บทที่ 24 I’m Still Loving You
เสียงนาฬิกาปลุกที่วารินตั้งไว้เป็นประจำดังขึ้น
คนตัวเล็กลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวทั้งที่ยังหลับตา เขาจัดการธุระส่วนตัวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อย
นึกแปลกใจว่าทำไมวันนี้นับดาวดูเงียบผิดปกติ ไฟในห้องก็ยังไม่เปิดทั้งที่ปกติแล้วเด็กสาวจะอาบน้ำเสร็จก่อนเขาแท้
ๆ
วารินลองเคาะประตูห้องเบา
ๆ ชั่งใจรออยู่ครู่หนึ่ง นับดาวก็เดินโซซัดโซเซเปิดออกมาแล้วบอกเขาว่าวันนี้คงลุกไม่ไหวจริง
ๆ
“ไม่เป็นไรถ้าอย่างนั้นดาวนอนต่อเถอะนะ
ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารเดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“รบกวนด้วยนะพี่ทราย
ดาวไม่ไหวจริง ๆพี่”
วารินรับคำ เดินออกมาที่โรงจอดรถ
หยิบกุญแจพร้อมชะเง้อคอดูรอบ ๆ บริเวณว่าทินกรมาจากที่บ้านแล้วหรือยังเพราะปกติเขาจะต้องมาล้างรถเช็ดรถแต่เช้าตรู่ทุกวัน
“คุณทรายจะไปตลาดหรือครับ”
เสียงเตโชร้องทัก
เขากำลังลากสายยางเข้าไปเติมน้ำที่สระหน้าบ้าน วารินพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มไปให้
เตโชจึงเดินเข้ามาหา
“ตื่นแต่เช้าเลยนะนายเต”
“ครับ ดาวไปไหนล่ะครับ เช้านี้ยังไม่เห็นเลย”
เขายกนาฬิกาข้อมือแบบที่นักกีฬาชอบใส่ขึ้นดู ปกติตีห้า นับดาวต้องตื่นมาดูแลบ้านช่องแล้วแต่วันนี้ยังไม่เห็น
“ดาวไม่สบายน่ะ
นอนซมเลยฉันเลยบอกให้พัก”
เตโชยื่นมือไปขอกุญแจรถ
วารินเลิกคิ้วสงสัยนิดหน่อยแต่ก็ยอมส่งให้พอดีกับที่ทินกรขับมอเตอร์ไซด์เข้ามาทำงานพอดี
เตโชจึงอาสา บอกพ่อของเขาว่าเดี๋ยวจะพาวารินไปตลาดเพราะนับดาวไม่สบาย
“นายเตจะพาฉันไปเหรอ?”
“ครับ
เดี๋ยวผมขับรถให้เอง เช้ามืดแบบนี้อันตราย มิฉาชีพเยอะ”
ใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงตลาดสดใกล้บ้าน วารินซื้อทั้งอาหารสดและผักสดเขาพยายามนึกว่าเคยเห็นนับดาวซื้ออะไรที่ตรงไหนบ้าง
ในขณะที่เตโชก็ช่วยถือของให้ทุกอย่างจนสองมือพะรุงพะรังไปด้วยของสดของแห้ง
“ไม่เป็นไรนายเต
เดี๋ยวอันนี้ฉันถือเอง” วารินรีบแย่งถุงผักมาคืนเมื่อเตโชทำท่าจะรับไปถือให้อีก ทั้งที่สองมือนั้นก็เต็มจนไม่มีที่ว่างอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ
ผมถือไหว” เขาปฏิเสธยื้อถุงไว้
“เอามาเถอะน่า
ฉันถือช่วย”
“ไม่เป็นไรจริง
ๆ ครับ มือคุณทรายเล็กนิดเดียวเดี๋ยวเจ็บนะ แต่ล่ะอย่างมีแต่หนักๆทั้งนั้น”
“นายเตเห็นฉันเป็นคนอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ
ฉันเองก็เป็นผู้ชายนะถึงตัวจะเล็กกว่าแต่ฉันก็ยังสูงกว่าผู้หญิงหลายๆคน
อย่าทำเหมือนฉันเป็นภาระให้นายเตแบบนั้นเลย”
“ขอโทษครับคุณทราย
ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
เตโชหน้าเสียรีบแก้ตัวแทบไม่ทันเขาเพียงแต่คิดว่าวารินบอบบางน่าทะนุถนอมเลยไม่อยากต้องให้หิ้วของหนักๆเพราะกลัวมือนิ่ม
ๆ นั่นจะเจ็บ
“ถ้าอย่างนั้นก็เอามาให้ฉันช่วยถือด้วย”
วารินยื่นมือไปรับเอาถุงมาถือช่วยส่วนหนึ่ง
คราวนี้เตโชไม่กล้าขัดแล้วจำใจส่งให้คนตัวเล็ก
วารินแวะซื้อผักกะหล่ำปลีและเห็ดหอมเป็นอย่างสุดท้าย
เตโชเลยแซวเขาว่าวันนี้สงสัยจะได้ทานตุ๋นกระดูกหมูกะหล่ำปลีใส่เห็ดหอมเหมือนเมื่อสองวันที่แล้วอีก
คนตัวเล็กจึงยิ้มกว้างออกมาอย่างอาย ๆ เพราะว่าเตโชทายถูกจริง ๆ เขาทำอาหารไม่เป็น
อาศัยดูนับดาวทำเล็กๆน้อย ๆ วันนี้คงต้องลงมือด้วยตนเองวารินก็อดจะกังวลไม่ได้
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับเดี๋ยวผมจะเข้าไปช่วยอีกแรง”
เตโชอาสา ส่งยิ้มอ่อนโยน
“นายเตทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
วารินหันไปถามเขาทันที แอบดีใจที่จะมีคนมาทำกับข้าวช่วย
“ครับ
ก็พอได้ ตอนเด็กๆ เคยเห็นแม่ทำบ่อย ๆ เลยแอบจำๆมาบ้างเหมือนกัน”
“โถ่เอ้ย
นึกว่าเคยทำเป็นเรื่องเป็นราว” วารินแกล้งปรายตาพร้อมเบ้ปากผิดหวังใส่เขา
“แฮ่ ๆ
เคยที่ไหนกันล่ะคุณทรายก็” เขาตอบหน้าจ๋อยเลี่ยงมองไปอีกทางแก้เก้อที่โดนวารินจับไต๋ได้
คนตัวเล็กเลยบิดแขนเขาไปเบา ๆ
เพราะหมั่นเขี้ยวที่พูดจาเสียดีแต่ดันยังไม่เคยลงมือทำจริงเลยสักครั้ง
หลังกลับจากตลาดวารินจัดการหุงข้าว
ต้มข้าวต้มขาวไว้ให้ภัครจิรา ล้างผักให้สะอาดหมดจด กรีดแต่ละใบๆออกมาแช่เกลือล้างพิษไว้ครู่หนึ่ง
อาหารของภัครจิราต้องสะอาดและประณีตกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสารตกค้างเขาจึงค่อยหั่นแล้วเอาทุกอย่างลงหม้อตุ๋นพร้อม ๆ
กับกระดูกหมูอ่อนที่ถูกตุ๋นไว้ก่อนหน้าเมื่ออาหารเสร็จ ทุกอย่างจะต้องนิ่มเคี้ยวง่ายจะทำให้ภัครจิราทานได้สะดวก
ส่วนอาหารของธาราธารนั้นง่ายกว่ามากเพราะเขาจะไม่ทานคาร์โบไฮเดรตในมื้อเช้า
วารินจึงเน้นไปที่คอร์สอาหารฝรั่งง่ายๆ
“วันนี้ใครทำอาหาร?!”
ทันทีที่ร่างสูงใหญ่นั่งลงที่หัวโต๊ะ
เสียงทุ้มแต่ห้วนมากก็ถามขึ้น สายตาคมกริบกวาดมองไปที่อาหารบนโต๊ะอย่างพิจารณา
“พี่ทำเองแหละ ดาวเขาไม่สบายพี่เลยบอกให้พัก”
วารินเริ่มใจเสียเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มนั่นขมวดคิ้วแน่นและเงียบไปพักหนึ่ง
ยังจดจำเหตุการณ์ที่มาอยู่บ้านนี้วันแรกได้ดี ธาราธารเทอาหารที่เขาทำลงถังขยะอย่างไม่แคร์เลย
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า
ดาวน่ะ” เขาถามขึ้นหลังจากที่นิ่งไปครู่หนึ่งแต่แล้วก็ลงมือทาน
“ตัวร้อนนิดหน่อยเห็นบอกว่าปวดหัว
พี่เลยให้กินยาแล้วนอนพัก ถ้าธารมีธุระอะไรก็เรียกพี่ได้เดี๋ยวทำแทนดาวให้”
เขาพยักหน้ารับ
วารินแอบยิ้มในใจที่เขายอมทานอาหารที่ตนเองทำ เริ่มมองเห็นความหวังว่าต่อไปอาจจะยอมให้เข้าไปช่วยดูแลภัครจิราได้และวารินก็จะค่อย
ๆ ลองคุยเรื่องซื้อคืนบ้านเล็กๆของพวกเขาดู ธาราธารใช้เวลาทานไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำเขายกแก้วน้ำมะนาวขึ้นดื่มแล้วนึกบางอย่างขึ้นได้
“ที่หลังขึ้นมาเรียกสิ
ไปตลาดคนเดียวแต่เช้ามืดมันอันตรายนะ”
“อ๋อไม่เป็นไร
เมื่อเช้านายเตพาพี่ไป ธารไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
วารินตอบไปตามตรง
เผลอยิ้มกว้างเพราะดีใจกับคำพูดของเด็กหนุ่ม
แต่เขาไม่ได้สังเกตท่าทีอีกคนเลยสักนิด
ธาราธารหน้าเครียดขึงขึ้นทันทีที่ได้ยินว่าวารินไปจ่ายตลาดพร้อมกับเตโช
มือที่ถือแก้วน้ำมะนาวอยู่ยกค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะกระแทกก้นแก้วลงกับโต๊ะจนเกิดเสียงดังสนั่น! วารินสะดุ้งโหยง
ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดพราดหุนหันออกจากห้องไปทันที
“เป็นอะไรของเขานะ?”
คนตัวเล็กพึมพำ
ช่วงสายของวันนั้นธาราธารอยู่ที่ห้องหนังสือ
วารินเดินเอาของว่างเข้ามาให้ตามเวลา เขาจึงเรียกให้ช่วยทำสรุปรายงานของโรงแรมที่ยังค้างอยู่ต่อ
“พี่ขอใช้เครื่องได้ไหม”
วารินถามขึ้น มีโน๊ตบุ๊คอีกเครื่องที่ธาราธารไม่ได้เปิดใช้งานวางอยู่
“ไม่ได้! ให้ใช้ปากกาเขียนเอาเท่านั้น
ผมไม่ชอบอ่านสรุปจากหน้าจอ แต่ชอบอ่านจากโน้ตย่อมากกว่า”
เขาพูดจบแกล้งสนใจงานบนโต๊ะของตัวเองต่อไป
อันที่จริงแล้วจะอ่านจากที่ไหนเขาก็อ่านได้ทั้งนั้นแต่เมื่อเช้าวารินดันทำให้เขาโกรธเรื่องของเตโชเพราะอย่างนั้นเขาจึงแกล้งอีกฝ่ายเพื่อความสะใจล้วน
ๆ
แฟ้มกองโตสูงจนท่วมหัวถูกผลักออกมาอยู่ต่อหน้าคนตัวเล็ก
วารินเงยหน้าหาเขาทันที
“กองนี้ทำเสร็จแล้วนี่
ก็เมื่อคืน..”
“นั่นมันอ่านไม่รู้เรื่อง!
ช่วยเขียนให้เข้าใจง่ายกว่านั้น เอาแบบสั้น ๆ
แต่ได้ใจความไม่ใช่น้ำท่วมทุ่งแบบนี้”
ใบหน้าเล็กงอง้ำเข้าทันที
วารินมั่นใจว่าตัวเองสรุปได้ชัดเจนแล้วก็สั้นได้ใจความที่สุดแล้ว แต่เป็นอีกฝ่ายต้องการกลั่นแกล้งเขาต่างหาก
วารินก้มหน้าก้มตาเขียนไป
แฟ้มแล้วแฟ้มเล่าขณะที่อีกคนก็แอบมองผ่านแว่นใสมาเป็นระยะๆ พอถึงเวลาเที่ยงจึงลงไปเตรียมอาหารขึ้นมาให้
“ทำไมไม่เอาขึ้นมากินด้วยกัน”
เขาถาม
“ธารกินเถอะ
เดี๋ยวพี่จะลงไปดูนับดาวหน่อย ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง”
ที่ห้องของนับดาว
วารินตักข้าวต้มเข้ามาให้ถึงเตียง เด็กสาวรีบลุกขึ้นบอกเกรงใจแล้วเกรงใจอีก
วารินจึงบอกไม่เป็นไรให้นอนพักเยอะๆ
แล้วเขาก็ขึ้นไปนั่งทำงานต่อโดยที่ธาราธารเองก็ยังไม่ได้ลุกออกจากห้องไปที่ไหนเลย รายงานเล่มแล้วเล่มเล่าถูกเขาเขียนสรุปแล้ววางแยกไว้อย่างเป็นระเบียบ
วารินหยุดมือครู่หนึ่งแอบมองไปที่คนตรงหน้า เห็นเด็กหนุ่มกำลังจดจ่ออยู่กับงาน
ดวงหน้าใต้แว่นสายตาใสนั่นทำให้เขาหวนนึกไปถึงวันเก่า ๆ อีกครั้ง
ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน...
“พี่ครับพี่จ๋าคนสวยมาดูตรงนี้ให้น้องธารเดี๋ยวหนึ่งสิครับ
น้องธารเล่นไม่ชนะเลยสักที พี่จ๋ามาสอนน้องธารหน่อย”
“อย่ามาว่าน้องธารนะ
น้องธารสระทุกวันเหอะ คุณแม่ยังชอบมาดมเลย พี่จ๋าโกหกน้องธารไม่เชื่อหรอกจิ๊!น้องธารโกรธแล้วด้วย!”
“ไม่ไปไหนอีกแล้ว
วันนี้จะกลับไปค้างที่บ้าน”
“พี่ไม่ได้ถามเราสักหน่อย”
“ผมก็แค่อยากบอก กลัวคนบางคนคิดมาก”
“ได้โปรดอย่ากลัวที่จะรัก
ช่องว่างสิบสองปีผมถมยังไงก็ไม่มีทางตามพี่ได้ทันหรอก
ขอเพียงแต่พี่เดินรอผมบ้างก็พอแล้ว
ผมจะไม่บังคับจะให้อิสระแต่ขออย่างเดียวขอให้พี่ ‘ซื่อสัตย์’ กับผม
พี่รู้ไหมคนประเภทไหนที่ผมเกลียดที่สุด”
“รักนะ ผมรักพี่”
“รักธารเหมือนกัน”
“แลกกับบ้านหลังนั้น
เข้ามาอยู่กับผมในฐานะ ‘คนรับใช้’ เป็นที่รองมือรองตีนผมทุกอย่าง ทำได้ไหมล่ะ พอถึงตอนกลางคืนก็กลายเป็นอีตัวให้ผมระบายอารมณ์
หึ!
ถึงจะน่ารังเกียจไปหน่อยเกรดเดียวกันกับกะหรี่ตามซ่องแต่ก็ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อ
แบบนี้ดีไหม ชอบไม่ใช่เหรอนอนอ้าขาให้คนเขาเอาน่ะ”
“อย่ามาทำอวดเก่งในบ้านผมนะ! บอกแล้วไงหน้าที่ของพี่มันคืออะไร
ถ้างานตอนกลางวันมันทำแล้วไม่มีอะไรดีก็ทำงานตอนกลางคืนให้มันดี
คนร่านๆแบบพี่มันก็ถนัดแต่เรื่องร่อนสะโพกอยู่บนเตียงแค่นั้นแหละ”
“คนต่ำๆแบบพี่มันก็ต้องโดนทำเรื่องต่ำๆแบบนี้
ก็สมควรแล้ว ไม่อยากรู้รึไงว่าพ่อกับลูกใครมันจะถึงใจกว่ากัน
ผมจะสงเคราะห์ให้สักครั้ง
แล้วก็ไม่ต้องคิดเข้าข้างตัวเองนะว่าผมจะจริงจังจริงใจอะไรด้วยเพราะคนอย่างพี่มันก็เป็นได้แค่ไอ้ตัวอีตัวแก้ขัดเมื่อผมอยากมันก็เท่านั้น
ไม่มีค่าอะไรเลยสักนิด!”
“อย่าคิดมาลองดี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทุกคืนให้ขึ้นมารอผมที่นี่
ทำให้ผมพอใจเสร็จแล้วก็ไสหัวกลับไปนอนที่เรือนคนใช้เหมือนเดิม คนร่าน ๆ
มันต้องโดนแบบนี้แหละถูกต้องแล้ว”
“ขึ้นรถ!”
“ไม่ไป! อยากไปไหนก็ไปเลยอยากทิ้งกันก็ไปเลยไม่ต้องมาสนใจ
กลับมารับกันทำไม! กลับมาอีกทำไม!!”
“เลิกอวดดีแล้วสำนึกสักทีกับความผิดที่ทำลงไป ขึ้นรถ!”
“ไม่ไป! ปล่อยให้ตายอยู่ตรงนี้เลยไม่ต้องมาสนใจกัน ออกไป อย่ามาแตะต้องกัน ไม่ไป! ไม่ไป!”
“ร่านไม่ร่านพี่ก็ร่อนสะโพกอยู่บนตัวของพ่อผมนั่นแหละ
จำไม่ได้รึไงว่าทำอะไรลงไปบ้างหรือว่าเพลิดเพลินกับรสสวาทจนลืมไปหมดแล้ว
แย่หน่อยนะเพราะคนอย่างพี่คงไม่มีวันได้ไปร่านร่อนแบบนั้นอยู่บนตัวใครได้อีกแล้ว
มีแต่ผมเท่านั้นที่พี่จะทำแบบนี้ด้วยได้ จำเอาไว้ให้ดี!”
น้ำตาหยดหนึ่งไหลตกลงมาที่แก้มเนียนใส
วารินก้มหน้าจนชิดอกรีบยกมือขึ้นเช็ด กลัวว่าเขาจะสังเกตเห็น
ความผิดที่เขาไม่ได้ตั้งใจก่อ
กับความรู้สึก ‘รัก’ ที่คงจะพังทลายลงไปแล้วของคนตรงหน้า
ทั้ง ๆ ที่แสนร้ายกาจ
ป่าเถื่อน ทำเรื่องเลวร้ายกับเขามากมายสารพัด แต่ทำไมเขาถึงเกลียดผู้ชายคนนี้ไม่ลงกันนะ
....คำว่ารัก
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน....
ช่วงบ่ายแก่
ๆ มีแขกมาเยี่ยมภัครจิรา ธาราธารจึงต้องลงมาต้อนรับและพาบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายขึ้นไปเยี่ยมเยียนคุณแม่ของเขาอยู่ที่ห้องกระจกโค้งซึ่งเป็นห้องพักผ่อนชั้นบน
วารินจึงถือโอกาสออกไปยืดเส้นยืดสายที่สวนหน้าบ้าน
“ทำอะไรอยู่น่ะนายเต”
เพราะเห็นเตโชกำลังตัดแต่งกิ่งดอกกุหลาบอยู่จึงได้เดินเข้าไปดู
คิดว่าจะเข้าไปขอสักสองสามดอกเพื่อปักแจกันที่โต๊ะหนังสือ อาจทำให้เจ้าของห้องคลายเครียดจากงานได้บ้าง
“ขอฉันสักสองสามดอกสิ
ได้ไหม?”
เตโชตัดเอาก้านที่แข็งแรงและดอกโตสวยงามส่งให้
“โอ๊ะ!” คนตัวเล็กอุทานขึ้นเพราะเผลอกำรอบลำต้น หนามจึงปักมือเข้าเต็ม
ๆ เตโชรีบขอโทษขอโพยเขาลืมไปว่าต้องเหลาหนามออกให้เรียบร้อยก่อนเพราะตัวเขาใส่ถุงมือหนังสำหรับทำสวนเอาไว้จึงเผลอประมาทไป
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง”
วารินรีบดึงมือกลับ แต่เตโชชิงบอกว่าเดี๋ยวจะเข้าไปเอายาแดงมาใส่ให้
“ไม่เป็นไรหายแล้วนี่ไง”
วารินยกนิ้วขึ้นดูดเลือดตัวเองเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่ากังวลเกินเหตุ
แล้วโชว์ให้เตโชดูอีกครั้งว่าเลือดหายไปหมดแล้วจริง ๆ เตโชก็ยังรั้งมือเล็กลงมาดูอีกให้แน่ใจ
รถยนต์แขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเจ้าของบ้านทยอยขับกลับ ที่หน้าบ้านธาราธารยืนเท้าสะเอวมองมาที่เขาสองคนด้วยหน้าตาที่ถมึงทึงมาก
วารินจึงรีบบอกขอบใจเตโชเรื่องดอกไม้จากนั้นรีบตามเขาเข้าไปด้านในทันที
Tbc.