บทที่15
คุณเคยไหม..เคยคิดจะทำอะไรเพื่อใครบางคนต่อไป
ทั้งที่รู้ว่าเขาจะไม่มีวันยอมรับในตัวคุณอีกแล้ว คุณก็ยังจะทำ
คุณเคยไหม..เคยเฝ้ามองใครสักคน
ทั้งรักทั้งห่วง เฝ้ามองแต่เขาเท่านั้นตลอดมา...แต่นับจากนี้เขาคงหลีกหนีจากคุณ...แม้เพียงแต่มองเงาของเขา..คุณยังต้องหวาดกลัว
และคุณเคยไหม..ทั้งที่คุณยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย
แต่กลับรู้สึกเดียวดายลงไปทุกที ทุกนาทีที่ก้าวเดินคุณเหงาขึ้นเรื่อยๆ
..คุณเจ็บปวด..
..ผิดหวัง..
ได้แต่โทษตัวเอง...ทุกอย่างมาจากการกระทำของคุณทั้งสิ้น
ร่างสูงใหญ่ทอดสายตามองท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆสีน้ำเงินสดใส
ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงต้องกับผิวท้องทะเลกว้าง เกิดแสงสีแดงย้อมฉาบกระทบผิวน้ำเปล่งประกายราวกับทะเลสีเลือด
ทะเล....ทั้งสวยและน่ากลัว
...ลึกล้ำสุดหยั่ง
ดั่งใจคน...
เขาเลื่อนประตูเดินกลับเข้ามาที่เตียงกว้าง
อังมือเข้าที่หน้าผากของคนตัวเล็กตรวจดูความร้อนของผิวกาย วารินยังคงหลับยาวไม่รู้สึกตัว
เขาเลื่อนวันเดินทางออกไปอีกวันในเมื่อวารินป่วยอยู่อย่างนี้คงจะยังกลับไปไม่ได้
มือใหญ่เลื่อนไปกระชับผ้าห่ม ร่องรอยแห่งราคียังปรากฏอยู่บนผิวกายบอบบาง
“ต้องขอโทษสักเท่าไหร่..ถึงจะสาสมกับความผิดของฉัน”
เขาพึมพำ แววตาฉายความเจ็บปวด
วารินบอบบางเหมือนดั่งแก้ว
เขาไม่รู้เลยว่าถ้าหากคนตรงหน้าตื่นขึ้นมาแล้วเขาจะทำอย่างไร
...ขอโทษ...ปลอบใจ...เอ่ยคำพูดที่แสนไร้ค่า..
อะไรบ้างที่เขาควรจะทำเพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับคนๆนี้
ทัตพลเลื่อนหลังมือขึ้นไล้ที่โครงหน้าสวย ร่างเล็กขมวดคิ้วแล้วเอียงตัวไปอีกทางทั้งที่ยังหลับ
เขาเองพอดูรู้ว่า
วารินคือคนพิเศษแน่นอนสำหรับลูกชายของเขา
ถ้าธาราธารรู้ความสัมพันธ์ของเขาสองคน
คงจะเกลียดเขาและปฏิเสธการมีตัวตนทั้งหมดของเขา
น้ำตาหยดหนึ่งตกลงกลางหัวใจของผู้ชายที่ไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง
เขากำลังเดินลงไปสู่หุบเหวแห่งความกลัว ก้าวขาลงไปทั้งที่รู้ว่าทางข้างหน้าลึกสุดหยั่งถึง
ก้มซบใบหน้าลงที่ฝ่ามืออย่างหมดสิ้นความหวัง
เขาจะมีหน้าไปบอกธาราธารได้อย่างไรว่าเขาคนนี่คือ ‘คุณพ่อ’ คนที่เฝ้าเตรียมของขวัญล้ำค่าเพื่อลูกสุดที่รักที่แม้แต่เลี้ยงดูยังไม่เคย
เขาจะมีหน้าไปบอกลูกชายของเขาได้อย่างไร....ในเมื่อเขานอนกับคนที่ลูกเขารักไปแบบนี้
หัวใจที่เคยแข็งแกร่งกำลังร่ำไห้อย่างแสนสาหัส..เขาทั้งเจ็บปวด
ทั้งสมเพศตัวเอง เขามันเลวจนไร้คำบรรยายจริงๆ
ขณะที่มือเล็กแตะลงบนบ่ากว้าง
ฉับพลันความอบอุ่นแผ่ซ่านจากสัมผัส ดั่งน้ำค้างที่มาปลอบประโลมแสงแดดอบอุ่นในยามเช้า
ทัตพลหันไปมองใบหน้าที่มีแต่ร่องรอยของความชอกช้ำ ทั้งที่ตัวเองก็เจ็บปวดไม่ต่างไปจากเขาแต่วารินก็ยังคงปลอบใจเขาดวงตาช้ำๆมองเขาอย่างให้กำลังใจโดยไม่ได้ดูสภาพของตัวเองเลย
วารินเป็นเด็กดีมากจริง ๆ เห็นแบบนี้ยิ่งตอกย้ำความเลวของตัวเขาเข้าไปใหญ่
ทัตพลหันมากอดร่างเล็กไว้แนบอก
“ขอโทษ
ฉัน...” เสียงเขาพร่าสั่น และหายไปทั้งที่ยังพูดไม่จบ
“ผมเองก็ผิดครับ
ผม..” วารินกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก
พูดไม่ออกเช่นเดียวกันกับเขา เขาใช้มือเข้ามาจับที่หน้าผากเล็ก
“ทรายตัวร้อนฉันเลยเลื่อนเที่ยวบินเป็นวันพรุ่งนี้” เขาพูดเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าต่างคนต่างก็ไปกันไม่เป็นพูดกันไม่ออก วารินพยักหน้าน้อย ๆ แล้วถอยออกมาจากหน้าอกกว้างของเขาแม้ร่างกายจะปวดร้าวไปหมดแต่คนตัวเล็กก็ยังพยายามที่จะลุก
“จะเข้าห้องน้ำเหรอ
เดี๋ยวฉัน..”
“ไม่เป็นไรครับ
ทำตัวเหมือนเดิมเถอะผมไม่เป็นไร” เมื่อเขาลุกขึ้นทำท่าจะเข้ามาช่วย
วารินกลับปฏิเสธขึ้นอย่างเร็ว เขาจึงได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น
“ฉันให้คนตรวจดูให้แล้ว
ในเหยือกนมน่าจะมียาผสมอยู่แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร” ในใจเขาเห็นแต่ภาพและคำพูดขมขู่ของวิลาสินีฉายชัด
แต่ยังไม่มีหลักฐานอะไรและไม่รู้ว่าเธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรเขาจึงยังสรุปความอะไรไม่ได้
“ช่างมันเถอะครับ
เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็จะกลับกันแล้วผมไม่มีอะไรต้องเสียมากไปกว่านี้แล้วล่ะ”
วารินเดินมานอนลงอีกครั้ง เขาต้องการพักผ่อนเพื่อเผชิญหน้ากับอะไรหลาย ๆ
อย่างที่จะเกิดขึ้นตามมาในวันพรุ่งนี้
ร่างเล็กหลับตาลงแน่นพยายามบอกตัวเองว่าต้องนอนให้หลับ
จะได้มีแรงคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะนะ
ฉันจะโทรไปบอกซีเขาให้จะได้ไม่ต้องห่วงรอมารับ”
“ขอบคุณครับ”วารินตอบสั้น
ๆ แล้วเงียบไป ทัตพลเดินไปปรับแอร์เพิ่มความเย็นนิดหน่อยก่อนปล่อยคนตัวเล็กนอนหลับพักผ่อน
.
.
“หึ!
มันไปนอนด้วยกันมาจริง ๆ ทุเรศที่สุดหน้าด้าน ร่าน!”
วิลาสินีเหยียดริมฝีปากสบถ
ในมือกำรูปถ่ายหลายใบแล้วฟาดลงบนโต๊ะ “พวกชั่วสันดานต่ำ! สารเลว!” เธอทุบมือลงบนโต๊ะทำงานอย่างสุดที่จะทน
“แกทำดีมากรุ่ง
เหลืออีกแค่นิดเดียวเท่านั้นฉันจะตบรางวัลให้แกอย่างงามเลย”
เธอเหยียดยิ้มร้ายดวงตาฉายแววอิจฉาริษยาอาฆาตมุ่งร้ายปนกันไปหมด
“ผมก็อปภาพพวกนี้มาจากวีดีโอนั่นแหละครับ
เด็ดๆเลยใช่ไหมเห็นหน้าอย่างชัดเล่นล่อกันทุกมุมแบบนี้เข้าทางผมสิครับ” รุ่งรีบประจบต่อเมื่อพูดถึงเรื่องเงินรางวัล
ขณะที่วิลาสินีเหยียดยิ้มอย่างขมขื่น เธอนึกอิจฉาวารินที่ทัตพลเอาอกเอาใจปรนเปรอให้
ซึ่งแม้แต่กับเธอเขายังไม่เคยทำ
รุ่งไม่ได้บอกว่าตนเองแอบใส่ยาเพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ไม่ผิดพลาดและตัดต่อภาพวีดีโอแล้วเรียบร้อยเพราะอย่างนั้นภาพที่สองคนทุรนทุรายต่อต้านวิลาสินีจะไม่มีวันได้เห็นเด็ดขาด
“คุณจะดูภาพในวีดีโอไหมครับ
ผมอัดใส่แผ่นไว้ให้สองชุด รับรองไม่มีก๊อปปี้อีกเด็ดขาดคุณไว้ใจผมได้เลย”
“แกฝันเหรอ! ฉันจะดูไปทำไมเล่า
แค่นี้ก็เสนียดจัญไรจะแย่อยู่แล้ว” เธอเบะปากทำหน้ารังเกียจขยะแขยง
เลื่อนตัวเข้าไปใกล้รุ่งแล้วกระซิบเสียงเบา
“เอาล่ะงานสุดท้าย
แกฟังคำสั่งฉันให้ดี.....”
วิลาสินีกระซิบกระซาบย้ำความเรื่องชั่ว
ๆ แม้ว่าจะเป็นห้องทำงานส่วนตัวของเธอแต่เธอไม่ไว้ใจใครคนอื่น
รุ่งทำงานกับเธอมานานเป็นได้ทั้งเทพบุตรและซาตาน เป็นลูกชายคนขับรถที่เธอไว้ใจและมักใช้ให้คอยสืบเรื่องของทัตพลเสมอ
ริมฝีปากสีแดงสดแสยะเหยียดอย่างผู้กำชัยชนะ
ใครหน้าไหนที่มันจะมาพรากหัวใจของเธอไป..รับรองมันไม่ได้อยู่ดีมีสุขแน่
เสียงโทรศัพท์มือถือเธอแผดลั่นเมื่อกดรับแล้วโบกมือบอกให้รุ่งออกไปจัดการเรื่องให้เรียบร้อย
“ว่าไงลูกธิป”
เธอเปลี่ยนกิริยา ส่งเสียงหวานให้กับคนปลายสาย
ชนาธิปลูกชายเธอโทรเข้ามา
“คุณแม่ครับ
คุณพ่อโทรมาบอกธิปว่าจะกลับจากใต้วันพรุ่งนี้ วันนี้ขึ้นมาไม่ได้รู้สึกว่าจะติดพายุกลัวคุณแม่จะรอน่ะครับธิปเลยโทรมาบอก”
ชนาธิปไม่ได้รู้เรื่องที่เธอแหวใส่สามีเมื่อสองสามวันก่อน
ทัตพลเลือกโทรหาชนาธิปเพื่อส่งข่าว
วิลาสินียิ่งปวดร้าวในอกเมื่อคิดไปว่าทั้งทัตพลและวารินคงจะติดใจกันมากถึงขนาดเลื่อนวันกลับเพื่ออยู่กกกันต่อ
ชนาธิปเมื่อเห็นวิลาสินีเงียบไปนานจึงเรียกขึ้นแล้วถามดูว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่า
“ป..เปล่าหรอก
แม่เพลียๆน่ะ ธิปไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านล่ะลูก” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง
เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกและสามีเธอจะเป็นคุณแม่ที่แสนดีบอบบางอยู่เสมอ
“ช่วงนี้สอบบ่อยครับ
ไว้ธิปว่าง ๆ จะแวะไปหานะ คุณแม่อย่าคิดมากนะครับคุณพ่อไปทำงานเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
...ไปทำงานเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว...
หึ! วิลาสินีกัดริมฝีปากอย่างคับแค้น
ทำงาน? เด็กหนุ่มวางสายจบไปแล้วแต่ความรู้สึกของเธอไม่มีวันจบ เธอจะให้ชนาธิปรู้เรื่องนี้ไม่ได้ คนที่ต้องเดือดร้อนคือทางนั้นต่างหาก
ภัครจิรา ธาราธาร
ได้โอกาสกำจัดมันซะทีเดียว อดทนมาตั้งยี่สิบกว่าปี
ผิดที่คุณเองนะทัต...เพราะทั้งที่ตัวคุณอยู่กับฉันแต่ใจคุณไม่เคยลืมมันเลย..ตลอดมา...
.
.
.
“ช่วงนี้มาค้างกับแม่บ่อยนะเรา
มีอะไรรึเปล่า” ภัครจิราถามลูกชายยิ้ม
ๆ พักหลังมานี้ธาราธารมาค้างที่บ้านบ่อยมาก ขนาดที่ว่าเธอเริ่มผิดสังเกต
“เปล่านี่ครับก็ธรรมดานะ
คุณแม่ไม่ชอบเหรอผมมาค้างด้วยแบบนี้” เขาอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำมานานมากแล้ว
ตั้งแต่เธอจับเขาไปอยู่โรงเรียนประจำนั่น
เธอหรี่ตามองอย่างคนรู้ทัน
“อยากได้อะไรล่ะเรา รถก็เพิ่งเปลี่ยนนี่นา คอนโดใหม่ก็เพิ่งซื้อ ไหนบอกแม่ซิธารจะเอาอะไรครับ
เอ๊ะหรือว่ามีสะใภ้มาให้แม่ดูแล้วใช่ไหมเนี่ย” เธอแกล้งกระเซ้า แต่ธาราธารดันหน้าแดงขึ้นมาจริง
ๆ ภัครจิราได้แต่นั่งยิ้มเธอรู้ลูกเธอเสน่ห์แรงมีสาว ๆ แวะเวียนมาตลอดแต่เธอไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษเพราะจะรอให้ธาราธารแนะนำอย่างเป็นทางการ
คนไหนตัวจริงคนนั้นธาราธารคงต้องพามาเปิดตัวที่บ้านแน่
“ผมเปล่า
ไม่ชอบหรอก ผู้หญิงสมัยนี้ดูยาก อันตราย” ภัครจิราได้แต่หัวเราะเบา ๆ
เขาบอกว่าไม่ชอบเพราะผู้หญิงอันตรายแต่กลับมีผู้หญิงมาติดพันเต็มไปหมดตั้งแต่ไหนแต่ไร
“ลูกจะรักใครแม่ก็ไม่ว่าหรอกนะ
ขอให้เขาเป็นคนดีซื่อสัตย์กับลูกก็พอแล้ว
คนเราถ้ารักกันและซื่อสัตย์ต่อกันไม่ว่าอุปสรรคมากมายแค่ไหนเราก็จะผ่านมันไปด้วยกันได้”
เธอถือโอกาสสอนลูกชายไปในตัว
ในดวงตาทอประกายหม่นเมื่อนึกไปถึงวันเก่า ๆ
ทัตพลพ่อของธาราธารและเป็นผู้ชายที่เธอรัก
เขาทอดทิ้งเธอและลูกเพื่อไปอยู่กินกับผู้หญิงอีกคน
ในตอนนั้นเธอเจ็บปวดแสนสาหัสจากการถูกหักหลัง ถูกทรยศ
ขยี้ความรักของเธอจนแหลกไม่มีชิ้นดี ยิ่งมารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกออกมาหลังจากนั้นแค่ไม่กี่เดือน
ยิ่งตอกย้ำว่าทัตพลนอกใจเธอแอบไปมีความสัมพันธ์หลบซ่อนไม่รู้นานเท่าไหร่ที่เธอมันโง่
โดนเขาสวมเขาให้
“แน่อยู่แล้วล่ะครับคุณแม่
ผมต้องเลือกคนดี 'ซื่อสัตย์' และต้องมีแค่ผมคนเดียวอยู่แล้ว”
เขาปิดหนังสือเล่มใหญ่ที่วางอยู่บนตัก
หลับตาแล้วเอนตัวพิงพนักโซฟานึกถึงใบหน้าของวาริน ริมฝีปากประดับรอยยิ้มน้อย ๆ ปกติเขากับวารินจะเจอกันเฉพาะสุดสัปดาห์เท่านั้นแต่เมื่อเย็นภูวดลโทรมาบอกว่าวารินเลื่อนบินเป็นวันพรุ่งนี้เพราะพายุกระหน่ำใต้
เพราะอย่างนั้นวันนี้เขาจึงค้างที่บ้านต่ออีกวัน
...คิดถึง
อยากเจอ...
รู้สึกว่าไม่เพียงพอเอาเสียเลยที่ต้องอยู่ด้วยกันแค่สัปดาห์ละสองวันแบบนี้
เขาตัดสินใจว่าจะลองคุยเรื่องนี้กับวารินดู
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะลูกแม่ คิดถึงใครอยู่ครับสาวคนไหนที่โชคดีกันน้า”
ภัครจิราละสายตาออกจากวารสารการกุศล
เมื่อเห็นว่าลูกชายเธอหลับตาพริ้มท่าทางสุขใจเป็นพิเศษ
เธอเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย
“แล้วเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้างครับ
ธารไหวนะลูก”
“ไหวสิครับ
ผมอยากเป็นหมอคุณแม่ก็รู้” เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ เธอกอดเอวเธอไว้อย่างที่ไม่เคยทำ
“ต่อไปถ้าคุณแม่แก่ผมก็จะดูแล รักษาให้อย่างดีเลย ผมรักคุณแม่นะครับ”
ภัครจิราซึ้งใจจนน้ำตารื้นขึ้น
ลูกชายเธอเป็นเด็กดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยกอดเธอ
นานแค่ไหนแล้วเขาไม่เคยเอ่ยคำว่ารักให้เธอฟัง
‘น้องธารรักคุณแม่’
เธอลูบศีรษะลูกชายอย่างอ่อนโยนนึกถึงเด็กตัวเล็กๆที่เธอเคยจูงมือบัดนี้กลับเติบโตสูงใหญ่กว่าเธอมากมายให้สัญญาว่าจะเป็นคนดูแลยามที่เธอแก่ชรา
เขาใช้นิ้วโป้งเช็ดหยาดน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจออกจากดวงตาสวยของเธอเบา
ๆ
“แม่ก็รักธารนะครับ เป็นเด็กดีนะลูกนะ”
มือใหญ่และเย็นบีบฝ่ามือเล็กแทนคำสัญญาทุกอย่าง
เขาไม่ใช่คนพูดมาก คำพูดแต่ละครั้งจึงจริงใจและแน่นอนเสมอ ถ้าเขาพูดว่า ‘รัก’ นั่นก็คือเขารักจริง
ๆ และผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาจะรักจนสุดหัวใจก็คือภัครจิราคุณแม่ของเขา
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เด็กรับใช้ในบ้านนำซองเอกสารสีน้ำตาลเข้ามาวางไว้ให้ ภัครจิราจึงถามว่าส่งมาจากใคร
“มีคนเอามาฝากไว้ให้กับยามที่อยู่หน้าประตูบอกต้องให้คุณภัครเปิดดูให้ได้ค่ะ”
เธอหยิบซองขึ้นมาแล้วพยักหน้า สาวใช้ออกไปแล้วธาราธารจึงเดินเข้ามาดู
“จากใครหรือครับคุณแม่”
“ไม่รู้สิลูก
ไม่มีเขียนไว้ด้วยแม่ไม่ได้สั่งซื้ออะไรเลยนะ” เขาหยิบกรรไกรบนโต๊ะทำงานมาเปิดซองออกดู
.
.
.
.
.
.
...คุณรู้ไหมว่า....ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกพังครืนลงต่อหน้าต่อตามันเป็นอย่างไร
...คุณรู้ไหมว่าความรู้สึกที่เหมือนโดนผลักให้ตกหน้าผาสูงชันหลายหมื่นหลายพันฟุต
มันเป็นอย่างไร...
...เจ็บปวด..
เจียนตาย!!!!!!
เขาขบกรามแน่นจนริมฝีปากสั่น
มือใหญ่ที่จับรูปถ่ายหลายใบนั้นกำจิกจนภัครจิราต้องเดินเข้ามาดึงไปดูด้วยความสงสัย
เธอเบิกตากว้างแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น
ธาราธารไม่รอช้า
เดินไปวางแผ่นซีดีลงที่เครื่องเล่น สายตาหรี่ลงอย่างคับแค้นและคาดหวัง
ขณะที่สองมือชื้นเปียกไปหมด
...มันต้องไม่จริง! ต้องมีอะไรผิดพลาด!
นี่มันเรื่องเข้าใจผิด...
...ไม่ใช่!
ไม่มีวันเป็นจริง!!!!!
..วารินไม่มีวันทำอย่างนั้นกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเขา..
ขณะที่จมอยู่ในห้วงความคิด
สายตาก็ต้องเบิกกว้างตื่นตะลึงกับสองร่างที่เคลื่อนไหวเร่าร้อนอยู่ในจอ และทันทีที่ใบหน้าวารินฉายชัด
เสียงกรีดร้องปลุกให้เขาได้สติในทันที ภัครจิราล้มฮวบกองลงที่พื้น
“คุณแม่!” เขาถลาเข้าไปช้อนตัวเธอขึ้น ภัครจิราหมดสติแขนตกลงข้างลำตัว ธาราธารอุ้มเธออย่างร้อนใจ
ความเร็วของรถสปอร์ตวันนี้ดูเหมือนจะช้าจนน่าใจหาย
“อาหมอครับคุณแม่ของผมท่าน..” เขาถามอย่างร้อนใจ
เมื่อประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกมา ภัครจิรายังนอน หมดสติอยู่ในนั้น
“หมอเสียใจด้วยนะธาร
คุณภัครเส้นเลือดในสมองแตก อาจต้องทรมานกับการเป็นอัมพาต ถึงแม้จะมีลมหายใจแต่ก็จะไร้ความรู้สึก เธอจะไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ อาจจะ..พูดไม่ได้ ซึ่งอาหมอให้สัญญาไม่ได้ว่าอนาคตจะหายดีหรือต้องรอ...ไปเรื่อย ๆ”
ยิ่งกว่าโลกทั้งโลกพังครืนลงต่อหน้าต่อตา...ยิ่งกว่าโดนผลักลงหุบเหวลึกทมิฬ...
เขาเซถอยหลังอย่างคนหมดอาลัยสองขาแทบล้มทั้งยืน
คนรถที่มาด้วยกันรีบถลาเข้ามาช่วยพยุง
“มีเลือดซึมออกมาที่ก้านสมองด้วยซึ่งอันตรายมาก
อาหมอจะต้องให้ดูอาการใกล้ชิดอยู่ที่นี่ไปก่อน ธารกลับไปพักก่อนก็ได้เดี๋ยวอาจัดการเรื่องต่อให้เอง”
ร่างสูงใหญ่ทรุดนั่งลงนานแล้วสายตาไม่โฟกัสที่สิ่งใด
ทุกคำพูดของคุณหมอตอกย้ำถึงอาการของภัครจิรา เขาไม่ได้ตอบโต้เอ่ยถามกลับไปเพียงแค่นั่งฟัง
ฟัง และฟังเท่านั้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบลงข้างแก้ม เดินเข้าไปถึงข้างเตียงคุณแม่คุกเข่าลงรวบมือเธอมาจับไว้แน่น
....คุณแม่ครับ...
...ขอร้อง
อย่าทิ้งกัน...
..ผมมีคุณแม่คนเดียว..
“..คุณแม่..”
เขาสะอื้น ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ซุกใบหน้าลงที่ตักเธอ
.
.
.
‘แม่ครับอย่าทิ้งน้องธาร’
เสียงเล็กๆจากที่ไกลแสนไกล...ภัครจิรายังนอนสงบนิ่งอยู่ที่เตียง
...น้ำหนึ่งหยดที่หางตาสวยไหลริน...
“คุณธารครับกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ
วันนี้คุณต้องไปสอบแต่เช้า ป้าวันมาถึงแล้วคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ
เดี๋ยวผมเองก็จะแวะกลับมาดูคุณภัครเธอด้วย ”
ทินกรคนขับรถของภัครจิราค่อยประคองหลังคนตัวสูงใหญ่ให้เดินออกไปขึ้นรถ
ตลอดทางธาราธารนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไรเลย
นอกจากบอกให้เขาแวะไปเอาของที่บ้านก่อนแล้วค่อยให้ไปส่งที่คอนโดเพื่อเปลี่ยนชุด
รถจอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่ธาราธารเดินอย่างหมดอาลัยเข้าไปหยิบหนังสือในห้องทำงาน
เมื่อเหลือบไปเห็นซองสีน้ำตาลที่มีรูปถ่ายตกอยู่มากมายบนพรหม
เขาก้มลงไปเก็บขึ้นมาดูอย่างช้า ๆ
สายตาเต็มไปด้วยความขมขื่น วันที่บนรูปลงไว้เป็นเมื่อคืนนี้ช่วงเวลาหลังจากที่วารินโทรคุยกับเขา
...พี่รักธารนะครับ..
หึ! เขากลืนน้ำตาที่ตกในลงไปอย่างยากเย็น
หยิบรีโมทซีดีกดปุ่มเล่นแผ่นที่ยังคงค้างอยู่ในเครื่อง
..อยากดูชัดๆอีกที...
...อาจจะไม่ใช่
ทั้งหมดอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด..
...พี่ทราย พี่ทำกับผมและแม่แบบนั้นได้ยังไง..
..หัวใจพี่อยู่ที่ไหนกัน..
.
.
.
คอนโดแถวพรานนก
ยังตั้งโดดเด่นอยู่บนถนนสายเดิม คนอยู่อาศัยยังเป็นคนเดิม
...แต่หัวใจที่ร้าวรานมันเปลี่ยนไปแล้ว..
ธาราธารกวาดตามองข้าวของรอบห้อง
ห้องที่ตกแต่งด้วยสีขาวตัดสีน้ำตาล
..สีน้ำตาลที่วารินชอบ..
เขาหลับตาแน่นขบกรามจนปากสั่น
ตรงเข้ากระชากม่านหน้าต่างจนหลุดลุ่ยเมื่อนึกถึงภาพคนที่เขารักร่อนสะโพกอยู่บนตัวผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเขา
“ระยำเอ๊ย!” เขาคำราม
เดินตรงเข้าไปในห้อง
ห้องที่เขาตกแต่งไว้คอยคนบางคนยังไม่เคยแม้แต่มานอนด้วยกันสักครั้ง
…….
‘ผมรู้พี่ชอบสีน้ำตาล ผมให้เขาตกแต่งห้องนอนเป็นสีน้ำตาลล้วนเลยนะ
ชอบไหม’……..
“โง่เอ๊ย!! ไม่มีใครโง่เท่ามึงอีกแล้ว!” เขาก่นด่าตัวเองแล้วทุบลงที่หน้าอกแรง
ๆ ตอกย้ำถึงความโง่เง่า
ใครเขาจะมาคว้าเอาเด็กอย่างมึง!
แล้วทำไม!..ทำไม!!..ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนั้น!!!
“เหี้ย!!” มือใหญ่คว้าเอาหมอนหนุนสีน้ำตาลฟาดออกไปอย่างแรง
...ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเขาคนนั้นคือพ่อของผม
พี่ก็ยังจะทำ...
.
.
“ขอบคุณมากนะครับคุณทัต”
วารินยกมือไหว้เขา
ทัตพลเอื้อมมือไปบีบที่ไหล่เล็กแววตาทอดแววแห่งความเสียใจมิคลาย
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เธอยอมเป็นธุระให้แล้วก็ต้อง...ขอโทษ”
เสียงเขาแผ่วเบาตอนท้ายประโยคหลบสายตาเล็กๆที่มีแต่ร่องรอยแห่งความชอกช้ำ
“ผมบอกแล้วยังไงครับว่าเราผิดด้วยกันทั้งคู่
อย่าห่วงเลยครับผมไม่เป็นอะไรและรู้ตัวว่าควรวางตัวไว้แค่ไหนอย่างไร
เรื่องที่ผ่านมาคุณอย่าไปจดจำมันเลยนะครับ ผมเองก็จะพยายาม..ลืมมันให้ได้”
คนตัวเล็กก้มหน้าต่ำจนคางแทบจะชิดอก
น้ำเสียงแผ่วเบาในตอนท้ายทำเอาทัตพลใจกระตุกวูบ เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของคน
ๆนี้อีกแล้ว มือใหญ่ยื่นเข้าไปลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบโยน
...อยากดึงเข้ามากอด
แต่คงไม่มีสิทธิ์...
“มีอะไรโทรหาฉันนะ
แล้วฉันจะแวะมา”
“ครับ”
วารินวางกระเป๋าลงที่โซฟาแล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง
เขาว่าอยู่บ้านตัวเองสบายใจที่สุดคงจะจริง
ร่างเล็กปิดปากหาวแล้วเอนตัวลงนอนยกแขนเรียวพาดปิดดวงตาไว้อย่างเหนื่อยล้า
...เหนื่อยเหลือเกิน
อยากพัก...
“ทราย! มาถึงเมื่อไหร่ครับ” ภูวดลร้องทักขึ้น ร่างสูงเดินออกมาจากด้านใน
มือถือกระป๋องใส่พู่กันกับถาดสี
“พี่ซี...ทรายเหนื่อยจังครับ”
พูดทั้งที่ยังนอนปิดตาอยู่แบบนั้น ภูวดลเดินเข้ามาเท้าสะเอวชะโงกหน้าดูคนตัวเล็กใกล้ๆ
แล้วค่อยลากกระเป๋าเดินทางของอีกคนขึ้นไปเก็บให้ พอลงมาก็ไปรินนมเย็น ๆ จากในกล่องใส่แก้วมาให้วาริน
“เหนื่อยมากเหรอหน้าซีดไปหมดแล้วเรา
เอ้อ! ลืมไปเลย
เมื่อเช้าคุณอ้อโทรมาถามหาทรายพี่เลยบอกยังไม่กลับเห็นบอกมีเรื่องด่วนถ้ามาถึงแล้วให้โทรหาเธอทันที”
“งั้นเหรอครับ”
วารินดื่มนมอึกๆจนหมดแก้ว ขอบปากเลอะคราบนมเหมือนเด็กๆภูวดลใช้นิ้วปาดออกให้อย่างไม่รังเกียจ
วารินซุกหน้าลงที่อกอุ่น ๆ ของพี่ชาย
...ไม่มีใครจะอบอุ่นและปลอดภัยเท่ากับคนๆนี้อีกแล้ว..
“ทรายรักพี่ซี
พี่ซีเป็นพี่ชายคนดีที่หนึ่งของทรายเลย”
วารินโผกอดเขาเต็มอ้อมแขน
ภูวดลลูบแผ่นหลังเล็กแล้วตบลงเบา ๆ เป็นดั่งสัญญาว่าเราสองคนจะมีกันและกันตลอดไป แม้ว่าคำว่า
‘พี่ชายคนดีที่หนึ่ง’ จะเสียดใจเขาแค่ไหนก็ตาม
ขอแค่ให้วารินรักเขาจะอยู่ในฐานะไหนก็ได้ทั้งนั้น
“พี่ซีก็รักทรายครับ”
รักมากที่สุดแล้ว
.
Tbc.