Eaton's Part
# 12 หมาปิงคิดจะทำอะไร
ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั่งมองภาพบนหน้าจอนานแค่ไหนแล้ว
นี่ถ้าเจ้าของรูปที่โชว์หราอยู่ตอนนี้รู้ว่าผมนั่งดูรูปมันไปแล้วยิ้มไปนี่
ผมคงโดนมันล้อไปเป็นวันไม่จบแน่
รูปภาพมากมายในโทรศัพท์มือถือถูกผมโหลดลงเครื่องจัดเข้าไดเรคเทอรี่ที่คิดว่าลึกลับมากที่สุด
ปิงมันเข้ามาทำความสะอาดที่ห้องนี้บ่อย บางทีเครื่องก็ถูกเปิดทิ้งไว้ขณะที่ตัวผมทำธุระอย่างอื่นอยู่ข้างนอกเพราะอย่างนั้นเก็บไว้ตรงจุดนี้มันไม่มีทางค้นเจอแน่นอน
นอกเสียจากว่า มันจะเป็นคนที่เชี่ยวชาญโปรแกรมคอมฯมาก ๆ
ผมเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ตัวใหญ่อมยิ้มคนเดียวอย่างกับคนบ้าเป็นเพราะภาพบ๊อง
ๆ ของเจ้าเด็กบ้าตัวกวน ตั้งแต่มีมันเข้ามาป่วนในชีวิตทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนเติมเต็มความสุขที่หาซื้อไม่ได้ด้วยเงินทองความรู้สึกบางอย่างที่ผมมองหาได้ง่าย
ๆ เวลาที่อยู่กับปิง ‘ความสุข’
วันนั้น.....
“พี่ชอบผมเหรอ”
เป็นประโยคที่ผมตกใจแทบบ้าทันทีที่ปิงถามขึ้น คำถามแรกที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลยก็คือ
ผมแสดงออกอะไรให้มันเห็นว่าผมชอบมันหรือสนใจมันใช่ไหม? คือปิงเป็นเด็กที่ฉลาดมาก
บางครั้งแค่ผมปรายสายตามันก็จะรู้เลยทันทีว่าผมชอบหรือไม่ชอบ อยากได้หรือไม่อยากได้อะไร
เพราะอย่างนั้นทันทีที่ผมได้ยินมันถามผมจึงต้องรีบตั้งสติดึงตัวเองกลับมาแล้วดีดหน้าผากมันไปหนึ่งที
“คิดยังไงทำไมถามอะไรออกมาแบบนั้น
ถ้ากูตอบว่าไม่ได้ชอบนี่มึงจะเสียใจมากไหมวะปิง”
ปิงเป็นเด็กที่ตรงแล้วก็ค่อนข้างดื้อ เขาคงอยากคาดหวังจะให้ผมบอกอะไรออกมามากกว่าประโยคธรรมดาพวกนี้
มันเลยพยายามบีบให้ผมพูดว่าผมรู้สึกยังไงกันแน่กับมัน
และคำๆนี้ก็ถูกผมเลือกหยิบออกมาใช้ “ไม่-ได้-ชอบ”
ผมมองหน้ามันนิ่งเลยนะตอนบอกคำนี้ออกไปอยากเห็นว่ามันจะทำหน้าตาแบบไหน
ปิงเป็นเด็กที่แสดงสีหน้าได้หลากหลายอารมณ์มากคิดและรู้สึกยังไงก็ออกมาทางสีหน้าทั้งหมด
และครั้งนี้ก็ไม่ต่าง มันทำหน้าไม่เชื่อผมสุดขีด ตื้อถามแล้วถามอีกจนผมเริ่มรำคาญ หงุดหงิด
เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะห้ามใจไว้ได้มากแค่ไหน
หน้าตาแบบนั้นมาทำเป็นยื่นหน้าเข้ามาหามาถาม สีหน้าอยากรู้ สีหน้าสงสัยข้องใจของมันทำให้ผมโมโหและฟิวส์ขาด
คว้าคอมันเข้ามาดูดปากซะเลย ก็แค่ดูดเบา ๆ ที่ริมฝีปาก ไม่ได้ดีพคีสอะไรเลยนะ แต่ว่าแค่นั้นก็ทำเอามันนั่งเอ๋อตายอยู่กลางห้องได้แล้ว
ตลกชะมัดแกล้งเด็กนี่มันมีความสุขดีจริง
ๆ
“ต้องให้กูพูดอีกไหม ว่าไม่ได้ชอบ!” ผมพูดไว้แค่นั้นแล้วก็เดินหนีเข้าห้องไป คือถ้านั่งอยู่นี่ผมคิดว่าตัวเองคงจะเอามือไปลูบหัวมันแล้วบอกว่า
‘ล้อเล่น’ แน่ ๆ เลยตัดสินใจออกจากตรงนั้นไปเถอะ
หลังจากวันนั้นปิงหายไปเกือบหนึ่งอาทิตย์
ไม่มีการติดต่อมาบอกว่าทำไมถึงไม่มาทำงาน และผมเองก็ไม่โทรกลับไปถามเช่นกัน ถามผมว่าทำไมไม่โทรไปหามัน? ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
คือทำตัวไม่ถูกผมถามตัวเองตลอดนะว่าผมกำลังคิดอะไรกับไอ้เด็กคนนี้กันแน่
เด็กบ๊องที่เข้ามาทำชีวิตผมให้มีสีสันเต็มไปหมด ผมกลัวล่ะมั้ง
กลัวว่าถ้าโทรไปแล้วจะได้ยินมันตอบกลับมาว่าจะไม่มาทำงานที่นี่อีกแล้ว
ผมจูบมันไปแบบนั้นแล้วคำพูดที่สวนทางกับการกระทำนั่นอีก
เด็กแบบนั้นคิดให้ตายยังไงมันก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าที่ผมพูดนั่น
ตรงข้ามกับความจริงทั้งหมดเลย
ผมชอบฟังเพลงนะเวลาผมทำงานหรืออ่านหนังสือก็จะเปิดเพลงคลอไปด้วย
และเพลง ‘ไม่บอกเธอ’ เป็นเพลงที่ผมเลือกที่จะกดรีเพลฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก
ผมชอบความหมายของมัน ฟังแล้วผมทำไมคิดถึงหน้าหมาน้อยปิงลอยไปลอยมาซะอย่างนั้น
หนังสือที่ถือออกมาว่าจะอ่านเลยพาลเปิดแล้วหลับ รู้สึกตัวอีกทีก็รู้แล้วว่ามีหมาบางตัวแวะมาแล้วยังทิ้งหลักฐานเป็นผ้าห่มส่วนตัวของผมซึ่งผืนใหญ่มากชายเชยนี่ตกระลงมาที่พื้นกันเลย
คืนนั้นผมโทรไปหาแล้วบอกพรุ่งนี้จะพาไปธุระที่อัมพวาให้แต่งตัวรออยู่ที่ร้านเดี๋ยวแวะเข้าไปรับ
ปิงอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมตามใจผมเหมือนเดิม วันต่อมาช่วงบ่ายแก่ ๆ รถผมเลยมาจอดรอคนบางคนที่หน้าร้านอาหารอีสานที่ผมกับเพื่อนเคยมาเมื่อประมาณสองสามเดือนที่แล้ว
“ทำไมแม่มึงไม่ออกมา” ผมถามมันทันทีที่มันเดินเข้ามาหา คือจริง ๆ ก็อยากจะพูดเพราะๆกว่านี้นะแต่เห็นชุดที่มันใส่แล้วแบบ
ผมจะไม่มีทางชมอ่ะว่ามันน่ารัก
“พี่จะสวัสดีแม่ผมเหรอ”
“เออ ก็เขาเป็นแม่มึงไม่ใช่รึไง”
แล้วมันก็พาผมเข้าไปรู้จักทักทายกับคุณแม่ของมัน
ปิงหน้าตาผิวพรรณเหมือนกับแม่เขามาก ตรง ๆ
เลยคือแม่ปิงจัดว่าสวยมากเลยนะถึงจะดูมีอายุแล้วทำงานหนักแต่หน้าตาแบบที่ไม่ได้เสริมเติมแต่งเหมือนพวกผู้หญิงเมืองกรุงทำให้ดูใสสะอาดน่ารักดี
เราออกจากกรุงเทพกันก็เย็นแล้ว จริง ๆ วันนี้จะต้องให้หมาปิงมันขับใช่ไหมแต่ผมกลับรู้สึกได้เองว่าผมควรจะขับนำทางให้มันรู้ก่อนก็แล้วกัน
ถึงอัมพวาจะไม่ไกลแต่เมืองเขาสวยเพราะฉะนั้นระหว่างนั่งรถกันไปให้หมาน้อยมันได้ชมบรรยากาศรายทางบ้างก็ดี
ก่อนถึงงานผมบอกให้มันถอดหูกระต่ายออกแล้วแต่งตัวให้เหมือนกันกับผม เราสองคนใช้เวลาอยู่ในงานไม่นานมากนะเพื่อน ๆ ผมมากันหลายคนแต่ผมไม่ได้กะว่าจะค้างเลยต้องขอตัวกลับก่อน
ก่อนถึงงานผมบอกให้มันถอดหูกระต่ายออกแล้วแต่งตัวให้เหมือนกันกับผม เราสองคนใช้เวลาอยู่ในงานไม่นานมากนะเพื่อน ๆ ผมมากันหลายคนแต่ผมไม่ได้กะว่าจะค้างเลยต้องขอตัวกลับก่อน
“พี่เอย์พี่ได้กลิ่นน้ำมันไหมพี่” ขากลับผมให้ปิงเป็นคนขับ
ระหว่างทางรถเกิดเสียขึ้นมาเจ้าปิงอยากโชว์ฝีมือมุดๆเข้าไปตรวจดูที่ใต้ท้องรถจนเสื้อผ้าดำไปหมด
ผมเห็นแล้วก็สงสาร ทั้งรถที่ไปต่อไม่ได้เลยตัดสินใจแวะค้างคืนกันที่รีสอร์ทแถวนั้น
“เหลืออยู่แค่หลังเดียวค่ะ
นอกนั้นเต็มหมดแล้ว เสาร์อาทิตย์อาทิตย์แบบนี้คนมาพักเยอะเลย”
เสียงพนักงานผู้หญิงบอกผมหลังจากผมบอกขอเปิดสองหลัง
เจ้าปิงที่ตอนนี้เสื้อผ้าเปื้อนไปหมดยืนอมยิ้มอยู่ด้านหลัง
“ที่นี่มีบริการซักเสื้อให้ด้วยนะคะ
จะถอดส่งซักเลยไหม”
พอเธอบอกมาแบบนั้น ปิงแม่งทำท่าจะถอดเสื้อส่งให้เขา
ผมเลยท้วงไว้นิดนึงแต่พนักงานก็บอกต่อว่าไม่เป็นไรเธอชินแล้ว แค่นั้นแหละครับ เจ้าปิงถอดแล้วยื่นส่งให้เธอจริง
ๆ แล้วตัวมันก็นะเสื้อกล้ามข้างในไม่มีใส่มาหรอก
ผมนึกโมโหยายพนักงานหญิงจอมจู้จี้เลยไม่มีการให้ทิปแม้แต่ใบเดียว
คืนนั้นมันนั่งยิ้มบ่อยมากทำหน้าทำตาแบบที่มันคงคิดว่าทำแล้วน่ารัก
ผมหมั่นไส้เลยขว้างเสื้อเชิ้ตที่ตัวเองสวมอยู่ให้
ก่อนตัวผมจะหนีเข้าไปอาบน้ำ ก็จะให้ผมนอนอยู่กับมันทั้ง ๆ ที่มันไม่ใส่อะไรเลยที่ท่อนบนแบบนั้นผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับ
ตัวมันก็ทั้งขาวทั้งเนียนสีแม่งอมชมพูอย่างกับผิวผู้หญิงยังไงเสียให้มันใส่เสื้อผมนอนนั่นแหละดีสุด
ส่วนผมเสื้อกล้ามที่ใส่ไว้ด้านในกลัวว่าพรุ่งนี้จะมีกลิ่นเลยถอดพาดไว้ซะแล้วก็นอนมันทั้งเปลือย
ๆ แบบนั้นแหละ
“มึงนอนหน้าเตียงไป
มีเสื้อใส่แล้วก็ไม่ต้องใช้ผ้าห่ม”
ผมพูดไปอย่างนั้นก็จริงแต่คุณคิดเหรอว่าคนทะเล้น ๆ
อย่างมันจะยอมนอนอยู่ตรงนั้นได้นาน คือเตียงมันกว้างมากแล้วพื้นก็แบบเป็นหินขัด
ที่จริงผมก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอกถ้ามันรู้สึกว่าไม่ไหวถึงจะคลานขึ้นมานอนข้าง
ๆ กันผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีเลยมันค่อย
ๆ ไต่ขึ้นมานอนทำท่าทางแปลก ๆ อย่างกับในหนังฆาตกรรมผมหรี่ตาดูว่ามันกำลังทำอะไร
บ้าฉิบหาย เสื้อที่ผมให้มันใส่แทนที่จะใส่ให้เรียบร้อยดันนอนไม่ติดกระดุมเฉยเลยมันก็เปิดออกเห็นไปถึงไหนต่อไหนของมันหมดคือพูดง่าย
ๆ
ผมก็อยากเป็นนะตั้งแต่มีไอ้หมาปิงเข้ามาผมไม่ได้ใช้ตัวช่วยอื่นปลดปล่อยเลยนอกจากมือซ้ายของตัวเอง
ผมข่มตาพยายามจะให้หลับแต่ร่างกายและหัวใจของผมกลับเรียกร้องอะไรบางอย่าง
สิ่งที่ผมตอนนี้สามารถคว้าเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของตัวเองได้
มันจะผิดมากไหมถ้าผมจะทำสิ่งที่กำลังคิด คุณเชื่อไหม มือผมไปไวมาก
มากกว่าความคิดยับยั้งชั่งใจของผมด้วยซ้ำ ผมคว้าตัวมันเข้ามากอด แต่มันทำท่าขยุกขยิกเหมือนกับจะอ้าปากถามผมก็เลยต้อง...
“เงียบ! อย่าถามมากพี่จะนอน”
ให้ตายเหอะ!
ผมลืมตัวพูดคำว่าพี่ออกไปได้ยังไงวะ แต่ปิงก็คือปิง ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งท้ามัน
ในที่สุดมันก็ตั้งท่าจะถามผมให้ได้จริง ๆผมรู้เลยมันคิดจะถามเรื่องไอ้คำว่าพี่ที่ผมใช้แทนตัวกับเรื่องดึงตัวมันเข้ามากอด
คือมันไม่รู้รึไงคำตอบที่ไหนผมจะหามาให้มันได้ก็แค่อยากนอนกอดกันไว้แบบนี้มันจะถามไปทำไมให้ยุ่งยาก
ผมเลยพลิกตัวแล้วขึ้นคร่อมมันไว้ซะ
ให้มันตกใจจะได้หมดคำถามไร้สาระของมันไว้แค่นั้น
“ขอโทษครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ตัวปิงเย็นเฉียบคงเพราะแอร์ตกใส่ที่หน้าเตียง
ผมโคตรหงุดหงิดหน้าตามันเวลามันทำหน้างอ ๆ เหมือนคนโกรธหรือไม่พอใจผม
อย่าให้ผมพูดเลยนะว่ามันน่ารักมาก คุณจะไม่มีทางได้ยินคำนี้จากปากผมหรอก
รู้ไว้แค่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมด่าว่ามันขี้เหร่นั่นแหละ ความหมายตรงข้ามกันทั้งหมดเลย
“กูจะนอนแล้ว มึงห้ามทำตัวรุ่มร่าม
ตื่นมากูต้องเจอว่ามึงนอนสงบเงียบและเรียบร้อย”
ผมให้มันไปนอนอีกฝั่งที่แอร์ตกลงไม่ค่อยถึง แกล้งยึดผ้าห่มมันไว้คิดว่ารอมันหลับก่อนแล้วค่อยแชร์กัน
ไม่นานหรอกครับประมาณสิบนาทีหลังจากนั้นหมาปิงก็หลับปุ๋ยเลยผมเลยจัดการห่มผ้าให้เราทั้งสองคนด้วยผ้าห่มผืนเดียวกัน
RRRRRRR
RRRRRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ผมรู้สึกตัวตื่น
ผมสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกขึ้นทันที คว้าเอามือถือขึ้นมากดรับ
“เอย์มึงอย่าลืมนะเว้ยวันนี้มีนัดทานข้าวกับคุณย่า
ห้าโมงมึงจะกลับมาถึงไหม หรือว่าให้กูเข้าไปรอที่นั่นก่อน
เอาเป็นว่าไว้เราเจอกันที่บ้านท่านเลยก็แล้วกันนะ”
เสียงเดียร์คู่หมั้นของผมเองดังมาตามสาย
มันกับผมสนิทกันมากจนขึ้นกูมึงกันแบบไม่มีใครอายใคร พอวางโทรศัพท์แล้วเรียบร้อยผมมองดูไอ้ตัวดีที่กำลังนอนหลับตาไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงแล้วถอนใจ
เมื่อกี้ผมรีบลุกขึ้นมารับโทรศัพท์เลยลืมบอกคุณไปว่าผมนอนกอดมันไว้ตั้งแต่กลางดึกโน่นแล้ว
ผมตั้งใจนะไม่ใช่ไม่รู้ตัว ช่วยไม่ได้แอร์มันหนาวที่สำคัญเลือดในกายผมสูบฉีดแรงมากคุณคิดว่าผมจะนอนหลับไหมเมื่อฮอร์โมนในร่างกายผมร่ำร้องอยู่ตลอดเวลา ตัวปิงนิ่มมาก ผิวก็ลื่นอย่างกับผิวผู้หญิง
เป็นครั้งแรกที่ผมได้ใกล้ชิดมันมากขนาดนี้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ออกมาจากตัวมันนี่ขนาดมันอาบน้ำอย่างกับวิ่งผ่านนะ
ขี้ไคลเคยขัดบ้างไหมก็ไม่รู้ ผมส่ายหัวกับความคิดและพฤติกรรมของตัวเองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
หงุดหงิดจนต้องรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
“เอามาทำไม กูสั่ง?”
“ผมฝากหน่อยพี่ เดี๋ยวจะกิน
ตักมาหลายจานพนักงานเขาเล็งแล้วเนี่ย
ผมฝากวางไว้กับพี่เอย์ก่อนนะครับ”
เราออกมาทานข้าวกันที่ห้องอาหารของรีสอร์ท
หมาปิงชอบทำอะไรที่ผมคาดไม่ถึงอยู่เรื่อย
ผมเลือกทานแค่ขนมปังขณะที่มันตักทั้งข้าวทั้งขนม
ปิงมองผมทานขนมปังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกออกไปตักข้าวผักกุ้งหนึ่งจานออกมาวางไว้ข้างหน้าผม
ทั้งที่ผมบอกว่าไม่กินจะรีบกลับแท้ ๆ
แต่มันซะอย่างหลอกล่อให้ผมกินข้าวจนได้นั่นแหละ
ผมไม่เข้าใจมันเลยนะทำไมมันต้องบ่นโน่นนี่นั่นเรื่องไปเที่ยวตลาดอัมพวาอะไรด้วย
คือผมก็รู้นะว่ามันอยากจะเห็นแต่คือวันนี้ผมรีบจริงครับ ต้องรีบกลับให้ทันไปทานข้าวเที่ยงกับคุณย่า
ผมว่าคนที่แปลกไม่ใช่มันแต่ตอนนี้คือผมเองเพราะรู้ตัวอีกทีรถผมก็จอดลงที่ช่องจอดรถของตลาดน้ำเรียบร้อย
“พี่เอย์ พี่พาผมมาเที่ยวเหรอพี่”
ท่าทางมันตื่นเต้นน่าดู ยืดตัวมองซ้ายมองขวาตลอด ผมเห็นแบบนั้นแล้วก็ตลก
คิดว่าตอนนี้ก็อมยิ้มกับท่าทางและหน้าตาแบบแปลก ๆ
ที่มันทำออกมาตั้งแต่เราเดินกันต้นซอยยันท้ายซอยเลย
“พี่เอย์หิวไหมครับ ผมเลี้ยงไอติมนะ”
“พี่เอย์หิวอะไรอีกไหมพี่
วันนี้ผมจะเลี้ยงเอง นี่ผมรวยนะ ไหน ๆ ดูซิไอ้ปิงเหลือตังค์กี่บาทว๊าววเหลือตั้งสี่ร้อย
กินขนมถ้วยไหม คนเยอะเลยอ่ะท่าทางอร่อยนะ”
ผมแอบถ่ายรูปมันตอนไปยืนรอคิวชะเง้อดูแม่ค้าเขาขายขนมถ้วยด้วยนะ
มันอยากทำหน้าตาตลกหน้าเป็นอีกแล้วทำไม ผมก็ถ่ายไว้ดิ่ มีตังค์อยู่แค่นั้นทำเป็นบอกจะมาเลี้ยงผม
ผมก็ปล่อยให้มันทำนะจนเราแวะพักทานข้าวเที่ยงกันที่ร้าน ๆ นึง ปิงสั่งกระเพราไก่ไข่ดาวส่วนผมสั่งผัดไทยกุ้งสดปิงอาสาขอเลี้ยงผมอีกครั้งทั้งที่เหลือเงินอยู่แค่สามร้อยกว่าบาทเท่านั้นแต่ผมก็ปล่อยให้มันทำ
ถ้าทำแล้วมันสบายใจผมไม่เคยคิดจะห้ามเลยนะครับ
“เส้นแบบนี้เท่าไหร่ครับ”
เสียงเจ้าปิงร้องถามแม่ค้าที่เขากำลังนั่งทำเชือกร้อยข้อมือสีสันต่าง ๆ
แต่เส้นที่ปิงอยากได้มันเป็นเม็ดข้าวสารเล็ก ๆ
ที่เขียนชื่อได้แล้วใส่ลงในหลอดแก้วเล็ก ๆ ที่มีน้ำใส่ไว้จากนั้นเอามาร้อยเชือกสีให้กลายเป็นสร้อยข้อมือ
มันหันมาทำหน้าอ้อนพอรู้ราคาแล้วคงตังค์ไม่พอ
ผมก็อยากจะล้วงให้อยู่หรอกถ้าไม่ติดว่ามันไปม่อแม่ค้าจนเขาหน้าแดงตัวแดงแบบนั้น
“ไม่”
หน้าตามันนี่ไม่ต้องบอกก็รู้คงจะว่าผมแม่งใจร้ายว่ะอะไรแบบนั้นแต่มันก็ไม่ได้พูดออกมา
ปิงแวะร้านขายพวงกุญแจเห็นเลือก ๆ หยิบ ๆ อยู่สองสามอันมีส่งมาให้ผมด้วยนะแต่ผมส่ายหน้าบอกไม่เอาผมไม่เคยซื้อของฝากจุกจิกแบบนี้หรอก
ส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงเขาซื้อกันไม่ใช่เหรอ
ผมมีหน้าที่จ่ายให้แค่นั้นจบไม่ได้ละเอียดอ่อนมานั่งเลือกยืนเลือกพวงกุญแจไปฝากใครหรอกนะครับ
เราแวะร้านกาแฟผมปล่อยให้ปิงนั่งรอแล้วบอกจะไปทำธุระโยนมือถือส่งให้มันดู
จริง ๆ แล้วคือตั้งใจจะเดินกลับไปซื้อไอ้เชือกบ้าบอนั่นแหละ
ก็ดูมันทำหน้าเขาสิตั้งแต่ออกมาจากร้านนั้นหมาปิงดูเหมือนคิดถึงสร้อยร้านนั้นอยู่ตลอดเวลาหรือมันคิดถึงคนขายกันวะอันนี้ผมก็ไม่รู้ตัดสินใจกลับไปซื้อแม่งให้จบ
ๆ
“ให้เขียนคำว่าอะไรดีคะ” แม่ค้าเขาถาม
ผมก็อึกอักๆ คือจะเขียนอะไรดีล่ะ เลยนึกว่าถ้าเป็นหมาปิงมันจะให้เขาเขียนคำว่าอะไรให้สรุปเลยบอกให้เขียนแค่
‘ปิง’ แค่นั้น
ขากลับเราสองคนเดินย้อนมาที่ทางเดิม ตลอดทางผมก็ถ่ายรูปที่ผมสนใจแต่ไม่รู้ทำไมจุดโฟกัสของผมจะต้องเป็นมันทุกครั้ง
ผมเลยต้องเบี่ยง ๆ เผื่อวันดีคืนดีมันมาเห็นจะได้มีข้อถูๆไถไปได้
เราออกจากตลาดอัพวาพามันแวะทานข้าวที่ร้านอาหารแถว
ๆ ชานเมืองสมุทรสงครามในช่วงเย็น คือก็อยากจะให้มันได้เห็นเหมือนกัน ‘นาเกลือ’ ไม่รู้ว่าเจ้าปิงมันจะเคยเห็นไหมเลยลองพามาดู ส่วนผมน่ะเคยมากับเพื่อน ๆ หลายครั้งแล้วเลยเฉย
ๆ ปิงยืนรับลมเค็ม ๆ ถ่ายรูปอยู่แถว ๆ ระเบียงไม้ของร้านที่เรานั่งรออาหารกันอยู่ ผมเริ่มหน้างอสิ
ถ่ายรูปเสร็จแทนที่จะมานั่งอยู่ด้วยกันมันเสือกยืนชมวิวแถมมีโทรศัพท์เข้ามามันเลยคุยยาวกว่าจะได้กลับมานั่งอยู่ข้างผมแม่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะแล้ว
ขากลับปิงก็คือปิง มันพูดโน่นพูดนี่ตลอดทาง
แปลกนะที่ผมไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือว่าเบื่ออะไรเลยกลับชอบและรู้สึกมีความสุขมากด้วยซ้ำ
บางครั้งมันเงียบไปแล้วก็นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวผมเลยต้องเป็นฝ่ายชวนคุยบ้างแต่สิ่งที่มันตอบกลับมานี่
กว่าผมจะรู้ตัวว่าโดนมันเล่นซะแล้วก็ตอนที่มันกลั้นหัวเราะจนไหล่มันสั่นนั่นแหละครับ
“กูว่าคนนี้มึงทิ้งไม่ได้หรอกว่ะปิง
เพราะกูคิดว่าเขาก็คงไม่ยอมปล่อยมึงไปเหมือนกัน”
นี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจผมเลยนะ
ผมคิดและรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ แปลกนะครับคนบางคนรู้จักกันได้ไม่นานแต่กลับรู้สึกสบายใจบอกไม่ถูกเวลาที่ใช้เวลาทำอะไรต่าง
ๆ ด้วยกัน ปิงเป็นเด็กมีสเน่ห์คุยเก่งยิ้มง่ายกะล่อนเจ้าชู้ใครอยู่ใกล้ไม่มีไม่หลงมันหรอก
ในเมื่อมันเปิดใจให้ผมแบบนี้แล้วคุณคิดว่าผมจะยอมให้มันปล่อยมือจากผมได้ง่าย ๆ
ขนาดนั้นเลยเหรอ
พอรถจอดลงที่หน้าหอหมาปิงทำหน้าจริงจังขอบคุณผม
มันจะยิ้มทำไมนักหนาหน้าตาแบบนั้นขี้เหร่โคตรอ่ะ
“ขอบคุณนะครับพี่” ปิงพูดหลังจากผมโยนเชือกร้อยข้อมือให้มัน ไม่ได้โยนหรอกผมขว้างใส่หัวมันเลยต่างหาก
เอาตรง ๆ คือเขินมาก ใครอยากให้กันล่ะบ้าบอคอแตก
แค่ต้องซื้อของจุกจิกแบบนี้ให้ผู้ชายก็ไม่ใช่ผมอยู่แล้วไม่อยากเชื่อเลยว่าผมคิดขนาดว่าอยากจะให้ให้มันกับมือของตัวเอง
ปิงหยิบเอาพวงกุญแจถูกๆที่มันซื้อไว้ส่งให้ผม
เรื่องอะไรผมจะเอาล่ะถ้าอยากจะให้ต้องใส่ให้ผมดิ่
ว่าแล้วผมก็ยื่นพวงกุญแจรถส่งไปให้มัน
ไอ้เด็กบ้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนที่แขวนพวงกุญแจรูปเสื้อหมีเล็ก ๆ
เข้าที่กุญแจรถของผม มันเงยหน้ามองผมตอนที่ยื่นของกลับคืนมาให้ ปิงตาใสมากปากสีชมพูนิด
ๆ ผมไม่รู้ว่ามองมันเหมือนเด็ก ๆ ที่น่าทะนุถนอมตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้สึกทันทีว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
เลยยื่นมือไปดึงแขนมันมาแล้วใส่ไอ้เชือกที่ซื้อมาให้ ไม่ได้ทำเบาอะไรหรอกนะ
ก็คนมันเขินนี่หว่า หมาปิงเอ้ยดูหน้าตามันดิ่ ผมไม่อยากจะพูดคำว่าน่ารักหรอก
คืนนั้นผมนอนหลับไปโดยที่คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราอยู่ที่อัมพวากันตลอด
ห้องหมายเลข 22 กับบังกะโลสีส้มของรีสอร์ตเล็ก ๆ แถวชานเมือง
เราสองคนผมกับมัน ไม่นานเราคงจะได้มากันอีกหลายรอบแน่....
“พี่เรียนคณะอะไรเหรอ ผมถามได้ไหม”
เป็นเช้าที่ผมอารมณ์ดีมาก
ปิงมาที่ห้องทำอาหารให้ผมทานจากนั้นมันก็ยกเอาเครื่องเสียงของผมมารื้อ
ตอนแรกทำท่าว่าจะเอาไปส่งศูนย์ซ่อมแล้วแต่ผมปรามเอาไว้
จะเอาไปได้ที่ไหนล่ะครับไม่ได้มีอะไรเสียสักหน่อยนี่ พอมันทำท่าว่าจะล้อผม
ผมเลยบอกไปว่าฝุ่นเยอะให้รื้อออกมาปัดทำความสะอาด ส่วนผมขนเอาแมคบุ๊คออกมานั่งทำรายงานกับหนังสือและชีตกระจัดกระจายกันอยู่ที่พื้นนั่นแหละ
ก็แค่อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันมั้ง ไม่รู้สิ
ผมมีความสุขนี่เวลาที่ผมทำงานไปมีเสียงเจ้าบ๊องพูดโน่นพูดนี่ไปเรื่อยๆ
ติ๊ดดดดด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงกริ่งที่หน้าห้องดังขึ้น ผมได้ยินนะแต่กำลังพิมพ์งานรัวอยู่ เป็นปิงที่ลุกขึ้นไปดู
พอผมเงยหน้าขึ้นมองเห็นมันยืนอึ้งแปลก ๆ อยู่เลยรีบเดินเข้าไปหา
พอรู้ว่าเป็นใครที่มากดเรียกแค่นั้นแหละครับ
ผมหมั่นไส้เลยรีบไล่มันเข้าไปทำงานของมันต่อ ก็แหมแค่ไอดอลขวัญใจของมัน
ไอ้ซ่าร์พี่ผมเอง แต่วันนี้มากับเดียร์ด้วย แต่แค่ผมเห็นเดียร์ก็รู้เลยว่าวันนี้อาจจะต้องออกไปชดเชยเรื่องอาหารที่นัดคุณย่าไว้เมื่อวานแต่ผมผิดนัดกับท่านเพราะติดเดินเล่นอยู่ที่อัมพวากับหมาปิง
“ทำหน้าอะไรของมึง หน้างอเป็นตะขอแล้ว”
ผมพูดกับมันที่ห้องครัวเพราะเห็นมันเดินเลี่ยงออกมานานแล้วแต่ยังไม่ยกน้ำท่าเข้าไปผมเลยออกมาดู
ปิงทำหน้างอในแบบที่มันชอบทำมันคงไม่รู้ตัวแต่ผมน่ะชอบหน้าตาแบบนี้ของมันมากเลย
มันตลกปน ๆ กับความต๊องของมันแล้วทำให้ผมยิ่งฮา
วันนี้ไอดอลขวัญใจมันมามีอะไรที่จะทำให้มันหน้างอได้แบบนี้ถ้าไม่ใช่เดียร์คู่หมั้นของผมดันมาด้วยกัน
“รีบเอาน้ำออกมา เดี๋ยวเขาก็กลับกันแล้ว”
ผมผลักหัวมันไปที จริง ๆ
ก็คืออยากบอกให้รู้นั่นแหละว่าอย่าไปคิดอะไรมาก
เดียร์ก็แค่คู่หมั้นที่ทั้งผมทั้งเดียร์คือเราทั้งคู่ไม่ได้คิดจะแต่งงานกันจริง ๆ
สักหน่อยแต่ปล่อยๆไปก่อนเพราะเกรงใจผู้ใหญ่ก็แค่นั้น
“พี่ซ่าร์ครับพี่ใจดีจัง”
“หึหึหึ ปิงนี่ตลกดีนะ ชอบพี่เหรอ”
“ครับใช่ ผมติดตาม..............
มันอะไรกันล่ะนั่น ทั้งคำพูดทั้งท่าทางเวลาที่มันนั่งคุยกับไอ้ซ่าร์ทำผมหงุดหงิดโคตรของโคตรหงุดหงิดเลย
อะไรมันจะหลงใหลได้ปลื้มกับพี่ชายผมขนาดนั้นก็แค่ไอดอลพระเอกชื่อดังแค่นั้นเองนี่หว่า
ตรงเลยนะผมว่าผมหล่อกว่าอ่ะ แต่ทำไมไอ้ปิงมันไม่เคยชมว่าผมหล่อกว่าไอ้ซ่าร์เลยก็ไม่รู้
ผมโมโหมากตอนที่ไอ้ซ่าร์มันถามว่าชอบพี่เหรอ?แล้วหมาปิงมันตอบว่าใช่นี่แหละ
เพล้ง!!
ปัดแม่ง ผมไม่สนใจหรอกมันต้องลุกขึ้นมาเก็บดิ่
จะได้ออกห่างจากกันสักทีแต่ไอ้ซ่าร์ก็เสือกตามมาช่วยมันเก็บอีกทำเป็นห่วงไม่เข้าเรื่อง
มันคิดว่าผมไม่รู้หรือไงมันน่ะอยากได้ปิงแล้วแน่ ๆ
ซ่าร์มันได้ทั้งชายทั้งหญิงถ้ามันเห็นว่าชอบว่าปลื้มมันขนาดนี้มันจัดการสอยได้ในเร็ววันแน่นอน
ผมโมโหและหงุดหงิดมากเลยตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องวัดใจกันไปเลยว่ามันจะเดินตามผมเข้ามาไหมหรือจะนั่งยิ้มแป้นอยู่กับไอดอลของมันแบบนั้น
ผมบอกเดียร์ว่าจะเข้ามาเปลี่ยนเสื้อใช่ไหมแต่ถึงขนาดต้องอาบน้ำเลยนะใจผมร้อนรุ่มไปหมดเลยคืออยากจะให้หัวเย็นลงหน่อยในที่สุดมันก้เดินเข้ามาจริง
ๆ แกล้งต่อว่ามันนิดๆแต่ผมก็ดีใจล่ะนะว่าปิงเลือกผม
“พี่เอย์ครับ คือพี่ซ่าร์เขาชวนผมไปทำงานด้วยอ่ะพี่ เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์
แล้วบ่ายนี้ก็ว่าจะพาไปดูงานก่อน”
แค่นั้นแหละครับประโยคที่ทำให้ผมความอดทนขาดผึง
คือคิดได้เลยว่าที่มันเข้ามาหาผมเนี่ยก็เพราะจะมาขออนุญาตผมเพื่อไปกับไอ้ซ่าร์ของมัน?
“อยากไปไหนก็ไป เรื่องของมึง!”
ผมพูดไว้แค่นั้นแล้วเดินออกมา
พอกำลังจะออกไปมันรีบเดินเข้ามาบอกว่าจะกลับมาให้ทันก่อนห้าโมงเย็นแล้วทำอาหารไว้ให้
คือผมไม่ได้หันไปมองอะไรหรอกนะแต่ก้ได้ยิน ถึงจะโกรธมันแต่ก็แอบคาดหวังกับคำพูดนั้น
ผมกลับมาจากบ้านคุณย่าถึงห้องประมาณห้าโมงครึ่ง
แต่ปิงก็ยังไม่มา
คุณคิดว่าผมจะมีความอดทนมากน้อยแค่ไหน
เริ่มจาก...
หกโมงผมเริ่มหงุดหงิดงุ่นง่าน
คิดไปสารพัดว่าทั้งมันทั้งไอ้ซ่าร์แม่งไปอยู่ที่รูไหนป่านนี้ถึงยังไม่กลับ พอหกโมงครึ่งผมเริ่มโกรธเปิดแม็คทำงานโน่นนี่ไปนึกได้ว่ายังมีรายงานที่ต้องทำค้างอยู่
ผมจะทำรอมันไปเรื่อย ๆ ทั้งที่โกรธแบบนี้แหละ พอถึงทุ่มนึงรายงานห่าเหวอะไรผมไม่มีสมาธิจะทำแล้วแต่ก็ยังพยายามตั้งสติอยู่คือรู้แต่ว่าตอนนี้โกรธมากๆแล้ว
ในที่สุดทุ่มครึ่งผมแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ ผมโคตรโกรธจับโทรศัพท์ขึ้นมาเป็นสิบ ๆ
ครั้งแต่ก็วางไว้ตลอดเพราะคิดว่าถ้าโทรตามมันคงจะว่าผมนี่ติดมันมากเดี๋ยวจะกลายเป็นไม่รู้ตัวอีกว่าผมไม่พอใจ
ผมหลับตาตั้งสติอยู่พักใหญ่ก่อนนั่งลงแล้วพิมพ์งานต่อ
ตอนนี้คือความโกรธผมถึงที่สุดแล้วจริง ๆ ผมจะเงียบครับ แบบนี้คือน่ากลัวแล้วนะสำหรับผมถ้ามันมาคือจะไม่อยู่ในสายตาผมเลย
ผมจะไม่สนใจไม่คุยด้วยทำเหมือนไม่รู้จัก คือผมจะเมินแม่ง ช่างหัวมันดิ
มันคงจะดีใจปลื้มปริ่มยิ้มหน้าบานอยู่กับไอ้ซ่าร์ขวัญใจมันนั่นแหละ
“พี่เอย์ผมกลับมาแล้วนะ พี่กินข้าวเย็นหรือยังครับ”
คิดเหรอว่ามันจะได้คำพูดตอบกลับอะไรจากผม
ๆก็นั่งทำงานของผมต่อไปนั่นแหละ
โธ่เอ้ยกว่าจะกลับมาถึงเหยียบสองทุ่มแบบนี้ยังมีหน้ามาถามว่าผมกินข้าวหรือยังแล้วมันนัดผมไว้กี่โมงกันล่ะ
ไม่ใช่ว่าตัวเองไปกินกับคนปลื้มคนโปรดจนสายเอาป่านนี้หรอกนะ
มันก็พุดโน่นพูดนี่ไปขณะที่ผมรู้สึกว่ามันยังต้องง้ออีกนิด
ความจริงเริ่มขำตั้งแต่ที่มันเริ่มขอทาแล้วทำหน้าตาประหลาดในแบบของมันแล้ว
จนกระทั่งในที่สุดมันพูดประโยคไอ้ยาว ๆ
บ้าบออะไรของมันที่ผมจำไม่ได้แล้วแต่ที่สะดุดหูมาก ๆ ก้คือไอ้คำช่วงท้าย ๆ
“........................ในเมื่อพี่บอกเองว่าไม่ได้ชอบผม
ก็คือผมมีสิทธิ์จะไปไหนกับใครก็ได้ใช่รึเปล่า
แล้วที่วันนี้พี่ซ่าร์เขาชวนผมว่าอยากให้ผมไปอยู่กับพี่เขาไปทำงานกับพี่เขาแบบเต็มเวลางั้นผมจะไปก็เรื่องของผมอีกใช่ไหม พี่ไม่แคร์เลยใช่ไหม พี่จะปล่อยให้ผมไปกับพี่เขาได้เลยใช่ไหม
เลิกทำงานกับพี่เลยก็ได้จะเอาแบบนั้นเลยใช่ไหม ต้องการแบบนั้นใช่ไหม
นั่นใช่ไหมคือสิ่งที่พี่ต้องกะ..............................อื้อออออ”
ผมลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้คว้าคอมันเข้ามาจูบปิดปากแม่งเลย
โทษฐานมาช้าผิดสัญญาแล้วยังมาปากดีบอกจะไปไหนมาไหนกับใครอีก ผมจูบมันแบบที่ผมคิดอยากจะจูบ
สอดลิ้นดูดปากกัดด้วย คือทำทุกอย่างตามที่ใจตัวเองคิด
ผมรู้สึกเลยนะว่ามันอ่อนระทวยลงแต่สักพักเสือกฮึดสู้อะไรขึ้นมาไม่รู้มันขยุ้มหน้าอกเสื้อผมแน่นแล้วจูบโต้กลับมา
ผมงี้กระหยิ่มยิ้มรับเลยสิครับสู้แบบนี้กูชอบมาก หึหึหึ
นานหลายนาทีกว่าผมจะยอมถอนปากออกจากมัน
หน้าปิงเห่อแดงไปหมด ทั้งตัวยังร้อนผ่าวหัวใจเต้นดังโครมครามจนผมรู้สึกได้
ผมจ้องตามันขณะที่มันทำท่าเหมือนอยากจะรอฟังว่าผมจะพูดอะไรหลังจากนี้ซึ่งผมเองก็พูดออกมาให้มันได้ฟังจริง
ๆ
“กูไม่ได้ต้องการอะไรเลย
ขอแค่ได้ใช้เวลาอยู่กับมึงในทุก ๆ วันก็พอ”
มันอึ้งไปหลายวินาทีก่อนที่จะถามผมออกมา
“ นี่พี่กำลังบอกรักผมอยู่เหรอ ใช่ไหม” เด็กโง่เอ้ยผมพูดขนาดนี้มันยังไม่เข้าใจวันหลังจะซื้อหญ้าให้มันกินแทนข้าวแล้ว
“หมาปิง ใช้งานมึงได้ทั้งวัน
มึงคิดเท่าไหร่”
ผมย้ำลงไปอีกบอกให้รู้ว่าครั้งนี้ผมจริงจัง
ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วเราต้องมาทะเลาะกันอีก มันยังทำหน้าอึ้งๆปนไม่เข้าใจอยู่อีกผมก็เลย....
“เฉพาะกู แค่กูคนเดียว
กับเวลาตลอดทั้งวันของมึง”
แค่นั้นแหละครับแม่งไม่รู้จะอายห่าอะไรนักหนา
มันถวายแหวนผมมาแบบเต็ม ๆ ปากผมถึงกับเงิบไปตามหมัดเล็ก ๆ ของมันเลย
เด็กบ้าอายแล้วรุนแรงแบบนี้ วันหลังผมจะกล้าทำให้มันอายอีกเหรอ
ผมเลื่อนมือไปคลิกเปิดโฟลเดอร์ที่ผมไม่ได้แวะเข้ามาดูนานมากแล้ว
รูปภาพหลากหลายอิริยาบถทั้งรูปคู่และรูปเดี่ยวระหว่างผมกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงคนแรกของผมและเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมเคยพูดคำว่า
‘รัก’ ด้วยแต่นั่นก็นานมากแล้วจนผมเกือบจะลืมมันไป
เราเลิกกันเมื่อสามปีก่อน ทันทีที่เธอรู้ว่าผมมีคู่หมั้นที่ทางบ้านจัดหาไว้ให้
‘นานะ’ คือชื่อเล่นของเธอ ตอนนั้นเธอเรียนอยู่ปีหนึ่งแต่คนละมหาวิทยาลัยกับผม
เราจบมาจากมัธยมฝั่งตรงข้ามกัน ผมจีบเธอตั้งแต่ผมเรียนอยู่มอสี่เทอมปลาย ได้เธอเป็นแฟนตอนมอห้าแล้วตกลงคบกันมาตลอดจนกระทั่งปีหนึ่งเธอเพิ่งจะมารู้เรื่องผมกับเดียร์เพราะไอ้ซ่าร์มันเป็นคนบอก
เธอยื่นคำขาดทันทีให้ผมจัดการเรื่องถอนหมั้นถึงขนาดบังคับให้ผมเข้าไปคุยกับคุณย่าแม้กระทั่งเดียร์มันมาอธิบายและช่วยพูดให้
เธอก็ยังไม่ยอมเข้าใจ จนผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่รู้เธอเสียใจเรื่องของเราจนตัดสินใจหนีไปเรียนต่อเมืองนอกหรือบ้านเธอมีแผนอยากให้เธอไปอยู่แล้วกันแน่
แต่เรื่องของผมกับนานะก็จบลงแค่ตอนนั้น ผมปิดหัวใจตัวเองและไม่เคยคบใครจริงจังอีกเลย
เมาส์พอยเตอร์ชี้ไปที่รูปคู่รูปหนึ่งของเราสองคน
ผมเลือกจะเก็บมันไว้แค่รูปเดียวถือเสียว่าเป็นความทรงจำครั้งหนึ่งเมื่อยังเด็ก อย่างน้อยเธอก็เป็นรักแรกของผม
จากนั้นผมเลือกไอคอนนั้นแล้วกดลบ ผมตัดสินใจลบรูปภาพที่เหลือทั้งหมดทิ้ง ไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องเก็บอะไรแบบนั้นไว้อีก
เพราะตอนนี้ผมมีใครบางคนที่เข้ามาเติมเต็มในชีวิตของผมแล้ว ความรู้สึกสุข ทุกข์และไม่เป็นตัวของตัวเองทุกครั้ง
ล้วนมีเจ้าหมาปิงเป็นคนทำให้ผมเป็นทั้งสิ้น ปิงคือความสุขและความสบายใจของผม ผมนั่งยิ้มกับตัวเองได้แค่นึกถึงใบหน้าเอ๋อๆตลกๆและอ้อน
ๆ ของมัน น้ำเสียงท่าทางนิสัย และทั้งหมดนั่น คือคุณอาจจะไม่เข้าใจนะ แต่รู้ไหมเดี๋ยวนี้นับวันผมนี่เหมือนกับคนบ้า
แค่ผมนึกถึงใบหน้าทะเล้นๆของมัน
รอยยิ้มและปากที่ขยับพูดอยู่ตลอดเวลามันทำให้ผมรู้สึกชื่นใจแปลก ๆ
แต่เรื่องที่ผมต้องคิดหลังจากนี้ต่างหากที่สำคัญ
ปิงเป็นผู้ชาย แน่นอนครับมันไม่ผิด ผมไม่ได้หัวโบราณอะไรนะ
คือไอ้ซ่าร์มันก็เป็นผมเลยเฉย ๆ ก็แค่คิดว่าถ้าหัวใจเราโอเคคิดว่าใช่กับใคร
ไม่ได้มองหรอกว่าเขาคนนั้นเพศอะไรหน้าตาแบบไหนคือผมจะใช้หัวใจเป็นตัววัด แต่หลังจากนี้ผมก็ต้องมีการเตรียมตัวอะไรไว้บ้าง
ผมเริ่มเสิร์ชหาเว็บไซด์เกี่ยวกับชายรักชาย คือผมก็ไม่มีความรู้ไอ้เรื่องแบบนี้ แล้วแหล่งความรู้ที่ดีที่สุดก็มาจากอินเตอร์เน็ตนี่แหละ
ยิ่งดูก็ยิ่งเมามันส์แม่งมีหลากหลายให้เลือกสารพัด
คนหน้าตาดี ๆ มีเยอะนะแต่ผมไม่เห็นจะรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนไหนเลย ทำไมต้องเป็นปิง
มีแค่มันเท่านั้นที่ทำให้ผมมานั่งเป็นกังวลบ้าบอแบบนี้ได้
ผมนั่งยิ้มไปหัวเราะไปจินตนาการไปกับเว็บไซด์ที่กำลังเปิดดู ก็อย่างที่คุณรู้ชายกับชายก็จะใช้ส่วนน่ารักทางด้านหลังใช่ไหม
ผมก็เลยคิดแล้วก็นึกจินตนาการถึงรูปร่างของหมาปิงแต่ภาพที่ดันติดอยู่ในหัวตอนนี้ก็คือภาพที่มันใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วยืนอยู่ในครัวทำโน่นนี่นั่น
“พี่เอย์ครับ” ผมสะดุ้งนิดนึง
มันเคาะแล้วเดินเข้ามาเลยคือผมไล่ปิดเว็บต่าง ๆ เกือบจะไม่ทัน มันมาตอนไหนวะ
“หิวข้าวแล้ว”
ผมแกล้งพูดไปเรื่อยหมุนเก้าอี้ไปหา เจ้าเด็กบ้ามันนั่งลงแล้วทำหน้าอ้อนๆแนบแก้มลงที่โต๊ะแอบมองที่หน้าจอผมด้วยนะ
แต่เสียใจผมเร็วครับปิดไปหมดแล้วเรียบร้อย
ผมมองหน้ามันที่กำลังทำท่าออดอ้อน นี่มันจะรู้หรือเปล่าวะว่ามันกำลังยั่วผมแบบไม่รู้ตัวเลยนะ ผมว่าสายตาผมตอนนี้คงเจ้าเล่ห์น่าดูแหละเพราะผมเพิ่งจะดูอะไรต่อมิอะไรลามกมาแล้วกำลังจินตนาการถึงมันอยู่
อย่ามาว่าผมหื่นนะผมผู้ชายนี่ เรื่องแบบนี้ธรรมดาออก
หลังจากนั้นเราออกไปทานข้าวกันแต่ปิงกินน้อยมากแล้วยังทำสีหน้าไม่ค่อยดีผมเลยลองถามดูปรากฏว่าใช่อย่างที่คิดจริงๆคือปิงกินไม่ได้อาหารที่ผมชอบมันดันไม่ชอบแล้วยังบอกผมว่าขอไม่มาอีกได้ไหมที่ร้านนี้
ผมคิดหนักเลยสิคือรสนิยมผมกับมันคนละแบบกันเลยจริง ๆ
แต่ผมคงต้องปรับตัวลงมาหามันหน่อยแล้วในขณะเดียวกันก็คิดอยู่นะว่ามันคงกำลังปรับตัวเพื่อขึ้นไปหาผมอยู่เหมือนกันแต่ก็คือนิด
ๆ เด็กแบบนั้นได้แค่นี้ผมถือว่าดีมากแล้ว
“ถ้างั้นต่อไปผมจะเป็นคนทำอาหารให้พี่ทานเอง
ผมก็กินได้พี่ก็กินได้แบบนั้นจะดีกว่าไหมครับ” นี่คงเป็นทางเลือกที่มันคิดว่าดีที่สุดสำหรับเรา
ใจผมนี่ยิ้มเลยสิครับแต่ต้องเก็กสีหน้าไว้ก่อนพร้อม ๆ กับที่นึกขึ้นมาได้ว่าถ้ากินอาหารที่มันทำให้ทุกวันผมไม่อ้วนตายห่าเหรอ
ปิงทำอาหารอร่อยคือผมไม่รู้ว่าอร่อยของคนอื่นเป็นรสยังไงแต่คำว่าอร่อยสำหรับผมคืออาหารที่ปิงทำให้ผมกินผมก็กินได้แล้วก็หมดทุกครั้ง
ดูเหมือนว่ามันจะกังวลกับสีหน้าของผมแต่พอผมพูด
“แบบนี้กูก็อ้วนแย่อ่ะดิ”
หมาปิงทำหน้าแป้นแล๊นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ดัน ๆ ซุก ๆ หลังผมออกจากลิฟต์ มันเดินนำไปก่อนพอผมหยุดไม่ยอมตามมันก็ยื่นมือออกมา
ผมมองหน้ามันนิ่งเลยนะ ขณะที่มันเองก็มองผมนิ่งเช่นกัน ครู่นึงผมตัดสินใจยื่นมือตัวเองส่งไปแล้วคว้าเอามือของมันเข้ามาจับไว้ข้างตัว
เราสองคนเดินจับมือกันไปจนถึงห้อง ซึ่งนั่นทำให้ผมคิดได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ซื้อห้องนี้มาผมรู้สึกว่าตัวเองเลือกห้องได้ดีที่สุดแล้ว
ไม่เกี่ยวกับเรื่องวิวที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ไม่เกี่ยวกับพื้นที่ใช้สอยห้องมุม
แต่คือระยะทางจากลิฟต์ถึงหน้าห้องที่ผมจะสามารถเดินจูงมือมันได้ยาวนานแค่ไหนก่อนจะมาถึงห้องของเรา
“พี่เอย์จะกินผัดกระเพรากุ้งใช่ไหม
งั้นเดี๋ยวผมทำเลยนะ”
ปิงทำอาหารขณะที่ผมแยกเข้าไปอาบน้ำ
พอผมเดินออกมาเห็นเจ้าปิงยังคงวุ่นกับการตั้งโต๊ะอาหารในครัวผมเลยเดินไปดูวิวริมผนังกระจกซึ่งเป็นมุมที่ผมชอบเดินมาดูบ่อย
ๆ ผมมองเห็นสถานที่นึงมีแสงไฟสีส้มประดับระยิบระยับอยู่ไกล ๆ
คิดว่าน่าจะใช่สถานที่ๆตัวเองคิด ผมเลยเรียกปิงว่าสักวันนึงเราสองคนจะไปนั่งอยู่ที่นั่นแล้วจะมองขึ้นมาที่ห้องนี้ด้วยกัน
“นั่นคือที่ไหนพี่”
มันถาม
“มึงจะรู้เอง
ไว้ตอนที่มึงนั่งอยู่ตรงนั้นเราสองคนจะมองมาที่ห้องนี้ด้วยกัน”
ผมหันกลับไปมองเห็นปิงอมยิ้มนิด
ๆ แล้วก้มลงไปสนใจเรื่องในครัวต่อไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเดินเข้าไปหามันซึ่งตอนนี้มันยืนหันหลังให้ผมล้างมะเขือเทศลูกโตๆอยู่
ผมมองดูมันแบบเต็ม ๆ ตาปิงเป็นคนที่มีต้นคอสวยมาก
ยิ่งไม่กี่วันนี้มันคงไปซอยผมออกหน่อย ๆ มั้งเลยโชว์ให้เห็นได้แบบเต็ม ๆ ผมมองปิงที่อยู่ในชุดกันเปื้อนเหมือนในจินตาการที่ผมดูในเว็บไซด์เมื่อสักครู่ไม่มีผิด
ผมเดินวนไปวนมาความรู้สึกคืออยากจะลองจับดูสักครั้งเกิดมายังไม่เคยลองแตะก้นผู้ชายแบบตั้งใจเลย
คือผมไม่รู้ตัวจริงๆนะ
รู้สึกได้อีกทีคือมือผมก็บีบลงที่ก้นมันแล้ว
“เฮ้ย!! อะไรของพี่วะ พี่มาจับก้นผมทำไม!!!”
ตายๆขนาดผมยังไม่เชื่อว่าตัวเองจะเป็นคนทำ
แม่งผมโคตรทะลึ่งอ่ะ ผมรีบพูดแก้ตัว ขณะที่มันหน้างอหน้าบูดบ่นไปตามเรื่องทำท่าว่าจะกลับแต่ผมรีบดักทางไว้
เราสองคนนั่งทานอาหารด้วยกันจนมันเก็บล้างเสร็จจึงมานั่งลงข้าง ๆ ผม
“พี่ครับ
ตกลงคือเราสองคนตอนนี้เป็นอะไรกันเหรอ”
นั่นคือคำถามที่ปิงทำให้ผมต้องหยุดคิด
มันอยากได้คำตอบอะไรจากผมถึงได้ถามออกมาแบบนี้
เมื่อวานที่ผมสารภาพไปนี่มันยังไม่เข้าใจสินะ
หรือเข้าใจแล้วแต่อยากได้คำยืนยันให้มันแน่นอน
“อยากได้ยินว่าอะไรล่ะ”
ผมถาม จ้องหน้ามันเลยนะ คือผมก็พอจะรู้นิด ๆ แหละแต่อยากแกล้งหมา
“ ‘รัก’
อะไรแบบนั้น” ผมสำลักน้ำออกมาเลย คือเจ้าหมาปิงจะตรงไปไหนครับ
ก็รู้แล้วว่าอยากได้ยินคำนี้แต่ระหว่างเรามันเพิ่งเริ่มต้นแล้วผมกับมันก็คือผู้ชาย
ที่สำคัญมันจะรู้ไหมว่าคำๆนี้ผมเป็นคนที่พูดยากมากๆ อย่างที่บอกไปมีผู้หญิงคนเดียวที่เคยได้คำนี้จากผมแล้วจากนั้นผมก็ปิดตายหัวใจตัวเอง
จนกระทั่งตอนนี้ปิงสามารถเปิดหัวใจผมเข้ามาได้เป็นคนที่สอง
สักวันนึงผมจะบอกคำนี้กับมันแน่ แต่ไว้นานกว่านี้หน่อยค่อยมาถามกันไม่ได้หรือไงวะ
คำว่า ‘รัก’ มันต้องสารภาพตอนเมคเลิฟสิมันถึงจะลึกซึ้ง
อันนี้คือความเห็นส่วนตัวผมนะ สำหรับมันผมไม่รู้
เราคุยเล่นกันต่อไปเรื่อยจนมันล้อเลียนอะไรบางอย่างผมนี่แหละ
หน้าตาแม่งโคตรตลกทำเอาผมที่เส้นตื้นอยู่แล้วหัวเราะไม่หยุด
ผมบอกให้มันหยุดทำหน้าแบบนั้นแต่ปิงก็คือปิงยิ่งบอกยิ่งทำดื้อมาก ๆ
ผมก็เลยแกล้งมันทำท่าเหมือนจะจูบปิดปากอีกคราวนี้มันนิ่งไปเราสองคนเลยสบสายตากันโดยบังเอิญ
ผมมองหน้ามันนิ่งในระดับความห่างที่ถือว่าใกล้มาก
ปิงเป็นคนที่....แม่งหน้าตามันทำไมถึงดึงดูดผมได้ขนาดนี้ก้ไม่รู้ผมโคตรอยากจะคว้าคอมันเอามาดูดปากเลย
รสชาติที่เราจูบกันครั้งล่าสุดผมไม่มีวันลืมได้ง่าย ๆ
หรอกแอบงอนมันนิดนึงด้วยพอคิดไปว่ามันคงไปฝึกไอ้วิธีจูบแบบเชี่ยว ๆ มาจากสาว ๆ
มากมายหลายสิบที่มันชอบไปโปรยเสน่ห์ไว้แน่
“ผมจะกลับแล้วนะพี่”
“ช่างหัวมึงดิ”
“ไม่สนกันเลยจริงอ่ะ”
มันลุกขึ้นแล้วหยิบเอากระเป๋าขึ้นสะพายใส่ไหล่
ผมเลยแกล้งมันเรื่องผีรถมอ’ไซด์
ก็รู้หรอกว่ามันไม่เชื่อแต่ก็อยากให้อยู่ด้วยนิด ๆ หรอกไม่งั้นไม่ชวน
ปิงเดินไปใสรองเท้าผมเลยลุกขึ้นไปเอาพวงกุญแจกับคีย์การ์ด
“พี่เอย์จะไปไหนอ่ะครับ”
“ไปส่งหมา”
สรุปคืนนั้นผมมาส่งมันแค่ที่รถมอไซด์เพราะหมาปิงตัวดีรั้นว่าจะกลับเองผมก็ห่วงนะเพราะมันดึกแล้ว
แต่ก็คิดว่าอะไร ๆ อย่าเปลี่ยนไปเยอะเลยเมื่อก่อนมันก็กลับเองมาเองไปไหนต่อไหนเอง
ถ้าผมกับมัน คือเราคบกันไปสไตล์เพื่อนดูแลกันไปแบบนี้เราจะคบกันได้ยืนยาวกว่าไหมอะไรแบบนั้น
-เช้าวันเสาร์-
ผมเดินงุ่นง่านอยู่ตั้งแต่เช้า
หมาปิงหายไปตั้งแต่วันนั้น อย่าถามนะว่าผมโทรหามันบ่อยไหม ก็แค่ก่อนนอนต้องหาเรื่องโทรไปถามว่าแก้วน้ำผมหายไปไหนก็แค่นั้น
โทรบ่อยเดี๋ยวจะหาว่าผมคิดถึงเสียฟอร์มกันหมดพอดี เซ็งเป็นบ้ามันชอบไปเตะบอลซึ่งเป็นกีฬาที่ผมไม่ถนัดเลยหากจะทำทีเป็นขอไปเตะด้วยเพื่อใช้เวลาอยู่กับมัน
ตัวผมชอบไปตีเทนนิสว่ายน้ำเล่นฟิตเนสซึ่งมันก็ไม่ชอบแบบที่ผมชอบอีก
เราสองคนเลยมีเวลาว่างที่เป็นส่วนตัวกันจริง ๆ คือช่วงเย็นต่างคนต่างแยกย้ายกันออกกำลัง
นี่ผมก็กำลังคิดนะว่าตัวเองจะมาโซนิดๆรึเปล่าวันไหนไม่ได้ด่ามันนี่ผมรู้สึกหงุดหงิดฉิบเป๋งไหนมันบอกว่าวันนี้จะมาถึงแต่เช้าทำอาหารอร่อย
ๆ ให้ทานกัน ผมนั่งคิดจินตนาการว่าตัวเองจะได้กินอะไร แต่จนแล้วจนรอดแปดโมงกว่าแบบนี้มันก็ยังมาไม่ถึง
ผมอยากรู้นักคำว่า ‘เช้า’ ของมันนี่ความหมายคือกี่โมง
“จ๊ะเอ๋”
ผมสะดุ้งหน่อยนึง
มันเปิดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่ผมนั่งดูการ์ตูนจนเพลินไปเลย?
“งอนเหรอจ๊ะ
คนสวย” มันเข้ามากระซิบที่ข้างหูคงคุกเข่าอยู่หลังโซฟาที่ผมนั่งอยู่นั่นแหละ ผมตกใจรีบหันไปมองทำสายตาอะไรของมันมองผมแปลก ๆ เป็นอะไรของมัน
มาถึงก็ยิ้มหน้าบานแถมเพี้ยนถึงขนาดมาเรียกผมว่าคนสวย มึงไม่มองดูตัวเองก่อน
“พี่เอย์”
มันเรียก ผมได้ยินนะแต่ไม่หันไปทำท่าดูการ์ตูนของผมต่อ
แต่หางตาผมเห็นนะมันยิ้มไม่หุบเลยไม่รู้คิดอะไรของมันอยู่
“พี่เอย์ครับ”
เสียงเรียกใกล้เข้ามาคือผมคิดว่านี่มันระดับของการกระซิบเรียกแล้วเลยกำลังจะหันไป
แต่ว่า....
“หากเธอก็รัก เธอก็รู้สึกดีๆเหมือนกัน
แต่เธอก็เขินอายอย่างนั้น ที่จะต้องพูดมา
แค่ร้องว่าอ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา ก็พอ
และฉันก็ขอเป็นคนนั้นที่ดูแลหัวใจ
ไม่เคยบอกรักใครคนไหนเพิ่งจะมีแค่เธอ
และฉันก็อ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา เหมือนเธอ
แค่เพียงเท่านี้เป็นอันเข้าใจ”
แต่เธอก็เขินอายอย่างนั้น ที่จะต้องพูดมา
แค่ร้องว่าอ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา ก็พอ
และฉันก็ขอเป็นคนนั้นที่ดูแลหัวใจ
ไม่เคยบอกรักใครคนไหนเพิ่งจะมีแค่เธอ
และฉันก็อ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา เหมือนเธอ
แค่เพียงเท่านี้เป็นอันเข้าใจ”
คุณเชื่อไหม....ผมเพิ่งคิดได้วันนี้นะว่าคนที่ผมคิดจะจริงจังด้วยเนี่ยมันเพี๊ยน! เด็กบ้ามันจะทำผมเขินไปถึงไหน มันน่ะเกินจะเยียวยาแล้วจริง ๆ มันไม่รู้จักอ่านบรรยากาศบ้างหรือไงว่าผมกำลังงอนมันอยู่
ยังมามีหน้าร้องเพลงแล้วยิ้มแป้นให้กันถึงริมหูอีก แล้วให้ผมทำหน้าแบบไหนไม่ทราบ
“ประสาทดีหรือเปล่ามึงอ่ะ” ผมหันไปว่าใส่ผลักหัวมันไปเบา ๆ ที แน่นอนครับว่าผมเก็กสีหน้าจริงจังด้วยทั้งที่หัวใจนี่ยิ้มบานสะพรั่งมาก
“มีคนเขาบอกว่าพี่น่าจะมอบเพลงนี้ให้ผมอ่ะ
ผมฟังดูแล้วก็เออมันใช่อ่ะนะเลยลองเอามาร้องเล่นดู พี่เอย์ชอบไหมครับความหมายมันใช่ที่พี่รู้สึกกับผมเลยเนอะๆ”
ปิงมันเป็นคนตรงมากจริงนะครับยิงตรงไม่มีอ้อมมีโค้งให้สวยงามใดๆทั้งสิ้น
อยู่กับมันนี่คุณจะขำมากแล้วไอ้อาการหลงตัวเองของมันนี่แก้ไม่หายนะ
“บ๊อง”
ผมด่ามัน
“บ๊องแต่ก็น่ารักสำหรับพี่แหละ”
พอพูดจบมันลุกขึ้นเดินผิวปากเข้าไปในครัว
ผมมองตามมันส่งยิ้มหวานระยะไกลมาให้ผมเลยเขวี้ยงหมอนใส่มันอย่างแรง ตรง ๆ
เลยคือผมเขิน แต่รู้สึกหน่อย ๆ นะว่าวันนี้ผิดปกติแล้ว
ไอ้หมาปิงเป็นอะไรสักอย่างแหง
มันคว้าเอาหมอนที่กำลังจะปลิวถูกหัวมันกลางอากาศได้ทัน ทำท่าจูบลงที่หมอนใบนั้นเบา ๆ
ก่อนวางลงที่เคาน์เตอร์
“ใจร้ายว่ะมาช้าก็โกรธ
ร้องเพลงให้ฟังก็เขิน เฮ้อ คนอุตส่าห์ไปศึกษามาเพื่อไม่ให้พี่เจ็บแท้ ๆ
ไม่เห็นใจกันเล้ยยยย”
มันบ่นอะไรของมัน ผมนี่คิ้วกระตุกขึ้นทันที
นี่มันกำลังพูดเรื่องอะไรวะ ไอ้ท้าย ๆ ประโยคนั่นผมฟังไม่ค่อยชัดเลย
“หมาปิงเมื่อกี้มึงพูดเรื่องอะไร”
ผมเดินเข้าไปถาม
“ก็เปล๊า~
ผมพูดไปเรื่อยแหละ วันนี้พี่เอย์อยากทานอะไรครับ”
“ไม่หิว! อิ่มแล้ว”
ผมแกล้งพูดประชด มันอยากมาช้าทำไม แถมแถไถไปอย่างอื่นไม่ยอมตอบคำถามผม
“อะไรกันน่ะปกติเสาร์อาทิตย์พี่ตื่นสี่โมงเลยนะ
ใครจะรู้ล่ะครับว่าวันนี้พี่เอย์จะตื่นเร็วแบบนี้
งอนเหรอ”
“จิ๊!” ผมทำเสียงใส่
แกล้งงอนมันจริงแหละ เวลามันง้อผมจะรู้สึกว่าตัวเองสำคัญสำหรับมันนั่นคือทำให้ผมยิ้มโลดอยู่ในใจเลยนะ
“ถ้าผมบอกว่าผมแวะไปที่ไหนก่อนมาที่นี่นะ
พี่จะต้องรีบขอบคุณผมแบบงาม ๆ เลยนะรู้รึเปล่า” ดูมันทำหน้าทำตา
แล้วมันไปไหนของมันมาทำให้ผมจะต้องขอบคุณมันมากมายแบบนั้น
“มึงไปที่ไหนมา
ทำไมกูต้องขอบคุณมึงด้วย”
“เอ๊า
ต้องขอบคุณดิ่ คึคึคึ” ประสาทพูดแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว
นี่ผมคบอยู่กับคนเสียเส้นรึเปล่าวะเนี่ย
“ไม่บอก ไว้กินข้าวเสร็จเดี๋ยวพี่รู้เอง
วันนี้น้องปิงจัดว่าเด็ดนะครับนะ พี่เอย์เตรียมตัวใช้เสียงอันเซ็กซี่ของตัวเองเรียกชื่อผมได้เลย
คิคิคิ”
ผมฟังมันพูดแล้วก็ส่ายหน้า
คือผมว่าผมจะปลงได้ไหมคบกับเด็กสร้างบ้านแบบมัน
คือผมไม่รู้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไรจู่ ๆ ก็พูดเรื่องอะไรของมันขึ้นมา
จัดว่าเด็ดอะไรของมัน ขี้เกียจคุยแม่งแล้วผมเลยเดินกลับไปนั่งดูการ์ตูนของผมต่อ
หันมาอีกทีเจอมันยักคิ้วกวน ๆ ส่งให้ ผมอยากจะเขวี้ยงหมอนใส่อีกสักครั้งนะแต่ขี้เกียจต้องเดินกลับไปเก็บเลยปล่อยมันไปก่อนไว้กินข้าวเสร็จเดี๋ยวถามให้รู้เรื่องอีกที
แต่คือถ้าผมมองไม่ผิดนะครับ
สายตาเจ้าปิงวันนี้โคตรจะสื่อถึงความหื่นอ่ะ
มันกำลังคิดเรื่องลามกอยู่รึเปล่าวะ ฮึ่ยย ผมส่ายหัวไล่ความคิดแปลก ๆ ออกไปผมอาจจะมองมันพลาดไปบ้างสายตาเจ้าปิงมันเจ้าเล่ห์แพรวพราวแบบนี้อยู่แล้วไอ้หมาปิงเด็กกะล่อน คงเพราะพวกเว็บไซด์หลากหลายเหล่านั้นทำให้ผมคิดไปในทางลามกๆเสียได้
แต่จะว่าไปไม่มีความจำเป็นที่ต้องเข้าไปศึกษาอะไรอีกแล้วล่ะครับ เพราะผมคิดว่าผมเองก็เจ๋งไม่แพ้ใครเหมือนกันเรื่องแค่นั้นมันจะไปยากอะไร
ผมจะงัดเอาแค่เศษเสี้ยวของประสบการณ์มาใช้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลย ติดอยู่อย่างเดียวคือปิงคงจะต้องทนเจ็บนิดนึงนะช่วงแรกแต่คือผมก็จะมีเทคนิคส่วนตัวอยู่ดีนั่นแหละ
คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกไว้เวลาผมทำแล้วมันร้องดังลั่นห้องนั่นแหละครับ คุณค่อยรับรู้เรื่องราวของเราอีกที
Tbc.