Monday, June 23, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) # 10 ไม่บอกเธอ....




# 10 ไม่บอกเธอ.....



ผมเคยบอกใช่ไหมว่าพี่เอย์เป็นคนสะอาด


แต่ไม่น่าเชื่อว่า สายๆของวันอาทิตย์แบบนี้มันจะขนเครื่องโน๊ตบุ๊คพร้อมกับหนังสือสามสี่เล่มออกมานั่งอยู่บนพื้นข้าง ๆ ผมเพื่อทำงานอะไรสักอย่าง  เมื่อเช้าผมออกจากหอแวะไปช่วยแม่กับพี่ขมเปิดร้านจากนั้นมาที่ห้องคุณชายเขาแต่เช้าหน่อยทำอาหารง่าย ๆให้ เราสองคนนั่งทานข้าวด้วยกันเพราะผมรู้สึกได้แล้วว่าถ้าปล่อยให้มันนั่งกินคนเดียวคุณชายคงจะอารมณ์ไม่ค่อยดีแน่ เพราะอย่างนั้นผมก็เลยทำเผื่อของตัวเองด้วยอีกที่


“พี่เอย์ครับ ผมนั่งทานกับพี่ด้วยนะ”

“จิ๊! เรื่องของมึงดิ” นั่นแหละครับคุณชายเอย์ตั้น ผมเห็นนะมีคนทำเอตั้นโวแคปฯไว้ให้ผมดูด้วยคุณเข้าใจถูกต้องมาก ๆ เลยพี่เอย์เป็นอย่างนั้นจริงเลยนะ คำพูดมันน่ะผมต้องแปลประมาณสามรอบยังต้องไปทรานส์ต่อในกูเกิ้ลเลยอ่ะ

หลังทำความสะอาดห้องผมกะว่าจะหอบเอาเครื่องเสียงที่พี่เอย์บอกว่าพัง เอาไปส่งศูนย์ซ่อมแต่คุณชายรั้งเอาไว้ก่อน บอกให้ผมแค่รื้อ ๆ เครื่องออกมาปัดฝุ่นที่อยู่ด้านในก็พอ

นั่นแหละผมเลยรู้ว่าจริง ๆ แล้วเครื่องเสียงมันไม่ได้เสียอะไรสักหน่อยเพลงที่ถูกรีเพลซ้ำแล้วซ้ำอีกวันนั้นคือคุณชายเขาตั้งใจเปิดฟังเองต่างหาก  ตอนนี้ผมเลยนั่งอารมณ์ดีฮัมเพลงไปเรื่อยขณะที่กำลังรื้อเครื่องเสียงสุดหรูยี่ห้อดัง

“พี่เอย์ พี่แน่ใจนะให้ผมรื้อเนี่ย” ผมถามขึ้น มันกำลังนั่งพิมพ์งานอะไรบางอย่างเอาโน๊ตบุ๊ควางไว้บนโต๊ะกระจกเตี้ย ๆ แล้วตัวเองนั่งอยู่ที่พื้นข้าง ๆ ผมเลย คือผมไม่เคยเห็นคุณชายนั่งพื้นเลยนะ มันชอบบอกว่าไม่สะอาดให้นั่งบนโซฟา แต่วันนี้แปลกมากจริง ๆ  

“ทำไม  มึงไม่มีความมั่นใจเหรอ”

“ก็เปล่า แต่คือไอ้ยี่ห้อแพง ๆ แบบนี้มันมีศูนย์บริการไม่ใช่เหรอครับ แค่เรายกไปเขาก็ทำให้เราแล้วไง” คือผมพูดไปพร้อมกับใช้ไขควงขันสกรูตัวเล็กออกเพื่อเปิดตัวเครื่องออกมาทำความสะอาด น็อตก็เยอะมากผมต้องระวังเป็นพิเศษกลัวหายไม่ใช่อะไรเกิดประกอบคืนไม่ครบยุ่งยากน่าดูอีก

“ทำไปเหอะ อย่าถามเรื่องมากเลย ทำไม่ได้ก็ประกอบคืนแค่นั้นจบ รื้อดูก็ได้ความรู้ดีนี่ เด็กช่างไม่ใช่รึไง”

“ครับๆให้เด็กช่างยนต์มารื้อเครื่องเสียงเนี่ย พี่เอย์ของผมนี่น่ารักจริง ๆ เลยเนอะ” ผมวางน็อตตัวสุดท้ายที่ถอดออกมาได้ลง

“ปิง เดินไปเอาน้ำเย็นมาให้กูที” เสียงพี่เอย์เรียกขึ้น ผมมองมันหน่อยนึงเห็นคร่ำเคร่งอยู่กับงานตรงหน้ามากๆ ดวงตาคม ๆ ของพี่เขาจดจ้องอยู่ที่หน้าจอตลอดเลย ขณะที่สองมือต่างคอนโทรลทั้งเม้าส์และแป้นพิมพ์

“นี่ครับ” ผมวางแก้วน้ำลงให้ แล้วมองดูสิ่งที่พี่เอย์กำลังทำ

“พี่ทำอะไรอ่ะครับ งานส่งอาจารย์เหรอ” จริงสินะผมไม่เคยรู้เลยนี่ว่าพี่เอย์เรียนอะไรอยู่ปีไหน รู้แต่ว่าเรียนอยู่ที่ไหนแค่นั้น

“ใช่ กูอยู่ปีสี่แล้วงานเยอะแบบนี้แหละ”

“พี่เรียนคณะอะไรเหรอ  ผมถามได้ไหม” ผมมองดูหนังสือเล่มหนาที่กางอยูใกล้ ๆ ตัวพี่เขาอีกที มีแต่ภาษาอังกฤษทั้งนั้นเลย จริงสิ ในหน้าจอที่พี่เอย์กำลังพิมพ์ก็มีแต่ภาษาอังกฤษที่หว่า คือผมชินไง ผมเขียนโปรแกรมใช้ภาษาอังกฤษตลอดเมื่อกี้ผมเห็นที่หน้าจอผมชินเลยไม่ได้สงสัย

“วิศวะฯ”

“ให้ผมทาย โยธาชัวร์”

พี่เอย์ยิ้มเลยครับ ผมคิดว่าผมทายถูกอ่ะ ผมเลยแกล้งเอาด้ามไขควงจี้เอวมันไปที เจอมันผลักหัวมาเบา ๆ

“รู้ได้ไงว่ากูเรียนโยธา”

“เดาแหละ พวกโยธามีแต่คนเท่ ๆ พี่เอย์เท่ขนาดนี้คงไม่ใช่พวกวิศวะอื่นหรอก” จริงๆไม่ใช่หรอก ผมเคยมาเอาแปลนตึกไปให้มันวันนั้นไงเลยรู้ คึคึ

“มึงพูดดีมากปิงเดี๋ยววันนี้กูทิปมึงเพิ่มอีกยี่สิบบาท”

“หูยใจร้ายว่ะ” ผมแกล้งทำหน้ายู่ส่งเสียงงอน ๆ พี่เอย์อมยิ้มแต่ก็ยังก้มหน้าทำงานของมันต่อไป

“ผมช่วยไหมพี่”

“ไม่เป็นไร”

“ผมพิมพ์เก่งนะ เร็วด้วยพี่เคยได้ยินแล้วนี่” ในโทรศัพท์วันนั้นคุณยังจำได้ไหมนะ

“ไม่เป็นไร กูใช้ภาษาอังกฤษ ที่สำคัญร่างรายงานคือกูต้องคิดไปพิมพ์ไป มึงทำงานของมึงไปเหอะ”


เราสองคนนั่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ผมรื้อเครื่องเสียงขณะที่พี่เอย์พิมพ์รายงาน ต่างคนต่างทำงานในส่วนของตัวเอง พี่เอย์เปิดเพลงเบา ๆ จากโน๊ตบุ๊คของมันด้วย เพลงรักช้า ๆ ท่าทางวันนี้อารมณ์ดี  ผมมองดูพี่เขาอีกครั้ง เออว่ะ ทำไมผมเพิ่งสังเกตนะ วันนี้พี่เอย์ไม่ใส่แว่นอ่ะ แอบสงสัยนิดนึงทำไมวันนั้นถึงใส่ล่ะวะ ผมเลยเอียงหน้าจ้องมันหวังจะมองดูว่าได้ใส่คอนแท็คหรือเปล่า


“มีอะไร” พี่เอย์หยุดมือแล้วหันมาถาม ท่าทางมันสงสัยน่าดู ผมเลยได้โอกาสจ้องตาไปเต็ม ๆ

“ทำไมวันนี้พี่ไม่ใส่แว่นล่ะครับ”

“รู้เหรอว่ากูใส่แว่นด้วย” มันทำหน้าสงสัย

“ครับ วันนั้นผมเห็นนะพี่หลับคาหนังสือคาแว่นนั่นแหละ ผมเลยสงสัยไงทำไมวันนี้พี่ไม่ใส่” พี่เอย์หัวเราะหึหึแล้วอมยิ้ม ยกแก้วน้ำขึ้นจิบอีกรอบก่อนจะพูดสิ่งที่ทำให้ผมสุดจะอึ้ง

“กลัวหมาบางตัวไม่ชิน เดี๋ยวจะตกใจหน้าตาตื่น กูเกียจรำคาญ”

คุณรู้ไหม....ผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ คำพูดคุณชายนี่แบบมันคืออะไรเหรอวะ คือพี่จะสื่อว่ากลัวผมจะไม่ชินกับลุคหนุ่มแว่นของพี่งั้นเหรอ แล้วดูทำหน้า ตอบแล้วจะอมยิ้มอยู่ทำไม ผมว่าผมจะทำความสะอาดไอ้เครื่องนี้เสร็จไหม มัวแต่มองหน้าพี่อยู่งี้แหละ

“พี่เรียนปีสี่แล้วก็ใกล้จะจบแล้วสิครับ  จะทำงานเลยเหรอ หรือว่าจะเรียนต่อที่ไหนก่อน” ผมชวนคุย ปากผมก็ถามพี่เขานะแต่มือผมตอนนี้ใช้แปรงอันเล็ก ๆ ปัดๆทำความสะอาดไอ้เครื่องในของชุดสเตอริโอที่รื้อออกมา

“ต้องเรียนต่อดิ น่าจะอ่ะนะ”

“ต่างประเทศเหรอพี่” ผมหันมองพี่เอย์ทันที คือคนรวย ๆ ชอบไปเรียนต่อเมืองนอกกันใช่ไหม พอได้ยินแบบนั้นผมก็คิดนะพี่เอย์อาจจะไปเรียนต่อเมืองนอกล่ะมั้ง หว๋ายยยทำไมผมถามไปแล้วผมใจคอไม่ค่อยดีวะ รู้สึกหวิวๆแปลกๆ พี่เอย์ไม่ได้หันมามองผมนะ มันทำงานของมันต่อพิมพ์รัวเลยไม่หยุดมือ

“ไม่หรอก กูคิดว่าจะสอบเรียนต่อในเมืองไทยนี่แหละ น่าจะเป็นที่เดิมไม่งั้นก็อีกที่นึงคิดๆไว้อยู่เหมือนกัน”


พี่เอย์ครับ พี่ก้มหน้าทำงานต่อไปเถอะครับ อย่าเงยขึ้นมาเชียวนะไม่งั้นพี่จะเห็นว่าตอนนี้ผมฉีกยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งขนาดไหน แค่รู้ว่าพี่จะอยู่ที่นี่ต่อไม่ไปเรียนที่ไหนไกล ๆ มันทำให้ผมหัวใจพองได้ขนาดนั้นเหรอวะ คือเราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ความสัมพันธ์โคตรจะคลุมเครือ พี่เองก็บอกอยู่ว่าไม่ได้ชอบผม แต่คือผมรู้สึกอ่ะพี่ มันไม่ใช่ใช่ไหมคำพูดของพี่มันไม่ใช่เรื่องจริง เอาเป็นว่าคนแบบพี่ผมจะดูในสิ่งที่พี่ทำก็แล้วกัน


RRR

RRRRRRR

เสียงมือถือมันดัง พี่เอย์ลุกขึ้นเดินไปหยิบพอดูหน้าจอขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วโยนส่งมาให้  ผมปล่อยแปรงปัดฝุ่นแล้วรับไว้เกือบไม่ทัน เงยหน้าถามมันว่าอะไร คือโทรศัพท์พี่ท่านก็ยังดังอยู่ในมือผมนี่แหละ

“รับให้กูซิ”

“ห๊ะ?” คือผมก้มลงดูที่หน้าจอทันที หยี  ชื่อผู้หญิงนี่หว่า

“รับแล้วบอกปฏิเสธไป ”

มันบอกแล้วเดินหายเข้าไปในห้องผมทำใจนิดนึงก่อนกดรับ เสียงเธอน่ารักมากเป็นผู้หญิงจริง ๆ ด้วย

“พี่เอย์ทำธุระอยู่ครับ คือ พี่เขาลืมโทรศัพท์วางไว้” ผมเก็กเสียงให้หล่อ ๆ

“แล้วนายเป็นใคร” เธอถามกลับมา

“เอ่อ.....คือผมเป็น....” นั่นสิวะแล้วผมเป็นใครกัน คือถ้าบอกว่าเป็นคนทำความสะอาดห้องให้คุณชาย แล้วคือผมมีสิทธิ์รับโทรศัพท์เขาด้วยเหรอ

“นายเป็นเพื่อนเอย์เหรอ”

“เปล่าครับ”

“ถ้างั้นเอย์อยู่แถวนั้นรึเปล่า” พี่เอย์เดินออกมาแล้วพอดี มันมองหน้าผมนิ่งเลย เหมือนกำลังถามอยู่ว่าทำไมยังเคลียร์ไม่เสร็จ

“เอ่อ...คือ...” ยังไงดีวะ ผมนึกออกแล้วว่าเธอเป็นใคร เธอคือนางฟ้าที่ผมเจอตอนมาที่ห้องนี้ครั้งแรกไง

“เอาโทรศัพท์ให้เอย์ นายนี่ถือวิสาสะมารับใช่ไหม แย่ชะมัด” คราวนี้เธอวีนกลับมา คงรู้แล้วว่าผมโกหก ผมหันไปมองหน้ามันขอความช่วยเหลือคือผมไปไม่เป็นอ่ะ ถ้าผมพูดปฏิเสธแล้วเธอถึงขนาดเลิกคบกับมันเลยผมจะโดนมันถีบเอาไหมอะไรแบบนั้น คือคุณเข้าใจใช่ไหมว่าผมไม่เข้าใจขอบเขตของตัวเองว่าผมทำได้แค่ไหนยังไง

“ถ้าเคลียร์ไม่ได้กูจะหักเงินมึง” เสียงพี่เขากระซิบเบา ๆ ลงที่ข้างหู พอบอกว่าจะหักเงินเท่านั้น เหตุผลอื่นไม่ต้องมาหรอกครับ ผมบอกเธอไปทันที

“พี่เอย์เขาไม่ว่างจริงครับ มีธุระอะไรคุณฝากไว้ที่ผมได้ผมกับพี่เขาอยู่ด้วยกันทุกวัน ผมพูดแค่นี้คุณเข้าใจใช่ไหม ไว้ก่อนเรานอนผมจะกระซิบบอกธุระของคุณถึงริมหูพี่เอย์ให้เลยครับ”

“บ้า ประสาท!” นั่นแหละครับเสียงด่า ก่อนที่เธอจะตัดสายไป ผมหน้างอเลยสิ ขณะที่อีกคนนั่งอมยิ้มหน้า บานจนจะทะลุเครื่องคอมออกมาแล้ว

“พี่อ่ะ ที่หลังปฏิเสธเองดิครับ ผมไม่ถนัดนะแบบนี้” แล้วคือผมไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงเขาเป็นยังไง ถ้าเขาเป็นคนดีแล้วไอ้คุณชายมันแค่อยากสลัดนะ ผมก็สงสารอ่ะ

“แต่มึงก็ทำได้ดีนี่ ไม่ต้องห่วงหรอก รายนั้นเองก็แรงไม่เบาอยู่เหมือนกัน ไม่ได้มีแค่กูคนเดียวสักหน่อยแต่คิดจะให้กูจริงจังด้วย โทรมาตื้อหลายวันแล้ว”

“คนที่ผมเจอตอนที่มาที่นี่ครั้งแรกใช่ไหม”

“ใช่  เขาตามกูถึงคณะเลยนะ”

“ทำไมอ่ะพี่ เธอก็สวยน่ารักดีนี่ ” คือสวยมากๆเลยนะครับ สวยกว่าคุณแพรขาช้อปสิบเท่า

“กูไม่ได้เลือกคบคนที่หน้าตาหรอก ถ้าสวยแล้วงี่เง่ากูก็ไม่เอาต่อเหมือนกัน”


คุณชายว่าจบแล้วตั้งใจทำงานต่อเลย ผมเองก็ไม่สนหรอกครับ หน้าที่ในสายจบไปแล้วผมก็ทำความสะอาดเครื่องของผมต่อสิ จะไปใส่ใจทำไม แต่ผมก็คิดนิดนึงเหมือนกันนะ ตอนที่เธอถามกลับมาว่าผมเป็นอะไรกับพี่เอย์ คือแล้วผมเป็นอะไรวะ ถ้าแค่คนทำความสะอาดห้องแล้วไอ้เชือกที่ข้อมือนี่มันคืออะไร เจ้านายเขาซื้อให้คนทำความสะอาดห้องแบบนี้ด้วยเหรอ ที่สำคัญใส่ให้ผมด้วย แล้วเรื่องนอนกอดผมที่อัมพวานั่นอีก โอ๊ยยยยยยไม่อยากจะคิดแล้ว ปวดหัว ผมเริ่มหน้ายู่ ยกสองมือยีหัว


“เป็นอะไรของมึง บ้าอะไรขึ้นมาอีก หรือรื้อแล้วประกอบคืนไม่เป็น”

“เปล่าพี่”

พี่เอย์หันมาถามแล้วก็หันไปทำงานต่อ มันผลักหัวผมเบา ๆ มาทีด้วยนะ คือผมไม่รู้หรอกว่านั่นคือการปลอบใจในสไตล์ของมันหรือเปล่าแต่แค่นั้นก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นได้ ผมเลยยิ้มกว้างตั้งใจทำงานของผมต่อ

ติ๊ดดดดด  ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เสียงกริ่งที่หน้าห้องดังขึ้น ผมเงยหน้ามองพี่เอย์มันยังไม่รู้สึกรู้สาทำงานของตัวเองต่อผมจึงวางมือจากงานรื้อๆซ่อม ๆ ลุกขึ้นไปกดถามดูว่าใคร คำตอบที่ตอบกลับมาทำเอาผมอึ้งกิมกี่ มันคืออะไรกันเหรอ คนข้างนอกเขาพูดว่า กูเองซีซ่าร์ ผมยืนเซ่อแบบคนทำอะไรไม่ถูกน่ะครับ คือผมดีใจมากจริง ๆ นะเคยแอบคิดใช่ไหมว่าพี่ซีซ่าร์อาจจะมาเที่ยวที่ห้องน้องชายสักวัน แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะมาเร็วมากจริง ๆ

“ปิง ใคร” พี่เอย์เดินเข้ามาถาม

“พะ...พี่ซีซ่าร์ครับ”

“มึงเข้าไปนั่งทำงานของมึงต่อ เดี๋ยวกูเปิดเอง”

ผมยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นแหละครับ ผมอยากเห็นพี่ซีซ่าร์นี่ ไอดอลที่ผมปลื้มปริ่มมาหาทั้งทีถึงจะไม่ได้มาหาผมก็เหอะ แล้วถ้าไอ้คุณชายมันติสถึงขนาดยืนคุยกันแล้วให้พี่ซ่าร์ของผมกลับผมจะมีโอกาสได้เห็นตัวจริงพี่เขาอีกเหรอ

“ทำไมยังไม่เข้าไป กูบอกนี่มึงไม่ได้ยินใช่ไหม” พี่เอย์เสียงนิ่งมากหน้าตาก็เริ่มตึง ๆ แล้วด้วย ผมเห็นแบบนั้นแล้วเลยรีบเดินเข้ามานั่งลงสนใจกับงานของผมต่อ ขณะเดียวกันคอก็ชะเง้อมองที่ประตูไปด้วยเห็นพี่เอย์เปิดออกไปแล้วยืนคุยกันอยู่ตรงนั้นครู่เดียวก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินนำเข้ามา พี่เอย์ปิดประตูท่าทางหัวเสียมาก

“นั่งดิ” เสียงพี่เอย์พูดขึ้น ผมเลยลุกกะว่าจะเข้าไปเอาน้ำเอาท่ามาให้แขกกิน  คุณสงสัยเหรอครับว่าคนที่มาคือใครบ้าง ก็มีพี่ซีซ่าร์กับคุณเดียร์คู่หมั้นของพี่เอย์นั่นไง

“ปิงอยู่ด้วยเหรอเนี่ย กำลังทำอะไรอยู่ครับ” โอ๊ยยยไอ้ปิงสติมึงสติ จู่ ๆ พี่ซีซ่าร์เดินมาทักกันถึงที่ ผมคนนี้นั่งแข็งเป็นหินแล้ว  ผมเห็นคุณเดียร์เดินเข้ามานั่งลงใกล้ ๆ กับพี่เอย์ คุณชายตวัดสายตามองมาที่ผมหน่อยนึง ผมเลยนึกขึ้นได้

“เอ่อ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ” ผมว่าแล้วลุกขึ้นเดินเลี่ยงมาที่ครัว ล้างมือให้สะอาด อมยิ้มจนแก้มจะแตกแล้วคือผมดีใจมากเลย คึคึ วันนี้จะได้คุยกับพี่เขาอีกแล้ว ผมจะเลือกแก้วที่สวยที่สุดเลยใส่น้ำไปให้พี่สุดหล่อของผมกิน พี่ซ่าร์ครับพี่กินให้อร่อยเลยนะนี่เป็นน้ำวิเศษผมใส่ความจริงใจของผมเข้าไปด้วย คือผมอยากบอกว่าผมปลื้มพี่มานานแล้ววันนี้แหละผมจะต้องสารภาพกับพี่ให้ได้  ส่วนคุณเดียร์เอาแก้วธรรมดาพอเธอเป็นคู่หมั้นพี่เอย์ไม่จำเป็นต้องได้แก้วสวยงามอะไรมากหรอก

เดี๋ยวก่อนคู่หมั้น?

คู่หมั้นพี่เอย์มาที่ห้อง?

ผมเริ่มคิ้วขมวดลงเรื่อย ๆ  ทำไมผมถึงหงุดหงิดแบบนี้วะให้ตายเหอะ จะมาทำไมไม่ทราบ ไหนว่าเป็นทอมมีแฟนหลายคนไง แล้ววันนี้จะมาหาพี่เอย์ของผมทำไม ชิ นี่ผมไม่ได้พาลนะ แต่แค่รู้สึกไม่ชอบเลยอ่ะ

“ทำหน้าอะไรของมึง” เสียงพี่เอย์ดังขึ้นข้าง ๆ ปลุกผมออกจากความคิดแปลก ๆ บ้าบอได้ทั้งหมด

“หน้างอเป็นตะขอแล้ว”

“ก็ผมไม่ชอบนี่” ผมพูดงึมงำ

“ไม่ชอบเรื่องอะไร ไอดอลคนโปรดมึงมาหาถึงห้องนี่ไม่ใช่ว่าต้องยิ้มปลื้มปริ่มเหมือนเมื่อกี้หรอกเหรอ”

“อันนั้นก็ชอบอยู่ แต่ที่ไม่ชอบก็.....” ผมว่าหน้าผมบูดเป็นสองเท่าจากตะกี้เลยนะ ก็อยากจะพูดเหมือนกันว่าไม่ชอบเลยที่คู่หมั้นพี่มาหาถึงที่แบบนี้ แต่ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปพูดแบบนั้นล่ะ  แปลกมากที่มันเหมือนกับจะรู้ พี่เอย์ถอนหายใจแล้วผลักหัวผมเบา ๆ

“รีบเอาน้ำออกมา เดี๋ยวเขาก็กลับกันแล้ว”

“คร้าบบบ”

ผมยกถาดใส่น้ำไปสองแก้ววางไว้ให้แขกสองคนที่เพิ่งเข้ามา

“พวกมึงมากันทำไม”  พี่เอย์ถามขึ้นห้วน ๆ เลย  พี่ซ่าร์เลยโบ้ยหน้าไปทางคุณเดียร์ให้เธอเป็นคนตอบ

“ก็มารับคนบางคนไปกินข้าว ไหนลองบอกมาดิ๊เมื่อวานน้องเอย์ไปเกเรอยู่ที่ไหนครับทำไมผิดนัดพี่เดียร์กับคุณย่าแบบนี้” เธอพูดแล้วลงไปนั่งกอดเอวมันอยู่ที่พื้น ตัวเธอเล็กเพราะงั้นหัวเธอเลยซุกเข้าที่ไหล่มันได้แบบเต็ม ๆ เธอโอบเอวมันพาโยกตัวนิด ๆ ทำเหมือนคุณชายเป็นเด็กซะงั้น ผมวางแก้วน้ำลง แล้วเดินมานั่งดูเครื่องที่กำลังรื้อค้างอยู่ต่อ

เมื่อวานไม่ว่าง”

“ก็รู้ว่าไม่ว่างเพราะฉะนั้นวันนี้เลยโดนเรียกตัวกันอีกครั้ง ทำให้ฉันคนนี้ต้องระหกระเหินมาตามเธออยู่นี่ไงพ่อตัวดี แล้วนี่ทำอะไรอยู่เนี่ย พิมพ์รายงานเหรอ”

“อือ กูไม่ไปได้ป่ะวะเดียร์”

“จุ๊ๆๆ พูดไม่เพราะเลย พูดกับผู้หญิงต้องเพราะสิครับเอย์ เห็นไหมน้องเขานั่งมองอยู่ ตั้งใจฟังเราสองคนคุยกันด้วยนะ”

คุณเดียร์พูดแล้วมองมาทางผม นั่นแหละครับผมถึงได้รู้ตัวว่านั่งมองเขาสองคนคุยกันมานานแล้ว เอาใหม่ไอ้ปิงตอนนี้มึงต้องสนใจกับงานซ่อมก่อนอย่าเพิ่งสมาธิกระเจิง พี่ซีซ่าร์ของมึงนั่งอยู่ใกล้แค่เมตรเดียวเพราะฉะนั้นสายตาของมึงจงมองแต่พี่เขาซะจะสารภาพอะไรก็พูดไปให้หมด ส่วนคุณชายจะเป็นไงก็ช่างหัวมัน ตอนนี้เขากำลังคุยกับคู่หมั้นคนสวยของเขาอยู่

“ปิงทำอะไรอยู่น่ะ  เก่งจังซ่อมเป็นด้วยเหรอครับ” พี่ซ่าร์ขยับลงมานั่งอยู่ต่อหน้าผมคือตอนแรกพี่เขานั่งอยู่ที่โซฟานะครับตอนนี้เลื่อนลงมานั่งด้วยกันแล้ว ผมเลยมองหน้าพี่เขา หล่อมากครับผมเคยคิดนะผมอยากหล่อเหมือนพี่บ้างคือพี่ซ่าร์จะหล่อแบบใสๆแต่พี่เอย์คือจะออกแนวเท่มากกว่า หน้าตาคล้ายกันแต่คนละสไตล์

“ไม่ได้ซ่อมหรอกครับแค่ปัดๆทำความสะอาดน่ะ”

“แล้วจะประกอบคืนได้ไหมเนี่ย น็อตเยอะแบบนี้ยี่ห้อนี้เขาละเอียดมากเลยนะ”

“ครับก็พยายามจำว่าอะไรอยู่ตรงไหน” ผมปัดฝุ่นเสร็จแล้วพอดีเลยหยิบไขควงขึ้นมา เริ่มขันสกรูใส่คืน

“พี่ว่าน็อตตัวนี้มาจากจุดนี้มากกว่านะ ไม่น่าใช่ตรงนั้นหรอก” พี่ซ่าร์เข้ามาชี้จุดให้ผมดู ผมก็เออว่ะนี่คิดว่าตัวเองจำได้ดีแล้วนะ พลาดได้ไงวะเนี่ย ผมกับพี่เขาเลยหัวเราะกันเบา ๆ ได้ยินเสียงคุณชายกระแอมไอสองสามทีเลยหันไปดู เราสองคนสบตากันนิด ๆ ก่อนที่สายตาผมจะโฟกัสไปที่มือสวย ๆ ของคุณเดียร์ที่นั่งกอดเอวมันอยู่

บ้าฉิบ! ผมอารมณ์ไม่ดีเลยให้ตายเหอะ แม่ง สงสัยจะมาจากที่ใส่น็อตผิดรูนั่นแน่ ๆ คราวนี้นะพ่อจะขันให้พรุนไปเลยไอ้เครื่องเสียงบ้าๆๆๆ

“เอ้าทำไมทำแรงอย่างงั้นล่ะ เดี๋ยวก็ทิ่มมือตัวเองหรอก ไหนดูซิ เดี๋ยวพี่ใส่ให้ดีกว่ามา” พี่ซ่าร์ว่าแล้วแย่งไขควงจากมือผมไป พี่เขาขยับเข้ามาชิดแล้วเปลี่ยนเป็นคนขันน็อตให้ผมแทน

“ขอบคุณครับ” พี่ซ่าร์เทคแคร์แฟนคลับดีแบบนี้ทุกคนป่ะวะเนี่ย ดูซิพูดจาก็เพราะยิ้มก็หวาน ผมมองพี่เขาขันน็อตอย่างเพลินเลย ตอนนี้ไม่โฟกัสใครทั้งนั้นขอมองไอดอลขวัญใจผมคนเดียว

“อะไรกันล่ะนั่น มองพี่แล้วยิ้มแบบนั้น” ผมสะดุ้ง พี่ซ่าร์เลยยิ่งหัวเราะผมหนักเข้าไปอีก คือก็นี่เป็นครั้งแรกนี่ที่ได้นั่งคุยกันสบาย ๆ แบบนี้ผมก็ดีใจของผมอ่ะ

“พี่ซ่าร์ครับพี่ใจดีจัง”

“หึหึหึ ปิงนี่ตลกดีนะ ชอบพี่เหรอ”

“ครับใช่ ผมติดตาม..............

เพล้ง!!

ผมสะดุ้งทันทีหันมองไปตามเสียง แก้วน้ำที่วางไว้ข้างโน๊ตบุ๊คของพี่เอย์แตกกองอยู่ที่พื้น ผมรีบลุกเลยครับ

“พี่เอย์ขยั... /  เอย์ขยับออกมาทางนี้เดี๋ยวแก้วจะบาดนะ” เสียงผมกับคุณเดียร์พูดขึ้นพร้อมกัน แตกต่างกันตรงที่ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคขณะที่คุณเดียร์เธอพูดในสิ่งที่ผมอยากพูดจนจบไปแล้ว

“อะไรเนี่ยนั่งอยู่ดี ๆ ทำไมไปปัดแก้วตกแตกแบบนั้น” ผมรีบเข้าไปเอาไม้กวาดกับบุ้งเต้า

“พี่เอย์ขยับก่อนนะครับเดี๋ยวผมทำความสะอาดให้” มันมองมาที่ผมแวปนึง แล้วขยับไปชิดกับคุณเดียร์  ผมเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ ๆ ใส่ในบุ้งเต้า รู้สึกเลยนะว่ามันกำลังจ้องมองผมอยู่ผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง

“ไหน ๆ ดูซิแก้วบาดมือรึเปล่าเนี่ย ซุ่มซ่ามจริงนะครับน้องเอย์เดี๋ยวพี่เดียร์ฟ้องคุณย่าให้ตีก้นเลยดีไหมนะ” เสียงคู่หมั้นคนสวยของพี่เอย์พูดกับมัน เธอดึงมือมันออกไปดูพลิกหน้าพลิกหลัง คือผมก็รู้นะว่าคุณเดียร์เธอทำเล่นๆแกล้ง ๆ แต่คือผมก็รู้สึกไม่ดีอ่ะ อะไรวะแม่งมานั่งจีบกันอยู่ตรงนี้เพื่อ?

“ปิงระวังหน่อยสิ  นั่นมันแตกเป็นปากฉลามเลยนะจับขึ้นมาแบบนั้นเกิดบาดมือขึ้นมาจะทำยังไง” เสียงพี่ซ่าร์ดังแทรกเข้ามาผมเพิ่งรู้สึกตัวนะว่าตัวเองกำลังกำแก้วที่แตกเป็นรูปทรงแหลม ๆ อยู่ เกือบบาดไปแล้วไหมล่ะ

“มานี่มาพี่ช่วย” อีกครั้งแล้วที่พี่ซีซ่าร์ลุกขึ้นมาช่วยผมในขณะที่คุณชายนั่งมองผมเฉย ๆ ผมเก็บกวาดเสร็จเดินมานั่งลงเก็บงานของผมต่อ ตอนนี้พี่เอย์ย้ายขึ้นไปนั่งบนโซฟานุ่มกับคุณเดียร์เธอแล้ว

“ปกติเสาร์อาทิตย์ปิงว่างเหรอครับ” พี่ซ่าร์ถามผม พี่เขาก็ยังนั่งอยู่กับผมเหมือนเดิมนะ เอาไขควงไปขันน็อตให้ผมต่อ

“ครับว่าง”

“แล้วมาทำงานกับเจ้าเอย์วันไหนบ้างล่ะ”

“ก็แล้วแต่น่ะครับ แต่ไม่ใช่ทุกวัน ถ้าผมว่างก็จะมา บางทีก็มาตอนเย็น ๆ หลังเลิกเรียน”

“ขยันจังนะ”

“ครับ ผมต้องหาเงินช่วยทางบ้านน่ะครับ”

คุณเชื่อไหมผมตกใจแทบบ้าเมื่อจู่ ๆ พี่ซีซ่าร์ยกมือขึ้นมาลูบหัวผม “เป็นเด็กดีจริง ๆ นะเรา น่ารักไปทำงานกับพี่ดีไหม จะได้มีรายได้เพิ่มไง”

คุณแม่ครับพี่ขมครับ...ตอนนี้ผมแทบจะบรรลุโสดาบรรณคือผมมีความสุขจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก พี่ซ่าร์ยกมือลูบหัวผมด้วยความรู้สึกที่ผมคิดว่ามันอ่อนโยนมาก ๆ เลย มือใหญ่คู่นั้นทำไมถึงอ่อนโยนแบบนี้ ผมคิดไปไกลขนาดที่ว่าพี่เอย์มีแต่ผลักหัวผมอ่ะ ถ้าอ่อนโยนได้แบบพี่ซ่าร์นะผมเทใจให้มันหมดเลยเอาดิ๊

ผมปรายสายตาแอบมองไปทางมันนิดนึงสายตาเราสบกันพอดีอีกแล้วอะไรวะแม่ง ตาเขียวปั๊ดใส่อีก นี่มันมองผมอยู่ตลอดรึไง มองไปตอนไหนถึงจ๊ะเอ๋ได้ทุกครั้งเลย

“ไปถือของให้พี่เป็นไง เวลาไปสัมภาษณ์พวกนิตยสารต่าง ๆ ให้ปิงไปช่วยถือของให้เดี๋ยวพี่จ่ายให้เป็นสองเท่าของไอ้เอย์เลยนะ”

หูยยยไปครับพี่ไปๆผมไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วกูจะมีเวลาได้อยู่กับไอดอลในดวงใจสองต่อสองชีวิตนี้ยังต้องการอะไรอีก ปกติติ่งแค่ในโปสเตอร์แต่นี่ตัวเป็น ๆ นั่งชวนผมไปทำงานด้วย  คุณคิดดูนะว่าผมนี่จะปริ่มอิ่มเอมขนาดไหน  พี่ซ่าร์ใจดีเป็นบ้าพูดก็เพราะชมว่าผมน่ารักด้วย ผมยิ้มไม่หุบเลยล่ะครับ ตอนนี้หน้าผมคงแดงเถือกไปหมดล่ะ

“ทำเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์เอาแบบที่ปิงว่างค่อยไปกับพี่ก็ได้ครับ ตัดสินใจได้เลยไหมหรือต้องลองถามไอ้เอย์มันดูก่อน” พี่ซ่าร์ขันน็อตตัวสุดท้ายเสร็จพอดีเงยหน้าขึ้นมองผม สรุปเครื่องนี้พี่ท่านประกอบใช่ไหมไม่ใช่ผมว่างั้นเถอะ

“อ้อครับ ๆ ไม่ต้องครับ” ผมตอบออกไปอย่างคนไม่คิดอะไร พี่เอย์ลุกพรวดขึ้นทันที ผมเลยเงยหน้ามอง

“เดียร์ปิดเครื่องให้กูด้วย” มันบอกคุณเดียร์

“ไปไหน” เธอถามมัน

“เปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวจะไปบ้านคุณย่าไง มึงมารับกูไปกินข้าวกับท่านไม่ใช่เหรอ”

ว่าจบแล้วพี่เอย์ก็เดินเข้าไป ผมมองตามไปแต่ก็เท่านั้นแหละครับ คิดว่ารู้แล้วว่าเดี๋ยวพี่เอย์ก็คงจะต้องออกไปข้างนอก

“วันนี้พี่เอย์ไม่ออกไปไหนเหรอครับ”

“ไม่อ่ะ วันนี้กูจะนั่งทำงานอยู่ตรงนี้แหละ”

นั่นคือสิ่งที่เราคุยกันเมื่อเช้า แต่ตอนนี้คงจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้แล้ว

“ซีซ่าร์นี่ไม่คิดจะแนะนำน้องเขาให้รู้จักเดียร์บ้างรึไง” เออทำไมคุณเดียร์พูดกับพี่เอย์จะพูดกูมึงแต่เวลาพูดกับพี่ซ่าร์นี่จะแทนตัวเองว่าเดียร์วะ คือมันดูซอฟต์ลงกว่าอีกคนเหมือนกันนะแสดงว่าคุณเดียร์สนิทกับพี่เอย์มากกว่างั้นดิ

“น้องเขาชื่อปิง เป็นเด็กที่ทำความสะอาดห้องให้ไอ้เอย์มัน วันนั้นเดียร์ก็เจอแล้วนี่ที่งานวันเกิดคุณย่า ปิงขับรถให้เจ้าเอย์มันด้วย”

“อ้อจำได้ละ หวัดดีจ๊ะปิงพี่ชื่อเดียร์นะ เรียกพี่เดียร์ก็ได้”

“ครับสวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดีค้อมหัวให้เธอเล็กน้อยเพราะคิดว่าอายุเธอน่าจะพอๆกับพี่เอย์ยังไงก็เป็นรุ่นพี่ผมอยู่ดี ดูเธอใกล้ ๆ แบบนี้แล้วสวยมากเลยจริง ๆ นี่ผมยังไม่อยากเชื่อเลยนะว่าเธอเป็นทอม

“ว่าไงครับ ปิงยังไม่ตอบพี่เลยนะ สนใจไปทำงานกับพี่ไหม ได้ตังค์เพิ่มด้วย ปิงทำเฉพาะวันหยุดก็ได้ ถ้าไงเริ่มกันบ่ายนี้เลยเดี๋ยวพี่พาไปดูงานก่อน ก็แค่ช่วยหิ้วกระเป๋าถือของใช้ส่วนตัวให้พี่ ครั้งนึงไม่กี่ชั่วโมงหรอกพี่จ่ายให้สองเท่าของเจ้าเอย์เลย”

“นี่ซ่าร์จะชวนน้องเขาไปช่วยถือของเหรอ”

“อือฮึ งานเยอะขึ้นแล้วพี่ที่เคยช่วยอยู่คนก่อนช่วงนี้เขาต้องไปดูคิวให้กับอีกคนด้วย เลยคิดว่าน่าจะมีคนที่คอยดูแลอะไรให้ดี ๆ สักคน แล้วปิงก็เป็นเด็กดี คิดว่าน่าจะไว้ใจได้ ขับรถก็ได้ด้วย นี่คือยิ่งดีไปใหญ่เลย แถมซน ๆ แบบนี้เป็นบอดี้การ์ดให้พี่ได้อีกต่างหากเนอะ” นี่คือที่พี่ซ่าพูดกับคุณเดียร์นะครับประโยคหลังนั้นหันมาเนอะๆกับผม ผมก็ยิ้มแห้งๆส่งไป คือผมตอนแรกก็ดีใจอยู่หรอก แต่ว่าตั้งแต่พี่เอย์เดินเข้าห้องไปใจผมก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยนะ รู้สึกไม่อยากคุยขึ้นมาซะงั้นทั้ง ๆ ที่คุยอยู่กับพี่ซ่าร์ที่ผมชื่นชอบแท้ ๆ

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมรู้สึกขอบคุณมาก ๆ เลยแต่ผมทำงานกับพี่เอย์แล้ว แล้วก็.....

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกปิง พี่ไม่ได้จะให้ปิงเลิกทำงานกับเจ้าเอย์นะ แต่คิดว่าวันไหนที่ปิงว่างคือพี่ก็ช่วยให้ปิงมีรายได้ๆเพิ่มขึ้นไง เราเข้าใจที่พี่พูดไหมเนี่ย แบบวันนี้ใช่ไหมเดี๋ยวเอย์เขาจะออกไปกับเดียร์ ปิงก็ไปช่วยงานพี่สักสองสามชั่วโมงก็ได้ตังค์แล้ว จากนั้นปิงจะกลับมาทำอาหารเย็นให้ไอ้เอย์มันทานต่อก็ยังได้เลยนี่” พี่เขาพูดแบบจ้องหน้าผมเลยนะ ทำไมผมรู้สึกอึดอัดวะ ไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้เลยให้ตายเหอะ ก็รู้ว่าดีที่จะมีรายได้เพิ่ม แต่คือผม ไม่อยากไปว่ะพี่!

“เดี๋ยวผมลองไปถามพี่เอย์ดูก่อนนะครับ” ผมว่าแล้วลุกขึ้น คืออยากจะเลี่ยงออกมาแล้วก็อยากจะเข้าไปหาพี่เอย์ด้วย คือก็อยากจะถามนั่นแหละ ถ้าพี่เขาบอกไม่ให้ไปคำเดียวคือผมจบเลยนะ ใช่อยู่เงินอาจจะสำคัญก็จริง แต่ผมกลับคิดว่าความรู้สึกที่ทำแล้วสบายใจหรือไม่นั่นต่างหากที่สำคัญมากกว่า

“พี่เอย์ครับ” ผมเคาะเรียกพี่เขาที่หน้าประตูห้อง  “ผมเข้าไปได้ไหมพี่”

เสียงตอบรับดังมาจากข้างใน ผมเลยเปิดเข้าไป มันคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จพี่เอย์สวมเดฟสีสนิมใส่เข็มขัดเรียบร้อยแล้วเหลือแต่ท่อนบนที่ยังเปล่าเปลือยอยู่  เส้นผมนี่ยังเปียกหมาด ๆ อยู่เลย กลิ่นครีมอาบน้ำพี่แกโคตรของความหอม

“มีอะไร”มันว่าแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตสีเข้มออกมาหนึ่งตัวปลดออกจากไม้แขวนแล้วสะบัดใส่จากด้านหลัง

“พี่จะออกไปข้างนอกเหรอครับ”

“ใช่” พี่เอย์ติดกระดุมเสื้อแล้วเดินเข้ามาใกล้

“จิ๊! มึงนี่มันน่ารำคาญ แค่เก็บเศษแก้วก็ต้องมีคนมาช่วย ดีใจมากเหรอไอ้ซ่าร์มันลงทุนช่วยมึงขนาดนั้น ทำไมไม่เป็นกูวะแม่งจะยัดแก้วแหลม ๆ นั่นใส่มือมึงเลยเหอะ” ผมเริ่มคิ้วกระตุกไอ้พี่เอย์มันพูดอะไรใจร้ายแบบนั้นวะผมจ้องมันนิ่งเลยนะ  มันกระชากมือผมเข้าหาตัว

“กูไม่ดูให้หรอกนะว่ามึงจะถูกแก้วบาดไหมยังไง กูไม่เห็นสนใจเลย ไมคิดจะเป่าให้ด้วย”

“อึ๋ย ใจร้ายว่ะพี่พูดไรเนี่ย” ผมทำหน้าแบบคนขยาด  ผมก็ไม่ได้โดนแก้วบาดสักหน่อยนี่

“ถุ้ยๆๆๆ” มันยกมือผมขึ้นไปใกล้ริมฝีปาก ทำท่าเหมือนจะเป่าให้แต่สุดท้ายแกล้งทำเสียงถุ้ยๆๆ ใส่

“อี๋พี่เอย์ สกปรกน้ำลายพี่จะกระเด็นถูกผมนะ” ผมดึงมือกลับคืนมา

“ช่างหัวมึงดิ  หมาปิง เดี๋ยวกูจะออกไปข้างนอก มึงจะรออยู่ที่ก็ได้ทำโน่นนี่ไปตามใจมึง หรือว่าจะกลับบ้านก่อนแล้วค่อยแวะเข้ามาทำข้าวให้กูกินตอนเย็น ๆ ก็ได้ เที่ยงนี้คงต้องไปทานข้าวกับคุณย่าเพราะเมื่อวานกูผิดนัดกับท่าน”

“พี่เอย์เอ่อ คือผม....”

“มีอะไร” มันคงเห็นผมอ้ำอึ้งเลยหันมาถาม เราสองคนยืนกันอยู่หน้ากระจก พี่เอย์แต่งตัวจวนจะเสร็จแล้ว มันหยิบสเปรย์น้ำแร่ขึ้นมาฉีดเข้าที่ฝ่ามือแล้วตบๆ ละอองน้ำกระจายความหอมเข้าใส่ที่ร่างกายของคุณชาย ขนาดผมยืนอยู่ไม่ได้ใกล้มากยังรู้สึกว่าหอมสดชื่นมาก

“คือพี่ซ่าร์เขาชวนผมไปทำงานด้วยอ่ะพี่” มันชะงักไปนิดนึงมองผมผ่านกระจก   

“เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ แล้วบ่ายนี้ก็ว่าจะพาไปดูงานก่อน”

“แล้วมึงก็เลยอยากไปกับเขาใจจะขาด ถึงขนาดเดินเข้ามาขออนุญาตกู” มันหันกลับมามองหน้าผมนิ่ง เราสองคนยืนประจันหน้ากัน เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบมากพอ ๆ กับใบหน้าที่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มแววตาคือแตกต่างกับตอนที่พูดเล่นกับผมเมื่อกี้มาก  คือผมก็คิดว่าผมรู้นะว่ามันเป็นอะไร ถ้าไม่อยากให้ผมไปก็แค่พูดออกมาคำเดียว ผมไม่ไปเลยรับรอง ผมจ้องหน้าพี่เอย์นิ่งเลยนะ อยากจะรอฟังคำว่าไม่อนุญาต  แต่พี่เอย์เลือกที่จะเงียบ มันเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์โทรศัพท์และพวงกุญแจ

“อยากไปไหนก็ไป เรื่องของมึง!  นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่พี่เอย์จะเดินแทรกไหล่ผมออกไป เสียงประตูห้องปิดลงดังปัง ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กลิ่นหอม ๆ ของพี่เขายังติดอยู่ปลายจมูกปกติแล้ววันนี้คือเราสองคนต้องอารมณ์ดีไม่ใช่เหรอ เวลาที่ผมอยู่กับพี่เขาเราจะหัวเราะกันร่วนเลย ถึงเราจะเถียงกันแขวะกันแต่คือผมก็ทำให้มันยิ้มได้ตลอด แล้วไอ้บรรยากาศแบบตอนนี้มันคืออะไร

“ซ่าร์เดียร์ออกไปนะ น้องปิงครับพี่เดียร์กลับแล้วนะครับ”

ผมเดินออกมาจากห้องเห็นมันกับพี่เดียร์กำลังจะออกไปกันแล้ว เธอสวมรองเท้าขณะที่พูดบอกพี่ซ่าร์กับผม พี่เอย์หันมามองผมแวปนึง เป็นแวปเดียวจริง ๆ ครับที่เราสองคนสบสายตากัน ผมเลยเดินเข้าไปหา ก่อนที่มันจะเดินตามหลังพี่เดียร์ออกไป

“ผมจะกลับมาก่อนห้าโมงเย็น แล้วจะทำอาหารไว้ให้พี่นะครับ”

ไม่มีการหันมามอง ไม่มีคำพูดอะไรอีก มันเดินลิ่วออกไปเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นผมคนนี้พูดจบประโยคแล้วหรือยัง

“ป่ะปิง  งั้นเราสองคนก็ออกไปกันบ้างดีกว่า เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่เลี้ยงข้าวเอง บ่าย ๆ มีนัดสัมภาษณ์หนังสือแค่เล่มเดียว พี่จะพาเราไปดูๆไว้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยบอกพี่อีกทีว่าคิดจะทำไหมยังไง”


ผมเดินเข้ามาเก็บเครื่องมือซ่อมที่วางเกลื่อนอยู่ให้เรียบร้อย รูดม่านให้ครบทุกที่แล้วหยิบกระเป๋าเดินออกมาพร้อมพี่ซีซ่าร์ไอดอลขวัญใจผม คุณคงคิดว่าผมดีใจใช่ไหม ไม่เลยครับ ตอนนี้ผมรู้สึกแย่มาก ๆ ผมแค่อยากให้พี่เอย์พูดว่าไม่อยากให้ผมไป คือมันอะไรกันล่ะ ไอ้ท่าทางแบบนั้น บอกผมว่า เรื่องของมึง อยากไปไหนก็ไป นี่คือพี่ไม่เคยแคร์ผมเลยเหรอวะ ผมจะไปไหนกับใครอะไรยังไงคือไม่สนใจเลยใช่ไหม ทำไมถึงต่างกับผมนักล่ะ แค่ผมได้ยินว่าพี่จะออกไปกินข้าวกับคุณเดียร์ผมก็เริ่มหงุดหงิดแล้ว แล้วพี่ไม่บอกอะไรผมสักคำ จู่ ๆ เดินเข้ามาแต่งตัวแล้วพี่ก็ไป ผมก็รู้หรอกว่าผมไม่มีสิทธิ์จะถาม แต่คือความสัมพันธ์ของพวกเรามันคืออะไรเหรอ ผมสงสัยนะ โอ๊ยยยผมปวดหัวยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ พี่เอย์ทำไมเป็นแบบนี้วะ


“อ่ะ ปิงขับให้พี่นะ” พี่ซ่าร์ใช้ออดี้สีดำ พอเดินมาถึงรถพี่เขายื่นกุญแจส่งมาให้ผม

“เดี๋ยวตอนรับค่าแรงจะได้รู้สึกไงว่าตัวเองได้ทำงานให้พี่แล้ว”

ผมรับมาแล้วขึ้นประจำที่นั่งคนขับพี่ซ่าร์นั่งที่เบาะหลัง โชคดีมากเหมือนกันที่ผมเรียนช่างยนต์เวลาเข้าเรียนชั่วโมงที่ต้องทำงานกับคาร์แคร์จะมีรถหรู ๆ มาให้พวกผมล้างกัน ผมเลยมีประสบการณ์กับรถหลายยี่ห้อ

“เก่งจังนะ ขับรถอะไรก็ได้เหรอ”

“ครับก็ผมเรียนช่างยนต์นี่ อู่คาร์แคร์ของที่โรงเรียนเป็นอู่ใหญ่เลยครับ ผมลองขับมาเกือบทุกยี่ห้อเลย”

“ถอยเข้าถอยออกว่างั้นเถอะ”

“แห่ะๆ ใช่แล้วครับ”

พี่เขาพูดแซวอย่างอารมณ์ดี ผมขับรถไปตามทางที่พี่เขาบอก ความรู้สึกที่ได้มาขับรถให้ไอดอลที่ตัวเองปลาบปลื้มเหรอครับก็เอ่อ รู้สึกดีนะ ใช่ๆผมรู้สึกดีอ่ะแหละ พี่เขาเป็นคนที่ผมชื่นชมนี่ เรื่องอะไรที่ต้องคิดเกี่ยวกับคุณชายนั่น ทิ้งไปก่อนละกัน ตอนนี้ผมต้องโฟกัสกับงานตรงนี้ก่อน ในเมื่อรับทำให้พี่เขาวันนี้แล้ว ผมก็จะเต็มที่กับมัน

เราแวะทานข้าวกันที่ร้านอาหารเล็ก ๆแต่บรรยากาศค่อนข้างเป็นส่วนตัวและหรูหรามาก พี่ซ่าร์เป็นคนดังเพราะฉะนั้นผมก็เข้าใจนะ จะไปกินตามห้างหรือย่านที่มีคนเยอะมากก็ไม่ได้

“ที่นี่พวกดารานักร้องเขาจะชอบมากินกัน มันเป็นส่วนตัวดี ต่อไปปิงต้องจำทางไว้เองด้วยนะ เผื่อต้องมารับพี่กลับเวลาพี่มาดื่มกับพวกเพื่อน ๆ”

ผมมองพี่เขาหน่อยนึงแต่ยังไม่ได้พูดอะไร คือพี่เขาคงจะเข้าใจว่าผมจะทำงานกับพี่เขาต่อ ผมตัดสินใจตั้งแต่เราขับรถออกมาแล้วล่ะครับ ว่าผมจะทำให้พี่ซ่าร์แค่วันนี้วันเดียว แน่นอนครับผมรู้สึกเสียดาย อย่างที่ผมบอกไปนะคือผมจะทำในสิ่งที่ตัวเองสบายใจด้วย เงินสำคัญก็จริง แต่ความสบายใจสำคัญกว่า แม่ผมเคยสอนไว้ว่าอย่างนั้น

“ผมเข้าไปกับพี่ได้เหรอครับ” ผมลองถามดูตอนเราเดินไปด้วยกัน คือชุดผมๆคิดว่ามันไม่เหมาะไหมยังไง


“ได้สิ ที่นี่ไม่พิธีรีตองเรื่องการแต่งตัวหรอก ปิงเห็นดารานายแบบแต่ละคนแต่งตัวดี ๆ กันทั้งนั้นใช่ไหม แต่ตัวจริงปิงรู้ไหมพวกพี่ก็เป็นแค่คนธรรมดานี่แหละ กางเกงขาสั้นเสื้อยืดธรรมดา รองเท้านะยังลากแตะตลอดเลย” เออใช่ผมลองมองรองเท้าที่พี่ซ่าร์ใส่ พี่เขาเปลี่ยนเป็นแตะเรียบร้อย  โซนในร้านจะมีมุมส่วนตัวของใครของมันพอพี่ซ่าร์เดินเข้าไปมีพนักงานออกมาพาเข้าไปที่มุม ๆ นึง มีรูปพี่เขาติดไว้ตามผนังรอบข้างเยอะมาก

“พี่มาบ่อยเหรอครับ” ผมถาม

“บ่อยสิ นี่ร้านประจำเลย แต่คนทั่วไปไม่เห็นหรอก เพราะว่าพี่จะนั่งอยู่ที่มุมนี้” ผมกวาดตามองรอบ ๆ มุมนี้เป็นมุมที่มีฉากกั้นไว้สามด้านคือมิดชิดมากพูดง่าย ๆ ถ้ามองจากข้างนอกก็อาจจะเห็นแต่ขาคนนั่ง

เราใช้เวลาทานอาหารกันไม่นานนะครับแต่พี่ซ่าร์มีสั่งไวน์ไอ้สีแดง ๆ มากินด้วย คือสไตล์คุณชายทั้งบ้านเลยแหละผมว่าวิธีกินข้าวนี่อย่างกับถอดแบบกันมาเลย ผู้ดีมาก ๆ

“อ่ะกินนี่” พี่เขาตักอาหารใส่จานให้ผม ผมมองหน้าพี่เขานิ่งขณะที่ในใจกลับคิดไปถึงอีกคน ป่านนี้คุณชายจะกินข้าวกับอะไรนะ จะกินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนแรกกะว่าจะทำกุ้งชุปแป้งทอดให้กินตอนเที่ยง แต่ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้คงกำลังอร่อยกับอาหารหรู ๆ ที่บ้านคุณย่าอยู่กับคู่หมั้นคนสวยนั่นแหละ

“ปิง  ปิงครับ เป็นอะไรรึเปล่า ดูเหม่อ ๆ นะ” พี่ซ่าร์เรียกขึ้นผมจึงนึกได้ว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่ไหนกับใคร

“เปล่าครับ เอ่อพี่ซ่าร์ครับเราจะกลับกันได้ตอนไหนเหรอ คืองานพี่จะเสร็จช่วงไหนน่ะครับ ผมต้องกลับไปทำอาหารเย็นไว้ให้พี่เอย์ด้วย”

“อะไรกันนั่งอยู่กับพี่แท้ ๆ ยังคิดไปถึงเรื่องข้าวเย็นของไอ้เอย์มันอีกเหรอ น่าอิจฉามันจังนะ”

“พี่เอย์เป็นคนทางยากน่ะครับ ตอนเที่ยงอาจจะกินไม่ค่อยได้ ผมเลยว่าจะทำ.....”

“ปิงไม่ต้องห่วงหรอก เอย์ตั้นน่ะ หลานรักคุณย่า แล้วนี่ยังไปกินข้าวพร้อมกับเดียร์ที่เป็นคู่หมั้นของเขาอีก ปิงคิดว่าคุณย่าจะปล่อยให้หลานชายท่านกินอะไรที่ไม่ชอบได้หรือไง”

ผมยิ้มแห้งเลยนะ มันก็ถูกอย่างทีพี่ซ่าร์ว่ามาทั้งหมดจริง ๆ เป็นผมทั้งนั้นที่คิดมากไปเอง เอาใหม่นะไอ้ปิง ผมสูดลมหายใจพร้อมกับตั้งสติใหม่อีกรอบ ตอนนี้ผมจะหยุดคิดเรื่องพี่เอย์ไปก่อนมีสติกับงานตรงหน้าแล้วเดี๋ยวตอนเย็นค่อยว่ากันใหม่

เราออกจากร้านอาหารประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ ผมขับรถตามที่พี่ซ่าร์สั่ง ไม่นานเรามาถึงบริษัทที่เป็นเจ้าของหนังสือบันเทิงยักษ์ใหญ่ ผมหอบเสื้อผ้าแล้วก็กระเป๋าของพี่เขาเดินตามเข้าไป

พี่ซ่าร์แต่งหน้าทำผมเปลี่ยนชุดโดยใช้สไตลิสของบริษัท คือจริงๆพี่เขาหล่อมากอยู่แล้วใครแต่งให้ก็เหมือนกันนะผมว่า

“ไปปิง วันนี้เสร็จแล้วล่ะ เป็นไงแฟชั่นเซทเมื่อกี้พี่หล่อไหม”

“หล่อครับ” ผมตอบไปตามความจริง เราสองคนเดินออกมาด้านนอก

เพราะห้องที่พี่เขาทำงานเมื่อกี้นั้นปิดทึบทั้งหมดที่เขาเรียกกันว่าสตูดิโอน่ะครับ  ผมเลยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ดูพี่ซ่าร์สัมภาษณ์แล้วก็ถ่ายแบบอีกนิดหน่อยจนเพลิน ผมยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาตกใจมากเลยคือว่ามันห้าโมงเย็นแล้ว ผมงี้ตัวชาวาบเพราะผมนัดพี่เอย์ไว้ว่าจะกลับไปไม่เกินห้าโมง แล้วขากลับก็นะ แทนที่จะได้เหยียบจนมิดตีนกลับต้องค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปเพราะรถที่ติดยาวเป็นกิโล ๆ เลย นี่ขนาดวันอาทิตย์

“ขอบคุณมากนะครับพี่” ผมบอกพี่เขาหลังเอารถเข้าจอดที่ช่องจอดของคอนโดคุณชาย

“โทษทีนะปิง เลยเวลาของเจ้าเอย์ไปเลยเดี๋ยวพี่โทรเคลียร์ให้เองปิงสบายใจได้ ว่าแต่ไปกับพี่เป็นไงบ้างชอบงานแบบนี้ไหม เห็นเรานั่งยิ้มตลอดเลยนี่ตอนพี่ให้สัมภาษณ์หนังสือน่ะ”

“ครับ” ผมยิ้มตอบ ก็ผมปลื้มนี่นาได้เห็นพี่แบบใกล้ ๆ ได้รู้ว่าพี่พูดอะไรบ้างก่อนที่หนังสือจะวางแผง ได้เห็นพี่ถ่ายแบบในมุมต่าง ๆ ผมลงจากรถพี่ซ่าร์เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นคนขับเข้าไปนั่งแทนที่ผม พี่เขาลดกระจกลงแล้วหันมา

“ถ้างั้นเสาร์หน้าไปด้วยกันอีกใช่ไหม”

“ห๊ะ? อะไรนะครับ” พอผมได้ยินประโยคที่พี่เขาถามขึ้นเท่านั้นแหละผมเลยตกใจนึกขึ้นได้

“พี่ถามว่าเสาร์หน้าไปด้วยกันอีกนะ เดี๋ยวจ่ายค่าแรงให้เท่าวันนี้เลย”

“พี่ซ่าร์ครับคือผมอยากจะพูดเรื่องนี้พอดี เงินที่พี่ให้ผมน่ะผมรับไว้แค่ใบเดียวนะ ที่เหลือผมวางคืนไว้ให้ที่เบาะหน้ารถนะครับ” ผมก้มลงบอก พี่เขาหันขวับไปมองตรงที่นั่งคนข้าง ๆ ใบพันวางคืนอยู่สามใบ คือวันนี้พี่เขาให้ผมสี่ใบแต่ผมเก็บไว้แค่ใบเดียวเพราะรู้สึกว่ามันเยอะเกินไป

“ทำไมปิง  ทำไมไม่เก็บเอาไว้” พี่เขาหันออกมาถาม คิ้วนี่ขมวดนิด ๆ แล้ว

“ไม่หรอกครับพันเดียวก็เยอะแล้วผมทำงานให้พี่แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ผมขอรับแค่นี้ก็พอ”

“ปิง” คราวนี้พี่ซ่าร์เปิดรถออกมาเลย พี่เขาออกมายืนอยู่ข้างผม ลืมบอกไปพี่ซ่าร์ใส่หมวกแก็ปสีดำด้วยนะ โคตรเท่ คงกลัวจะมีใครจำได้

“มาทำงานกับพี่ไหม? แบบทำทั้งวันดูแลพี่ตลอดเหมือนปิงทำกับไอ้เอย์ เดี๋ยวพี่จะขอปิงมาจากมัน พี่ถูกใจเรานะ ปิงเป็นเด็กดีมากจริงๆ” พี่ซ่าร์เดินใกล้เข้ามาแต่ผมกลับถอยออก คือผมตกใจมากนะที่พี่เขาพูดออกมาแบบนั้น

“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมทำงานอยู่กับพี่เอย์ก็สบายใจดีแล้ว นี่ก็กะว่าจะบอกพี่ด้วยว่าผมจะไม่รับงานแบบนี้อีก คือผมขอโทษนะครับ แต่ผมคิดว่าผมอยากทำกับพี่เอย์มากกว่า”

ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้พี่ซีซ่าร์กำลังคิดอะไร สีหน้าพี่เขานิ่งมาก ๆ พี่ซ่าร์เป็นคนที่พูดเพราะแล้วก็ใจดีกับผมมาก ขณะที่พี่เอย์เป็นคนที่พูดอะไรกับผมห้วน ๆ ตลอด ทำอะไรกับผมแต่ละทีก็มีแต่โหดๆชอบแกล้ง กวนประสาทปากก็เสีย แต่ผมมันเป็นอะไรวะ ดันอยากใช้เวลาของผมอยู่ร่วมกับคนอย่างนั้นเสียได้

“ขอโทษมากจริง ๆ ครับพี่” ผมยกมือขึ้นไหว้พี่เขา คือพี่ซ่าร์ก็อายุมากกว่าพี่เอย์อ่ะนะ ถ้าผมจะไหว้มันก็ไม่แปลกหรอกใช่ไหม

“ไม่เป็นไรครับพี่เข้าใจ ไว้ถ้าเมื่อไหร่ปิงอยากมาทำงานกับพี่แล้วบอกนะ เดี๋ยวเว้นตำแหน่งส่วนตัวไว้ให้ สำหรับปิงพี่รอได้ได้เสมอเลยครับ เพราะว่าปิงน่ารักไงแล้วที่สำคัญปิงเป็นเด็กดี”

อีกครั้งแล้วที่พี่เขายกมือขึ้นลูบหัวผม คำพูดคำจาหวานหูแตกต่างจากพี่เอย์ชัด ๆ เลย แต่ช่างหัวมันสิ ผมเลือกจะทำงานกับพี่เอย์แล้วจะทำไมล่ะ

“งั้นผมลานะครับ พี่ขับรถกลับดี ๆ นะ”

ผมบอกพี่เขาไว้แค่นั้นแล้วเดินตัดเข้ามาด้านในตัวตึกเลย ตอนนี้ทุ่มนิด ๆ แล้ว ไม่รู้คุณชายกลับมาหรือยัง ผมคิดเมนูไว้ตั้งแต่ตอนขับรถ เย็นนี้ผมจะทำต้มยำกุ้งกับผัดกระเพรากุ้งสดแล้วแถมด้วยไข่เจียวกุ้ง ทุกเมนูต้องเป็นกุ้งเพราะเป็นของโปรดของพี่เอย์

ห้องถูกเปิดไฟเปิดแอร์ไว้แล้วแสดงว่าพี่เอย์กลับมาถึงก่อนแล้วจริง ๆ ผมเดินมาดูที่โซฟาไม่มีคิดว่าน่าจะอยู่ในห้องเลยเดินเข้าไปเคาะเรียกดู

ก๊อก ก๊อก

“พี่เอย์ครับ ผมเข้าไปนะ”

ไม่มีเสียงตอบรับผมจึงค่อยหมุนลูกบิดเปิดเข้าไป มันนั่งพิมพ์งานอยู่กับแมคจอใหญ่ ไม่หันมาดูผมด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าเมื่อกี้พี่เขาได้ยินผมเรียกหรือไม่เพราะฉะนั้นผมจะเรียกดูใหม่อีกครั้ง

“พี่เอย์ผมกลับมาแล้วนะ  พี่กินข้าวเย็นหรือยังครับ”

เสียงต๊อกแต๊กเบา ๆ จากแป้นพิมพ์ทำไมผมรู้สึกว่ามันดังมากเลยวะ คือพี่เอย์ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองผมเลย หน้ามันเรียบเฉยจนผมยังคิดไปว่านี่ผมเป็นอากาศธาตุอะไรหรือเปล่าวะ คือผมกำลังถามคุณอยู่นะ ทำไมพี่ไม่ตอบอะไรผมเลย

“ถ้างั้นผมจะออกไปทำกับข้าวแล้วนะ วันนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”

ก็พูดคนเดียวอีกนั่นแหละผมอ่ะ ทุกอย่างยังคงนิ่งและเงียบมีแต่เสียงสัมผัสของนิ้วและคีย์บอร์ด ไม่แม้แต่จะหันมามองกัน นี่คืออะไรกันวะ ผมแบบแม่งโมโหเหมือนกันนะ  อย่างน้อยก็บอกกันสิว่าจะเอาอะไรอยากได้อะไร ไม่พอใจอะไร คือคุณชายอย่าทำแบบนี้กับผมเหอะ ผมขอร้องเลย

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมออกไปทำอาหารไว้ให้ เสร็จแล้วจะเข้ามาเรียกนะครับ”

ผมบอกแล้วเดินออกมา ยืนตั้งสติอยู่ที่หน้าห้องพักนึงแล้วจัดการลงมือกับอาหารที่ผมคิดเมนูไว้ตั้งแต่ตอนขับรถกลับ ใช่อยู่ผมผิดสัญญาที่บอกไว้ว่าจะมาถึงให้ทันก่อนห้าโมงเย็นแต่คืองานพี่ซ่าร์เขาไม่เสร็จจริง ๆ แล้วรถก็ดันมาติดอีก จะให้ผมทำไงล่ะครับ ผมเองก็รีบสุดแล้วเหมือนกันนี่

มองดูเครื่องปรุง ต้มยำกุ้งวันนี้ทำแค่ถ้วยเล็กๆก็พอมั้ง ตอนแรกกะจะทำกินกันสองคนแต่ตอนนี้คุณชายคงไม่อยากให้ผมนั่งร่วมโต๊ะด้วยหรอก เพราะงั้นผมจะทำแค่ถ้วยเล็ก ๆ ไว้ ส่วนผัดกระเพรากับไข่เจียวก็จะลดปริมาณลงทั้งหมดเลยละกัน ทำเสร็จเข้าไปบอกพี่เขาแล้วผมจะได้กลับหอ วันนี้แวะนอนบ้านหน่อยดีกว่าจะได้เอาพวงกุญแจที่ซื้อจากอัมพวาไปฝากด้วย เมื่อเช้าก็ดันลืมเอาให้

ผมถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้ที่ประจำของมัน ครอบฝาชีเล็กๆไว้บนโต๊ะอาหาร กวาดตามองทุกอย่างในครัวอีกครั้ง สะอาดเรียบร้อยดีผมเลยเดินเข้าไปบอกคุณชาย

“พี่เอย์ครับกับข้าวเสร็จแล้วนะ ผมวางไว้บนโต๊ะอยู่ในฝาชีนะครับ” คือผมก็ไม่รู้จะบอกมันทำไมนะ ทุกครั้งที่ทำไว้ให้ก็วางอยู่ตรงนั้นนั่นแหละเหมือนเดิม แต่คือผมแค่อยากได้ยินเสียงพี่เขาตอบกลับมาบ้างไรบ้าง

ซึ่งพี่เอย์ก็ยังคงเงียบ นั่งพิมพ์งานของพี่เขาต่อไป เสียงผมนี่คงส่งไปไม่ถึงพี่เขาแล้วล่ะ ผมเลยเดินเข้าไปใกล้มันอีกหน่อยคือพูดง่าย ๆ ตอนนี้ยืนอยู่ติดขอบโต๊ะเลย ผมคิดนะถ้ามันไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรอีกนั่นคือผิดปกติมากๆแล้ว

“พี่เอย์ ผมจะกลับแล้วนะพี่”

พี่เอย์หยุดมือลงแล้ว มันจ้องที่หน้าจอนิ่งเลย ทุกอย่างรอบตัวเราตอนนี้คือนิ่งหมดและเงียบมาก  ผมไม่ได้ยินอะไรเลยนะคือรอฟังแค่นั้นว่าพี่เขาจะพูดอะไรตอบกลับผมมาบ้างไหม

“ผมรู้ว่าผมมาช้า ผมผิดสัญญาที่บอกกับพี่แต่คืองานของพี่ซ่าร์เขายังไม่เสร็จจริง ๆ แล้วพอเราออกมารถก็ติดมาก ๆ เลยครับ  พี่เอย์ โกรธผมเหรอ”

เงียบอีกครับ ยังเหมือนเดิม มันยังนั่งนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น แม้แต่เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเหมือนคนรำคาญผมอย่างทุกครั้งที่เคยทำก็ไม่มี ผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะมีความอดทนอะไรมากมายหรอกนะครับ แต่พยายามรอ  รอให้มันพูดอะไรออกมาบ้าง คือจะเป็นอะไรก็ได้ จะว่าจะด่าจะประชดกันอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะตอนนี้คือผมโคตรอึดอัดถ้าคิดอะไรแล้วไม่ยอมบอกยอมพูดกันแบบนี้

“ผมไม่รู้นะว่าพี่โกรธผมเรื่องอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผมมาถึงช้าผมขอโทษไปแล้ว ส่วนเรื่องอื่นถ้าพี่เอย์ไม่พอใจอะไรก็ขอให้บอกนะครับ ผมโง่นะ ไม่รู้หรอกว่าพี่กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่”

มันขยับตัวนิดหน่อยตอนแรกผมเกือบจะยิ้มแล้วเพราะคิดว่ามันจะพูดกับผม แต่ไม่ใช่เลยครับพี่เขาสนใจกับงานคอมที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก มันเริ่มรัวนิ้วลงที่แป้นพิมพ์อีกครั้ง คือทำหน้าเมินผมแบบโคตรๆเลยนะคุณจินตนาการไม่ออกหรอก ผมมองหน้ามันแล้วโคตรจุกอ่ะ   พี่ครับผมไม่เข้าใจว่ะ

ความอดทนของผมขาดผึง คุณเชื่อไหม....ผมเป็นคนดื้อจริง ๆ นะแล้วผมก็ยังเป็นคนที่ตรงมากจนน่าทึ่งด้วย คุณคิดเหรอว่าเรื่องวันนี้ตอนนี้และขณะนี้ผมจะไม่รู้ว่าไอ้คุณชายมันกำลังคิดอะไรหรือเป็นอะไร ผมรู้หมดแหละแต่ผมแค่อยากจะได้ยินมันบอกผมออกมาเอง คืออะไรวะ? มีสิทธิ์อะไรมาโกรธผมล่ะ ผมจะไปไหนมาไหนกับใครมันก็เรื่องของผมป่ะ  ในเมื่อเราสองคนไม่ได้อะไรกันเลย แล้วที่สำคัญผมก็เข้ามาถามมันแล้วมันบอกเองนี่ว่า จะไปไหนก็ไป เรื่องของมึง พอผมไปทำมาโกรธ แบบนี้มันใช่เรื่องป่ะ ผมก็งอนเป็นเหมือนกันนะไม่ใช่มันจะงอนเป็นอยู่คนเดียวซะที่ไหน เออเอากับผมดิ

“พี่ไม่พอใจที่ผมออกไปกับพี่ซ่าร์ใช่ไหม” ถามแม่งตรง ๆ นี่แหละ

มันชะงักนิดเดียวไม่ถึงหนึ่งวิด้วยซ้ำ  คอยดูนะผมจะง้างปากมัน คราวนี้ถ้าผมทำให้มันพูดออกมาไม่ได้ลบชื่อผมออกจากสารบบเด็กเกรียนเทคนิค......ได้เลย

“พี่เอย์ผมไม่เข้าใจว่ะพี่ ไม่เข้าใจว่าพี่จะโกรธผมทำไม คือผมก็เข้ามาขอพี่แล้วใช่ป่ะ  คือผมงงมาก ๆ เลยถ้าพี่ไม่อยากให้ผมไปทำไมถึงไม่บอกมาตั้งแต่ตอนนั้น พี่พูดว่าจะไปไหนก็ตามใจมันเรื่องของผมแล้วพี่ก็เดินออกไปกับคู่หมั้นของพี่ มันคืออะไรอ่ะพี่ ความรู้สึกของพี่มันคืออะไรเหรอ ผมเคยถามใช่ไหมว่าพี่คิดยังกับผมชอบผมใช่ไหม พี่ก็บอกเองว่าไม่ได้ชอบ วันนั้นผมหน้าแตกยับเลยนะแต่ช่างเหอะตรงนั้นผมลืมมันไปหมดแล้ว ที่พูดอยู่เนี่ยคือผมงงแค่นั้นเองในเมื่อพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย พี่มาทำแบบนี้กับผมทำไม จะโกรธทำไม จะไม่พอใจผมเรื่องอะไร จะทำเมินไม่มองหน้ากันไม่เห็นกันอยู่ในสายตาแบบนี้ทำไม พี่ต้องการอะไรจากผมพี่บอกสิ พี่ต้องการอะไรครับอยากจะให้ผมพูดอะไรแบบไหน ในเมื่อบอกเองว่าไม่ได้ชอบผม ก็คือผมมีสิทธิ์จะไปไหนกับใครก็ได้ใช่รึเปล่า แล้วที่วันนี้พี่ซ่าร์เขาชวนผมว่าอยากให้ผมไปอยู่กับพี่เขาไปทำงานกับพี่เขาแบบเต็มเวลางั้นผมจะไปก็เรื่องของผมอีกใช่ไหม  พี่ไม่แคร์เลยใช่ไหม  พี่จะปล่อยให้ผมไปกับพี่เขาได้เลยใช่ไหม เลิกทำงานกับพี่เลยก็ได้จะเอาแบบนั้นเลยใช่ไหม ต้องการแบบนั้นใช่ไหม นั่นใช่ไหมคือสิ่งที่พี่ต้องกะ..............................อื้อออออ”


นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมถูกพี่เอย์จูบปิดปาก ไม่รู้ว่าผมพูดยาวเหยียดจนเกินไปหรือเพราะมันเห็นหน้าตาผมหล่อน่ารักจนทนไม่ไหวกันแน่ กิกิ คุณเชื่อไหมครับคำพูดที่ผมร่ายยาวมาทั้งหมดนั่นมากมายก็เพื่อจะล่อให้มันแสดงปฏิกิริยาอะไรกลับมาที่ผมบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็โกรธ มองหน้า ด่าหรือ ทำตาเขียวใส่ แต่ใครจะคิดล่ะว่าคุณชายจะลุกพรวดพราดขึ้นมาจูบผมแบบนี้


ตายห่า ทำไมผมถึงรู้สึกดีแบบนี้เรียวลิ้นอุ่นร้อนกำลังเลาะเล็มและเริ่มสอดแทรกเข้ามา โอ๊ยยยตายๆกูตายอยากเห็นผมขาดใจตายไปตอนนี้เลยเหรอ ผมใจเต้นแทบจะระเบิดทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่จูบแรกของผมสักหน่อย พยายามท่องนะโมๆข่มใจไว้  ใจเย็นๆมึงใจเย็น ๆ มึงต้องสู้ปิง มึงต้องสู้ พี่เขาดูดปากมึงมาขนาดนี้ถ้ามึงยังยอมให้เขาต้อนมึงอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้มึงเสียเชิงชายแน่ คิดได้แค่นั้นแหละครับผมยกสองมือขึ้นขยุ้มหน้าอกเสื้อมันเลย เอาดิ่ผมไม่กลัวอ่ะผมจะสู้  มึงต้องสู้ปิง พี่เอย์แม่งเหี้ย ยิ่งผมจูบตอบมันยิ่งดันตัวผมสองมือที่สอดอยู่ท้ายทอยกดล็อคใบหน้าผมไม่ให้หันหนี  ผมถอยจนหมดหนทางที่จะถอยแล้ว ขณะในใจกำลังคิด อย่านะมึง อย่านะ คือตอนนี้ผมกับมันอยู่ในห้องนอนใช่ไหมถ้ามันดันผมให้ถอยไปตกลงที่เตียงนี่ผมว่าผมตายไปเลยนะ แต่ดีหน่อยที่มันดันตัวไปทางผนังห้อง แผ่นหลังผมจึงชิดกับผนังก็แค่นั้น พี่เอย์แม่งรุนแรง มันจูบอะไรของมันคือมันจูบผมแรงมากอ่ะบอกเลย จูบเหมือนคนไปตายอดตายอยากที่ไหนมาอย่างนั้นแหละ มือแม่งก็ล็อคหน้าผมจนแน่นคือกะไม่ให้ผมหันไปทางไหนเลยใช่ไหม แล้วทีตัวเองล่ะเปลี่ยนองศาการจูบผมแม่งรอบทิศแล้ว โอ๊ยยยยตายๆผมจะตายแล้วตอนนี้ รู้สึกดีแบบโคตรๆ

อ่ะห์ ~ ~

เสียงผมถอนหายใจปนหอบอย่างเสียดายเมื่อคุณชายถอนปากมันออกมาแล้วหลังจากที่ดูดเอาๆจนพอใจ พี่ท่านผู้ช่วงชิงลมหายใจของผมไปหลายนาทีกำลังจ้องหน้าผมนิ่ง มันเองก็หอบแฮ่กไม่ต่างจากผมหรอก ไม่ใช่ว่าเหนื่อยนะครับแต่คือพวกเราต่างพยายามควบคุมอะไรต่อมิอะไรที่มันร้อนเร่า เราสองคนสบสายตากันความหมายของผมคือ พี่เอย์จะพูดอะไรต่อจากนี้ไหม คือพี่จูบผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ถ้าจะมาบอกว่าไม่ได้คิดอะไรอีกนี่คือผมจะต่อยปากมันเลยเอาดิ่


“กูไม่ได้ต้องการอะไรเลย ขอแค่ได้ใช้เวลาอยู่กับมึงในทุก ๆ วันก็พอ”


นี่ถ้าผมเป็นลมพับลงไปพี่จะอุ้มผมแล้ววางลงบนเตียงเหมือนในหนังเจ้าสาวรึเปล่าครับ พี่เอย์คือคำสารภาพรักของพี่ มัน-เสี่ยว-มาก มันจะตายเหรอถ้าพี่จะพูดออกมาสักคำว่าพี่ชอบผม คือผมนี่จิกปลายเท้ากลั้นขำเลยนะ คนปากแข็งเอ้ย  ตาย ๆ ผมต้องตั้งสติไว้กลัวพี่เขาจะหาว่าผมไม่ซึ้ง ทำยังไงดีไอ้ปิงผมจี้แบบสุด ๆ คือผมเป็นคนตลกนะครับ เรื่องอะไรสำหรับผมผมคิดในทางบวกได้หมดอ่ะ ยกเว้นเมื่อเช้านี่แหละ พี่เอย์แม่งทำให้ผมมีหลากหลายอารมณ์ได้ในเวลาวันเดียวเนี่ย ผมว่าพี่ไม่ธรรมดาจริงนะ

“ นี่พี่กำลังบอกรักผมอยู่เหรอ ใช่ไหม”

“................”

“พี่เอย์” ผมเรียกมันอีก เพราะพี่เอย์เงียบไปไม่ตอบผม

“โง่หรือไง คิดเองไม่เป็น?” ตูว่าแล้ว กำลังจะซึ้งอยู่แล้วมาด่ากันอีก ผมเลยจ้องหน้ามันนิ่งคือตอนนี้เราต่างคนต่างไม่ยอมลง ผมก็มองมัน มันก็มองผม พี่เอย์แม่งอยากจะพูดอะไรกันแน่วะ

“หมาปิง”

“ครับ”

“ใช้งานมึงได้ทั้งวัน มึงคิดเท่าไหร่”

ผมทวนคำพูดมันอยู่ในใจ พร้อมกับขมวดคิ้วนิด ๆ กำลังนึกว่าพี่เขาจะสื่ออะไร  “มะ...หมายความว่ายังไงพี่  คือผม..”  

“เฉพาะกู  แค่กูคนเดียว กับเวลาตลอดทั้งวันของมึง”

จบแล้วครับ  ใครก็ได้ช่วยเก็บศพผมที ที่แท้คุณชายหึงผมกับพี่ซ่าร์นี่หว่าไม่อยากให้ผมไปทำงานกับพี่เขาก็บอกให้มันตรง ๆ ดิว้าา อ้อมโลกโคตรๆถึงขนาดสู่ขอผมให้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งวัน เฮ้ยแต่เดี๋ยวก่อน!  คือพี่เขากำลังชวนผมมาอยู่ด้วยกันเหรอวะ ตาย ๆๆ ทำไมผมถึงความรู้สึกช้าแบบนี้วะเนี่ย  ไอ้ปิงมึงทำไมวาสนาดีแบบนี้พี่เขาเป็นถึงดอกฟ้าแต่โน้มกิ่งลงมาหามึงก่อนแล้ว คึคึ  สู้ดิวะมึงปิง มึงต้องสู้ ออกไปสู้มึงต้องสู้ พี่เขาสารภาพกับมึงแล้ว คนปากแข็งพูดกับมึงมากขนาดนี้ถือว่าที่สุดของมึงแล้วปิง  ผมอมยิ้มแล้วมองหน้ามัน ถามตัวเองนะว่าชอบมันมากไหม ทั้งฐานะ ทั้งสังคม ทั้งอะไรต่อมิอะไรที่แตกต่างกัน แต่ผมจะลองสู้ดู สู้กับจิตใจของตัวเอง ผมเป็นคนคิดบวกผมจะไม่งี่เง่ากับชนชั้นวรรณะแบบนั้น  คำตอบของผมเหรอครับ ชอบดิ ผมชอบพี่เอย์เข้าแล้วจริง ๆ แหละ ชอบที่มันเป็นคนแบบนี้นั่นแหละ....

“มึงห้ามยิ้มนะ”

“พี่เอย์ผม คือ ผม คือผมรู้สึกดีว่ะพี่”

“งั้นเหรอ จะร้องไห้ไหมล่ะ กูจะนั่งดูให้ หึหึหึหึ”

คุณชายกระตุกรอยยิ้มร้าย มันขยับมือนิดๆทั้งที่ยังสอดอยู่ที่ท้ายทอยผมนั่นคือการลูบหัวรึเปล่า ผมจะคิดแบบนั้นก็แล้วกัน  บ้า พี่เอย์บ้า ๆ คือถ้าเป็นผู้หญิงผมคงจะรัวกำปั้นไปบนหน้าอกมันแล้วซบใบหน้าลงไป แต่คือผมเป็นผู้ชายไง ผมจะทำยังไงดีวะที่จะให้มันรู้สึกว่าผมน่ารักแบบนั้นบ้าง ผมก็เลย....

ผั๊วะ!!!

ก็ผมอายนี่ แค่ซัดเข้าที่ปากพี่เขาเบา ๆ เองทำไมถึงต้องหน้าเงิบแบบนั้นด้วยล่ะ พี่เอย์จะเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ คือผมก็ห่วงนะแต่ผมห่วงตัวเองมากกว่าเพราะตอนนี้ผมเห็นว่ามันยกตีนขึ้นมาแล้ว ไอ้ปิงขอวิ่งหนีออกมานอกห้องพี่ท่านก่อนล่ะครับ

“ไอ้หมาปิง!


แว๊กกกกกกกกกกกกกกกก  เสียงพี่เอย์อย่างดังเลย



Tbc.