# 21 เวลาไม่เคยพอ....
ช่วงนี้พี่เอย์ดูเครียดๆ
“พี่เอย์ครับเดี๋ยวผมแวะดูหนังสือหน่อย”
เมื่อตอนเย็นเรามาเดินซื้อของกันที่ซุปเปอร์ผมเห็นยังพอมีเวลาเหลือเลยชวนมันขึ้นมาเดินเล่นที่ชั้นบน
“พี่!”
ผมฉุดแขนมันไว้ คือเมื่อกี้มันคงจะไม่ได้ยิน เดินเตลิดร้านหนังสือไปผมนี่เลี้ยวแล้วนะต้องเดินกลับมาดึงมันอีก
“มึงจะแวะ?” มันทำหน้าสงสัย “โทษที”
ผมได้หนังสือเกี่ยวกับซอฟต์แวร์มาสองเล่ม
ส่วนคุณชายผมเห็นมันไปดูหนังสือเกี่ยวกับงานวิศวกรรมอะไรของมันน่ะแหละพักนึงก็เดินเข้ามาหาผม
“เสร็จยัง
หิวแล้วว่ะ” มันถาม แล้วดึงเอาหนังสือในมือที่ผมเลือกไว้ไปถือให้
“เดี๋ยวผมดูตำราอาหารเล่มใหม่ได้ไหมพี่”
“ตามใจดิ่ ทำไม? เล่มนั้นไม่เห็นว่ามึงจะทำได้ครบเลย”
“หูยพี่เอย์ครับ
เล่มนั้นมันเป็นภาษาอังกฤษนี่ ผมอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจเลย ขอเล่มใหม่เป็นภาษาไทยนะครับนะ
อ๊ะ เล่มนี้ดีๆๆ” ผมยื่นให้มันดูขอความคิดเห็น พี่เอย์หันมาดูๆแล้วมันก็ยิ้ม
ผมเลยยัดใส่อกมันเลย เราเดินไปจ่ายตังค์ผมบอกเดี๋ยวของผมๆจ่ายเอง
พี่เอย์มองตาเขียวผมรีบขยับๆๆๆเลี่ยงมาดูพวกปากกาดินสอสมุดอยู่ใกล้ ๆ
ปล่อยให้มันจ่ายเงินไป
“อ๊ะ! ขอโทษครับ” ผมสะดุ้งแทบทรงตัวไม่อยู่
คือผมชนแล้วเหยียบเท้าใครสักคน แบบเต็มตีนเลยนะเซเลยดิ ผมรีบยกมือขอโทษ หนังสือในมือเขาหล่นกรูเลย
“ขอโทษจริง ๆ
ครับพี่ผมขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ผมรีบก้มลงไปรวบเก็บหนังสือ
เขาเองก็ลงมานั่งเก็บด้วยกัน พ่อคุณเอ๊ยยยทำไมซื้อหนังสือเยอะแบบนี้วะ เป็นตั้งอ่ะมีแต่หนังสือไอทีทั้งนั้น
มีเล่มออกใหม่แบบที่ผมซื้อด้วยนะเล่มเดียวกันเปี๊ยบ
“มีอะไรปิง/มีอะไรเหรอเชน”
เสียงพี่เอย์กับเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกัน พี่เอย์เดินเข้ามาหาผม
ส่วนผู้หญิงสวยๆคนนั้นเดินเข้าไปยืนข้างพี่ผู้ชาย
“ผมชนพี่เขาน่ะครับ
ของหล่นหมดเลย” ผมบอกพี่เอย์พร้อมกับยื่นหนังสือเล่มสุดท้ายส่งให้เขาคนนั้น
ค้อมศีรษะให้อีกครั้ง คืออยากจะสื่อว่าผมขอโทษมากจริง ๆ ผู้หญิงข้าง
ๆช่วยรับหนังสือจากพี่ผู้ชายไปถือ สองคนน่าจะรุ่น ๆ เดียวกับพี่เอย์มั้งนะ
“ไม่เป็นไรครับน้อง”
“ขอโทษจริง ๆ
ครับพี่ ผมไม่ตั้งใจนะ”
“หึหึหึ
รู้สิครับ ใครจะตั้งใจเดินชนกันได้ล่ะเนอะ” ผมฉีกยิ้มส่งให้พี่เขาไปทีเจอไอ้คุณชายมองตาเขียว
ผมเลยรีบเดินมายืนซ้อนๆหลังกระตุกเสื้อมันบอกให้รู้ว่าทำหน้าให้ดีๆหน่อย
คือไม่มีอะไร ผมอยากจะขอโทษพี่เขาเท่านั้นจริง ๆ
“ไปกันได้แล้ว”มันว่าอย่างอารมณ์เสีย
ผมค้อมหัวให้รุ่นพี่คนนั้นอีกครั้งก่อนโดนคุณพี่เอย์ลากออกมาจากร้าน
จับดูมือตัวเอง คือตอนที่ชนกันสันหนังสือเล่มนึงหล่นกระแทกเข้าที่หลังมือผมแบบเต็ม
ๆ เลยรู้สึกปวดๆ
“ยืนยังไง
ซุ่มซ่าม” พี่เอย์หน้าบูดพูดเสียงเครียด
“เอ๋า
ใครจะไปตั้งใจล่ะพี่ ดูดิ่ มือเขียวเลยเนี่ย”
“จิ๊! สมน้ำหน้ามึง”
มันว่าหน้างอผมเลยยู่หน้าแกล้งบ่น
ๆ มันไปอิพี่เอย์หันมาเห็นพอดีมันเลยผลักหัวผมจนหน้าเงิบเลย ผมรู้เหอะมันงอนผม
“พี่เอย์”
นี่คือผมง้อนะ เราก้าวลงบันไดเลื่อนมาด้วยกัน
“..........”
“พี่เอย์ครับ
โกรธไรเนี่ย” ผมรีบแทรกๆตัวไปยืนอยู่ชั้นที่ต่ำกว่ามันเอาหลังดัน
ๆ พุงมันแล้วหันไปดู พี่เอย์อมยิ้มนิดๆแล้ว ผมเลยแกล้ง ๆ เอาหัวพิงพุงมันอีก
คราวนี้มันยกสองแขนกอดคอผมเลยคางนี่ตั้งลงที่ศีรษะผมได้พอดี คือคุณพี่ไม่แคร์ใครเลย
“ข้าวเย็นเอาไง
เอ็มเคป่ะ หรือจะกินฟูจิ” มันเอียงหัวถามข้ามไหล่มา
“ผมทำดีไหมพี่
เดี๋ยวกลับไปทำให้แปปเดียว วันนี้จะทำกุ้งชุปแป้งทอดให้ด้วยนะ”
“กินกับอะไร”
“ลาบหมู
ป๊อกๆๆๆๆๆ” ผมตอบแล้วทำมือแบบสับๆๆ
“หือ??” มันทำหน้าช็อคผมหัวเราะร่า ยังจำได้ดี ครั้งแรกที่ทำอาหารให้คุณชายทาน
ลาบหมูคือสิ่งที่มันไม่แตะต้องเลย
“พี่ก็ต้องลองสิครับ
เดี๋ยวผมทำแบบไม่ใส่พริก ทำแบบรสชาติเด็กๆกินให้เลย ลองกินดูนะๆ”
พี่เอย์ทำท่าคิดหนักมันเงียบไปเลยจนกระทั่งเราเดินมาถึงที่รถ “งั้นมึงก็ทำเอ็นไก่ทอดเหมือนวันนั้นด้วยดิ่”
“ทำไมครับ
พี่จะกินเหรอ”
“อือ เดี๋ยวลองดู”
“กินจริงนะไม่ใช่ให้ผมทำเก้อเสร็จแล้วพาออกมากินนอกบ้านเหมือนคราวนั้นล่ะ”
“หึหึ”
มันหัวเราะในคอเบา ๆ ปรายสายตามาที่ผมนิดๆ
ผมเลยแกล้งหรี่ตาขู่มันไปทำท่าเหมือนกำลังปาดคอมัน “ถ้าครั้งนี้ทำแล้วไม่กินนะ ผมเชือด!” มันทำท่าแกล้งตาย แอร่ก! คึคึคึ
เราเล่นกันมาจนกระทั่งรถแล่นมาจอดที่คอนโดหรูหราของคุณชาย
“พี่เอย์ไปอาบน้ำเถอะครับเดี๋ยวออกมาอาหารเสร็จพอดี”
ผมกับมันเดินหอบสารพัดถุงมาวางไว้ที่โต๊ะอาหารในครัว
เป็นผมที่จัดการแยกประเภทข้าวของ
“ไม่ให้กูช่วย?”
“พี่อยากกินข้าวตอนห้าทุ่มเหรอครับ”
“กูช่วยสับหมูไง
ไม่นานหรอกกูจะหัด ” มันเดินเข้ามาผูกผ้ากันเปื้อนให้ผมอีกแล้ว ผมที่กำลังจะหันไปล้างผักโดนมันดึงไว้แล้วใช้มือเกลี่ย
ๆ ปอยผมที่ตกลงมาปรกตาออกให้
“ผมยาวแล้วนี่
ไปซอยออกหน่อยดีไหม” มันพยายามเหน็บทัดหูให้แต่คือมันยังยาวไม่ถึง
ผมเลยจับมือมันไว้
“ยาวที่ไหนพี่ยังทัดหูผมไม่ได้เลยเหอะ
แสดงว่ายังสั้นอยู่ดิ่”
“หึหึ
มึงผู้ชายนะถ้าทัดได้นี่กูว่ามันจะแปลกๆแล้ว ไปไหม พรุ่งนี้พาไป” มันว่าแล้วสอดมือเข้าที่เอว
ผมเลยรีบเบี่ยงตัวออก
“ไม่อ๊าววว
ไม่เล่นแล้วพี่เข้าไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวผมทำอาหารไว้ให้” ผมขืนตัวไว้จะหันไปอีกทางแต่พี่เอย์นี่เป็นไรไม่รู้มันดึงผมไว้ตลอดเลย
“มานี่ดิ่
เดี๋ยวพาไปดูอะไร” มันดึงมือผมพาเดินเข้าไปในห้อง แล้วหยุดอยู่แถว ๆ โต๊ะทำงานมัน พี่เอย์หยิบปฏิทินแบบตั้งโต๊ะขึ้นมาให้ดู
“อะไรครับ”
ผมเห็นรอยขีดในทุกๆวันที่ๆผ่านพ้นมาแล้ว
พี่เอย์ชี้ให้ดูวงกลมสีแดงที่มันเขียนรูปหัวใจเล็ก ๆ ใส่ไว้สองดวงคู่กันในวันอาทิตย์หน้า
ที่กำลังจะมาถึง ผมรู้ทันทีเลย
“ทำไมอ่ะพี่”
แกล้งถาม ความจริงเก็ตแล้วล่ะแต่ทำท่าเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“จิ๊! นี่มึงไม่เคยจำอะไรเลย”
“จำอายัยเย๋ออออ”
ผมแกล้งลากเสียงเอ๋อๆ คืออยากแกล้ง หมั่นเขี้ยวคน
“เออช่างหัวมึง
จำไม่ได้ก็ไม่ต้องจำไว้ถึงวันนั้นแล้วก็จะสร้างความทรงจำใหม่ ๆ
ให้มึงเองรับรองประทับใจแบบมิรู้ลืมแน่นอน”
“โหววถึงขนาด
มิรู้ลืม เลยเหรอพี่”
“ลองดูไหมล่ะ
มึงกับกูใครจะเก่งกว่ากัน”
“อย่ามาท้าเหอะ”
“เปล๊า”
มันยักไหล่ “ไม่ได้ท้า”
“พี่ให้ผมกดพี่ดิ่
ถ้าเป็นแบบนั้นผมให้พี่เก่งกว่าเลย”
พี่เอย์ตาเขียวปั๊ดผมรีบวิ่งหนีออกมาในครัวเลยสิครับจะอยู่รอคุณชายโบกกะบาลเหรอ
มันวิ่งตามออกมาแล้วทำท่าเหมือนจะเตะผมหลบได้มันรวบตัวผมไว้เลย
นี่ขนาดผมยืนอยู่หน้าซิ้งค์ล้างผักแล้วนะมันนี่ก็กวนผมตลอด
“วันนี้ค้างไหม”
พี่เอย์สอดมือเข้าที่เอวผมจูบลงที่ต้นคอแล้วถาม
“...ได้เหรอพี่”
ผมฉุกคิดนิดนึงก่อนหันไปหามัน คือก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอก
แต่ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรนะ เพราะว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่คุณแม่พี่เอย์รู้เรื่อง มันถูกเรียกไปนอนบ้านทุกวันเลย เอาเป็นว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้มันไม่ได้นอนที่ห้องตัวเองเลยแม้แต่คืนเดียว
“..............”
พี่เอย์จ้องหน้าผมนิ่ง
สายตามันราวกับว่ากำลังโทษตัวเองอยู่มาก ผมรู้ว่ามันเองมีเรื่องไม่สบายใจ
ทุกวันที่มันกลับไปนอนที่บ้านตอนเช้ามันจะรีบกลับมาที่ห้อง
บางครั้งเป็นผมเองที่มาถึงก่อนมันด้วยซ้ำ พี่เอย์จะนิ่งและเครียด หน้าตาดูไม่มีความสุข
เป็นผมที่ต้องงัดสารพัดมุขมาเล่นกับมันจนมันหายแล้วกลับมาหัวเราะได้เหมือนเดิมพอถามว่าไปเจออะไรมาเล่าให้ผมฟังได้นะมันก็บอกแต่ว่าไม่มีอะไรเดี๋ยวจัดการเอง
ให้ผมเป็นผมเหมือนเดิมกับมันแบบนี้ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของใคร
แม่พี่เอย์ไม่เคยแวะไปที่ร้านอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น
“ครับ
วันนี้ผมจะค้าง” รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากมันอีกครั้ง
ผมเลยแซวว่ามีความสุขมากเหรอแค่รู้ว่าผมจะค้างด้วยเนี่ย
คุณชายยิ้มร่ากลับมาแล้วบอก
“ไม่เห็นสนใจหรอก
จะค้างไม่ค้างไม่เกี่ยว”
“แน่เหรอ
พูดจาแบบนี้ใช่ไหม เดี๋ยวเหอะๆ ไม่ค้างด้วยงั้นบอกเลย”
“ลองดิ่”
“เอาจริงดิ่”
RRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะผมที่กำลังเล่นกับมันอยู่
พี่เอย์หน้าเสียทันทีทุกอย่างระหว่างเราสองคนหยุดชะงัก มันล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วมองหน้าผม
สายตาคือผมรู้เลยว่าเป็นใครที่โทรมา มันเดินเข้ามาคว้าเอาหัวผมเข้าไปซุกอกมันแล้วขยี้
ผมรู้ว่านี่คือการปลอบใจของมัน ในที่สุดมันก็กดรับสาย
“........ครับแม่”
ผมมุดออกมาจากวงแขนมันหันหลังแล้วค่อยๆถอดผ้ากันเปื้อนออก
รู้แล้วว่าทุกอย่างคงจบแล้วสำหรับวันนี้ เราสองคนไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยกันมาอาทิตย์นึงเต็ม
ๆ ตอนแรกผมไม่คิดอะไรมากนะแต่คือทุกวันนี้มันเหมือนกับผมโดนกันออกให้ห่างจากพี่เอย์ตลอด
ผมไม่รู้พี่เอย์ต้องเจอกับอะไรบ้าง กลับมาจากบ้านทีไรหน้าตานี่คือเครียดไปมาก
ผมเองก็ไม่อยากจะงอแงทำตัวมีปัญหาให้มันปวดหัวอีกเลยได้แต่เงียบไว้เชื่อใจว่ามันจะจัดการเรื่องที่บ้านได้ในเร็ววัน
“ปิง”
มันเดินเข้ามากอดเอวผมไว้ ตัวมันสั่นนิดๆด้วย ผมรู้มันกลัวผมไม่สบายใจ
แล้วผมคนนี้จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากหันไปพยักหน้าบอกมันเบา ๆ ว่าผมเข้าใจ ไม่เป็นไร
พี่กลับบ้านไปเถอะครับไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก
“ทำต่อสิ
ไหนให้กูช่วยล้างอะไรบ้าง” มันจับผ้ากันเปื้อนขึ้นมาใส่ให้ผมใหม่ ผูกโบว์ด้านหลังให้อย่างเคย
หยิบมะเขือเทศยื่นส่งให้ ผมมองมันอย่างชั่งใจเลยนะ คือผมรู้แล้วล่ะว่ามันน่ะโดนตามตัวกลับบ้านแต่ก็ยังอยากจะกินข้าวด้วยกันกับผมก่อน
ผมตัดสินใจหันไปส่งยิ้มกว้างให้มันก่อนรับของในมือมันมา
“งั้นเดี๋ยวผมรีบทำเลยเราจะได้รีบทานแล้วพี่จะได้รีบออกไปนะครับ”
คืนนั้นเราสองคนนั่งทานข้าวข้างกันเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งสัปดาห์
ไม่มีโทรศัพท์เรียกมาอีกเลยเพราะพี่เอย์ปิดมือถือไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่มันยอมชิมลาบหมูสำหรับเด็กอนุบาลที่ผมปรุงให้โดยเฉพาะคุณชายทำหน้าเหยเกบอกไม่ชอบ
ผมเลยให้มันชิมเอ็นไก่ทอดแทน คือกว่าจะตัดสินใจทานลงไปได้คิดนานประมาณหนึ่งนาที
ผมให้มันจิ้มซอสมะเขือเทศของชอบมันและยังมีแกงจืดเต้าหู้ที่ผมตั้งใจปรุงให้จืดมากที่สุด
เพราะอย่างนั้นอาหารมื้อนี้พี่เอย์จึงทานได้เยอะ
มันกินทุกอย่างยกเว้นลาบหมูท่าทางคือไม่ชอบจริง ๆ
“เอารถจอดไว้ที่นี่ดีไหม
เดี๋ยวกูไปส่งมึงก่อน” เราเดินลงมาถึงชั้นล่าง
พี่เอย์เดินตัดตัวตึกมาส่งผมที่รถมอไซด์
“ไม่เป็นไรพี่เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมต้องไปช่วยแม่กับพี่ขมเปิดร้าน
แล้วพรุ่งนี้พี่เอย์จะเข้ามาตอนไหนครับ”
“ยังไม่รู้เลย
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะเป็นช่วงเช้า”
“อะไรคือถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด”
พี่เอย์ถอนใจยาว
มันจ้องหน้าผมนิ่ง “ปิง คืนนี้กูกะว่าจะเคลียร์กับคุณแม่ให้รู้เรื่อง
เรื่องของเราคงปล่อยผ่านไปไม่ได้แล้วคุณแม่เริ่มล้ำเส้นกูมากเกินไป”
“พี่เอย์ครับ”
“ไม่เป็นไร กูโอเค”
ตกดึกเราสองคนต่างก็แยกกันไป
ผมกลับไปนอนที่บ้านเพราะช่วงนี้ปิดเทอมแล้วผมชอบไปช่วยแม่เปิดร้านตอนเช้า ๆ
เปิดเพลงเก่าเพราะๆให้แม่ฟังขณะที่พี่ขมกับแม่เดินจัดหน้าร้านกันไปเรื่อย ๆ
ความจริงชีวิตคนธรรมดาอย่างผมก็เรียบง่ายและดีพอเพียงทุกอย่างเลยนะ
ก็อย่างที่แม่พี่เอย์เคยพูดไว้
คนเราถ้าพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีไม่ทะเยอทะยานอยากได้อยากมีในสิ่งที่เกินเอื้อมคว้าชีวิตก็จะมีความสุขมาก
คำพูดนี้ไม่ผิดเลย
ผมกับครอบครัวของผมถึงเราจะจนแต่เราก็พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีและเป็น
แต่สิ่งหนึ่งที่มันผิดพลาดและบิดเบี้ยวไปนั่นคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่เอย์
เธออยู่สูงแสนไกลจากตรงนี้.......ฉันเข้าใจดีเราต่างกัน
แต่บังเอิญเธอมีหัวใจให้ฉัน....เรารักกัน..ฉันโชคดี
.
.
“เหี้ยเหอะ! หมาบาสมึงมันจะเกินไปแล้ว
กูจะไปทำได้ไงวะท่าพิเรนๆแบบนั้น”
“เอ๊ามันจะไปยากตรงไหน
พี่นอนอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวคุณพี่เอย์เขาทำให้พี่เองแหละ เพียงแต่พี่ก็จำๆเอาไว้ถึงเวลาจะได้ไปบอกพี่เขาว่าอยากได้แบบนั้นแบบนี้”
“ถุย! ไอ้หมา มึงมันชั่วไอ้ทุเรศไอ้อุบาตร ใครจะไปบ้าทำท่าหกคะเมนตีลังกาได้แบบนั้น
เปลี่ยนแผ่นเลยสัส!”
ไม่อยากจะบอกเล้ยยยวันนี้หลังช่วยคุณตะนาวศรีเธอเปิดร้านผมรีบตรงดิ่งมาที่หอไอ้บาสมันทันที
เอาเป็นว่าปลุกมันตั้งแต่มันยังไม่แหกขี้ตาตื่นนั่นแหละครับ ส่วนไอ้วุฒิพอรู้ว่าผมมามันก็ตามมาสมทบทีหลัง
อย่าถามนะว่าปิดเทอมแล้วทำไมบาสกับวุฒิไม่กลับบ้านเพราะตอนนี้พวกเรากำลัง ๆ
เลือกๆที่ๆจะเรียนต่อกันอยู่พวกผมจบปวส.กันมาเพราะงั้นกำลังดูที่ทางอยู่ว่าจะไปต่อปริญญาตรีในสาขาไหนดี
“ฮู้วไรของพี่ไม่รู้
เปลี่ยนจนจะยี่สิบแผ่นแล้วเนี่ย
แล้วไอ้ที่ผมโหลดๆมาไว้ให้นี่ตกลงคือไม่ดูจะดูพวกแผ่นว่างั้น”
“มึงกล้าทำเสียงรำคาญกูเหรอ
เดี๊ยะเหอะๆ วุฒิมึงจัดการหมาบาสให้กูทีซิ” ผมยัน ๆ
เตะๆมันไปคือตอนนี้ก็นอนเกลือกกลิ้งกันอยู่ที่พื้นล่ะนะ
ฟิ้วววว~~
“โหววลูกพี่ปิงเล่นแรงว่ะ
แผ่นผมเป็นรอยหมดเหอะขว้างกันแบบเนี๊ย”
“ก็กูบอกให้มึงเปลี่ยนแผ่นไงลีลาอยู่ได้สมน้ำหน้า”
“ก็พี่เลือกเป็นสิบแล้วเนี่ย
จะให้น้องบาสคนนี้ไปหาจากที่ไหนมาให้อีกล่ะคร้าบบบบ”
ไอ้บาสแม่งเถียงคำไม่ตกฟากจริง ๆ วุฒิมันคงรำคาญพวกผม เห็นเดินไปเปิดลิ้นชักใต้ทีวีไอ้บาสสักพักได้แผ่นออกมาเต็มสองมือมันเลือกหยิบออกมาแผ่นนึงแล้วยื่นส่งให้ผม
“เฮ้ย! เกือบรับไม่ทันไอ้เหี้ย”
“เจ๋งสัสๆแผ่นเนี๊ยะ”
“จริงดิ่” ผมถาม
มันตีคิ้วตอบรับ ผมเลยส่งให้ไอ้บาสมันไปเปิด
ด่ามันไปทีว่าแผ่นดีๆแบบนี้ล่ะไม่ยอมเอามาให้กูดู รู้ไหมมันตอบว่าไง
มันบอกแผ่นนี้รักมว๊ากกมันกลัวเป็นรอยใช้บ่อย ผมเลยด่ามันไป ไอ้เหี้ย! พวกมึงจำเป็นต้องใช้อ่อ
มีแต่กูนี่แหละ
คือพรุ่งนี้แล้วไง
ครบสามเดือนของผม
วันที่พี่เอย์มันวงกลมแล้วเขียนรูปหัวใจสองดวงไว้ที่ปฏิทินนั่นแหละ
“เป็นไงพี่
เจ๋งใช่ป่ะ”
“เออ”
ผมตอบรับมัน แผ่นนี้นักแสดงแม่งมีแต่หน้าตาดีๆทั้งนั้น ฝ่ายรับเซ็กซี่เร้าใจหน้านี่ฟินมาก
ส่วนฝ่ายรุกก็หน้าตาดีลีลานี่เด็ด ผมก็ดูๆไปจำไว้ด้วยว่าควรทำอะไรยังไงตรงไหน
คุณต้องเข้าใจนะนี่มันครั้งแรกของผม
จะยอมเปิดซิงตูดให้คนที่เรารักทั้งทีจะให้มานอนแข็งทื่อเป็นขอนไม้แบบนั้นผมไม่เอานะครับ
เพราะขนาดผมนอนกับผู้หญิงคนไหนนอนเฉย ๆ
ไม่ช่วยไม่ร้องไม่มีรีแอคเด็ดๆนี่ผมเบื่อเร็วนะ เอาจริง ๆ
“มึงแน่ใจแล้วป่ะวะปิง”
จู่ ๆ ไอ้วุฒิถามขึ้น มันไม่ค่อนสนใจหนังหรอกมันนอนอ่านหนังสือรถอยู่บนเตียงแคบ ๆ
ของหมาบาสเงยหน้าขึ้นมาถาม
“เออ”
“แล้วพี่เอย์เขาทวงเหรอ
หรือว่าไงที่มึงมานั่งศึกษาลีลาอยู่เนี่ย
พี่เอย์เขารู้ป่ะวะหรือเขาว่าไงบ้างพรุ่งนี้มึงต้องเจอของจริงแล้วนะเว่ย”
จะว่าไปผมไม่ได้เจอพี่เอย์กี่วันแล้ววะ
ครั้งหลังสุดนี่คือได้เจอแปปเดียวตอนที่พี่เอย์มันแวะไปหาที่ร้านแล้วพาผมออกไปทานข้าวด้วยกันผมบอกจะไปทำให้ที่ห้องมันก็บอกไม่เป็นไรรีบกลับ
พอถามว่ากลับไหนมันบอกช่วงนี้นอนที่บ้านตลอด
แล้วคือผมดูรู้นะพี่เอย์หน้าตาไม่ค่อยโอเคอ่ะคือปกติมันจะดูแลตัวเองใช่ไหมหนวดนี่คือโกนทุกวันนะครับทั้งเช้าทั้งเย็นเข้าห้องน้ำทีไรเสียงเครื่องโกนหนวดคือดังลอดออกมาตลอด
แต่ครั้งล่าสุดที่เจอคือไม่ใช่เลยว่ะ หน้าตาก็โทรมเหมือนคนไม่ค่อยได้นอน
อาการหนักยิ่งกว่าตอนมันสอบไฟนอลครั้งล่าสุดเสียอีก
“กูไม่ได้เจอพี่เขาเลยว่ะตั้งแต่วันพุธแล้ว”
“เฮ้ยจริงดิ่”
“อือ”
“อ้าวแล้วพรุ่งนี้คือ?
พี่เขาจะมาให้มึงเจอป่ะล่ะ
มึงอย่าบอกนะว่ามึงเตรียมตัวเก้อเนี่ย แบบนั้นไม่เข้าท่าหนาเว้ย ลูกผู้ชายแบบเราคำไหนคำนั้น
บอกว่าจะให้คือให้ มึงพูดเองบ่อย ๆ นี่หว่า”
“สัสวุฒิครับวันนี้มึงเป็นไรมากป่ะ
ซักกูจังนะมึง”
“ตอบดิ่”
“นั่นดิ่ลูกพี่
ผมเองก็อยากรู้นะ” ไอ้บาส ไอ้หมาเสือกมันยื่นหน้าทำตาแป๋ว ๆ มองผมกับไอ้วุฒิคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“กูไม่รู้หรอกว่าพรุ่งนี้พี่เอย์เขาจะมาหากูได้รึเปล่า
แต่นี่คือสัญญาของพวกเรา กูจะรอพี่เขาอยู่ที่ห้อง ลิมิตแค่หกทุ่มถ้าไม่มาทุกอย่างคือจบ”
“ห๊าาาาาา ถึงขนาดจะเลิกเลยอ่อ”
“เปล่าไม่ใช่จบแบบนั้นฮู้วมึงนี่ กูหมายถึงจบเรื่องอย่างว่า อยากไม่มาเองกูก็จะไปโฟกัสเรื่องเรียนกูก่อนอาจจะขอเลื่อนต่อไปอีก”
“เซ็งว่ะ”
“อ้าวถ้าอยากได้กูก็ต้องมาให้ตรงวันดิ่วะ
ของดีไม่ได้มีบ่อย ๆ นี่เนอะ โอ๊ยยยยยย ไอ้เหี้ยวุฒิ!!!!!!!” ดู๊ดูมันเบะปากก่อนจะถีบผมจนกระเด็นไปติดขาโต๊ะเลยอ่ะ
ไอ้วุฒิแม่งคงหมั่นไส้ผมแหละปกติมันเล่นแรงกับผมที่ไหน
ผมชี้หน้ามันพร้อมแว๊ดๆๆด่าไปไอ้วุฒิแม่งลุกจากเตียงอ่ะมันเลียปากแล้วเดินมาหาผม
คือท่าทางแม่งน่ากลัวมาก
“ไหนให้กูพิสูจน์ดิ๊ของมึงดีจริงป่ะ”
มันว่าพร้อมลากผมจะเหวี่ยงขึ้นเตียงไอ้บาสนี่นั่งเงียบเลย
ผมทั้งเตะขาทั้งดิ้นคือตอนนี้มันอุ้มพาดบ่าตัวลอยอ่ะเอาง่าย ๆ
“ม่ายยยยยอ๊าวววววว
วุฒิกูไม่เล่น เหี้ยปล่อยกู๊วววว อึ๊กก!!!!!!”
ผมจุกสัสๆอ่ะมันโยนผมลงที่เตียงเลย กระโดดทับลงมาอีกด้วย
“วุฒิ!” คือผมตกใจจริงนะวุฒิมันเล่นบ้าไร มันยกมือขึ้นมาปิดปากผมไว้
“ไหวไหม” หือ??มันถามไรวะ ผมทำหน้าทำตาสงสัย
“พี่เอย์กับกูตัวพอๆกัน
มึงคิดว่ามึงรับน้ำหนักพี่เขาไหวป่ะวะ” ผมรีบพยักหน้ารัวเลย
คือตอบไม่ได้มันปิดปากผมไว้แน่นมาก
“ดีมากนี่คือกูจะสอนมึง
ถ้ามึงคิดว่าไม่ไหวก็ให้ทำแบบไอ้ฝ่ายรับในหนัง ออนทอปซะ” คราวนี้มันพลิกตัวผมทันทีคงกะว่าจะให้ตัวมันลงไปนอนอยู่ข้างล่างแล้วให้ผมนั่งอยู่บนตัวมัน
แต่ฝันเถอะครับท่าทางแบบนั้นผมไว้ทำกับที่รักผมคนเดียวเหอะ
ผมเลยอาศัยช่วงจังหวะเผลอแว๊ปเดียวของมันยันโครมมันทีเดียวร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นข้างเตียงเลยดิ่
คือมันตกเสียงดัง ตุ๊บบบ เลยเหอะ
“จิ๊! สมน้ำหน้ามึง”
“ไอ้เหี้ยปิงกูหวังดีมึงนี่มัน
โอ๊ยยยบาสดูให้กูทีสะโพกกูร้าวแล้วเชี่ยเอ้ย” มันร้องลั่นเลย
เรียกหมาบาสเข้าไปดูสะโพกมันให้ คือเมื่อกี้ผมไม่ออมแรงเลยนะถีบสุดตีนอ่ะ ง่ายเลย
“เฮ้ยขอโทษเจ็บจริงเหรอวะ”
ผมเริ่มเสียงอ่อน ไอ้บาสกำลังเอายาหม่องมานวดให้มันเขียวเลยเหอะใกล้ ๆ กับเอวคือก้นกระแทกลงที่พื้นแต่ตรงสะโพกบนโดนขอบเตียงอ่ะ
ผมล่ะหน่ายมันจริง ๆ ตัดสินใจแย่งขวดยาหม่องจากหมาบาสมาแล้วลงมือทาๆนวดๆให้มันเอง
เดี๋ยวจะว่าไม่ดูแลยามที่เพื่อนเจ็บอีก
โหยไอ้ห่า!
.
.
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำมืดก่อนจับรถแล้วสตาร์ทขับออกจากสนามฟุตบอล
คือผมเองก็ใช้ชีวิตปกติของผมนะ ตื่นเช้าไปช่วยแม่ที่ร้าน
ถ้าเป็นวันธรรมดาผมจะอยู่ช่วยจนถึงตอนเย็นแล้วค่อยออกไปเตะบอล
แต่ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ผมจะไปทำงานที่ห้องพี่เอย์มากกว่าแล้วตอนเย็นคือไม่ได้เตะหรอกครับบอลน่ะ
พี่เอย์จะลากผมไปโน่นนี่นั่น ส่วนใหญ่ก็ซื้อของเข้าห้องไม่ก็ออกไปทานของอร่อยๆกันดูหนังเดินห้าง
เรื่อยเปื่อย
แต่อย่าถามถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี่นะ
เราสองคนเจอกันถึงสามครั้งไหมผมเองก็ไม่อยากจะนับหรอกส่วนเรื่องคุยโทรศัพท์น่ะคุยทุกวันครับแต่ก็แค่ครั้งเดียวนะคือก่อนนอน
แล้วคือพี่เอย์แปลกมากมันไม่ยอมให้ผมวางจนผมหลับคาไปกับมือถือทุกคืน
เป็นแบบนี้ตลอดขนาดเมื่อคืนก็ยังเป็น
จริง ๆ
วันนี้เป็นวันอาทิตย์และเป็นอาทิตย์ที่สำคัญมากๆของผมเสียด้วย ปกติจะไม่มาเตะบอลนะ แต่คุณเชื่อไหมว่าผมไปทำความสะอาดห้องดูแลทุกเรื่องรอคุณชายตั้งแต่เก้าโมงเช้ากระทั่งบ่ายสามโมงมันก็ยังไม่โผล่มา
โทรหาสักสายนี่ยังไม่มี พอผมโทรไปกลายเป็นมันรับแล้วบอกเดี๋ยวโทรกลับเหมือนกำลังเครียดและมีเรื่องอะไรอยู่
จนป่านนี้แหละผมยังไม่เห็นว่ามันจะโทรกลับมา
ผมขับรถมาเรื่อย
ๆ ในเส้นทางที่ผมคุ้นชิน จุดหมายคือห้องของพี่เอย์
“ฮัลโหลครับ”
เสียงมือถือดังขึ้นผมที่กำลังขับรถเลี้ยวเข้ามาในคอนโดมันพอดีรีบจอดแอบๆๆแล้วเอาขึ้นมากดรับ
พี่เอย์โทรมา มันถามว่าผมอยู่ไหน เสียงเครียดมาก
“กำลังจะถึงห้องพี่แล้วครับ พี่เอย์อยู่ไหน”
ใจผมนี่กลัวมากเลยนะกลัวมันจะตอบว่า อยู่บ้าน วันนี้นอนบ้านอีกอะไรแบบนั้น คือวันนี้เมื่อถึงสัญญานัดของเราแล้ว
มันเองก็ควรจะให้ความสำคัญไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงทำเหมือนเรื่องของผมไม่สำคัญเลยแบบนั้น
“กำลังออกมาจากบ้านเดี๋ยวจะถึงห้องแล้วเหมือนกัน”
“คืนนี้พี่ค้างได้เหรอครับ”
“...........” มันเงียบไปพักนึง
“พี่เอย์?” นานจนผมต้องเรียกมันอีก
“ค้างได้สิ”
ตอบมาแค่นั้นแล้วสายก็เงียบไปอีกแล้ว
ผมนึกว่าสัญญาณไม่ค่อยดีหรือไงเลยกดตัดสายทิ้งไปเลย พอถึงห้องผมก็ไปเปิดตู้เย็นเช็คเรื่องอาหารเผื่อบางทีมันอาจจะยังไม่กินอะไรมา
แต่ดูเวลาอีกทีคือนี่มันจวนจะสามทุ่มแล้ว หรือว่าจะกินมาแล้วอันนี้คือไม่รู้จริง ๆ
ทำไมเมื่อกี้ไม่ถามมันวะ ผมเองก็เริ่มสับสนคือความคิดตีกันวุ่นวายมาก
กริ๊กก...
เสียงเปิดประตูดังขึ้นผมละสายตาจากวิวสูงของแม่น้ำเจ้าพระยายามดึก
ที่แม้จะมองผ่านผนังกระจกใสแต่แสงไฟระยิบดวงเล็กๆยิ่งเสริมบรรยากาศให้สวยงามโดดเด่น
“อ่ะ...อื้มม” คือพี่เอย์เร็วมาก
มันเดินเข้ามาถึงตัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ดึงผมขึ้นมาแล้วใช้สองมือโอบประคองสองแก้มกดจูบลงมาหนักมาก
คือผมเซเลยนะเป็นมันที่ต้องใช้ตัวดันเอาไว้
มันไม่พูดไม่บอกอะไรเลยเข้ามาก็ระดมจูบผมอยู่แบบนี้
“อื้ออ....” ผมครางประท้วง
คือพี่เอย์เป็นอะไร?? มันเดินหน้าดันตัวผมให้ถอยหลังไปจนชิดผนังกระจกใส
“อี้เอย์...” ผมเรียกอู้อี้
คือกลัวด้วย ตึกมันสูงผมไม่ชอบมายืนริม ๆ อยู่ที่จุดนี้ พี่เอย์ยังระดมจูบลงมาไม่หยุด
คือจูบมาราธอนมากผมเริ่มพยายามควานหาอากาศเพื่อกอบโกยเข้าปอดแต่มันยังจูบไม่ปล่อยจนผมต้องยกสองมือขึ้นเกาะแขนมันไว้สองมือของมันที่ล็อคใบหน้าผมสั่นนิดๆ
“พี่เอย์ครับ...”
เมื่อได้จังหวะตอนมันเปลี่ยนองศาการจูบผมถึงกับเรียกมันใหม่ พี่เอย์จูบต่ออีกนิดในที่สุดมันยอมถอนริมฝีปากออกมา
ผมรีบโกยเอาลมหายใจเข้าปอด หอบเลยดิ่ ทั้งผมทั้งมันอ่ะ
“ปิง” มันเรียกผม แต่ทำไมรู้สึกน้ำเสียงเศร้าๆ
“เป็นไรพี่ ไม่เจอแค่สามสี่วันนี่อดอยากขนาดนั้นเลย?”
มันมองผมนิ่งจากนั้นจึงเผยรอยยิ้มให้เห็น
รอยยิ้มเล็กๆที่ผมไม่ได้เห็นจากมันนานแล้ว
พี่เอย์เอาหน้าผากตัวเองเข้ามาชนหน้าผากผม
ผมเสียวมากเลยนะกลัวกระจกมันจะหลุดลงไปว่ะแม่งอยากทำซึ้งทำโรแมนติกอยู่หรอกแต่คือเปลี่ยนที่พิงได้ป่ะวะ
ผมพยายามจะดันมันให้เดินออกไป อิพี่เอย์แม่งไม่ยอมมันยิ่งดันผมตัวนี่แทบจะแนบกระจกอยู่แล้ว
มันจ้องผมนิ่งเลย
“ปิง ถ้ามึงไม่เจอกูนานๆมึงจะคิดถึงกูไหม”
ดวงตาพี่เอย์เศร้ามาก
ผมมองมันอย่างคนนึกสงสัยเลย
“พี่เอย์?”
“ตอบดิ่ ตอบกูก่อน”
“คิดถึงสิครับ”
“จะคิดถึงกูจริงนะ
มึงจะลืมกูหรือเปล่า”
“เป็นไรอ่ะพี่
ทำไมถึงถามอะไรแบบนั้น”
“ตอบกูหน่อย
มึงจะไม่ลืมกูใช่ไหม” มันลูบหน้าลูบแก้มผม ลูบแล้วก็ลูบอีก
ทั้งสายตาที่โฟกัสลงมาราวกับคนที่กำลังตอกย้ำจดจำกันให้ขึ้นใจ
คุณเชื่อไหมมันจ้องผมจนผมเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของมันเลยนะ
“พี่เอย์ครับ?”
ริมฝีปากกดจูบลงที่หน้าผากผมเบา
ๆ ก่อนดึงแขนผมให้เดินตามมันเข้าไปในห้องนอน
“อาบน้ำด้วยกัน”
ผมสะดุ้งนิดๆ คือมันชวนอาบน้ำ? อย่าบอกนะว่าครั้งแรกของผมจะเสียงซิงในอ่างอาบน้ำแบบนั้นกูตายแน่ได้ยินข่าวว่าในอ่างโคตรลื่นถึงจะรู้สึกดีแต่คอนโทรลตัวเองยากสุดถ้าประสบการณ์ไม่สูงจริงมีสิทธิ์บาดเจ็บได้
“ผมเอ่อ...เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ยังไม่ทันได้พูดปฏิเสธหรอกครับมันน่ะลากผมแล้วจับยัดเข้าไปในห้องน้ำเลย คุณก็รู้ใช่ไหมความหื่นไม่เข้าใครออกใครหรอกในเมื่อวันนี้ผมเตรียมใจมาแล้วผมจะปล่อยทุกอย่างให้ดำเนินไป พี่เอย์จับผมเข้ามารับจูบโคตรแรงมันดันตัวผมเข้าไปในห้องอาบน้ำแคบ
ๆ ที่กั้นด้วยกระจกใส ๆ ผมที่ถูกต้อนจูบอยู่ไม่รู้เรื่องเลย จู่ ๆ
น้ำจากฝักบัวก็เปิดซ่าลงมา
มันไม่หลบด้วยนะผมกับมันตอนนี้เลยจูบกันอยู่ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำทั้งเสื้อผ้าเปียกโชกนั่นแหละ
“อืออ....”
ผมครางฮือ เสื้อผ้าเราเริ่มหลุดลุ่ยทั้งจากฝีมือมันและฝีมือผม มันแรงมาผมแรงไปนะบอกเลยไม่มีเก็บไม่มีกั๊กน้องปิงจัดเต็มครับพี่เอย์เองก็คงไม่ต่างหรอก
“ปิง...”
เสียงมันพร่าแหบเรียกให้ผมขยับตัวให้มันดึงเสื้ออกทางศีรษะได้สะดวก
ผมใส่เสื้อยืดเพราะงั้นเลยต้องยกมือขึ้นสูง
พี่เอย์เริ่มลามลงมาที่หัวเข็มขัดขณะที่ปากนี่ยังดูดลิ้นผมไม่ยอมปล่อยเลย เสียงครางจากลำคอมันเร้าอารมณ์ผมมาก
ตอนนี้เราต่างคนเหลือไม่เหลืออะไรติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว
“ปิง...” มันเรียกขึ้นอีกผมสอดมือเข้าในกลุ่มเส้นผมนุ่มที่ตอนนี้เปียกโชกไปด้วยสายน้ำ
คือพี่เอย์ต้องเป็นไรสักอย่างมันลูบมือปัดป่ายเค้นคลึงผมไปทั้งตัวอ่ะ สงสัยอดอยากมาตลอดทั้งสัปดาห์ผมก็คิดอยู่แค่นั้น
เราโรมรันพันตูกันอยู่ครู่นึง
พี่เอย์ดึงผมให้ไปต่อกันในอ่าง เสียงหอบหายใจสะท้อนทั้งผมมัน จริง ๆ
อยากบอกเลยนะจูบของพวกเราโคตรมาราธอน คือมันจูบตั้งแต่น้ำยังไม่มีในอ่างจนกระทั่งตอนนี้กระเพื่อมล้นออกมานอกอ่างมันก็ยังไม่ยอมถอนจูบออกจากปากผมเลย
“อ๊ะ...พี่เอย์...”
ผมรู้สึกอายนิดๆเมื่อมือมันเริ่มลากไล้ไปตามจุดอ่อนไหว
พี่เอย์จับผมหันหลังแล้วตัวมันนั่งซ้อนชิดเข้ามา
ริมฝีปากร้ายขบเม้มไปตามจุดกระสันแถวต้นคอและเนินไหล่ก่อนที่ลิ้นร้อน ๆ
จะลากเลียเลื่อนต่ำลงมาตามแผ่นหลังแล้ววนเล่นอยู่แถวสะโพก
มือผมจับขอบอ่างไว้แน่นก้มหน้าพยายามกลั้นเสียงครางเพราะคือตอนนี้เสียวมากพี่เอย์จู่โจมผมแบบไม่มีกั๊กจริง
ๆ เสียงมันดูดเนื้อหนังคือแบบจ๊วบ จ๊วบ ออกมาไม่หยุด “อื้ออ....” คือถึงแม้ท่าทางแบบนี้เราจะเคยเล่นกันบ่อยแล้วแต่วันนี้อารมณ์ของมันไม่ใช่เลย
พี่เอย์แบบมาเต็มที่มาก
ตัวผมเริ่มสั่นเมื่อปลายลิ้นมันลามเลียลงไปถึงจุดอ่อนไหวส่วนที่มันเคยบอกว่าน่ารักที่สุดในตัวผม
“อื้ออ....ตะ...ตรงนั้น..”
สายน้ำกระเพื่อมล้นออกไปไม่หยุด
มันยกสะโพกผมให้ลอยเด่นสูงขึ้นอีกผมอายมากตอนที่ตัดสินใจเอี้ยวตัวไปดูเห็นใบหน้าของมัน
ทั้งดวงตาและเรียวลิ้นกำลังจดจ่ออยู่กับส่วนนั้นทั้งหมดของผม
แม่งเอ๊ย
โคตรของความเสียว
ผมหมดความอดทนล้วงมือเข้าไปหาน้องชายตัวเองที่ตอนนี้คือฉ่ำเยิ้มพร้อมระเบิดเต็มที่แล้ว
พี่เอย์รีบปัดออกแล้วจับผมลุกขึ้นหันหน้ามาหามัน เรากระโจนใส่กันทันทีกอดรัดฟัดเหวี่ยงผมไม่สนใจอะไรแล้วคือตอนนี้อารมณ์แบบอยากจะรวมร่างมาก
พี่เอย์คุกเข่าลงมันดึงให้ผมนั่งลงที่ขอบอ่าง
จากนั้นคงไม่ต้องบอกมั้งว่ามันก้มลงไปทำอะไรที่หน้าตักผม
สองขาผมกางออกรอเลยสิครับไม่มีกระมิดกระเมี้ยนหรอกคืออยากให้มันทำนานแล้ว คุณชายโคตรหน้าไม่อายมันทำท่ายิ่งกว่าคนเอร็จอร่อยในไอศครีมแท่งโปรด
ทั้งดูดทั้งเลียจนผมต้องแหงนหน้าพิงผนังแล้วครางเครือระบายอารมณ์กระสัน พอมันเห็นว่าได้ที่ตัวมันก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ไอ้ภาพในหนังจีวีลอยเข้ามาในหัว คือตอนนี้พี่เอย์ต้องการแล้วแน่นอน ลูกชายมันเสนอหน้าชูคออยู่แถว
ๆ ริมฝีปากผมพอดีผมจัดให้แบบทันทีเลย พี่เอย์ครางลั่นห้อง
ผมว่าเสียงมันดังกว่าผมอีกนะ แต่แบบนี้ดีผมชอบ มันเด้งสะโพกสวนเข้าออกจิกหัวผมให้รองรับแรงกระแทกจากตัวมันจนผมรู้สึกได้นะว่ามันคงพร้อมจะปลดปล่อยออกมาแล้วเพราะคือลูกชายมันทั้งแข็งและร้อนมากแต่มันกลับหยุดแล้วชะลอทุกอย่างไว้ มันจิกหัวผมขึ้นมารับจูบอีกครั้งแล้วพาผมก้าวออกจากอ่างอาบน้ำ
“อื้มม....” เราเดินจูบกันมาตลอดทางจนถึงเตียง
เนื้อตัวนี่จะเปียกยังไงคงไม่มีใครสนใจจุดนั้น
“พี่เอย์ปิดไฟก่อนครับ”
ผมนี่ยังกระแดะบอกมันไปปิดไฟทั้งที่ในห้องน้ำนี่ไฟก็เปิดเห็นจนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
พี่เอย์ที่กำลังซุกซอกคอผมดุนดันลิ้นอยู่นี่หยุดเลยนะ ผมว่ามันขำผมว่ะคือคุณชายนี่กลั้นหัวเราะจนไหล่มันสั่น
มันดูดคอผมหนักๆหนึ่งทีก่อนละลำตัวขึ้นมา
“อายกูเหรอ”
ยังมีหน้ามาถาม ผมงี้หน้าแดงเลยดิ่ เป็นใครไม่อายอ่ะ พี่เอย์ขยับตัวขึ้นไปกดปิดไฟที่สวิทหัวเตียงในที่สุดตอนนี้เราทั้งคู่ก็อยู่กันภายในห้องที่โอบล้อมไปด้วยแสงแห่งความมืด
แต่ทำไมผมยังสามารถมองเห็นใบหน้าและแววตามันได้วะ พี่เอย์ดึงเชือกโคมไฟผ้าสวย ๆ
ที่หัวเตียงแสงไฟสีส้มอ่อน ๆ ระเรื่อเข้ามาแทนที่สีแห่งความดำมืด
“ปิง” มันนอนคร่อมตัวผมไว้
น้ำเสียงสั่นนิดๆ สองมือประคองใบหน้าผม ปลายจมูกโด่งกดลงที่แก้มผมอย่างตั้งใจ
ไม่ใช่รอยจูบแต่นี่คือมันหอมแก้มผม
ในแววตาของมันเต็มไปด้วยคำว่ารักมากผมมองเห็นเลยนะ
“มึงน่ะ ชอบกินข้าวไม่ตรงเวลา
บางวันเตะบอลจนเพลินทำให้เลยเวลากินข้าวเย็นไปมาก ต่อไปรักษาเวลากินข้าวหน่อยนะ
มึงจะได้ไม่ปวดท้อง” มือพี่เอย์เย็นเฉียบ มันลูบแก้มผมเบา ๆ
“แล้วเรื่องที่ชอบขับรถตากทั้งแดดตากทั้งฝนไม่สนใจสุขภาพของตัวเองก็เหมือนกัน
เลิกซะนะต่อไปต้องดูแลตัวเองให้ดีรู้ไหม”
เสียงพี่เอย์ทำไมถึงสั่น
ดวงตาเองก็มีแต่แววสั่นไหว มือที่มันประคองแก้มผมไว้ทำไมรู้สึกว่ามันก็ยังสั่นไปด้วย
พี่เอย์ลูบหน้าผมลูบแล้วก็ลูบอีก
อะไรวะพี่เอย์กำลังพูดเรื่องอะไรของมัน
“อีกอย่าง
มึงมันชอบวิ่งผ่านน้ำ อย่าอาบเร็วนักสิ หัดถูสบู่ขัดตัวบ้าง กูรู้นะบางวันขี้เกียจถึงขนาดไม่อาบเลยก็มี
ต่อไปห้ามทำแบบนั้นอีกนะ ถ้าเป็นไปได้ก็ซื้อครีมอาบน้ำดี ๆ
มาใช้สักขวดเอากลิ่นที่มึงชอบ แบบนั้นมึงจะได้ขยันอาบมากหน่อยเนื้อตัวจะได้ไม่มอมแมม
จะได้สะอาด”
“พี่เอย์ครับ??”
ผมเริ่มขมวดคิ้ว คือกำลังงงพี่เอย์พูดเรื่องอะไร
“และสุดท้าย เวลามึงกินข้าวให้เลือกกินแต่อาหารดีๆแบบที่มึงทำให้กูกินนะ
อย่ามีแต่ซื้อกับข้าวถุงมึงบอกเองนี่ว่าแบบนั้นผงชูรสเยอะ
เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็พยายามทำกินเอง”
“พี่เอย์
พี่เป็นอะไ-” พี่เอย์ส่ายหัวเบา ๆ
ใช้ปลายนิ้วโป้งไล้ที่ริมฝีปากผมบอกให้รู้ว่าอย่าเพิ่งถามอะไรมากตอนนี้
ดูเหมือนมันกำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างต่อ
ทั้งที่ผมนี่มีแต่คำถามเต็มหัวไปหมดแต่ก็จะรอฟังมันก่อน
พี่เอย์จูบลงที่ปลายจมูกผมเบา ๆก่อนทอดสายตามองผมอย่างที่ผมเองก็บอกไม่ถูก
“ปิงครับ.....”
เสียงมันสั่นเครือ มือมันยิ่งสั่นกว่าเสียงเยอะคล้ายคนทำอะไรไม่ถูก มันลูบแก้มผมลูบแล้วลูบอีก
เสียงหัวใจมันเต้นดังมาก ผมขมวดคิ้วนิด ๆ
กำลังรอฟังว่ามันจะพูดเรื่องอะไร พี่เอย์ต้องเป็นอะไรสักอย่าง ตาแดงก่ำ
นัยน์แววตามีแต่ความเศร้าสร้อยและสั่นไหว จนผมนี่สังเกตได้เลย พี่เอย์กดปลายจมูกโด่งลงที่แก้มผมอีกครั้งก่อนที่มันจะขยับริมฝีปากพูดในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ฟัง
“พรุ่งนี้กูจะไปเรียนต่อนะ”
ตึกสูงเสียดฟ้ามองจากผืนดินธรรมดาตรงนี้คล้ายมันโอบล้อมดวงดาราที่อยู่ไกลแสนไกล ดวงจันทร์วันนี้ช่างห่างไกลจากมือผมมากมายเหลือเกินจริงๆ.....เกินเอื้อมคว้า
หัวใจดวงเล็กดิ่งวูบ
โลกทั้งโลกคล้ายพังทลายและแตกสลายลงต่อหน้าต่อตา สมองที่แม้จะเชื่องช้าของผมแต่ก็ประมวลผลได้ในทีนทีกับเรื่องที่มันพูดกับผมก่อนหน้า
เรื่องกินข้าว เรื่องขับรถ เรื่องอาบน้ำ เรื่องอาหาร นี่คือคุณกำลังบอกผมไว้เพื่อทิ้งท้ายอย่างนั้นหรือ??
ผมนอนแน่นิ่งไม่ขยับแม้ว่าจะอยากหนีไปให้พ้นจากความจริงตรงนี้
ใครกันที่บอกว่าจะไม่ยอมปล่อยมือ??
ใครกันที่บอกผมมาตลอดว่าจะเรียนที่เมืองไทย
ใครกันที่บอกให้ผมสัญญาว่าถึงแม้เราจะเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน
เราสองคนจะจับมือกันไว้ ไม่มีวันปล่อยไป
ใครกัน??
ใครคนนั้น....
ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของมัน
แววตาที่ดูแวบเดียวก็รู้เลยว่าทุกข์ใจมากมายขนาดไหน
พี่เอย์สอดมือเข้ามาที่ท้ายทอยผม มันก้มเอาหน้าผากชิดลงมาอีก รอยยิ้มขมขื่นถูกจุดอยู่ที่ริมฝีปากมันก่อนที่คำพูดที่ทำให้ผมต้องแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีก
เอ่ยขึ้น
“เร็วไปหน่อยใช่ไหม....แต่ตั๋วเครื่องบินก็ตีวันที่ไว้เป็นวันพรุ่งนี้แล้ว”
อะไรคือพรุ่งนี้?
อะไรคือที่บอกว่าพรุ่งนี้จะไปเรียนต่อ??
คือมันอะไรเหรอ
คือที่ไหน?ยังไง?แล้วทำไมถึงได้รวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทันแบบนี้ ผมมองหน้ามัน พี่เอย์เหมือนคนที่กำลังร้องไห้
เพียงแต่ยังไม่มีน้ำตาไหลตกลงมาแค่นั้น คงจะเหมือนกับตัวผม เราสองคนน้ำตาตกลงที่ก้นบึ้งของหัวใจ
“พี่เรียนปีสี่แล้วก็ใกล้จะจบแล้วสิครับ จะทำงานเลยเหรอ หรือว่าจะเรียนต่อที่ไหนก่อน”
“ต้องเรียนต่อดิ น่าจะอ่ะนะ”
“ต่างประเทศเหรอพี่”
“ไม่หรอก
กูคิดว่าจะสอบเรียนต่อในเมืองไทยนี่แหละ น่าจะเป็นที่เดิมไม่งั้นก็อีกที่นึง คิดๆไว้อยู่เหมือนกัน”
“กูเรียนจบแล้วนะปิง สบายใจโคตรเลยว่ะ”
“พี่เอย์จะเรียนต่อเลยไหมครับ
หรือจะทำงานก่อน”
“เรียนดิ
สมัครเอาไว้แล้วเหลือแต่รอไปสอบนี่แหละ มึงล่ะต่อไหน อีกสองปีก็จบตรีแล้วนี่”
“ครับใช่
พี่เอย์ก็เรียนสองปีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ปอโท”
“หึหึหึ จบพร้อมกันนะ
จบแล้วแต่งเลยใช่ไหม”
ผมยกมือขึ้นค่อยลูบจับใบหน้ามันขณะที่มันเองก็ลูบแก้มผม
สายตาที่เราสองคนมองกันต่างก็รับรู้ความรู้สึกของกันและกันได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมถามพี่เอย์จะบอกอยู่เสมอว่าจะเรียนต่อในไทยไม่ไปที่อื่นแน่นอน
จนกระทั่งที่เราไปเที่ยวเขาใหญ่มันก็ยังบอกย้ำเองว่ามันจะเรียนต่อที่นี่ สมัครไว้แล้ว
แต่วันนี้....มันบอกว่าจะไปเรียนต่อ
ได้โปรดเข้าใจกู นั่นคือคำที่มันอยากบอกกับผมเหลือเกิน ผมรู้....
ผมรู้แล้วว่าพี่เอย์ต้องเจอกับอะไรตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในวันที่พี่เอย์หายไปแล้วกลับมาแต่ละทีคือมีแต่ความเครียด พอผมถามมันก็ส่งรอยยิ้มมาให้
ผมน่าจะรู้ดีว่ารอยยิ้มแบบนั้นของมันคือรอยยิ้มที่ฝืนใจมันมากแค่ไหน
ในที่สุดผมวาดวงแขนโอบรอบตัวมันไว้ตบหลังมันเบา ๆ เพื่อปลอบใจ
ผมรู้....ผมรู้ว่าพี่ต้องเจออะไรมาหนักหนาแค่ไหน ครอบครัวของพี่ กับเรื่องราวของเรา
ผมอยากให้มันรู้ว่าผมคนนี้เข้าใจ...ผมเข้าใจดี
พี่เอย์จ้องหน้าผมนิ่งในดวงตาคือเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสียใจ
ก่อนที่มันจะเอ่ยคำพูดสุดท้ายที่ทำให้แม้แต่ตัวมันเองก็กลั้นหยาดหยดน้ำตาไว้ไม่อยู่
ถ้อยคำสั่นเครือถูกคั้นออกจากหัวใจที่แตกสลาย
“ไม่ต้องรอกู ถ้ามึงเจอใครที่ดีกว่าอย่าปิดโอกาสตัวเอง”
คุณเชื่อไหม.....ความรู้สึกของคนเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ก็จริง แต่เวลาที่มันแตกสลายหรือพังทลายลง มันช่างเจ็บปวดรวดร้าวและทรมานมากมายเหลือเกิน คำพูดสุดท้ายที่พี่เอย์พูดออกมาไม่ต้องให้ใครแปลก็พอรู้ ว่าเป็นมัน...ที่คิดจะปล่อยมือจากผมแล้ว
“คืนนี้ของเรา
ถ้ามึงไม่เต็มใจ.....กูจะไม่ทำ”
ผมหลับตาลงแน่นทันทีที่มันพูดจบ มันเปิดโอกาสให้ผมได้เดินจากไปทั้งๆที่เราสองคนยังรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ผมรู้ว่าถ้าผมลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากมันตอนนี้มันเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งผมไว้อยู่แล้ว พี่เอย์จ้องผมนิ่งงัน มันใช้มือเกลี่ยไรผมนุ่มของผมแล้วก้มจูบลงมาที่ขมับ จูบซ้ำๆย้ำอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งที่สุดแล้วผมรู้ว่ามัน กำลังจะลุกออกจากตัวผม
ทุกอย่างของเราในคืนนี้คงจะจบลงแล้วจริง
ๆ
ถ้าหากว่าผมจะไม่ยกสองมือขึ้นคล้องลำคอมันไว้แล้วโน้มตัวขึ้นไปเอียงศีรษะแตะจูบลงที่ริมฝีปากมัน
พร้อม ๆ กับดวงตาที่ปิดลงและหยดน้ำตาไหลตกลงมาที่ข้างแก้ม
พี่เอย์รับจูบจากผมทันที
เราสองคนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันมากมายอีกแล้ว
คืนนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายระหว่างผมกับมัน สิ่งที่มันและผมเฝ้ารอมาตลอด ผมจะทำให้เป็นคืนวันที่น่าจดจำที่สุดของสองเรา
ท่วงทำนองแห่งรักถูกจุดขึ้นแล้ว
บทประพันธ์ที่ทั้งหอมหวานและขมขื่นกำลังถูกบรรเลง
ร่างกายของคนสองคนกอดรัดกัน
ทั้งความรัก ความซาบซึ้ง ความเสน่หา ถูกขับขานเป็นบทเพลงแห่งความรักและการพลัดพราก
เตียงใหญ่ไหวเอนไปตามแรงแห่งรักของสองร่างที่อยู่ด้านบน
ผมแทบลืมหายใจตอบรับความรู้สึกทั้งหมดของมัน เราสองโรมรันพันตูจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
ร่างกายแทบทุกส่วนสัดสัมผัสซึ่งกันและกันแนบชิด สองมือที่กอดรัดตัวมันไว้จนแน่นสัมผัสปะป่ายไปทั่วทุกสัดส่วน เพียงแค่หวังจะให้ร่างกายจดจำสัมผัสเหล่านี้ให้ได้มากที่สุดก็แค่นั้น
ห้องทั้งห้องกลายเป็นร้อนเร่าราวเปลวเพลิงแผดเผา เสียงหอบหายใจระหว่างเราสองดังระงม
พี่เอย์แทรกกายเข้ามาขณะที่ร่างกายผมพรักพร้อม
“ฮ..อ๊าา.....”
อารมณ์ความรู้สึกส่วนลึกไม่จำเป็นต้องเก็บกักไว้อีกต่อไปแล้วผมครางเสียงหลงเมื่อทุกอย่างเข้าที่
ร่างกายใหญ่โตแทรกเข้ามาจนสุดพี่เอย์ก้มลงมาจูบปิดริมฝีปากผมไว้ทันทีความรู้สึกหวิวไหวไปกับรสสัมผัส
เสียงครางต่ำๆของมันปลุกเร้าความรู้สึกด้านมืดในกายผมทุกอย่างให้ตื่นขึ้น
ความรู้สึกสองเราร้อนแรงปานไฟโหมกระพือ
“ฮ..อื้ออ....”
เสียงผมครางหอบระบายอารมณ์ เรี่ยวแรงที่มีถูกลิดรอนไปจนหมดเมื่อลมหายใจถูกช่วงชิงไปไม่รู้ต่อกี่หน
พี่เอย์จูบซ้ำแล้วซ้ำอีกราวกับว่าจะให้ผมตราตรึงความรู้สึกในค่ำคืนนี้ฝังลึกไว้ในความทรงจำ
ผมรู้มันทุ่มเกินร้อยไม่ต่างอะไรกันกับผม ยิ่งรู้ว่าคืนนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเราสอง
ผมและมันต่างใส่กันแบบไม่มียั้ง ไม่มีกั๊ก ทุกอย่างคือจัดเต็มมากจริง ๆ
“พ...พี่เอย์...”
เสียงผมขาดๆหายๆไปตามแรงกอดรัดของกายแกร่งด้านบน ร่างกายเราสองคนเชื่อมต่อกัน จุดสัมผัสช่างเร่าร้อนทุกอย่างของมันและผมเสียดสีตอดรัดและกำลังจะถูกระเบิดออกมา
จังหวะที่ถูกเร่งให้เร็วและถี่ขึ้น เหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายขึ้นที่ใบหน้าเราสอง
ขณะที่มันใช้ปลายนิ้วปาดออกให้อย่างทะนุถนอมจูบซับไม่รู้กี่หนต่อกี่หน
ดวงตาที่จ้องมองลงมาเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ลุกโชน ร่างกายเคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุด ผมเอื้อมมือขึ้นไปแตะประคองใบหน้ามัน
จดจำรายละเอียดทั้งหมด พี่เอย์หอบหายใจแรงมาก มือผมสอดเข้าที่กลุ่มผมนุ่มของมันแล้วกดใบหน้าคมคายลงมารับจูบที่ผมตั้งใจจะมอบให้
จูบนี้ที่ผมจะให้มันจดจำผมได้...................................ตลอดไป
เสียงเราสองคนครางเครือด้วยความเสียวกระสันและรัญจวนดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง มันกอดผมราวกับกลัวว่าผมจะหายไปจากอ้อมแขนของมัน ขบเม้มตีตราไปทั่วทุกตารางนิ้วบนร่างกาย ไม่มีส่วนไหนหลุดรอดไปจากเรียวลิ้นร้อนร้ายกาจได้เลยแม้แต่น้อย ร่างกายเราสองถูกพลิกแพลงสารพัดท่าทางเพื่อตอบรับความรู้สึกในทุกส่วนของกันและกัน
“อ่ะ...อ๊าา....”
ผมจิกหัวมันแน่น ร่างกายเกร็งไปจนสุด บทเพลงรักที่มันปรนเปรอให้ทำให้ผมทั้งมีความสุขและกลัว
ผมไม่มีทางหลับตาลงได้สักวินาที ผมจะจดจำและมองดูค่ำคืนนี้ของเราไว้ไม่ให้หลุดลอดไปได้แม้แต่วินาทีเดียว
ร่างกายของสองเราที่หลอมรวมเป็นหนึ่งผมกอดรัดมันไว้แนบอกขณะที่มันเองก็ไม่ต่าง
พี่เอย์เร้าทุกอย่างให้เร็วและถี่ขึ้น เสียงน่าละอายดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้องทั้งผมทั้งมันต่างไม่มีหยุดยั้งกันไว้อีกต่อไปมันกำลังจะพาผมขึ้นไปเหยียบถึงเส้นขอบฟ้า
ผมเกร็งไปทั้งร่างจิกต้นแขนมันลากจนเป็นรอยยาว
“ฮ..อ๊าา
พะ....พี่เอย์....” ผมครางลั่นระบายความกระสัน
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างแตะถึงเส้นสูงสุดของอารมณ์
พี่เอย์ขยับตามอีกไม่กี่ครั้งมันก็ตามผมมาติด ๆ ค่ำคืนนี้ของเรากับบทรักที่แสนยาวนานเมื่อทุกอย่างจบลง
ผมและมันจ้องตากันนิ่ง แววตาของมันที่มีแต่เงาสะท้อนของใบหน้าผม
แค่ผมคนเดียวเท่านั้น ถ้าผมคนนี้อ่านไม่ผิด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของมัน.......เต็มเปี่ยมไปด้วยคำว่า
‘รัก’
พี่เอย์เลื่อนตัวขึ้นมากระซิบชิดที่ริมหู
ถ้อยคำที่ผมคนนี้แม้ตายก็ไม่ขอลืม
“รักมึงนะ”
น้ำตาหนึ่งหยดไหลตกลงมาที่ข้างแก้ม วันนี้เวลานี้ คำๆนี้เป็นของผมแล้ว
คำที่ผมขอให้มันพูดมาตลอด แต่มันเลือกที่จะมาพูดกับผมในวันนี้
วันสุดท้ายที่เราสองคนจะได้ใช้เวลาร่วมกัน ผมไม่โกรธมันนะ ผมเข้มแข็ง แค่ได้ยินคำๆนี้ผมก็พอใจและมีความสุขมากแล้ว
พี่เอย์กดจูบลงมาที่เปลือกตาผมซับรอยน้ำตาทุกหยาดหยดที่กำลังไหลล้นเอ่อออกมา
“ผม...ฮึกก..ก็รัก..ฮอึกก...รักพี่...ฮืออ...” ถ้อยคำที่ผมตั้งใจจะเอ่ยกับมันในวันนี้ ในที่สุดผมคนนี้ก็ได้พูดออกไป แม้จะเป็นคำพูดที่ขาดๆหาย ๆ แต่ผมรู้ว่ามันได้ยินชัดเจนและแน่นอน พี่เอย์กดหน้าผากของมันลงมาจนชิด ลูบแก้มผม เอ่ยเสียงสั่นพร่าไม่ต่างกัน
“อย่าร้องไห้” คำพูดแผ่วเบาปานกับคนกำลังจะขาดใจของมันทำให้ผมทำนบน้ำตาแตกทะลักลงอีกครั้ง
สะอื้นไห้แทบขาดใจ ไม่รู้ตัวเองดีใจ
เสียใจ หรือกำลังหวาดกลัว สองมือของเราประสานกันไว้จนแน่นราวกับว่าถ้าผมปล่อยมือนี้ออกไปแล้วจะไม่มีวันคว้ากลับมาได้อีก
ผมจะมองหน้ามันไว้อย่างนี้ ผมจะไม่หลับผมจะกอดมันไว้จนถึงเช้า
พี่เอย์จะต้องอยู่กับผมให้นานที่สุด เวลาที่เราสองคนจะได้ใช้ร่วมกัน
ลมหายใจของผมและของมัน ผมอยากบอกให้มันรู้ว่าถึงตัวเราจะอยู่ห่างไกลแต่หัวใจของผมจะวางเอาไว้อยู่ข้างๆมันเสมอไม่ว่าที่แห่งใดในโลก
หัวใจของผมจะติดตามมันไปทุกหนทุกแห่ง เพราะผมสัญญาไปแล้ว
ว่าผมจะไม่ปล่อยมือนี้ของมัน
...ผมสัญญาไว้แล้ว...
พี่เอย์....ผู้ชายคนแรกในหัวใจและจะเป็นคนสุดท้ายในชีวิตของผม
ผมขยับตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
รู้สึกถึงแสงสว่างที่ลอดมาจากม่านหน้าต่างสีครีมสวย ปัดป่ายมือไปข้างๆ
แต่ที่นอนคือว่างเปล่า เนื้อตัวทำไมรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด ผมพยายามกระพริบตา
ความรู้สึกที่ว่าทำไมเปลือกตาผมหนักอึ้งแบบนี้ย้อนกลับมา สมองกำลังถูกประมวลผลเริ่มขยับเข้าที่ ความทรงจำเรื่องเมื่อคืนทั้งหมดไหลกลับเข้ามาในหัว
ถ้อยคำสำคัญราวกับแผ่นหนังที่ถูกรีเพลซ้ำแล้วซ้ำอีก
“พรุ่งนี้กูจะไปเรียนต่อนะ”
“เร็วไปหน่อยใช่ไหม....แต่ตั๋วเครื่องบินก็ตีวันที่ไว้เป็นวันพรุ่งนี้แล้ว”
ผมลุกจากที่นอนทันที
เจ็บแปลบเข้าที่สะโพกแต่ช่างมันก่อนผมจะต้องลุกขึ้นแล้วเดินออกไปหามัน คำว่า ‘พรุ่งนี้’ คือก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นช่วงไหน
อาจจะเป็นเย็น ๆ ค่ำๆ หรือ ดึกๆ
อย่างน้อย....ให้ผมได้ไปส่ง
อย่างน้อย....ให้ผมได้บอกลาพี่ก่อนสักคำ
และอย่างน้อย....ให้ผมได้จูบลาแล้วกอดพี่อีกสักครั้ง
อย่างน้อย....
อย่างน้อยๆ........
ก่อนที่เราสองคนจะจากกันไปไกลแสนไกล
ยังไม่ได้แม้แต่ถามกันด้วยซ้ำว่ามันจะไปที่ไหน ไปนานแค่ไหน
กี่วัน?
กี่เดือน??
หรือกี่ปี???
ผมลากขาออกมาถึงด้านนอก
กวาดตามองทั้งห้องคือว่างเปล่า ลองเดินไปเปิดดูที่ห้องนอนเล็กบางทีมันอาจจะนั่งรื้อของเล่นแปลกๆของมันอยู่ในนั้น
เอ๊ะหรือว่าจะอยู่ที่ห้องน้ำ มีบางครั้งพี่เอย์ก็ออกมาเข้าห้องน้ำที่ด้านนอก
หรือว่าจริง ๆ แล้วมันกำลังทำอาหารไว้ให้ผมอยู่ในห้องครัวเมื่อกี้ที่ผมเดินผ่านมามันอาจจะกำลังก้มเอาของอยู่ก็ได้
ผมเดินตามหามันจนทั่วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ...ตามหา...ฮอึกก...พี่เอย์ของผม
.....ทั้งที่ผมก็รู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างตอนนี้คือมันสายไปหมด
ทุกอย่างคือว่างเปล่าและไม่มี....ไม่มี
....ไม่มีพี่เอย์อยู่ตรงนี้กับผมอีกแล้ว....
....ไม่มีอีกแล้วจริง
ๆ....
ร่างกายผมเจ็บร้าวไปทั้งตัวแต่ยังไม่เท่าหัวใจที่แตกสลายและพังทลายแหลกลงไม่มีชิ้นดี
ผมเดินอย่างคนหมดอาลัยไปที่โต๊ะอาหารในห้องครัว มีฝาชีเล็กๆครอบบางอย่างไว้ ผมมือสั่นกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อเปิดดูแล้วเห็นว่าภายในนั้นมีอะไร...
เป็นข้าวผัดกุ้งสีดำๆด่าง
ๆ โปะหน้าด้วยไข้ดาวไหม้ๆวางไว้ให้ ซึ่งแค่ดูก็รู้แล้วว่าเนื้อข้าวนั้นแฉะมากมายแค่ไหนมะเขือเทศที่หั่นขาดบ้างไม่ขาดบ้างวางไว้ข้างกัน
บกัแผงยาพาราและแก้วน้ำที่รินเตรียมไว้ให้จนจะล้นแก้ว
ทั้ง ๆ
ที่มันไม่เคยทำอาหารเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทั้งๆอย่างนั้น.....ก็ยังจะทำวางไว้ให้ผม
ผมทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะอย่างหมดแรง
แค่นยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง ผมมันยิ่งกว่าคนบ้า น่าสมเพชนัก ทั้งที่ปกติแล้วทุกวันผมจะตื่นเช้ามาก
ไม่เคยมีสักครั้งที่มันจะตื่นก่อนผม แต่วันสำคัญที่สุดแบบนี้ ผมทำไมถึงไม่ตื่น
ทำไมต้องเป็นผมที่ตื่นมาไม่ทันอะไรเลยสักอย่าง
.....ยังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่างเลยจริงๆ.....
ผมฟุบลงร้องไห้อยู่ข้าง
ๆ จานอาหารพวกนั้น
ผมร้องไห้จนผมพอใจก่อนที่จะยกมือขึ้นเช็ดคราบรอยน้ำตาแล้วหยิบช้อนที่ถูกเตรียมวางไว้ให้ตักกินอาหารในจานจนหมด
ผมทั้งกินทั้งร้องไห้ ความรู้สึกที่ว่ารสชาติเป็นอย่างไรนั้นผมไม่รู้เลย ก้มลงมองดูชุดที่ตัวเองสวมอยู่ตอนที่เดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งนี่คือชุดของพี่เอย์ เมื่อคืนผมหลับไปในอ้อมกอดของมันพี่เอย์ลุกขึ้นมาจัดการเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมตอนไหนนี่ผมก็พลาดไปอีก
ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองเก็บห้องของมันให้เรียบร้อย
ห้องที่ผมคนนี้คงไม่จำเป็นต้องเข้ามาอีกแล้ว โต๊ะทำงานตัวที่มันชอบนั่งทำเสมอ
ผมลูบมือลงที่โต๊ะอย่างอาลัยรูปถ่ายของมันกับพี่ชายถ่ายไว้คู่กัน
ขณะสายตาสะดุดกับอะไรบางอย่างใกล้กันนั้น ที่ๆเมื่อก่อนมันจะวางเงินห้าใบไว้ให้ผมเสมอ
โพสอิทสีเขียวถูกแปะชื่อผมไว้ ผมหยิบขึ้นมาดู
บัญชีเงินฝากหนึ่งเล่มกับกุญแจห้องมันพวงเก่ารูปปลาโลมาสีฟ้าที่ผมชอบดึงหางมันเล่น
พี่เอย์วางสองสิ่งนี้ไว้คู่กัน ผมรู้ว่ามันหมายความว่ายังไงเพราะนั่นเป็นสมุดบัญชีที่เป็นชื่อของผม
แต่ยอดเงินในบัญชีสูงมากจนน่าตกใจ
ไม่มีข้อความอะไรทิ้งไว้อีกผมพลิกโพสอิทดูเป็นรอบที่สิบดูแล้วก้ดูอีก กระดาษโน๊ตแผ่นเล็กนิดเดียวจริง
ๆ พลิกหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอข้อความอื่นเลย นอกเสียจากชื่อของผม
‘ปิง’
คำๆเดียวกับเชือกรัดข้อมือที่มันซื้อและใส่ให้ผมที่อัมพวานั่น
ตอนนี้ผมเองก็ยังใส่ไว้ ในแท่งแก้วเล็กๆมีเมล็ดข้าวสารที่ลอยน้ำเขียนชื่อว่า
‘ปิง’
“พี่ชอบผมเหรอ”
“มึงอยากรู้คำตอบจริงเหรอ”
“ครับ”
“งั้นเข้ามานี่ ขยับมาใกล้ ๆ”
5
4
3
2
1
“ไม่-ได้-ชอบ”
“ใช้งานมึงได้ทั้งวัน มึงคิดเท่าไหร่”
“เฉพาะกู แค่กูคนเดียว
กับเวลาตลอดทั้งวันของมึง”
“พี่เอย์ครับ พี่รักผมใช่ไหม”
“กูคิดว่าสำหรับมึง
มันคงเกินคำว่ารักไปแล้ว กูเลยไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาพูดกับมึงดี”
“หมาปิง มาอยู่ด้วยกันเลยดีไหม”
“พี่เอย์ พี่ทำไมไม่เคยบอกรักผมเลยอ่ะ”
“ทำไม มึงอยากฟังเหรอ”
“อื้อๆ”
“งั้นขยับมานี่ ใกล้ๆ”
“เอียงหูมา”
“ฟู่ววว~”
“พี่เอย์ครับ
ถ้าพี่ได้ผมแล้วพี่ยังจะเป็นพี่เอย์คนเดิมของผมอยู่ไหม”
“ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป กูก็ยังจะเป็น ‘พี่เอย์’ คนเดิมของมึง กูสัญญา”
“สัญญากับกูว่าจะไม่ปล่อยมือนี้
เราจะจับกันไว้จนถึงที่สุด........สัญญาได้ไหม”
“ผมสัญญา”
“รักมึงนะ”
“ผม..ฮึกก..ก็รัก..ฮอึกก...รักพี่...ฮืออ...”
ผมลากขาเข้าห้องด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งและเหนื่อยล้า
ห้องเล็กๆที่เป็นของผม ห้องที่ผมใช้ซุกหัวนอน ห้องที่ผมใช้นั่งเขียนโปรแกรมหาเงิน
และเป็นห้องที่เหมาะสมกับคนธรรมดาอย่างผมที่สุดแล้ว ผมทิ้งตัวลงที่พื้นนั่งพิงผนังไว้อย่างคนที่หมดแล้วซึ่งหัวใจ
ตลอดเจ็ดเดือนที่เราสองคนรู้จักกันมันเหมือนกับว่าผมได้ฝันไป คนที่อยู่ในที่สูง
คนที่อยู่บนฟากฟ้า คนที่เกิดมาเพื่อให้เราทำได้แค่ ‘รัก’ คนๆนั้นไม่มีวันเดินดินลงมาอยู่เคียงข้างผมได้
ผมซบใบหน้าลงที่ฝ่ามือร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง ผมไม่เข้าใจ ทำไมพี่ต้องไป
ทำไมพี่ต้องทิ้งผม ทิ้งกันทำไม ทำไมคนที่ปล่อยมือไปคือพี่ ทำไมกัน
ทำไมถึงทำอย่างนั้น ผมเฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมร้องไห้จนน้ำตาเหือดหายไปเอง
ในที่สุดความคิดตกตะกอนลงในหัวใจ
ผมพยายามตั้งสติ บอกกับตัวเองว่าพี่เอย์กำลังทำเรื่องราวดี
ๆ ก็แค่ไปเรียนต่อไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยเราสองคนยังติดต่อกันได้ไม่ใช่เหรอ
จะโทรหากัน ไลน์หา วีดีโอคุย ยังไงก็ยังสามารถติดต่อกันได้
โลกเดี๋ยวนี้ก้าวไกลไปถึงไหนแล้ว แค่ผมมีเบอร์โทรมันผมก็สามารถคุยกับมันได้ในทุกๆวัน
ผมจะรับทำงานเยอะๆทำให้เยอะขึ้นอีกเป็นเท่าตัว จากที่เคยนอนหกทุ่มตีหนึ่ง
ผมจะเปลี่ยนไปนอนตีสาม เขียนโปรแกรมให้เยอะขึ้นจะได้มีเงินไว้จ่ายค่าโทรศัพท์ที่เพิ่มสูงขึ้น
พี่เอย์ไปเรียนต่อที่ไหนนะมันไกลจากเมืองไทยมากไหม กี่กิโล กี่ร้อยกี่พันไมล์ ผมจะอดทน พี่เอย์จะต้องกลับมาถึงแม้ว่ามันจะบอกกับผมว่า ‘ไม่ต้องรอ’ แต่ผมก็จะรอ ผมเก่งนะ ผมอดทน ผมไม่ร้องไห้หรอก ผมจะต้องเข้มแข็ง เดี๋ยวพี่เอย์เห็นแล้วจะไม่สบายใจ ผมจะต้องบอกกับมันว่าผมดีใจกับมันต่างหากที่มันจะไปเรียนต่อ ไม่นานหรอกไม่ใช่เหรอ มันจะกลับมาหาผมทุกเดือนก็ยังได้เลย พี่เอย์มีตังค์ตั้งเยอะ จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น
ผมล้วงมือถือขึ้นมา กำไว้แน่นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ตื้อและตันไปหมด ในที่สุดหมายเลขที่โทรหาผมทุกๆคืนก่อนนอนก็ถูกเชื่อมต่อ ใจผมจดจ่ออยู่กับเสียงตอบรับในสายนั่น ขอให้เป็นเสียงพี่เอย์ทีเถอะ ผมขอโอกาสอีกสักครั้ง มีหลายสิ่งหลายอย่างอยากจะถาม ให้โอกาสผมได้บอกลามันสักครั้งก่อนที่เราสองคนจะห่างกันแสนไกล
....ได้ไหม.....แค่ครั้งเดียว....
V
V
V
V
V
V
v
‘หมายเลขที่ท่านเรียก
ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ Sorry, the number you have dialled is not available’
...ขอเพียงให้เวลาพูดจาสักคำ
แล้วจะจดจะจำจากวันนี้จนตาย
อยาก.....จะร้องไห้
อยากให้เวลาเดินช้า ๆ ขอเวลาสักหน่อย
อยากมองหน้ากัน อยากหยุดวันเวลานั้นไว้
นานเท่านานก่อนเธอต้องไป......