Sunday, August 31, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) #31 ยินดีที่ได้รักเธอ





# 31 ยินดีที่ได้รักเธอ


สองวันหลังจากทำการติดตั้งและวางระบบที่อัศวออโต้เรียบร้อย ผมถูกเรียกขึ้นไปช่วยดูแลการใช้งานในแต่ละแผนกบ่อยมาก เดี๋ยวฝ่ายขายเรียกมา เดี๋ยวเป็นฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายบุคคล ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เอาเป็นว่างานของผมที่จุดซ่อมบีเอ็มฯแทบจะไม่เดิน พี่ปอนด์ต้องให้หมาบาสกับไอ้วุฒิเข้ามาช่วยส่งเครื่องมือให้แทน

“ปิง โทรศัพท์”

ผมที่เพิ่งเดินลงมาจากฝ่ายบริการลูกค้ายังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ พี่เขาเรียกให้ไปรับโทรศัพท์อีกแล้ว คราวนี้จะเป็นแผนกไหนเรียกมาอีก

“ครับ พิชยครับ” ผมกรอกเสียงลงไป

“หมาปิง บอกกี่ทีแล้วว่าให้พกโทรศัพท์” ผมรู้เลยว่าเสียงใคร

“ผมทำตามกฎของที่นี่นะครับ เวลางานจะพกโทรศัพท์ได้ยังไง”

“กูอนุญาตมึงคนเดียวหรอก”

“พี่เอย์มีธุระอะไรครับ” ผมมองซ้ายมองขวาดูดีแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ค่อยเรียกชื่อมันออกไป

“สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว”

“แล้วยังไงครับ”

ปิง อย่ากวนกูให้มากนักนะ บ่ายนี้กูต้องเข้าอัศวคอนฯ รีบขึ้นมากินข้าวด้วยกัน คุณภีมเขาจัดไว้สองที”

“พี่เอย์ผมไม่อยากขึ้นไปนี่ ผมอยากกินกับเพื่อนฝูงผมบ้างเหอะ อะไรของพี่วะเมื่อวานผมก็ไปกินด้วยแล้วไงวันก่อนนั่นก็อีก วันนี้ไม่ขึ้นไปไม่ได้เหรอครับ”

“..............” มันเงียบวุ๊ย เงียบนานเลยดิ่ ผมเริ่มทำอะไรไม่ถูก พูดแรงไปแน่ ๆ แล้ว

“พี่เอย์ครับผม...” ผมมองซ้ายมองขวาอีกครั้ง ยังไม่มีใครเดินมาแถวนี้เลยทำเสียงอ้อนๆมันหน่อย

“แต่เครื่องกูเสียนี่”

“หืออ??”

“โปรแกรมมันเป็นอะไรไม่รู้ใช้ยาก กูไม่เข้าใจเลย มึงขึ้นมาดูให้กูที เวลาดึงข้อมูลของฝ่ายขายมาดูแล้วกูรู้สึกว่ามันงงๆนะ ใช้ยากไปนิดไหม”

คุณเชื่อไหม...ข้ออ้างเดียวกันเปี๊ยบ ดึงข้อมูลดูแล้วงงแบบนี้มาสามวันแล้ว พอผมขึ้นไปหาก็ลีลาท่ามากบอกกินข้าวก่อนพอยอมกินด้วยเสร็จบอกเครื่องหายรวนแล้วกอดหน่อยถึงจะยอมปล่อยลงมาสรุปยืนให้มันกอดสามวิ  คือพี่แกมารยาไปงั้นแหละผมก็รู้หรอกนะ

“ครับๆเดี๋ยวผมขึ้นไป”

ทำไงได้ แพ้ลูกอ้อนมารยามันตลอด อะไรวะเขาว่ากันว่ามารยาหญิงเป็นพันเล่มเกวียนผมว่าพี่เอย์ของผมยิ่งกว่าพันอีก มันน่ะงัดออกมาได้ตลอดไอ้มารยาหมื่นเล่มเกวียนของมันเนี่ยชนะผู้หญิงค่อนประเทศอ่ะ

ผมกดลิฟต์เรียกชั้นบนสุด ลิฟต์แก้วตัวเดิมมองลงไปที่ด้านล่างเห็นโชว์รูมใหญ่โตสวยงามมาก เออวันนี้มีรถใหม่เข้ามานี่หว่า โหหหหสวยฉิบหายเปิดประตูแบบเฉียงๆโชวืไว้ด้วย แลมโบกินีท่าทางคันนึงหลายสิบล้านอยู่ ผมก็มองสำรวจอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอถึงชั้นที่ต้องการ ผมเดินตรงลิ่วมาที่ห้องท่านประธานทันที

“สวัสดีครับคุณภีม” ผมทัก

“พิชย คุณเอย์รออยู่เลยครับ”

“วันนี้มีงานที่อัศวคอนต่อเหรอครับ” คุณภีมเป็นคนอัธยาศัยดีนะผมว่า ผมชอบชวนเขาคุยโน่นนี่เจอที่แคนทีนบ่อยเลย

“ใช่ครับ เดี๋ยวประมาณบ่ายโมงครึ่งคุณเอย์ต้องออกไปแล้ว คงกลัวว่าจะทานข้าวกับพิชยไม่ทันล่ะมั้งนะ” พี่เขาพูดยิ้ม ๆ เออเอาเข้าไปให้รู้เรื่องกันไปทั้งบริษัทเลยก็ดี อะไรวะอิพี่เอย์นั่นแหละมันน่ะชอบทำอะไรเปิดเผยตลอด

“คุณภีมเรียกผมว่าปิงก็ได้ครับ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยแก้ขัดเขินเปลี่ยนเรื่องราวไปกอน  ว่าแล้วถกแขนเสื้อพับขึ้นอีหน่อย  ผมยังอยู่ในชุดหมีช่างฟิตนะ ไม่ได้เปลี่ยนหรอกใส่ยาวทั้งวันโน่นแหละ

“เชิญครับปิง” คุณภีมเคาะประตูสองทีแล้วเปิดให้เหมือนทุกครั้ง ท่านประธานนั่งหน้างออยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ในมือควงปากกาเล่น

“โปรแกรมเนี๊ยะใช้ยาก” มันว่าแล้วบุ้ยใบ้ไปที่จอภาพใหญ่ข้างตัว ผมเดินเข้าไปดู

“เย้ยยยยยยยย พี่เอย์ครับ” โดนมันรวบเอาเอวรั้งลงนั่งตักเลยดิ่ ผมดิ้นๆๆ

“ชู่ว์ ไม่ดิ้นๆ กูแค่กอดไม่ทำไรหรอก” ไม่ทำของมันแต่ปลายจมูกโด่ง ๆ นี่คือซนมากนะบอกเลย ผมหลบซ้ายหลบขวา เอาแขนกันไว้มันคว้าจับไว้ตลอดอ่ะ

“ไหนว่ารีบไงครับ กินข้าวกัน” ผมจะลุก

“กูสั่งกระเพรากุ้งมาให้มึง ชอบไหม” มันดึงแขนผมไว้แต่ก็ลุกตามกันมา อาหารถูกจัดไว้ที่โต๊ะเล็กๆหน้าโซฟาตัวใหญ่ ผมนั่งลง พี่เอย์เปิดอาหารออกให้ดู

“วันนี้มีน้ำซุปด้วย” โอยยเห็นแล้วน้ำลายจะหกคืออาหารทำไมน่ากินทุกวันเลยวะเมื่อวานก็สวยงามแบบนี้แหละที่สำคัญคืออร่อยด้วยนะ ไม่รู้คุณภีมสั่งเจ้าไหนขึ้นมา ที่แคนทีนทำไมถึงจัดอาหารสวยแบบนี้วะพวกผมไปกินที่นั่นไม่เห็นเคยได้แบบนี้เลย

“หมาปิง! เสียงพี่เอย์ตะคอกขึ้น ผมตกใจกำลังจะตักข้าวเข้าปาก

“อะไรของมึงเนี่ย! วางช้อนแทบไม่ทันมันดึงเอาแขนซ้ายผมไปถกๆแขนเสื้อขึ้นสูง อิพี่เอย์ตาโตเลยดิ่พอเห็นว่าสิ่งที่เขียนอยู่ที่ใต้ท้องแขนผมคือเบอร์โทรศัพท์แถวล่างเป็นไลน์

“เหี้ยเหอะ เบอร์ใคร” หน้าตามันคือโกรธมากเลย ดึงจานข้าวผมออกอีก ผมเลยดึงกลับมาคืน

“เบอร์สาว” ยังมีหน้าไปกวนมัน ผมกัดปากแอบหัวเราะนิดๆหน้ามันแดงขึ้นอ่ะ ตาเขียวปั๊ดเลย โถโกรธผมอ่ะดิ่

“ล้อเล่นคร้าบ พี่เอย์ผมล้อเล่น” ผมสอดมือเข้าที่เอวมันแล้วโยกตัวมันนิดๆ มันปัดมือผมออกโคตรแรง “บอกก่อนเบอร์ใคร”

“ไม่รู้ ไม่รู้จัก”

“ไม่รู้จักแล้วมึงไปยื่นแขนให้เขาเขียนอะไรมาแบบนี้ได้ไง”

“ก็เมื่อกี้ไปดูเครื่องที่ฝ่ายบริการลูกค้ามา สาว ๆ เขาเขียนให้ พี่ผู้หญิงอ่ะสวย ๆหุ่นดี ๆ หัวทอง ”

“แล้วมึงก็ยื่นแขนให้เขาเขียนงี้เหรอ”

“เปล่า เขาดึงแขนผมไปเขียนอ่ะ โกรธไรเนี่ย ผมลืมลบออกเพิ่งลงไปที่จุดซ่อมพี่ก็โทรมาเรียกผมลืมลบจริงพี่”

“ปิงไม่ใช่ว่ามึงลืมลบหรืออะไร แต่มึงไปให้เขาเขียนทำไมวะ”

“เขาดึงไปเขียนเองพี่ ผมก็ไม่รู้จะทำไงอ่ะ”

“.......” มันนั่งเงียบเลย ผมกำลังจะลงมือกินต่อพี่เอย์กวนมากมันดึงเอาจานผมออกแล้วทำหน้าหงิกจิกสายตาใส่ โอ๊ยยยน๊อออ ผมก็แกล้งไม่สน ตักกุ้งในจานใส่ไปให้มัน

“มึงแม่ง เจ้าชู้ตลอดอ่ะ”

“ที่ไหน เจ้าชู้ที่ไหนอะไรอีกเนี๊ยะ” ผมวางช้อนเลยเหอะ พี่เอย์คือหน้างอมาก อะไรของมันวะเรื่องเล็กๆแค่นี้ทำเป็นสาวน้อยไปได้

“พี่เอย์ครับ ไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ได้ชอบเขาหรอก มีผู้หญิงแจกเบอร์ผมค่อนบริษัทถ้าผมจะชอบนะผมชอบไปนานแล้วพี่ เรื่องแค่นี้เอามาใส่ใจทำไม พี่เอย์เองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับมีผู้หญิงเข้าหาพี่เยอะออก ถ้าผมไม่เชื่อใจพี่นะเราคงทะเลาะกันทุกวันอ่ะ”

มันนิ่งไปนิดนึง สอดมือเข้ามาที่เอวผมแล้วซุกหน้าลงที่ไหล่อ้อน “ก็กูไม่ชอบนี่”

“ผมไม่ทำหรอกผมมีพี่อยู่แล้ว”

มันยิ้มเลยดิ่ เจอคำหวานของผมไปพี่เอย์มือหนักมานะเวลามันอายฟาดผมมาทีแขนนี่เขียวอ่ะ  “โอ๊ยย ผมเจ็บ”

“ก็กูเขินอ่ะ มึงพูดอะไร”

“เอองั้นไม่พูด”

“จิ๊! มึงลองไม่พูดดูดิ่ กูจะตีให้หนักกว่านี้เลย” ผมแลบลิ้นใส่มัน อิพี่เอย์ทำท่าจะมาดึงผมรีบหลบ เราทานข้าวกันไม่นานนะแต่นั่งอ้อนกันนี่คือนานมากกว่า

“เดี๋ยวบ่าย ๆ กูจะเข้าอัศวคอนแล้วจะกลับมาเย็น ๆ มึงรอได้ไหม ” มันเดินตามผมมาที่ประตู  ผมกำลังจะกลับแล้ว

“ผมเอามอไซด์มาพี่”

“เอาจอดทิ้งไว้นี่แหละ เดี๋ยวกลับพร้อมกันอยากไปกินข้าวบ้านมึงด้วยคิดถึงแม่มึงกับพี่ขม”

“กินส้มตำเหรอ” ผมลอยหน้าถามเจอมันฟาดหน้าผากมาที ผมงี้ร้องโอยเลยเหอะ

“มึงตำให้กินดิ่ แบบนั้นกูจะลองกินดู”

“จริงไหมพี่ พูดจริงหรือพูดเล่น”

“หมาปิงกูพูดเล่น กินเป็นที่ไหนเล่า”

หึหึหึหึ เราสองคนหัวเราพร้อมกัน พี่เอย์แอบจูบแก้มผมหนึ่งทีก่อนปล่อยออกมาจากห้อง บ่ายวันนั้นผมวุ่นอยู่กับงานที่จุดซ่อม พี่เชนโทรมาหาถึงที่หน่วยถามเย็นนี้จะเข้ามากี่โมงพี่เขาจะแวะกลับบ้านไปเอาของก่อนผมเลยบอกค่ำๆเพราะจะไปกินข้าวกับแม่ชวนพี่เชนไปด้วยกันพี่เขาบอกไม่ว่างนัดกับที่บ้านไว้ก่อนแล้ว

.

.


“เอย์ทานเยอะๆนะลูกพี่ขมเขาอุตส่าห์เข้าตลาดอีกรอบพอรู้ว่าเอย์จะมาทานข้าวด้วย เจ้าปิงแย่จริง ๆ เลยโทรมาบอกกันก่อนหน้าไม่ถึงชั่วโมง แม่งี้เตรียมตัวไม่ทันอะไรสักอย่าง”

“แม่ครับ พี่เอย์บอกว่าอยากกินส้มตำมะละกอฝีมือแม่แนะ” ผมแกล้งมันเหล่ตามอง

“อ้าวเหรอจ๊ะ  เดี๋ยวๆเดี๋ยวแม่ไปดูให้ เอย์จะเอากี่ครกลูกแม่ตำให้ได้ทุกรูปแบบเลย”   พี่เอย์เริ่มหน้าซีดท่าทางเหงื่อจะตก มันเตะขาผมแรงมาใต้โต๊ะ แม่กำลังจะลุกขึ้นผมเลยดึงแขนแม่ไว้จริง ๆ ตอนนี้ร้านปิดแล้วถ้าพี่เอย์จะกินจริง ๆ แม่ต้องไปรื้อของออกมาทำอีก

“ปิงล้อเล่นครับแม่ พี่เอย์กินไม่เป็นหรอก คุณชายกินเป็นแต่ข้าวผัดกุ้ง อาหารฝรั่ง อาหารจีนขึ้นเหลา ตระกูลเป็ดปักกิ่งกุ้งมังกรปลาหิมะไรเงี๊ยะ โอ๊ยยยย

“ปากดี” มันผลักผมแรงมากไม่เกรงใจแม่ผมเล๊ย ให้ตาย ผมเบะปากใส่คือผมแกล้งมันแม่เองก็แทนที่จะเข้าข้างผม หยิกพุงผมซะงั้น ผมร้องลั่นแม่กับพี่เอย์หัวเราะกันสองคนพี่ขมเดินออกมาพอดี พี่เอย์ยื่นอะไรบางอย่างส่งให้ ผมก็มอง

“สวยครับเอย์” พี่ขมยิ้มดีใจผมรีบชะเง้อคอไปดู พอเห็นว่าเป็นอะไรแค่นั้นแหละใจผมเต้นเร่า ๆ ความอิจฉาพวยพุ่งเลย เฮ้ยๆๆๆๆอะไรวะพวงกุญแจรถแลมโบกินี่ของแท้ออริจินัล ผมรีบคว้าหมับเอามาดู

“หูยยยพี่ขมปิงขอเหอะ ปิงอยากได้” คุณก็รู้ลูกผู้ชายแลมโบกินีรถในฝันของใครหลายคน ผมมองดูทุกครั้งที่ขึ้นลิฟต์ไปหามันที่ห้องประธานที่โชว์รูมจะมีรถยี่ห้อนี้โชว์ไว้สามสี่คัน เปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ออร์เดอร์ที่สั่ง

“หมาปิงอันนี้ให้พี่ขมไป” พี่เอย์แย่งไปคืนส่งให้พี่ขม “ของมึงถ้าอยากได้เข้าไปเลือกเอาเลย บอกฝ่ายขายเขาหยิบให้”

“บ้าเหอะพี่ ใครจะไปทำอย่างนั้น” ผมอยากได้ก็จริงแต่ไม่ได้เป็นละโมบไม่รู้เรื่องราวขนาดนั้น

“งั้นเดี๋ยวกูเอามาให้ ของพอร์เช่สวยกว่านี้”

“เฮ้ยไม่เอาหรอกผมพูดเล่น”

“เอาเถอะๆจะพูดเล่นพูดจริงก็กินข้าวกันก่อนนะ อาหารกำลังร้อนๆเลย เอย์กินเยอะๆนะลูก เจ้าปิงกินๆเข้าไป”

“แม่อ่ะ” ผมแกล้งเบ้หน้า แม่ยิ้มพี่เอย์กอดเอวพี่ขมไว้ พี่ขมยิ้มใหญ่เลย เราสี่คนก็นั่งทานข้าวด้วยกัน พอทานเสร็จแม่บอกผมพาพี่เขาเดินเล่นรอบๆบ้าน มีสวนดอกไม้เล็กๆที่พี่ขมปลูกเอาไว้

“บ้านมึงน่ารัก” พี่เอย์มองเข้าไปด้านใน บ้านสไตล์รีสอร์ทชั้นเดียวเล็กๆ ล้อมรอบด้วยต้นลีลาวดีและต้นตะโกตัดแต่งกิ่งช่อสวย

“บ้านเล็กๆน่ะครับ เน้นความชอบของแม่กับพี่ขมไม่ต้องใหญ่โตหรูหราอะไร”

“น่าเสียใจจริง ๆ นะช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของมึงกูกลับไม่อยู่ด้วย” พี่เอย์ยื่นมือไปเด็ดลีลาวดีดอกใหญ่ที่โน้มกิ่งลงมาใกล้ ๆ มาหนึ่งดอก

“ตอนนี้มึงมีครบทุกอย่างแล้ว อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม มีอะไรที่กูคนนี้จะทำเพื่อมึงได้บ้าง” ผมส่ายหน้าอมยิ้ม พี่เอย์ก้มมองดอกไม้ในมือ หน้าผากพี่เขาสวยมากผมยกมือขึ้นไปเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาระใบหน้าของมัน ลมหนาวพัดผ่านเข้ามา  ผมรู้ว่ามันคิดมากเลยเอื้อมมือไปบีบมือมันไว้

“ผมไม่ต้องการอะไรเลยพี่ แค่พี่เอย์เข้าใจผมอยู่ข้าง ๆ ตลอด แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ”

“ปิง เรื่องครอบครัวของกู....”

“พี่เอย์ครับผมไม่สนใจเรื่องนั้น ผมรู้พี่ทำดีที่สุดแล้ว ที่จริงแล้วแม่ผมเองก็ยังไม่รู้เรื่องของเราสองคนด้วยซ้ำไป ผมว่าพี่ใจกล้ามากที่ยอมรับกับคุณแม่พี่ไปแบบนั้น มันช่วยไม่ได้นี่ครับถ้าท่านจะไม่ยอมรับผม”

“กูคิดตัดสินใจแน่นอนแล้ว ถ้าหากสุดท้ายที่จะต้องเลือกระหว่างมึงกับครอบครัว มึงรู้ใช่ไหมกูจะเลือกใคร”

“พี่เอย์อย่าพูดแบบนั้นครับ ให้ผมได้พยายามก่อน ถ้าในที่สุดแล้วเราสองคนสู้ไม่ไหวจริง ๆ ถึงตอนนั้นค่อยคิดกันอีกที”

“คุณแม่กูเองก็อ่อนลงเยอะแล้วนะ ท่านบอกไม่สนับสนุนก็จริงแต่ก็ห้ามกูไม่ได้แล้ว มึงน่ะเป็นเด็กดีเดี๋ยวเข้าไปเจอท่านที่อัศวคอนฯ ท่านได้รู้จักมึงกูว่าต้องใจอ่อนแน่ ๆ เราเข้าทางคุณพ่อก็ได้ พ่อกูใจดีกว่าแม่เยอะ เราสองคนจะสู้ไปด้วยกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่กูกับมึงต้องแยกจากกันอีกแล้ว”

ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้ พี่เอย์ยื่นดอกไม้ในมือส่งมาให้ผม ผมรับแล้วยื่นไปส่งให้มันดม เรามองหน้ากันแล้วยิ้ม

“พี่เอย์รอเดี๋ยวนะครับเดี๋ยวผมออกมา” ผมนึกบางอย่างขึ้นได้วิ่งเข้าไปในบ้าน หยิบของบางอย่างออกมาเห็นพี่เอย์กำลังสนอกสนใจดอกกล้วยไม้ที่ติดอยู่กับต้นตะโก ข้าง ๆ กันเป็นช่อเลื้อยของต้นเสาวรส พี่เขาจับๆคลำๆใหญ่

“ลูกเสารสครับ พี่เอย์ไม่เคยเห็นใช่ไหม”

“เคยเห็นที่ซุปเปอร์น่ะ ไม่เคยเห็นตัวจริงแบบนี้”

“ที่นี่เป็นบ้านสวนเก่าของคุณย่าพี่พิมน่ะครับ ต้นไม้เก่าแก่ผมไม่เอาออก ไม้เลี้อยเลยเยอะ”

“สวยนะ”

“พี่เอย์ นี่ครับ” ผมยื่นของบางอย่างให้มันพี่เอย์หันมามอง

“ผมเก็บมันไว้อย่างดี” พี่เอย์ก้มลงมอง มันคือสมุดบัญชีเล่มที่มันวางไว้ให้ผมในวันสุดท้ายก่อนที่เราสองคนจะห่างกัน ข้อความบนโพสอิท เขียนแค่ชื่อผมคำเดียว ปิง 

พี่เอย์ยืนนิ่งเลยมันไม่ยกมือขึ้นมารับไว้ด้วยซ้ำผมเลยยื่นของอีกอย่างส่งให้อีก พวงกุญแจรูปปลาโลมาสีฟ้าหางยืด

“ผมรอวันที่พี่กลับมา อย่างน้อยของสองอย่างนี้มันจะเป็นข้ออ้างให้ผมสามารถเจอพี่ได้อีกครั้ง” ผมจับมือมันขึ้นมารับของไว้ พี่เอย์จ้องหน้าผม

“ขอบคุณที่พี่ยังเป็นพี่เอย์คนเดิมของผมอยู่ ขอบคุณที่พี่รักษาสัญญาของเรา”

“...ปิง....”

“ผมคืนให้”

“กูไม่เอา”

“พี่เอย์?”

“เก็บมันไว้ได้ไหม เก็บมันไว้กับมึง”

“ไม่ได้หรอกครับเงินตั้งเยอะผมไม่.....

“ปิง” มันยัดของคืนมาใส่มือผม “ถือว่ากูฝากไว้กับมึงได้หรือเปล่า” ผมส่ายหัว ยัดคืนมันพี่เอย์เองก็ไม่รับเหมือนกัน

“มึงอยากเปิดร้านอะไรเล็กๆไหม ใช้เงินทุนอันนี้เปิดมันขึ้นมาด้วยกัน เป็นของมึงกับกู ร้านเล็กๆของเรา”

“พี่เอย์?”

“เอาแบบที่มึงชอบเลย ร้านอะไรก็ได้ที่ทำแล้วมึงมีความสุข ต่อไปถ้าหากวันนึงกูไม่เหลืออะไรเลย มึงจะได้เลี้ยงกูได้ดีไหมหมาปิง” พี่เอย์พูดแล้วอมยิ้ม “ฝากไว้นะ ไม่คืนกูหรอก”

“พี่เอย์ครับ แต่ว่า....”

“อยากดึงมึงเข้ามากอดว่ะ แต่เกรงใจแม่”

ผมเองที่เป็นฝ่ายสอดมือเข้าไปที่เอวมัน พี่เอย์ยิ้มเลยดิ่ “ผมไม่เลี้ยงพี่เหอะ” ผมกระซิบ พี่เอย์สวนจูบที่แก้มผมทันที ผมฟาดมันใหญ่แรง ๆ เลยหันซ้ายหันขวากลัวมีคนเห็น พี่เอย์เลยบอกดูแล้วเรียบร้อยไม่งั้นไม่ทำหรอก

“ออกรถใหม่สักคันไหม มึงขับมอไซด์คันเก่าหลายปีแล้วกันแดดกันฝนก็ไม่ได้ ซิกแซกไปทั่วกูห่วงนะ”

“ไม่เอาหรอกครับ เปลืองเงินรถผมใช้ได้อยู่นี่”

“ถ้ากูพูดว่าจะออกให้นี่มึงจะชกกูป่ะวะ” ผมตาเขียวเลยดิ่ พี่เอย์รีบเดินประชิดเลย “ล้อเล่นๆอย่าโกรธนะไม่ออกให้หรอกจะออกให้มึงทำไม เปลือง” ดู๊ดูมันพูด

“เอาแบบนี้ไหมผ่อนเดือนละสิบบาท ผ่อนกับกู เอาบีเอ็มไปเลย”

“เอ้ย พี่พูดจริงป่ะเนี่ย”

“จริงดิ่วะ”

“แบบนั้นต้องผ่อนกี่ปีกี่ชาติถึงจะผ่อนหมด”

“ก็นั่นแหละถึงให้ผ่อนเดือนล่ะสิบบาท ไม่ต้องผ่อนหมดทั้งชาตินี้และชาติหน้าเลย มึงจะได้อยู่กับกูตลอดไปไง”

“ทุเรศว่ะพี่ คิดนานไหมถาม” ผมไล่ตีมัน พี่เอย์ยิ้มร่า  คืนนั้นผมนอนค้างที่บ้าน  พี่เขางอแงขอนอนด้วยตอนแรกผมไม่ยอมหรอกแต่มันเลื้อยไปมานอนดูทีวีอยู่กับพี่ขม พอดึกแม่เลยไล่ไปอาบน้ำคุณชายยิ้มแป้นเดินออกไปเอาเสื้อผ้าในรถเข้ามาเปลี่ยน

“ปิงเลื่อนรถเข้ามาเก็บให้หน่อยเดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน” มันว่าแล้วโยนกุญแจรถส่งให้ 

“ไรอ่ะพี่จะนอนนี่จริงเหรอ แม่ครับ” คุณชายเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว

“ให้พี่เขาค้างเถอะลูกดึกแล้ว ปิงจะใจร้ายไล่พี่เขากลับเหรอ”

“แต่ห้องปิงแคบ นอนไม่ได้หรอก”

“แคบที่ไหน พี่ขมเข้าไปปูที่นอนเพิ่มให้แล้ว ให้พี่เอย์เขานอนฟูกใหญ่นะ ปิงลงมานอนที่ฟูกเล็ก”

“แม่อ่ะ” ผมกอดเอวแม่แล้วอ้อน ความจริงไม่ได้ไม่อยากให้นอนหรืออะไรแต่กลัวมันจะทำอะไรบ้าๆกับผมในบ้านมากกว่า

“หมาปิงขึ้นมานอนกับกูดิ่” ผมว่าแล้วพอปิดไฟปุ๊ปออกฤทธิ์เลย  ผมเลยรีบหลับตาทำท่าเป็นหลับ พี่เอย์นอนฟูกใหญ่นะติดผนังผมนอนฟูกเล็กเสริม

ผมแกล้งทำเป็นหลับ

“ปิงครับ” เสียงพี่เอย์ดังขึ้นอีกผมหรี่ตาแอบมองมัน เห็นมันยันตัวขึ้นด้วยแขนข้างเดียวจ้องผมใหญ่เลย

“เอองั้นกูนอนตรงนี้ด้วยก็ได้” มันขยับตัวเลื่อนลงมา

“อื้ออ ไม่เอาพี่ไปนอนตรงโน้นดิ่” ผมหันหลังให้มันรวบเอาผมเนี่ยเข้าอกมันเลย ให้ตายเหอะผมสาบาน ลูกชายมันพร้อมรบมากถูอยู่แถวขาอ่อนผมอ่ะ

“อย่าเสียงดังดิ่วะ เดี๋ยวห้องแม่ก็ได้ยินหรอกอยู่ข้าง ๆกันอีก”

“พี่ก็รู้ยังจะทำ นอนได้แล้วครับ”

“จูบก่อนดิ่”

“ไม่เอา”

“ต้องจูบนะ” มันว่าแล้วหอมลงที่ต้นคอ ผมสยิว

“พี่เอย์ครับ อื้มม....” พี่เอย์ดึงไหล่ผมให้หันไปหามันโน้มใบหน้าลงมาเอียงหัวแล้วสอดลิ้นร้อนของมันแทรกเข้ามาเลย ผมรับจูบตามสัญชาตญาณรู้สึกดีกับจูบนี้มากเลยนะไม่รู้ทำไมทั้ง ๆ ที่ไม่อยากให้มันทำที่นี่เลย

“รู้สึกดีว่ะ” มันถอนจูบออกมาแล้วจ้องหน้าผม

“อยากทำเรื่องลามกมากกว่านี้อ่ะ ได้ไหม” ผมส่ายหน้า

“ให้จูบได้อย่างเดียว”

“จูบตรงไหนก็ได้เหรอ” มันถามเสียงเบา ผมส่ายหน้าอีก

“หมา  มึงอนุญาตตรงไหนบ้าง”

“ไม่อนุญาต นอนได้แล้วครับ” ผมขยับหนี มันดึงเอาผมไปกอดไว้แน่นยิ่งกว่าเก่า ผมดิ้น ๆ ร้องบอกให้ปล่อย คราวนี้พี่เอย์ใช้ริมฝีปากของมันทาบลงมาปิดเสียงจากปากของผม

ร่างกายสูงใหญ่คร่อมทับลงมาแล้ว

“อื้ออ...”

สองมือของพี่เขากดข้อมือผมตรึงไว้กับฟูก ผมยิ่งดิ้นมันซุกหน้าระดมจูบลงที่ซอกคอเลย บ้าฉิบหายรู้สึกดีแบบโคตรๆจะร้องก็ร้องไม่ได้หน้าต่างก็เปิดเกิดเสียงลอดออกไปแย่แน่ เสียงดูดเนื้อลงไปตามจุดกระสันต่าง ๆ ดังอย่างลามกในความมืด ผมครางเครือเบา ๆ ม่านหน้าต่างพลิ้วไสวแสงจากดวงจันทร์พาดผ่านเข้ามา สองมือจิกหัวมันไว้เสื้อผ้าตัวเองหลุดลุ่ยลงตอนไหนไม่รู้เรื่องเลย  พี่เอย์เก่งนะยอดคนเลยเรื่องเล้าโลมเนี่ย ผมรู้ตัวอีกทีคือมันยืดตัวขึ้นแล้วถอดเสื้อมันออกทางศีรษะแล้ว

“เสียวไหม” มันโน้มตัวลงมากระซิบ มือสะกิดที่จุกนมผมเล่นบีบบี้ไปมาเบาๆ

“ฮ..อื้มม พี่...”

“ชู่ว์อย่าเสียงดังอดทนไว้” ผมกัดฟันกรอด พี่เอย์จูบไล่ลงไปทุกส่วนสัด ร่างกายส่วนบนเราสองคนเปลือยเปล่า มันกำลังซุกซนอยู่แถว ๆ หน้าท้อง เรียวนิ้วแข็งแกร่งเกี่ยวขอบกางเกงผมลง  ผมสะดุ้งเฮือก

“ไม่ทำหรอก ไม่ทำถึงขั้นนั้น” มันตะล่อมว่า แล้วรั้งขอบกางเกงผมลงอีก ลูกชายผมดีดออกมาเต็มหน้ามัน คือผมเองก็พร้อมนะ เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ผมก้มลงไปมองหน้าร้อนฉ่ากับภาพลามกที่มันกำลังทำอยู่

อิพี่เอย์แม่งหน้าด้านมันจับลูกชายผมเต็มไม้เต็มมือค่อย ๆ ลากลิ้นเลียจากโคนสู่ปลายยอด กัดปากยั่วมองผมแบบหูยย ถ้าเป็นผู้หญิงนะมึงกูจะอุ้มขึ้นมาฟัดแบบผมไม่ไหวแล้วเหี้ยเอ้ยให้ตาย!  แต่สถานการณ์คือพี่เอย์มันเป็นผู้ชายแล้วผมอยู่ในฝ่ายเสียเปรียบถ้าผมทนไม่ไหวคือผมโดนเสียบแน่ผมเลยกลั้นไว้แบบสุดๆ แหงนหน้าระบายอารมณ์ออกทางปากส่งเสียงครางเครือเบา ๆ รู้สึกเร่าร้อนและเสียวซ่านที่ลูกชายผมมาก รู้เลยพี่เอย์จัดการครอบครองมันหมดแล้วผมแยกขาออกยกขึ้นแอ่นสะโพกรับแล้วจิกหัวมันก่อนกระแทกสะโพกสวนขึ้นลง

“อ่าา...พี่ผมเสียว อื้ออ....” มันรัวลิ้นแกล้ง ผมสั่นเป็นเจ้าเข้า เสียวสุดไรสุด  เร่งจิกหัวมันร้องครางไม่สนใจเห้แล้วพี่เอย์รีบเลื่อนตัวขึ้นมาประกบปากกับผม

“อย่าเสียงดัง” มันว่าทั้งที่ยังจูบ ผมส่ายหน้า มันจูบนานมากอ้อยอิ่งสุดๆหวานซึ้งเร่าร้อนไปจนไล่งับปากกัน เสียงมันหัวเราะในลำคอชอบใจจับตัวผมนอนคว่ำแล้วรั้งสะโพกผมขึ้น

“อื้ออ ไม่เอา” ผมไม่ยอมหันไปบอกมันพี่เอย์ทาบทับลงมา ท่านี้ผมอายนะ

“ไม่ทำหรอกเชื่อใจกู” มันว่าแล้วดึงกางเกงนอนตัวเองลงงัดเอาน้องเอย์ออกมา ลูกชายโคตรพร้อมแข็งมากผมแค่มองก็กลัวแล้ว มันรั้งสะโพกผมขึ้นอีกครั้งก้มหน้าซุกลงไป ผมขนลุกซู่เสียวซ่านลามไปทั้งแผ่นหลัง

“อ๊ะ...ฮอ๊า...” ผมคราง พี่เอย์ลงลิ้นรัวที่ปราการอ่อนไหว มือผมจิกฟูกจนยับย่นไปหมด

“พะ..พอแล้วพี่ ผมไม่ไหว...อ๊ะ...” ผมร้องไม่เป็นคำ มันไม่สนใจฉกปลายลิ้นเข้าออก ผมล้วงมือเข้าไปหาลูกชายตัวเองไม่ไหวแล้วผมต้องปลดปล่อยมันออกพี่เอย์ปัดมือผมทิ้ง ผละตัวขึ้นแล้วทาบทับลงมา มือมันจับลูกชายผมไว้เอง

“เอาขามึงหนีบให้กูที แน่น ๆ เลยนะ” มันว่า

กิจกรรมลามกดำเนินต่อไปโดยใช้เวลานานมากอิพี่เอย์แม่งกลั้นแล้วกลั้นอีกทำเห้ไร ตอนผมปล่อยออกมามันคว้าผมเข้าไปจูบ “อ่าา....” รู้สึกดีสุดๆ พี่เอย์หนีบขาผมแน่นมากสวนลูกชายเข้าออกเสียงมันครางต่ำในลำคอระบายอารมณ์ดังอยู่แถวริมหูลิ้นร้อนเลียไล้แหย่ลึกลงที่ติ่งหูเล็ก พักนึงมันก็ปลดปล่อยตามผมมาติดๆ เราจูบกันดูดดื่มอีกครั้งตอนที่ทุกอย่างจบลง กล่องทิชชู่ใกล้ตัวถูกคว้ามาใช้ในการทำความสะอาดทุกอย่างของเราสอง

คืนนั้นผมเหนื่อยหลับเป็นตายในอ้อมกอดของมันนั่นแหละ พี่เอย์นอนอมยิ้มด้วยนะผมแอบเห็น



.

.






“เชนอันนี้พิมว่าลงรายละเอียดเพิ่มที่คู่มือหน่อยก็ดีนะ หน้าจอบางอย่างมันยังดูยาก จริงอยู่ที่พวกเราดูปุ๊ปรู้ปั๊ปแต่สำหรับบางคนที่เขายังไม่เคยใช้ โปรแกรมนี้ดูยากอยู่เหมือนกันนะ”

“โอเคเดี๋ยวจะลองปรับดูอีกนิด คงต้องเสริมหน้าจอตัวอย่างที่ละเอียดขึ้นอีกนิด”

เสียงพี่พิมกับพี่เชนปรึกษาเรื่องงานกันอยู่ ผมฟุบลงที่โต๊ะเพราะง่วงมากงัวเงียตื่นขึ้นดูเวลาเผลอหลับไปสิบห้านาทีมั้ง  วันนี้งานที่จุดซ่อมเยอะมากทั้งยังต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงดูโปรแกรมให้แผนกต่าง ๆ อีก

“ปิงไปล้างหน้าไปเดี๋ยวพี่มีอะไรจะคุย เราสามคนเลย” พี่พิมเดินมาบอกผม ตบไหล่เรียก

“ให้มันนอนก่อนดิ่ ปิงมันเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน กวนมันทำไมวะ” 

“เชนพิมรีบ โทษทีนะปิงเดี๋ยวคุยเสร็จงีบต่อนะจ๊ะ ตอนนี้ขอธุระพี่พิมก่อนเถอะ” พี่เชนพูดซีเรียสพี่พิมเลยทำท่าขอโทษขอโพยผมใหญ่ ผมตื่นเลยดิ่

“เฮ้ยพี่ไม่เป็นไรครับ ผมตื่นแล้ว พี่เชนซีเรียสไรเนี่ย”

“มันไขโปรแกรมไม่ออก เลยพาลพี่เป็นงี้ตลอดแหละ เดี๋ยวนี้อะไรก็ปิงๆๆนะ มีน้องคนใหม่แล้วดิ่ พิมไม่สำคัญแล้ว”

“หาเรื่องนะมึง” พี่เชนจับอมยิ้มในปากตัวเองยัดใส่ปากพี่พิม รายนั้นกรี๊ดลั่นทั้งฟาดทั้งทุบ พี่เชนหัวเราะหึหึ ผมเดินออกไปล้างหน้าล้างตาพอเข้ามานั่งที่เดิมพี่เชนโยนเสื้อกันหนาวให้ เข้าหน้าหนาวแล้วจู่ๆวันนี้ยังมีฝนโปรยปรายลงมาอีก ฟ้ามือตลอดทั้งวัน ผมรับเอามาใส่

“เอาล่ะที่นี้ฟังดี ๆ พิมจะพูดเรื่องไกลตัวก่อน มีบริษัทที่เชียงใหม่กับที่ภูเก็ตติดต่อมา สนใจเนื้องานของเรา พิมคุยแล้วเป็นบริษัทในเครือต่างชาติทั้งคู่ ที่ภูเก็ตเขาจะเซ็นสัญญาเดือนหน้าแต่ที่เชียงใหม่เขาอยากให้เราขึ้นไปดูสุดสัปดาห์นี้เลย พิมเลยว่าจะให้เชนกับปิงขึ้นไปดูให้หน่อย”

“ที่เชียงใหม่? บริษัทอะไร?” พี่เชนถาม

“เป็นบริษัทเกี่ยวกับสายไฟ มีโรงงานผลิตใหญ่อยู่ที่นั่น เขาทำครบวงจร อยากให้เราขึ้นไปดูแล้วจะได้ประเมินราคากันได้ พิมเสนอไปคร่าว ๆ แล้วเขาค่อนข้างพอใจรายละเอียดเดี๋ยวจะส่งให้เชนกับปิงพิจารณาอีกทีแล้วค่อยตีงบออกมา เดินทางเสาร์นี้เลยได้ไหมตอนเช้า”

พี่เชนเปิดแฟ้มรายละเอียดดูงาน พี่พิมเตรียมดีมากนะคือไม่ใช่ปากเปล่ามีหลักฐานมีรายละเอียดของงานมาให้ผมกับพี่เชนดูตลอดทุกงานทุกครั้ง ผมเองก็เปิดดู  ผมนึกขึ้นได้เรื่องที่พี่เอย์ชวนไปทานข้าวที่บ้านคุณย่ามันเสาร์นี้เหมือนกันนี่หว่าถ้าหากต้องไปเชียงใหม่กับพี่เชนจริงคงต้องแคนเซิลเรื่องทานข้าวกับพี่เอย์ มันจะโกรธไหมเนี่ยผมคงต้องอธิบายยาวเหยียดแน่

“ส่วนเรื่องที่สอง สำคัญมากๆสำหรับวันนี้ของเราทั้งสามคน” พี่พิมเดินไปหยิบแฟ้มมายืนให้ผมกับพี่เชนคนล่ะอัน หนากว่าของบริษัทที่แล้ว ผมพลิกเปิดดู

“อัศวคอนสตรัคชั่นติดต่อมา เขาว่าจะเรียกเราสามคนเข้าไปคุยรายละเอียดทั้งหมดของการว่าจ้าง”

“อัศวคอน?” พี่เชนถามขึ้น

“ใช่ อัศวคอนสตรัคชั่น มือวางอันดับหนึ่งเรื่องงานก่อสร้างที่มีสาขาแทบจะทุกภูมิภาค แล้วตอนนี้ยังไปขยายสาขาในเกือบทุกๆประเทศของอาเซียน ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่าเขาจะมาสนใจบริษัทเล็กๆอย่างเรา”

พี่เชนหันมองผมทันที ผมเคยบอกพี่เขาไว้แล้วเรื่องนี้แต่ไม่คิดว่าเขาจะติดต่อมาเร็วขนาดนี้ ผมยักไหล่พี่พิมเลยถามว่ามีอะไรกัน พี่เชนเลยเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้พี่พิมฟัง

“โถ่เอ้ยปิง  แม่สามีโหดสัส”

“พี่พิม อย่าแซวผมดิ่ แม่สามีที่ไหน” ผมแก้ตัวไปเรื่อยเปื่อย พี่พิมหัวเราะแล้วผลักหัวผม

“ตามใจปิงนะ ไม่รับพี่ก็ไม่ว่า ถึงงานจะดี รายได้เยอะ การันตีชื่อเสียงของเราได้ แต่ถ้าทำแล้วปิงไม่สบายใจพี่กับพี่เชนไม่รับทำบอกเลย จิตใจของน้องพี่สำคัญกว่าเรื่องอื่น”

ผมก้มมองแฟ้มที่พี่พิมเตรียมมา พลิกดูรายละเอียดทุกๆหน้า พี่พิมใส่ใจทุกหัวข้อทุกอย่างมากจริง ๆ แสดงให้เห็นเลยว่าพี่เขาคาดหวังกับที่นี่มากกว่าที่อื่นอยู่แล้ว พี่เชนเลื่อนเก้าอี้มาหาบีบไหล่ผมเบา ๆ

“ไม่รับดีกว่าไหม มึงไม่สบายใจหรอกที่นั่นแม่แฟนมึงคุมอยู่ แล้วที่สำคัญคือคุณเอย์เขาไม่ได้เข้าไปที่นั่นทุกวันด้วยเผื่อบางทีเขาเกิด....”

“พี่เชนครับ ไหนพี่ว่าพวกเราเก่งไง ไม่มีใครเก่งเท่าคู่ของเราอีกแล้ว ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเล่นตุกติกกับผมได้ งานของเราไม่เคยผิดพลาด ถ้าพี่เชื่อใจผม กรุณารับงานนี้ครับ”

“ปิง”

“พี่เชน พี่กับผมสองคนช่วยกันสร้างโปรแกรมที่ดีที่สุดขึ้นมา ทำให้เขาเห็นไปเลยว่ายูเซย์เก่งแค่ไหน”

พี่เชนยิ้มแล้วรวบเอาคอผมไปกอด ผมรู้พี่เขาไม่ได้กลัวแม่พี่เอย์หรอกแต่เขากลัวผมไม่สบายใจ ผมเองก็อยากจะบอกนะว่าผมมืออาชีพพอ ไม่เอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมารวมกัน ถึงผมจะไม่ชอบคุณแม่พี่เอย์ที่จับเราสองคนแยกกันในตอนนั้นแต่ถ้าต้องทำงานให้กับเธอผมแยกแยะได้ครับ

“ปิงไม่ต้องกลัว ยูเซย์ไม่ได้เก่งแค่ปิงกับเชนหรอกนะ พี่น่ะไม่ใช่ขี้ๆบอกเลย ใครจะเล่นตุกติกเดี๋ยวจะเจอหนูพิมตลบหลังเอาให้หงายคว่ำไปเลย แก่ไม่แก่ไม่รู้เก่งไม่เก่งไม่สน ถึงจะเก๋าแค่ไหน แต่ถ้าหากจะเล่นตุกติกพี่คนนี้ก็พร้อมจะตกตายไปด้วยกัน ใช่ไหมเชนบอกน้องมัน”

พี่เชนตบหลังผมแล้วพยักหน้า “พวกกูไม่ทิ้งมึง เราสามคนจะสู้ไปด้วยกันต่อให้ต้องล้มโครมกันไปกูก็จะล้มไปกับมึง หรือถ้าเราจะยืนผงาดขึ้นมากูก็จะจูงมือมึงให้ก้าวขึ้นไปพร้อม ๆ กับกู”

“พี่เชน”

“จับมือกูก้าวขึ้นไปบนสะพานดาว ตะลุยท้องฟ้ากว้าง เขาคนนั้นของมึงรออยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือไง เดินไปให้ถึงเขาสิวะ สูงแค่ไหนไกลเท่าไหร่กูกับพิมจะจูงมือมึงขึ้นไปเอง” ผมผลักเก้าอี้พี่เชนให้หมุนไปอีกด้านซบหน้าลงที่แผ่นหลังกว้างของพี่เขาด้วยความซาบซึ้ง

โคตรอยากร้องไห้เลย ซึ้งใจสุดๆ พี่พิมเดินมาลูบหัว พี่เชนหัวเราะจนหลังสั่น

“ซึ้งเหี้ยๆเลยใช่ไหมวะปิง โอ๊ยๆเจ็บมึงตีกูทำไมเนี่ย”

“ผมซึ้งอ่ะ” ผมยังชกหมัดใส่หลังพี่เขาไม่หยุดพี่เชนหันมารวบไว้แล้วกอดคอผมแน่น

“แต่ก่อนหน้านั้นเสาร์นี้มึงเตรียมตัวไปเชียงใหม่กับกูด้วย” พี่เชนแสร้งทำหน้าโหดใส่ ส่วนพี่พิมยิ้มกว้าง เราสามคนยิ้มออกมาด้วยกัน ผมรู้สึกมีความสุขไม่ว่าต่อไปจะเกิดเรื่องราวอะไรดีหรือร้าย ผมยังมีพี่ ๆ สองคนที่ผมรักและเป็นกำลังใจเดินเคียงข้างผมเสมอ

“ปิงโทรศัพท์มึงดัง”

ผมสะดุ้งนิดพี่เชนเดินมาสะกิด คือนั่งทำงานเพลินมากใส่หูฟังแล้วไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย สามทุ่มแล้วพี่พิมเองก็กลับไปแล้ว วันนี้เวรผมเฝ้าออฟฟิศแต่พี่เชนงานค้างเยอะพี่เขาถอยรถเข้ามาจอดด้านในแสดงว่าคงจะค้างด้วยกัน

“ครับพี่เอย์” พี่เอย์โทรมาผมบอกมันแล้วนี่ว่าวันนี้ผมไปค้างด้วยไม่ได้

“เปิดประตูให้หน่อยกูอยู่ด้านหน้า” ผมลุกพรวดขึ้น คืออะไรวะ พี่เอย์บอกว่าอยู่ด้านหน้า มันจะมาทำไมไหนว่าประชุมเลิกค่ำ ผมก็คิดเดินไปเปิดประตูกระจกออกไป

คุณเชื่อไหม....คุณชายในชุดพร้อมนอนยืนหอบหมอนหอบผ้าห่มสีขาวผืนโตยืนนิ่งอยู่หน้าบันไดทางเข้า มีรปภ.ยืนคุมอยู่ข้าง ๆ  ผมค่อยๆเดินออกไปหาโบกมือบอกพี่ยามว่าไม่เป็นไรคนรู้จักผมเอง พี่เอย์กระชับทั้งหมดทุกอย่างที่อุ้มอยู่แนบอก

“กูนอนด้วยได้ไหม นอนที่นี่กับมึง”

ผมสงสารมันนะไม่ใช่ว่าไม่สงสาร พี่เอย์ต้องการเวลาจากผมผมรู้  ผมเคยบอกไปแล้วตอนนี้ผมโตขึ้นเวลาของผมส่วนใหญ่จึงอยู่ที่งาน แล้วงานพิเศษของผมเวลาดันอยู่ในช่วงกลางคืน ผมดึงแขนมันให้ตามเข้ามา พี่เอย์รั้งแขนไว้ก่อนที่เราจะก้าวเข้าไปข้างใน

“ได้เหรอ ค้างได้ใช่ไหม ถ้ากูเข้าไปแล้วถึงไล่กูก็ไม่กลับนะ” ผมเอื้อมมือไปรับเอาหอบผ้าห่มกองโตมาถือไว้แทน คือผ้าหอมมากสีขาวสะอาดสุดๆ

“เดี๋ยวผมปูที่นอนให้ครับ”

เราสองคนเดินเข้ามาด้วยกันพี่เชนเงยหน้ามอง อิพี่เอย์ไม่สนใจทักทายเจ้าบ้านเขาสักนิด เป็นพี่เชนต้องยืนขึ้นแล้วส่งสายตาถาม ผมเลยชี้ ๆ ที่กองหมอนที่หอบอยู่

“เดี๋ยวกูไปเอาผ้ามาถูให้” พี่เชนพูดแล้วเดินหายเข้าไปด้านใน

“พี่เอย์ครับ คืนนี้ผมต้องนั่งทำงานไม่รู้จะเสร็จตอนไหน พี่นอนพื้นได้ไหมหรือจะนอนโซฟาตรงนั้น” มันส่ายหน้าแล้วบอกจะนอนข้างโต๊ะผม พี่เชนออกมาพร้อมม็อบ

“ถูเอง” เสียงพี่เชนพูดขึ้น พี่เขายื่นม็อบส่งให้พี่เอย์

“มึงถูให้” พี่เอย์ตอบนิ่ง ๆ

“ไม่!

“งั้นปูเลยไม่จำเป็นต้องถู กูนอนยังไงก็ได้” พี่เอย์เอื้อมมือมาเอาที่นอนจากผมแล้วทำท่าจะปูลงไปจริงๆพี่เชนคิ้วขมวดคำรามในคอก่อนจะดัน ๆ พี่เอย์ออกแล้วถูๆพื้นตรงนั้นให้แบบคร่าว ๆ พี่เอย์ยกยิ้มร้ายนิดๆ

“กูไม่ขอบใจนะ บอกไว้ก่อน”

“กวนตีน” พี่เชนเดินเข้าด้านหลังพร้อมม็อบในมือ บ่นเสียงเบา แต่ผมว่าอิพี่เอย์ได้ยินอ่ะ เพราะมันหัวเราะออกมาเลย

“สะใจว่ะ”

“พี่เอย์นิสัยไม่ดี พี่เชนใจดีนะครับ” ผมต่อว่ามันแล้วเอาฟูกปูลง

“กูรู้หรอก มึงโกรธกูเหรอ”

“ผมเปล่า แค่อยากให้พี่สองคนพูดดีๆกัน” ผมจับหมอนวางให้เข้าที่พี่เอย์ขึ้นไปนั่งบนฟูกเรียบร้อย มันใส่กางเกงนอนขายาวกับเสื้อยืดคอวีสีเทาเรียบๆดูดีเหมือนเคย

“ไม่มีทางหรอก มึงดูสายตามันดิ่ อบอุ่นทำเหี้ยเหรอเวลามองมึง มึงแฟนกูนะ”

“พี่เชนรักผมแบบน้องผมบอกพี่หลายทีแล้ว”

“ให้มันได้แบบนั้นตลอดไปก็ดี แรกๆก็คงจะน้องอยู่หรอกใกล้ชิดกันมากๆกูจะรู้ไหมมันจะเปลี่ยนความรู้สึกกับมึงไปหรือเปล่า”

ผมคว้ามือมันมาบีบ พี่เอย์คิดมากเกินไปแล้วจริง ๆ  

“ได้ยินว่าบริษัทแม่กูติดต่อมาแล้ว?”

“ครับใช่ พี่พิมบอกพวกผมแล้ว”

“แล้วมึงว่าไง ตกลงจะรับไหม”

“คิดว่าจะรับครับพี่ พวกผมปรึกษากันแล้วเราสามคนโอเคพร้อมลุย”

“ถ้ามึงตกลงใจแบบนั้นกูก็จะช่วยอีกแรง ไม่ต้องกลัวนะกูไม่ยอมให้มึงต้องลุยคนเดียวอีกแล้ว กูจะเข้างานที่นั่นบ่อยขึ้นจนกว่างานของมึงจะเสร็จ จะพยายามป้องกันทุกอย่างไม่ให้แม่กูเล่นตุกติกกับมึงได้ กูจะพยายามหาทาง”

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้มัน พี่เอย์ทำปากจู๋ยื่นมาทำท่าจะจูบ ผมรีบหันมองพี่เชน คืออายนะเลยรีบลุกขึ้นมานั่งทำงานต่อ  พี่เอย์แกล้งยื่นปากอยู่ไม่หยุดมันคว้าเอาปากกาที่อยู่บนโต๊ะเขียนลงที่เศษกระดาษว่าง ๆ แล้วชูให้ผมดู


รักกูให้ทำปากจู๋


เหี้ยเหอะ ผมคิด หน้าร้อนฉ่าขึ้นมาอีกมันนั่งอยู่ที่พื้นนะเงยหน้ามอง ผมเลยจู๋ปากยื่นออกไป มันยิ้มเห้ไรพลิกกระดาษอีกข้างโชว์ให้ผมดูอีก แถมยังทำปากจู๋ๆคอย


อยากให้กูเอาก็ให้ทำปากจู๋อีก


ผมยันโครมเข้าท้องมันเลยดิ่ พี่เอย์รับเท้าผมไว้ทันผมดึงกระดาษมาฉีกๆๆ มันกลั้นหัวเราะเลย จากนั้นผมก็เข้าสู่โหมดงาน ส่วนคุณชายนอนอ่านหนังสือเล่นไป 

“เออปิงวันเสาร์ / พี่เอย์ครับวันเสาร์.....” เราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน พี่เอย์เงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้ม ผมเองมองลงไปที่มันนอนอยู่ก็ยิ้มให้เหมือนกัน อะไรวะใจตรงกันจริง ๆ หน้าผมร้อนขึ้นนิดๆ

“มีอะไร มึงพูดก่อน”

“ผมจะบอกพี่ว่าเสาร์นี้ผมไม่ว่างเลยครับ คงต้องไปเชียงใหม่กับพี่เชน เรื่องงานน่ะ ไปทานข้าวกับพี่บ้านคุณย่าไม่ได้แล้ว”

“ไปกับมัน?” พี่เอย์ตวัดสายตามองไปที่พี่เชน รายนั้นไม่ได้รู้เรื่องหรอกเข้าสู่โหมดงานครอบหู องค์ลงอยู่

“ไปเรื่องงานครับ” ผมเลื่อนเก้าอี้หันไปหามัน พี่เอย์ลุกขึ้นนั่งดี ๆ มันจับขาผมถ่างออกเลื่อนตัวขยับเข้ามานั่งดี ๆ อยู่ที่หว่างขา ทำท่าจะซุกหัวลงมาผมรีบดันมันออกพี่เอย์ยิ้มเลยดิ่แกล้งผมได้

“ไปกี่วัน” มันถาม มือโคตรซนลวนลามผมไปเรื่อย ผมเลยยันท้องมันเลย  มีมาทำหน้าร้องโอดโอย

“กลับวันอาทิตย์”

“คืนนึงหรือสองคืน?  พักที่ไหน” ผมส่ายหน้า ตัดสินใจหันไปสะกิดถามพี่เชน 

“พิมเขามีคอนโดอยู่ที่นั่น เรานอนห้องเดียวกันก็ได้มั้ง มึงตัวไม่ใหญ่มากอะไรเดี๋ยวถ้ากลัวตกเตียงกูจะกอดไว้ให้แน่น ๆ เลย”


“ไอ้เหี้ย!  โครม!!!!!


พี่เอย์เร็วมากทันทีที่พี่เชนพูดจบคือมันถึงตัวพี่เขาแล้ว เก้าอี้ไถลไปจนชนตู้เหล็กเก็บเอกสาเสียงดังตึงตัง มือนี่ขยุ้มคอเสื้อพี่เชนไว้เอาเรื่องมากๆผมรีบลุกขึ้นห้าม พี่เชนกำลังจะลุกขึ้นง้างหมัดแล้ว

“พี่เอย์อย่าพี่” ผมร้องห้าม ดึงพี่เอย์ออกมา เอาตัวเข้ากั้นสองคนไว้

“เหี้ย มึงตั้งใจกวนตีนกู”

“ก็รู้นี่ว่าตั้งใจ”

“เฮ้ยๆๆๆ พี่เอย์ไม่เอาพี่ พี่เชนเขาพูดเล่น พี่เชนครับผมขอเถอะ” ผมห้ามพี่เอย์ที่ทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่องอีกรอบแล้วหันไปขอร้องพี่เชน

“กูพูดเรื่องจริง พิมมีคอนโดอยู่ที่นั่น”

“มึงไม่ต้องคิดฝันนะปิงกูไม่มีวันยอมให้มึงไปกับไอ้เหี้ยนี่สองต่อสองแน่”

“โหคุณพูดให้มันเพราะไม่ได้หรือไงคำก็เหี้ยสองคำก็เหี้ย นี่ถ้าผมเหี้ยขึ้นมาจริง ๆ สามปีที่ปิงอยู่กับผมคงไม่เหลือให้คุณได้กลับมาเชยชมสมใจอยู่แบบนี้หรอกบอกเลย ผมคนดีนะใช่ไหมวะปิง”

“เออมึงดี ดีแบบเหี้ยๆเลยไง นี่กูชมนะ” พี่สองคนยืนจ้องหน้ากันผมดันหน้าอกพี่เอย์ให้เดินกลับไปนอนลงที่ฟูกเหมือนเดิม มันก็ยอมถอยนะไม่ขัดขืนหรอก คำพูดพี่เชนเมื่อกี้จะว่าจริงมันก็จริง พี่เอย์เองก็คงคิดอะไรได้บ้าง

“พี่เอย์ไม่เอานะพี่เชนเขาล้อเล่น ยิ่งรู้ว่าพี่ไม่ชอบพี่เขายิ่งทำ พี่ต้องแกล้งทำเฉยไม่สนใจสิครับ” ผมกระซิบ พี่เอย์ตาเขียวใส่อีกคนที่เข้าโหมดงานไปอีกแล้ว ผมเลยจับมือมันไว้แล้วบอกให้นอนจะห่มผ้าให้พี่เอย์ส่ายหน้า

“เออเมื่อกี้พี่จะพูดเรื่องอะไรนะครับ ที่เราพูดขึ้นพร้อมกันน่ะ วันเสาร์ทำไมเหรอ” ผมนึกขึ้นได้

“อ๋อ ว่าจะบอกมึงว่าเสาร์นี้ไม่ต้องไปทานข้าวที่บ้านคุณย่าแล้ว ซ่าร์มันอยู่เชียงใหม่ต้องรอมันก่อนไว้ค่อยเข้าไปพร้อมกัน คุณย่าบอกมีอะไรจะให้”

“พี่ซ่าร์อยู่เชียงใหม่เหรอครับ ไปถ่ายละครเหรอ”

“ไม่รู้สิ มันไปอะไรของมันไม่รู้แต่กลับสัปดาห์หน้า ไว้เสาร์ถัดไปค่อยนัดหมายกันอีกที”

ผมพยักหน้าเบา ๆ รับรู้พี่เอย์นิ่งไปนิดๆทำหน้าเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างจู่ ๆ มันลุกขึ้นเดินเข้าไปหาพี่เชนยกหูฟังอันใหญ่ที่ครอบหูพี่เขาอยู่ออก

“โว๊ยยยยยย!!!! พี่เอย์ตะโกนใส่หูพี่เชนแบบเต็ม ๆ รายนั้นสะดุ้งเฮือก! ผมตกใจเกือบตาย พี่เอย์เล่นอะไรเนี่ยเดี๋ยวมีหมัดสวนขึ้นมาล่ะก็ตายแน่ ผมรีบวิ่งเข้าไปหา

“เหี้ย! มีอะไร” พี่เชนตะคอกกลับมาแบบลืมตัว พี่เอย์โดนคำว่าเหี้ยไปแบบเต็ม ๆ

“จิ๊! คิดว่ากูอยากจะพูดคุยกับมึงหรือไง ถ้าไม่จำเป็นกูจะเรียกเหรอ”

“มีอะไรคุณรีบพูดดิ่ ผมทำงานอยู่เนี่ย” พี่เชนหันเก้าอี้มากอดอกมองดูมันอิพี่เอย์ถีบเก้าอี้เขาอีกโคตรจะหาเรื่องเลย พี่เชนส่ายหัวคว้าเอาเอดโฟนตัวเองกลับไปคืน

“ถ้าอยากจะพาปิงไปเชียงใหม่ด้วยมึงต้องไปค้างที่บ้านพี่ชายกู ไม่อนุญาตให้ไปค้างที่คอนโดห่าอะไรนั่นสองต่อสองอย่างที่มึงว่า  แล้วอย่าคิดที่จะปฏิเสธอะไรทั้งสิ้นเพราะมึงไม่มีสิทธิ์ ไม่งั้นมึงก็ไปคนเดียวกูไม่ให้ปิงไปกับมึง”

พี่เชนจ้องหน้าพี่เอย์ไม่วางตาบรรยากาศเริ่มมาคุอีกผมเลยเดินเข้าไปดึงชายเสื้อพี่เอย์ไว้กระตุกๆ “พี่เอย์พอแล้วพี่”

“กูจะโทรบอกซ่าร์เตรียมห้องไว้ให้ บ้านมันหลังใหญ่ มึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมานอนด้วยตอนกลางคืน รับรองแยกสองคนสองห้องชัดเจน หมาปิงของกูต้องนอนห้องเดี่ยวเท่านั้น”

“หึหึหึ” พี่เชนหัวเราะออกมาเบา ๆ ส่ายหัวแล้วทำท่าจะหันกลับไปพี่เอย์พรวดเข้าไปดึงเก้าอี้ไว้อีก

“อย่ามาลีลาเยอะ แมนๆกันเลยมึงกับกู” มันว่าแล้วก้มลงไปกระซิบอะไรบางอย่างกับพี่เชน ซึ่งผมไม่ได้ยิน รู้แต่ว่าพอพี่เอย์ละลำตัวออกมาพี่เชนจ้องมันหน้าตานี่แบบเหมือนคนโกรธมาก ระคนตกใจด้วย พี่เอย์กอดอกแสยะยิ้มให้คล้ายคนรู้ทัน ก่อนเดินกลับมานอนผิวปากอ่านหนังสือของมันต่อพี่เชนเงียบไปเลย พักนึงมันก็หลับไปพี่เชนกับผมต่างคนต่างก็ทำงานเสียงพรมนิ้วที่แป้นนี้แบบต่างคนรัวมาก

“เอาไงเรื่องที่พัก” พี่เชนถามขึ้นมา ผมหันไปมองดูคนหลับ พี่เอย์นอนไม่ยอมห่มผ้าเลยจริง ๆ ปกติมันห่มนะแต่วันนี้มันเอาผ้าห่มมาม้วน ๆ ทำเป็นหมอนข้างกอดแล้วหันหน้ามาหาผม

“ยังไงก็ได้ครับ พี่เชนสะดวกแบบไหน”

“กูตามใจมึง กูยังไงก็ได้”

“งั้นเราก็พักอย่างที่พี่เอย์ว่าก็ได้ครับ ผมขี้เกียจมีปัญหา ไม่กี่วันก็กลับแล้วยังไงก็ได้เนอะพี่”

“อืม”

“พี่เชนแล้วเราจะไปกันยังไง ไปเสาร์เช้าดีไหมครับ จะได้รบกวนที่นั่นเขาแค่คืนเดียว”

“หรือจะนอนโรงแรม” พี่เชนทำท่าคิด

“ไม่ได้เด็ดขาด” ผมสวน  “ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินหรืออะไร แต่ว่าผมลำบากใจจริงพี่” ผมสื่อออกมาทางดวงตาหวังว่าพี่เชนจะเข้าใจความหมายของมัน พี่เอย์ขี้หึงมากถ้าหากแยกไปพักที่อื่นรับรองกลับมามีเรื่องอีก ไหน ๆ ถ้ามันขันอาสาจัดการให้แบบนี้ก็ตามใจเหอะ

“โอเคงั้นไปวันศุกร์ค่ำๆหน่อยละกัน มึงเลิกงานก่อน กูจะขับรถไปเอง ยังไงเราก็ต้องใช้รถไปที่นั่นไม่มีรถไม่สะดวก แล้วเขานัดเราเช้าด้วยไปเสาร์กูกลัวไม่ทัน”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ตรงๆนะคือตอนแรกเข้าใจว่าพี่เชนจะขึ้นเครื่องไปเสาร์ตอนเช้า แต่คงคิดว่ากลัวจะไม่ทันเพราะนัดกับบริษัทนั้นไว้เก้าโมงกว่าจะเตรียมตัวกันอีก ไปศุกร์เย็นก็ดีเหมือนกัน

“เรากลับวันอาทิตย์ใช่ไหมครับ”

“ใช่  มึงเคยไปเชียงใหม่หรือยังปิง”

“ยังเลยครับ”

“เดี๋ยวทำงานเสร็จจะพาเที่ยว เราทำงานกันวันเดียวถ้ากลับวันเสาร์เสียเที่ยวอุตส่าห์ขับรถขึ้นไปทั้งที สายๆวันอาทิตย์เราค่อยกลับกันก็ได้ แวะซื้อโน่นซื้อนี่ด้วยของกินเยอะนะแถวนั้น”








เย็นวันศุกร์ พี่เอย์มาส่งผมที่ออฟฟิศตั้งแต่หกโมงเย็น ความจริงคือเราสองคนออกมาก่อนเวลา

“กูโทรบอกไอ้ซ่าร์ไว้แล้วนะ มันรออยู่นั่นมึงไปถึงเข้าพักได้เลย เบอร์มันมึงเองก็มีนี่”

“ครับผม” ผมยิ้มแล้วยกเอากระเป๋าเดินทางใบเล็กๆใส่ท้ายซีอาร์วีของพี่เชน

“งานเสร็จวันไหน เสาร์หรืออาทิตย์”

“พี่เชนครับ วันเดียวเสร็จไหมพี่ที่บริษัทนั่น หรือวันอาทิตย์เราต้องเข้าไปคุยกับเขาอีก” ผมร้องถาม พี่เชนกำลังหยิบอะไรบางอย่างอยู่ที่ข้างรถ

“เสร็จดิ่ วันเดียวก็เสร็จ คืนวันเสาร์เดี๋ยวพาเที่ยวเช้า ๆ วันอาทิตย์เราค่อยกลับ”

“พี่เอย์ไปเที่ยวด้วยกันไหมครับ วันพรุ่งนี้พี่ไม่ว่างเหรอ” พี่เชนหันมองผมเลยแต่ผมก็อยากจะลองชวนดูถ้าพี่เอย์ว่างอาจจะบินตามไปได้

“กำลังจะบอกอยู่เนี่ย ตอนแรกว่าจะตามมึงไปพรุ่งนี้ เพิ่งจะรู้เมื่อเช้าเสาร์อาทิตย์นี้กูต้องไปปราณบุรีดูโครงการก่อสร้างรีสอร์ทที่รับผิดชอบอยู่ ไม่ว่ากูใช่ไหม”

ผมอมยิ้มนิดๆ “ไม่ว่าหรอกครับ เราโตกันแล้วพี่ทำงานผมทำงาน ไว้ว่างเมื่อไหร่ค่อยเจอกันแบบนี้ก็ดีออก”

“ไม่ดีหรอกใครว่าดี” พี่เอย์เริ่มหน้างอ เอาแล้วผมมองซ้ายมองขวาพี่เชนหันมาพอดี อิพี่เอย์เลยอดกำลังจะจุ๊บแก้มมันซักหน่อย ช่างเหอะเดี๋ยวไว้กลับมาค่อยว่ากัน

“แล้วพี่ไปกี่วันอ่ะครับ ที่ปราณฯน่ะ”

“นอนคืนเดียว ไปกับกัสเลขากู” ผมสะดุดกึกกับคำว่ากัส ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว นึกได้ในทันทีว่าเขาเป็นเลขาพี่เอย์ที่อัศวคอน ต่อไปถ้าเราต้องเข้าไปวางระบบที่นั่นคงจะได้เจอกับเขาบ่อย

“แล้วพี่พักที่ไหนเหรอครับ”

“ทางรีสอร์ทเขาจัดห้องไว้ให้ อันนี้กูก็ไม่รู้รายละเอียดนะ ต้องถามกัสเขาดู”

“ปิงไปกันได้แล้ว” พี่เชนร้องบอก เปิดประตูฝั่งคนขับออกรอ ผมปิดท้ายรถเสร็จเรียบร้อย มองพี่เอย์แล้วส่งยิ้มให้ พี่เขาดึงแขนผมไว้

“มึงไว้ใจกูได้ เขาเป็นแค่เลขา อย่าทำหน้าแบบนั้น” ดูเหมือนผมจะแสดงออกทางสีหน้ามากไปแน่ ๆ พี่เอย์ถึงขนาดต้องพูดออกมาแบบนี้ ผมรู้สึกแย่ที่ทำตัวมีปัญหาพี่เอย์โตเป็นผู้ใหญ่เป็นถึงผู้บริหารคนรอบตัวพี่เขาเยอะแยะผมคิดอะไรมากเกินไปจริง ๆ ผมปรับอารมณ์ใหม่ส่งยิ้มให้มันอีกครั้ง

“ก็ลองนอกใจผมดิ่ เดี๋ยวพี่ได้รู้เลยว่าโดนผมสวมเขาให้มันเป็นยังไง”

“แรงไปไหมมึง หมาเอ๊ย” มันผลักหัวผมแล้วเอื้อมมือมาบีบก้นผมสะดุ้งเลยหันไปมองมันหน้าเขียว พี่เอย์ยักไหล่

“ถ้าพี่ไม่ทำอะไรผิดๆพี่ก็ไว้ใจผมได้”

“มึงแม่ง กูจะให้มึงไปดีไหมเนี่ย”

“อ้าวพูดแบบนี้เดี๋ยวได้รู้เลย  ผมเชื่อใจพี่นะเนี่ย” พี่เอย์พยักหน้าเบา ๆ “รู้แล้ว ก็ใครแถวนี้ล่ะทำหน้าทำตาคิดมาก”

“ผมไปแล้วครับ” ผมเปิดประตูรถ

“กูก็เชื่อใจมึงนะ” มันตบหลังผมสองสามทีแล้วลูบ  ผมรู้นะมันอยากดึงผมเข้าไปกอดแต่เราทำอะไรตรงนี้ไม่ได้หรอก คนเยอะแยะไปหมด ผมเลยชกพุงมันไปหยอกกัน พี่เอย์ยิ้มใหญ่เลย

“ขับรถดี ๆ นะมึง” มันก้มลงบอกพี่เชนหน้านิ่ง จับมือผมบีบอีกทีก่อนปิดประตูรถให้ พี่เชนออกรถแล้ว ผมมองที่กระจกด้านข้างคุณชายยืนมองพวกผมจนรถเลี้ยวภาพหายไปนั่นแหละ ผมจึงล้วงมือถือขึ้นมาทันทีส่งไลน์หามันบอกให้กลับห้องไปได้แล้ว หาอะไรกินด้วย อากาศเย็นนอนอย่าลืมห่มผ้า พี่เอย์ไม่ตอบเป็นข้อความกลับมาแต่ส่งอีโมเจ้าแห่งพลังมาแทน ผมนั่งหัวเราะก๊ากเลย เจอพี่เชนหันมามองหาว่าบ้า ผมเลยยื่นรูปสติ๊กเกอร์ให้พี่เขาดู แค่นั้นแหละครับพี่เชนหัวเราะลั่นเลยเหมือนกัน

“คงมีแต่มึงล่ะมั้งที่ได้เห็นมุมเด็กๆแบบนั้นของแฟนมึงอ่ะ ไม่น่าเชื่อผู้บริหารเก่งๆมาดคุณชายสุดๆ ดั๊นมาตกหลุมรักเด็กธรรมดาหน้าตาก็พื้น ๆ”

“โหยพี่ผมก็หล่อเหอะ”

“หืม? มึงหล่อด้วยเหรอวะ”

“เอ๊าหล่อเหอะ  พี่เชนไรวะ พูดซะกันหมดกำลังใจเลย ผมหล่อเด่ะ” ผมย้ำ หน้าเสียนะเนี่ยไรวะพี่เชนแม่ง

“เออๆๆๆๆ หล่อๆๆ กูพูดผิดโทษทีคร้าบ ปิงหล่อสัสๆเนอะ”

“พี่เชนแม่งกวนตีนว่ะ” ผมบ่นเบา ๆ พี่เขาหันมามองแล้วผลักหัวผมจนเงิบติดกระจกเลย ผมนึกอะไรขึ้นได้

“พี่เชนผมขับไหมพี่ ผมขับได้นะ พี่บอกทาง”

“ไม่เป็นไร”

“ปิง คนชื่อกัสนั่นใครวะ” พี่เชนถามขึ้น ผมหันขวับมองเลย

“ทำไมเหรอครับ พี่ไปรู้ชื่อนี้มาจากที่ไหน”

“ใช่คนที่เราเจอวันที่แฟนมึงเขาปัดเครื่องคอมตกนั่นหรือเปล่า” พี่เชนกดเปลี่ยนเพลง คงกำลังหาเพลงที่ตัวเองชอบ

“ใช่ครับ เขาเป็นเลขาพี่เอย์อยู่ที่อัศวคอนฯ พี่ถามถึงเขาทำไม” ผมหันไปมองคือพี่เชนจะถามทำไม รู้จักกันไหมก็ไม่ พี่เชนล้วงอมยิ้มในกระเป๋าส่งมาให้ผม

“แกะให้กูหน่อย” ผมรับมาแกะให้

“แล้วพี่ถามถึงเขาทำไมอ่ะ”

“เปล่าก็แค่สงสัย”

“สงสัยเรื่อง?” ผมส่งอมยิ้มให้พี่เขา พี่เชนอ้าปากผมเลยยัดใส่เข้าไป “มึงกินป่ะ”

“ไม่ครับ”

“พี่สงสัยเรื่องอะไรอ่ะ”

“ก็แค่เห็นมึงทำหน้าแปลก ๆ ตอนที่แฟนมึงพูดถึงคนชื่อกัส” ผมกำลังม้วนห่ออมยิ้มเล่นถึงกับหยุดชะงัก นี่พี่เชนดูออกด้วยเหรอ หรือว่าผมแสดงออกอะไรมากไปจริงวะเนี่ย ตายห่าต่อไปต้องปรับปรุงตัวชักจะหึงไม่เข้าท่ามากเกินเหตุ

“เป็นไร เงียบทำไมปิง”

“พี่ดูผมออก?”

“ดูออกสิวะ กูอยู่กับมึงมาตั้งกี่ปี น้องทั้งคนสบายใจไม่สบายใจกูดูออกหมดอ่ะ”

“.........”

“เออ เงียบอีกแล้วนะมึง ไม่สบายใจทำไมไม่บอกแฟนมึงไปล่ะ เขาจะได้หาเลขาคนใหม่”

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ จริง ๆ ไม่มีอะไรเลยเลขากับเจ้านายเขาต้องสนิทกันมากอยู่แล้ว”

“เหมือนมึงกับกูไง กินด้วยกันนอนด้วยกันไปไหนมาไหนด้วยกัน แฟนมึงยังหึงกูเลยเหอะ”

ผมมองดูป้ายบอกทางเราออกจากรุงเทพกันไกลแล้ว ผมนั่งก้มหน้านิ่ง ภาพที่เลขามันเสยผมให้ยังอยู่ในความทรงจำของผมไม่เคยลืมเลย พี่เอย์ชอบให้คนเล่นผมมัน ผมเสียใจนิดหน่อยที่คิดว่าเป็นผมแค่คนเดียวที่ทำกับมันแบบนั้นได้ วันนั้นผมจึงนอยน์มากถึงขนาดตัดสินใจเรียกมันว่าคุณ แล้วทำเย็นชาใส่

“พี่เชนไม่เหมือนผู้ชายคนนั้น พี่รักผมเหมือนน้องสายตาที่พี่มองผมไม่เหมือนสายตาที่เลขาพี่เอย์มองมัน”

“มึงคิดว่ามึงดูออกเหรอ”

“......”

“ปิง กูจะบอกอะไรมึงไว้อย่าง”

“อะไรครับ” พี่เชนเลี้ยวซ้ายแวะเข้าปั๊ม รถจอดลงที่หน้าเซเว่น ดึกแล้วท้องฟ้ามืดมากแต่ร้านค้าในปั๊มน้ำมันยังคงสว่างจ้า รถจอดเยอะแยะ

“จิตใจคนเราน่ะลึกจนสุดจะหยั่ง มึงตัดสินไม่ได้หรอกว่าใครคิดอะไรแบบไหนกับใคร เพราะฉะนั้นทำใจให้สบาย อย่าคิดมาก แฟนมึงแฟร์ดีนะกูว่า รู้ทั้งรู้ว่ากูกับมึงสนิทกันขนาดไหนยังยอมปล่อยมึงมากับกูก็ถือว่าเขาให้เกียรติและไว้ใจมึงมาก เพราะงั้นไว้ใจเขาซะ ถึงจะนิสัยเอาแต่ใจแบบนั้นคุณชายจ๋าแบบนั้น แต่กูคิดว่าเขาโอเคนะสำหรับมึง”

พี่เชนยื่นมือมายีหัวผมเบา ๆ ก่อนบอกให้ลงไปด้วยกันหาซื้อของมาเป็นเสบียง ผมยิ้มให้แล้วเดินตามลงไปเราเข้าเซเว่นได้ขนมมาเพียบ พี่เชนเป็นคนจ่ายผมเลยเดินออกมายืนรออยู่ด้านนอก โทรศัพท์ดังขึ้นพอดีเอาขึ้นมากดรับพี่เอย์โทรเข้ามา

“แวะปั๊มกันอยู่พี่” มันถามมาว่าถึงยังอยู่ไหน ทำไมเสียงดังจอแจ

“ปิงกูหิวข้าวว่ะ” มันอ้อนไม่รู้เวลาสุดๆผมเลยประเคนคำด่าไปพี่เอย์มีแกล้งงอนแล้วบอก

“ไม่เคยอยากโทรหาเหอะ มือมันกดมาเบอร์ผิดแค่นั้นแหละ”  โหยยยผมนี่แบบเออมึงไม่อยากโทรหาตายล่ะ ไลน์ผมเด้งทุกสิบห้านาทีอ่ะ  แต่ผมก็แอบยิ้มนะ เราคุยกันไม่กี่คำก็วางพี่เชนเดินออมกมาแล้ว เปิดกาแฟแบบกระป๋องยืนซด ผมเลยชี้ไปที่อเมซอน พี่เชนบอกแบบนั้นเอาไม่อยู่ ต้องใช้แบบกระป๋องแรงกว่า ตาค้างเลยดิ่ ผมยิ้ม

“มึงกินอะไรไหม? เดินไปซื้อดิ่กูรอ” ผมรีบวิ่งปรู๊ดเข้าอเมซอนร้านกาแฟที่ชอบกินประจำ ถึงจะมีข่าวแปลกๆออกมาแต่ผมก็ชอบโกโก้เย็นของที่นี่มากนะ พอผมสั่งเสร็จนั่งรอถึงได้รู้ว่าตัวเองลืมมือถือวางไว้ พี่เชนน่าจะเห็นคงเก็บไว้ให้ ผมรับโกโก้เย็นแล้วเดินออกมาพี่เขายังนั่งรอผมอยู่ที่เดิม ในมือถือโทรศัพท์ผม หน้าจอเปิดค้างอยู่

“แฟนมึงโทรมากูเลยรับให้” พี่เขายื่นมือถือส่งให้

“อ้อ ครับ” ผมนั่งลงแล้วกำลังว่าจะกดโทรกลับคิดอีกทีไม่โทรจะดีกว่า

“ปากคุณชายนี่แบบ......กูยอมเลยนะปิง”

“แห่ะๆ แบบนั้นแหละ พี่เชนเจอเหรอครับ” ผมส่งยิ้มแห้ง ดูดโกโก้ไปด้วยคือไม่คิดว่าพี่เชนจะรับสายให้แล้วพี่เอย์ขี้หึงมากยู่แล้วเจอพี่เชนรับมันคงกราดยับเลยดิ่

“เออถ้าเป็นผู้หญิงหรือเป็นแฟนกูนะ กูตบปากแม่งทุกวันอ่ะ ไม่งั้นปากดีทีนี่คือจับมาดูดเลยนะ เหี้ยเหอะ มึงลงโทษมันยังไงวะเวลามันปากเก่งใส่มึงแบบนั้นน่ะ”

“กะ...ก็....เอิ่มม....” มีแต่ผมนี่แหละโดนเขาจับดูดผมคิดในใจ  ผมเป็นคนใจอ่อนนะเจอมันอ้อนทีไรผมอ่อนทู๊กทีก็รู้ตัวอยู่หรอก  เออวะพี่เชนเมื่อไหร่จะขึ้นรถสักทีวะพักเหี้ยไรนานนักหนาเนี่ย ผมลุกขึ้นเอามือถือยัดใส่กระเป๋า

“ไปเหอะพี่ หนาวววว” ลมพัดมาพอดี ขึ้นเหนืออากาศยิ่งเย็นขึ้นอีก พี่เชนพยักหน้าเดินเอากระป๋องกาแฟยัดใส่ถังขยะแล้วเราสองคนก็ขึ้นรถ

“มึงนอนเลยก็ได้เดี๋ยวถึงแล้วกูเรียก เสื้อคลุมกูอยู่ด้านหลังหยิบมาใส่ดิ่” พี่เชนบอกผมนะแต่เอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่เบาะหลังวางให้ผมที่ตัก ผมรับไว้แต่ไม่ได้ใส่หรอกแค่ใช้ห่ม เสื้อกันหนาวผมอยู่ในกระเป๋าด้านหลัง เดี๋ยวตอนลงกะว่าจะไปหยิบเอา

“เดี๋ยวผมนั่งดูทางเป็นเพื่อน”

“หึหึกลัวกูหลับ?”

“เปล่าครับ เผื่อพี่เชนเหนื่อยเดี๋ยวผมขับแทนได้นะ”

“งั้นมึงก็คุยไป อะไรก็ได้เดี๋ยวกูจะฟัง”

“ฟังเพลงป่ะพี่”

“เออมึงเป็นดีเจดิ่”

“ต้องถูแผ่นด้วยป่ะ” ผมเอียงตัวทำท่าถูๆแผ่นเสียงพี่เชนหัวเราะดังมากเลย เราเล่นกันมาตลอดทางผมเริ่มมองเห็นป้ายบอกจังหวัดเชียงใหม่ พี่เชนยังคงนั่งยิ้มกับขำขันเรื่องล่าสุดเมื่อกี้ของผม เรื่องโจ๊กๆผมมีเยอะส่วนใหญ่เป็นเรื่องทะลึ่งที่หมาบาสมันมาเล่าให้ฟังผมก็เอามาเล่าให้พี่เชนลองฟังดู

เออเส้นตื้นเหมือนพี่เอย์เดี๊ยะเลยว่ะ

“เปิดกระจกดิ่ ลองสูดอากาศแถวนี้ดู” ผมมองวิวข้างทางมืดมาก อากาศด้านนอกท่าทางจะเย็น พี่เชนกดกระจกลงให้อัตโนมัติจากฝั่งพี่เขา ลมหนาวพัดโกรกเข้ามาแรงมากผมหนาวเลย แต่อากาศดีสุด ในกรุงเทพนะหากลิ่นแบบนี้คือไม่มี บอกเลย

“ใส่เสื้อซะ หนาว” ผมรีบเอาเสื้อที่ห่มอยู่ขึ้นมาใส่ ไม่สนแล้วจะของใครคืออากาศเย็นมากจริง ๆ พี่เชนใส่คลุมอยู่แล้วคงไม่หนาวเท่าผม

“พี่เชนผมชอบที่นี่ว่ะ หอมดิน หอมกลิ่นธรรมชาติ”

“ปิดกระจกขึ้นอีกนิดปิง เดี๋ยวเป็นหวัด แสบจมูกไหม” ผมทำจมูกฟุดฟัดเออแสบนิดๆนะ อากาศชื้น ๆ กดกระจกปิดขึ้นเหลือช่องให้อากาศเย็น ๆ จากภายนอกเข้ามาลมตีผมยุ่งเหยิงไปหมด พี่เชนหันมาเห็นหัวเราะผมใหญ่เลย

“กระเซอะกระเซิงเชียวนะมึง”

“ใครล่ะเปิดกระจกให้เนี่ย”

ในที่สุดกระจกปิดขึ้นจนสุด รถวิ่งเข้ามาในตัวเมืองผมต่อสายหาพี่ซ่าร์ทันที





Tbc.