Sunday, March 23, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 16


บทที่16  

“พี่อ้อสวัสดีครับ มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ คุณภัครทำไมถึง..”

“ทราย!

ศศิธรอุทานเบา ๆ เมื่อวารินเปิดประตูเข้ามา เธอมาเฝ้าไข้ภัครจิราตั้งแต่เมื่อเที่ยง คนตัวเล็กเดินเข้าไปถึงหน้าเตียง เจ้านายเธอยังนอนหลับตาไม่ได้สติ

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นป้าวันแกบอกว่าเมื่อวาน จู่ ๆได้ยินเสียงคุณภัครกรีดร้อง จากนั้นน้องธารก็อุ้มเธอออกมาจากห้อง เธอหมดสติตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้ว นี่พี่ให้แกลงไปพักเดี๋ยวคงจะขึ้นมาแล้วล่ะ ทรายมาก็ดีเลยเดี๋ยวพี่ขอกลับไปเคลียงานหน่อย หนีออกมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว”

วันนาแม่บ้านเดินกลับเข้ามา ศศิธรจึงคว้าเอากระเป๋าขึ้นสะพายโบกมือให้วารินบอกแล้วค่อยเจอกัน วารินนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงมองดูใบหน้าที่เหลืองซีดของภัครจิรากับกระปุกน้ำเกลือที่สอดสายไว้ที่หลังมือ เขาลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่างแง้มผ้าม่านดูด้านนอกเห็นแสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงแล้ว รถราเริ่มติดเป็นแนวยาวตลอดทั้งสาย ท้องฟ้าที่กรุงเทพดูไม่ทั่วถึงเลยจริง ๆ มีอะไรต่อมิอะไรบดบังเต็มไปหมดไม่เหมือนสถานที่ๆเขาเพิ่งจากมาเลยสักนิดถึงแม้จะมีความทรงจำที่เลวร้ายแต่วารินก็ยังจดจำความงดงามของทัศนียภาพของท้องทะเลกว้างใหญ่ได้เสมอ

“คุณธาร กลับมาแล้วเหรอคะ”

ทันทีที่ได้ยินเสียงป้าวัน วารินรีบหันกลับมองทันที ธาราธารยืนชะงักนิ่งอยู่ที่ประตู ในแววตาจดจ้องมาที่ร่างเล็กริมหน้าต่าง

“ใครอนุญาตให้เข้ามาในนี้ได้ ” เขาเน้นคำด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบพร้อมก้าวเข้าหา ในแววตามีแต่ความแข็งกร้าวดุดัน โบกมือไล่วันนาให้ออกไปก่อน 

ธาราธารยังสวมชุดนักศึกษาคงเพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัย วารินมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ธาร เกิดอะไรขึ้น  ทำไมคุณภัคร..”

“อย่ามาตีหน้าทำตอแหล! ออกไปให้พ้น!!” เขาชี้นิ้วไล่ ตวาดขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำ วารินก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว

“อีตัวร่าน ๆ โสโครก อย่ามาเหยียบห้องแม่ผมให้เป็นเสนียด ออกไป!! ไป!!!

วารินแทบทรุด ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรทำไมพูดกับเขาแบบนั้น  ธาราธารล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายคว้าซองสีน้ำตาลฟาดใส่หน้าร่างเล็กอย่างไม่แคร์จะเจ็บหรือไม่ รูปถ่ายตกกระจายเกลื่อนพื้น

“ดูเสียให้เต็มตา คุณแม่เป็นแบบนี้เพราะใคร! ต้องกลายเป็นอัมพาตเพราะเส้นเลือดในสมองแตก มันเพราะใครกัน!! 

เขาตวาดลั่น วารินก้มลงหยิบรูปขึ้นมาดู หน้าชาวาบไปหมด ใบหน้าเล็กส่ายอย่างไม่อยากเชื่อ เขาเป็นคนทำให้ภัครจิราเป็นแบบนี้ ตัวเขางั้นหรือ?  มองไปที่ร่างสีขาวที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่รับรู้เรื่องราว วารินถอยเซ มือยันลงที่เตียง

“อย่ามาแตะต้องแม่ผม!!”  เขาตรงเข้ากระชากร่างเล็กเหวี่ยงออกไปอีกด้าน

“โสโครก!  หึ  ผมโคตร!ขยะแขยงพี่เลยว่ะ ดีใจไหม? ได้นอนกับผัวคนอื่น ดีใจไหมห๊า!! เขาเป็นพ่อผมนะ! เป็นพ่อของผม!! ถึงเขาจะไม่ได้เลี้ยงดูผมมาแต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นพ่อ!!!

เขาเดินหน้าเข้าหา ผลักไหล่เล็กจนกระเด็น วารินกำรูปจนมือสั่น ใบหน้าเล็กชาวาบเข้าไปถึงขั้วหัวใจกัดกินลึกถึงไขกระดูกเมื่อได้เห็นแววตาเย็นชานั้นทอแววรังเกียจกันอย่างชัดเจน

...พูดไม่ออก เพราะมันเป็นตัวเขาจริงๆ...

“อ้อ! มีเป็นภาพเคลื่อนไหวด้วยนะ ถ้าอยากจะดูก็เอาไปได้เลย!!”  เขาฟาดแผ่นซีดีใส่แบบเน้น ๆ จนวารินเบือนหน้าหลบแทบไม่ทัน ดวงตาสวยมีหยดน้ำไหลริน

“ไม่ต้องมาร้อง! อย่ามาทำสำออยในนี้ เก็บเอาของเสนียดจัญไรแล้วออกไปได้แล้ว ไป! ไปเลย!! ออกไป!!!” เขาตวาดลั่นชี้นิ้วไล่เหมือนหมูเหมือนหมา วารินทรุดฮวบลงที่พื้นร้องไห้โฮ มือใหญ่เข้ามากระชากคอเสื้อที่ด้านหลังแล้วลากร่างเล็กๆไปเหวี่ยงไว้ที่หน้าประตู

ชี้หน้าอย่างรังเกียจ

“อย่ามาให้ผมหน้าอีก จำเอาไว้ ถ้ายังอยากอยู่สุขสบายเชิญใช้ชีวิตร่าน ๆ ของพี่ต่อไป ไปให้พ้น!

เขาปิดประตูใส่หน้าดังปัง!  วารินไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะลุกขึ้นยืน นั่งร้องไห้อย่างหมดอาย สองมือซบใบหน้าสวยที่มีแต่ความชอกช้ำ น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม เฝ้านึกถึงแววตาของคนที่ตนเองรัก

...แววตาที่ไม่มีเหลือแล้วซึ่งความอาลัย ห่วงใยเหมือนวันเก่าๆ...

...เขามันโสโครกดั่งที่ว่าจริงๆ...

..ต้องทำอย่างไรจึงจะล้างออกหมด รอยราคีที่ฝังอยู่กับตัวกับหัวใจ ต้องล้างอย่างไรล้างเท่าไหร่...

ไหล่เล็กสั่นสะท้าน ค่อยปาดน้ำตาแล้วหยัดกายลุกขึ้น

.
.

“ทราย เป็นอะไรรึเปล่า”

ภูวดลเคาะเรียกน้องชายที่หน้าประตู ตั้งแต่กลับมาจากไปเยี่ยมภัครจิรา วารินก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง เขาถามอะไรก็ไม่ตอบบอกไม่ให้กวน ภูวดลรอจนดึกดื่นเห็นว่าวารินยังไม่ยอมลงมากินข้าวจึงขึ้นมาเรียกดูอีกที

วารินเปิดประตูออกมาก้มหน้าก้มตาเดินผ่านไปที่ห้องน้ำ ภูวดลพอจะเห็นร่องรอยของคราบน้ำตาจึงเดินตามไปดู น้องชายตัวน้อยโผเข้ากอดเอวพี่ชายสุดที่รักเต็มอ้อมแขน ปล่อยโฮออกมาอย่างกับเด็กๆภูวดลได้แต่ลูบหลังปลอบใจ เขาคิดไปว่าวารินคงเสียใจเรื่องของภัครจิรา

“อย่าคิดมากเลยนะ เดี๋ยวทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น”

ภูวดลปล่อยให้คนตัวเล็กร้องไห้จนหลับไปทั้งอย่างนั้น เขาบรรจงห่มผ้าผืนหนาให้สอดตัวลงนอนข้าง ๆ โอบกอดเอาไว้อย่างเคย

เช้าวันต่อมาวารินเข้าไปที่โรงแรม พิมพ์จดหมายลาออกแล้วแอบวางไว้ที่โต๊ะของศศิธร เก็บของใช้ส่วนตัวที่มีอยู่นิดหน่อยแล้วขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล ตั้งใจจะไปกราบลาภัครจิราเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีหน้าจะอยู่ช่วยงานได้อีกต่อไปแล้ว ความผิดของเขามันมากเสียจนเกินอภัย
.
.
“ขอบคุณมากครับคุณลุง ผมคงต้องรบกวนมากจริง ๆ” ธาราธารยกมือไหว้ภาสกรพี่ชายของภัครจิราหลังจากเกิดเรื่อง เขาที่บริหารงานโรงแรมอยู่ที่ญี่ปุ่นรีบบินกลับมาดูน้องสาวตัวเองทันที และบอกให้ธาราธารไม่ต้องห่วงเรื่องงานที่โรงแรมเขาจะช่วยดูแลให้อีกแรงจนกว่าทางนี้จะจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ให้ลงตัว

“อย่าคิดมากนะ ดูแลตัวเองด้วย แล้วก็ดูแลคุณแม่ให้ดี ๆ สักวันปาฏิหาริย์อาจมีจริง ลุงจะคอยเอาใจช่วย” เขาบีบไหล่คนหนุ่มอย่างให้กำลังใจก่อนขอตัวกลับไป ธาราธารรีบตรงไปพบอาหมอที่ดูแลคุณแม่เขาทันที

“พรุ่งนี้คงพาคุณแม่กลับบ้านได้แล้วนะ อย่างที่อาหมอบอกนั่นแหละ หาคนมาช่วยดูแลจะดีกว่า ภัครเขาจะช่วยตัวเองไม่ได้เลยพูดง่าย ๆ คือทำอะไรไม่ได้ต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียว อาอยากให้ธารหาใครสักคนมาคอยดูแล ธารเข้าใจใช่ไหม คนเป็นอัมพาตน่ะ ให้สัญญาไม่ได้ว่าจะหายดีได้รึเปล่าแต่ถ้าเราหมั่นช่วยดูแลกายภาพอย่างสม่ำเสมอชวนคุยอย่าทำให้เขาคิดมาก มันก็อาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็ได้”

ธาราธารมองสบดวงตาที่แสนอ่อนโยนหลังแว่นสายตาใสแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาตั้งใจว่าจะจ้างพยาบาลมาช่วยดูแลแต่ติดอยู่ที่พยาบาลจะต้องไปและกลับ เขาอยากได้แบบอยู่ประจำค้างคืนกับคุณแม่ของเขาเลยมากกว่า

“ไม่จำเป็นต้องเป็นพยาบาลก็ได้ แค่เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนดูแลคุณแม่ของเราอย่างไม่รังเกียจ อาว่าเท่านั้นก็พอแล้ว”

เขายกมือไหว้อาหมอที่สนิทกับคุณแม่ของเขาแล้วเดินออกมา พรุ่งนี้เขาจะพาภัครจิรากลับบ้าน ช่วงแรกคงต้องวานให้ป้าวันแม่บ้านเป็นธุระดูแลคุณแม่ของเขาไปก่อนจนกว่าจะหาคนดีๆไว้ใจได้มาทำแทน ขายาวๆก้าวไปตามทางเดินขาวสะอาดของโรงพยาบาลชั้นนำ

...สิ่งที่เขาห่วงที่สุดคือเรื่องงานที่โรงแรมของคุณแม่ คุณลุงก็ต้องดูแลที่ญี่ปุ่นเป็นหลัก คงถึงเวลาที่ต้องศึกษางานด้านนี้แล้ว...

.
.

มือเล็กเปิดประตูห้องพักพิเศษเข้าไปด้านใน ที่เตียงคนไข้ยังมีร่างของคนที่เขาเคารพรักและภักดีเสมอนอนนิ่งอยู่บนนั้น วารินค่อยเดินเข้าไปที่เตียงช้า ๆ กวาดตามองร่างที่ไม่ขยับไหวติงดวงหน้าที่มีแต่ความซีดเซียว เข่าเล็กทรุดลงที่ข้างเตียงพนมมือก้มกราบลงไปที่ปลายเท้าของผู้หญิงที่มีบุญคุณกับเขามากที่สุด

ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกตอนเขาเริ่มมาฝึกงานกระทั่งได้มาทำงานด้วย สิบสองปีที่อยู่ด้วยกันมาภัครจิราคือคนที่เขานับถือและเคารพรักมากที่สุด บุญคุณของเธอให้ทดแทนเท่าไหร่ก็คงไม่มีวันหมด แต่คนที่แสนเลวก็คือตัวเขาเอง ไม่มีหน้าจะแก้ตัวใดๆทั้งสิ้นเพราะตัวเขาทำมันลงไปจริง ๆ

“ผมขอโทษครับคุณภัคร ขอโทษทุกๆอย่าง” เสียงเขาสั่นเครือพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลอาบลงสองแก้ม

ภัครจิรานอนลืมตานิ่ง หยาดน้ำใสไหลลงที่หางตา  มือเล็กของวารินอยากจะเอื้อมไปสัมผัสมือนิ่มนั่นเป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็กลัวว่าเธอจะรังเกียจ ได้แต่ถดตัวถอยหลังออกมา ร่างเล็กค่อยลุกขึ้นช้า ๆ ปาดรอยน้ำตาแล้วหันหลังกลับไป

“เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้มาที่นี่อีก” วารินตกใจผงะเมื่อพบว่ามีใครยืนอยู่ด้านหลัง ธาราธารก้าวเข้ามาเรื่อย ๆ ขณะที่อีกคนก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว

“อย่ามาแตะแม่ผม!” เขาตวาดลั่นเมื่อขาของวารินชนกับเตียง มือเล็กแค่!จับลงที่เบาะเท่านั้น วารินรีบถอยออกไปอีกด้านทันที ร่างสูงใหญ่ปราดเข้ามากระชากแขนแล้วเหวี่ยงออกไปจนร่างเล็กชนโครมเข้ากับผนัง

“พูดไม่ฟังจริงนะ ท้าทายแบบนี้คงอยากลองดีกับผมใช่ไหม เข้ามานี่!” เขาลากคนตัวเล็กดันเข้าไปในห้องน้ำปิดประตูแล้วกดตัวบอบบางกักไว้ในอ้อมแขน

“คนร่าน ๆ แบบพี่ถ้าจะโดนทั้งพ่อทั้งลูกตอกที่เดียวกันเนี่ยมันคงจะถึงใจใช่ไหม ในใจคงจะยิ้มร่าเลยล่ะสิ ถ้างั้นมาลองดูกันหน่อยไหม ไม่อยากรู้เหรอ? พ่อกับลูกใครมันจะตอกได้ถึงใจกว่ากัน” สิ้นคำมือใหญ่ตรงเข้าบีบคางมนจนสุดแรงกดจูบดุนดันลิ้นจาบจ้วงเข้าไปกวาดต้อนดูดดึงเอาให้หนัก

“อื้ออ..” วารินทั้งผลักทั้งทุบ แต่ร่างกายที่ต่างกันมากเกินไปทำให้คนตัวใหญ่ไม่ขยับเลยสักนิด กลิ่นเลือดฝาดพร่าแปร่งอยู่ในโพรงปากนุ่มวารินเจ็บจนน้ำตาไหลพราก เขาทั้งดูดทั้งกัด มือที่บีบคางก็ออกแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่อีกมือเข้ากระชากผมนิ่มให้ใบหน้าหวานแหงนหงาย ลิ้นหยาบคายลากไล้ลงมาที่ลำคอขาว วารินหลับตาอย่างรังเกียจเขาขบดูดจนผิวขาวห้อเลือดขึ้นรอย มือเล็กจิกลงที่บ่ากว้างอย่างเจ็บปวด

“ปล่อยนะ! พอแล้ว”  เสียงเล็กสะอื้นไห้ ร้องขอเขาอย่างเหลือทน เขายิ่งจิกผมแน่นแล้วรั้งลงเป็นเท่าตัว

“เจ็บ! ธารพี่เจ็บ!!” วารินร้องลั่น เขายังกระชากผมไม่ปล่อย ละใบหน้าออกมาจ้องตาดวงเล็ก วารินกัดริมฝีปากจนสั่นขณะที่แววตาแข็งกร้าวของอีกคนหรี่ลงอย่างคับแค้นในดวงตามีทั้งแววตัดพ้อและชิงชังปนกันไปหมด เขาขบกรามจนขึ้นนูนเพื่อข่มอารมณ์ประทุของตนเอง

“บ้านที่อยู่น่ะ ช่วยย้ายออกไปด้วยนะรู้ใช่ไหมว่ามันเป็นชื่อใคร อย่าให้ต้องเผาไล่” เขาเน้นทีละคำจนวารินใจหาย หยดน้ำตาไหลรินโดยไม่ต้องกระพริบด้วยซ้ำ

“ม...หมายความว่ายังไง บ้านไหนกัน บ้านของพี่เหรอ”

“อย่ามาแกล้งโง่!” เขาตวาด

ไสหัวออกไปก่อนที่ผมจะเผาไล่แล้วมันจะไม่เหลืออะไรอีกเลย กลับไปได้แล้ว! ไม่ต้องมาเจอะเจอกันอีก  เราขาดกันแค่นี้!!

ร่างสูงใหญ่ปล่อยคนตัวเล็กทิ้งแล้วหันหน้าหนีทันที สิ้นคำว่า เราขาดกันแค่นี้  น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากดวงตาคมกล้านั่น เขากัดริมฝีปากแน่นจนสั่น คว้าลูกบิดประตูจะเปิดออกมาด้านนอกแต่มือเล็กคว้าแขนเสื้อเชิ้ตเขาเอาไว้แน่น

“ไม่นะ อย่าไล่กัน บ้านนั่นเป็นของพี่ซีอย่าไล่เรา ขอร้อง”

วารินร่ำไห้เสียงสั่น แทบจะทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าเขา บ้านหลังเล็กที่เขากับพี่อยู่กันมาตั้งแต่เด็กแต่ภัครจิราช่วยไปไถ่คืนมาให้หลังจากที่พ่อของภูวดลเสีย

“หึ! บ้านของพี่ซีอย่างนั้นหรือ” เขาเหยียดริมฝีปากแกล้งทวนคำพูดวารินแล้วเข้าไปกระชากแขนดันจนแผ่นหลังบางชิดติดผนัง

“บ้านนั้นมันเป็นชื่อของผมต่างหาก! ผมมีสิทธิ์ที่จะให้ใครอยู่หรือไปก็ได้ จะเผาทิ้งเสียวันนี้ก็ยังได้เลย!” วารินทรุดลงกับพื้นทันที ส่ายหน้าอย่างยอมรับไม่ได้

“ขอร้องธาร พี่ขอร้อง จะให้ทำอะไรพี่ยอมทุกอย่างขออย่างเดียวอย่าไล่กัน อย่าไล่เรา อย่าไล่พี่ซี พี่ซีไม่รู้เรื่อง” ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาส่งเสียงสะอื้นร้องขอเขาอยู่แทบเท้า  ธาราธารถอยออกอย่างรังเกียจ หัวใจแหลกลาญไปกับภาพของคนตัวเล็กตรงหน้า

“กลับไปบอกพี่ชายพี่ แล้วเก็บเสื้อผ้ามาอยู่ที่บ้านกับผม คนร่าน ๆ อย่างพี่มันต้องมาอยู่กับคนอย่างผม พี่ต้องมารับใช้คุณแม่ผมไถ่โทษให้ตัวเอง ถ้าแม่ผมไม่หายพี่เองอย่าหวังว่าจะได้ออกไปเสวยสุขกับไอ้หน้าไหนทั้งนั้น!” เขาก้มลงไปบีบแขนเล็กจนขึ้นรอยแดง โน้มใบหน้าเข้าใกล้พูดตอกย้ำถึงความร่านของอีกคน วารินนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“แลกกับบ้านหลังนั้น เข้ามาอยู่กับผมในฐานะ คนรับใช้  เป็นที่รองมือรองตีนผมทุกอย่าง ทำได้ไหมล่ะ  เขาเน้นเสียงทุกคำทั้งประโยค วารินกัดปากจนห้อเลือดมือน้อยกำแน่นจนสั่น เขายื่นมือเข้ามาเชยคางมนขึ้นแล้วบีบแน่น ตาดวงน้อยสั่นไหวด้วยความกลัว

“พอถึงตอนกลางคืนก็กลายเป็นอีตัวให้ผมระบายอารมณ์ หึ! ถึงจะน่ารังเกียจไปหน่อยเกรดเดียวกันกับกะหรี่ตามซ่องแต่ก็ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อ แบบนี้ดีไหมชอบไม่ใช่เหรอนอนอ้าขาให้คนเขาตอก!น่ะ” 

วารินเบิกตากว้างถดตัวถอยหลัง มือเล็กผลักเขาออกด้วยความหวาดกลัว เขากระชากคอเสื้อคนตัวเล็กขึ้นแล้วลากออกไปด้านนอกเหวี่ยงโครมลงบนโซฟา

“ออกไปได้แล้ว! อย่ามาให้เห็นหน้าอีก” เขาเปิดประตูออกจนสุด ใช้สายตาไล่อีกคนทางอ้อม

...สายตาที่มีแต่ความเย็นชา ไม่หลงเหลือแล้วร่องรอยของคนเคยรักกัน...

.
.

“ทำไมต้องทำอย่างนั้น ทรายไม่จำเป็นต้อง...”

“ให้ทรายไปเถอะครับ อย่างน้อยให้ทรายได้ตอบแทนบุญคุณที่คุณภัครท่านมีกับเราสองพี่น้อง”

วารินก้มหน้าหลบสายตา พับเสื้อผ้าลงในกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ไม่กล้าที่จะมองดูหน้าพี่ชายตัวเองด้วยซ้ำ ทุกอย่างเป็นเพราะเขา เพราะตัวเขาคนเดียวภูวดลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย เขาจะต้องปกป้องบ้านหลังนี้ไว้ให้ได้แม้ต้องแลกกับอะไรก็ตาม เพื่อพี่ซีพี่ชายที่เขารักมากที่สุด

...แม้แต่ชีวิตเขาก็ให้ได้...

“ทราย มันจำเป็นขนาดที่ทรายต้อง...” ภูวดลหมดความอดทนเขานั่งลงข้าง ๆ แล้วจับไหล่บางให้หันเขาหาตัว น้องชายเขากำลังร้องไห้ ดวงตาแดงช้ำจนบวมเป่ง

“พี่ซีอยู่คนเดียวอย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลานะครับ อย่าวาดรูปดึกจนเลยเวลานอน ตื่นนอนตอนเช้าพี่ซีอย่าลืมดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วเสมอ ซักผ้าเสร็จแล้วต้องเอาออกตากนะ ล้างจานคนเดียวได้ใช่ไหม ดูโทรทัศน์ตอนกลางคืนต้องปิดให้เรียบร้อย รีโมทเอาไว้เป็นที่ เวลานอนต้องห่มผ้าหนา ๆ อย่าเปิดแอร์แรงนะเดี๋ยวจะไม่สบาย พี่ซีกอดหมอนข้างแทนทรายไปนะ หมอนข้างอันใหญ่ของทรายๆยกให้พี่ซีเลย ห้ามซักนะครับเพราะมันจะมีกลิ่นของทรายเสมอพี่ซีจะได้..ฮึกก..ไม่ลืมน้องชายคนนี้”

แก้มแดงช้ำมีน้ำตาไหลพรากลงเป็นทาง ภูวดลดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้แน่น เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมวารินต้องทำขนาดนั้น

...ทำไมต้องไป..

“ทรายจะแวะมาหาบ่อย ๆ ทราย...ทรายรักพี่ซีนะครับ”

วารินสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น เขารู้ภูวดลคงเหงามากถ้าเขาไม่อยู่ เขากับพี่ไม่เคยแยกจากกันนาน ๆ ภูวดลมีเขาอยู่ข้าง ๆ เสมอ เช่นกัน เขาเองก็มีภูวดลเป็นดั่งที่พักพิงอยู่เคียงข้างกันมาตลอด

...ดั่งทรายกับทะเล ไม่มีวันแยกจาก...

ปากเล็กๆพึมพำเพลงโปรดของเขาและพี่ชาย

“...คือผืนทรายที่โอบทะเลไว้จะวันใดมั่นคงเหมือนดังที่เป็น อยู่เคียงข้างเธอใจไม่ไหวเอนและยังคงชัดเจนอย่างนั้น หาดทรายยังสวยรายล้อมทะเลด้วยรักคงไว้ด้วยใจแน่นหนักไม่หวั่นยามพายุผ่าน จะมีเพียงฉันและเธอตราบนานเท่านานมีรักมีใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล.....”

ภูวดลหัวใจหล่นวูบ วารินสะอื้นหนักจนร้องต่อไปไม่ได้เขาได้แต่กอดร่างเล็กๆที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

“ทราย..ให้สัญญาครับว่าทรายจะกลับมา..จะกลับมาอยู่กับพี่ซี.............................................ทรายรักพี่ซีที่สุดในชีวิต”

น้ำตาไหลรินจากดวงตาแข็งแกร่งหัวใจเขายิ่งกว่าถูกฉีกแยก ประคองสองแก้มนิ่มด้วยสองมือ จ้องลึกลงในดวงตา กดจูบลงที่มุมปากสวยแช่อยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหนดั่งแทนคำสัญญาว่าชีวิตนี้เขาจะมีแค่วารินคนเดียว

“พี่ซีก็รักทรายที่สุดในชีวิตเหมือนกันครับ”
.
.

Tbc.