# 5 คนธรรมดากับงานเลี้ยงหรูหราและคุณชาย
ตึ๊งตึ๊งตึ่ง ตึ่งๆ ตะลึ๊งตึ๊งตึ่ง
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย
อย่ามนม อย่ามโน เก็บอาการบ้างนะ ♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ อย่ามนม อย่ามโน
ท่องนะโมไว้เลย ♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ อย่ามโน แต่ช่วยโชว์ข้างใน ว่าคิดอะไรอ่ะ ♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫
ไม่มีอะไรดีกว่าการมารับจ๊อบหาเงิน
ในวันที่ได้เลิกเรียนเร็วและแม่กับพี่ขมปิดร้านเร็วแบบนี้อีกแล้ว
ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงกว่า ๆ ผมมีเวลาเยอะแยะสำหรับงานทำความสะอาด
เจ้าของห้องไปเรียนมั้งนะ เพราะตั้งแต่ผมเข้ามาก็ยังไม่เห็นพี่เขาเลย แหมเครื่องดูดฝุ่นอันนี้ใช้ดีชะมัด
เคยใช้แต่อยู่ที่โรงเรียน ผมเรียนช่างยนต์ใช่ไหม เขาก็จะมีอู่คาร์แคร์ไว้บริการลูกค้าเพราะงั้นพวกเรานักเรียนที่ไปฝึกงานก็จะได้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดรถ
เหมือนเคยได้ยินนะ
ใครบอกอยากให้ผมร้องเพลงอย่ามโน ฟังสิครับตอนนี้กำลังร้องอยู่ ผมอารมณ์ดีมากเลยนะ
ได้ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ทันสมัย อยู่ในคอนโดหรูหราราคาหลายล้าน
กับได้แหกปากร้องเพลงประหนึ่งว่าห้องสุดหรูนี้เป็นของผมเอง วี๊ดวิ๊ว ตึ๊งตึ๊งตึ่ง ตึ่งๆ ตะลึ๊งตึ๊งตึ่ง
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย
อย่ามนม อย่ามโน เก็บอาการบ้างนะ ♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ อย่ามนม อย่ามโน
ท่องนะโมไว้เลย ♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ อย่ามโน แต่ช่วยโชว์ข้างใน ว่าคิดอะไรอ่ะ ♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫
เย้ยยย!!!
ประตูห้องถูกเปิดผัวะออกมา
ผมคนนี้ถือก้านเครื่องดูดฝุ่นค้างสิครับ กำลังจะอ้าปากด่าใครวะไร้มารยาทเสียจริงๆ
เข้าห้องทำไมไม่เคาะประตูก่อนคนอยู่ข้างในตกใจนะ ที่แท้เจ้าของห้องนี่เอง ผมเงียบเลยสิ
จะกล้าพูดเหรอ
“พะ....พี่เอย์
กลับมาแล้วเหรอครับ” ผมทักขึ้น เห็นหน้าตาพี่เอย์ไม่ค่อยดีเหมือนไปโกรธใครมาสักสิบชาติได้
ผมจึงฉีกยิ้มกว้างหวังเวลคัมโฮมเต็มที่ แต่พี่เอย์ยืนมองผมนิ่ง ผมที่ฉีกยิ้มให้จึงค่อย ๆ หุบลงอย่างช่วยไม่ได้
คุณชายเธอเล่นเงียบไม่พูดไม่จาเดินเข้าห้องไปเลย
เป็นไรวะ? ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ และตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดของผมต่อ
ฮัมเพลงไปด้วยเบา ๆ แหกปากเหมือนตะกี้ไม่ได้ เพราะเจ้าของห้องเขากลับมาแล้ว สงสัยคุณชายอารมณ์เสียเรื่องเรียนล่ะมั้ง
ไม่งั้นก็หิวจัดจนหน้ามืด พี่เอย์หายเข้าไปสักพักก็ออกมาเดินมุ่งไปทางครัวรื้อ
ๆๆ หาอะไรสักอย่างแล้วหยิบพวกขนมปัง น้ำ ขนม ออกมาเต็มสองมือ เปิดโทรทัศน์นั่งดูบาร์บี้
ใช่ครับคุณฟังไม่ผิด พี่เอย์ชอบดูบาร์บี้จริง ๆ ผมเห็นมันดูการ์ตูนทีไรไม่พ้นเรื่องนี้ทุกที
พี่เขานั่งกินขนมไปดูบาร์บี้ไป ไอ้ผมก็นึกว่าทุกอย่างจะโอเคแล้ว มีอย่างที่ไหนพอนั่งไปได้สักพักดันพูดขึ้น
“หิวข้าว” ตูว่าแล้ว
“ครับพี่หิวข้าว”
ผมทวนคำ คือไม่รู้ว่าพี่แกจะสื่ออะไร
“มีอะไรกินบ้างอ่ะ
มึงทำให้กูกินดิ”
“แล้วพี่อยากกินไรอ่ะ
เดี๋ยวนะ! ผมถามไปงั้นแหละเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีอะไรเลยนะผมไม่ได้ซื้อของสดมาไว้ในตู้”
“งั้นสั่งข้างล่างขึ้นมา
มึงโทรสั่งที่เลาจน์ข้างล่างให้เขาเอาขึ้นมาส่ง สั่งข้าวผัดกุ้งให้กู”
“เอ๊ะข้างล่างมีเลาจน์ด้วยเหรอครับพี่”
“มีสิวะ
ไม่งั้นกูจะกินข้าวที่ไหนล่ะ ไม่ใช่คอนโดแถวบ้านมึงนี่ ที่นี่มันคืออะไรมึงทวนชื่อคอนโดเขาให้ดีๆ”
“ครับ ๆ
รู้แล้วๆ”
ชิชิ
ผมไม่อยากมานั่งทวนชื่อคอนโดหรอก รู้น่าว่าหรูหรามีระดับ
เมื่อคุณชายเขาบอกมาอย่างนั้นผมก็ยกหูขึ้นโทรสั่งข้าวผัดกุ้งให้ทันที
จะว่าไปพี่เอย์ชอบกินข้าวผัดกุ้งนะ เห็นกินทีไรไม่พ้นเมนูนี้เลย
เดี๋ยววันหลังจะซื้อกุ้งแบบแพ็คมาเก็บไว้ เวลาคุณชายหิวจะได้ทำให้ทาน มันเป็นอาหารง่าย
ๆ อยู่แล้วด้วย
เวลาผ่านไปแปปเดียวนะครับข้าวผัดกุ้งเสิร์ฟพี่แกถึงโต๊ะเลย
มีทิปพนักงานอีกต่างหากใจดีชะมัด ทำไมไม่บอกให้ผมลงไปเอาให้วะ
ทิปสีแดงใบนั้นจะได้ให้ผมแทน คึคึ ผมนึกไปก็เริ่มดูดฝุ่นตามซอกต่าง ๆ ต่อกำลังทำค้างอยู่
“ปิง เสาร์นี้มึงจะมาที่นี่ป่ะ”
พี่เอย์คงพูดอะไรสักอย่างกับผมแหละ เพราะผมใช้เครื่องดูดฝุ่นอยู่เสียงดังไปหน่อยเลยไม่ค่อยได้ยิน
มองไปอีกทีตางี้เขียวปั๊ดเชียว
“อะ...อะไรนะครับ
พี่ถามอะไรผมเหรอ” ผมปิดเครื่องดูดฝุ่น งานเสร็จแล้วพอดี กดเก็บสายไฟ
“กูถามว่าเสาร์นี้มึงจะมารึเปล่า”
“อ๋อ มาครับ
พรุ่งนี้วันศุกร์ไม่มา ผมจะมาเสาร์อาทิตย์แทนนะ”
“แล้วพรุ่งนี้มึงไปไหน”
“เตะบอล”
“เออดี”
ปะชดผมป่ะวะ
“ทำไมเหรอ”
ผมทำท่าสงสัย คิดอยู่ครู่หนึ่งพอนึกบางอย่างออกเลยรีบถลาเข้าไปนั่งลงที่พื้นข้าง ๆ
คุณชายที่นั่งดูบอลอยู่บนโซฟา
“หรือพี่จะชวนผมไปเดินห้างอีก
คราวนี้ชวนสาวไหนอีกล่ะ ช็อปเก่งเหมือนคุณแพรอีกหรือเปล่า
ผมจะได้เตรียมฟิตกล้ามเนื้อไว้ก่อน” ผมยังจำได้นะวันนั้นกลับมานี่ผมเมื่อยไปทั้งตัวเลย
หนำซ้ำยังตากฝนอีกตัวรุม ๆ ไปสองวันเต็ม ๆ ผู้หญิงนี่เป็นเพศที่มหัศจรรย์จริง ๆ
นะครับเธอใส่ส้นสูงๆเดินในระยะทางเท่า ๆ
กับผมนี่แหละแต่เธอไม่มีบ่นเลยอ่ะว่าเหนื่อยเมื่อยหรือล้าอะไรแบบนั้น
พอได้ซื้อของแล้วหน้ามืดลืมความเหนื่อยเหรอ
“เปล่า เสาร์นี้บ้านย่ากูเค้าจัดงานเลี้ยง
กูก็มีหน้าที่ต้องไปด้วย”
“อืมครับ” แล้วมันเกี่ยวไรกับผมอ่ะพี่ หรือว่าพี่เอย์จะให้มาเฝ้าห้องให้จนกว่าพี่จะกลับ
พี่เอย์ไม่ได้พูดอะไรต่อยังนั่งกินต่อไปเรื่อย
ๆ แต่ผมสังเกตนะหน้าตาพี่เขาเหมือนคนไม่ค่อยสบายใจ ทำไมล่ะเวลาที่จะได้กลับบ้านเราต้องดีใจสิ
ยิ่งแยกมาอยู่เองแบบนี้กลับบ้านแต่ละทีนี่ถ้าเป็นผมเบิกบานนะ
ยิ่งรวมญาติยิ่งแล้วใหญ่
“พี่เป็นอะไรอ่ะ
ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือว่าไม่อยากไปงานเลี้ยงอะไรนั่นน่ะ” ผมถามออกมาตรง ๆ เลย
“อือ
กูไม่อยากไป งานแบบนี้กูไม่เคยจะอยากไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ก็ขัดไม่ได้จำเป็นต้องไป”
ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าทำไม
เพราะมันจะดูเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเกินไปใช่ไหมล่ะ ผมเป็นแค่ลูกจ้างครับเพราะฉะนั้นหน้าที่ของผมคืออะไร
“ฮึบๆๆๆ
อึ๊บๆๆๆ พี่เอย์สู้ ๆ ไฟท์ติ้งๆ” ผมทำท่าฮึบ ๆ ไฟท์ๆ ให้กำลังใจมัน แทนคำพูดจาเป็นร้อยเป็นพันที่อยู่ในใจ
ท่าทางตลกบ้าบอของผมช่วยให้พี่เอย์หายเครียดได้นะบอกเลย
เพราะผมเห็นคุณชายเอย์แอบยิ้มออกมาด้วย
“นี่มึงสติดีอยู่รึเปล่าเนี่ย
ทำท่าบ้าบออะไร หมาปิงเอ้ย”
“ก็เห็นพี่สีหน้าไม่ค่อยดีนี่
ผมก็แค่อยากเห็นพี่ยิ้ม เวลาพี่ยิ้มแล้วพี่หล่อออก หน้าเหมือนกับพะ......”
“เหมือนอะไร”
พี่เอย์แทรกขึ้นขณะที่ผมหยุดประโยคไว้กลางครัน มันหยุดกินแล้วหันมาจ้องหน้าผม เหมือนเค้นจะเอาคำตอบ
“..........”
จะให้ผมตอบได้ยังไง เมื่อกี้กำลังจะบอกว่ายิ้มแล้วเหมือนพี่ซีซ่าร์เลย
เดี๋ยวก็หาว่าผมบ้าดาราอีก
“......เหมือนกับไอ้ซ่าร์เหรอ”
“แฮ่ ๆ
นิดหน่อยเอง” ผมทำท่าแบบยอมจำนน ความจริงเหมือนกันมากเลยนะ
เฉพาะเวลายิ้มแต่ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าพี่หล่อกว่าพี่ซีซ่าร์อีกก็ไม่รู้ สมองผมช่วงนี้คงเบลอไปหน่อย
“ก็เคยได้ยินคนพูดแบบนั้นเหมือนกันนะ
แต่เสียใจว่ะกูคิดว่ากูหล่อและดูดีกว่าพี่กูเยอะ!”
แหม่
คุณชายเรากล้าพูดโน๊ะ “ครับ ๆ
พี่เอย์หล่อและดูดีกว่าเยอะ”
ผมแอบหันมาเบะปากลับหลังมัน
ไอ้คุณชายหันมองมาพอดี ผมเลยได้อภินันทนาการมาแบบเต็ม ๆ ด้วยการยกขายันโครมมาที่ผม
ดีนะที่หลบทันแค่นั้นก็เจอมันชี้หน้าคาดโทษใส่แล้ว
“เย็นวันเสาร์ทำตัวให้ว่างไว้ด้วยนะมึง”
“ทำไมอ่ะ”
“กูจะให้มึงขับรถให้ไง”
“เอ๊ะแต่....
“กล้าปฏิเสธกูเหรอ”
เอาแต่ใจจริงเว่ยเฮ้ย
ผมนั่งมองหน้ามันอยู่ครู่หนึ่งนึกอะไรดี
ๆ ออก แกล้งกวนตีนคุณชายเล่นหน่อยดีกว่า ผมเลยคลาน ๆ ๆ เข้าไปนั่งใกล้ ๆ
พี่เขาอีกครั้ง
“พี่เอย์” ผมสะกิด
มันหันมาหามองหน้าผม
“พี่เอย์”ผมสะกิดอีก คราวนี้มันวางช้อนลงที่จานเลย หันมาจ้องหน้าผมใหญ่
“อะไรของมึงเรียกกูทำไม”
“ผมถามไรพี่อย่างดิ”
“อะไร”
“วันก่อนที่ผมค้างที่นี่อ่ะ”
“...........”
พี่เอย์จ้องหน้าผมนิ่งคงรอฟังว่าผมกำลังจะพูดอะไร
แต่ผมดันเงียบไปซะงั้น
“ปิง
มึงจะพูดอะไรวะ”
“พี่เอาเสื้อพี่ห่มให้ผมเหรอ”
ผมหลับตาปี๋ถามออกมารวดเดียว ยกมือปรก ๆ ไหว้มันอย่างคนกำลังขอโทษขอโพย อย่าถีบกูนะ
อย่าถีบกูนะ ก็มันคาใจนี่หว่าอยากรู้ก็ต้องถาม
เป็นคุณชายจริงเหรอที่ทำให้ผมแบบนั้น
“เหี้ยเหอะ! มึงฝันกลางวันเหรอใครจะไปห่มผ้าให้มึงกัน
อยากนอนหนาวยังไงกูก็ไม่สนใจหรอก จิ๊ เรื่องของมึงดิ่
จะตัวร้อนจะเป็นไข้ก็เรื่องของมึงเลย ”
“อ้าวแต่ตอนผมตื่นมาเสื้อพี่อยู่บนตัวผมอ่ะ”
“ก็ใช่สิ
แล้วมึงไม่เห็นโน้ตที่กูเขียนไว้หรือไง”
“เห็นสิครับ
แล้วยังไงอ่ะ” เออผมก็งงนะ
“ก็กูบอกว่าให้มึงเอาเสื้อนอกไปซักให้กูด้วยใช่ไหม
กูกลัวมึงไม่รู้ว่าเสื้อตัวไหนเลยหยิบ ๆ มาโยนไว้ใกล้ ๆ มันไปกองอยู่บนหน้าอกมึงเองเหอะ”
“.....อ้อ
เหรอครับ แบบนั้นเรียกว่ากองเหรอ”
“ไอ้ปิง!” พี่เอตะคอกเสียงเขียว
ผมเลยรีบหยุดไว้แค่นั้นจะดีกว่า ลุกขึ้นแล้วเดินมาลากเอาเครื่องดูดฝุ่นเข้าไปเก็บ
พอผมหันไปมองก็เห็นคุณชายเขามองผมอยู่ตางี้เขียวปั๊ดเชียว ผมเลยส่งยิ้มหวาน ๆ ไปที
“กวนกูจริง ๆ
นะมึง เดี๊ยะๆ” ครับ ๆ คุณชายบอกไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ แต่ใบหน้านี่โคตรแก้ตัวเลย
แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าพี่เอย์เป็นคนปากร้ายแต่ใจดีนะ
-เย็นวันเสาร์-
โอ๊ยๆๆๆ ตาย ๆๆ นี่กูต้องเดินยังไงกันล่ะวะเนี่ย
ต้องค่อย ๆ เดินรึเปล่า กลัวไอ้หูกระต่ายนี่มันจะหลุดร่วงลงมาจริงๆพับผ่าเถอะ แล้วยังไอ้ชุดสูทหรูหราแบบนี้ถ้าเผลอเดินแรงไปหน่อยมันจะยับหรือเปล่าวะ เวลาเดินอาจจะต้องหนีบก้นนิดหน่อยเนื้อผ้ามันจะได้ไม่สึกหรอมาก
โอ๊ยตาย ๆ อึดอัดฉิบหายเลยรัดติ้วไปทั้งคอทั้งตูดทั้งพุงแล้วเนี่ย โอ๊ยน้อกี่ทุ่มกี่ยามจะได้กลับห้อง
คอยดูนะกลับมาพ่อจะถอดแล้วจับฟาดใส่เข่งเอาให้หายเครียดไปเลย
แล้วเย็นย่ำของวันเสาร์ก็มาถึง
คุณชายเอย์กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ภายในห้องบรรทม
เย้ยย ไม่ใช่แล้ว พี่เอย์เขากำลังแต่เนื้อแต่งตัวอยู่ในห้องขณะที่ผมแต่งตัวเสร็จก่อนเพราะคุณชายจัดการให้
อย่าเข้าใจผิดครับ พี่ท่านไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอก ก็แค่โยน ๆ แล้วก็โยน บอกว่าชิ้นไหนใส่ก่อนใส่หลังแค่นั้นแหละครับ
อย่าได้คิดว่าคุณชายจะมาสวมใส่ช่วยติดกระดุมผูกโบว์ให้แบบนั้นไม่มี๊ไม่มีนะ ผมตอนนี้เลยได้แต่เดินงุ่นง่านรออยู่หน้าห้องไม่ต่างไปจากหนูติดจั่น(เอ๊ะไม่รู้ถูกรึเปล่านะครับคุ้น
ๆ สุภาษิตนี้) เหตุที่ไม่นั่งเพราะกลัวว่าชุดสูทใหม่เอี่ยมตัวนี้จะยับ
ไม่อยากจะโม้หรอกแต่วันก่อน
หลังจากผมทำความสะอาดห้องเสร็จพี่เอย์ลากผมไปถอยออกมาใหม่เลย ยี่ห้อดัง ๆ
ที่มันชอบใส่ด้วยนะ อามานี่อามาแน่ อะไรนี่แหละ รองเท้าถุงเท้าครบชุด ตอนแรกมันก็กะจะเอาชุดของตัวเองให้ผมแต่บังเอิญว่าไซน์มันไม่ได้เลยต้องพาไปซื้อกันถึงที่
ดูเหมือนผมจะวาสนาดีใช่ไหม คุณอย่าเข้าใจผิด มันไม่ใช่เลยนะครับ
อะไรที่มันไม่ใช่เราถึงจะหรูหรามีระดับขนาดไหนมันก็ทำให้เราอึดอัดได้นะ
“ไปกันได้แล้ว”
“โอ้โหวววววว!”
ผมอุทานออกมาอย่างลืมตัว
ขณะคุณชายเดินออกมาจากห้องด้วยชุดสูทสากลหรูหราเต็มชุด
เชิ้ตสีดำด้านในกับสูทมันแผล็บสีเทาเข้ม โคตรจะดูผู้ดีและหล่อลาก
แถมวันนี้พี่เอย์หวีผมปัดขึ้นไปทั้งหมดอีกต่างหาก เปิดโชว์หน้าผากสวย ๆ
ของมันให้เห็นกันแบบเต็ม ๆตา
“พี่เอาเปรียบผมนี่
ทำไมผมต้องใส่ไอ้หูกระต่ายนี่ด้วย แล้วพี่อ่ะ ขนาดเนคไทพี่ยังไม่ใส่เลย” ผมบ่นเมื่อมองดูเสื้อผ้าของตัวเองและของคุณชาย
“ชิ
มึงจะรู้อะไร หุ่นแบบกูแต่งแบบไหนก็ดูดี แต่ผอม ๆ
อย่างมึงมันต้องใส่เสริมให้ดูมีระดับขึ้น ความจริงถ้าไปงานธรรมดากูก็ไม่ได้ซีเรียสหรอก
แต่นี่มันงานวันเกิดคุณหญิงย่า ขืนเอาคนขับรถที่แต่งตัวไม่เป็นโล้เป็นพายไป กูได้โดนบ่นจนหูชาแล้วมึงคงต้องโดนคุณย่ากูไล่ตะเพิดให้ห่างจากกูภายในสองวันแน่”
“โห
ดุขนาดนั้นเชียว ผมคิดหนักนะเนี่ย ความจริงพี่จะเอาผมไปด้วยทำไม
ผมอยู่เฝ้าห้องให้ไม่ดีกว่าเหรอ เดี๋ยวพอพี่กลับมาผมจะทำอาหารดี ๆ อร่อย ๆ ไว้ให้กินไง”
“ฮึ
อาหารแปลก ๆ ที่มึงชอบทำน่ะเหรอ”
“ไม่ครับไม่
คราวนี้ไอ้ปิงจะทำอาหารฝรั่งรสชาติต้นตำหรับไว้รอคุณพี่เอย์เลย” แน่นอนครับผมโม้
“หึหึหึ
นี่มึงเห็นกูเป็นเด็กอมมือรึไง พูดจาเหมือนจะหลอกให้กูเชื่อ ไปกันได้แล้ว มัวแต่ร่ำไรอยู่กูจะถึงงานไหมวันนี้
เดี๋ยวถ้ามึงทำตัวดีกูจะจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าเลย
พยายามรักษามารยาทหน่อยละกันคุณย่ากูท่านไม่ชอบคนขี้โวยวาย ไม่เป็นระเบียบ ยิ่งเรียบร้อยเท่าไหร่ได้ยิ่งดี
อย่าทำตัวให้มีปัญหาล่ะ”
“ครับ ๆ ไอ้ปิงคนนี้จะรักษามารยาทให้งามที่สุดเลย
รับรองไม่มีปัญหาอะไรให้คุณพี่เอย์ต้องลำบากใจแน่นอน”
“ให้มันได้อย่างนั้นจริง
ๆ เถอะวะ”
ตอนนี้เราสองคนกำลังลงลิฟต์กันแล้วนะครับ
ผมแอบมองตัวเองอีกครั้งในกระจก แหม่ผมนี่ก็หล่อนิด ๆ เหมือนกันนะเสื้อผ้าสวย ๆ
มันทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้ดีขึ้นมาได้เลยเหรอวะ
เอาเหอะถึงผมจะไม่ชอบเพราะมันดูไม่เป็นผม แต่วันนี้ผมจะทนไปก่อน ผมมองผ่านไปเจออีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน
ออร่าความหล่อผมดิ่งวูบลงทันที โถ่ทำเป็นเก็กหน้านิ่ง
อยู่ในลิฟต์คุณชายจะยืนล้วงกระเป๋าทำเท่ทำไมไม่ทราบ
….♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩
เหมือนเราอยู่คนละฟ้า อยู่คนละชั้น รักเอยไม่เคยนึกฝัน จะบินลัดฟ้า
เพราะเธอคือดวงดาว เพราะเราคนธรรมดา
แต่คืนนี้ดาวลอยจากฟ้าลงมา ลงดินด้วยรัก ชโลมหัวใจ ♪ ♫♪ ♫ ♩ ♬
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ รู้ตัวว่าดีไม่พร้อม ดั่งใจนึกฝัน แม้เธอจะบอกรักฉัน แต่ใจฉันหาย
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ รู้ตัวว่าดีไม่พร้อม ดั่งใจนึกฝัน แม้เธอจะบอกรักฉัน แต่ใจฉันหาย
เพราะเธอนั้นสูงค่า แต่ฉันมันไม่มีอะไร
แค่เพียงใจดวงเดียวเท่านี้ที่มีให้เธอ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
♬。 ♫ ♫ รักเธอเท่าไร รักเธอเท่าไร ทุกลมหายใจก็ยังลอยไปที่จะให้เธอ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
♬。 ♫ ♫ รักเธอเท่าไร รักเธอเท่าไร ทุกลมหายใจก็ยังลอยไปที่จะให้เธอ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
เพราะมีน้อยไป นึกยังน้อยใจอยู่เสมอ
ใจที่มีแต่เธอก็ยังน้อยไป ♪ ♫ ♫ ♪ ♫ ♩ ♬
♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬
♪ ♩ แสงดาวไม่เคยลับหายจากใจของฉัน
แล้วเธอผู้เป็นเหมือนฝันได้ยินฉันไหม
แม้มันจะมืดมนหม่นหมองมองไม่เห็นทางใด
แต่ในใจของฉันคนนี้ยังมีแสงดาว ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ แต่ในใจของฉันคนนี้จะมีแต่เธอ
เสมอไป……..
เสียงเพลงไทยสากลเพราะ ๆ ความหมายดีที่สวนสวยกว้างขวางภายในคฤหาสน์หรูที่ใหญ่โตมโหฬาร
ช่วยเสริมบรรยากาศให้งานเลี้ยงภายในเต็มไปด้วยความมีระดับ
ผมเดินตามหลังคุณชายสุดหล่อเข้ามาแบบห่าง ๆ แต่ดูแล้วคือรู้แหละว่าผมเป็นผู้ติดตามของคุณชายท่าน
อย่าเรียกว่าคนขับรถเลยนะขอเหอะ
“หวัดดีครับแม่”
“น้องเอย์ลูก! นี่มาๆ สวัสดีคุณหญิงเรียมเร็วเข้า
คุณพี่คะนี่เอย์ตั้นค่ะลูกชายคนเล็ก น้องเอย์คุณป้าเรียมภรรยาของท่านทูตบวรไงลูก
น้องเอย์จำได้ไหมครับ เมื่อก่อนลุงบวรมาบ้านเราบ่อยเลยนะ”
พี่เอย์ตรงเข้าไปหาผู้หญิงสวย
ๆ ท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง
พอมันทักขึ้นเท่านั้นผมถึงได้รู้ว่าเธอคือคุณแม่ผู้สูงศักดิ์ของเจ้าชายเอย์
คุณแม่คนสวยกำลังยืนคุยอยู่กับแขกผู้มีเกียรติ เลยได้โอกาสแนะนำลูกชายเธอด้วยเลย
“ต๊ายๆ
หล่อไม่แพ้ซีซ่าร์เลยนะเนี่ย คุณรันนี่มีแต่ลูกชายหน้าตาดีนะคะนะ เอ๊ะเดี๋ยวก่อน! เอย์ตั้นเหรอ
ใช่เอย์ตั้นที่คุณหญิงโฉมเปรยถึงบ่อย ๆ น่ะเหรอคะ”
“คิคิ ใช่แล้วค่ะ
นี่น่ะหลายชายคนโปรดของคุณแม่ท่านล่ะ คุณพี่เรียมอาจจะจำหลานไม่ได้
ก็แหมคุณพี่เล่นไปอยู่ต่างประเทศนานเป็นสิบ ๆ ปีเพิ่งกลับมาได้แค่เดือนเดียวเองนี่คะ
ยังไงรันฝากเนื้อฝากตัวลูกชายด้วยนะคะนะ”
“ด้วยความเต็มใจค่า
ทางนี้เสียอีกต้องฝากเนื้อฝากตัวกับทางคุณรันน่ะ”
แล้วเสียงหัวเราะแบบผู้ดีของผู้หญิงสูงศักดิ์สองคนก็ดังขึ้นพร้อมกันเบา
ๆ
“ป๊าล่ะครับแม่”
เสียงพี่เอย์ถามขึ้น
“อยู่ด้านในแหน่ะจ๊ะ
คุยกับท่านรัฐมนตรีอยู่มั้ง น้องเอย์เข้าไปกราบคุณย่าท่านหรือยัง”
“ยังเลยครับ
เดี๋ยวจะเข้าไปตอนนี้แหละ”
“คุณย่าอยู่ที่สวนแน่ะลูก
พวกญาติๆเราทยอยมากันแล้วน้องเอย์รีบเข้าไปเถอะ”
พี่เอย์ยกมือไหว้ลาคุณหญิงแม่และขอตัวเดินแยกออกมา
ผมที่ยังยืนมองโน่นนี่อยู่เลยต้องซอยเท้าตาม
หลงไม่ได้นะครับที่สวนนี้กว้างมากคนก็เยอะพี่เอย์เจอใครก็ยกมือไหว้ไปหมด มีพนักงานชายและหญิงใส่ชุดสูทเรียบร้อยประจำอยู่แทบทุกจุดสำคัญ
ผมทั้งเดินทั้งเกร็งชีวิตไอ้ปิงรันทดนัก เกิดมาเพิ่งเคยมางานเลี้ยงไฮโซหรูหราแบบนี้เป็นครั้งแรก
จะว่าไปผมว่าผมเหมือนบอดี้การ์ดเลยนะ เดี๋ยวต้องวางมาดเข้ม ๆ
หน่อยดีกว่าจะได้ดูเท่อย่างคุณชายเขาบ้าง ปัดโถ่ลืมพกแว่นดำมา
“ปิง
มึงยืนรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูเข้าไปไหว้ย่ากูแปป”
พี่เอย์เดินมาบอกไว้แค่นั้นก่อนที่จะทิ้งผมให้ยืนเก้ๆกัง
ๆ อยู่ใกล้กับต้นลีลาวดีดอกสีขาวต้นใหญ่ต้นหนึ่ง ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินเข้าไป
คุณหญิงย่าที่พี่เอย์พูดถึงเธอนั่งแผ่บารมีอยู่ตรงที่กระโจมรับรองกลางสวน เอ๊ะ
เดี๋ยวก่อนนะนั่นมันพี่ซีซ่าร์ผมนี่หว่า
กำลังนั่งคุยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับคุณหญิงท่าน ตาย ๆ ผมก็ลืมไปเลยนะ พี่เอย์เคยบอกว่างานนี้เป็นงานรวมญาติแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีไอดอลคนโปรดของผมมาด้วยสิ
หึหึ ดีแล้วพี่ซีซ่าร์นั่งคุยต่อเลยครับผมคนนี้จะนั่งมองพี่จากจุดนี้เอาให้เต็ม
ๆ ตากันไปเลย
“เชิญรับเครื่องดื่มค่ะ”
เสียงพนักงานเสิร์ฟดังขึ้นใกล้
ๆ ในมือเธอถือถาดที่มีแก้วเครื่องดื่มสีแดง ๆ ทรงสูงสวย
เหมือนเธอจะยื่นให้ผมเลือกหยิบขึ้นมาหนึ่งใบ
“อะ....เอ่อ ผมหยิบทานได้เหรอครับ”
“ทานได้ค่ะ
เชิญหยิบเลยค่ะ” แหมเธอทำไมเสียงเพราะจัง ถึงจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ก็เถอะ
“ขอบคุณนะครับ”
ผมยิ้มให้เธอแล้วเลือกหยิบออกมาหนึ่งแก้ว พอเธอเดินออกไปผมก็เอาแก้วขึ้นมาดม
ๆ นี่มันน้ำอะไรวะแดง ๆ กลิ่นแปลก ๆ นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกไวน์ที่พวกคนรวย ๆ
ชอบกิน รสชาติมันจะเหมือนสปายขวดละสี่สิบบาทแถวบ้านผมป่ะวะ ลองชิม ๆ ดูดิ๊
อิ๊! ตลก
รสชาติปะแล่ม ๆ ยังไงไม่รู้ แบบนี้เรียกอร่อยเหรอวะ ผมว่า....
“ทำหน้าอะไรน่ะครับ
ตลกจัง”
“เย้ยย!!”
ผมตกใจเผลออุทานขึ้นมาอย่างดังจนคนที่เขากำลังทักต้องยกมือขึ้นอุดปากผมไว้
ไวน์สีแดงที่ผมถืออยู่กระฉอกไปมาดีนะไม่หกรดใส่เสื้อผ้า
“ห๋า!!!!!!!!!”
คุณคงแปลกใจใช่ไหม
ทำไมผมถึงอุทานอีกเป็นครั้งที่สอง จะไม่ให้ตกใจยังไงล่ะล่ะครับถ้าคุณรู้ว่าใครที่เป็นคนเข้ามาทักทายผมแล้วคุณจะตกใจยิ่งกว่าผมอีก
“ชู่ว์
อย่าเสียงดังสิครับ คุณย่าท่านไม่ชอบคนโหวกเหวก ไม่ร้องนะแล้วเดี๋ยวปล่อย”
ผมที่โดนมือหนา
ๆ ปิดปากไว้รีบพยักหน้ารับแทบไม่ทัน คุณรู้ไหมใครที่กำลังพูดกับผม
ใครที่ใช้มืออุดปากผม ใครที่กำลังชักสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ใกล้ ๆ ผม
หน้าเราห่างกันแค่ไม่ถึงคืบเลยนะ
....พี่ซีซ่าร์.....
โอ๊ยยยตายๆๆ
อย่าร้องไอ้ปิง อย่าร้อง
“มานั่งตรงนี้ดีกว่ามา
ยืนรอเจ้าเอย์อยู่แบบนั้นเมื่อยตายพอดี”
“พะ.....พะ......”
พี่ซีซ่าร์กำลังพูดกับผม
“ยังตื่นเต้นอยู่เหรอ
นั่งตรงนี้หลบสายตาคนได้หน่อย วันนี้แขกเยอะมีแต่ญาติๆทั้งนั้น
เจ้าเอย์คิดยังไงนะถึงให้เรามาด้วยแบบนี้”
“พะ....พะ....พี่...
“ค่อย ๆ
กินสิครับ ใครเขากินกันแบบนี้ ไวน์มันต้องจิบ ค่อย ๆ จิบนะ ตลกจังไม่เคยกินเหรอ”
พี่เขาคงเห็นผมยกกรอกรวดเดียวหมดเลยบอกมาแบบนั้น
จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ผมอยากพูดกับพี่ซีซ่าร์นะ แต่ผมพูดไม่ออกนี่หว่า
หวังใช้ไอ้เครื่องดื่มนี่ย้อมใจ จะได้กล้า ๆ ขึ้นมาบ้าง
ขนาดกรอกจนหมดแก้วคำพูดยังไม่ยอมออกมาเลย
“พะ...พี่....
ผั๊วะ!!!
“เอ้า หายตื่นเต้นยัง”
“หาย-แล้ว-ครับ-พี่” ชัดเจนชัดถ้อยชัดคำ
ผมตอบหน้านิ่ง
คุณรู้ไหมพี่ซีซ่าร์สุดหล่อของผมทำอะไร พี่เขาเล่นตบผั๊วะลงมาที่กลางหลังผมแบบเต็ม
ๆมือ นี่ถ้าผมยังอมไอ้น้ำแดง ๆ นั่นอยู่ก็คงพุ่งพรวดออกมาทางเดิมแล้วล่ะ
“ตื่นเต้นทำไมครับ
พี่ก็คนธรรมดานี่แหละ” ผมหันไปมองทันที
อยากหยิกตัวเองฉิบหายไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยพี่ซีซ่าร์ไอดอลคนดังจะมานั่งคุยกับผมอยู่แบบนี้
แต่อาการตื่นเต้นค่อยลดลงหน่อยหนึ่งแล้ว
มันช่วยไม่ได้นี่ครับผมปลื้มพี่เขามาเป็นปี ๆ พอได้มาพูดคุยด้วยตัวเป็น ๆ
แบบนี้ผมยิ่งประหม่ามากเป็นธรรมดา
“ผะ....ผม
ดีใจ”
“ฮ่าๆๆ
รู้ครับรู้ ถ่ายรูปกันไหมล่ะ ปิงเอาโทรศัพท์ปิงมาสิ เดี๋ยวเราเซลก้ากันดีไหม”
“เฮ้ย! พี่รู้จักชื่อผมด้วยเหรอครับ”
นี่ผมหูฝาดป่ะวะไอ้ปิงมึง อย่าร้อง อย่าร้อง พี่ซีซ่าร์เรียกชื่อมึงแล้ว อย่ากรรแสงอย่าร้องออกมาตอนนี้
“รู้จักสิ
โทรคุยกับไอ้เอย์มันบ่นถึงเราให้พี่ฟังบ่อยออก”
โป๊ะเช๊ะ!
ผมเพิ่งนึกได้ จริงสิวะ
นี่ผมคุยเพลินจนลืมว่าผมมางานนี้กับคุณชายเอย์ แล้วผมมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออะไรอยู่ตรงนี้เนี่ยวะครับเนี่ย ป่านนี้ไม่รู้คุณชายผมออกมาจากกระโจมตรงนั้นแล้วหรือยัง
จะรู้ไหมว่าผมนั่งอยู่ตรงไหน
“ยังหรอก
เอย์น่ะหลานคนโปรดของคุณย่า ถ้าได้เข้าไปคุยด้วยแล้วเนี่ย เป็นชั่วโมงแหละกว่าท่านจะปล่อยตัวมันออกมาได้”
ผมเริ่มชะเง้อคอเมียงมองไปทางนั้น พี่ซีซ่าร์คงจะดูออกแหละว่าผมกำลังมองดูเจ้านาย
“เอ่อขอโทษนะครับ
แต่ผมคิดว่าผมควรไปยืนอยู่ที่เดิมจะดีกว่า พี่เอย์สั่งให้ผมรออยู่แถวนั้นน่ะครับ”
แม้จะเสียดายที่ต้องขอปลีกตัวออกไป แต่เดี๋ยวคุณชายออกมาแล้วไม่เห็น ผมจะโดนน่ะสิ
ยิ่งมันสั่งความกำชับไว้แบบนั้น พอบอกพี่เขาแล้วผมเดินแยกออกมาเลย
พี่เขาก็เดินตามมานะ สรุปคือเรามายืนคุยกันต่อ แต่เป็นที่ ๆ
ผมสามารถมองเห็นคุณชายของผมได้คือมันต้องอยู่ในสายตาผมและผมต้องอยู่ในสายตามันนั่นแหละพูดง่าย
ๆ เผื่อเรียกหาขึ้นมาผมจะได้ไม่โดน(หักเงิน คึคึ) ตอนนี้เห็นมันมองมาทางผมด้วยแหละ อึ๋ยยย
สายตาเหมือนคนกำลังต่อว่า นี่คงคิดว่าเมื่อกี้ผมหายไปไหนมาแน่ ๆ เลย
“ปิงอายุเท่าไหร่เหรอ”
พี่เขาถามขึ้น
“19 ครับ”
“เด็กจังนะ พี่ถามได้ไหม ปิงรู้จักเอย์ได้ยังไงอ่ะ
ทำไมถึงมาขับรถให้มันได้”
“อ๋อ
ความจริงผมเป็นแค่คนทำความสะอาดห้องให้พี่เอย์น่ะครับ แต่บางวันก็เป็นคนขับรถบ้างคนถือของบ้างแล้วแต่พี่เขาจะใช้”
“อ้ออย่างงี้นี่เอง
ก็แปลกใจอยู่นะ ปกติเอย์มันไม่ค่อยติดใครหรอก ไปไหนมาไหนคนเดียว พอมาเจอปิงอยู่กับมันสองครั้งแล้วพี่เลยสงสัยน่ะ
นึกว่าเราเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่มหาลัยซะอีก แล้วเราเรียนที่ไหนล่ะ
ยังเรียนอยู่รึเปล่า”
“เรียนครับ
ผมเป็นเด็กช่างยนต์นะ เรียนที่......” ผมบอกชื่อวิทยาลัยออกไป
“เฮ้ยเด็กช่างเหรอเนี่ย
น่ากลัวไปรึเปล่า หน้าไม่ค่อยให้เลยนะ”
“โถ่พี่ครับอย่าทำหน้าไม่เชื่อแบบนั้นสิครับ
คนจะแมนๆที่ใจใช่ใบหน้า พี่คงเคยได้ยินใช่ไหมล่ะ”
ความจริงผมก็ไม่ได้หน้าสวยหวานจ๊ะจ๋าอะไรแบบนั้นเลยนะ
แต่คนที่มองผมแต่ภายนอกเนี่ยชอบคิดว่าผมเป็นผู้ชายน่ารักอยู่เรื่อยไม่รู้ทำไม ผมก็สูงนะ
คือเป็นผู้ชายธรรมดาแมน ๆ เลยคนนึงว่างั้นเถอะ แต่ผมแค่ขาวและหน้าตาเหมือนแม่มากไปหน่อย
คุณต้องเรียกผมว่าหล่อถึงจะถูกต้องนะผมว่า
นั่นแหละเป็นสาเหตุให้ผมต้องทำตัวโครตแมนเข้าไว้
ออกกำลังกายเตะบอลเสริมสร้างกล้ามเนื้อ พูดจาโผงผางทำตัวกร่าง ๆ นิดหน่อยพวกเพื่อน
ๆ ที่โรงเรียนเห็นจะได้ไม่มีใครกล้ามารังแกผม
“โทษทีๆ
พี่ก็ถามไปเรื่อย อย่าถือกันนะ”
“ครับ ไม่เป็นไรครับถามได้ทุกอย่างเลย” เพราะเวลาพี่คุยกับผม ผมจะได้มองหน้าพี่นาน ๆ คึคึ
“แล้วว่าไง ตกลงจะถ่ายรูปกันไหมล่ะ
ปิงเอามือถือขึ้นมาสิ เดี๋ยวพี่ถ่ายให้”
“ถ่ายๆครับถ่าย”
โถถถถถถถโอกาสงาม ๆ แบบนี้ผมจะปล่อยให้หลุดมือไปเหรอครับ รีบล้วงมือถือขึ้นมา อายนิดหน่อยมือถือกากๆแต่ช่างหัวมันผมรีบเช็ดๆแล้วยื่นส่งให้พี่เขาทันที พี่ซีซ่าร์ใจดีมากเอนศีรษะชิดมาที่ผมแล้วกดแชะ
ผมยิ้มหน้าแดงเลยสิครับได้ถ่ายรูปคู่กับขวัญใจผมทั้งที โหยยย คอยดูนะผมจะตั้งรูปนี้เป็นวอลเลยเอาให้พวกไอ้บาสไอ้วุฒิไอ้เปรี้ยวไอ้บลา
ๆๆ มันอิจฉาผมเล่น คึคึคึ คิดแล้วมีความสุข
“เรานี่ตลกดีนะ
คิดอะไรคงจะออกทางสีหน้าหมดเลยสิเนี่ย” ผมไม่รู้จะพูดอะไรตอบไปหรอกครับ
ทั้งดีใจปลาบปลื้ม เลยส่งยิ้มให้พี่เขาไป
“ซ่าร์” เสียงสวย
ๆ ดังขึ้นทางด้านหลังผมรีบหันไปมอง
“อ้าวเดียร์”
ตอนนี้มีผู้หญิงสวยระดับนางฟ้าเดินเข้ามาทักพี่เขา
ชุดกระโปรงฟูฟ่องสีชมพูอ่อนขับให้เธอดูสวยเด่นมากจริง ๆ
พี่ซีซ่าร์หยิบแก้วไวน์ที่พนักงานเสิร์ฟเดินผ่านมาพอดีส่งให้เธอแล้วทำท่าจะส่งให้ผม
แต่ผมรีบยกมือและส่ายหน้าเบา ๆบอกให้รู้ว่าไม่เอาครับ คือผมไม่เป็คจริงนะ
ไม่เห็นอร่อยตรงไหนเลย หรูก็ช่างแพงก็ไม่ชอบ ถ้าไม่ใช่มันก็คือไม่ใช่อ่ะ
“อื้อ
ซ่าร์มานานแล้วเหรอ”
“ครับมาได้สักพักแล้ว”
“แล้วเอย์อ่ะ เข้ามาหรือยัง” เธอถามต่อ
หันมองมาที่ผมนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร
“มาแล้ว นั่นไงนั่งคุยอยู่กับคุณย่าแน่ะ
เดียร์เข้าไปหามันสิ”
“จ๊ะ
งั้นเดียร์เข้าไปก่อนนะ ฝากบอกคุณลุงกับคุณป้าด้วย เดี๋ยวเดียร์จะเข้าไปสวัสดีท่าน”
เธอบอกไว้แค่นั้นครับแล้วเดินตรงไปทางที่คุณชายของผมนั่งอยู่
ผมลองมองดูพี่เอย์นิดหน่อย สายตาเราเจอกันพอดีอีกแล้ว
ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะวันนี้ ผมเลยรีบหันกลับมาคุยกับพี่ซีซ่าร์ผมต่อ
ไม่รู้คุณชายจะมองมาอะไรนักหนา ถ้าเบื่อนักก็รู้จักขอตัวลุกออกมาสิครับพี่
ทำหน้าแบบนั้นดูก็รู้แล้วว่าคุณชายอารมณ์ไม่ค่อยดี
ตาย ๆ
กลับไปอย่ามาพาลลงที่ผมอีกก็แล้วกัน
“สวยไหม”
“ครับ?
อะไรนะครับ” ผมถามย้ำอีกครั้งเพราะคิดว่าอาจจะหูฝาด
“ผู้หญิงคนนั้นสวยไหม”
“อ้อ
สวยครับ”
“นั่นน่ะ คุณเดียร์ คู่หมั้นของไอ้เอย์มันนะ”
คู่หมั้น!? คู่หมั้นพี่เอย์ ??
“เหมาะสมกันดีไหม
ลูกสาวคนเล็กของตระกูลนารากับลูกชายคนเล็กของตระกูลจิราวัฒน์
คู่เหมาะสมฟ้าประทานของสังคมไฮโซ เขาสองคนหมั้นกันตั้งแต่เด็กโน่นเลยนะ ปิงว่าเธอสวยรึเปล่าเหมาะสมกับเจ้านายเราไหม”
ผมมองไปที่สองคนนั่นอีกครั้ง
พี่เอย์กำลังคุยอะไรบางอย่างไม่รู้ดูมีความสุขกว่าตอนที่มองมาทางผมเมื่อกี้อีก
ขณะที่ฝ่ายหญิงก็ยิ้มร่าหัวเราะอารมณ์ดี แหมไอ้คุณชายเอย์ตั้น
ไฮโซหรูหราเลิศซะแมนแตนของแท้เลยนะครับนะ มีคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่เด็ก ทำตัวอย่างกับคุณชายในละครเลยวุ้ย! ผมมองดูภาพพี่เอย์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
คุณหญิงย่ามันขณะที่อีกข้างเธอคนนั้นก็กำลังกอดเอวคุณย่ามันไว้ เออ
เขาสองคนดูเหมะสมกันมากจริง ๆ น่ะแหละ คนชั้นสูงก็เหมาะแล้วกับผู้หญิงชั้นสูง
“ปิงหิวไหมล่ะ
ตรงโน้นมีอาหารอร่อย ๆ นะ จะเดินไปตักเองหรือจะให้เด็กเขาตักมาให้เราดี”
“ไม่เป็นไรครับ
ผมไม่หิวหรอก”
“เจ้าเอย์คงจะอยู่คุยอีกนานเราไปหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่า”
ผมมองดูเจ้านายผมอีกครั้งก่อนตัดสินใจเดินตามพี่ซีซ่าร์ไป
นี่ก็ดึกแล้วจริง ๆ แต่ไฟที่นี่ยังคงเปิดสว่างไสวกันทุกดวง เสียงเพลงสากลเบา ๆ
คลอเอื่อย ๆ เหมือนผมจะได้ยินเสียงจิ้งหรีดหรือจักจั่นร้องด้วยนะ อืม ไหนลองฟังดี
ๆ ซิ ก็น่าจะใช่เพราะนี่เป็นสวนใหญ่
ต้นไม้เยอะมากเลย หอมจัง กลิ่นดอกลีลาวดีนี่หอมมากจริง ๆ
“อ่ะนี่” พี่ซีซ่าร์ยื่นจานส่งมาให้ผม มีขนมไทยชิ้นเล็ก ๆ
สี่ห้าชิ้นวางอยู่บนนั้น
“สวยจังครับ
ผมจะกล้ากินไหมเนี่ย”
“กินเหอะ
รองท้องไว้ ถ้าอยากจะกินฟูลคอสต้องเข้าไปในตึกนะ
ตรงนี้มีแต่ของกินเล่นกับเครื่องดื่ม”
“ไม่ล่ะครับ
ผมขอแค่นี้พอแล้วดีกว่า แล้วของพี่ล่ะครับไม่ตักมาทานด้วยกันเหรอ”
ผมเริ่มจิ้มขึ้นมาชิม อร่อยดีแฮะ แต่หวานมากไปหน่อย ผมไม่ชอบของหวานเลย
“กินด้วยกันนี่ไง”พี่ซีซ่าร์ว่าแล้วใช้ส้อมของผมนั่นแหละครับ
จิ้มขนมขึ้นมากินเลย ผมนี่ยืนงงเลยสิ
“...พี่...”
“ครับ” พี่เค้าคาบส้อมไว้แล้วหันมาหาผม
ไอ้เหี้ย! นี่มันจูบทางอ้อมรึเปล่าวะ เย็นไว้ ๆ
นี่ผมจะตื่นเต้นทำไม ทำตัวเป็นสาวน้อยเจอไอดอลดังไปได้
“พี่นี่กินอยู่ง่าย
ๆ เนาะ ไม่ถือตัวเลยอ่ะ”
“ไม่ถือหรอก
พี่ก็เป็นแค่คนธรรมดาเอง ปิงอย่าคิดว่าพี่เป็นดาราสิครับ เรียกพี่แค่ ‘พี่ซ่าร์’ ก็พอแล้ว ต่อไปเราคงได้เจอกันบ่อย
ถ้าปิงยังทำงานอยู่กับไอ้เอย์มันอ่ะนะ”
“ครับพี่ซ่าร์”
“ดีมากครับผม
พูดง่ายเหมือนกันนะเรา” พี่เขาชมผมพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบา ๆ
คงจะเอ็นดูผมแน่ ๆ ตาย ๆ ๆ อย่าร้องไอ้ปิงอย่าร้อง ไอดอลของมึงยกมือลูบหัวมึงด้วย
คืนนี้มึงคงนอนหลับตายไปเลยแหละ
“กลับได้แล้วมั้ง
แดกเยอะขนาดนี้ขับรถกลับให้กูไหวไหมเนี่ย”
คุณเชื่อไหม เสียงดับมโนนี่มันมีอยู่จริงนะ
ไอ้คุณชายเอย์ตั้นนี่มันมีพรสรรค์ทางด้านนี้จริง ๆ ดับมโนผมจนเกลี้ยงเลย ไม่รู้ว่าเดินออกมาตอนไหน
มาถึงก็หน้าบึ้งหน้าบูดเป็นตูดลิง
“คุยเหี้ยไรกันอยู่”
พูดจาก็หยาบ ไม่เพราะเหมือนพี่ซ่าร์เลยสักนิด โถ่ถามผมดี ๆ จะตายรึไง
“คุยเรื่องมึงกับคู่หมั้นมึงไง
ปิงเขาชมว่าเดียร์สวยด้วยนะ ใช่ไหมปิง”
“ครับ”
ผมตอบไปเบา ๆ มันตวัดสายตาหันมองมาที่ผมทันที จ้องหน้าผมอยู่พักนึงแหละ
ชมคู่หมั้นก็ไม่ได้นี่อย่าบอกนะว่าหวงมาก ผมเห็นพนักงานเสิร์ฟเธอเดินถือถาดแก้วผ่านมาเลยคว้าออกมาแล้วยื่นส่งให้คุณชายเขาแก้วนึง
อยากให้อารมณ์ดี ๆ คงต้องเอาใจคุณเขาหน่อย
แต่มือมันที่กำลังจะยกขึ้นมารับดันชนกับมือที่ถือแก้วของผมพอดี ผลก็คือ
เพล้ง!!!!
ใช่แล้วครับ
เสียงแก้วตกลงที่พื้น
ดีนะเป็นสนามหญ้าแต่ก็ยังคงเสียงดังและแตกยับเยินอยู่ดีเพราะมันมีหินประดับโรยไว้เป็นหย่อม
ๆ
“พี่เอย์! / ปิง!” ผมกับมันอุทานขึ้นพร้อมกัน
“หกใส่เสื้อพี่รึเปล่า
/ แก้วบาดมือมึงไหม” เราเอ่ยประโยคยาว ๆ
นี้ขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้ง ผมไม่สนใจตัวเองหรอกนะ แต่ผมห่วงว่าเสื้อสูทหรูหราของคุณชายจะเปื้อนมากกว่า
ขณะที่พี่เอย์จ้องมือผมใหญ่ ผมเลยโชว์ให้ดูว่าไม่เป็นไรสีแดง ๆ นี่คือไวน์ แค่นั้นแหละมันด่าผมเปิงเลย
“ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกิน”
“ขอโทษครับ” จะให้ผมว่าไงล่ะ
คือผมผิดแบบเต็ม ๆ ระวังน้อยไปหน่อย พี่ซ่าร์รีบหยิบแก้วน้ำเปล่าที่พนักงานยื่นส่งให้ผมล้างมือ
“เอ้าขยับมาทางนี้
ตรงนั้นเดี๋ยวพนักงานเขาจะได้มาเก็บกวาดกัน” เสียงพี่ซีซ่าร์พูดขึ้น เราสามคนเลยขยับเลื่อนออกไปอีหน่อย
“อะไรกันซีซ่าร์
ย่าได้ยินเสียงอะไรแตกเมื่อกี้” เอาล่ะเว้ยไอ้ปิงตายแน่ คุณหญิงย่าเธอเดินมาเองเลย
ยิ่งเคยได้ยินมาว่างานรื่นเริงแบบนี้ห้ามทำของแตกเด็ดขาด บางคนเขาก็ถือนะ
“แก้วแตกเหรอเนี่ย
บอกเด็กเขาเข้ามาเก็บกวาดหรือยัง”
“บอกแล้วครับ เดี๋ยวคงมา”
นี่คือพี่ซีซ่าร์บอกกับคุณย่า
บารมีคุณหญิงแผ่ออกมาน่ากลัวมากจริง ๆ ผมเห็นเธอกวาดสายตามองพวกผมสามคน
พี่เอย์รีบขยับมายืนด้านหน้าผม คล้ายมันมาบังผมไว้เลยนะ ผมงี้ตัวลีบสุดอ่ะ
“ใครทำ?”
ตาย ๆๆ ไอ้ปิงตายคราวนี้
เธอถามออกมาแล้วจริง ๆ ผมจบเห่แน่ ยิ่งพี่เอย์กำชับไว้แล้วว่าอย่าทำอะไรซุ่มซ่ามผมก็ลืมไปเลย
ผมเห็นพี่ซีซ่าร์หน้าเสียไปแล้วครับ มองมาที่ผมกับพี่เอย์สลับกัน
“ซีซ่าร์ ย่าถามว่าใครทำ
เป็นพนักงานที่อยู่ตรงจุดนี้รึเปล่า”
ตายห่า จะโทษไปถึงพนักงานแล้ว
พวกนั้นเขาไม่รู้เรื่องเลยนะ พนักงานที่ยืนหัวโด่อยู่ก็ตัวลีบกันไปหมดแล้ว
ผมคงต้องก้าวออกมายอมรับผิดแล้วใช่ไหม
ผมไม่ยอมนะถ้าจะปล่อยให้คนอื่นโดนลงโทษแทนตัวผมที่เป็นคนทำ
เอาล่ะวะคงต้องก้าวออกไป
“ผะ......
“เอย์ทำเองครับคุณย่า”
นี่เหรอคือเสียงที่ผมเคยบอกว่าเป็นเสียงดับมโน ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าเสียงพี่เอย์ไพเราะเพราะพริ้งมาก
คุณชายครับคุณคือนางฟ้าของผมจริง ๆ ถ้าหากพี่เป็นผู้หญิงผมคงตกหลุมรักพี่แน่แล้ว พี่ช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ เย้ยย ไม่ใช่!
“แก้วมันลื่นไปหน่อย
เอย์เลยจับแล้วหลุดมือครับ”
“ตายแล้วเอย์
แล้วเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า เอย์หลานย่า เดี๋ยวเถอะย่าจะไปจัดการคนล้างเลย
ล้างแก้วแบบไหนกันทำไมยังลื่นทำให้หลานรักจับไม่สะดวกสบายแบบนี้”
“ไม่เป็นไรแล้วครับ
คุณย่ากำลังจะเข้าไปข้างในไม่ใช่เหรอครับ ป่านนี้ท่านรัฐมนตรีคงรอคุยกับคุณย่าแล้ว”
พี่เอย์รีบจูงคุณหญิงย่าขึ้นไปส่งไว้ที่หน้าบ้านก่อนเดินลงมาหาพวกผมอีกครั้ง
“กูจะกลับแล้วนะ
ไม่เข้าไปด้านในหรอก ฝากมึงบอกแม่กับป๊าให้ด้วย”
พี่เอย์บอกกับพี่ชาย
แล้วออกเดินเลย ผมก็รีบตามสิครับ ก่อนไปผมไม่ลืมยกมือไหว้พี่ซีซ่าร์เขาหรอก คุณชายก็ก้าวย้าวยาว
ไม่รู้จะรีบเดินไปไหน ทีนั่งคุยอยู่ตั้งนานสองนานไม่เห็นว่าจะรีบลุกเลย ผมนี่สิยืนรอจนขาเมื่อยไปหมดแล้ว
“พี่ ผมขอบคุณนะครับ”
พี่เอย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมายังคงเดินต่อไปเรื่อย
ๆ เราสองคนเดินจนมาถึงที่ ๆ รถจอดไว้
“พี่จะกลับเลยเหรอครับ
แวะที่ไหนอีกรึเปล่า” ผมถามก่อนจะออกรถ หน้าตาพี่เอย์บ่อจอยสุด ๆ
คงเพราะเรื่องเมื่อกี้และอาจจะหิวด้วยนะ ขนาดผมมองผ่านกระจกมองหลังยังเห็นคิ้วมันขมวดจนจะเป็นปมอ่ะ
“กลับห้องเลย”
พี่เอย์บอกห้วน
ๆ ไว้แค่นั้นแล้วก็หลับตาลงไป ผมมองดูคุณชายผมอีกทีก่อนเลี้ยวรถออกจากคฤหาสน์หลังงาม
ตอนนี้สามทุ่มนิดๆแล้ว ผมมั่นใจว่าที่มันอารมณ์เสียเพราะมันหิวแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะก่อนออกมาเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลย
และตอนที่นั่งคุยผมก็ยังไม่เห็นว่ามันจะกินอะไรเลยด้วย พี่เอย์เป็นคนกินยากบางทีของกินที่วางอยู่อาจไม่ถูกปากมันเลยก็ได้
“พี่เอย์หิวเหรอครับ”
“..............”
“แวะทานข้าวที่ไหนก่อนไหมครับ”
“..............”
“พี่เอย์ พี่หลับเหรอ”
ผมสงสัยนะถามอะไรทำไมไม่ยอมตอบ
ผมตีไฟเลี้ยวแล้วจอดลงที่ข้างทาง
หันไปมองดูคุณชายผมดี ๆ พี่เอย์หลับไปแล้วจริง ๆ มันกอดอกไว้ด้วยนะคงจะเหนื่อยแล้วก็อาจจะหนาว อากาศมันเหมือนฝนจะตกด้วยแหละ
ผมปัดแอร์ไปอีกด้านเดินลงไปเปิดที่กระโปรงท้ายรถ เพราะนึกได้ว่าเคยเห็นตะกร้าหวายใส่อุปกรณ์ไว้เล่นกีฬา
หนึ่งในนั้นมีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ๆอยู่ด้วย ผมหยิบเอามันออกมา เปิดประตูแล้วห่มลงที่หน้าอกให้พี่เขา
พอแน่ใจว่าแน่นหนาดีแล้วผมก็เงยหน้ามองคุณชายอีกครั้ง
คุณเชื่อไหม..........
ว่าสายตาเราสบกันอีกแล้ว สามวิฯได้มั้งที่เราสองคนมองกันอยู่แบบนั้น นี่พี่เอย์ไม่ได้หลับอยู่หรอกเหรอ??
“พะ..พี่ไม่ได้หลับอยู่เหรอ”
ผมถามตะกุกตะกักรีบหลบสายตามัน แสร้งเอามือตบ ๆ ผ้าห่ม
“หลับ แต่ตื่นแล้ว”
“ผมเห็นพี่กอดอกคิดว่าอาจจะหนาวเลยเอาผ้ามาห่มไว้ให้น่ะครับ”
ผมว่าผมแก้ตัวรึเปล่าวะ แต่ช่างเหอะผมรีบเดินไปขึ้นรถ
นั่งตำแหน่งคนขับแล้วออกรถไปต่อ พี่เอย์ก็เงียบนะไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น พอแอบ ๆ มองไปที่กระจกมองหลังก็เห็นมันนั่งลืมตามองผมอยู่
สงสัยจะโกรธ คุณชายอาจไม่ชอบให้ใครมาเทคแคร์ล่ะมั้งนะ
“สนุกไหม”
“หือ?
อะไรนะครับ พี่คุยกับผมเหรอ”
“ก็เออสิไอ้ปิง
เราอยู่กันแค่สองคนมึงอย่ามากวนตีนกูนะ”
“แล้วพี่ถามว่าอะไรอ่ะ”
“จิ๊ ไม่อยากถามแล้ว
ช่างหัวมันสิกูไม่อยากจะถามมึงแล้ว”
โอ่ยยคุณช้าย
ผมตามอารมณ์คุณไม่ทันครับ ประจำเดือนมาเหรอถาม! หรือว่าได้เจอคู่หมั้นแล้วเลยเพี้ยนไป เออ ว่าแล้วลองแซวมันดูหน่อยดีกว่า
“พี่เอย์ คุณเดียร์เธอน่ารักดีนะครับ”
“อือ”
“เหมาะสมกับพี่เลยนะ
คุณชายกับคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ แล้วพี่จะแต่งงานตอนไหนอ่ะ”
“หึหึ หึหึหึหึ” เสียงพี่เอย์หัวเราะในลำคอ
สุ้มเสียงต่ำ ๆ ทำให้ผมต้องรีบปรับกระจกเพื่อมองมันทันที
พี่เอย์นั่งอมยิ้มใหญ่เลยครับ คล้ายคนกำลังคิดเรื่องตลกอะไรสักอย่าง
“พี่ยิ้มอะไรน่ะ”
คือที่ผมถามนี่ประโยคนั้นมันตลกเหรอวะ คือมันอะไรเหรอ
“กูกับเดียร์นี่นะจะแต่งงานกัน
หึหึหึ ให้ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางกบาลกูก่อนเหอะไอ้ปิง หึหึหึหึ” พี่เอย์ยังยิ้มอยู่ไม่หยุด
คราวนี้มันถึงกับกลั้นขำเลยนะ เอาจริงๆ
“อ้าวทำไมอ่ะพี่
คู่หมั้นกันต่อไปก็ต้องแต่งงานมันถูกต้องแล้วนี่”
“เออนั่นมึงก็พูดถูก
แต่ไม่ใช่เคสของกูหรอกเว้ย เพราะกูคงไม่แต่งงานกับทอมหรอกนะ”
“ห๋า ทอม!!”
ผมร้องขึ้นอย่างดังเลยครับ จริงเหรอ คนสวย ๆ แบบนั้น
“เออทอม สวย
ๆ นั่นแหละทอมบอยของแท้แน่นอนเลย ดีนะหมั้นกันไว้แต่เด็กกูเลยรู้
แม่งยังพาแฟนมันมาอวดกูที่โรงเรียนอยู่เลย มันเปลี่ยนผู้หญิงยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้ออีก
หน้าตาภายนอกน่ะตัดสินคนไม่ได้หรอก มึงเองก็น่าจะรู้ดีนี่
ขนาดหน้าตาหน้ารักแบบมึงยังกวนตีนกูยิ่งกว่า....
พี่เอย์หยุดประโยคคำพูดไว้แค่นั้น
คงลืมตัวอะไรสักอย่าง ขณะที่ผมเองก็อ้าปากค้าง
นี่มันเพิ่งจะพูดชมผมไปเหรอว่าผมน่ารัก
บ้าบออะไรตาย ๆ ทำไมรู้สึกตอนนี้เหมือนเป็นไข้เลยวะ หน้าร้อนผ่าวไปหมดแล้ว
ผมทำอะไรไม่ถูกรีบยกมือขึ้นมาขยับ ๆ โบว์หูกระต่ายแก้เขิน
“เอ่อ พี่เอย์
พี่หิวไหมครับ” ผมถามขึ้นทำลายความเงียบ
เพราะตั้งแต่ตอนนั้นคุณชายก็เงียบเสียงไปเลย
“หิวสิวะ
กูยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ ไม่เหมือนคนบางคนหรอก ได้คุยกับไอดอลคนโปรด
กินนั่นนี่ด้วยกัน มึงคงสนุกมากสินะ กูหันมาทีไรมึงนี่ยิ้มไม่หุบเลย”
“เอ๋าธรรมดานะครับคุณพี่
พี่ซีซ่าร์เขาเป็นไอดอลในดวงใจของผม
มีโอกาสได้คุยทั้งทีผมงี้ปลื้มสุดอ่ะ พี่ดูนี่ผมมีอะไรจะอวด”
ผมรีบควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโชว์รูปที่ผมถ่ายคู่กับพี่ซีซ่าร์
คือผมอยากป่าวประกาศให้ใครก็ได้รู้นะว่าผมได้ถ่ายรูปกับซีซ่าร์โว๊ย อะไรแบบนี้
ซึ่งคุณพี่เอย์เป็นคนแรกเลยแล้วกันที่ได้สิทธิ์นั้น
“ทุเรศว่ะแม่ง
หัวชิดกันด้วย” พี่เอย์ดึงเอาไปดู แล้วทำเสียงพึมพำ “รู้จักกันวันเดียวนี่ท่าทางสนิทกันเชียวนะ”
“ก็พี่ซ่าร์เขาใจดีนี่
ใจดีมาก ๆ เลย” ไม่เหมือนพี่เลยสักนิด
“เออคนใจดีแบบนั้น
มึงก็ระวังตัวไว้ให้ดีเหอะ” พี่เอย์พูดมาแบบนั้นก่อนที่ตัวมันจะยื่นมือถือส่งคืนมาให้ผม
“อ้าว
รูปผมหายไปไหนอ่ะ” ผมกำลังจะมองดูอีกครั้ง ทำไมรูปผมกับพี่ซ่าร์หาย
พอดีกับรถกำลังจะติดไฟแดง ผมรีบหยุดแล้วเลื่อน ๆ หาดูใหม่อีกที
“กูลบไปแล้ว
มึงจะหาอะไรนักหนา”
อ้าวพี่ครับ
พี่ทำแบบนี้ก็สวยสิครับ ผมงี้หันไปจ้องหน้าคุณชายเอย์ตั้นเขม็งเลยนะ
ทำงี้ได้ไงไม่มีมารยาทเอาซะเลย
“โกรธ?”
ดู๊ดูมันถาม
“...........”
“อะไรล่ะนั่นน่ะ
ทำงอนเป็นสาวน้อยไปได้ เดี๋ยวกูพาไปถ่ายกับมันใหม่ก็ได้นี่หว่า ทำหน้าให้มันดีๆดิ๊”
“พี่แม่ง”
“ฮึ สมน้ำหน้า”
อะไรนะ
นี่คุณชายเขายังกล้าพูดว่าสมน้ำหน้าเหรอ ตัวเองทำผิดไม่รู้จักขอโทษแล้วยังจะมาพูดว่าคนอื่นอีก
ผมงี้หน้างอหน้าบูดไปหมดแล้ว ไม่อดทนไว้หรอก
“บ้านมึงอยู่ไหน”
จู่ ๆ คุณชายถามขึ้น
“บ้านไหน”
ผมอารมณ์เสียยังไม่หายนะเนี่ย
“บ้านมึงไง
ที่ๆมึงซุกหัวนอนน่ะ” ขอเถอะครับพูดจาเพราะ ๆ กับผมบ้างนี่ปากจะขึ้นสนิมเหรอ
“บ้านน่ะอยู่ไกลโน้นแน่ะ
แต่ห้องที่ผมใช้ซุกหัวนอนน่ะ อยู่แถว ๆ นี้แหละครับ ไม่ไกลจากคอนโดพี่เท่าไหร่หรอก
พี่ถามทำไมอ่ะ”
“ขับไป
ขับไปที่ห้องมึง”
“หือ?”
“อย่ามาถามเรื่องมาก
ขับตรงไปที่ห้องมึง ที่ ๆ มึงใช้ซุกหัวนอนนั่นแหละ”
“พี่จะไปทำมะ......
“ปิง อย่าถามขับไป” เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบ
ทั้งหน้าตานิ่ง ๆ นั่นอีก ผมเหรอจะกล้าขัด บอกให้ขับผมก็ขับสิ
ไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงห้องพักเล็ก ๆ ของผมแล้ว ผมเอารถจอดลงใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้ไฟถนนสีส้ม
ๆ
“ลงไปดิ”
พี่เอย์พูดขึ้น
“ลงไปไหนครับ”
ผมงงนะ
“ถึงห้องมึงแล้วก็ลงไปดิ”
อะไร? นี่อย่าบอกนะว่าคุณชายตั้งใจมาส่งผม
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเลยทันทีสี่ทุ่มเศษแล้ว นี่ตั้งใจมาส่งกันจริงเหรอเนี่ย
“แล้วพี่จะกลับยังไงครับ
คือผมไปส่งพี่ได้นะ
แล้วเดี๋ยวขับมอไซด์กลับมาเอง” คือว่ารถผมยังจอดอยู่ที่นั่นไง
“อย่าเรื่องมากลงไปได้แล้ว
กูขับกลับเองได้ มอไซด์มึงพรุ่งนี้ค่อยไปเอา
จอดทิ้งไว้ที่นั่นแหละเดี๋ยวบอกยามไว้ให้” พี่เอย์พูดแล้วเปิดประตูแล้วเดินลงมา
ผมเลยต้องลงมาจากตำแหน่งคนขับนั้นด้วย
“แต่ว่า คือ....ผม...”
เราสองคนเดินสวนกัน พี่เอย์กำลังจะเข้าไปนั่งแทนที่ ผมเลยหยุดแล้วมองหน้าพี่เขา
“นี่มึงกำลังคิดเหี้ยไรอยู่”
มันยังไม่ยอมนั่งลงไปทั้งที่ขาก้าวเข้าไปแล้วข้างนึง
“......................”
จะให้ผมตอบว่ายังไงล่ะครับ คือผมเหมือนทำหน้าที่ไม่สุดอ่ะ วันนี้ผมเป็นคนขับรถให้คุณชายใช่ไหม
แต่ว่ามีอย่างที่ไหนขากลับคุณชายมาส่งผมแล้วตัวเองขับรถกลับเอง มันเหมือนผมไม่รับผิดชอบงานให้เสร็จน่ะสิ
“มันดึกแล้วกูเลยให้มึงขับผ่านมาทางนี้ก่อน
ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน”
พี่เอย์หมายความว่ายังไงวะ
อะไรคือคำว่า‘อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน’ ซอกเล็ก ๆ
ในหัวใจของผมขยับเรียกอีกแล้ว อย่ามาทำดีกับผมได้ไหม
อย่าทำอะไรให้ผมคิดไปเองนักเลยครับพี่ ผมไม่ใช่คนดีเด่อะไรนะ
เรื่องคิดเข้าข้างตัวเองนี่ผมเก่งนะ บอกไว้เลย!
Tbc.