# 19 คืนนั้น....พระจันทร์เต็มดวง
“โอยยยฟิลกู๊ดดดด
เสียงครางไอ้เหี้ยนี่แม่งสุดยอดอ่ะ” หมาบาสพึมพำหน้าตาหื่น ๆ เพราะ เสียงเซ็กซี่เร้าอารมณ์ของคู่ขาแมนทูแมนในหนังจีวีประเทืองปัญญาที่ตัวมันเองน่ะแหละสรรหามาเปิดให้ผมดู
พวกผมนั่งกันอยู่คนละมุมห้อง
“ไอ้บาสไอ้สัส
มึงลดเสียงลงหน่อยดิ่วะ”
“ลดก็ไม่มันส์ดิพี่
ของแบบนี้มันต้องฟังดัง ๆชัดๆเน้นๆ เนอะวุฒิเนอะ” ดู๊ดูมันจ้องจอ กัดหมอนอีกต่างหาก ผมเขี่ยๆเตะๆให้มันลุกขึ้นไปลดเสียง พวกเราสอบเสร็จกันตั้งแต่เมื่อวานสองหมามันพากันมานอนที่ห้องผมโดยที่หมาบาสมันโหลดไฟล์หนังที่คิดว่าเด็ดสุดใส่ฮาร์ดดิสมาไว้ให้ผมเยอะมว๊ากกก
สาเหตุก็เพราะวันนั้น...
“ไอ้บาสมึงมานี่ดิ๊”
ผมเดินออกมาจากห้องสอบ เห็นมันมายืนรออยู่แล้ว หมาบาสมันเรียนคนล่ะแผนกกับผมนะ
ผมกับไอ้วุฒิถึงจะเรียนอยู่ด้วยกัน
“ไรลูกพี่”
“โหลดหนังให้กูที”
“หนังไรพี่”
ผมมองซ้ายมองขวาก่อนพูดกับมันเบา
ๆ ประหนึ่งคนกำลังติดต่อขายยาบ้า “หนังเกย์ ไอ้เหี้ยอย่าให้กูพูดมาก” ผมเตะตูดมันไอ้หมานี่ก็เด้งหลบ
“กรี๊ดดดดด พี่ปิง
จะดูอีกแล้วเหรอพี่”
“มึงจะกรี๊ดทำซากอ้อยเหรอไอ้สัส
มึงหาให้กูได้ป่ะวะ”
“ได้ๆพี่ได้
ถ้าลูกพี่ปิงอยากได้ผมจัดหาให้ได้แน่อยู่แล้ว
ว่าแต่พี่อยากได้แบบไหนอ่ะไทยฝรั่งจีนแข-.....”
“พอๆๆมึงไม่ต้องร่ายขนาดนั้น
เอาอะไรก็ได้มาขอแค่ให้ฝ่ายรับเด็ดสุด”
“หืม?”
มันทำหน้าสงสัย จ้องกูจัง
“นั่นแหละมึงหามาเหอะ”
ยังจะให้กูต้องพูดมากอะไรอีก ไอ้บาสทำหน้าไม่วางใจผม ผมเลยโบกกะบาลมันไปอีกที
“อ่ะจ๊ะๆ
หาให้แบบด่วนๆเด็ดๆ”
“เออดี
วันศุกร์เอามาให้กู”
“รีบขนาดนั้น?”
“ไม่ได้รีบ! กูแค่จะเอามาเก็บไว้” ผมโกหก
“หืมม
ไม่ได้รีบ??” มันยิ้มแบบคนรู้ทัน ผมเลยไล่เตะมันอีก ไอ้วุฒิสอบเสร็จออกมาพอดีเราสามคนเลยออกไปหาอะไรกินกันก่อนแยกย้ายกลับห้องใครห้องมันอ่านหนังสือต่ออีกเหลือแค่ไม่กี่วันก็จะสอบเสร็จแล้ว
อย่าว่าผมลามกเลยนะผมตั้งปณิธานไว้ด้วยว่าถ้าผมทำสอบได้ผมจะจริงจังกับเรื่องอย่างว่ากับคุณชายเอย์แต่ถ้าไม่ผมจะขอเลื่อนมันออกไปอีก
แต่ทว่าข้อสอบคราวนี้ก็ง๊ายง่ายผมทำได้ทุกวิชาเลยเหอะ
“บาสเปลี่ยนเรื่องดิ๊
ฮู้ว แม่งฝ่ายรับไม่ได้ดั่งใจกูเล้ย” เสียงไอ้วุฒิที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
ดังขึ้นผมสะดุ้งเฮือกคือกำลังนึกอะไรเพลิน ๆ
อยู่ปกติหมาวุฒิมันไม่เรื่องมากเลยนี่หว่าคราวนี้สงสัยว่าไม่ได้เรื่องจริง
“ไอ้วุฒิมึงดูฝ่ายรับอ่อ
ทำไมวะ หรือมึงก็จะศึกษาเหมือนลูกพี่ปิงเขา”
“พ่องดิ่กูเป็นผู้ชายกูต้องดูฝ่ายรับ
ว่าเด็ดไหมหรือนอนเฉยๆ เป็นท่อนไม้ แบบนั้นเอาไม่มันส์หรอก ฝ่ายรับที่ดีมันต้อง-ทำเป็น-บริการเอง-และออนทอป ที่สำคัญต้องดูดเก่งนะเว้ยไอ้ประเภทมาแต่เสียงแต่ท่าทางคือไม่ใช่นี่ขอร้องไปไกลๆเลย แล้วมึงดูไอ้เรื่องนี้ ไอ้ตี๋หน้าจืดมันนอนเป็นหินตายด้านอยู่เฉยๆแล้วกูจะดูไปทำซากเหรอ
เอากับหมอนข้างยังดีกว่าเลย”
ไอ้วุฒิพูดแบบหมดเปลือก
เออผมก็เพิ่งสังเกตว่ะ ไอ้บาสเองก็พยักหน้ารับเบา ๆ เชิงเห็นด้วย มันลุกขึ้นจากพื้นผมก็นึกว่ามันจะเข้าไปเปลี่ยนไฟล์ใหม่แต่มันดันเดินไปที่กระเป๋ามันแทน
ล้วง ๆ หยิบ ๆ อะไรอยู่สักอย่างในนั้น
“งั้นดูอันนี้ดีกว่าพี่
ผมมีทีเด็ด เมื่อวานไปร้านพี่ส้มได้มาตรึม” มันว่าเสร็จก้มหน้าก้มตาเลือกขณะที่ผมขยับไปดูช่วยมันอีกแรงคืออยากหาตัวแสดงที่หน้าตาดีหน่อยไม่ใช่อะไรก็ได้แบบนั้นคือสุดจะทนจริงนะ
ส่วนไอ้วุฒิมันไม่สนใจพวกผมแล้ว มันหันไปหยิบหนังสือเพนส์เฮาส์ของผมเองที่วางอยู่แถว
ๆ ที่นอนมาเปิดดู
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ผมสามคนหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก
“ใครวะ”
ผมลุกขึ้น ค่อยเดินไปแอบ ๆ เปิดประตูแบบประมาณว่าเอาให้แคบมากที่สุด
กะว่าถ้าเป็นไอ้พวกห้องข้าง ๆ จะไล่ตะเพิดมันไปก่อน ไอ้บาสแม่งเปิดหนังขึ้นมาแล้วด้วย
กลัวคนข้างนอกจะเห็นพวกผมดุอะไรกัน
แต่แค่แง้มประตูแค่นั้นผมตกใจแทบผงะ “พี่เอย์!!” อึ๋ยยผมลืมไปได้ไงวะว่าวันนี้มันจะมารับ
เมื่อคืนจริงๆโทรคุยกันดึกๆด้วยนะแต่ผมลืมไปสนิทเลย นั่งดูหนังโป๊กันเฉยเลย
“เปิดดิ ทำเหี้ยไรอยู่” มันดันๆประตูจะเข้ามาแต่ผมผลักเอาไว้
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ พี่เอย์ผมขอเวลาแปปพี่” ผมบอกหน้าตาตื่นคือมีพิรุธสุดขีด
รีบยกมือยกตีนบอกไอ้พวกข้างในให้ทำลายหลักฐาน ผมหันหน้าหันหลังไอ้พี่เอย์แม่งร้ายมากมันทำตาเขียวหน้านี่ดุเชียว
ผลักประตูเข้ามาโคตรแรงผมก้นจ้ำเบ้าเลยเหอะ ไอ้วุฒิเงยหน้าจากหนังสือโป๊ขณะอีกมือของมันจับๆนวดๆลูกชายตัวเองอยู่ส่วนหมาบาสมันกำลังนั่งยอง
ๆ อยู่หน้าเครื่องในมือนี่คือแผ่นหนังจีวีประมาณสิบแผ่นได้
คือหลักฐานทุกอย่างตอนนี้ฟ้องมาก เราสามคนจ้องหน้าคุณชาย
ส่วนมันที่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูก็จ้องพวกผม
“พวกมึงเล่ยเหี้ยไรกันอยู่เนี่ย”
มันถามผมแต่สายตานี่มองอยู่ที่หน้าจอเครื่อง เดินฉับ ๆ เข้าไปหาไอ้บาส คว้าแผ่นหนังขึ้นมาจ้องดูก่อนหันมามองผมตาเขียว ผมนี่พูดไม่ออกเลยคือแบบนี้เรียกว่าทำผิดป่ะวะคือพวกผมก็ดูกันบ่อยไปนะ
แต่วันนี้ดันเปิดเป็นจีวีแค่นั้น
“กูว่ากูปล่อยมึงไว้กับไอ้สองตัวนี้โคตรอันตรายเลยนะปิง”
มันว่าแล้วคว้าเอาคอเสื้อผมลากออกจากห้องทันที
“เย้ยยยยยยยพี่เอย์ครับ
เดี๋ยวเอากระเป๋าก่อน ไอ้วุฒิกูฝากล้อคห้องกูด้วยนะเว้ย”
ผมรีบคว้าเอากระเป๋าที่จัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนติดมือมาเกือบไม่ทัน
ส่วนมันไม่สนอะไรหรอกครับทั้งลากทั้งดึงผมตอนลงบันไดนี่คือที่สุดของความเสียวพี่เอย์เดินเร็วมากผมต้องรีบซอยเท้าตามแทบจะตก
พอถึงรถมันเหวี่ยงผมขึ้นที่นั่งข้างคนขับส่วนตัวเองเดินไปนั่งหลังพวงมาลัย
คือผมก็มองนะไหนว่าจะให้ผมขับให้ไงพอเอาเข้าจริง ๆ พี่เอย์ก็ขับเองอีกแล้ว
“พี่เอย์ครับ”
คือพี่เอย์หน้าบูดมาก มันไม่พูดอะไรเลย ผมเลยหันไปเรียกๆมันอีก
คุณชายก็ยังเฉยแต่ผมเห็นหลุดยิ้มนิดๆแล้วล่ะ
รถกำลังออกนอกเมืองมาเรื่อย ๆ
“พี่โกรธผมเรื่องดูหนังแบบนั้นเหรอครับ”
ผมหันไปถาม ทำหน้าตาอ้อนๆมัน พี่เอย์ใจดีนะถ้าผมอ้อนมันเมื่อไหร่คือคุณชายหายโกรธไวมาก
เอาจริง ๆ แค่อยากให้ผมง้อมันเหอะ
“ทำไมต้องไปดูของผู้ชายคนอื่น
หนังแบบนั้นมึงจะดูไปเพื่อ?”
“เอ๊าก็ต้องศึกษาดิ่
ขนาดขี่ม้าก็ยังต้องหัด อันนี้ก็คล้ายกันง่ะผมก็ต้องดูเอาไว้เหมือนกันนะ” ผมว่าเสียงเบา
ๆ ความจริงคือก็อายนะ แต่ผมก็พูดแบบนี้ล่ะตรงๆไปละกัน มองดูหน้ามัน พี่เอย์ยิ้มใหญ่เลย
ผมนึกถึงคำพูดไอ้วุฒิอีกที
“....ฝ่ายรับที่ดีมันต้อง-ทำเป็น-บริการเอง-และออนทอป ที่สำคัญต้องดูดเก่งนะเว้ยไอ้ประเภทมาแต่เสียงแต่ท่าทางคือไม่ใช่นี่ขอร้องไปไกลๆเลย”
คอยดูเถ้อออ
เดี๋ยวถึงเวลาผมจะต้องยอดเยี่ยมไร้ที่ติ พี่เอย์มันจะแพ้ผมก็คราวนี้แหละว้า เหอๆ
“หึหึหึ
มึงเปรียบซะกูอยากเลยนะปิง ขี่ม้าเหรอ เข้าท่าดีนี่หว่า หึหึหึ”
“พี่อย่าคิดอะไรไปไกลเหอะ
ผมก็แค่เปรียบเทียบ”
“เปล๊า
กูไม่ได้คิดอะไรเล้ย ไม่ได้คิ๊ด ไม่ได้คิดเลยให้ตายสิ”
มันว่าแล้วหัวเราะหึหึหน้านี่แดงเลยแหละ ผมรู้ทันทีไอ้พี่เอย์มันลามกมันต้องคิดเรื่องแปลกประหลาดแน่ๆ
“ไปไหนอ่ะพี่”ผมถามขึ้น
“ไม่บอก” พี่เอย์ยิ้มเจ้าเล่ห์
วันนี้อากาศดีมากไม่ร้อนเลยคล้ายจะเป็นใจตั้งแต่เราออกจากรังสิตมาแล้ว ขับมาได้สักระยะนึงพี่เอย์เลี้ยวซ้ายเข้าปั๊มใหญ่เติมน้ำมันแถวๆวังน้อย
“เข้าห้องน้ำแปป
มึงลงป่ะ” รถจอดหน้าเซเว่น
“กินข้าวไหมพี่
โน่นศูนย์อาหาร”
“หึ
ไม่อ่ะกินแบบนี้ไม่เป็น ไว้ไปสั่งกินที่โรงแรมละกัน มึงหิวไหม”
“ไม่อ่ะครับ
เดี๋ยวซื้อขนมกิน” มันโยกระเป๋าตังมันส่งให้ผมรับไว้เกือบไม่ทัน
ว่าจะบอกไม่เอาคุณชายก้หายเข้าห้องน้ำไปแล้วผมเลยเดินเข้าไปซื้อขนมซื้อน้ำในเซเว่น
พอออกมาเห็นลูกชิ้นน่ากินเลยสั่งไปสิบไม้ เผื่อคุณชายมันด้วย
เดี๋ยวถ้าบอกกินไม่เป็นอีกจะยัดเลย คือเจ้านี้อร่อยอ่ะผมเคยกินครั้งนึงแล้วชอบมาก พี่เอย์เดินมายืนรออยู่ข้าง
ๆ โทรศัพท์มันมาพอดีเห็นคุยอะไรกับเพื่อนมันแหละแปปเดียวก็วาง
“ผมขับให้ไหมพี่”
ผมถามมันตอนที่เราจะขึ้นรถ พี่เอย์ส่ายหัวแล้วบอกให้ผมขึ้นรถได้แล้ว
ผมถามถึงคุณนานะด้วยนะว่าเธอได้แวะมาหามันอีกรึเปล่าคืออาทิตย์ที่แล้วทั้งอาทิตย์ผมติดสอบไม่ได้แวะไปหามันที่ห้องเลย
พี่เอย์เองก็สอบเหมือนกัน ตอนนี้เราสองคนเลยสบายเหมือนมาผ่อนคลายกันหลังสอบ
“ไม่กล้ามาอีกหรอกกูไล่กลับไปขนาดนั้นแล้ว
ส่วนอันวายังโทรหากูเหมือนเดิม น้องน่ารักกูคุยกับเขาแล้วก็รู้สึกดีนะ
อยากให้โตขึ้นเขาเป็นคนดี ก็ได้แต่หวังว่านานะเขาจะคิดอะไรๆได้เร็ว ๆ ล่ะนะ”
ผมยื่นลูกชิ้นไปจ่อที่ปากมัน
พี่เอย์หันมองแล้วส่ายหน้าผมไม่ยอมบอกลองกินดูมันเลยดันมือผมออกแล้วบอกไม่เคยกินกลัวท้องเสีย
“ถ้าพี่ไม่กินผมโกรธอ่ะ
เอาจริง ๆ”
“ดื้อจริงวะมึง
กูกินอะไรแปลกๆไม่ค่อยได้กลัวท้องเสีย”
“ไม่เสียหรอกเจ้านี้อร่อย
แค่คำเดียวนะถ้าพี่ไม่ชอบไม่ต้องกินอีก อ่ะอ้าปากเร้ว” พี่เอย์ชั่งใจนิดนึงในที่สุดอ้าปากกินลงไปลูกชิ้นลุกเล็กจิ๊ดเดียวผมจัดทีสองลูกแต่ของคุณชายป้อนแค่ลูกเดียวยังเคี้ยวตั้งนาน
“อร่อยไหมพี่”
“ใช้ได้นะ
เอามาอีกดิ๊”
ผมยิ้มเลยสิครับ
คือพี่เอย์ชอบแล้วแน่นอน
ความจริงก็แค่อยากให้มันได้กินอะไรหลากหลายบ้างเท่านั้นเอง อาหารที่ทานได้ของมันมีอยู่แค่ไม่กี่อย่างแต่ผมก็พยายามเปลี่ยนเมนูให้ตลอดตอนนี้มีลูกชิ้นหมูแสนอร่อยที่ท่าทางมันจะชอบเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่ง
ผมกินของผมไปแล้วก็ป้อนคุณชายไปลูกชิ้นสิบไม้ที่เยอะมากตอนนี้คือหมดถุงแล้วเรียบร้อย
ผมยื่นน้ำเปล่าส่งให้มัน พี่เอย์ดูดจากหลอดนะมีแต่ผมนี่แหละที่ยกซด
คือทำไมเราต่างกันวะเออผมก็ไม่ค่อยเข้าใจมันจะเรียบร้อยไปไหน
“ง่วงไหม”
พี่เอย์หันมาถามผมเลยส่ายหน้า รถเลี้ยวเข้าเขาใหญ่
“พักที่ไหนพี่”
“โบนันซ่า
เคยมาป่ะ”
“หึ
ไม่เคยอ่ะ ไกลไหม ถึงวังน้ำเขียวเลยไหม”
“ไม่ไกลหรอก
ขี้เกียจขับรถขึ้นเขาเอาแค่ใกล้ ๆ พอเนอะ ง่วงแล้วอยากนอนกอดคนถึงเร็วที่สุดยิ่งดี”
มันตอบแล้วหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ผมเลยฟาดมือไปที่ห้องมันที
หมั่นเขี้ยวพูดโน่นพูดนี่ไหนว่ากอดหมาดีกว่ากอดผมวะ “อุ๊ก! ขับรถอยู่เนี่ยเล่นไรอ่ะหืม”
“เชอะ
สมน้ำหน้า” ผมแกล้งทำหน้างอแบบกระแดะๆ มันเลยผลักไหล่ผมมาทีตอบแทนผมงี้กระเด็นติดกระจกเลยนะพี่เอย์เล่นแรงมาก
คืเอราสองคนแรงมาแรงไปไม่ใช่แค่เรื่องหยอกกันหรอกแต่เรื่องบนเตียงก็ด้วย คึคึ
เราหยอกกันมาตลอดทาง
“อ้าวถึงแล้วเหรอพี่”
มันเลี้ยวรถเข้าซอยเล็กๆฝั่งซ้ายมือ นี่คือขึ้นเขามาได้พักนึงแล้วนะ
“เกือบแล้ว”
ผมก็นั่งดูข้างทางไปเรื่อย
คือซอยแคบลงมากแต่ยาวมาก คือมันยาวมากจริง ๆ โคตรแคบ อะไรวะโรงแรมอะไรมันทำไมอยู่ลึกได้โล่แบบนี้
“อ๊ะพี่เอย์ลำไยๆ
จอดๆๆ”พี่เอย์เบรคจึ๊กเลยมันคงตกใจด้วยแหละ จู่ๆผมบอกหยุดแบบกระทันหัน
“อะไรของมึง”
มันถามหน้าตื่น
“พี่ดูดิ
บ้านนี้เขาขายลำไยด้วยอ่ะ คือมีเป็นต้นเลยเห็นป่ะ พี่เคยเห็นต้นลำไยไหมเราลงไปดูด้วยกันไหมพี่”
ผมตื่นเต้นนะ คือเอาจริง ๆ ผมไม่เคยเห็นต้นลำไยอ่ะ
“มึงอยากกินเหรอ”
“ครับใช่ ๆ” จริง
ๆ อยากดูต้นลำไย
“เดี๋ยวไปสั่งที่โรงแรม”
“ไม่เอาจะกินที่นี่
อันนี้ มันลูกทุ่งดีผมชอบ”
สรุปแล้วมันต้องได้แอบ
ๆ รถเข้าข้างทางแล้วผมก็ลงไปซื้อคุณป้าคนขายชวนคุยถามโน่นนี่ว่ามาจากไหนบ้างล่ะ
จะไปพักที่ไหนบ้างล่ะแล้วแกก็ให้ผมชิมลำไยสดๆจากต้นเลย
ผมยิ้มแก้มแทบแตกคือผมชอบกินลำไยมากนะ มันหวานหอมแล้วก็อร่อย
“เสร็จยัง”
ผมสะดุ้งนิดนึงคือพี่เอย์มันลงมาเมื่อไหร่ คิดว่าจะนั่งรออยู่ในรถ มันใช้ไหล่สะกิดดันๆผมให้หันไปดูต้นลำไยอยู่ที่หน้าบ้านป้าคนขาย
สวยมากครับเป็นพวงห้อยลงมาเต็มไปหมดเลย
“คุณป้าครับผมขอซื้อสดๆจากต้นเลยจะได้ไหมครับ”
มันถาม
“ได้จ้าแต่ป้าคิดเพิ่มนิดนึงนะ”
“พี่จะเอากี่โลอ่ะ”
“ตามใจมึงดิ่”
“พี่ช่วยผมกินนะ”
“กูกินไม่เป็นเหอะ
เอาโลเดียวไหม ยังไง”
คราวนี้อิพี่เอย์ทำหน้างงๆผมเองก็งงเหมือนกันมันกินไม่เป็นแต่ไปบอกป้าแกขอซื้อสดจากต้นอะไรของมันวะ
แล้วโลเดียวนี่มันตลกป่ะวะ ยี่สิบบาทตูอยากจะบ้า
“เห้ยพี่โลเดียวป้าเขาจะว่าเราป่ะ”
ผมกระซิบ คือตอนนี้เราสองคนเดินมาที่ต้นลำไยกันแล้วป้าแกก็ยืนยิ้มอยู่ที่แผง
“เราเอาลำไยแค่กิโลเดียว
แต่เราจ่ายให้เขาเท่ากับซื้อสักสิบยี่สิบโลก็ได้นี่” ผมเบะปากใส่มันทันทีที่พูดจบ
คราบคุณชายเอย์ตั้นแหมรวยเนอะพูดซะ
“เรื่องเหอะ
จ่ายสิบโลผมก็เอาสิบโลอ่ะ เอาไปฝากแม่ฝากพี่ขมฝากไอ้วุฒิฝากไอ้บาส ฝากบลาๆๆๆ”
“แต่ลำไยกินมากร้อนในคุณย่ากูเคยบอก
ซื้ออย่างอื่นไปฝากแม่เหอะ ลำไยกูว่าไม่เวิร์คว่ะ” ผมเริ่มปีนขึ้นไปเก็บลำไย
คือก็ปีนตรงที่เตี้ย ๆ เพราะมันเป็นต้นที่ลูกดกมากปีนขึ้นไปนิดเดียวก็เก็บได้แล้ว
ตอนนี้พวงลำไยสดเต็มสองมือผมเลย เห็นพี่เอย์ล้วงเอามือถือขึ้นมากดถ่ายรัวเลย ผมส่งให้มันช่วยถือด้วยนะ
“พอแล้วมั้ง”
พอผมลงมาเราสองคนก็เดินถือลำไยกันเต็มสี่มือไปชั่งกิโลแล้วจ่ายตังค์
พี่เอย์ป๋าเหมือนเคยทิปคนขายเยอะมาก คือมากกว่าราคาลำไยทั้งหมดที่เราซื้อ
มันบอกคุ้มโคตรอย่างน้อยได้ถ่ายรูปลิงขึ้นไปเก็บลำไย
ผมนั่งนึกอยู่ตั้งนานถึงได้เก็ต อิพี่เอย์หัวเราะลั่นมันบอกผมความรู้สึกช้ายิ่งกว่าเต่าเดิน
รถเลี้ยวเข้ารีสอร์ทบ่ายสองกว่า
ๆ ผมก็เมียง ๆ มอง ๆ พี่เอย์จอดรถด้านหน้าเลย คืออยากบอกว่าที่จอดรถน้อยมากอะไรวะมีแต่รถหรูทั้งนั้นเลยครับ
แปลกมากจริงๆ
“เช็คอินแปป”
มันบอกแล้วเดินลง ผมเองก็เดินตามลงไปด้วย พี่เอย์หยุดเดินรอให้ผมเดินขึ้นไปหามัน
แต่ผมเองก็หยุดอยู่ข้างหลังมันเหมือนเดิม มันจ้องผมนิ่งเลย ผมเองก็ยืนนิ่ง
คือถ้าคุณมาเห็นเราสองคนคุณจะเห็นความแตกต่างระหว่างผมกับมันมากเลยนะ
พี่เอย์หล่อมากหน้าตาท่าทางนี่คือผู้ดีหรูและรวยมากในขณะที่ผมนี่เด็กกะโปโลธรรมดา
วันนี้ยิ่งเสื้อยืดกางเกงกีฬาจั๊มป์ขาธรรมดาเพียงแต่ผมไม่ค่อยชอบลากแตะก็แค่นั้น
“ทีหลังมาเดินข้างๆกูนะอย่าทิ้งให้กูเดินอยู่คนเดียวสิ”
มันเดินลงมาหาผมคว้าเอามือผมไปจับ
ผมรีบมองซ้ายมองขวาคือพี่ยามแกก็กำลังเดินๆอยู่นะที่สำคัญฟร้อนท์ใกล้มากขึ้นบันไดปุ๊ปถึงเลย
พอสาว ๆ เขายกมือสวัสดีมันผมเลยได้โอกาสเอามือออกตอนที่มันรับไหว้พนักงานสาวสวยสองสามคนนั่น
พี่เอย์เข้าไปจัดการเรื่องห้องผมก็ยืนมองกลุ่มสาว ๆ
ญี่ปุ่นมั้งมากันสี่ห้าคนขาวสวยหมวยน่ารักใส่สั้นทั้งกลุ่มเลย พอมันจัดการอะไรเสร็จแปปเดียวนะครับเดินเข้ามากอดคอผม
ผมเลยถามทำไมเร็วจังพี่เอย์บอกโทรมาจองไว้ก่อนแล้ว
จากนั้นมันให้พนักงานไปเอาของที่รถแล้วเราก็ขึ้นรถไอ้คันเล็กๆเป็นรถกอล์ฟของรีสอร์ทลงเนินไปที่บ้านพัก
คือผมอยากบอกว่าที่นี่ดูด้านหน้าไม่อะไรเลยนะธรรมดามากแต่พอเข้ามาด้านในลึกๆแล้วสวยมากๆยิ่งลึกยิ่งเห็นโน่นนี่นั่นสวยงามไปหมด
“พี่เอย์ครับสวยจังเลย
ตรงโน้นมีสระว่ายน้ำด้วยทำไมเมื่อกี้ผมไม่เห็นอ่ะ”
ผมวิ่งออกไปที่ระเบียงบ้านชี้ๆให้มันดูสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านล่างล๊อบบี้ไกลๆโน่น
คือเมื่อกี้ผมทำไมไม่เดินดูให้ทั่ววะตอนยืนรอมันเช็คอินมัวแต่ดูสาว ๆ
กลุ่มนึงที่มาใหม่เลยไม่ได้สังเกตอะไรเลยสักอย่าง
“มัวแต่ดูสาวอยู่อ่ะดิ
อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะมึง”
“หูยผมก็มองไปเรื่อยแหละ
ก็เขาใส่สั้นอ่ะ” ผมเดินเข้ามาด้านในสำรวจดูห้อง เตียวเดี่ยวอีกแล้ว
“ถ้ากูใส่สั้นมึงจะมองไหม”
มันว่าแล้วถอดเสื้อใส่ไม้แขวนไว้ พี่เอย์เป็นคนสะอาดนะครับมันจะเรียบร้อยมากไอ้ประเภทถอดเสื้อแล้วโยนนี่ไม่เคยเห็นนอกจากตอนมันฟัดผมนั่นคือโยนแหลกทุกอย่างแทบไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น
“พี่ถามไรอ่ะ
อย่าทำนะทุเรศมากนะบอกเลยดูหุ่นตัวเองซะก่อน ขนหน้าแข้งงี้”
“ประสาท
ใครจะไปทำ”
พี่เอย์บ่นพึมพำแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ส่วนผมก็ออกมาแรดที่ระเบียงต่ออีกนิด ทำท่านั่งตรงโน่นนี่นั่นมองวิวไปเรื่อย
คือมันสวยและสบายตามาก อากาศก็ดี อยากรู้จังตอนเช้าๆจะสวยขนาดไหน สระบัวที่อยู่ตรงกลางก็กว้างใหญ่และสะอาดมากมีเรือลำเล็กๆลอยอยู่ด้วย
ผมนั่งมองไปได้สักพักเห็นว่าพี่เอย์เงียบไปเลยเดินเข้ามาดู ปรากฏว่าคุณชายนอนหลับคว่ำหน้าอยู่บนเตียงเสื้อก็ไม่ใส่
มีแต่ยีนส์ที่สวมไว้กับเข็มขัดที่ไม่ยอมถอด ผมเลยเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ
คือกะว่าจะห่มผ้าให้คิดว่ามันคงจะเหนื่อยเพราะขับรถหลายชั่วโมง
“ปิง”
พี่เอย์เรียกทั้งที่ตายังหลับ
เห็นหน้ามันแค่ซีกเดียว “พี่เอย์จะนอนเหรอครับ”
“มานี่ดิ๊
เดินมาใกล้ๆนี่” ผมก็เดินเข้าไปหา กลัวไม่ได้ยินว่าคุณชายจะสั่งเอาอะไรหรือเปล่า
“เย้ยยยยยยยยยยย” ผมร้องลั่น จนมันต้องเอามืออุดปากไว้ พี่เอย์แม่งบ้าดึงแขนผมให้ลงไปนอนอยู่กับมันแล้วคือคุณชายกอดเอาไว้ทั้งตัว
ผมดิ้นสิโวยเลย
“ไม่อ๊าววว
ผมยังไม่ง่วงสักหน่อย อุตส่าห์มาเที่ยวผมยังไม่อยากนอนนี่” ผมดิ้นจะลุกขึ้นแต่มันไม่ยอมให้ลุก
“ชู่ว์~ ไม่ดิ้นไม่ร้องนอนด้วยกันก่อนเดี๋ยวคืนนี้พาไปเที่ยว”
ผมนิ่งไปนิดนึงตอนที่มันบอกจะพาไปเที่ยว
“กูเหนื่อยขอนอนพักนิดนะ
มึงนอนอยู่ตรงนี้แหละค่ำๆเราไปเที่ยวกันเดี๋ยวพาไปกล้วยน้ำว้า”
“อะไรอ่ะพี่กล้วยน้ำว้า”
“หึหึ เอาน่าเดี๋ยวก็รู้
มึงต้องชอบแหงอยู่แล้ว กูขอนอนก่อนง่วงมากจริงว่ะ”
มันว่าแล้วก็หลับลงไปเลย
ผมก็ปล่อยนะคือไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ด้านนอกแดดเริ่มมีแล้วด้วย พี่เอย์หลับลึกลงไปแล้วจริง
ๆ ผมฟังแค่เสียงลมหายใจมันคือรู้เลย
ผมขยับตัวนิดนึงพี่เอย์รู้สึกตัวทันทีปรือตาถาม ผมเลยบอกเข้าห้องน้ำเดี๋ยวออกมา
ผมล้างหน้าล้างตาแล้วกระโดดขึ้นเตียงมานอนข้างมันต่อ
พี่เอย์คว้าตัวผมเข้าไปกอดไว้อีกแล้ว
“ตัวมึงเย็น”
มันว่า แต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้คือหยิบมือถือตัวเองเข้ามาในผ้าห่มด้วย ปล่อยให้มันกอดไปผมก็กดคุกกี้รันเล่นไป
ผมเล่นยาวจนลืมเวลา
เริ่มง่วงนิดๆแอร์เย็นมากแล้วคือมันกอดผมไว้ตลอด ในที่สุดผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ตื่นมาอีกทีคือห้องเริ่มมืดแล้ว
มีแสงจากโคมไฟด้านล่างส่องขึ้นมาถึงบนห้องแบบรำไรมือพี่เอย์คือพาดอยู่ที่เอวผมเหมือนเดิม
ผมยกโทรศัพท์ขึ้นดูหกโมงเย็น มิน่าหิวมากเลย
จะปลุกคุณชายก็ไม่อยากกวนปล่อยให้นอนต่ออีกนิดละกัน
ว่าจะยกมือมันออกจากตัวผมรู้สึกนิดนึงว่ามันนิ่วหน้าผมเลยไม่ทำ ปล่อยมันนอนกอดต่อไปสรุปที่มาเที่ยวกันนี่คือมึงพากูมานอนกอดทั้งวันแบบนี้??
ผมมองดูคนเอาแต่ใจที่นอนหลับตาพริ้ม
พิจารณาดูทุกส่วนประกอบที่อยู่บนโครงหน้ามัน อะไรวะหล่อไปทุกส่วนจริงเหอะแม่ง
ผมไม่ค่อยได้สังเกตนะถึงจะนอนข้าง ๆ มันบ่อยแต่คือมันจะฟัดผมจนเราเหนื่อยแล้วก็หลับกันไปนี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันนอนกอดผมไว้เฉย
ๆ แล้วก็นานแบบนี้
“กูหล่อมากไหม”
เสียงพี่เอย์ถามขึ้นทั้งที่ยังหลับตาทำเอาผมสะดุ้งเฮือก คือเหมือนคนทำความผิดแล้วโดนจับได้
ทั้ง ๆ ที่ก็แค่นอนมองหน้าแฟนตัวเองผิดตรงไหนวะ ผมก็เลยแกล้งทำเป็นเฉย ๆ
“แอบชอบกูล่ะดิ่”
มันลืมตาขึ้นมาถามสายตาคือหวานเชื่อมมากแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์นิดๆอีกด้วย ผมงี้หน้าชาไปหมด ถามเห้ไรของมันวะ
แอบชอบบ้าบออะไรผมเคยบอกมันไปแล้วนี่หว่าว่าชอบ มีแต่มันแหละถามว่าชอบผมไหมๆ
ตอบไม่ทุกที แถมไม่เคยบอกรักกันให้ได้ชื่นใจเล้ย คิดแล้วเครียดดดดดด จิ๊!
“ทำหน้าอะไรของมึงอีก”
มันเท้าแขนยันตัวขึ้นนิดๆ เอามือมาบีบปากผมเบา ๆ จ้องหน้าลงมาถาม
“เชอะ”
ผมแกล้งทำเสียงกระแดะ ปัดมือมันออก อิพี่เอย์รีบคว้าเอาผมเข้าไปซุกอกมันเลย ผมดิ้นมันยิ่งกอดแน่นเข้าไปอีก
“ไหนบอกกูซิเป็นไร
ที่ทำหน้างอนี่ไม่พอใจใครครับหืม ปิงบอกพี่เอย์มาซิ”
“พี่เอย์ พี่ทำไมไม่เคยบอกรักผมเลยอ่ะ”
“ทำไม
มึงอยากฟังเหรอ”
“อื้อๆ” ผมพยักหน้า
เออผมก็อายนะ แต่อยากฟังอ่ะ
“งั้นขยับมานี่
ใกล้ๆ” มันขยิบตาเรียกทั้งที่ผมกับมันนี่ก็นอนอยู่ข้างกันแล้วนะ แต่ผมก็เขยิบๆเบียดใกล้เข้าไปอีก
กะรอฟังคำว่ารักจากมันเต็มที่
คราวนี้ล่ะวะ
กูจะฟังแล้วจำเอาไว้เลย
“เอียงหูมา” ผมเอียงทันทีเลยสิ
V
V
V
V
V
“ฟู่ววว~” มันเป่าลมกระซิบที่ข้างหูแทนคำว่ารัก ผมรู้มันแกล้งเลยฟาดผั๊วะไปที
“หยึ๋ยยยขนลุก
จั๊กจี้ว่ะพี่ ขี้โกงนี่
ไหนอ่ะคำว่ารักผมอ่ะ” ผมโวยวาย พี่เอย์ยิ้มสมน้ำหน้าผมใหญ่ ประมาณว่า
ตลกที่ผมเชื่อมันอะไรแบบนั้น
“ไม่บอก”
มันว่าแล้วตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเราทั้งคู่ไว้ รวบเอาตัวผมเข้าไปชิดใกล้ยิ่งกว่าเก่า
ทำท่าจะจูบลงมาผมดิ้นพลาดเลยสิ หิวข้าวอ่ะถ้ามัวทำเรื่องแบบนั้นคืนนี้จะได้ออกไปไหนไหมอุตส่าห์ได้มาเที่ยวทั้งทีผมเลยจี้เอวมันพี่เอย์ดิ้นเลยมันน่ะบ้าจี้แถมเส้นตื้นผมรู้นานแล้วเหอะ
“เล่นอะไร
ไหนดูดิ๊” มันเอามือถือผมไปกดดู คุณชายคล่องมาก
ของผมก็ยี่ห้อเดียวกับไอ้ตัวใหญ่ของมันนั่นแหละแต่จอเล็กกว่าหน่อย
“ไอจีมึงเหรอ”
มันเปลี่ยนท่าเป็นนอนคว่ำเท้าสองแขน ผมเองก็ทำท่าเดียวกันบ้าง ดูมันกดมือถือของผมรัวเลยเช็คปรื๊ดๆๆ
อะไรวะนี่มันกำลังเช็คมือถือกูนี่หว่า
“หมาปิงทำไมมีแต่รูปที่สนามบอล
แล้วนี่อะไรทุเรศเหอะยังขี้เหร่ได้อีกเนอะมึงนะ คึคึ” มันพูดไปคนเดียวเรื่อยเปื่อย
ผมเลยมองไปที่มือถือมันมั่งหยิบมาเลยสิครับ มึงเช็คของกู กูก็เช็คของมึงเหมือนกันเหอะ
ผมเห็นมันปรายตามองมาด้วยนะแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“นี่ใคร”
มันกดดูข้อความเข้าในไลน์ สาว ๆ ทิ้งไว้เต็มแหละ
“เพื่อน”
“แล้วนี่”
“นี่ก็เพื่อนครับ”
“คนนี้ล่ะ”
“เพื่อนเหมือนกันพี่”
“แล้วคนนี้...”
“โหพี่เอย์ครับเพื่อนผู้หญิงในไลน์ผมมีเป็นร้อยอ่ะพี่
บางคนไม่รู้จักหรอกแค่แอดไว้เล่นเกมส์อ่ะ” มันผลักหัวผมเลย มือหนักฉิบหาย
ทีนี้ผมดูของมันบ้างสิ อุ๊ต๊ะ! ไลน์เห้ไรของมันข้อความจากผู้หญิงทิ้งไว้เป็นร้อย
ๆ คือคุณไม่เคยเคลียร์? หนอยยยไอจีขึ้นไบโอเป็น ‘เอตั้นผู้พิชิตขุนเขาทั้งสองเพศ’ อีกต่างหาก
เหี้ยเหอะมันยังไม่ได้พิชิตผมเลยนะบอกให้
“ทุเรศวะไบโอพี่
เอตั้นผู้พิชิตขุนเขาทั้งสองเพศ?? คึคึคึ”
ผมหัวเราะ แกล้งทำเสียงล้อเลียน
“งั้นเปลี่ยนใหม่”
พี่เอย์รีบแย่งมือถือไปจากมือผมล็อคคอผมไว้แล้วเซลก้ารูปเราสองคนคู่กัน
มันกดโพสต์ลงทันที จากนั้นกดยุกๆยิกๆพักนึงก่อนยื่นให้ผมดู ผมตาโตเลยสิ มันบ้า
มันเปลี่ยนเป็น ‘เอตั้นผู้พิชิตปิงวังยมน่าน’ ยอดไลค์ขึ้นเพียบ พี่ฟิวส์เพื่อนมันถึงขนาดเมนท์มาแบบด่วนๆ 'ฮันนีมูนนรกเหรอมึง' ผมหัวเราะลั่นแล้วยื่นให้มันดูพี่เอย์คือยิ้มหน้าบานมากมันบอกรูปสวย
คือหล่อเฉพาะคุณชายอ่ะดิ
ส่วนรูปผมโคตรตลกหน้าตาแบบโดนมันใช้แขนล็อคคออ่ะ แหวะหายใจไม่ออก
ที่สำคัญคือพี่เอย์ไม่ใส่เสื้อด้วยนะ ติดเรทอ่ะบอกเลย
“เปลี่ยนคืนเดี๋ยวนี้
พี่แม่งบ้า ลบรูปออกด้วย”
“ไม่เปลี่ยน
วันหลังค่อยเปลี่ยน” มันตอบดื้อดึงแล้วเปลี่ยนท่าเป็นมานอนกอดผมต่ออีก
ผมก็กดดูรูปต่อไปอีกนิดคือมือถือมันเม็มรูปเยอะมากมีแต่รูปผมทั้งตอนหลับตอนตื่น
เออภาพนี้ไปถ่ายตอนไหนวะไม่รู้ตัวเลยนะนี่
แหม่ๆๆๆมีรูปผมปีนเก็บลำไยเมื่อตอนกลางวันตั้งสามสี่รูปแน่ะแล้วยังมีตอนที่ผมยืนซื้อลูกชิ้นปิ้งข้าง
ๆ เซเว่นนั่นด้วย ไหนๆอันนี้อะไรอ้อรูปที่เราไปอัมพวาคราวนั้นนี่หว่าเก็บแยกเป็นหมวดหมู่ดีมาก
ผมเล่นไปสักพักพี่เอย์มันเริ่มกวน ผมเลยเลิกสนใจโทรศัพท์หันมาหามัน
คุณชายรวบเอาตัวผมเข้าไปกอดไว้เต็มอ้อมแขนมันนั่นแหละครับ ผมก็ปล่อยนะพี่เอย์อารมณ์ดีถึงขนาดฮัมเพลงในคอเบา
ๆ เป็นเพลงฝรั่งผมไม่รู้ว่าเพลงอะไรความหมายแบบไหน รู้แต่ว่าเสียงพี่เอย์นุ่มและทุ้มมาก
นึกอะไรดีๆขึ้นได้เลยหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา
“ทำอะไร” มันถาม
ผมชูโทรศัพท์ยื่นห่างออกไปขยับๆใบหน้าไปชิดๆหน้ามัน คือเฟรมจอมันแคบไง
จะถ่ายด้วยกันต้องแบบนี้ พี่เอย์รู้งานมันเลยเอียงหัวมาใกล้ สภาพเราตอนนี้คือนอนหัวชิดกันอยู่ ผมโคลสอัพเลยนะเอาแม่งให้ใกล้ ๆ เลย ก่อนจะนับ
3
2
1
“แชะ!” และทันทีที่ผมกด
พี่เอย์ยื่นปากเข้ามาจูบแก้มผมเบา ๆ คือรูปที่ถ่ายออกมาตอนนี้หน้าผมแม่งตลกมากส่วนหน้ามันเห็นแค่เสี้ยวเดียวส่วนปากนี่คือจูบติดแก้มผมพอดี๊พอดี
พี่เอย์หัวเราะร่าเลย ส่วนผมนี่หน้าแดงเลยดิ่
รีบผลักมันออกอย่างเร็ว เรานอนกอดกันต่ออีกสักพัก พอสองทุ่มกว่า ๆ มันก็พาผมขับรถออกจากรีสอร์ทผ่านซอยที่ทั้งลึกทั้งมืดทั้งแคบแต่ดีหน่อยที่มีบ้านเรือนคนอยู่เป็นระยะแต่คือไกลมากกว่าจะถึงถนนใหญ่
ออกมานิดเดียวครับเลี้ยวขวารถก็จอดลงที่หน้าร้านอาหารน่านั่ง กล้วยน้ำว้า
ร้านน่ารัก ตอนที่เดินเข้าไปเสียงดนตรีเพื่อชีวิตจากนักร้องเล่นสดนี่ดังออกมาเลยนะ
คนเยอะมากกกก พนักงานก็เยอะ
“พี่เอย์ผมชอบเลยนะ”
ผมบอกมัน พี่เอย์นั่งลงข้าง ๆ ผม มันปล่อยเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามไว้
ผมเลยมองมันนิดหน่อยคุณชายคือทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ พนักงานเข้ามารับออเดอร์เร็วมาก
มันถามจะกินเหล้าไหมผมบอกไม่ เอาแค่เบียร์พอ คุณชายพาดแขนมาที่เก้าอี้ของผมคือในร้านมันก็มืดๆน่ะนะครับผมก็ปล่อยแถวนี้คิดว่าคงไม่มีใครรู้จักเราแน่อยู่แล้ว
นั่งฟังเพลงไปเรื่อยพักนึงอาหารก็ทยอยเข้ามาเสิร์ฟ ผมสั่งอาหารญี่ปุ่นมาให้มัน
อิพี่เอย์ไม่ยอมมันออเดอร์ข้าวผัดกุ้งไปอีกแล้ว
สรุปตอนนี้ผมนั่งกินอาหารญี่ปุ่นแทน
“เมา”
“หืม”
ผมฟังไม่ถนัดเลยหันไปถาม พี่เอย์เอียงตัวเข้ามากระซิบ
“เมาแล้ว
เอียงไหล่มาดิ๊” มันว่าแค่นั้นล่ะครับผมยังไม่ทันได้ทำอะไร มันเอนตัวซบลงมาที่ไหล่ผมเลย
พี่เอย์น่ะเป็นคนที่ขี้อ้อนมากนะ ก่อนเราจะมากันได้นี่คือผมนอนให้มันกอดเฉย ๆ
ตั้งแต่ก่อนบ่ายสามอ่ะลากยาวกันจนสองทุ่มกว่าแล้วกว่าจะลุกได้นี่ผมต้องลากต้องดึงต้องดิ้นสารพัด
อะไรของมันก็ไม่รู้ แล้วตอนนี้นี่คือคุณชายไม่ได้เมานะแค่อยากซบทำเป็นพูดตัวเองเมา
โถ่วว
“ชอบไหม”
มันกระซิบ คือไม่ใช่กระซิบหรอกเพราะเพลงดังมาก
แต่คือมันเลื่อนริมฝีปากมาพูดชิดหูผมเลย
“ครับ
เพลงเพราะดี” มันคว้าเอามือผมไปจับประสานไว้ที่ตัก ดีนะที่โต๊ะเราอยู่ที่เสา
คงจะบังได้นิดๆล่ะวะ บางทีผมก็คิดไปนะถ้ามันหรือผมคนใดคนนึงเป็นผู้หญิงจะดีกว่าไหม
ยังไง
“กูเรียนจบแล้วนะปิง สบายใจโคตรเลยว่ะ”
“พี่เอย์จะเรียนต่อเลยไหมครับ
หรือจะทำงานก่อน”
“เรียนดิ
สมัครเอาไว้แล้วเหลือแต่รอไปสอบนี่แหละ มึงล่ะต่อไหน อีกสองปีก็จบตรีแล้วนี่”
“ครับใช่
พี่เอย์ก็เรียนสองปีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ปอโท”
“หึหึหึ
จบพร้อมกันนะ จบแล้วแต่งเลยใช่ไหม” มันว่าแล้วขำไปเอง ไม่ยอมยกหัวออกจากไหล่ผม
ผมเพิ่งจะรู้วันนี้นะว่าพี่เอย์มันเป็นคนที่อ้อนแฟนเก่งมาก
เออนึกๆก็อยากรู้มันเคยพาแฟนมาเที่ยวแถวนี้ป่ะวะ
“พี่เอย์พี่เคยมาที่นี่กี่ครั้งแล้วพี่”
“หลายครั้ง
ทำไม”
“ที่นี่อ่ะนะ
ร้านนี้”
“อ๋อร้านนี้ครั้งแรก
เสิร์ชหาเจอในเว็บเห็นมึงชอบดนตรีแนวนี้ แล้วพอดีตอนขับขึ้นมาเห็นป้ายร้านเลยกะว่าจะพามึงมา
แต่ที่โบนันซ่าน่ะมาหลายครั้งแล้ว”
“มากับใครอ่ะครับ”
“กับเพื่อนบ้าง
ผู้หญิงบ้าง กับไอ้ซ่าร์ก็เคยมานะ” พี่เอย์ตอบตรงมาก ใจผมจี๊ดเลยเหอะ ทั้งที่ก็รู้นะว่ามันเป็นเรื่องของอดีตไปแล้ว
“แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มากับแฟน”
มันเงยหน้าขึ้นมามองผมตานี่ฉ่ำมากสงสัยเมาเบียร์ ผมเองก็มองมัน
พี่เอย์ประสานมือผมไว้แน่นมาก
“แล้วกูจะไม่พาใครมาอีกเลย
กูสัญญา”
พี่เอย์แม่งโคตรหน้าด้านมันลุกขึ้นนั่งดี ๆ จ้องหน้าผมแล้วยกมือผมขึ้นมาจูบ
ถ้าในร้านเปิดไฟนีออนคงจะเห็นว่าหน้าผมแดงแค่ไหน ตอนนี้หน้าคือร้อนผ่าวมากพี่เอย์แม่งทำอะไรเปิดเผยฉิบหายคือมันไม่อายคนเลยนะ
ผมก็นั่งทานของผมไปเรื่อย พี่เอย์กินเสร็จมันก็เอนมาซบผมต่ออีกมือนี่คือโอบเก้าอี้ผมไว้แหละ
ดนตรีสดเล่นจบแล้วตอนนี้เขาเปิดจากเครื่องแทน ผมก็ดูทีวีจอใหญ่ ๆ
ที่เขาฉายบอลพรีเมียร์ไปด้วย
แต่รู้สึกแปลกๆเหมือนกันเหมือนกับว่ามีใครมองพวกผมอยู่ตลอดผมเลยหันไปดูก็ไม่เห็น
พักนึงรู้สึกอีกผมหันขวับเลยเจอกับสายตาของโต๊ะแถว ๆ ด้านนอกมากันเป็นครอบครัว
แต่ผมไม่ได้รู้จักก็คือเฉย ๆ
คิดว่าเขาคงมองเพราะพวกผมเป็นผู้ชายแล้วมานั่งซบกันอยู่แบบนี้มั้งผมเลยขยับให้พี่เอย์นั่งดี
ๆ
“ไม่เอา” คุณชายทำเสียงฮึดฮัดเหมือนไม่พอใจ
“เดี๋ยวไปซบที่ห้อง
ตรงนี้พอก่อนพี่” ผมดันหัวมันออก พี่เอย์ชูมือเรียกพนักงานทันที
“งั้นกลับเลย”
มันว่าแล้วยกแก้วเบียร์ที่เหลือขึ้นดื่มรวดเดียว เอาแต่ใจฉิบหาย ผมห้ามไว้ไม่ทัน
คือก็อิ่มแล้วแหละแต่ก็ยังอยากนั่งแช่ไง
น้องพนักงานคนสวยในชุดญี่ปุ่นได้ทิปหนักๆเป็นใบสีม่วงยิ้มหวานให้พวกเราจนปากจะฉีกไปถึงหู
“พี่เอย์”
ผมสะกิดเรียกให้มันดูเสื้อที่เขาสกรีนหน้าอกว่า
กล้วยน้ำว้าแล้วถามมันว่าอยากได้ไหมไว้ใส่คู่กัน
มันกำลังจะควักเงินซื้อผมบอกเดี๋ยวอันนี้ผมซื้อเอง พี่เอย์ยิ้มซะกว้างเชียว
ตกลงคือผมได้เสื้อกล้วยน้ำว้าสีเทา ของพี่เอย์เป็นสีดำ
เรากลับกันมาถึงที่พักเกือบหกทุ่ม
ผมยังยืนยันคำเดิมนะที่จอดรถมีน้อยมากแต่คือก็มีที่สำหรับเบนส์ดำของคุณชาย
เราสองคนใช้การเดินเท้าเดินลึกเข้าไปที่บ้านพัก มันมืดนะแต่ก็มีไฟสีส้มดวงเล็กประดับไว้ตลอดทาง
พี่เอย์คว้ามือผมไปจับไว้อีกแล้ว มันเดินช้ามากๆ ผมเงยหน้ามองดูท้องฟ้าเห็นพระจันทร์ดวงโตสวยมากเงาของมันสะท้อนเป็นลูกไฟดวงกลม
ๆ ที่บึงน้ำกว้าง คืนนี้จันทร์เต็มดวงพอดี ดูที่นี่รู้สึกใกล้จังเลยดูที่กรุงเทพทำไมไกล๊ไกล
พี่เอย์ทำท่าคว้าเอาดาวลงมาใส่ไว้ในมือผม
มันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ในแบบที่ชอบทำ ผมเลยชกแขนมันไปคุณชายแกล้งทำหน้าโอดโอย
มันเดินมาซ้อนหลังแล้วกอดเอวผมไว้
เราหยุดดูพระจันทร์กันที่ริมน้ำก่อนจะเข้าบ้านพัก พี่เอย์ชอบงับไหล่ผมเล่นมากจริง
ๆ มันโยกตัวผมนิดๆ เกยคางลงที่ไหล่
“ปิง
ถ้ามึงเรียนจบแล้วมึงจะทำงานที่ไหน จะทำงานอะไร” เสียงพี่เอย์ดังสะท้อนทว่านุ่มนวล
ผมรู้วันนี้มันสบายใจมาก ๆ
กลิ่นเบียร์อ่อนๆจากปากมันดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
“อืมม
ผมเรียนช่างยนต์ จบแล้วก็ต้องเป็นพวกช่างฟิตล่ะมั้งนะ ไม่ก็....” ผมเงียบไปนิดนึงไม่พูดต่อ
พี่เอย์ไม่เคยรู้เรื่องที่ผมรับจ้างเขียนโปรแกรม จริง ๆ
ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดหรอกแต่ในเมื่อมันไม่ได้ถามในจุดนั้นผมเลยคิดว่าไม่บอกคงไม่น่ามีปัญหาอะไรมั้ง
“ไม่ก็อะไร
พูดให้จบดิ”
“ไม่ก็ขายของช่วยแม่นั่นแหละครับ”
เอาจริง ๆ เลยก็คือผมกะว่าจะเป็นช่างฟิตนะ
แต่จะรับจ้างเขียนโปรแกรมใต้ดินเหมือนเดิม
จะได้มีตังค์แบ่งเบาคุณนายเธอได้ตอนนี้กำลังเก็บเงินสักก้อนออกรถให้แม่สักคัน เกือบได้แล้วด้วยผมกะซื้อสดเลยนะไม่ชอบผ่อนหรอก
“แล้วพี่เอย์ล่ะครับ
จบมาพี่จะทำงานอะไร”
“กูเหรอ อืมม
เป็นชาวสวนดีไหม ทำสวนลำไยมึงชอบกินไม่ใช่เหรอ เราจะปลูกส้มด้วยปิงชอบไหมครับ”
พี่เอย์พูดเล่นผมเลยถองศอกมันไปทีแล้วบอกให้พูดดี ๆ เอาจริง ๆ
“กูทำงานตามใจตัวเองไม่ได้หรอก
บ้านกูมีธุรกิจที่ต้องให้สานต่อคุณพ่อคุณแม่เองเขาวางอนาคตไว้ให้กูหมดแล้ว
แม้แต่ไอ้ซ่าร์ที่มึงเห็นว่าเป็นถึงดาราไอดอลมันยังติดสัญญากับที่บ้านว่าเมื่อไหร่ตอนไหนจะต้องกลับไปทำ
สำหรับกูนะ แค่บริษัทของคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่เท่าไหร่เพราะซ่าร์เองก็ยังพอจะช่วยได้อยู่
ที่หนักเลยก็คือธุรกิจของคุณย่าที่กูต้องดูแลและรับผิดชอบสานต่อให้ท่าน
ท่านแก่มากแล้ว แล้วที่สำคัญธุรกิจบางอย่างท่านโอนเป็นชื่อกูเรียบร้อยแล้วด้วยนะ”
ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพระจันทร์ตอนนี้มันไกลแสนไกลจังเลยวะ
ดูซิเมื่อกี้นี้มันยังใกล้แค่ผมเอื้อมมือไปถึงอยู่เลย
ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกว่าผมอยู่ห่างจากดวงจันทร์มากมายจริง ๆ ใจผมปวดหนึบขึ้นมา
เป็นเพราะคำพูดของพี่เอย์งั้นหรือ? ความแตกต่างของเรามันมีมากเกินไป ใช่ผมรู้ แต่นั่นก็คือเรื่องราวของอนาคต
ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ยืนอยู่กับผมแล้ว กอดผมอยู่ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
เขาคนนี้ยังจะเลือกยืนอยู่ข้างผมเหมือนกับตอนนี้ไหมนะ
“ปิง?”
“พี่เอย์ครับ
พี่จะคบกับผมอีกนานไหม”
“ถามอะไรของมึง”
มันเอียงหน้ามาจ้องผม หน้าตานี่คือเครียดขึ้นมาแล้ว แต่ผมยังถามย้ำลงไปอีก
“เราจะคบกันอีกนานไหมพี่”
“ทำไมถามอะไรแบบนั้น”
พี่เอย์จับตัวผมหันมาหาทันที
“พี่เอย์ครับ
ถ้าพี่ได้ผมแล้วพี่ยังจะเป็นพี่เอย์คนเดิมของผมอยู่ไหม”
“ปิง?”
“พี่จะเปลี่ยนไปรึเปล่า
ผมอยากให้เราสองคนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องนึกถึงเรื่องฐานะหรืออะไร
ผมไม่อยากได้เงินของพี่หรอก มันไม่สำคัญกับผมเลย ต่อให้พี่รวยแค่ไหนผมก็ไม่สน
ขอแค่พี่ยังเป็นพี่เอย์คนเดิมของผม คนที่ผมจะเรียกคำว่า ‘พี่เอย์’ ได้ตลอดไป”
พี่เอย์จ้องผมนิ่ง
มันยกมือขึ้นมาลูบแก้มผมเบาๆ ดึงผมเข้าไปกอดไว้เต็มอ้อมแขนมัน ผมรู้สึกนะหัวใจมันเต้นแรงมาก
ผมเองก็ไม่ต่าง เราสองคนมองไปที่พระจันทร์บนท้องฟ้าด้วยกัน
พระจันทร์ที่อยู่ห่างไกล
จะมีไหมสักวันที่ผมจะคว้าจันทร์ลงมา เก็บไว้เป็นของผมเอง......แค่คนเดียว
“ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป
กูก็ยังจะเป็น ‘พี่เอย์’ คนเดิมของมึง กูสัญญา”
หวายยยยย ผมทำไมรู้สึกซาบซึ้งแบบนี้วะเนี่ย
รู้สึกดีโคตรๆ เลย คืออยากจะร้องไห้ว่ะ ฐานะเหรอ? หน้าที่การงานเหรอ? ชาติตระกูลเหรอ?
ผมอยากจะให้มันวางทุกอย่างของมันไว้แค่ที่ตรงนั้นจะได้ไหม ที่กรุงเทพนั่น
บ้านหลังใหญ่ ๆ ของคุณย่ามันนั่น เพราะสำหรับผมแล้วแค่เวลานี้ ณ ตอนนี้ และขณะนี้
ผมมีความสุขเพียงพอแล้ว
เพี๊ยะ!
“โอ๊ย
อะไรของมึงวะกูกำลังซึ้งเลย” ผมฟาดฝ่ามือใส่แก้มมันไปที พี่เอย์ตกใจหน้าตาตื่น
“ยุงกัดแก้มพี่อ่ะ”
ผมเขิน คือมือไม้มันไปเอง
“เหี้ยเหอะ
ยุงเห้ไรของมึงมากัดตอนบรรยากาศดี ๆ แบบนี้” อิพี่เอย์แม่งทำเป็นมารู้ทัน
“ยุงดิ
ก็พี่พูดอะไรเน่า ๆ ยุงมันเลยมาตอมอ่ะ แถวนี้ยุงเยอะด้วย ผมอุตส่าห์ตบให้เหอะ”
“จิ๊! กูไม่เชื่อ
มึงเขินแน่ ๆ มือหนักตลอดๆ”
“ก็เขินดิ
พี่มาเป็นผมบ้างจะเขินไหมล่ะ”
“งั้นเข้าบ้าน
จะได้ไม่เขิน”
“ไม่เอา
อยากยืนอยู่ตรงนี้” ผมดื้อ
“ไหนว่ายุง”
“พี่เอย์ครับ พี่ร้องเพลงให้ผมฟังสักเพลงสิพี่
เพลงไทยนะ”
“เรื่องดิ่
ใครจะไปร้องเพลงให้มึงฟังไม่ได้หน้าด้านอย่างมึงนี่” มันถอยลงไปยืนซ้อนหลังผมอีกครั้งสอดมือเข้ามากอดเอวผมไว้
จมูกโด่ง ๆ ซุกไซ้อยู่ที่ไหล่หลัง ผมเลยเอียงคอให้มันจูบลงได้ถนัดๆ มันงับหูผมเล่น
“นิดเดียว
ท่อนเดียวก็ได้ นะครับนะๆ” ลองอ้อนมันดู
คือถ้ามันยอมร้องตอนนี้เสียงของมันจะกระซิบลงที่หูผมพอดีเลยนะ โรแมนติกเหอะ
“หึ ไม่อ่ะ
ยืนกอดไว้งี้แหละ”
“โด่ววว” ผมร้องอย่างเสียดายบ่นโน่นนี่นั่นไปเรื่อยแต่ก็ยืนให้มันกอดนะ
เราสองคนมองดวงจันทร์ด้วยกันอีกครั้งนึง
เสียงหรีดหริ่งเรไรกรีดร้องราวกับกำลังเฉลิมฉลองเป็นพยานให้กับความรักของสองเรา ผมกับมันต่างก็เงียบกันไป จู่ๆ พี่เอย์สอดมือเข้ามาที่หน้าผากของผม
มันค่อยเลื่อนฝ่ามือลงมาปิดตาผมไว้ ก่อนรั้งให้ศีรษะผมเอนชิดเข้ากับบ่าของมัน
ผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวรินรดอยู่ที่ริมหู
ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มนุ่ม
จะเอื้อนเอ่ยท่วงทำนองที่แสนไพเราะ....
ต่อให้นานเพียงใด......รักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้
ไม่มีวันจะแปรหรือน้อยลงไปตามเวลา
ถึงแม้บางครั้งชีวิตต้องเจออะไรกระหน่ำ
แต่ไม่เคยทำให้รักเราเปลี่ยนแปลงไป
....ฉันรักเธออย่างไร
ก็รักไม่เปลี่ยนใจเลย.......
Tbc.