบหน้าใต้กรอบแว่นใสส่ายหัวให้กับตัวเอง
ก็งานมันรัดตัวเสียจนคิดอยากจะหาคนมาช่วย ลืมไปสิว่าลูกชายเพิ่งเรียนอยู่แค่ปีสอง
“ให้พี่แอมป์ช่วยไปก่อนละกันครับ”
“เร็วไปไหมล่ะลูก
ที่ป๊ามอบหน้าที่ตรงนี้ให้มันเร็วไปสำหรับเอสหรือเปล่า”
“ไม่หรอกครับ
ผมจะทำเต็มที่แต่ตอนนี้ขอให้พี่แอมป์กับคุณแม่ช่วยไปก่อนนะ”
“เฮ้อ
อย่าพูดถึงรายนั้นหญิงแกร่งสตรีเหล็กเหลือเกิน ป๊าจะได้อุ้มหลานกับเขาไหมล่ะ ขอทายเลยว่าเธอจะต้องไม่แต่งงานแน่
ๆ ”
“ป๊าก็พูดไปเรื่อย..
“แกดูไม่รู้เหรอ
พี่แกแกร่งขนาดนั้นผู้ชายที่ไหนจะมาสนใจวะ
เบื่อเลยพูดเรื่องนี้แล้วเซ็งเหมือนกันนะ ป๊าทำใจอยู่..” เอสยิ้มนิดๆเมื่อเห็นคุรพ่อเขาพูดทีเล่นทีจริงแบบนั้น
“ผมออกไปแล้วครับ”
“อือ..”
สายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยร่องรอยของประสบการณ์มากล้นมองตามแผ่นหลังลูกชายคนเดียวของตัวเองออกไป
มือขาวสะอาดของท่านกดอินเตอร์โฟน
“นาคิน
ขอกาแฟ”
........
“เฟร็ปปูชิโน่แก้วใหญ่ค่ะไม่เอาวิปครีม
แต่ขอเบิ้ลครีมของดั๊บสลัดแทนนะคะ”
“เงินทอนหนึ่งร้อยห้าสิบบาทครับ
รออาหารและเครื่องดื่มสักครู่”
แคปยื่นเงินทอนส่งให้คุณผู้หญิงคนสวยแล้วยิ้มสุภาพให้กับเธอ
เธอขยับไปนั่งรออาหารและเครื่องดื่มที่โต๊ะด้านหน้า
ลูกค้ามีประปรายเพราะเคลียร์เสร็จไปแล้วในช่วงสายๆของวันแคปมองไปที่พี่ชายของเขานิดหน่อยกำลังทำเมนูปั่นที่เขาเพิ่งกดออเดอร์ส่งให้
เฮียเต้เองก็แวะกลับบ้านแม้ว่าแคปจะไม่ได้กลับมาค้างแต่ก็ลากไอ้อาร์แวบมาช่วยงานเฮียโก้บ้างนิดหน่อยก็ยังดี
วันนี้ว่างทั้งวันไม่รู้เฮียโก้มีเซ้นต์หรือยังไงโทรหาเขาแล้วบอกให้เข้ามาทานข้าวเช้าด้วยกัน
ตอนนั้นแหละที่นอนตีพุงอยู่ห้องไอ้อาร์เลยต้องลากมันมาด้วย
“แคป
กูอยากกินนี่ว่ะมึง..” อาร์ลุกขึ้นมาชี้เมนูให้แคปดู
มันชี้ไปที่เมนูอาหารสุขภาพแนะนำสำหรับวันนี้สลัดดั๊บมันน่ากินมากจริง ๆ เลย
“เออๆเดี๋ยวกูบอกเฮียโก้ทำให้กิน..”
แคปว่าเรียบ ๆ เดินออกมาจากช่องคิดตังค์แต่อาร์รีบดึงแขนไว้ก่อน
“เดี๋ยว
มึงจะไปไหน”
“ก็ไปบอกพ่อกูไง”
“ทำไมล่ะ
มึงจะไปบอกทำไม๊ห๊ะ”
“อ้าวก็ไหนมึงว่าอยากกิน”
แคปถามกลับงงๆ มันบอกอยากกินไม่ให้เขาบอกพ่อให้ไปทำจะให้เดินไปบอกใคร ของฟรีไม่ใช่ออเดอร์จากลูกค้าเพราะงั้นเขาไปคีย์รายการเข้าครัวหรอกนะ
“มึงทำไม่ได้เหรอวะ
พ่อมึงนั่งคุยอยู่กับอาฟี่แบบนั้นขืนไปขัดหูขัดคอกูว่าอาฟี่มึงจะเตะกูกับมึงออกไปนอกร้านเลยมากกว่า”
“เอ่อจริง”
แคปมองเห็นแล้วนึกขึ้นได้
อาฟี่นั่งจิบกาแฟขณะที่เฮียโก้กำลังคุยเรื่องอะไรบางอย่าง
คุณอาของเขาอารมณ์ดีหน้าตายิ้มแย้มซึ่งหาได้ยากมากสำหรับช่วงเช้าแบบนี้
ว่าแต่..วันนี้อาฟี่ทำไมถึงอยู่ที่ร้านวะ
“คาปู
มีอะไร” เสียงของโก้แว่วเข้ามาแคปถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองจ้องสองคนนานแล้ว
แคปสะดุ้งนิดๆ
“อ่ะ...เปล่าครับ”
“ไอ้สัสมึงดูหน้าอาฟี่สิ
ตายแน่ ๆ ตาเขียวแล้วกูว่ามึงกับกูไม่รอดแหงๆ” อาร์สะกิดยิกๆเมื่อเห็นว่าทั้งฟี่ทั้งดก็ต่างหันมามองพวกเขาสองคนด้วยสายตาที่ต่างกันสุดขั้ว
โก้ถามยิ้ม ๆ ขณะที่ฟี่หน้าตึงเหลือรับประทาน แคปกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ ๆ
โก้ลุกขึ้นมาแล้วมือใหญ่ของฟี่คว้าหมับแล้วดึงเอาไว้
“มันโตแล้วอยากกินอะไรทำเอาเองสิ
มึงไม่ต้องไปเอาใจลูกมากนั่งลงคุยกับกูต่อเลย”
“ฟี่”
โก้ทำเสียงดุนิดๆ แคปกับอาร์ลอบสบสายตากัน
“ทำเองเป็นใช่ไหมคาปู..”
เสียงทุ้มน่ากลัวของฟี่ดังเข้ามาอีกครั้งสองคนสะดุ้งโหยงรีบพากันเดินเข้าไปด้านใน
เต้เห็นแบบนั้นถึงกับขำ เขาตามน้องชายเข้าไปด้วย
“คุณคาปูกับคุณอาร์จะทานอะไรดีครับเดี๋ยวผมทำให้ก็ได้..”
พี่พายพ่อครัวใจดีร้องถาม เขาเห็นแคปจับจานใหญ่ ๆ มาหนึ่งใบแล้วเริ่มลงมือเรียงผักต่างๆลงไปแบบทุลักทุเล
“น้องชายกูน๊อออ
ทำอะไรเป็นมั่งหื้อ..” เต้ที่ตามเข้ามาเดินไปล้างมือจากนั้นดึงจานในมือแคปไปถือไว้เอง
เขาไล่สองคนไปล้างมือแล้วบอกจะทำให้แทน
“พี่เต้จะทำให้อ่อ?”
แคปถาม
“เออสิวะ
กูยิ่งรีบอยู่เดี๋ยวไอ้รัฐมันจะเข้ามารับแล้วเนี่ย
มือก็ไม่ล้างอยากจะกินอาหารเพื่อสุขภาพแต่พวกมึงมันตัวสกปรกกันเสียจริง”
“อย่าบ่นดิเฮียเต้อ่ะ”
แคปว่าเสียงขุ่น ๆ เต้หันไปทำหน้าโหดๆใส่ ตอนนั้นเองที่โก้เดินเข้ามา
“ว่ายังไงทำไปถึงไหนกันแล้ว
เต้ออกไปรับลูกค้าไปเดี๋ยวพ่อจัดการทางนี้ต่อเอง”
“เฮียโก้เดี๋ยวผมจะออกไปแล้วนะ
ไอ้รัฐมันโทรมาบอกว่าจวนจะถึงแล้ว”
“อ้าวเหรองั้นก็รีบไปเถอะ
เดี๋ยวทางนี้ให้พายทำให้ พ่อจะออกไปรับลูกค้าเอง คาปูอาร์อยากกินอะไรตามใจเลยนะลูกบอกพี่พาย”
“คร้าบบบ”
แคปกับอาร์ร้องออกมาพร้อมกัน พายตามใจแคปแต่ไหนแต่ไร
อาร์กับปอมาบ่อยเพราะงั้นค่อนข้างสนิทกันอยู่แล้ว
สองคนได้สลัดกับแซนวิชทูน่าปูอัดออกมานั่งกินกันที่ม้านั่งยาวหลังร้าน
ก่อนหน้านั้นแคปแอบไปชงเอสเพรสโซ่เข้ม
ๆหลายช็อตสูตรประจำตัวใส่แก้วใหญ่มานั่งดูดกันกับอาร์
“แหวะ
กาแฟรสนี้กูไม่ชอบเลยว่ะแม่งขมปี๋..” อาร์ทำหน้าเหยเกตอนที่ดูดเข้าไป
มันแลบลิ้นทำท่าเหมือนจะคายจนแคปเริ่มไม่มั่นใจฝีมือตัวเอง
“ห่าอะไรไอ้อาร์
เอสเพรสโซ่นี่แหละอร่อยสุด ขมได้ใจ เข้มปรื๊ด เจอแค่อึกเดียวมึงก็จอดแบบนี้แหละฮ่าๆๆๆ”
แคปหัวเราะขำ
อาร์ส่ายหัวบอกไม่ชอบเขาชอบหวานๆอย่าลาเต้มากกว่าแคปบอกว่าแบบนั้นหวานไปเลี่ยนไม่ชอบ
อาร์ตักเอาสลัดเข้าปากอีกคำใหญ่ ๆ มองดูเวลาเที่ยงกว่าแล้วมิน่าทำไมถึงรู้สึกหิว
“อิ่มป่ะมึง”
แคปถามเมื่อทุกอย่างหมดเกลี้ยง คนตัวเล็กตอบอิ่มๆทั้งที่เคี้ยวแซนวิชเต็มปาก
ครีมสลัดติดแก้มเลอะเทอะไปหมดแคปเอานิ้วปาดเช็ดออกให้ มือเปื้อนเลย
“ไปล้างดิ”
“เรื่องอะไร”
แคปเอาขึ้นมาดูดกินทำหน้าตาปกติสุดๆ อาร์ถึงกับหน้าร้อนเมื่อแคปมันทำอะไรไร้ยางอาย
“แกล้งมึงเนี่ยสนุกดีว่ะไอ้อาร์”
“แหม่
ไอ้คาสโนว่ากูไม่ใช่ผู้หญิงของมึงหรอกนะ..ทำตัวเดี๋ยวเหอะ เจ้าของมึงหวงยิ่งกว่าไข่เหี้ย
อย่ามาทำตัวชิลแบบนี้เลยกูขอบอกด้วยความหวังดี” แคปหัวเราะหึหึผลักหัวอาร์เบา ๆ
ที่บังอาจมาพูดสั่งสอน มองไปด้านในไม่มีใครก็ปล่อยให้ไอ้อาร์มันพูดต่อไป
นึกถึงเอสกับปออยู่เหมือนกันโดยเฉพาะไอ้ปอมันเข้าทำงานกับไอ้เอสอย่างเป็นทางการครั้งแรกไม่รู้กลับมาวันนี้จะเป็นยังไงบ้าง
อย่าร้องไห้ก้แล้วกันนะมึง
Rrrrrrrrrrrrrrr
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“ฮัลโหล”
(อยู่ที่ไหน)
เสียงทุ้มเหี้ยมดังลอดออกมาเย็นชืดจนคนฟังปลายทางยังต้องขนลุก อาร์ที่นั่งอยู่ข้าง
ๆ ได้ยินเข้าจนได้ เขาหันมองแคปที่หน้ายุ่งขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงอีกคน
“มึงมีอะไรล่ะ”
แคปลุกขึ้นเดินห่างออกไปไกล ๆ บอกอาร์ให้เอาจานเข้าไปเก็บเลย
(อยู่ที่ไหนแคป)
เอสถามเสียงเรียบกลับมาอีกครั้ง แคปเดาหน้ามันออกเลยว่าคงไม่ได้เรียบเหมือนเสียง
เมื่อเช้ามันส่งเขาที่หออาร์ เที่ยงคงแวะเข้าไปรับแต่พอไม่เจอเลยอารมณ์ขึ้น
“ทำไมล่ะ
มึงมีอะไร”
(…………)
“บ้าเอ๊ย
กูต้องรายงานมึงตลอดด้วยหรือไงห๊ะ กูจะกลับบ้านกูมั่งนี่ไม่ได้ใช่ไหมวะไอ้คนบ้า
อย่ามาทำเป็นโกรธแล้วเงียบ มึงเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่ต้องให้กูตามง้อหรือไงวะห๊ะ”
แคปตะคอกกลับไป ไม่ดังแต่ก็ไม่เบา
อาร์ที่เดินออกมายังเกือบๆจะได้ยินเขารีบมองดูต้นทางให้กลัวโก้จะเดินออกมา
(…………)
“อย่ามาทำเป็นงอนนะมึง”
เมื่อเอสเงียบอีกแคปจึงยิ่งกังวล บ้าเอ๊ยงอนไม่รู้จักเวล่ำเวลามันใช่เวลาสะดวกที่เขาจะง้อมันไหม
(…………)
“เออ
ตกลงมึงจะไม่พูด แล้วโทรมาหากูทำไมปล่อยกูพูดคนเดียวกูมันก็บ้า จะวางแล้ว”
(เดี๋ยวเข้าไปรับ)
“ไม่ต้อง!”
แคปตอบไม่ทันแล้วเพราะคิดว่าปลายสายวางไปก่อนแล้วเช่นกัน
เสียงมันยังฟังดูน่ากลัวแคปก็แค่เอามือขึ้นมาขยี้หัวจนยุ่ง ไม่เข้าใจโกระเหี้ยไรของมันก็แค่กลับบ้านไม่ได้บอก
ไปไหนทำไมต้องรายงานมันด้วยวะ เมื่อก่อนเขามีแฟนก็อิสระะเหอะ
อยากไปไหนทำอะไรไม่ต้องโทรรายงานสักกะติ๊ด ตอนนี้ทำไมต้องโทรด้วยล่ะ
เวลาผ่านไปไม่นานนักฟี่เดินเข้ามาหาเขาเอาเงินให้แคปเพิ่มอีกเล็กน้อยเป็นโบนัสพิเศษสำหรับเดือนนี้คนได้รับดีใจจนหน้าบาน
“เดี๋ยวกูกลับช่วงเย็นนะโก้
ส่วนมึงตั้งใจเรียนด้วยล่ะ
ทำอะไรอย่าคิดว่ากูคนนี้จะไม่รู้เรื่องผู้หญิงก็เพลาลงบ้างตั้งใจเรียนให้จบเดี๋ยวกูมีรางวัลให้”
แคปโบกมือบ๊ายๆตอนที่คุณอาของเขาจะเดินออกไป รู้สึกอาฟี่จะถูกโทรตามเพราะหน้าหงิกเหลือเกิน
“หวัดดีครับ”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นหน้าประตูสวนกันกับฟี่จนใบหน้าคมคายต้องหยุดมอง
เขากับเอสสูงในระดับเดียวกัน มองด้านข้างสองคนคล้ายกันมากจนแคปยังตกใจ
“อ้าวเอส”
โก้ลุกขึ้นทัก
“สวัสดีครับ”
เอสบอกสวัสดีอีกรอบครั้งนี้พูดกับโก้ ฟี่มองคนมาใหม่อีกนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาผลักบานประตูออกไปเรียบร้อยแล้วโก้เดินไปหาคนเข้ามาใหม่
“ผมผ่านมาทางนี้เลยแวะซื้อกาแฟหน่อยน่ะครับ”
“เอสอยากดื่มแบบไหนล่ะเดี๋ยวอาทำให้ไม่ต้องซื้อหรอก
เจ้าแคปกับเจ้าอาร์เขาก็อยู่พอดีเลย แคปเข้าไปหาอะไรออกมาให้เพื่อนกินเร็วเข้า แซนวิชก็ได้
ของว่างที่พ่อทำไว้ให้เราน่ะ..” โก้พูดสั่งลุกชายที่ยืนหน้ายุ่ง
มีลูกค้ามาพอดีเขาจึงต้องรับออเดอร์ก่อน
อาร์เดินเข้ามานั่งข้างเอสขณะที่แคปเดินหน้าตึงเข้าไปในครัว
“ไอ้ปอไม่มากับมึง?”
อาร์ถาม
“ยัง..”
เอสตอบสั้น ๆ
“อ้าว?”
“งานมันยังไม่เสร็จ
หนักหน่อยช่วงแรกคงต้องเทรนงานเต็มวัน”
“อ้อ..”
อาร์พยักหน้ารับรู้ แคปเดินออกมาพร้อมขนมนมเนยในมือ หลักๆเลยคือของกินเล่น
แคปชอบกินลูกเกดมากถึงมากที่สุด เขาเทใส่แก้วมาให้เอสกับอาร์กินด้วย
“มึงจะแดกอะไรเฮียโก้ให้มาถาม”
แคปเอาเมนูบนโต๊ะซ่อนลงข้างเก้าอี้ไม่อยากให้เอสมันสั่ง ขี้เกียจแจกของฟรี
“ถามทำไมรู้อยู่แล้วว่ากินแต่คาปูชิโน่”
“ไอ้สัส”
แคปส่งเสียงลอดไรฟันขาว ๆ ออกมา เอสหัวเราะหึหึได้
อาร์มองดูแล้วยังตกใจปกติเอสมันหน้านิ่งมากไม่ค่อยสนใจใคร
ขนาดเขานั่งคุยถามคำก็ตอบคำไร้รอยยิ้มเย็นชาไม่แคร์ใครเลย แต่พอแคปถามมันแค่นั้นใบหน้าคมเข้มกลับฉาบไปด้วยรอยยิ้มฉายให้เห็นแบบชัดๆเลยว่ามีความสุขมากเวลามันคุยกับเพื่อนของเขา
สองคนนี้มีความสัมพันธ์กันน่ะเขารู้แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ไมคิดว่าคนที่จะหลงเพื่อนเขาจนหัวปักหัวปำจะเป็นคนอย่างไอ้เอส
แคปมันต้องมีอะไรดีๆเด็ดๆแน่.....อาจบางที
เรื่องบนเตียงคงร้อนแรงน่าดู
อาร์ก็คิดไปเรื่อยจนหน้ายุ่ง
“เฮ้ย!”
“อ๊ะ!”
“คิดอะไรของมึงหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว..”
แคปตบหัวเล็กจนเงิบ วางแก้วคาปูชิโน่ลงให้เอส รายนั้นก้มลงดูดแล้วก็ยังเงียบ
“เป็นไงหวานไปไหม..”
โก้เดินเข้ามาทักทายเพื่อนลูกชาย เขาสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่เอสใส่มาแม้ว่าเสื้อนอกจะถูกออกแล้วแต่ก็ดูรู้ว่าเป็นชุดทำงานแน่นอน
“เอสทำงานพิเศษรึเปล่า
ต้องออกไปวันเสาร์ด้วยเหรอ”
“ห๊ะ?”
อาร์อ้าปากร้องห๊ะขึ้นมาอย่างดัง แคปรีบเอามืออุดปากมันไว้
“ชะ..ใช่ครับเฮียโก้ไอ้เอสมันฝึกงานน่ะ
มันทำงานพิเศษหาเงิน รับจ๊อบไงรับจ๊อบ”
“อ้อขยันดีนะ
แล้วใช่ที่เดียวกับที่คาปูบอกว่าปอไปทำหรือเปล่าล่ะ”
“ใช่ครับที่เดียวกัน”
“เหรอ
บริษัทอะไรน่ะเขาให้เราทำอะไรถ้ามันหนักมากอย่าฝืนนะ
เรายังเรียนอยู่ควรจะทุ่มให้กับการเรียนมากกว่า นั่นคือความรับผิดชอบอันดับหนึ่งของเรา
เรื่องอื่นๆจบมาแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอบคุณครับคุณอา”
เอสกล่าวของคุณในความหวังดี
เพียงแต่เขาเฉไฉไม่ตรงประเด็นนิดหน่อยไม่ยอมตอบคำถามว่าทำงานที่บริษัทไหน
โก้สะกิดใจเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าวัยรุ่นผู้ชายบางทีซักไซ้มากความจะถูกหาว่าจุ้นจ้านเข้าอีก
เชื่อใจว่าเพื่อนแคปทุกคนต้องดีแน่ ๆ
เพราะงั้นเขาจึงไม่ถามอีกปล่อยเด็กๆนั่งคุยกันไป
แคปกับอาร์ยังสามารถกินกันต่อได้ขณะที่เอสนั่งนิ่ง ๆ
ดูรายงานสรุปอะไรบางอย่างในไอแพดจากเมลที่ปอกำลังโหลดส่งมาให้
“ไอ้อาร์มึงแม่งแดกให้มันดีๆสิวะ
กินแบบไหนไม่รู้วู๊ว เปื้อนแก้มอีกแล้วห่า”
แคปเอามือจัดการไปป้ายออกให้อย่างเคยชินอาร์ก็นั่งเฉยลืมตัวเคยชินเหมือนกัน
“กูล่ะอยากจะฆ่ามึงนักต้องให้กูกินครีมที่ติดแก้มมึงกี่กิโลห๊ะไอ้เพื่อนบ้า”
แคปกำลังจะเอานิ้วที่ปาดครีมสลัดให้เพื่อนส่งเข้าปากเพื่อดูดแต่แขนเล็กถูกเอสดึงแล้วกระชากไว้ด้วยแรงมหาศาลจนสะดุ้ง
“อ่ะ...!”
“ลุกขึ้นไปบอกพ่อมึงเราจะกลับกันแล้ว”
เอสพูดเสียงเย็นๆดึงเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดนิ้วให้แล้วทิ้งลงที่โต๊ะไม่แลตาดูอาร์ที่นั่งหน้าหรามองสองคนอยู่
แคปรีบลุกตามแรงดึงเพราะรู้ว่าถ้าไม่รีบมันลากเขาแน่ ๆ
“อะไรของมึงห๊ะ”
แคปพยายามกระซิบขู่
“อย่ามาเรื่องมาก
เข้าไปบอกว่าจะกลับแล้วหรือถ้าไม่งั้นก็กลับออกไปกับกูเลย”
“ไอ้สัสเอ๊ย”
อารมณ์ขึ้นๆลงๆแคปมองหน้ามันอย่างไม่ได้ดั่งใจ
เขาไม่ทันสังเกตว่าเอสไม่ชอบใจเรื่องอะไร
แคปเดินไปถอดผ้ากันเปื้อนสีดำที่ผูกอยู่ที่เอวออกก่อนชะโงกหน้าเข้าไปบอกโก้ที่กำลังง่วนกับงานด่วนอยู่ในครัว
“เฮียโก้ผมจะกลับแล้วนะ”
“อ้าวจะกลับแล้วเหรอ”
“ครับใช่
ผมออกไปเลยนะ” โก้พยักหน้าบอกอือๆ
พอดีมีรายการอาหารด่วนโทรสั่งเขาจึงวุ่นวายจัดการอาหารอยู่กับพาย
เด็กๆสวัสดีกันแบบลวกๆก่อนเดินแยกออกไป
“กูจะกลับกับไอ้อาร์นะ
เมื่อเช้ามากับมันมึงไปรอที่ห้องกูเลยก็ได้..”แคปบอกเอสเมื่อเขาเดินมาถึงรถมอไซด์สีฟ้าของอาร์ที่จอดอยู่
“พูดออกมาไม่คิด
กูจะมาทำไมถ้าคิดจะให้มึงกลับพร้อมมัน” เอสเดินตามมาด้วยใช้สายตาบอกให้แคปเดินไปที่รถของตัวเองจอดอยู่ข้าง
ๆ กัน
“แต่กูมากับมัน
ทิ้งเพื่อนแล้วขึ้นรถยนต์ไปกับมึงทุเรศตายห่า”
“เฮ้ยไอ้แคป
ไม่เห็นเป็นไรเลยกูเพื่อนมึงนะเข้าใจสิ อย่ามาทำเป็นงอแงตรงนี้” อาร์เอาไหล่ดัน ๆ
บอกแคปไปขึ้นรถยนต์กับเอสเลย
แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าเอสมันไม่พอใจตั้งแต่แคปเช็ดครีมที่แก้มให้เขานั่นแหละแต่แคปมันไม่ค่อยละเอียดอ่อนอาจจะไม่ทันได้สังเกต
แฟนเพื่อนขี้หึงฉิบหายเหมือนที่ไอ้ปอบอกไม่ผิด
จะว่าไปบรรยายกาศเอสคล้ายอาฟี่อยู่มากๆเลย
“ไม่เอาอ่ะ
กูมากับมึงก็ต้องกลับกับมึงสิวะ
เอางี้เอสมึงไปรอกูที่หอไอ้อาร์ก็ได้เดี๋ยวกู...อ่ะ!”
แคปยังพูดไม่จบโดนกระชากแขนพาไปที่รถยนต์คันใหญ่
“เรื่องมากนักนะแคป..”
“ไอ้สัสมึงสติดีอยู่ไหมห๊ะ”
แคปตะคอกด่าไม่ดังนัก
เขามองไปด้านในกลัวว่าโก้จะเห็นเอสที่มองตามจึงนิ่งแล้วปล่อยมือจากแขนแคปออกยอมรับว่าโมโหมากจริง
ๆ เขาขึ้นตั้งแต่มันทำแบบนั้นกับไอ้อาร์แล้ว
“.............”
“บ้าเอ๊ย
งั้นรออยู่นี่เดี๋ยวกูไปบอกไอ้อาร์ก่อนสิ”
“ไปบอกมันทำไม”
เอสคว้าหมับแขนแคปไว้อีกครั้ง หน้าตายุ่งขึ้นมาอีกพอรู้ว่าแคปจะเดินไปหาอาร์
“นี่มึงบ้าไหมห๊ะ
ไอ้อาร์กับไอ้ปอมันเพื่อนกูนะ”
“กูไม่สนใจ”
“หึงอะไรดูคนหน่อยหน้ามืดโรคจิตไปแล้วมึงอ่ะ”
อย่าคิดว่าเขาโง่ไม่รู้หรอกว่ามันซีเรียสเรื่องอะไร กะอิแค่หยอกเพื่อนนิดๆหน่อย ๆ
“ถ้ามันไม่ใช่เพื่อนมึง
กูจัดการมันแล้ว”
“มึงนี่มันไม่ไหวจริงๆโว๊ะ”
“ใครสน
กลับเลยช่างหัวมันสิ”
“เอส”
แคปกดเสียงต่ำลงบ้างคราวนี้ เขาไม่ยอมเหมือนกันเอาสิ ขณะที่อาร์เห็นท่าไม่ดีแล้วจึงเดินเข้ามาหาสองคนแล้วไล่ให้แคปขึ้นรถไปด้วยตัวเอง
ถึงขนาดจับมันยัดเข้าใส่รถกันเลยนั่นแหละ
“ถ้ากูทำมั่งมึงจะรู้สึกยังไงล่ะ”
เสียงทุ้มที่เงียบมาตลอดทางพูดขึ้น บรรยากาศอึมครึมที่โรยตัวแคปไม่ชอบเลย
“ไอ้อาร์มันเพื่อนกู”
“ไอ้เมี่ยงมันก็เพื่อนกูเหมือนกัน
กูทำได้สินะ” แคปหันขวับทันทีเมื่อได้ยินชื่อเพื่อนเมี่ยงของมันอีก
แม่งแค่ชื่อกูก็อารมณ์เสียแล้ว “มึงลองสิไอ้เหี้ย ถ้ามึงทำมีเรื่องแน่ๆ”
“แล้วมึงทำทำไมล่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไอ้อาร์มันเพื่อนกูน่ะห๊ะ”
“ก็แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะแคป”
“มันต่างแน่นอนเพราะว่าไอ้อาร์มันไม่ได้คิดเรื่องบ้า
ๆกับกู ไม่เหมือนเพื่อนสนิทมึงหรอกนะ”
“รู้ได้ยังไงว่ามันไม่คิด”
เอสหักรถจอดลงข่งทางเร็วมากแรงจนหัวแคปโขกลงที่คอนโซนหน้าแน่ ๆ
ถ้าหากไม่ติดสายเข็มขัดกระชากแล้วล็อกไว้ มือหน้าตรงเข้ามาบีบลงที่คางเล็ก
เขาใช้แรงไม่น้อยเลยจนแคปต้องเบ้หน้า
กำปั้นรัวๆทุบลงที่แผ่นหลังกว้างแต่อย่าคิดว่าเอสจะสนใจเพราะริมฝีปากบดบี้ลงมาแล้ว
มันจาบจ้วงจนแคปหายใจไม่ออก บทลงโทษที่เขายังยอมรับมันไม่ได้สักนิด
“อ่ะ...อื้อออออ...”
เอสสอดมือเข้าที่ท้ายทอยแล้วบีบแรง ๆ ริมฝีปากเมื่อถอนออกแคปควานเอาอากาศที่ขาดเข้าปอด
ปลายจมูกซุกไซ้ลงมาที่ซอกคออย่างไม่อายฟ้าอายดิน
กลางวันแสกๆดูว่ามันทำเรื่องเหี้ยๆออกมาได้ไม่มีอายแคปร้องประท้วงอื้ออึงดิ้นทั้งมือทั้งขายิ่งเจอเอสมันกัดลงมาแล้วดูดจนเนื้อติดริมฝีปากมันขึ้นมาด้วยยิ่งทำเอาแคปเสียวแสบสะท้าน
“ไอ้โรคจิต!” แคปร้องแว๊ดขึ้นมาเมื่อใบหน้าคมเลื่อนขึ้นมาบดขยี้ริมฝีปากนิ่มต่ออีกครั้งกว่าจะปล่อยออกมาได้เอาจนปากคนถูกทำบวมเจ่อ
แคปหอบจิกมือขยุ้มเสื้อมันจนยับ
“กูหึงหมดนั่นแหละ
ต่อไปอย่าให้เห็นอีกนะ
ใครที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับมึงกูจัดการได้ทุกคนบอกให้รู้ไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย อ้อ
อีกอย่างอย่าคิดว่าเรื่องมึงกับไอ้เด็กแบงค์นั่นกูไม่รู้
แค่ยอมให้ทำเพราะรู้ว่ามึงรักในงานนั่น
กูจับตาดูอยู่ตลอดถ้าหากมีนอกลู่นอกทางเมื่อไหร่บอกเลยว่ากูฝังมันตายทั้งเป็นแน่ ๆ
มันมีน้องสาวนี่ใช่ไหม”
“เฮ้ยๆๆ
มึงพูดจนกูกลัวเลยไอ้เหี้ย พูดเห้อะไรออกมาห๊ะ คิดว่ากูกลัวมึงเหรอ”
แคปเถียงแต่ปากสั่นใจก็สั่น สายตาของไอ้คนที่มันคร่อมตัวเขาอยู่ไม่ใช่เล่น ๆ เลย
อย่าบอกนะมึงว่าจะพูดจริงทำจริง
แล้วไปรู้เรื่องไอ้แบงค์มาได้ยังไงขนาดเขายังไม่รู้เลยว่ามันมีน้องสาว
“กูน่ากลัวได้มากกว่าที่มึงคิดนะแคป”
“.........”
“เป็นของกูแล้วอย่าคิดนอกลู่นอกทาง
กูไม่ใช่คนใจดี” เอสผละลำตัวออก เขาเสยผมอย่างหงุดหงิดก่อนนั่งพิงเบาะไว้แบบดี ๆ
หันมามองหน้าแคปอีกครั้ง
“ไม่ต้องมาขู่กูเลยไอ้สัส
มึงเองก็เหมือนกันเหอะ”
“หึ...กูไม่ทำอยู่แล้วยกเว้นคนมันจะเดินเข้ามาเอง
แบบนั้นก็ช่วยไม่ได้”
“ไอ้คนเห็นแก่ตัว
ของกูมันก็เดินเข้ามาเองเหมือนกันล่ะเว้ย”
“เรื่องนั้นกูไม่สน
ไม่ใช่เรื่องที่กูต้องรับรู้”
“เหอะ..”
แคปแค่แค่นเสียงในคอซวยจริงๆให้ตาย ไหนมึงว่าได้กูแล้วยิ่งไม่สนใจไงวะ
แบบนี้ขี้หึงยิ่งกว่าเก่าเป็นเท่าตัวเลยนี่หว่า
“ไอ้ปอยังไม่กลับ?”
แคปลงจากรถไม่เห็นรถปอจอดอยู่ที่ช่องจอดประจำของมันเขาเลยหันไปถามเอสดู
“เย็นๆมั้ง”
“ทำไมวะ
เสาร์ที่แล้วเลิกเที่ยงพร้อมมึงนี่”
“มันเริ่มทำงานเต็มตัวแล้ว
คงเลิกเต็มวัน”
“อ้าวแล้วมึง?”
“กูกับมันคงละตำแหน่งแคป..”
เอสตอบมาเรียบๆดึงแขนแคปให้เข้ามาในลิฟต์อย่าช้า แคปเบะปากใส่อย่างหมั่นไส้
พอเปิดประตูเข้ามาแค่นั้นแหละ เขาโดนจับเหวี่ยงลงบนโซฟาทันที
ร่างสูงใหญ่คร่อมทับแบบไม่รอช้า เอสใช้น้ำหนักตัวที่มากกว่ากดทับแคปแบบเต็มตัว
“อ่ะ...มึงเป็นเหี้ยอะไรห๊ะ
อึกก เดี๋ยวๆ อึกก กูหนัก เป็นเหี้ยอะไรของมึงห๊ะ เดี๋ยวสิ บ้าเอ๊ย ไม่เอาเอส
อย่าบ้า อื้ออ ลุกสิวะ ลุก!”
“..........”
เอสไม่พูดแล้ว เขาทับลงมาได้ก็จัดการกระชากเสื้อของอีกคนออกจากร่างด้วยความเร็ว
“เดี๋ยว...เดี๋ยว...อะไรของมึง”แคปห้ามไม่ทันแล้วเมื่อเสื้อของเขาปลิวไปกองอยู่อีกทาง
ไม่นานต่อจากนั้นกลายเป็นกางเกงที่มันพยายามรูดออกมาจากขาอย่างยากลำบากแต่ในที่สุดก็ออกมาได้อยู่ดี
“มึงบ้าไปแล้วไอ้เอส
อ๊ะ เดี๋ยวก่อนกูโป๊อยู่นะเว้ยมึงบ้าไหม เดี๋ยวๆๆไม่เอาเดี๋ยวสิวะไอ้โรคจิต
อื้อออ”
“เงียบปาก”
“เรื่องสิ
มึงอย่าบ้า โอ๊ย” แคปถูกจับขึ้นมานั่งอยู่บนตักมันได้ยังไง แล้วเอสมันถอดกางเกงร่นลงมาถึงหน้าขาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเขาถึงกับตาค้าง
กำลังจะอ้าปากด่าอีกแต่โดนมือใหญ่กดท้ายทอยลงไปรับจูบหนักหน่วงจามัน
เอสเงยหน้าจูบบดขยี้ เขาใส่อารรมณ์เต็มเหนี่ยวไล่ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นเล็กของอีกคนให้เข้ามาอยู่ในโพรงปากตัวเอง
แคปหลับหูหลับตาจูบตอบรัวๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วมือเล็กไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของมันอย่างเร็วก่อนกระชากออกได้แค่ครึ่งอกเพราะไอ้เจ้าตัวไม่ยอมให้เขาถอดได้ทั้งหมด
“หึหึ..”
เอสหัวเราะเสียงต่ำพออกพอใจ
“อย่าบอกว่าจะทำจนสุดนะมึง
อื้มม~”
แคปพูดทั้งที่โดนต้อนจูบอยู่แบบนั้น ล้ำลายน้ำเชื่อมไหลลงมาเป็นทางก่อนที่ริมฝีปากนิ่มจะถูกละออก
เอสลากลิ้นขึ้นไปไล้เลียตามโครงหน้าเล็กก่อนที่จะเข้าขบเม้นดูดดึงอยู่แถวกกหูแล้วงับเล่นเบา
ๆ อย่างหยอกล้อ
“อื้มม
ฮ้าา....” แคปเผยอริมฝีปากผ่อนลมหายใจอย่างลืมตัว
เขาหลับตาพริ้มสองมือจิกบ่ามันแน่นก้มหน้านิดๆรับจูบร้อนแรงจากคนที่เงยหน้าจูบเขาอยู่
แน่นอนว่าท่าทางแบบนี้มัน...
“กูรู้มึงชอบ.....เพี๊ยะ!”
“ปากมากไอ้สัส”
แคปพูดอู้อี้หลังจากฟาดผั๊วะมันไปโทษฐานพูดมาก เอสใช้สองมือขย้ำแก้มก้นคนบนตักหนักๆจิกแม่งลงให้เนื้อแดงไปเลย
แคปเบ้หน้านิดๆยิ่งเพิ่มแรงดูดปากมัน เออเขาเองก็อยากชนะเหมือนกัน
“เชื่อไหม
จูบกับใครไม่เคยสะใจเท่าจูบกับมึงเลย”
“เพราะมึงมันโรคจิตไง
ชอบความรุนแรงใช่ไหมหื้อ...” แคปกระชากปกเสื้อมันเข้ามารับจูบจากเขาอีก
คนด้านล่างก็เคยเงยหน้ายิ้ม ๆยอมรับเรียวลิ้นร้อนๆที่ชอนไชตวัดเข้ามา
เขาสองคนดูดดึงกันอยู่แบบนั้นเนิ่นนานกว่าที่เอสจะเลื่อนปลายจมูกซุกเข้าที่ลำคอ
เขาเกี่ยวเก็บรสจูบทำรอยซ่านแดงจนแคปเสียวปลาบไปหมด
“เพี๊ยะ
อย่ากัดไอ้เชี่ย”
“ยกก้นขึ้นดิ๊แคป”
“ไม่เอา”
“อย่าดื้อน่า...
“มึงจะเอาตรงนี้จริงดิ”
“กูเบื่อเตียง”
“โรคจิตเอ๊ย”
“อย่าบอกว่ามึงไม่ชอบ
ร่างกายมึงฟ้องมากกว่ากูอีกนะน้ำเยิ้มไปหมดแล้วนั่น ยกก้นขึ้นเร้วเข้า”
“ไม่เอา
ท่านี้กูไม่ชอบ”
“ท่านี้แหละดี
มึงจะติดใจขอให้กูทำให้อีกคอยดู”
“อ่ะ...!”
“ร้องดังๆล่ะ”
“อ๊ะ
อย่าเอส...กู...โอ๊ยยยยไอ้สัสกูเจ็บไอ้เหี้ยยย
ใส่เข้ามาทำไมวะกูยังไม่ได้สั่งเลยแม่ง”
“ยังไม่เข้าเลย
กดลงมาเร็ว ๆ อยู่แบบนี้มึงจะเจ็บนะ”
“ฮะ...ฮ้า...มะ...ไม่เอา....อื้ออ....อ๊ะ....กะ...กู
โอ๊ยยยยยยยยย กูเจ็บบบบบบบบบบไอ้สาสสสสส”
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“อีกนิดแคป
ผ่อนคลายอย่าเกร็ง อืมม..” เอสเงยหน้าขึ้นไปล็อคกลีบปากที่เผยอร้องเพราะความเจ็บลงมาดูดดึง
เขาพยายามผ่อนคลายความเจ็บลงให้แต่แคปมันเกร็งตัวมากจนเกินไป
“รัดกูดีฉิบหายเลยนะ
ขออีกนิดสิเมียเอาให้มันสุด”
“อื้อออ
อย่าปากมากกูไม่ใช่เมียมึง อ่ะ...ไอ้....ไม่....”
“ไม่ใช่เมียจริงเหรอวะ
หื้อออ..” เอสยังดูดริมฝีปากเล็กไม่ยอมปล่อย
มันยิ่งบอกไม่ใช่เมียเขายิ่งสวนสะโพกขึ้นจนมิดเลยไม่ต้องยั้งรอ ย้ำให้รู้ด้วยการกระทำว่าใครคือใคร
“อ่ะ..ฮ้าา...กะ....กู..จะ...เจ็บบบบ...อื๊อออ...”
แคปจิกมือลงที่ไหล่หนาจนแน่น เจ็บจนแทบตายแต่ตอนนี้ความเสียวเข้ามาแทนที่เรียบร้อย
“อ่ะ...อื้ออ...ฮึกก...อ๊า..”
“มองหน้ากูแคป..”
เอสบีบคางเล็กให้หันมา แคปมันเจ็บจนต้องซบหน้าลงไปแต่เรื่องแบบนั้นเอสมันไม่ยอมแน่
ตอนที่สอดรับกันต้องมองหน้ากันไว้แบบนี้ถึงจะดีที่สุด เอสกดท้ายทอยเล็กลงมาแล้วดูดเข้าที่ปากสีสดที่เผยออ้าดุนดันสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดแล้วดึงออกมาดูดเข้าที่โพรงปากของตัวเอง
จูบร้อนแรงบดขยี้ทุกสิ่งอย่างเสียจริง แคปหัวขาวโพลนไปหมด
Rrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“อ่ะ! โทรศัพท์”
“ใครสน”
“อื้อออ
ฮึกก...อ่ะ...โทรศัพท์มึงนะ อื้ออ..มึงรับสิวะ โอ๊ยยย ซี๊ดด กูเสียวเหี้ย”
“กูไม่สน”
เอสยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของเขาต่อ ขณะแคปหันหน้าหนีทุลักทุเลไล่มองไปตามเสียง
มือหนาจับเขาหันมาจ้องหน้ากันอีกก่อนดึงลงมาจูบ
“อื้ออ
ผะ...เผื่อเป็น..ระ..เรื่องสำคัญ อืออ...
“จะมีอะไรสำคัญกว่าตอนนี้อีกวะ
กูรับกูก็ควายสิ อา...”
“เอสเดี๋ยว
กู...กูว่า....”
ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“อ่ะ
เฮ้ย!”
คราวนี้ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์แล้วเป็นเสียงกดออดหน้าห้องเลย ไอ้ปอกลับมาแล้วแน่ ๆ
แคปทุบลงที่หลังกว้างเสียงอั่กๆๆ ขณะที่เอสเร่งจนสุดแรง
ก็รู้อยู่หรอกว่าเพื่อมันมา เขาล็อคห้องไว้เองแหละ
ไอ้ปอมันก็มีการ์เกิดทะเล่อทะล่าเข้ามา
“พอ...พะ...พอแล้ว
กูจะต้องไปเปิดประตู” แคปเสียงสั่น
“บ้าเอ๊ย
จะไปเปิดยังไงเล่า นิ่งๆเหอะมึงอ่ะ”
“พอก่อน
อ๊ะ....ฮ้า....มึงเสร็จสักทีสิวะกูอยากฆ่ามึงจริง ๆไอ้สัส ”
เอสจิ๊ปากอย่างเสียอารมณ์
ถอดริมฝีปากจากซอกคอที่กัดดูดเล่นออกมาเงยหน้าจ้องไอ้คนบนตักที่เสียงสั่นเหมือนคนจะร้องไห้
แต่มันไม่ได้ร้องหรอกนะ แค่นั้นแหละแคปรีบลุกเลยสิจะรออยู่ทำไม
เขารีบจับกางเกงกับเสื้อสวมอย่างไว ดึงแขนเอสบอกให้เข้าห้องไปก่อน
คนตัวสูงลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจเดินโซซัดโซเซเข้าห้องด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่ค้างคาถึงขีดสุด
แกร๊ก~
“หวัดดี
แห่ะๆ” แคปส่งยิ้มเผล่หลังจากเปิดประตูให้ไอ้เพื่อนสุดที่รักที่ยืนรอนานจนเงก
หน้ามันงอไปถึงไหนต่อไหนแคปจึงยิ้มตาหยีส่งไปง้อ
ปอไม่สนใจหรอกเขาก็แค่ผลักไอ้เพื่อนตัวดีออกแล้วเดินแทรกตัวเข้ามาทิ้งตัวนอนลงบนโซฟายาวที่เอสกับแคปทำกิจกรรมกันอยู่จตะกี้นี้แหละ
เบาะยังอุ่นๆอยู่เลย
“ทำเหี้ยไรของมึงอยู่วะแล้วล็อคประตูทำไม”
ปอหลับตาถาม เขาเหนื่อยมากมาย เทรนงานบ้าอะไรทำไมถึงเยอะแบบนี้ก็ไม่รู้
“เบาะร้อนว่ะแคป
แดดส่องถึงห้องเราตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย” เสียงทุ้มบ่นอู้อี้อีกไม่ยอมหยุดยกมือนวดขมับ
แคปหน้าชาไปสิกำลังจะย่องๆเข้าห้องตัวเอง
“โห่ยยยยกูหิวน้ำ....”
เมื่อเสียงเหนื่อยล้าคล้ายคนหมดแรงของเพื่อนลากยาวให้ได้ยิน แคปจึงชะงักขาลง
ตัดสินนใจเดินเลี้ยวเข้าไปที่ครัว หยิบกระป่องน้ำอัดลมเย็น ๆ ออกมา
“แฟนมึงล่ะ?”
ปอรับกระป๋องเครื่องดื่มจากแคปพร้อมกับลุกขึ้นนั่งพิงเบาะดี ๆ
มือหนาดึงเนคไทที่รัดคอตัวเองมาทั้งวันออก
“แฟนไหนวะ”
แคปถามออกไปแบบโง่ ๆ เขาก็แค่แกล้ง แต่ปอจริงจังว่าโดนแกล้งหันมาทำเขียวใส่
“แฟนมึงเจ้านายกูอ่ะ
อยู่ป่ะ”
“เออ
มันนอนอยู่มั้ง”
“อ้าวแล้วเมื่อกี้มึงทำเหี้ยไรอยู่ล่ะเปิดช้าแบบนี้กูกะนึกว่าทำกิจกรรมอะไรกันอยู่”
“กิจกรรมหัวมึงสิ”
“จะไปรู้เรอะ”
“อย่ามาคิดบ้าๆ”
แคปผลักหัวเพื่อนไปเบา ๆ จากนั้นปอก้เล่าเรื่องงานที่ไปเจอมาวันนี้
สองคนนั่งดูทีวีไปด้วยกัน
แคปย่องเข้ามาดูเอสเห็นนอนคว่ำหน้าหลับไปแล้วกับแอร์ที่เย็นมาก
มันไม่ใส่เสื้อผ้าแต่ห่มผ้าปิดจนถึงกลางหลังแคปจึงไม่สนใจเดินออกไปหาอะไรกินด้านนอก
ปออาบน้ำเสร็จเดินออกมาถามแคปว่าเย็นนี้อยากจะกินอะไร คนถูกถามเงยหน้าจากสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ในมือแคปที่กำลังจดจ่ออยู่กับเกมส์ทำท่าคิดนิดนึง
“ข้าวไข่เจียวร้านด้านหน้าคอนโดเราเข้าท่าดีว่ะ
มึงอยากกินป่ะวันนี้ลงไปกินกันไหมวะ”
“เออแบบนั้นก็ดีนะจะได้ไม่ต้องทำกูเหนื่อยสัสๆเลย”
“อือๆ
งั้นเดี๋ยวค่ำค่อยลงไปกินกัน” แคปตอบทั้งที่ตายังมองหน้าจอมือถือ
ขณะที่ปอผิดสังเกตนิดหน่อยเขาก้มมองหน้าแคปดี ๆ
“อะไร”
แคปรู้ตัวจึงถามขึ้น
“ปากมึงไปโดนอะไร
บวมนิดๆนะนั่น” ปอจับคางเล็กให้หันมา แคปรีปหันหน้าหนี
“เรื่องของกูเหอะ”
“เฮ้ย
อย่าบอกนะว่า....” ปออ้าปากค้าง ชี้หน้าแคปนิ้วสั่น ๆ
“ไอ้สัส
มึงคิดไปถึงไหนห๊ะ!” แคปหมดอารมณ์เล่นเกมส์แล้ว
เขาทำตาเหลือกใส่ไอ้คนที่มันกำลังคิดเรื่องไม่เข้าท่า ถึงจะจริงก็เถอะ เขาปัดมือปออย่างแรง
“นี่คุณเอสเธอร์ดูดปากมึงแรงขนาดนี้เลยจริงดิ”
“แว๊กกกกกไอ้สัสอย่าพูดน๊ะ!!”
แคปแว๊ดขึ้นมาอย่างดัง เขาโมโหจนตัวสั่น
“โหเจ้านายกูโหดไม่เบาจริง
ๆ ไหนกูดูใหม่ซิ โหยตรงคอก็มีวุ๊ยย โอ๊ยยยยถูกรักมามากจริงๆเพื่อนกูมึงน๊อมึง..”
“ไอ้หมาปอมึงหุบปากนะไอ้เพื่อนเหี้ย
ตายไปซะเถอะไอ้ปากเสีย มึงตายซะมึงรู้ความลับกูแล้วมึงต้องตาย..” แคปกระโดดใส่ปอเลย
คร่อมตัวมันไว้แล้วบีบคอมันแรง ๆ
“โอ๊ยยยยเจ็บแคปอย่าทำกู
แค่กๆๆๆ อย่าทำ อ่ะแค่กๆๆๆๆ ยอมแล้วมึงกูยอมแล้ววววว”
สองคนฟัดกันอยู่สักพักเสียงเปิดประตูห้องแคปดังขึ้น
เอสเดินหัวยุ่งหน้าตางอแงดูไม่ได้เดินออกมา เสื้อผ้าไม่ใส่มันเหลือแต่บ็อคเซอร์รัดรูปแค่ตัวเดียว
ปอมองแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นร่างเกือบๆจะเปลือยของเจ้านายตัวเอง
ยอมรับมันรูปร่างดีแต่ไม่คิดว่าพอถอดออกหมดแทบทุกชิ้นแบบนี้ขนาดผู้ชายแมนๆแบบเขายังอดอิจฉาหุ่นและผิวมันไม่ได้
เอสเดินเข้ามาเบียดตัวนั่งลงข้างแคป หัวหนักๆพิงลงที่ไหล่เล็กแคปรีบหันมองปอทันที
คืออายนิดหน่อยหน้าร้อนไปนิดๆ ปอโบกมือบอกเป็นนัยๆ กูเข้าใจเว้ย
“ไอ้ปอ
กูไล่มึงออกแล้วนะ..” เสียงทุ้มดังลอดออกมาจากคนที่นอนหลับตาซบไหล่แคป
ปอได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู แคปเองก็หน้าตาตื่นๆผลักหัวทุยออกอย่างแรงจนเอสเงิบไปอีกฝั่ง
หน้าตายุ่งเหยิงยิ่งกว่าเก่า
แคปทนเห็นสภาพทุเรศของมันไม่ไหวคว้าเอาหมอนอิงมาปิดไอ้ลูกชายมันเอาไว้
โป๊ฉิบหายไม่อายกูอายเพื่อนกูบ้างก็ได้นะ
“มะ...หมายความว่าอะไร...”
ปอถามขึ้นเสียงตะกุกตะกัก
“เออก็หมายความว่ากูไล่มึงออกแล้วไง
ไอ้มารความสุข กลับช้ากว่านี้สักชั่วโมงมึงจะตายไหมล่ะ”
“ห๊ะ...”
“อย่าไปฟังมันไอ้ปอ
คนมันบ้ามันละเมอเพ้อไปเรื่อยแหละ
มึงเข้าไปนอนต่อเลยไปมึงยังนอนไม่อิ่มดีก็เพ้อแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องนั่นแหละ”
แคปไล่เอสให้กลับเข้าไปนอนต่อในห้อง รายนั้นก็แค่ส่ายหัวบอกไม่ ดีแค่ไหนแล้วแค่ซบไหล่ไม่นอนลงที่ตักมันเลยน่ะ
“บ้าเอ๊ย
มึงแม่ง” แคปเริ่มหงุดหงิด เขาลุกขึ้นแล้วพาเอสเข้าห้องไปนอนต่อดี ๆ
ตอนแรกก็นึกว่าจะเสียเปรียบอะไรมากอยู่หรอก
ที่ไหนได้มันก็แค่กอดแล้วหลับต่อก็แค่นั้น แคปลุกขึ้นมาหยิบหนังสืออ่านรอฆ่าเวลา
มองเห็นโต๊ะทำงานตัวใหญ่ข้างโต๊ะเล็กของเขา งานเอสกองเป็นภูเขาจริง ๆ
เกือบทุกคืนเขาเห็นมันนั่งอ่านหนังสือไม่ใช่น้อย ๆ
บางทีก่อนไปมหาลัยช่วงเช้ามันยังต้องตื่นมาอ่าน
เห็นเขาสองคนเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะมัวแต่นอนกอดกันทั้งคืนทั้งวันหรอกนะ
คืนนั้น
สามคนออกไปกินข้าวไข่เจียวที่ร้านเดิม
“มึงไปสั่ง”
เอสบอกปอ เขาก็แค่พยักหน้ารับ แคปมองงงๆ
“มันเพิ่งเคยมานะ”
“มันจัดการได้มึงนั่งเฉยๆเหอะ
รอดู”
“มึงใช้เพื่อนกูเรอะ”
“กูใช้มันหนักกว่านี้อีก
ที่ทำงานน่ะ”
“เหอะ...”
แคปแค่นเสียงในคือหันหน้าไปมองถนนหนทาง พวกเขาเดินเท้ากันออกมา ปอสั่งเสร็จเดินมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
โต๊ะสังกะสีเล็กๆบางทีอาหารมันก็รสชาติดีกว่าของตามโรงแรมเหมือนกัน
“แคป
มีแต่น้ำใบเตยว่ะกูสั่งป้าเขาไปแล้วแกบอกมีน้ำมะพร้าวปั่นร้านฝั่งโน้น
มึงรอเดี๋ยวนะ”
“อ่อ..”
“หึหึ”
เอสหัวเราะ เขายิ้มนิดๆ สบตากับแคปที่นั่งพยักหน้าให้ปอบอกอือๆ
“สมกับที่มึงทำงานเลขาเลยว่ะปอ”
“ห๊ะ?”
ปอมองหน้าคนถามงงๆ เอสมันจู่ๆพูดอะไร
“มึงรอบคอบดีมาก”
“หือ?
เรื่องน้ำน่ะเหรอ เปล่าหรอกกูอยากกินอยู่แล้วด้วยเลยสั่งสามแก้วเลย”
“แหม่
ไอ้เพื่อนดีเพื่อนประเสริฐ” แคปที่กำลังนั่งยิ้มเผล่อยู่ถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน
ปอก็แค่ยักไหล่บอก ทำไมอ่ะ
เขาสามคนกินกันจนเสร็จกลิ่นฝนลอยมาแตะจมูก
แคปเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดๆที่ตอนนี้เห็นเป็นเมฆดำทะมึนแผ่ปกคลุม
ปอรู้หน้าที่เดินไปจ่ายตังค์ สามคนลุกขึ้นคุณป้าคนเดิมส่งยิ้มมาให้แคปเลยค้อมหัวยิ้มตอบขณะที่เอสยังคงทำหน้านิ่ง
ๆ ได้อีก ให้ตายมันไม่เคยสนใจใครเลยจริงๆ
“ฝนตกแหงๆคืนนี้”
แคปว่าขณะที่เสียงโทรศัพท์ของเอสดังขึ้น แคปที่เดินอยู่ข้าง ๆ
หันมองสายตาดีขนาดมองเห็นว่าเป็นชื่อใครที่โทรเข้ามา
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“ฮัลโหล”
(มึงอยู่ห้องป่ะวะไอ้เอส)
“ไม่อยู่
มีอะไร”
(เปล่าจะเข้าไปเอางานน่ะ
พรุ่งนี้ต้องส่งมึงอย่าลืมเอามานะของมึงอ่ะ ไอ้แฟ้มสีเขียวนั่นทุกใบงานเลย)
“ไม่ลืมหรอกทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
(เออนั่นแหละใบงานกูติดไปกับแฟ้มมึงน่ะแหละที่โทรมาเนี่ย
วันนั้นกูเสียบเอาไว้แล้วลืมไปเลย)
“แล้วยังไง..”
(อื้ม
ไอ้ชิพกับไอ้บุ้งมันกำลังปั่นกันอยู่เลยว่ะ
กูว่าจะเข้าไปเอาแล้วช่วยมึงทำส่วนที่เหลือของงานคู่ด้วย
พรุ่งนี้เราจะได้ทำต่อกันอีกครึ่งที่เหลือไง)
“กูอยู่ห้องแคป”
(อ๊ะ..เหรอ
ขะ...ขอโทษนะ งั้นให้กูไปเอาแบบไหนล่ะ กูกวนมึงรึเปล่า)
“........”
เอสหันมองหน้าแคปแวบหนึ่งแต่คนข้าง ๆ ทำหน้าเฉย ๆ แคปกำลังจะขยับไปเดินข้าง ๆ
ปอแต่มือใหญ่ของเอสคว้าเอาไว้ก่อน เขาทำตาดุใส่แล้วส่ายหน้าบอกไม่มีอะไรอย่าคิดมาก
“มึงอยู่ที่ไหน”
(อยู่ห้องแหละ)
“เดี๋ยวกูเอาเข้าไปให้”
(จะเอาเข้ามาให้กูจริงเหรอ
งั้นซื้อข้าวมาให้ด้วยนะยังไม่ได้กินอะไรเลยเนี่ยตั้งแต่บ่าย”
“อยากกินอะไรล่ะ”
(อะไรก็ได้
มึงซื้ออะไรมากูก็กินหมดอ่ะ)
“อือ”
เอสวางสายลงไปเขาบอกปอเดินย้อนไปซื้อข้าวไข่เจียวมาให้อีกกล่อง
คนถูกสั่งก็งงไปนิดหน่อยแต่ก็ไป ยังคงเหลือสองคนเดินกลับห้องด้วยกัน
“เดี๋ยวจะเอางานไปให้ไอ้เมี่ยงที่หอ
อาจจะกลับดึกๆ”
“เรื่องของมึง”แคปตอบเรียบ
ๆ ภายนอกคือไม่สนหารู้ไม่ในใจเดือดปุดๆ
เอสรู้แน่อยู่แล้วแค่มองเขาจึงเกี่ยวเอามือแคปมาจูง จับไว้แน่นมากจริง ๆ
แคปหันมามองตายังเขียวอยู่นิดๆ
“เดี๋ยวฟ้าได้ผ่ามึงหรอก
ปล่อยเลยกลางถนนเนี่ยนะ”
“หึหึ”
“ไม่ตลก”
“อายทำไม
จับบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“มึงสิชิน
กูไม่หน้าด้านอย่างมึงนี่”
“เอองั้นเอาออก
ไม่จับแล้ว” เอสทำท่าจะเอามืออกจากฝ่ามือเล็ก แคปรีบกำไว้หมับเลย “มึงลองสิไอ้ชั่ว!”
“อะไรของมึงเนี่ย
เอาไงแน่ครับผมทำตัวไม่ถูกนะ หื้ออ...” ใบหน้าคมคายแสนเจ้าเล่ห์
เขาปั่นหัวแคปได้ขึ้นดีจริง ๆ
“จิ๊!”
แคปจิ๊ปากไม่อยากจะสน
สองคนเดินเข้ามาถึงด้านในดีนะที่มืดจับมือกันแบบนี้คงไม่มีใครเห็นหรอก
ยกเว้นไอ้หน้าจืดที่เดินตามหลังมาห่าง ๆ อย่างไอ้ปอนั่นแหละ มันอาจจะเห็นก็ได้
แค่อาจจะนะ
“ไปส่งได้รึเปล่า”
เอสหันมาถามตอนที่จะเข้าลิฟต์ แคปเดินหน้าตึงขยับไปยืนกอดอกพิงผนังรอ
“ทำไมกูต้องทำแบบนั้นวะ
การบ้านกูมีเป็นภูเขา ให้ไปนั่งเฝ้ามึงสอนการบ้านให้เพื่อนวัยเด็กเนี่ยนะ
คิดว่ากูไร้สาระขนาดนั้น?”
“ไหนว่ายิ่งได้กูแล้วมึงยิ่งหวงไง
แบบนี้ไม่เห็นหวงเลย”
“หวงเว้ยใครว่าไม่หวง
แต่กูจะแสดงออกแบบไหนล่ะไอ้เหี้ยกูเองก็อายเป็นเหมือนกันนะจะบอกว่าห้ามไปมึงต้องอยู่กับกูแบบนี้ก็แย่สิ”
แคปแว๊ดขึ้นมาอีกแล้ว
เอสเองก็เอาแต่ขำกับท่าทีของมันเวลาเดือดนี่ออกมาจนหมดแม็กจริง ๆ
ความคิดตรงๆไร้เดียงสาแบบนี้เขาถึงได้ชอบมันล่ะมั้งนะ
“โหแคป
มาสารภาพรักอะไรกูตรงนี้วะ
คนที่ต้องอายน่ะมันกูมากกว่านะมึงพูดดังจนคนเดินมาไปมาเขาได้ยินกันหมดแล้ว”
“อ่ะ
จริงดิ!”
เอสขำ
เขาส่ายหัวแล้วยิ้ม สองคนเดินขึ้นไปบนห้องเอสหยิบแฟ้มงานมาจนเรียบร้อย
พอปอตามขึ้นมาส่งกล่องอาหารให้ เขาก็บอกปอว่าให้ขับรถไปให้
“ห๊ะ?
มึงจะไปไหนอีก”
“ธุระ”
“แต่กูมีการบ้านเหมือนกันนะเว้ย
อย่างเยอะต้องออกไปกับมึงอีกเนี่ยนะ”
“ช่วยไม่ได้เมียกูมันดื้อ”
“เอ๊ะไอ้สัส
มึงพูดถึงใครวะห๊ะ” แคปแว๊ดแทรกออกมาจากในครัว
เขาเดินถือนมกล่องออกมาดูดแล้วชี้หน้าทำตาเหลือกใส่เอส
“มึงจะไปไหนก็ไปเลยเหอะอย่ามาลากเพื่อนกูไปด้วย
พรุ่งนี้พวกกูเองก็มีงานต้องส่งเยอะเหมือนกัน รีบไปรีบกลับแค่นั้นจบ”
“นานด้วยบอกเลย”
เอสแกล้งกระเซ้า แคปยิ่งต้องข่มสมาธินับหนึ่งในใจ
“หึ
นานก็ช่างมึง จนกว่ากูจะนึกได้ว่ามึงไม่อยู่นั่นแหละ ถึงตอนนั้นมาตามง้อกูเองก็แล้วกัน
ไปได้แล้วเดี๋ยวเพื่อนมึงรอหรอก”
แคปดันเอสให้เดินออกไปจนได้ในที่สุดโดนงับปากไปหนึ่งทีที่หน้าประตูแคปนี่ด่าไฟลุกเลยเล่นเอาเอสหนีแทบไม่ทัน
กว่าทุกอย่างจะลงตัว ได้นั่งทำการบ้านอ่านหนังสือบ้างก็ปาเข้าไปจนดึก
“แคป...”
เอสเขย่าตัวเรียกคนที่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะเบา ๆ
แว่นสายตาที่แคปสวมใส่เสมอตอนที่อ่านหนังสือร่นลงมาอยู่ที่สันจมูกกับแก้ม เขาดึงออกให้เบา
ๆ แล้วพับวางเอาไว้
“แคป
ไปนอนบนเตียงดีๆ” เสียงทุ้มเรียกขึ้นอีกครั้ง
เขาย่อตัวนั่งลงแล้วมองดูหน้าคนหลับใกล้ ๆ น้อยครั้งจริง ๆ
จะได้เห็นแคปที่นิ่งเงียบแบบนี้
“ปลุกยากไม่เปลี่ยนเลยนะมึง”
เขาจับเอาคนตัวเล็กลุกขึ้น
ตอนนั้นเองที่แคปเหมือนจะรู้สึกตัวโวยวายงัวเงียขึ้นมาทั้งที่ตายังหลับ
“อื้อ
อย่ามายุ่งสิวะ มึงกลับช้า ง้อเลย ง้อเลย”
“หึหึ
ขนาดหลับยังฤทธิ์มากอีกนะ” เอสจับอีกคนขึ้นเตียงเอาผ้าห่มตวัดคลุมให้ แคปไม่รู้เรื่องหรอกโวยวายบ่นต่อไปเรื่อย
ๆ จนเงียบเสียงไปเอสเข้าไปอาบน้ำเสร็จมองดูเวลา เขาไปแค่สองชั่วโมงนี่หว่า
ไหนว่ามันการบ้านเยอะไงวะ ทำไมถึงฟุบหลับเป็นตายแบบนี้
สองชั่วโมงอ่านหนังสืออะไรของมัน
ก๊อกๆๆๆๆๆ
“อือ....”
เสียงคนที่นอนหลับอยู่ยนเตียงพึมพำอย่างหงุดหงิด
ลืมตาขึ้นมาก็เพราะเสียงเคาะรัวดังที่ประตู
ต่อมาตามด้วยเสียงนาฬิกาปลุกแต่ว่าสิ่งแรกที่เห็นกลับเป็นเท้าขาว ๆ
ของไอ้หมาที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขายันตัวลุกขึ้นนั่งหัวยุ่ง
เสียงหน้าประตูก็ยังคงดังอยู่ไม่หยุด
“เคาะเหี้ยไรนักหนาวะ”
เปิดออกไปด่าไอ้ตัวต้นเสียง
ปอยืนแปรงฟันไปด้วยเคาะห้องไปด้วยมือค้างเติ่งอยู่แบบนั้นเพราะว่าอีกฝ่ายเปิดออกมไม่บอกไม่กล่าว
“สายแล้วโว๊ย
วันนี้กูกับแคปมีเรียนเช้า ส่วนมึง ต้องออกไปจัดการเรื่องห้องที่คอนโด
แม่บ้านจะเข้าไปทำความสะอาดวันนี้ กลับไปดูแลสักหน่อยก่อนไปเรียนด้วยล่ะ
มึงเข้าแลปสิบโมงกูจำได้”
“..............”
“อะไร”
ปอพูดทั้งที่ฟองจากยาสีฟันเต็มปาก เอสมองเขานิ่ง ๆ
ก่อนส่ายหน้าแสดงแววตาผิดหวังเต็มที่เสยผมให้เข้าที่เข้าทาง มันชี้จริงๆนะ
“กูไม่น่าจ้างมึงมาทำงานเลขาเลยจริงๆ”
“ทำไม”ปองง
“มึงทำงานดีเกินไปไง ปัง!” ประตูปิดโครมลงต่อหน้าปอ เขาผงะไป
“ก็ถ้าคุณนาคินไม่บรีฟกูมาหนักขนาดนั้นกูจะรู้เรื่องมึงแทบทุกมุมทุกส่วนเหรอวะ
คิดว่ากูอยากทำเรอะฮึ่ยย ถ้ามึงไม่ใช่แฟนเพื่อนกูนะกูไม่ทำเหมือนกันบอกไว้เลย..”
ปอเดินบ่นโน่นนี่นั่นอยู่คนเดียว เข้าไปบ้านปากอาบน้ำจากนั้นเดินออกมาต้องเตรียมอาหารให้แคปมันอีก
วันนี้อารมณ์ไม่ดีเพราะเจ้านายปากเสียเพราะงั้นเมียเจ้านายก็กินแบบง่ายๆไปละกัน
“อะไรอ่ะมีแค่นมหรือไง”
แคปในชุดเสื้อช็อปเขียวเข้มกางเกงดำเงยหน้ามองปอที่อยู่ในชุดไม่ต่างกัน
เขาหาวออกมาสามารอบนอนเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม
แปลกมาไอ้เอสมันบ้ารึเปล่าทำไมตื่นมาถึงมานอนหัวอยู่ปลายเตียงกันทั้งคู่วะ
“แดกๆไป
วันนี้ไม่มีของสดเลย เดี๋ยวตอนเย็นกูจะต้องแวะซื้ออีก”
“เหรอ
กูต้องไปด้วยป่ะ” เอสเดินออกมานั่งลงข้างแคปที่เงยหน้าถามปอพอดี
เขายังอยู่ในชุดเล่นลำลองคงจะต้องกลับห้องก่อน เดี๋ยวไปแต่งตัวที่นั่นเลย
“ไม่ต้องเหอะ
เดี๋ยวกูชวนไอ้อาร์ไปเลือกให้ รายนั้นมันเลือกของเก่งมึงก็รู้”
“มันจะอยู่เร้อ
เมื่อคืนโทรมาบอกกำลังไปเกี้ยวสาวคนใหม่อยู่”
“สาวไหนของมันอีกวะ”
“น้องดรีมมั้ง
คุ้นๆกูก็จำไม่ได้”
“อ้าวจริงดิ
เดี๋ยวกูคงต้องถามดู” ปอนั่งลงกินนมด้วยกัน จะว่าไปมันก็ไม่ได้มีแต่นมหรอก
เขาเทซีเรียลรสธัญพืชเพิ่มให้แคปด้วย มันนั่งกินยิ้มแป้นแต่เช้านั่นแหละ
มองเห็นเอสตักลูกเกดอบแห้งในถ้วยของตัวเองให้เพื่อนของเขาปออดอมยิ้มออกมาไม่ได้
แคปมันชอบลูกเกดจริง ๆ ตั้งแต่เด็กแล้วไม่รู้ว่าไอ้นี่ไปรู้มาจากไหนเหมือนกัน
“มึงนี่ดีจริงๆนะเอส
รู้ว่าแคปมันชอบลูกเกดถึงขนาดเสียสละไม่กินตักให้เพื่อนกู นับถือๆ”
“หือ?”
เอสเงยหน้าวางช้อนแล้วยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม
“กูชมว่ามึงดีมาก
ได้เจ้านายดีๆแบบนี้กูก็โอเค” ปอพูดจริงจัง เขาอิ่มเป็นคนที่สอง แคปกินไปด้วยกดมือถือเช็คนั่นนี่ไปด้วยไม่ได้สนใจสองคนนี้คุยกันเลย
“เปล่านี่ กูแค่ไม่ชอบลูกเกดเลยตักไปใส่จานเพื่อนมึงไง”
“อ้าวไอ้นี่”
ปอถึงกับงง เข้าอ้าวขึ้นมาอย่างดังแคปถึงได้หันดูว่าสองคนพูดเรื่องอะไรกัน
“กูเป็นเจ้านายมึงใช่ไหม
คุณนาคินไม่ได้สอนเหรอว่าให้เรียกกูว่าอะไร” เอสลุกขึ้นเขาดึงแคปบอกลุกได้แล้ว
พอเข้าโหมดเอาจริงบ้างปอนี่เงียบไปเลย
ความจริงคุณนาคินอบรมเขาแล้วว่าให้เรียกคุณเอสเธอร์ทุกคำ
ห้ามเรียกกูมึงเป็นเด็ดขาดนี่เป็นข้อที่ควรระวังที่สุดและต้องทำให้ได้
เขากำลังพยายามอยู่แต่เพื่อนกันจะให้เปลี่ยนเลยมันก็ไม่ทันหรอก
คิดอยู่นะว่าคงสักพักยกเว้นที่บริษัทจะต้องเรียกให้เกียรติอยู่แล้ว
“อะไรของมึงวะไอ้เอสไปแกล้งไอ้ปอมันทำไมเล่าดูหน้ามันสิ
มึงมันแย่!” แคปเดินตามหลังออกมาฟาดผั๊วะเข้าที่กลางหลังแบบเต็ม ๆ เอสหันมาทำท่าจะเอาเรื่องแคปรีบวิ่งไปหลบหลังปอที่เดิมตามกันมาติดๆ
“ไอ้ปอช่วยกูด้วย”
“หึหึ
ถ้ากูเอาจริงเพื่อนมึงคนไหนก็ช่วยไม่ได้ทั้งนั้นเหอะ”
“ไอ้ตัวอันตราย”
แคปกับเอสทำท่าจะกัดกันตายตั้งแต่ลงลิฟต์มาด้วยกัน ปอนี่เล่นเป็นคนกลางซะจนเหนื่อย
ตรง ๆ เลยคือไอ้เอสมันก็น่ากลัวแล้วแคปมันก็ชอบไปแหย่
พอดูอีกทีแคปมันก็น่ากลัวแล้วเอสมันก็ชอบพูดแกล้งแหย่เหมือนกัน
คนเหมือนๆกันก็มาคบกันได้เนาะเฮ้อ
“อย่าเหลวไหลนะเมียเดี๋ยวเที่ยงกูโทรหา”
เอสดึงแคปเข้ามาพูดด้วยเสียงเบา
“ถ้ารู้ว่าไม่ได้ไปกินข้าวกับเลขากู
มึงไม่ได้อยู่ดีแน่ ๆ”
“ไอ้สัสนรกขุมที่สิบแปด
มึงมันน่าฆ่าให้ตายเป็นที่สุด”
แคปหมดคำจะด่าไม่รู้ไปสรรหาคำพูดคำจาร้ายกาจมาจากไหน เอสก็แค่หัวเราะหึหึ
ก่อนเดินออกมาแล้วหันหลับไปโบกมือโปรยจูบให้แบบกวนส้นตีนเป็นที่สุด
แคปไม่รู้จะทำยังไงชูนิ้วกลางใส่มันแรง ๆ สองนิ้วเลย
“เฮ้ยแคป
อย่าเพิ่งขึ้นไปกูมีอะไรจะอวด” ปอเดินเข้ามาหาดึงแขนแคปบอกให้มาด้วยกัน
เขาเดินผ่านรถมาอีกสามคัน
“อะไรวะ
ทำไมต้องเป็นความลับด้วย” แคปกำลังงงๆ
สองคนมายืนอยู่หน้าเมอเซเดสสีดำคันใหญ่รุ่นใหม่เอี่ยมหมายเลขทะเบียนตองสาม
“นี่คือรถที่คุณนาคินให้มา”
“โอ้โหหหหหหหหห”
แคปตาเหลือกร้องอุทานขึ้นอย่างดัง ปอเอามือปิดปากเพื่อนแทบไม่ทัน คือรถสวยมาก
คือมันเด่นมาก คือมันเหมาะกับคนอย่างไอ้ปอเหรอวะ
“มึงจะเสียงดังเกินไปแล้วไอ้แคปแม่ง”
ปอดุ
“ไอ้เหี้ยปอไม่ให้กูอุทานโอ้โห
มึงให้กูอุทานว่าอีอี่อี้อี๊อี๋เรอะ ตายๆกูไม่คิดว่ามึงจะบุญวาสนาดีขนาดนี้เลยนะให้ตาย”
แคปลูบลงบนกระโประรถสีดำขลับ ผู้ชายอย่างเขาชอบรถสีดำที่สุดแล้ว
มองหน้าเพื่อนตัวเองอีกครั้งเห็นมันชูกุญแจรถแล้วยักคิ้วให้
“อะไรวะมึง
จะชวนกูขึ้นรถจริงดิ่ ไหนๆเปิดให้กูนั่งหน่อยซิ”
“บ้าสิ
รถคันนี้ใช้ได้เฉพาะวันเสาร์เว้ย เอาไว้รับส่งไอ้คุณชายเอสเธอร์แฟนมึงนั่นแหละ”
“ห๊ะ”
“ก็เออสิวะ
มึงคิดว่าเขาจะให้รถคันละตั้งหลายล้านมาทำไมถ้าไม่ใช่เอาไว้ให้ท่านประธานคนเล็กนั่ง”
“โธ่เอ้ย
งั้นก็เอาไปขับเล่นไม่ได้อ่ะดิ”
“ก็ไม่ได้”
“แล้วจะมาอวดทำไมวะ”
“ก็เอาให้ดูไง
ขึ้นไปนั่งไหมล่ะ กูลองขับดูแล้วนะเบาะใหญ่เป็นบ้า
เสียงนุ่มทุ้มทุกอย่างนิ่งสนิทยิ่งกว่านั่งเครื่องบินอีกมึง”
“เออๆ
เปิดเร็ว”
“ห้านาทีนะ
เราไม่มีเวลามากนัก”
“กูรู้แล้วเว้ย”
ว่าแล้วสองคนก็ทำท่าเป็นเข้าไปสำรวจ
แคปบอกปอว่าให้ทำท่าเป็นคนขับส่วนตัวเองจะแสดงเป็นคุณชายไปนั่งที่เบาะหลังแล้วก็สั่ง
ปอหมุนพวงมาลัยไปเรื่อย ๆ เล่นกันเป็นเด็กๆหัวเราะจนพอใจ
แคปก็เดินกลับไปขึ้นรถคันเล็กของปอเพื่อออกไปมหาลัยด้วยกัน
“ตลกมึงว่ะแคป”
เสียงทุ้มของปอพูดขึ้นเมื่อถึงทางเลี้ยวเข้าหอของอาร์
แน่นอนว่าต้องแวะมารับไอ้เตี้ยตัวเล็กสุดก่อน
“ตลกอะไรของมึง”
“ก็รถที่ไอ้เอสมันใช้อยู่ทุกวันนี้มันก็ยี่ห้อเดียวกับที่กูได้มาไม่ใช่?”
“เออก็ใช่
ทำไมอ่ะ”
“กูบอกให้รู้อีกอย่าง
วันนั้นมันกลับไปเอาแลมโบกินีสีตะกั่วโฉบเข้าบริษัทด้วยนะ มึงรู้ป่ะวะว่ามันมี”
“อือรู้
เฟอรารี่ก็มีนะพี่มันขับกูเคยเห็น” แคปตอบเรียบๆ จริง ๆ รู้นานแล้ว
“อ้าวแล้วมึงตื่นเต้นทำไมเมื่อกี้
เคยนั่งขนาดแลมโบกินีมาแล้วทำมาตื่นเต้นรถประจำตำแหน่งที่กูได้มาเนี่ย”
“ก็ตื่นเต้นเป็นเพื่อนมึงอ่ะแหละ
เห็นมึงทำหน้าดีใจกูก็เฟคไปเรื่อย”
“หนอยไอ้แคปมึงเป็นแบบนี้เรอะ”
“แฮ่ๆๆ”
แคปหันมายิ้มเผล่ให้ปอง้างมือจะตีมันแล้วแต่เห็นหน้าตาแบบนั้นเขาเลยแค่ผลักหัวมันไปเท่านั้น
“ไม่ใช่แบบนั้น
ดีใจกับมึงต่างหาก เพื่อนกูได้รับโอกาสดีๆทั้งทีกูต้องดีใจด้วยสิ”
“พูดจาเข้าท่านี่หว่าเดี๋ยววันหลังทำของโปรดมึงให้กิน”
พอรถจอดตัวลง เจ้าอาร์กระโดดขึ้นมาทันที รู้หน้าที่ยืนรออยู่แล้วไม่ต้องให้เรียก
“ไอ้แคปเป็นไงมึงเมื่อวานโดนอะไรรึเปล่าวะ”
อาร์ส่งเสียงน่ารำคาญอยู่ริมหู แคปนี่หันไปถลึงตาใส่ยิ่งไม่อยากให้ไอ้ปอรู้
กลับมาจากบ้านกูโดนจัดหนักอยู่ตรงโซฟาเลยล่ะมึงรู้น้อยไปสิ
“มีอะไรปิดกูมึงเล่ามาให้หมดเลยไอ้อาร์
รวมเรื่องสาวคนใหม่ของมึงด้วยนะ”
หลังจากนั้นระหว่างทางอาร์ก็จำเป็นต้องเล่าเรื่องราวทุกๆอย่าง
ย้ำว่าทุกอย่างจริง ๆ ขนาดแคปที่นั่งอยู่ด้วยยังต้องเอามืออุดหู
มันพูดมากขึ้นรึเปล่าเขาชักสงสัย
สามคนเข้าไปส่งงานกันที่ตึกใหญ่ของคณะก่อนที่จะเลี้ยวออกไปอีกทางเพื่อตรงไปสวนเกษตรซึ่งวันนี้มีลงแปลงพืชผัก
ปลายปีสองแล้วออกภาคสนามกันเยอะหน่อย
“แคปไปล้างหน้าไป
หน้ามึงมอมแมมมาก ปุ๋ยหมักหรือดินโคลนวะนั่นติดเต็มไปหมด” ปอชี้บอกเพื่อน
แคปทิ้งตัวนั่งลงแล้วใช้หมวกจักรสานที่ใส่อยู่บนหัวเอามาพัดๆ
ช่วยไม่ได้ช่วงนี้ฝนตกแปลงพืชผักโคลนดินดำเยอะมากๆ
“แคป
ปอ อาร์ น้ำเว้ยพวกมึง”
เสียงจากหนึ่งในบรรดาเพื่อนที่ขับมอไซด์ออกไปซื้อหาน้ำดื่มเย็น ๆ โยนน้ำส่งมาให้
“แคป
เดี๋ยวไปดูอันนี้กับเราหน่อยสิ
ที่อาจารย์ให้กลุ่มเราจดเรื่องการเจริญเติบโตของรากน่ะ
แต่เราว่ามันดูแปลกไปนะรากของไอ้ต้นที่เราดูแลอยู่เนี่ย มาเร็วไปดูช่วยเราหน่อย”
“ห๊ะ ผมเนี่ยเหรอ” แคปชี้ที่ตัวเอง
เขายังงงๆน้ำหวานเป็นผู้หญิงน่ารักที่เลือกลงเซ็คชั่นเดียวกัน
เห็นเธอหลายครั้งแล้วแต่แคปไม่ค่อยสนิทมากนัก เธอเป็นคนเงียบ ๆ
ที่ชอบมองมาที่กลุ่มของพวกเขาเสมอแต่ไม่เคยพูดอะไร วันนี้ถึงขนาดมาเรียกเขาให้เดินไปดูงานให้มันไม่ค่อยปกตินัก
“แป็ปนึงนะ”
เสียงหวานกล่าวเชิงขอร้อง
เธอกรีดยิ้มหวานส่งมาให้แคปหันมองที่ปอนิดนึงอาร์เองก็แอบลอบมอง
แคปถึงได้ลุกขึ้นเดินตามเธอไปแปลงใกล้ๆกันนั่นแหละ
“อ่ะ
เช็ดหน้าสิหน้าแคปมอมแมมจังเลย” เธอหัวเราะคิกคัก ยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กๆในกระเป๋าเสื้อช้อปส่งให้
“เช็ดเหอะน่า
เดี๋ยวเป็นสิวไม่หล่อนะ”
“อ่า
ครับ” แคปรับเอามาเช็ดจริงๆ เธอหันมายิ้มให้อีก
พอเช็ดเสร็จเขาก็ยัดเข้ากระเป๋าเลยคงไม่เสียมารยาทส่งคืนไปให้เธอหรอก
“ไปล้างหน้าไหม
เดี๋ยวเรารอตรงนี้ได้”
“อ๋อไม่เป็นไร
แล้วไหนล่ะที่จะให้ผมมาดูให้น่ะ” แคปถามพลางมองเข้าไปที่แปลง
เธอเดินนำไปที่ต้นเจ้าปัญหาพร้อมอธิบายวิธีการต่าง ๆนาๆ
แคปพอจะเห็นปัญหาเลยแนะนำไป
เขาขึ้นชื่อว่าเก่งเรื่องทางเทคนิคการตอนการต่อกิ่งเพราะงั้นหลายคนก็ให้ช่วยทำให้เสมอนั่นแหละ
“ขอบใจนะแคป”
“ไม่เป็นไรครับ”
“คิก...”
เธอหัวเราเบา ๆ แต่ก้มหน้านิดๆเสียงหวานมากจนแคปยังต้องหันไปหา
“หัวเราะทำไม”
แคปถามขึ้น พอจะเดินผ่านแอ่งโคลนเขาฉุดข้อมือเธอไว้แล้วบอกให้ระวัง
น้ำหวานหน้าแดงจนปิดไม่มิด คาสโนว่าอย่างแคปหรือจะดูไม่รู้อิโถวววว เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที
สิ่งที่ยื่นออกมาให้คืออมยิ้มละลายใจหญิง
“ให้หวาน?”
เธอถามหน้าตาตกใจนิดๆ แคปก็แค่พยักหน้า แค่นั้นหัวใจผู้หญิงอย่างเธอก็แทบละลายแล้ว
มีเสียงแซวดังแว่วเข้ามานิดหน่อย
“ดีใจทำไม
ผมให้ทุกคนนั่นแหละ”
“อ้าวจริงดิ”
“ถามเพื่อนดูสิ
นั่นไงนั่งอมกันอยู่เลย”
“บ้าจังแคปเนี่ย”
เธอใช้ฝ่ามือเล็กๆฟาดเพี๊ยะลงมาที่ต้นแขนแคปแกล้งทำหน้าบอกว่าเจ็บ
“โอ๊ยมือหนักอ่ะ”
“ก็แคปน่ะ...”
แต่ก่อนที่เรื่องราวจะไปไกลได้มากกว่านั้น
เสียงไอ้อาร์ที่ดังแว่วเข้ามาในโสตหยุดแคปไว้ได้
เขาบอกหวานและกลุ่มเพื่อนๆที่แปลงฝั่งนี้เดินออกไปหาอาร์
“ไอ้แคปโว๊ยยยยยยยย”
“อะไรของมึงวะเรียกกูซะดังเชียวนะ”
“โน่น
น้องแป้งมึงมาอ่ะ กูกับไอ้ปอบอกให้รออยู่ด้านหน้า”
“แป้ง?”
แคปทวนคำอีกครั้งอาร์บอกใช่ “หัวบันไดคณะไม่แห้งเลยนะมึงเดี๋ยวคนนั้นเดี๋ยวคนนี้
ตัวจริงยังไม่รู้น่ะสิไม่งั้นกูว่ามึงตายศพไม่สวยแน่”
“ปากดีไอ้อาร์
รออยู่นี่เดี๋ยวกูมาเว้ย”
แคปตบบ่าเพื่อนหนักๆจนอาร์เบ้หน้าก่อนเดินออกไปหาแป้งที่ยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่แถวๆหน้าสวนเกษตร
เรียวขาขาวๆในรองเท้าผ้าใบสีชมพูสดคือสิ่งแรกที่แคปเห็น
แป้งตัวขาวจั๊วะเหมือนแป้งจริงอย่างที่ว่า เขาเดินเข้าไปหา
“อ๊ะ
พี่แคปมาแล้วเหรอคะ” เธอตกใจนิดหน่อยพอเห็นแคปก็กรีดยิ้มจนตาหยี
ผมเป็นลอนสีน้ำตาลอ่อนที่เพิ่งโกรกย้อมมาใหม่ชื้นเหงื่อเพราะวันนี้อากาศร้อนมาก
“แป้งมีอะไรครับ
มาหาพี่ถึงที่นี่เลยนะ..” แคปถามเข้าเรื่องเลย แต่เธอชะงักไปนิดๆก่อนหัวเราะเบา ๆ
หน้าแคปมอมแมมขนาดหนักแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับรูปลักษณ์ภายนอกปล่อยให้หน้าตาเนื้อตัวมอมแมมต่อไป
“แป้งคิดถึงพี่แคปไง”
“เหรอ
คิดถึงกันมากไหมล่ะ..” แคปถามกลับทันที แป้งทุบลงที่ต้นแขนแคปเบา ๆ
ผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าเธอคนนี้เสน่ห์ของเขาก็คือแววตาขี้เล่นบวกกับนิสัยร่าเริงชอบพูดจาทำให้เธอได้ยิ้มได้เขินอายเสมอ
แบบนั้นเธอจึงชอบเขามาก
“แป้งชอบพี่แคปมากเลยนะ”
“รู้สิ..”
แคปตอบออกมาเหมือนเธอพูดเรื่องปกติ
ดินฟ้าอากาศไปแบบนั้นทั้งที่เธอทำใจนานมากถึงจะมาสารภาพเรื่องราวแบบนี้ได้
“แล้วยังไง
คนสวยตั้งใจมาบอกรักพี่ถึงที่นี่เลย? อยากให้พี่ตอบว่าอะไรครับ”
“แป้งชอบพี่แคปมาตั้งแต่ต้นปี
ถึงพี่แคปจะไม่เคยปฏิเสธแป้งแต่ก็ไม่เคยบอกเลยว่าพี่เองก็รู้สึกดี ๆ ด้วย
พี่แคปน่ะเป็นแบบนี้กับทุกคนนั่นแหละ ถึงตอนนี้แป้งถึงรู้ค่ะ
ผู้ชายที่อันตรายที่สุดก็คือผู้ชายที่คุยกับผู้หญิงทุกคนได้
แค่รอยยิ้มก็ทำให้เข้าใจผิดได้แล้ว”
“หื้ม?”
“แป้งยอมแพ้แล้วค่ะ..”
เธอยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์ว่ายอมแล้วจริง ๆ
เธอจีบเขามาตั้งแต่ต้นปีเจอกันวันที่รับน้องรวม
แคปเป็นหนึ่งในคนที่เธอคิดว่าชิตนี้ต้องคว่ามาควงให้ได้
พอได้คุยก็นิสัยดีให้เกียรติผู้หญิงเสมอ แต่แล้วยังไงล่ะ
เพราะไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงเป็นแค่พี่แคปเหมือนเดิม
ไม่เคยมีใจให้เธอเลยสักนิด
ถึงตอนนั้นเขาจะมีแฟนอยู่แล้วแต่ตอนนี้ว่างมาหลายเดือนแคปยังไม่ยอมชายตามาที่เธอเลยสักครั้ง
“แป้งคงไม่มีเสน่ห์จริงๆสินะ”
“อย่าคิดมากน่า
บอกมาเลยมาวันนี้คงไม่ใช่มาบอกพี่แค่นี้ใช่ไหมล่ะ”
“........”
เธอยิ้มบางๆแบบยอมจำนน
ในที่สุดยอมเปิดปากบอกแคปว่าเธอมีผู้ชายเข้ามจีบแล้วเธอคิดว่าจะเปิดรับความรู้สึกนั้นของเขา
อยากจะมาบอกให้แคปรับรู้เพราะเธออยากจะรักแคปต่อไปในฐานะพี่ชายที่บริสุทธิ์ใจจริง
ๆ
“ดีใจด้วย
ถ้าแป้งคิดว่าเขาคนนั้นเป็นคนดีพี่ก็ดีใจด้วยครับ”
“แป้งฟังรายการที่พี่แคปจัดทุกครั้ง
แป้งจะเป็นกำลังใจให้ จะเป็นแฟนคลับชั้นดี” เธอไม่บอกเขาเด็ดขาดว่าบางครั้งเธอร้องไห้เพราะไอ้บทเพลงเศร้า
ๆ ที่เขาเป็นคนเปิดอยู่ในรายการ มีแต่เพลงอกหักรักช้ำทั้งนั้น
“ขอบคุณมาก
มีแฟนแล้วก็อย่าลืมตั้งใจเรียนด้วยนะ”
“ต่อไปแป้งอาจจะไม่ได้มาหาพี่แคปอีกแต่ถ้าเราเจอกันที่ไหน
พี่แคปยังอนุญาตให้แป้งทักทายพี่ได้นะคะ”
“พี่เป็นพี่ชายคนเดิมของแป้งเสมอ..”
แคปล้วงอมยิ้มออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วขยับเข้าไปส่งให้เธอหนึ่งอัน
น้ำตาที่ดวงตาสวยรื้นขึ้นมานิดๆ ความจริงแล้วเธอรักแคปมากที่สุดแต่ในเมื่อรอแล้วไม่ได้อะไรเธอก็อยากจะแค่ให้โอกาสตัวเองบ้างก็เท่านั้น
“ไงวะ
แป้งกลับแล้ว?”
“อือ”
“มาทำไมถามได้รึเปล่า..”
ปอเงยหน้าขึ้นถาม มันถามว่าถามได้หรือเปล่าแต่มันก็ถามเขาแล้วนี่หว่า
“ก็แค่น้องสาวแวะมาหาพี่ชาย..”
แคปนั่งลงข้างปอเหมือนเดิม
อาร์แบกตะกร้าที่เต็มไปด้วยวัชพืชที่มันเพิ่งถอนขยับเข้ามาใกล้ ๆ
“ถุยไอ้แคปปปป
ให้มันใช่น้องสาวพี่ชายจริงอย่างปากมึงเหอะวะ” ปอว่าประชดพลางโยนกิ่งไม้แห้งๆที่เพิ่งหักแล้วดึงออกมาทิ้งลงที่ตะกร้าใบที่อาร์มันถือมา
“ใช่ๆ
มึงฟ้องเจ้านายมึงเลยปอ
บอกให้หมดเลยว่าไอ้แคปมันเจ้าชู้มันนอกใจมันมีผู้หญิงมาหาถึงที่สวนเลยนะเว้ย”
“เดี๋ยวเหอะมึง!”
แคปชี้หน้าไอ้อาร์ที่ปากมาก เขาทำเสียงเหี้ยมใส่ “กูไม่ได้นอกใจเว้ยสัส
เรื่องอะไรจะนอกใจ”
“แหน่ะๆยอมรับแล้วอ่ะดิ
เดี๋ยวนี้เต็มปากเต็มคำเลยนะ แล้วตกลงมึงกับไอ้เอสนี่ใครอยู่บนวะบอกให้กูรู้ได้ไหม
กูนี่ข้องใจเรื่องพวกมึงก็แค่เรื่องนี้นี่แหละ..” อาร์เห็นตาของแคปเหลือกขึ้นเรื่อย
ๆ ท่าทางไม่ค่อยดีถามแล้วก็หลบเข้าด้านหลังปอ
“เหอะ
หน้าอย่ามันเรอะจะมาอยู่บนตัวกูได้” แคปเชิดหน้าโกหกคำโต อาร์กับปอสบตากันนิ่ง ๆ
“มันควรให้พวกกูเชื่อด้วยเหรอ”
“นั่นก็เรื่องของพวกมึง”
คนฟังมองหน้ากันอีกครั้งก่อนพิจารณาในใจกันเงียบ ๆ จนกระทั่งอาร์ค่อย ๆ
ขยับออกมาคนแรก
“จริงดิ่แคป”
หึหึ ในที่สุดอาร์หลงกลแคปมันจนได้ แคปยักคิ้วบอกใช่ ปอส่ายหน้ายังไม่อยากจะเชื่อ
ความคิดที่น่าเป็นไปได้ที่สุดตอนนี้คือแคปนั่นแหละเมียมัน
แต่มาคิดๆดูแล้วไอ้แคปมันจะไปยอมตลอดได้ไง ถ้าแบบนั้นไอ้เอสมันอาจจะยอมสลับกันบ้าง
“มันนั่นแหละเมียกู”
แคปย้ำชัดๆหนักแน่น คราวนี้ปอหันมาจ้องหน้านิ่งเลย อาร์เองก็อ้าปากค้างด้วย
“ตะ..แต่มันตัวใหญ่กว่ามึงไม่ใช่เหรอ”
เสียงอาร์ตะกุกตะกัก เขาเริ่มกลัวจริงๆแล้วนะ ไอ้เอสน่ะเหรอจะยอมอยู่ล่าง
“ก็มันชอบแบบนั้นไงไอ้เพื่อนโง่
กูก็สนองสิวะ พี่แคปซะอย่างเสียบได้ทุกที่เหอะขอแค่มีรู”
“.................”
ทั้งอาร์ทั้งปออ้าปากหวอไม่อยากจะเชื่อ
แต่เห็นแคปมันยิ้มเหี้ยมแบบนั้นคิดว่าอาจจะจริง
มาคิดดูแล้วคนแบบแคปมันจะยอมโดนเสียบง่ายๆก็ไม่ใช่แล้ว
งานนี้ยกผลประโยชน์ให้จำเลยไปก็แล้วกันเหอะ
หลังจากเสร็จงานที่สวน
แคปออกมาล้างหน้าล้างตาที่ห้องอาบน้ำด้านหน้า
ปอมันบังคับให้อาบเลยแหละแต่แคปบอกไม่เอา
ส่วนไอ้อาร์เดินถอดเสื้อไปโชว์อกแบนๆของมันใหญ่พวกผู้หญิงอย่างน้ำหวานเชยชมอยู่
“มอมแมม
ทำไมไม่อาบน้ำวะมึง”
“เดี๋ยวกลับไปอาบที่ห้องไง”
“สัสแคป
กว่าจะถึง”
“โห่ยยยกูไม่เหม็นหรอกน่า
นี่ไงมือก็ล้างขาวสะอาด หน้าตาก็ล้างเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อใหม่แล้วเหอะ
สกปรกตรงไหน”
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“ใครวะ”
โทรศัพท์แคปสั่นขึ้นมา เขาล้วงขึ้นมาดูสายที่เรียกเข้า
พอเห็นว่าเป็นใครรีบยื่นให้ปอ
“อ่ะ
ของเจ้านายมึงอ่ะ”
“กู?”
ปอรับมาแบบงงๆ ยังตั้งสติไม่ได้แต่แคปกดรับให้เสร็จสรรพ
ปอก็แค่กรอกฮัลโหลลงไปไม่ตั้งตัวเลยจริง ๆ
“ฮัลโหล”
(มึงเป็นใคร)
เสียงทุ้มเย็นเฉียบน่ากลัวมากๆดังลอดออกมาจนปอผงะ
“กะ...กะ..กูไง”
อะไรวะกูเป็นเลขามึงนะ เราทำงานด้วยกันไม่ใช่เหรอแล้วที่สำคัญเมื่อเช้ากูทำกับข้าวให้มึงกิน
กูช่วยมึงตั้งหลายอย่างด้วย
(กูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึง
เรียกเจ้าของเครื่องมารับสาย)
“หะ...ห๊ะ?”
ปอหน้าซีดจัดจนแคปเห็นแล้วสงสาร
มือขาวสะอาดยื่นไปดึงโทรศัพท์ตัวเองคืนมาก่อนที่ปอมันจะตั้งสติทัน
ยืนเซ่ออยู่แบบนั้นเจอบทโหดของเอสเข้าไปมันถึงกับจอดสนิทเลย
“มีไรนักหนาวะ
ทำเป็นโหดไปได้นั่นไอ้ปอเว้ยมึงจำเสียงมันไม่ได้เรอะ”
แคปกรอกเสียงลงไปแว๊ดใส่คนในสาย เอสได้ยินถึงกับส่ายหัว เออใช่ความหึงมันบังตา จู่
ๆ เสียงใครหน้าไหนก็ไม่รู้มารับสายเครื่องเมียตัวเองไม่ให้โมโหได้ยังไง
“ทีหลังหัดจำเสียงเพื่อนกูไว้มั่ง
มันเป็นเลขามึงแท้ๆน่าสงสารจริงๆ โทรมามีไร”
(เลิกหรือยัง)
“อืม
กำลัง” แคปเดินคุยไปพลางเดินไปขึ้นรถ อาร์สะกิดเรียกปอก็ไปติดเครื่องรอไว้แล้ว
(เอาของเข้ามาให้หน่อย)
“ห๊ะ!”
(มึงกลับไปเอาที่ห้อง
งานอยู่บนโต๊ะสอดไว้ที่แฟ้มสีดำอันที่สามหน้าปกเขียนภาษาอังกฤษตัวใหญ่ ๆ
ว่า.....กูจะใช้ตอนนี้กลับไปเอามาให้ด่วนๆเลย)
“เดี๋ยวๆๆๆ
กูว่ามึงโทรผิดเครื่องจริงๆแล้ว มึงต้องโทรเครื่องเลขามึงสิวะ มาใช้กูทำไมห๊ะ”
กูเป็นเมียมึงนะกูต้องใช้มึงสิ อันนี้แคปคิดต่อในใจไม่ได้พูดเดี๋ยวไอ้พวกเพื่อนมันจะได้ยินเอา
(นั่นแหละบอกมันด้วย
เอามาแล้วเอาขึ้นมาส่งให้กูที่ห้องแลปอีเอ็นสิบสองเลยนะ
ด่วนเลยกูปลีกตัวไปไม่ได้จริง ๆ)
-ติ๊ด-
“บ้าเอ๊ย!”
แคปสบถเอามือขยี้หัวแล้วบอกปอกลับรถออกไปแบบด่วน ๆ
พอบอกเหตุผลให้รู้ปอนี่เหยียบมิดเลย มันเป็นคนที่รับผิดชอบงานดีจริง ๆ เหอะ
“ลงมาเร็วดีมาก”
อาร์มันยืนจับเวลารออยู่ที่รถ แคปกับปอเดินขึ้นไปเอาบนห้อง วิ่งเลยต่างหาก ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นรถของปอก็เข้ามาจอดลงที่หน้าคณะวิศวะที่เดิมที่เคยจอดเมื่อครั้งมาเอาเรื่องพวกมันหลายเดือนมาแล้ว
“ที่จอดคุ้นๆว่ะ”
อาร์พูดขึ้นมา
“ไอ้ปอมึงเอาลงไปให้มัน
กูกับไอ้อาร์จะรอที่นี่” แคปบอกปอพร้อมกับยื่นของในมือส่งให้ "แลปอีเอ็นสิบสองชั้นสี่นะถ้ากูจำไม่ผิด"
“อ้าวมึงไม่ลงอ่ะ”
“ไม่เอาอ่ะเกิดเจอเฮียเต้กูจะบอกว่ามาส่องสาวเรอะ”
“ก็เออสิวะ
วิศวะมีแต่สาวสวยๆนะเว้ย จะว่าไปกูก็อยากลง
แคปลงเหอะถ้าเจอเฮียเต้เดี๋ยวกูแก้ตัวให้เอง นะๆๆๆ”
อาร์หูผึ่งเมื่อนึกได้เรื่องสาวสวยที่คณะนี้ ขึ้นชื่อด้วยนะน้องใหม่ปีนี้สวยหยดเลย
“ไม่เอา
กูกลัวเฮียเต้เห็นจริงๆ”
“ไม่เห็นหรอก
วันนี้วันจันทร์ ไหนมึงลองทวนเฮียเต้มีตารางวันจันทร์ป่ะล่ะ”
“มีดิ”
แคปตอบแทบจะทันทีไม่ต้องนึก
“แต่ว่าถ้ามึงไม่ลงจะรู้ได้ยังไงว่าไอ้เอสมันไม่นอกใจมึง
ขนาดมึงยังมีสาวๆถ่อไปหาถึงสวนเลย เพื่อนร่วมชั้นยังมาลองเชิงอีกต่างหาก
มึงคิดว่าหน้าตาอย่าไอ้เหี้ยเอสจะไม่มีแบบนั้นจริงเหรอวะ
ไปแอบดูสักหน่อยน่าเผลอๆเจอของเด็ดจะได้มีไม้ตายเอาไว้ด่ามันไง
ไหนมึงว่าช่วงนี้หาคำด่ามันไม่ค่อยออก ตันไม่ใช่เหรอ..” อาร์ตะล่อมได้ผลซะด้วย
แคปฟังไปคิ้วขมวดไป
ยิ่งพอพูดเรื่องสาวๆข้างกายมันเขานี่ขึ้นพรึ่บเลยสิครับนั่งอยู่ทำไม
ยังไม่รวมไอ้เตี้ยเพื่อนมันที่เดาะไปหากันเมื่อคืนอีก
แหม่ลืมไปเลยสิกลับมาตอนไหนวะ เมื่อเช้ากูก็ลืมถาม
“ไปกันเลยพวกมึง”
แคปเปิดผั๊วะลงไปทันที
ปิดประตูแรงมาด้วยตั้งหน้าตั้งตาเดินจนอาร์ต้องเข้ามาดึงแขนไว้
“มึงไปแบบนี้ไม่ได้
มึงต้องแอบไปสิวะ จะเดินผึ่งผายไปแบบนี้มันก็ตั้งตัวได้กันพอดี..”
แค่นั้นแหละสองคน แคปกับอาร์ค่อยเดินแอบหน้าแอบหลังขณะที่ปอเห็นพวกมันเล่นกันแบบนั้นแล้วหน่าย
ไอ้แคปก็บ้าจี้ตามไอ้อาร์
เขาเดินมาถึงหน้าแลปกดโทรศัพท์หาเอสบอกให้เปิดประตูออกมาเอา
“มึงห้ามบอกว่าพวกกูขึ้นมาด้วย”
แคปกำชับก่อนดึงแขนอาร์ไปหลบที่ซอกเสาต้นใหญ่ ปอยืนอยู่พักเดียวเอสก็เดินหล่อออกมาเลย
แคปนี่เห็นมันแล้วอยากเข้าไปขย้ำ
ไม่ใช่อะไรนะกำลังรับของอยู่กับไอ้ปอแท้ๆเสือกมีผู้หญิงสวยฉิบหายเดินตามออกมาเรียกเอสหันไปบอกอะไรอินั่นไม่รู้เธอกรีดยิ้มแล้วผงกหัวให้ไอ้ปอสามสี่ครั้ง
จากนั้นไอ้เตี้ยเมี่ยงเสือกเดินออกมาพูดอะไรกันสักอย่างไอ้เอสตบไหล่ไอ้ปอแล้วเดินกลับเข้าไป
“ป่ะ
เสร็จแล้ว” ปอเดินเข้ามาหาแคปกับอาร์แล้วชวนกลับ
ไม่ได้สังเกตเลยว่าแคปมันหน้ามู่ทู่ขนาดไหน พออาร์สะกิดบอกเขาถึงได้เห็น
“นั่นเพื่อนมัน
เดินออกมาขอบคุณงานของเธอมั้ง ขอบคุณกูใหญ่เลยว่ะ”
“ห๊ะ..”
แคปคิ้วขมวดร้องห๊ะขึ้นมา หน้าตาตึงสุด
“เออ
อะไรล่ะ”ปอก็งง
“นี่อย่าบอกนะว่าให้กูรีบแทบตายเพื่อไปเอางานมาให้เธอคนนั้นน่ะ”
“งานกลุ่มๆมึงก็”
“ถ้างานกลุ่มก็ต้องนั่งด้วยกัน
แบบนั้นยิ่งแล้วใหญ่” อาร์เสริมความเครียดขึ้นอีก ปอหันไปถลึงตาใส่
“มึงไปหาทางส่องดูให้ได้ไอ้อาร์”
แคปบอกอาร์รับคำ เดินไปวนรอบ ๆ ทำไงได้แลปบ้าไม่มีหน้าต่าง
แต่เห็นผ่านกระจกรอยแยกของผ้าม่านนิดหน่อย
เอสมันนั่งติดกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆนี่หว่าข้างๆมันเป็นไอ้คนตัวสูง ๆ
น่าจะชื่อชิพฝั่งตรงข้ามเป็นไอ้เตี้ยเมี่ยงกับเพื่อนอีกคนของมันที่ชื่อบุ้ง
“วะ”
อาร์สบถนิดๆเมื่อมีเพื่อนกลุ่มอื่นเดินมาคุยกับเอสแล้วบังมุมมองอันน้อยนิดของเขาไว้
อาร์อดทนรอพอไอ้คนบังเดินออกไปเห็นเต็มสองตาคราวนี้อีผู้หญิงนั่นหันไปคุยอะไรกับไอ้เอสไม่รู้เธอยิ้มกว้างเชียว
อาร์นึกโมโหแทนเดินหน้าบึ้งเข้าไปบอกแคป
“ว่าไงวะ”
แคปถาม
“กูไม่อยากพูดมึงไปดูเอาเองเหอะ”
“ทำไม”
อาร์ยักไหล่ แคปเดินหน้าตึงเข้าไปดูมั่ง เขาเห็นแบบที่อาร์เห็นนั่นแหละ
มันชัดเจนยิ่งกว่าเก่าเมื่อมีอีกคนเข้ามานั่งเบียดลงด้วยนั่งจึงทำให้เอสต้องขยับเข้ามาชิดเธอมากยิ่งขึ้น
“ไหล่ชิดกันแล้วไอ้สัส..”
แคปเผลอเตะผนังเสียงดังปึ๊ก ปอตกใจรีบเข้าไปดึงแคปออกมา
“มันนอกใจกู”
แคปส่งเสียงลอดไรฟัน ลืมตัวไปว่าตัวเองยืนอยู่ที่ไหน
ปอรีบเอามืออุดปากเพื่อนตัวเองไว้แทบไม่ทัน
แคปกำลังจะโวยอะไรขึ้นมาสักอย่างแต่เสียงทุ้มที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆดังเข้ามาในโสตเขาก่อน
“คาปู
มึงมาได้ไงเนี่ย” เต้เดินลงมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อน
เห็นน้องชายตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อจนเขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ นี่แหละ
“หะ...ห่ะ....ห้ะ...เฮียเต้” แคปหัวใจหล่นไปถึงตาตุ่ม
แน่นอนคนมันมีชะนักติดหลังกลัวว่าพี่ชายจะรู้ไปเสียหมด
หน้าแคปซีดลงจนขาวราวกับกระดาษ
“เฮ้ยๆๆเป็นอะไรของมึงจะเป็นลมเรอะ”
เต้นรีบเดินเข้ามาโอบไหล่น้องตัวเองไว้ ปอรีบเข้าไปกระตุกชายเสื้อแคปเบา ๆ
สติแคปสติ
“มาทำอะไรกันวะ
อย่าบอกนะว่ามาหาเรื่องใครอีก..” เต้มองไปที่หน้าห้องแลป
เขาเห็นไฟสัญญาณติดไว้รู้ว่ามีคนเรียนอยู่แน่นอน สามคนจากเกษตรมองหน้ากันเลิกลั่ก
“กูถามว่ามาทำไมแถวนี้”
เสียงทุ้มของเต้เริ่มดังขนาดอาร์ยังสะดุ้งปอยังสะเทือนแล้วแคปล่ะจะใจเสียขนาดไหน
มองหนาพี่ชายเหงื่อตกจนผมลีบลู่ไปหมด
“ผมมาส่องหญิงน่ะเฮีย”
เป็นไอ้อาร์ที่แก้สถานการณ์ได้ก่อน “ส่องหญิงไง ส่องหญิง”
“หญิงไหนวะ”
“ผู้หญิงสวยๆในห้องนี้อ่ะ
คนที่นั่งข้าง ๆ น้องรหัสเฮียนั่นไงผมเพิ่งจะแอบดูเธอเสร็จเฮียก็เดินมาเนี่ย
กะว่าจะให้ไอ้เอสมันติดต่อให้สักหน่อย..”
แคปนี่แทบจะก้มลงไปกราบขอบพระคุณเพื่อนตัวเองเลย
อาร์มึงเก่งมากแต่ไอ้ปอนี่สิทำไมถึงยืนนิ่งเลยวะ
มันยืนข้างเขาอีกต่างหากทำท่าทำมุมคล้ายๆจะบังเขาออกจากเฮียเต้
“ไหน
คนไหน” เต้หันไปบอกเพื่อนๆให้ลงไปรอก่อนเลยแล้วเขาก็เดินไปส่องดู
คงเหลือแต่รัฐที่ยังยืนยิ้มตาหยีอยู่ ขยับเข้ามากอดอกอยู่ข้าง ๆ แคปด้วย
“เต้
เดี๋ยวอาจารย์เห็นหรอกมึง” รัฐส่งเสียงแกล้งเต้หันมาทำตาดุใส่
เขาส่องต่อพอเห็นแล้วจึงเดินออกมา
“แวร์ซาย
สาวสวยอันดับหนึ่งของวิศวะ เน็ตไอดอล มึงนี่นะคิดจะจีบเขาไอ้หมาอาร์ ไอ้เตี้ย
มึงเตี้ยกว่าเขาอีกไหมนั่น” เต้มองอาร์แล้วยื่นมือมาขยี้หัวมันเล่นอย่างเอ็นดู
ไม่คิดว่ามันจะหมายปองดอกฟ้าได้
“โห่เฮีย
ดูถูกว่ะ” อาร์ปัดมือเฮียเต้ออกจากหัว เต้ก็แค่หัวเราะ
“เฮียเต้ดูผิดป่ะ
คนที่นั่งข้าง ๆ ไอ้เอสอ่ะนะ” แคปถามขึ้นมั่ง
“เออนั่นน่ะไม่ผิดหรอก
กูจะบอกมึงตัดใจเลยเหอะว่ะไอ้อาร์ แอบดูเขาไป จีบเขาไปมึงแม่งไม่ติดหรอก”
“ทำไมอีกอ่ะ”
อาร์แกล้งทำหน้ายุ่ง ๆ ก็เขาชอบเธอซะที่ไหนเล่า แค่ดึงความสนใจเฮียเต้ไม่ให้สงสัยว่าพวกเขามาแอบดูใครเท่านั้นเอง
“จะไปติดได้ไงล่ะวะ
หึหึ”
“ก็แล้วทำไมอ่ะ”
เต้มองอาร์แล้วส่ายหัว รู้สึกไม่อยากจะพูดแล้ว เดินเข้าไปหาแคปเลยดีกว่า
รายนั้นยิ่งกลัวถูกล้อคคอรีบถอยหนีเลย
“ไม่ต้องมาใกล้ผมเลย”
“อะไรกันมาให้พี่ชายกอดหน่อยสิ
มาหาถึงที่แบบนี้คิดว่ากูจะปล่อยมึงไปง่ายๆเหรอคาปูมาหาเฮียเร็ว”
“เรื่องสิ”
แคปรีบเดินมาขนาบข้างปอ ดึงแขนพี่รัฐบอกให้ช่วยด้วย ทั้งหมดลงบันได้กันมาแล้ว
“อะไรวะที่บ้านยังให้กูนอนกอดเลยเหอะ
ซุกอกกูอีกต่างหาก”
“เงียบปากไปเลยเฮียเต้
นิสัย”
“กูพูดจริงนี่”
“นั่นมันที่บ้าน
ที่มหาลัยผมไม่ยอมเด็ดขาด”
“คาปูโตแล้วงั้นดิ”
“เฮียเต้แม่ง
หยุดเลย!”
แคปร้องห้ามอีกครั้งแต่ไม่ทันหรอก
เต้ล๊อคคอเขาเข้าไปขยี้หัวแล้วเรียบร้อยวงแขนหนักๆนี่มันยกออกยากเสียจริงๆ
“ไปๆเที่ยงแล้วเดี๋ยวกูกับไอ้รัฐจะไปกินข้าวกันแล้ว
พวกมึงไม่มีเรียนแล้วนี่ไปไหนกันต่ออ่ะ”
“กินข้าวเหมือนกันแต่ไม่ไปกับเฮียเต้หรอกบอกเลย”
อาร์เบะปากแล้วยักไหล่กวนตีนใส่พี่ชายเพื่อน เต้ยกขาขึ้นมาทำท่าจะถีบ
อาร์มันรีบหลบรัฐทำหน้าดุใส่บอกให้เต้อย่าเล่นแรงน้องมันกลัว
“นี่ไอ้อาร์กูจะบอกอะไรดี
ๆ ให้”
“อะไรอ่ะ”
“มึงตั้งใจฟัง”
“อือบอกมาสิครับ”
“น้องแวร์ซายที่มึงมาแอบดูเขาน่ะรู้ไหมทำไมถึงจีบไม่ได้”
“..............”
อาร์เลิกคิ้วสูง ยักไหล่บอกไม่รู้ เขาก็แค่ตามน้ำ
นี่แสดงว่าเต้เชื่อแบบจริงจังมากว่าเขามาแอบดูเธอ
“เพราะอะไรไอ้รัฐมึงบอกซิ”
เต้โยนงานร้อนไปให้รัฐ รายนั้นถึงกับส่ายหัวบอกให้พูดเองเหอะ
เต้จึงจ้องหน้าอาร์นิ่งๆแล้วเอ่ย
“ก็เพราะว่านั่นน่ะคู่ควงคนใหม่ของไอ้เอสน้องรหัสกูไง”
“ห๊ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงห๊ะดังมากเสียจนเต้กับรัฐถึงกับสะดุ้ง สามคนมันห๊ะขึ้นพร้อมกัน
“มันควงกันได้สักพักแล้ว
คู่กิ่งทองใบหยก ไฮโซทั้งคู่รู้สึกว่าบ้านเขาสองคนจะรู้จักกันด้วยนะ”
ปอที่ตั้งสติได้ก่อนรีบเข้ามาบังแคปออกจากสายตาพี่ชาย
อาร์เองก็เร็วไม่แพ้กันมันทำท่าเสียใจนิดหน่อยจากนั้นดึงแคปขึ้นรถบอกเต้ว่าไม่ไหวแล้วขอไปทำใจ
สู้ไม่ได้เห็นๆงานนี้ เต้กับรัฐมองหน้ากันอย่างงง ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
รถเลี้ยวออกจากคณะไปอย่างเร็วจี๋ แคปนั่งนิ่งไปตลอดทางกัดปากเงียบ ๆ
ไม่ยอมพูดอะไรเลย มันเงียบจนปอกับอาร์ยังต้องนึกกลัว
“เฮ้ยแคป
กูว่าไม่ใช่หรอก เฮ้ยเต้ เอ่อ...
“พี่กูไม่เคยโกหก
มึงก็รู้..” แคปว่าเรียบๆ ปอปล่อยให้แคปนั่งไปนิ่ง ๆ
ก่อนเลี้ยวเข้ามาในร้านประจำที่พวกเขาชอบมากินกัน แคปเดินนำเข้าไปนั่งโซนนอกที่สามารถสูบบุหรี่ได้
“แดกเหี้ยไรวะ
ข้าวผัดอีกเหรอมึง” อาร์ดูเมนูแล้วถามขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม
เวลาแคปไม่พูดรู้สึกไม่ค่อยดียังไงไม่รู้ แคปพยักหน้าให้บอกกินอะไรก็ได้สั่งมาเลย
มือบางควักเอาบุหรี่ขึ้นมาจุด พ่นควันขาวไม่แคร์สายตาใคร ปอมองเพื่อนแล้วส่ายหัว
แคปมันคงกำลังคิดอะไรสักอย่างบางครั้งความคิดมันคาดเดายากมาก
เวลาเข้าโหมดเอาจริงแคปจะนิ่งจนน่ากลัวต่างกับเวลาที่มันเล่น
มันจะพูดจ้อไม่หยุดยิ้มแย้มแยกเขี้ยวแหกปากด่ากับทุกคนที่มันสนิท
แต่โหมดนี้ของมันถือว่าอารมณ์เสียหนักมากเหมือนกัน
“แคป”
“หื้ม?”
แคปหันมองหน้าคนเรียก ปอนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา
“ถามมันก่อนนะจริงไม่จริง
อย่าคิดเองเออเอง ถ้ามันยอมรับว่าใช่มึงค่อยเชือด”
“ถ้าเป็นมึงจะยอมรับรึเปล่าวะ”
แคปยังทำหน้านิ่งๆ
“หัวเด็ดตีนขาดกูไม่ยอมรับ
ต่อให้จับได้คาหนังคาเขาบนเตียงกูก็ไม่รับ ของแบบนี้รับก็ตายสิครับ..”
ไอ้อาร์ไม่ได้ช่วยเลยจริง ๆ ปอเตะมันแรง ๆ ที่ใต้โต๊ะ อาร์เบ้หน้าจนแคปเริ่มหัวเราะ
อารมณ์ดีขึ้นนิดๆช่างหัวมันสิ เคยบอกไปแล้วมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเมื่อไหร่จบกันเลย
ดีสิจะได้ถือโอกาสเลิกกับมันไปจริงๆสักที
งี่เง่า! หงุดหงิด!
แคปเสยๆผมตัวเองตั้งสติใหม่
อาหารมาเสริฟพอดี ปอบีบซอสใส่จานให้แคปด้วยตัวเอง อีกฝ่ายก็แค่ตักข้าวกินๆไป
แคปมันกินน้อยอยู่แล้วถ้าไม่ใช่ฝีมือเขาทำ
เพราะงั้นวันนี้กินแค่ครึ่งจานบุหรี่มวนที่สองก็ถูกจุดขึ้นอีก
“สูบหนักไปแล้วมึง”
ปอติง
“แค่สองมวนเอง”
แคปว่าไม่สนใจ กลุ่มควันสีขาวหม่นถูกพ่นออกมาพร้อม ๆ
กับเสียงโทรศัพท์มือถือที่สั่นและดังขึ้น
แคปหยิบเอาขึ้นมาดูเป็นสายเรียกเข้าจากแบงค์
“มีอะไร”
(ไม่มีหรอกแค่อยากโทรหา)
“บ้ารึเปล่าถ้าโทรมาไม่มีธุระกูวางแล้วนะ”
(เดี๋ยวๆๆ
อย่าใจร้ายดิ อย่าเพิ่งวางนะมึง)
“ก็แล้วโทรมาทำไมล่ะ”
(จะบอกว่ากูอยู่ระยองนะกำลังจะกลับแล้ว)
“แล้วทำไม”
(ใจร้าย)
“อะไรของมึง”
(จะไม่ถามหรือไงว่ากูมาทำไม)
“กูจะรู้กับมึงเรอะ”
(มากับพี่หนึ่งน่ะ
มาดูสถานที่ไว้บางทีเราสองคนอาจจะได้มาจัดรายการนอกสถานที่ด้วยกัน)
“ที่นั่นน่ะเหรอ”
(อากาศดีฉิบหาย
นี่เพิ่งลงจากเรือ)
“เสม็ดหรือไง”
(แม่นแล้วครับ
ผับใหญ่มันอยู่ที่นั่นนี่หว่า เดี๋ยวกูกลับไปเล่าให้ฟัง
พี่หนึ่งไม่ได้ชวนมึงเพราะเห็นว่าติดเรียน
ส่วนกูโดนบังคับเพราะที่พักฟรีคือบ้านกูนี่แหละ
เมื่อคืนนี้ไงโทรหาไม่เคยจะรับหรอก)
“เพราะเป็นสายจากมึงไง
ทีหลังอย่าโง่สิ ใช้มือถือคนอื่นถ้าอยากให้กูรับช่วงดึก”
(ชี้โพรงให้กระรอกอีกนะนั่น)
“เปล่า
ก็แค่พูดความจริง”
(น่ารักฉิบ)
“อือ
อยู่แล้ว” ที่จริงไม่เคยอยากถูกชมว่าน่ารักเลย
แต่กับไอ้เด็กเสียเส้นนี่แคปขี้เกียจจะด่ามันแล้ว
(อะไรเนี่ยกูว่าวันนี้ฝนจะตก)
“อือ”
(แค่เนี๊ยะ
มึงแค่อือเหรอ)
“อืม”
(แคปใจร้ายว่ะ)
“..............”
(เงียบทำไมวะ
มึงใจร้ายกับกูอีกเหรอ)
“กูไม่เคยใจดีกับไอ้เด็กที่ไม่เคยเรียกกูว่าพี่หรอก”
(พี่แคปคนฉวย)
“เดี๋ยวกูตบปากฉีก”
(ฮ่ะๆๆ
ล้อเล่นน่า)
“กูเพื่อนเล่นมึงเหรอไอ้แบงค์ห๊ะ”
(ไม่อยากให้เป็นแค่เพื่อนเหมือนกันนะ
พิจารณากูบ้างสิ)
“สัส
น่ารำคาญ” แคปกดตัดสายทิ้งแม่งเลย ไร้สาระความจริงก็ไม่น่ากดรับอยู่แล้ว
แต่ก็เพราะว่ากลัวจะเป็นเรื่องงานนี่แหละ
“อะไรวะไอ้เด็กเวรนั่นโทรมากวนมึงอีกแล้วดิ”
อาร์หันมาถามแคปก็แค่พยักหน้าบอกอือๆไป
“กูว่ามันแม่งๆว่ะ
ได้ข่าวมาไหมว่ามันเป็นไบนะ เก็บได้ทั้งชายทั้งหญิงด้วยมึงต้องระวัง”
“ใครสน”
“เออไม่สนกูรู้
แต่มันสนใจมึงอันนี้มึงต้องระวังตัวหน่อย”
“...................”
แคปนิ่งไป เขากำลังนึกถึงคำพูดที่คุยกับไอ้เด็กแบงค์เมื่อกี้
ส่อไปนิดๆเหมือนกันแต่มั่นใจเถอะว่ะ รูปร่างหน้าตาอย่างเขาคงมีแต่ไอ้เอสคนเดียวแหละที่มันบ้า
ไม่อยากจะตัดสินคนอื่นว่าจู่ ๆ จะมาสนใจผู้ชายแมนๆอย่างตัวเอง
ความเป็นไปได้มันยิบย่อยมาก
ไอ้แบงค์มันอาจจะแค่ชอบก่อกวนเห็นเขาเป็นเพื่อนเป็นพี่มันแบบนั้นก็ได้
ดวงตาเฉี่ยวหรี่มองออกไปที่นอกประตู ม่านควันบุหรี่สีเทาจากริมฝีปากที่ลอยคลุ้งออกมาอาจจะทำให้เห็นไม่ชัดนัก
แต่ผู้ชายคนที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับสาวสวยจัดแล้วก็กลุ่มเพื่อนอีกห้าหกคนที่ด้านหลังทำเอาแคปต้องขมวดคิ้ว
“มึงเห็นป่ะวะแคป”
อาร์ใช้ศอกสะกิด บรรยากาศอึมครึมขึ้นไปอีก
“............”
แคปได้ยินเสียงอาร์ถามชัดเจน แต่เขาไม่ได้ตอบอะไร บุหรี่ถูกอัดลงไปอีกหนึ่งอึก
แคปนั่งเงียบๆมองเด็กวิศวะกลุ่มนั้นออเดอร์อาหาร
แน่นอนว่าไอ้เอสนั่งข้างไอ้เมี่ยงเหมือนเดิม
ต่างตรงที่วันนี้มีผู้หญิงที่พี่เขาบอกว่าชื่อแวร์ซายนั่งประกบฝั่งซ้ายมือของมันด้วย
ไอ้ชิพกับไอ้บุ้งแล้วก็มีผู้หญิงน่ารักผมสั้นอีกคนนั่งฝั่งตรงข้ามนอกนั้นไม่รู้จัก
“เอสอ้ะ!”
เสียงหวานที่ดังขึ้นจนสะท้อนมาถึงด้านนอก ดึงความสนใจจากพวกเขาทั้งหมดได้ดี
กำปั้นเล็กๆทุบลงไปที่ต้นแขนแกร่ง
เอสหันไปพูดอะไรกับเธอสักอย่างไม่รู้เธอทุบมันลงมาอีกรัวเลยทีนี้
เอสมันต้องจับข้อมือเธอไว้แล้วคงจะบอกให้พอ
โครม!
เก้าอี้ว่างข้าง
ๆ ไอ้อาร์กระเด็นออกไปไกลประมาณสามเมตร ไม่ต้องถามว่าใครหันมองมาบ้าง
“ไอ้ปอมึงไปจ่ายเงินกูจะกลับแล้ว”
แคปลุกขึ้นพร้อมกับบี้ก้นบุหรี่ลงที่จานเขี่ยเดินดุ่ม ๆ
หน้าตึงออกไปไม่สนใจเหี้ยไรทั้งนั้น ปอรีบบอกให้อาร์ตามไปแบบด่วน ๆ
เพราะทางที่แคปเดินไปมันไม่ใช่ทางออก
เอสเองก็เหมือนจะเห็นแคปแล้วเหมือนกันมันลุกขึ้นมาเลย
โครม!
“มึงออกมา!”
เสียงตะคอกส่งออกไปพร้อมกับมือของแคปที่ตรงเข้าขยุ้มคอเสื้อของร่างหนาแล้วลากออกมาเหวี่ยงจนเอสเสียหลักเซไปนิดๆ
แต่ยังดีที่เขาคว้าเก้าอี้ยึดไว้ได้ก่อนพร้อมๆกับรวบเอาตัวแคปเข้ามาล็อคไว้ได้ทันใจเหมือนกัน
ต่างฝ่ายต่างเร็วกันทั้งคู่
“เฮ้ย! อะไรกันวะ”
ชิพลุกก่อนเลยเป็นคนแรก ทั้งบุ้งทั้งเมี่ยงเองก็ลุกด้วยเหมือนกัน
อาร์ยืนมองทำอะไรไม่ถูกเพราะสภาพแคปตอนนี้ถูกไอ้เอสมันล็อคคอไว้เรียบร้อยแล้ว
เจ้าของร้านที่กำลังทอนเงินให้ปอหน้าซีดจนเหลือง
“เป็นอะไรของมึงห๊ะแคป!”
เอสก้มลงถามคนที่อยู่ในอก
แคปดันมันไม่ยอมออกจะกระทืบเท้าเตะขาก็เจอมันดันให้ถอยจนหลังเล็ดชิดผนัง
“มึงมีสิทธิ์เรียกชื่อกูด้วยเหรอห๊ะ! อย่ามาเรียก!!” แคปตะคอกกลับไม่มีกลัว
บุ้งชิพและเมี่ยงมองหน้าสบตากันแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ๆ
สายตาคมเฉี่ยวของแคปจับอยู่ที่ผู้หญิงที่ชื่อแวร์ซายนั่นเธอจ้องมาที่เขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว
“ปล่อยกูสิวะไอ้สัสเอ๊ย!”
แคปดิ้นจนตัวลอยกันเลยแต่ยังไงก็สู้แรงคนกอดเขาไว้ไม่ได้อยู่ดี
“กูนี่เหรอไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อมึงหื้ออ
ไหนพูดใหม่ซิ..” เสียงเอสเหี้ยมขึ้นจนน่ากลัว ดีแล้วที่ตรงนี้เป็นโซนด้านนอก
แคปหันไปมองคนที่เอาท่อนแขนรัดคอตัวเองไว้
“ปล่อยกูไอ้สัส! โครม!!” เป็นอีกครั้งที่แคปยันเก้าอี้คราวนี้ไม่ใช่ล้มธรรมดานะแต่มันล้มไปฟาดลงที่ปลายเท้าอิยัยแวร์ซายนั่นเลย
เธอตกใจกรีดร้องดังลั่นรีบวิ่งเข้ามาแอบหลังบุ้งกับชิพ
“แคป!”
เอสตะคอกแล้วดึงแคปออกมาจากตรงนั้นทั้งๆแบบนั้น
คนถูกล็อคคอเจ็บจนต้องเบ้หน้าแต่ก็ยังดิ้น
“ทำเหี้ยอะไรของมึงห๊ะ!”
พอลากออกมาจากร้านได้เอสเหวี่ยงอีกคนจนร่างเล็กชนเข้ากับรถมอไซด์ที่จอดอยู่แถว ๆ
นั้น แต่แคปมีเหรอจะกลัว พอหลุดมาได้มันวิ่งเข้าใส่เลยสิ
คุณเคยเห็นไหมชิวาว่ากระโจนเข้าใส่สิงโตน่ะ หมัดรุน ๆ
ผิดเป้าไปแค่ชั่ววินาทีเท่านั้นเอสนี่ใจหายวาบคว้ารวบไว้ได้อีกรอบ
“แคปหยุด!!
เป็นอะไรของมึงห๊ะ!!” เสียงตะคอกที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาแคปหน้าชาไปเลย
“อย่ามาเรียกชื่อกูนะ!”
แคปไม่ยอมแพ้เหมือนกันกันฟันกรอด
“ขึ้นรถ!”
เอสโมโหแล้วลากมันทั้งๆแบบนั้นยัดเข้าไปในรถตัวเอง แต่แคปเหรอจะยอมง่าย ๆ
ทั้งดิ้นทั้งผลักไม่ยอมให้ประตูปิดลงได้ดี ๆ
“เป็นบ้าอะไรห๊ะแคปไหนบอกกูซิ
จู่ๆมึงขึ้นใส่กูเรื่องอะไรเนี่ย!”
“ออกไปให้พ้นกู!
ห้ามมาเรียกชื่อกู!! มึงไม่มีสิทธิ์แล้ว!!!”
“หื้ออออ.....????”
เอสกดเสียงเหี้ยมลงทันที
มือใหญ่ที่ยื่นเข้าไปคลึงท้ายทอยเล็กอยู่ก่อนแล้วบีบล็อคแล้วกดลงอย่างแรง
ทันทีที่คำว่าไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อแล้วนี่หลุดออกมาจากปากแคป
“กูเกลียดมึงที่สุด..”
แคปส่งเสียงลอดไรฟันออกมาเมื่อเจ็บต้นคอจนเหมือนจะตาย
มือใหญ่ไม่ได้ผ่อนแรงลงเลยสักนิด เขายังจ้องแคปนิ่งอยู่แบบนั้น
“กูเกลียดมึงโว๊ย!”
แคปรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักไอ้คนที่มันกักตัวเขาอยู่กับรถออกอย่างแรง
เอสกระเด็นเซออกไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้นอีกคนก็ลุกขึ้นวิ่งได้
“จะไปไหนห๊ะ!”
แคปเซถลาเมื่อมีแรงมหาศาลเข้ามากระชากแขนแล้วจับเขาทั้งตัวยัดใส่รถใหม่อีกครั้ง
เสียงประตูรถปิดดังโครมแต่อย่าคิดว่าแคปจะกลัวคนดื้อยังไงก็ดื้ออยู่วันยังค่ำ
เอสชี้หน้าบอกถ้าเปิดออกมาอีกเจอดี
“กูกลัวมึงสิไอ้สัส!”
แคปเปิดผั๊วะออกมาอีกเจออีกคนที่กำลังจะเดินไปฝั่งคนขับวิ่งเข้ามาเบรกตัวเองแทบไม่ทัน
เขาก้าวยาวๆแคปครั้งเดียวก็ขวางทางแคปไว้ได้แล้ว
“ทำไมถึงดื้อแบบนี้วะห๊ะ”
แขนเล็กถูกกระชากอย่างไม่ปราณีอีกครั้งคราวนี้เอสจับยัดขึ้นที่ฝั่งคนขับไม่รอเลย เขาผลักไอ้ตัวดีเข้าไปก่อนที่ตัวเองจะเบียดตัวขึ้นตาม
“ไอ้เลวเอ๊ย
มึงกล้าถีบกูเหรอห๊ะ”
“แค่ผลักแคปอย่าโวยวายให้มันมากนัก”
“กูเกลียดมึง
อื้ออ”
“หุบปากแคป!”
“ไม่หุบ!”
“เงียบ!!”
รถเลี้ยวออกไปอย่างเร็วคงมีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะหยุดมันได้เอสก็แค่เหยียบคันเร่งให้จมลงเท่านั้น แคปกัดปากอย่างขัดใจหันไปมองที่ด้านหลัง
ทั้งเพื่อนตัวเองทั้งเพื่อนมันต่างยืนมองตาละห้อยกันเลยก็ใครล่ะจะอยากยุ่งเสือกับสิงโตกระโจนใส่กันแบบนั้น
“เพื่อนมึงโหดฉิบหายเลยเหี้ย”
ชิพพูดขึ้นเบา ๆ อย่างขยาดปอกับอาร์หันมองสบตากัน
“เอสพาไอ้เด็กนั่นไปไหนน่ะบุ้ง”
เสียงหวานหูของแวร์ซายดังขึ้นข้าง ๆ บุ้งที่ยืนติดอยู่กับชิพและเมี่ยงหันมอง
“ไอ้เด็กนั่นที่ไหน
แคปมันน้องชายเฮียเต้เธอไม่รู้?” ชิพหันไปตอบให้แทน บุ้งก็แค่มองเธอ
“น้องเฮียเต้
นั่นน่ะนะ” เพื่อนอีกคนร้องขึ้นอย่างตกใจ แวร์ซายเองก็ทำหน้าตาตื่น ๆ
“ใช่สิ ไอ้แคปปีเดียวกับพวกเรานี่แหละ มันเรียนเกษตร”
“ละ...แล้ว
ทำไมถึงมาเอาเรื่องเอสแบบนั้นน่ะ”
“มันสนิทกันไง”
บุ้งตอบขึ้นมาให้ อาร์กับปอสบตากันอีกครั้ง แม้กระทั่งชิพกับเมี่ยงก็ยังหันมองหน้ากันเลย
“ห๊ะ...สนิทกันเนี่ยนะ
เมื่อกี้เขาสองคนตีกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” คราวนี้น้องแวร์ซายร้องขึ้นหน้าตาตื่นจริง
ๆ
“ตีกันที่ไหน
สองคนนั้นมันหยอกกันแรงทุกครั้งแหละเธอไม่เคยรู้ต่อไปก็รู้ไว้ซะนะ”
“จริงเหรอเนี่ย
ซายไม่เคยรู้เลย”
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของเอสมันทุกเรื่องหรอกนะซาย
ยังมีอะไรอีกเยอะที่เธอไม่รู้..” บุ้งพูดไว้แค่นั้นก่อนจะล้วงเอาบุหรี่ขึ้นมาจุด
ชิพหันไปถามปอว่าเคลียร์ด้านในหรือยังปอพยักหน้าบอกทุกอย่างโอเค
แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันออกไป
“ไอ้เตี้ยเมี่ยง”
อาร์เรียกเมี่ยงไว้ก่อนที่อีกคนจะเดินไปขึ้นรถกับชิพและบุ้งที่รออยู่
“เรียกใครเตี้ย”
“ก็ใครล่ะที่เตี้ย”
“สัส
เรียกกูทำไม”
“อิผู้หญิงนั่นใคร เอาให้มันแน่ ๆ เธอมาติดไอ้เอส?”
“ใคร
แวร์ซายน่ะเหรอ”
“ใช่
แม่นั่นแหละ”
“อืม
ก็ทำนองนั้น ชอบไอ้เอสมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว เพื่อนกันกับพวกกูนี่แหละ”
“แล้วสองคนนั่นมันคบกัน?”
“ห๊ะ!?”
เมี่ยงทำหน้างงๆ ขยับเข้าไปหาอาร์อีกนิดเหมือนกับจะไม่ค่อยได้ยิน
“กูถามว่าสองคนนั้นมันคบกันเหรอห๊ะ”
อาร์นึกโมโหพูดแค่นี้ไม่รู้เรื่องเขาถึงกับกระชากเสื้อเมี่ยงเข้ามารับฟังใกล้ ๆ
“ไอ้ประสาทเอ๊ย
ปล่อย!”
เมี่ยงดึงเสื้อตัวเองคืนมาได้ ทำท่าปัดๆแล้วมองอาร์ตาเขียว “บ้ารึเปล่า
อารมณ์ขึ้นๆลงๆ”
“กูถามก็ตอบอย่ามาลีลา”
อาร์ทำหน้าดุ
“พวกมึงแม่งใจร้อนเหมือนกันหมดแหละ”
“มึงก็ตอบมาสิวะ”
เสียงบีบแตรเรียกสองคนดังขึ้นพร้อมกัน รถสองคันกลางแดดน่ะมันร้อนรู้ไหม
“มันจะไปคบเธอได้ยังไงเล่า
เพื่อนกูมันคบกับเพื่อนมึงอยู่ไม่ใช่เหรอวะ ถามอะไรโง่ ๆ”
“ก็แล้วทำไมเฮียเต้ถึง...”
อาร์พูดได้แค่นั้นแหละเพราะคู่สนทนาวิ่งขึ้นรถบุ้งเลี้ยวออกไปกันแล้ว
“จะกลับไหมมึงช้าเดินไปเองเลยนะ”
ปอกดกระจกลงมาเรียกอย่างดังอาร์วิ่งจี๋ขึ้นไปเลยสิ
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ไอ้สัส!
ขับให้มันดีกว่านี้ไม่เป็นหรือไงห๊ะ” เสียงเบียดล้อกับพื้นถนนดังลั่นในตอนที่เอสเลี้ยวเข้ามาจอด
แคปหัวเกือบโขกหน้ารถแล้วไหมล่ะ
“บ้าฉิบ”
ปากสวยยังด่าต่อ แต่คนขับอย่างเอสไม่ยี่หระกับคำด่าอะไรอีกแล้ว
ตรงๆคือหูชาโดนมันด่ามาตลอดทางจะไม่ให้อารมณ์เสียเลี้ยวรถเข้ามาจอดลงแรง ๆ
ได้ยังไง
“กดล็อคให้กูสิวะ
รถเหี้ยนี่ก็บ้าไม่มีปุ่มเปิดล็อค ประสาทแล้วมึงซื้อรถยังไงห๊ะ”
แคปหันไปพาลใส่มั่วแล้ว เอสกดเข็มขัดนิรภัยออกแต่ยังนั่งนิ่ง ๆ
ไม่ยอมหันมาพูดจาอะไรเลยสักคำ
“กูบอกให้ปลดล็อคให้กูหูหนวกเรอะ”
แคปหันไปตะโกนใส่อีกครั้ง เขาตะปบมือข้ามไปจะกดออกเองเจอเอสคว้าหมับเข้าให้แล้วบีบ
“โอ๊ยไอ้เหี้ย”
แคปเบ้หน้าเพราะโดนบีบแขนแล้วบิดแรงมากเหมือนกัน
“คุยกันหน่อย..”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังเย็นเฉียบเหมือนคนที่นั่งอดทนมาตลอดแล้วถึงจุดระเบิด
แคปพยายามจะดิ้นออกแต่อีกคนก็แค่ผลักเขาจนหลังติดเบาะตามด้วยร่างกายสูงใหญ่ของมันตามเข้ามาคร่อม
มือหนาเลื่อนเข้าไปจัดการเอนเบาะลงจนเกือบจะสุด
“ไอ้สัสปล่อยกูเว้ย ขึ้นมาทับทำไมห๊ะกูอึดอัด อื้ออ”
“อยากลองในรถไหมหื้อ..”
“อย่ามาพูดเรื่องบ้าๆ!”
แคปเสียงดังลั่นจนเอสต้องบีบปากเล็กเอาไว้ เบามือไม่ได้เสียด้วยพยศตัวพ่อจริง ๆ
“บอกกูมาซิ
มึงเป็นอะไรของมึงอารมณ์เสียเรื่องอะไรวะห๊ะ จู่ ๆลากกูออกมามีเรื่องแบบนั้น
พอกูขึ้นๆมามึงสู้ไม่ได้มึงก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“อย่ามายุ่งกับกู!”
“บอกกูมา
มึงเป็นอะไร!” เอสตะคอกเลยคราวนี้หน้านิ่งจนแคปผงะไปนิดๆ
“จะพูดไม่พูดแคป
อย่าให้กูขึ้นไปกว่านี้นะ”
“ไอ้สัส
กูหนัก”
“งั้นก็บอกมา
พูดมาให้หมดมึงเป็นอะไรของมึง”
“กูเคยบอกไปแล้วยิ่งได้แล้วกูยิ่งหวงแต่มึงก็ยังจะทำ!”
“กูทำเหี้ยอะไร”
เอสสวนขึ้นมาทันทีจ้องแคปตาไม่กระพริบ
“มึงนอกใจกู!” แคปตะคอกใส่หน้าด้วยน้ำเสียงสั่นระริก
“...........”
“อย่ามาคิดว่ากูโง่
เห็นอยู่เต็มสองตา จะหลอกกูอีกนานแค่ไหนกันล่ะ จบกันไปสิมึงอยากควงใครแบบไหนเชิญมึงเลยแต่อย่าทำตัวเหมือนกูเป็นควายที่มึงจะหลอกกูไปทางไหนก็ได้
รู้จักกันใช่ไหมล่ะ เหมาะสมกันใช่ไหมล่ะ
มึงกับแม่นั่นก็ควรคู่กันแล้วนี่มายุ่งกับกูอีกทำไมปล่อยกูไปสิวะห๊ะ!”
“แคป!”
“เถียงไม่ออก
หึ เถียงไม่ออกเพราะมันคือความจริงใช่ไหมห๊ะ!!” แคปแค่นเสียงเหยียดใส่เต็มที่
ปิดท้ายด้วยตะคอกใส่ไอ้คนที่นิ่งเฉยอย่างดังสุดแรงของเสียง
แต่เอสก็แค่ขยับสายตามองคนใต้ร่างตะโกนใส่เขาอยู่แบบนั้น
“.............”
“กูไม่เสียใจเลยไอ้เหี้ย! ไม่เลยสักนิด
ไม่เสียใจหรอกโว๊ยเรื่องแค่นี้กูไม่เสียใจเลยมึงรู้บ้างไหม!!!”
“..............”
“จบกันไปเหอะว่ะแม่งเอ๊ยยยย อ่ะ!!
อื้ออออ...พอ ไม่...” อย่าคิดว่าเอสจะทนไหว
ความอดทนขาดลงทันทีที่ได้ยินคำว่าจบกันจากปากของแคป ริมฝีปากหยักเบียดบด
ขยี้ลงทำโทษคนที่พูดคำๆนี้ออกมาได้ง่าย ๆ
โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนฟังจะมีความรู้สึกแบบไหนอยู่ ลิ้นร้ายต้อนแล้วเกี่ยวรัดดูดดุนราวเปลวเพลิงขณะที่แคปจะเบือนหน้าหนีหลบ
มือหนาสอดเข้าไปกระชากผมนิ่มให้หน้าเริ่ดล็อคทุกอย่าง ลิ้นที่สร้างความวาบหวามแต่ช่างรุนแรงตะกลุมตระกลามไร้ความอ่อนโยนแม้แต่ขบกัดจนได้กลิ่นเลือดฝาดอยู่เต็มปาก
เอสใช้ปากสั่งสอนอีกคนอยู่แบบนั้นจนพอใจก่อนถอนริมฝีปากออกมาแล้วปล่อยลิ้นสากลากไล่บี้ไปตามกกหู
“ฮื้มม....” เสียงครางหลุดออกมาอย่างไร้อาย แคปเนื้อตัวสั่น
“ผู้หญิงคนไหน”
เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นนิ่งๆ
“ยังจะมีหน้ามาถาม”
แคปว่าทั้งที่ยังหอบ ปากเจ่อไปหมด
“คนไหนล่ะมึงบอกสิ”
“มีเยอะหรือไงถึงต้องให้กูระบุตัวน่ะห๊ะ
อย่ามาล้อเล่นกับกูนะเว้ย”
“..............”
“สมกันฉิบหายมึงกับแม่นั่น
พอเหอะว่ะเรื่องของเราแม่ง มันไม่ใช่เลยสักนิด”
“.............”
“กูโคตรโง่เลย...”
ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่แสดงออกว่าน้อยใจ
แคปพูดแล้วยังต้องเบือนหน้าหนีจากไอ้คนด้านบนแต่เอสกลับจับใบหน้าเล็กบีบคางให้หันมามองหน้าเขาดี
ๆ
“ฟังนะ..”
“..........”
“มึงจำไว้นะแคป.....ไม่ว่าเราสองคนจะทะเลาะะกันแค่ไหน
อย่าพูดคำว่าเลิกกันออกมาง่ายๆอีก กูกับซายไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น
เขาก็เป็นแค่หนึ่งในกลุ่มเพื่อน รู้จักกันมานานแล้วถ้ากูจะชอบเธอจริงๆกูจีบไปตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วไม่มารีรอจนถึงตอนนี้ค่อยคบหรอกมึงรู้นิสัยกูดีอยู่แล้ว”
“................”
กูคงเชื่อมึงหรอก นึกในทางกลับกัน ถ้าแฟนกูซักฟอกกูก็จะบอกแบบนี้เหมือนกันนั่นล่ะ
“เลิกคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
เอสใช้ความเร็วงับปลายจมูกแคปแรง ๆ หนึ่งที คนถูกทำฟาดผั๊วะลงมากลางหลัง
“ก็พี่ชายกูบอกว่าพวกมึงสองคนคบกันอยู่
จะให้กูเข้าใจว่ายังไงห๊ะ” แม่งสวยหล่อเหมาะสมกันอีกกูก็คิดมากสิ
นมตู้มขายาวเรียวสวยในขณะที่กูแบนแต๊ดแต๋ไม่มีเหี้ยไรเลยแบบนี้
“พี่ชายมึง...เฮียเต้น่ะเหรอ?”
“ก็มีคนเดียวนั่นแหละ!”
“มึงถูกเฮียเต้หลอกแล้วไอ้แคป”
“ห๊ะ!”
“บอกตรงนี้เลยนะกูไม่ได้คบผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น
นอนกับมึงอยู่ทุกวี่ทุกวันจะมีเวลาไปคบกับใครได้อีกล่ะหื้อ
เรียนก็หนักไหนจะงานที่ต้องรับผิดชอบ
ถึงจะมีผู้หญิงผู้ชายหน้าไหนมาติดกูก็ไม่รู้ด้วยแล้วเว้ยเรื่องนั้นน่ะ”
“เหอะ
กูเชื่อมึงหรอก ทำเป็นพูดดีใครๆก็พูดได้ทั้งนั้น” มันโกหกชัวร์
“ไม่ต้องเชื่อหรอก
บังคับไม่ได้อยู่แล้ว” เอสยังคงทำหน้านิ่งๆได้เหมือนเดิมของมันไม่เปลี่ยน
“ก็แล้วมึงจะทำยังไงล่ะห๊ะ
แก้ปัญหาสิวะ กูโกรธเนี่ย ทำไงกูจะหายล่ะเว้ยมึงคิดสิ” แคปเริ่มทำอะไรไม่ถูกโวยวายขึ้นมาอีกเมื่อคิดว่าตัวเองอาจหูเบาโดนพี่ชายหลอกเข้าแล้วจริง
ๆ โถ่เว้ยไม่มาอยู่ในสถานการณ์เขาบ้างอย่ามาตัดสินว่าเขาใช้อารมณ์
ก็เพราะว่าไอ้ตัวอันตรายนี่มันทำตัวให้คิดทำไมล่ะ
“นั่นสิ
ทำยังไงดีล่ะ” น้ำเสียงเอสเหยียดนิดๆเยาะหน่อย ๆ มันพูดเหมือนกับว่ากำลังหยั่งเชิงแคปอยู่
นั่นยิ่งทำให้แคปโมโหเข้าไปใหญ่
“บ้าเอ๊ย!”
“ไม่ต้องหายหรอก
โกรธต่อไปเหอะ”
“ไอ้โรคจิต”
“โกรธนานๆเลยนะ
อย่าหายโกรธล่ะเมียเพราะกูจะไม่ง้อ” เอสแสยะยิ้มนิดๆส่งเสียงทุ้มต่ำในคอ
แคปนี่กัดปากแน่นเลยเหอะ “ไอ้...”
“ชู่ว์~ จูบกันดีกว่า
ยิ่งโกรธกันยิ่งจูบมันส์ เดี๋ยวกูจะทำให้มึงดู ดูดลิ้นแรงๆมึงชอบใช่ไหม”
“มึง..อ๊ะ อย่าเพิ่งสิวะไอ้สัสนี่..
“ไม่รอแล้วเว้ย”
“อ่ะ..อื้มมม”
ริมฝีปากนิ่มถูกเบียดลงมาพร้อมกับปลายลิ้นชื้นแฉะดุนดันเข้าไปกวาดต้อนคราวนี้อ่อนโยนลงจากเมื่อตะกี้เยอะ
สองมือเล็กขยุ้มลงที่เสื้อเนื้อดีด้วยความรู้สึกหวามในโพรงปาก “อือออ..”
แคปครางรับเสียงอ่อนล้าก่อนทุบลงไปที่ต้นแขนแกร่งแรง ๆ
แต่ก็ยอมเปิดรับและตอบสนองและตอบโต้
มือหนาสอดเข้ามาถึงยอดอกแคปตาโตขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ว่าถูกสะกิดและบีบส่วนสำคัญเข้าแล้ว
“อ่ะ...เดี๋ยว
อ๊ะ...มึง ยะ...อย่าเพิ่งสิวะ อื๊ออ..”
สันจมูกซุกลงมาที่ซอกคอพร้อมๆกับริมฝีปากที่ดูดดึงเล่นอย่างที่มันชอบทำ
แคปเผลอเอียงคอให้อีกฝ่ายได้ทำแบบเต็ม ๆ
เอสเก็บเกี่ยวสัมผัสไปทุกตารางนิ้วจูบแล้วดูดจนเนื้อนิ่มเป็นรอยนิดๆ
เขารู้น้ำหนักดีอยู่แล้ว และก็รู้ทุกจุดที่แคปจะเผลอร้องครางขึ้นมา
ลิ้นร้ายไล้เลียไปในตอนที่เขากัดลงเบา ๆ แล้วดูดดุนให้แดง
ขณะที่แคปหลับตาจิกมือลงที่สองแขนคนจู่โจมแน่น
เขาเผลอคิดไปได้ยังไงชั่ววูบหนึ่งว่าสองคนนั้นเหมาะสมกัน
เผลอคิดไปได้ยังไงชั่ววูบเดียวที่ว่าเอสมันคงจะรู้สึกชอบเธอ
เขาเผลอคิดเรื่องแบบนั้นลงไป
ทั้งที่ก็เห็นอยู่ตลอดแล้วว่าเอสทำอะไรแบบไหนอยู่กับเขาตลอด
“อื้มมม..”
แคปครางออกมาลืมตัวอีกครั้ง เอสละสายตาขึ้นมองแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์พอใจ
“ไม่ต้องมามอง”
“ชอบเสียงมึงคราง”
“เหอะ”
แคปหน้าร้อนขึ้นมาสิแดงก่ำไปหมด แต่ก็ปล่อยให้มันมองต่อไป ทำยังไงได้ดันมันเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลุกออกไปเสียที
“กูไม่นอกใจมึงหรอกไม่ต้องคิดอะไรโง่ๆเลย
มึงดุขนาดนี้กูคงไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงหรอกวะ หึหึ”
“มึงไม่มีสิทธิ์นอกใจกูอยู่แล้ว
คนที่ทำได้มีแค่กูคนเดียว และมึงไม่มีสิทธิ์เลิกกับกูด้วย
คนที่บอกเลิกได้ต้องมีแค่กูเหมือนกัน!”
“เอาแต่ใจน่าดู”
“เรื่องของกูสิ”
“แต่ว่านะแคป..มึงลองนอกใจกูสิ
ไม่ต้องอื่นไกล แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
คนของมึงตายก่อนส่วนมึงกูจะเอาให้ค่อยๆตายทั้งเป็นแบบที่มึงคิดไม่ถึงเลยล่ะ”
“กูกลัวมึงหรอกไอ้สัส
ไม่ต้องมาขู่เลย เรื่องตัวเองเอาหัวมึงให้รอดเหอะ ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้กูจับได้ว่ามึงมีนอกมีในนะ
กูอาละวาดแน่”
“น่ากลัวจริงนะ”
“จะลุกออกจากตัวกูได้หรือยัง”
ชั่งใจอยู่นิดหน่อยแต่ในที่สุดเขาก็ยอมลุกออกมา
แคปเลื่อนปรับเบาะจากนั้นหันมองไอ้คนที่นั่งเฉยอยู่ยังไม่ยอมปลดล็อคออกให้
“จะลงไหมห้อง
อย่าเรื่องมาก”
“ขึ้นไปกูจับมึงฟัดแน่”
“ทำได้ก็ลองดู”
“..........”
เอสหันมามองแล้วแสยะยิ้มเหี้ยม มีครั้งไหนบ้างที่เขาทำไมได้เหรอหื้อ
เสียงปลดล็อคดังขึ้นแคปมันก็แค่เปิดรถเดินหน้าตึงเข้าไปในตัวอาคารด้านในเพื่อรอขึ้นลิฟต์ก็เท่านั้น
ขณะที่ไม่ไกลจากรถที่สองคนเพิ่งเดินลงไป ปอกับอาร์มาถึงกันได้สักพักแล้ว
“กูบอกแล้วว่ามันไม่ได้ทะเลาะกัน
นั่นน่ะวิธีแสดงความรักของพวกมันสองคน..” ปอพูดขึ้นเบา ๆ
มือข้างที่เท้ากับพวงมาลัยตบฉาดลงไปหนึ่งทีจากนั้นฟันธงเลย
พวกเขามองรถที่ขย่มไปขย่มมาอยู่นานแล้ว
“แต่สยองว่ะ”
อาร์พูดพร้อมทำหน้าสยองอย่างว่าจริง ๆ
“หาแบบนี้สักคนไหมล่ะมึง”
“แบบใคร
แบบไอ้เอสก็เอาอยู่แต่แบบไอ้แคปกูไม่เอานะ หึงโหดสัสๆ”
“ไอ้เอสก็ใช่ย่อยหรอก มึงรู้เรื่องไอ้แบงค์นั่นรึเปล่า
อย่าให้มีอีกเป็นพอไม่งั้นกูว่ามันได้ไปหยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ”
“อึ๋ย
ถ้าแค่น้ำข้าวต้มกูก็ยังพอว่านะ แต่มึงก็รู้ตระะกูลอัครรัชชานนท์
ถ้าคิดจะเก็บใครมันก็ทำได้ป่ะวะ”
“เฮ้ย
มันคงไม่รุนแรงขนาดนั้นหรอกไอ้เหี้ยอาร์ มึงก็พูดซะกูกลัว
กูทำงานให้เขาอยู่นะเว้ย” ปอหันมาดูแบบจริงจังเลยสิ
ไอ้อาร์ชอบพูดอะไรติดลบตลอดศกถึงจะเอาความจริงมาอ้างอิงก็เถอะ
“เวลาเปลี่ยนอะไรๆก็เปลี่ยน
อีกสองปีกูว่ามึงไม่ใช่แค่เลขาหรอกไม่ใช่แค่คนขับรถมันด้วย
ตำแหน่งบอดี้การ์ดของไอ้คุณชายเอสเธอร์ก็คงไม่พ้นมึงล่ะสิ”
“ห๊ะ?!”
“ทำใจเหอะไอ้ปอ
กูว่าเดี๋ยวมึงไม่แคล้วต้องถูกจับฝึกอาวุธแน่ ๆ แล้วเผลอๆไอ้แบงค์แม่งเหยื่อรายแรกของมึงเลยเชื่อสิ”
“สัสอาร์มึงนะมึง
อย่าพูดสิวะ”
ขณะเดียวกันอีกฝากหนึ่งของพี่ชายคนเดียวของเจ้าแคป
เต้ผิวปากอารมณ์ดีขับรถกลับห้องโดยมีรัฐนั่งอยู่ข้าง ๆ เหมือนทุกวัน
“มึงก็ไปแกล้งน้องนะเต้
อาร์มันหน้าเสียขนาดนั้นน่าสงสารออก ตกใจกันทั้งกลุ่มไหมล่ะนั่นอุตส่าห์มาแอบดูสาวถึงคณะเรา
เคยซะที่ไหน”
“หึหึ
ก็มันน่าขำนี่หว่า
มันไม่เจียมตัวอ่ะมึงคิดดูเตี้ยขนาดนั้นผู้หญิงอย่างแวร์ซายสูงร้อยเจ็ดสิบสามจะไปมองมันได้ยังไงวะ
เวลาคุยต้องก้มหน้าลงไปคุยกับแฟนงี้เหรอ” เต้ละสายตามาแสดงท่าทางนิดๆหน่อยๆรัฐถึงกับหน้างอ
“ลาเต้แม่งทุเรศ
มึงไม่ต้องแสดงท่าทางประกอบไม่มีใครเขาว่าหรอกเว้ย”
“ก็มันจริง”
“จริงก็ช่าง”
“กูไม่อยากให้มันเสียใจไง
ผู้หญิงน่ารักที่เหมาะสมกับมันยังมีอีกเยอะ มองๆไปสิ
มึงก็รู้คุณหนูแวร์ซายเขาเป็นยังไงไม่ใช่สูงแค่ตัว หัวก็สูงด้วย”
“แต่มึงก็สมมติคู่แข่งน่ากลัวไป๊
เล่นเอาไอ้เอสมาพูดเป็นตุเป็นตะ น้องมันก็ใจเสียเลยสิ ใครจะไปสู้ได้วะ
น้องรหัสมึงตัวท็อปแบบนั้น”
“เหยมึงก็อย่าป๊อดดิไอ้รัฐ
ถ้าไอ้อาร์มันรักจริงมันอาจจะสู้ก็ได้ใครจะรู้ หึหึ”
“เป็นมึงๆสู้ไหมล่ะ”
“ไม่ล่ะ
ผู้หญิงแบบนั้นกูขอบาย”
“แต่เธอสวยนะเว้ยไม่สนใจจริงดิ
กูเห็นตอนรับน้องยังมาพี่เต้อย่างนั้นพี่เต้อย่างนี้อยู่เลยกูจำได้เหอะ”
“อย่าพูดเรื่องเก่าๆได้ป่ะวะ”เต้เหลือบมองมาที่เพื่อนรักอีกหน
เห็นรัฐนั่งทำปากปั้นหน้านึกย้อนอดีตแล้วรู้สึกบอกไม่ถูก
“ทำไม
แทงใจมึงเหรอ”
“แน่นอนสิวะ
พอเธอเจอไอ้เอสก็เปลี่ยนเป้าหมายเลยทันที ไม่ให้เรียกว่าแทงใจให้เรียกอะไร”
“แน่เร้อ
ได้ยินรุ่นน้องมันพูดกันว่าพี่เต้ไม่เล่นด้วยทั้งที่เธอตื้อตั้งนาน
คนสวยเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นไอ้เอสแทนไง แต่รายนั้นก็นะไม่สนอีก
จนต้นเทอมได้ยินข่าวว่าไปควงกับหนุ่มทันตะอยู่พักนึง ไปๆมาๆตอนนี้ไหงกลับมาเกาะติดไอ้เอสอีกแล้ววะเนี่ย”
“กรรมของมันนั่นล่ะ
แต่มันยังว่างนี่เดี๋ยวก็จัดการสนองเธอไปเองนั่นแหละ
ผู้หญิงเขาอยากขนาดนั้นกูไม่เคยเห็นมันขัดศรัทธาได้นานหรอก”
“จะแน่เหรอวะ”รัฐคิ้มขมวดเหมือนนึกอะไรสักอย่าง
“ทำไมอ่ะ”
“กูไม่เห็นมันควงใครมาพักใหญ่
ๆ แล้วนา
ปกติไม่เคยว่างแบบนี้เลยนี่หว่ามึงว่าป่ะ”
“..........”
“แปลกไหมมึงว่า”รัฐๆนึกไปตามข้อสงสัยที่เขาตั้งขึ้น
พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์อยู่เหมือนกันแต่เหมือนมันติดๆขัดๆอยู่ที่ตรงไหนสักแห่ง
นึกไม่ออก
“นิดๆ”
“เฮ้อ
แต่ก็ช่างเหอะมันอาจจะมีตัวจริงที่ท่านพ่อท่านแม่มันจัดการหาให้แล้วมั้ง
พวกตระกูลคนจีนร่ำรวยขนาดนี้เป็นถึงลูกชายคนเดียวของท่านเจ้าสัวรัชชา
คุณหญิงแม่มันคงจัดการหาให้แน่อยู่แล้ว
การแต่งงานก็คือธุรกิจอย่างหนึ่งของเขาเหมือนกันนะมึงอย่าลืมข้อนี้”
“มันจะใช่ไหมล่ะมึง
พ่อแม่มันอาจจะใจดีนะเว้ย”
“ขอให้มันจริงอย่างนั้นเถอะ
แต่กูว่าไม่เข้าข่ายสักนิด เออเฮ้ยนั่นรถขายผลไม้” รัฐพูดไปเรื่อย ๆ
พอสายตาเหลือบเห็นรถเข็นขายผลไม้ทางเข้าคอนโดรีบร้องขึ้นมาบอกเต้ว่าให้จอด
“จะกินเหรอ..”
“เอออยากกินอ่ะ
แต่กูขี้เกียจลงแดดร้อนว่ะ เดี๋ยวขึ้นห้องแล้วมึงลงมาซื้อให้ใช่ไหมวะ”
“ห๊ะ?”
เต้หันมาถาม ดูเหมือนหูเขาจะฝาดไหมหรือยังไง
“กูบอกว่ามันร้อนกูขี้เกียจลง
เดี๋ยวขึ้นห้องแล้วมึงค่อยลงมาซื้อให้ก็แล้วกัน มึงดำกว่ากูมึงไม่ร้อนหรอก
เอาเหมือนเดิมที่เคยกินอ่ะ สัปปะรด มะม่วง แตงโม ฝรั่งแล้วก็ชมพู่ด้วยล่ะ อ้อ
น้ำจิ้มเอากระปิเปียกแซ่บๆนะ ”
“นี่มึงท้องป่ะเนี่ย”
เต้หันไปมองแล้วทำหน้ายุ่งเลย
ตัวเองบอกร้อนขี้เกียจลงไปซื้อมีอย่าที่ไหนให้เขาไปซื้อให้
แล้วสั่งอะไรบ้างล่ะนั่น น่าอายชะมัด
“ท้องกับมึงหรือไงไอ้เหี้ย
กูจะท้องได้เรอะ” รัฐด่าเข้าให้ เต้เหวอไปเลย
“อ้าวขับต่อไปสิวะจอดทำไมไม่ได้ยินกูบอกมึงอ่อ?”
“ทั้งปีอ่ะ..”
เต้ทำอะไรไม่ได้ออกรถแล้วขับต่อไปเหมือนเดิม
ได้ยินแต่เสียงรัฐนั่งยิ้มหัวเราะชอบอกชอบใจ
“หึหึ”
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“รับให้หน่อย..อ่ะ”
รถจอดลงที่ช่องจอดพอดี เต้หยิบโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาดูชื่อที่หน้าจอจากนั้นยื่นให้คนข้าง ๆ
“ใครวะ”
รัฐรับโทรศัพท์มาถือไว้ มันมีแต่หมายเลขไม่บันทึกชื่อ เขาเงยหน้าถาม
“สาวสวย
เธอมาติดกูเจอเมื่อวาน”
“ไม่ชอบเธอเหรอ”
“ไม่อ่ะ
เคลียร์ให้ดิ”
“อืม
เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงเงียบเถอะ” หน้าที่เขาอยู่แล้วตั้งแต่รู้จักกัน
ฟีโรโมนของเต้ไม่ธรรมดาดึงดูดผู้หญิงสวยๆมากมายเข้ามาทำให้ปวดหัวได้เสมอ
แต่คนที่ทำหน้าที่จัดการทุกครั้งก็ไม่พ้นไอ้เพื่อนสนิทอย่างเขาทุกทีสิน่า
“ฮัลโหลครับ”
รอยยิ้มเหี้ยมประดับอยู่บนริมฝีปากสวย ไม่รู้ทำไมเต้ถึงรู้สึกว่าดูน่ากลัวแปลกๆ
.........
สุดสัปดาห์นั้นมาถึงไวเหมือนโกหก
“แคปโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย
เร็วเข้าสี่ทุ่มกว่าแล้วจะนอนอุตุไปถึงไหนวะ”
แกร๊ก~
“ห๊ะ!” แคปที่กำลังใช้ฝ่ามือดันปากไอ้คนที่จู่
ๆ ก็โดดลงมาคร่อมตัวเขาจนมิดแล้วก็ตั้งท่าจะจู่โจมลูกเดียวไม่ได้ดูเวล่ำเวลาเหี้ยไรทั้งนั้น
ปอมองภาพสองคนที่นอนคร่อมกันอยู่ด้วยความรู้สึกแบบไหนไม่มีใครอธิบายออกมาได้
“อ่ะ! โทษๆๆๆๆ กูขอโทษลุกเร็วเข้านะ เดี๋ยวไปไม่ทัน
มึงต้องเข้าจัดรายการตอนห้าทุ่มไม่ใช่หรือไง แล้วก็มึงด้วยเอสลุกได้แล้วมัวแต่กกเพื่อนกูอยู่นั่นแหละ
อาบน้ำเร็วเว้ยอย่ามัวแต่ตีกันอยู่สิ”
“อุ๊บ
อ่ะ เฮ้ย!”
หมอนปลิวมาจากเตียงใหญ่ของแคป ด้วยแรงเหวี่ยงฝีมือเอสปามาใส่หัวมันนั่นเอง
“ชิ
ขัดอารมณ์กูชะมัด” เสียงทุ้มพูดขัดใจ เอสลุกขึ้นนั่งเสยผมอย่างหงุดหงิด
ปอยังไม่เดินไปไหนมองภาพสองตัวทำไมมันไม่ใส่อะไรเลยวะช่วงบน
“จะยืนมองกูอีกนานไหมคุณเลขา”
“อะ...เอ่อ...ไปแล้วเว้ย
บอกไอ้แคปลุกนะ ปัง!” ปอทำอะไรไม่ถูกแต่ในที่สุดก็ปิดประตูลงได้
เสียงดังเกินไปจนเอสยังหันมองแล้วถอนหายใจ
“น่ารำคาญ
เพื่อนมึงแม่ง”
“มึงนั่นแหละบ้า
ทำแต่เรื่องลามก สมน้ำหน้ามึงแล้ว” แคปลุกขึ้นเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวจะเข้าไปอาบน้ำ
แขนเพรียวโดนเอสดึงแล้วกระชากลงแรง ๆ ตัวคนทั้งคนนั่งคร่อมลงที่ตักใหญ่
“อย่าบ้าไอ้เอส
กูต้องไปทำงานนะเว้ย”
“จูบก่อน
นิดเดียว” ใบหน้าคมคายเงยอ้อนเบา ๆ บอกอีกคนจูบลงมา
“ไม่เอา
อย่ามายุ่ง” แคปผลักมันออกแล้วลุกเลยสิ
รายนั้นก็แค่นั่งมองนั่นแหละถ้าจะบังคับกันจริง ๆ ก็คงได้แต่ก็ช่างมันเถอะ
มือใหญ่เสยผมอีกสองสามทีแล้วคว้าเอาผ้าเช็ดตัวเดินออกไปอาบน้ำบ้างเหมือนกัน
“ผูกสิ
หน้าที่มึง” พอแคปแต่งตัวเสร็จกำลังทยอยหยิบบรรดากระเป๋าตังค์โทรศัพท์เครื่องเล่นเพลงอะไรโน่นนี่นั่นใส่กระเป๋าสะพาย
เอสก็เดินเข้ามาหาบอกแคปผูกเนคไทให้เขาหน่อย
“มึงจะบ้าเหรอ
ดึกดื่นป่านนี้จะผูกไทด์ทำไมวะ” แคปถามขึ้นงงๆ
เออยืนแต่งตัวด้วยกันก็ไม่ทันสังเกตนะมันใส่ชุดอะไร
“เออน่าผูกให้หน่อย”
“บ้าไปแล้ว
ใส่เสื้อตัวอื่นไปจะใส่เชิ้ตทำไมเล่าไม่ร้อนเรอะ”
“อย่าถามมากกูบอกให้ผูกก็ผูกเหอะ”
“...............”
แคปส่ายหัวแต่ก็ยอมขยับเข้ามาผูกให้ เอสยืนมองหน้านิ่ง ๆ แคปไม่อยากจะสนใจหรอก
แต่ภาพสะท้อนของพวกเขาสองคนในกระจกตอนนี้มันช่าง...
“จูบด้วยสิ
ขอของแถมหน่อย”
“ทำไมถึงมีแต่มึงเท่านั้นล่ะที่มีแต่ได้น่ะ”กูเสียเปรียบทั้งปีใช่ไหม
“นิดเดียว
แถมจูบ”
“แถมจูบหัวมึงสิ”
แคปพันไปสองรอบแล้วไม่รู้บ้าอะไรวันนี้ถึงได้ผูกผิดๆถูกๆเนี่ยโว๊ะไม่สวยเอาใหม่ก่อน
เอสก็เหมือนจะรู้ทันด้วยนะเขายืนเงยหน้านิ่ง
ๆ ปล่อยให้แคปทำไปเลย
“เมียกูทำหน้าโหดทำไมวะเนี่ย”
“อย่าปากมาก”
ในที่สุดก็ผูกเสร็จ
แคปมองไปที่กระจกเห็นเอสมันไม่สำรวจสิ่งที่รัดคอมันอยู่ด้วยซ้ำจ้องหน้าเขาอยู่นั่นแหละ
สายตาอบากได้อะไรบางอย่างสุดขีด
“น่ารำคาญว่ะแม่ง
วุ๊ย!”
มือเล็กกระชากไทด์ที่ตัวเองเพิ่งผูกเสร็จรั้งเข้ามาหาตัวแล้วเบียดริมฝีปากขยี้ไปแรง
ๆ เอสโอบมือเข้ารอบเอวบางไม่รีรอ เขารับจูบจากคนที่เตี้ยกว่านิดๆทันที
ปลายลิ้นสองคนพัวพันดูดดึงจนเกิดเสียงดังลอดออกมา
แคปที่จะผละออกแต่กลับถูกกอดรัดไว้แน่นยิ่งกว่าเก่า
“อื้อออ”
“ยังไม่อิ่ม...”
เอสพูดทั้งที่ยังจูบ สันจมูกซุกลงมาที่ซอกคอขณะที่มือซุกซนเลื่อนขึ้นมาบีบเข้าที่ยอดอกผ่านเสื้อตัวบางแคปร้องจ๊ากขึ้นมาทันที
“ไอ้สัสกูเจ็บ!”
“ดีดดิ้นเหรอหื้ออ..”
“เดี๋ยว
อ่ะ...” ขัดไม่ได้หรอกต้องรอมันซุกจนพอใจนั่นแหละยิ่งต่อต้านมันยิ่งแกล้ง
ฟันกระต่ายขาวๆก้มลงมางับเข้าที่ยอดอกอย่างหมั่นเขี้ยวหนึ่งที
“เพี๊ยะ! พอโว๊ย!!”
แคปหลุดออกมาได้ในที่สุดชี้หน้าด่าไม่มีดี
เอสมันก็แค่พออกพอใจหัวเราะหึหึเดินตามหลังกันออกไป
“ไม่ต้องรอก็ได้ไอ้ปอ
เดี๋ยวกูกว่าจะกลับมา”
แคปสวมรองเท้าแล้วมองปอที่นั่งแท็กเกมส์อะไรสักอย่างอยู่จอใหญ่มาก
มันต่อเข้าทีวีติดผนังเลย
“อืม
รอเหมือนเดิมอ่ะแหละ” ปอพึมพำขึ้นมาแต่ไม่ได้หันมอง
สองคนตรงออกมาจากคอนโดใช้เวลาสักพักก็มาถึงตึกไพร์ม สวนกับรถมอไซด์คันใหญ่ของแบงค์ด้วย
เอสหันมองตามแบบนิ่ง ๆ ขณะที่แคปมัวแต่สนใจสคริปงานที่อยู่ในมือ สายตาคมกริบภายใต้หมวกกันน็อคสีดำแบบเต็มใบเอสไม่สามารถมองเห็นมันได้แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ว่าถ้าสัญชาตญาณล่ะก็ ไม่แน่
“จะรออยู่ที่เดิม?”
แคปถอดแว่นพับเก็บเข้ากระเป๋าพร้อมกับปิดสคริปปึกหนา ๆ ในมือลง รถจอดนิ่งลงแล้ว
เขาสองคนเดินลงมาด้วยกัน
“เดี๋ยววันนี้จะแวะเข้าไปเอาของที่บ้าน
ตีหนึ่งจะเข้ามารับมึงให้ทัน”
“ไม่เป็นไรถ้ามึงจะค้างที่บ้านกูกลับเองได้นะ”
“ถ้ากูจะให้มึงกลับเองกูคงให้ไอ้ปอออกมารับมึงแทนกูแล้ว
แต่ที่ไม่ทำเพราะอะไร”
“................”
ไอ้เผด็จการเอ๊ย แคปกลอกตาอย่างเซ็งเลย เออมันพูดถูกแต่วิธีการพูดมีดีกว่านี้ป่ะวะ
พูดหวานๆโอ๋กูมั่งก็ได้นี่
“ตีหนึ่งมึงลงมาเห็นกูรออยู่แน่นอน
อย่าทำอะไรนอกลู่นอกทางก็แล้วกันนะเมีย”
“ไอ้สัสนรก”
แคปด่าเบามากจริง ๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเอสมันจะหันขวับมาเลย
สองคนกว่าจะแยกกันได้เล่นเอาไม่รู้ใครล่ะที่เหนื่อย
ช่วงเวลาดำเนินรายการเริ่มต้นขึ้นและมันก็ถูกดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ
ขณะที่แบงค์กับแคปสองดีเจเข้าขากันได้ดีมากจนเกิดเป็นคู่จิ้นคู่ใหม่ขึ้นจนได้
ธีมของรายการวันนี้ก็ยังออกแนวอกหักรักสลายอยู่อย่างเดิม
“มีบางคนบอกไว้ว่า...ความรักคือการเดินทางของหัวใจ
การใช้หัวใจนำทางเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่มีรักจริงรออยู่.......สุดแล้วแต่โชคชะตาครับ....ฟังเพลงส่งท้ายกัน
คืนนี้ต้องลากันไปก่อน ผมดีเจแคป..”
“และผมดีแบงค์
เจอกันอีกทีศุกร์หน้าห้าทุ่มนิดๆ เราสองคนลากันไปแล้วน๊า บ๊ายบายยยยยยยย/บายคร้าบบบบบบบ”
“...เมื่อรักไม่ใช่ทุกอย่าง เสมอ
รักมันไม่ใช่เธอ ฉัน หรือว่าใคร
รักไม่ใช่ความสุข ในบางครั้ง
รักไม่ใช่ความหวัง ในวันที่ฉันเเละเธอต้องจากไป
รักไม่ใช่ทุกอย่าง......”
Tbc.
ช้ามากกกกกกก มินขอโทษนะคะ เมนท์ลำบากมากมินทราบค่ะ ไม่เป็นไรเลยเขียนไว้ให้อ่านกันเล่น ๆ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเม้นท์เลยค่ะยังไงก็ได้มินง่ายๆอยู่แล้วเด้ออออ