[พิเศษ1]
ซ่าา..
ละอองน้ำที่เกาะอยู่ตามเกสรดอกไม้หยดลงสู่ก้อนหินเล็กๆบริเวณทางเดินหินประดับรอบๆโขดหินใหญ่
แคปกำลังใช้บัวรดน้ำอันเล็กรดน้ำต้นสตรอว์เบอรี่ที่กำลังแตกยอดในกระถางเพาะปลูกแบบทดลองบนโขดหินประดับบริเวณใต้ต้นมังคุดหน้าบ้านพร้อมกับสอดส่องบรรดาวัชพืชขนาดเล็กที่บังอาจขึ้นมาแจมในกระถางทำการทดลองสตรอว์เบอรี่สายพันธุ์ใหม่ของเขา
ในตอนนั้นชอปเปอร์สีดำคันเงาวาววับก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดลงใกล้
ๆ อย่างนิ่มนวล แคปวางบัวรดน้ำลงแล้วมองหน้าไอ้คนขับเจ้าของรถ...ตาค้าง
เอสขยับแว่นกันแดดสีเข้มพร้อมยักคิ้วกวนๆส่งให้
เจ้าแคปก้าวพรวดออกมาแทบสะดุดล้มหน้าคว่ำ ดีหน่อยที่เอสลงจากรถมาคว้าจับไว้ได้ทัน
“ใจเย็นๆแคป ใจเย็นๆ”
คนจะล้มยังคงอึ้งอื้ออยู่แบบนั้น
จะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างกลับกลายเป็นพูดไม่ออก
อึ้งนานจนเอสเดินเข้ามาแสยะยิ้มพร้อมตบลงที่ไหล่เบาๆ
“ใจเย็นๆน่า”
พูดจบแทรกตัวผ่านเข้าไปดูกระถางต้นสตรอว์เบอรี่ของแคปที่มันรักนักรักหนา
แล้วจะส่ายหน้าไม่สนใจ เขาเดินกลับออกมาคร่อมรถมอ’ไซด์คันใหญ่ไว้อย่างเดิม
ในตอนนั้นแหละแคปมันถึงเอ่ยปากเรียก
ราวกับว่าเพิ่งตั้งสติได้
“เอสเธอร์”
“หื้ม!?” เจ้าของชื่อหันขวับ ปกติแคปมันเคยเรียกชื่อจริงเขาซะที่ไหน
วันนี้มาแปลก
“นี่มึงคิดว่า
คิดว่าพวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันน่ะ??”
“ก็ไปตลาดไง เมื่อกี้มึงชวนกูเองไม่ใช่??”
“อืมใช่ กูชวน”
แคปพยักหน้าเบาๆอย่างปลง
เขาก็นึกว่ามันจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดเห็นเข้าไปในบ้านก็นึกว่าจะออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น
แต่นี่อะไรของมัน ชุดมันคือแบบไม่ใช่เลยอ่ะ
แคปไล่สายตามองไอ้คนที่เขาชวนมันเข้าตลาดเพื่อหาซื้อของสดอร่อยๆมาทำกินกันที่ไร่เพราะวันนี้จะมีปาร์ตี้เล็กๆ
คำอนุมัติจากเฮียโก้
เมื่อคืนเอสมาถึงช่วงเย็น
ปกติวันอาทิตย์แบบนี้จะนอนดูหนังกันไม่ก็เข้าไร่ไปปลูกผักผลไม้เล่น
แต่วันนี้เฮียโก้มีโปรแกรมปาร์ตี้อาหารทะเลจิบเบียร์เคล้าเสียงเพลง
เพราะว่าทั้งเฮียเต้ เจ้าอาร์ เจ้าปอ เอสแคป รวมถึงอาฟี่และเฮียโก้
ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แคปจึงรับหน้าที่ไปจับจ่ายอาหารทะเลที่ตลาดสดด้วยตัวเอง
ไล่มองคนตรงหน้าแบบพิจารณาอีกครั้ง
คนที่คร่อมชอปเปอร์รอเขาอยู่
กางเกงยีนส์เข่าขาดสีเข้มกับเสื้อยืดสีดำสนิท
เป็นชุดที่ใส่ตั้งแต่เมื่อเช้าและเมื่อกี้เอสมันคงคงขึ้นไปหยิบแจ็คเก็ตสีดำตัวที่มันใส่มาเมื่อคืนมาสวมทับลงไปอีกที
ลายปักพู่กันจีนขนาดใหญ่ที่กลางแผ่นหลังทำให้ตัวเสื้อดูโด่ดเด่นราวกับเจ้าพ่อเซียงไฮ้อะไรแบบนั้น
นี่ยังไม่นับรองเท้าผ้าใบที่แค่ดูก็รู้ว่าสนนราคาสูงลิบลิ่วแค่ไหน ทั้งแว่นกันแดด
กับทรงผมเซทตั้งแบบใหม่ของมันอีก
โอ่ยยยยย
เขาแค่จะจะพามันไปเดินซื้ออาหารทะเลในตลาดสด
ตลาดสดบ้านเพ!!
แล้วดูอิคุณชายเอสมันแต่งตัว
แค่มองแคปก็ปวดหัวแล้ว
“แล้วไง??” คนถามไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรด้วย
เอสรอแคปก้าวขึ้นมานั่งซ้อน แต่อีกฝ่ายกลับจ้องหน้าเขาคล้ายระอาใจเต็มที่
เอสจึงก้มดูชุดของตัวเองใหม่อีกครั้ง
คือทุกอย่างมันโอเคนะในสายตาเขา
“ขึ้นมาเร็วเข้าเถอะแคป ไปคันนี้นะ”
อ่า..มีปัญหาเรื่องรถขึ้นมาอีกอย่าง
แคปถอนหายใจพลางยกมือกุมขมับ
เอสผู้ไม่รู้เรื่องเร่งยิกๆพร้อมยื่นหมวกกันน็อคสีดำแบบเต็มใบส่งให้อีกคน
รถชอปเปอร์สีวาวเงาวับเมื่อเดือนก่อนเขาให้เด็กขับเข้ามาจอดไว้ที่ไร่
แคปมันยังไม่เคยได้ใช้เลยเพราะอย่างนั้น
เขาเลยถือโอกาสนี้จะขับพาไปร่อนตลาดสดริมทะเลเลยน่าจะดี
หากแต่แคปยังคงยืนงงงันอยู่อย่างนั้น
แคปมันเป็นอะไร??
“เร็วเข้า จะบ่ายสี่โมงแล้วไหนว่ารีบ” เขาดึงให้คนรักขยับเข้ามาใกล้
ๆ ทำท่าจะสวมหมวกกันน็อคให้ แต่เจ้าแคปกลับเบี่ยงหัวหลบ
เอสจึงใช้อีกมือดึงล็อคเข้ามาจนได้
“เป็นอะไรของมึง กูหล่อมากเหรอแค่ไปตัดผมใหม่มาเองนะ
มองกูตาเขียวตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หล่อมากไหมเบบี๋ หื้ม”
“แหวะ” แคปทำท่าโก่งคออ้วก “กูยังไม่ได้บอกว่ามึงหล่อสักคำเหอะ”
“จริงอ่ะ??” เอสถามกลับยิ้มๆ “ไม่พูดแต่มึงคิดใช่ไหม” ไม่พูดเปล่ายังเอามือมารองใต้คางให้แล้วอีกฝ่ายบอกน้ำลายจะหกแล้ว
เขาโดนแคปฟาดผั๊วะไปตามระเบียบ “ประสาท!” เรียกเบบ๋งเบบี๋อะไรของมัน ขนลุก!
เจ้าของเสียงทุ้มต่ำหัวเราะพออกพอใจ
ขำที่แกล้งแคปมันได้ “ขึ้นมาเร็ว
ไปขับรถเล่นกันไง”
“ไม่เอา ไม่ไปคันนี้หรอก”
“ทำไม”
“ก็เดี๋ยวขากลับกูต้องหิ้วกล่องโฟมหิ้วอะไรหลายๆอย่าง
แบบนั้นมันหนักนี่หว่า ไปรถยนต์เหอะ”
“มึงจะซื้อของเยอะ?”
แคปพยักหน้าหงึกๆ
ไม่เยอะยังไงล่ะแต่ละคนตัวใหญ่ๆทั้งนั้นกินอย่างกับปอบลงแน่ ๆ
“ก็ใช่ดิ มึงดูพวกเราทั้งหมดก่อน จะซื้อกุ้งกิโลเดียวเรอะ ไปคันใหญ่เถอะ
เอารถยนต์ไป”
เอสขบริมฝีปากนิ่งไปนิดๆ
เขาคล้ายกำลังคิดอะไรสักอย่างออก ดวงตาเป็นประกายคมกริบเมื่อมองเห็นเลขาคนเก่งอย่างเจ้าปอที่กำลังโดนอาร์ค้นอะไรสักอย่างที่ตัว
“เดี๋ยวให้ไอ้ปอมันขับรถใหญ่ตามไปเอาของก็ได้นี่
เรามีหน้าที่ซื้ออย่างเดียว”
“งั้นถ้าซื้อแล้วเราจะเอาของไว้ที่ไหน” แคปยักคิ้วถามสวนขึ้นมา
“ซื้อแล้วก็เอาวางไว้ที่ใต้ต้นไม้” เอสก็ตอบกลับทันทีเช่นกัน
ตอบราวกับเป็นเรื่องง่ายดายขณะที่แคปนี่มองตาค้างเติ่ง
ตลาดที่ไหนมีต้นไม้วะ!
“ไม่ได้เด็ดขาด!” แคปทำเสียงดุใส่
อีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากเถียงแต่เจอนิ้วยาวๆจิ้มเข้าที่คางก่อน
“มึงจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ ซื้อของเสร็จไปวางไว้ที่ใต้ต้นไม้ จะบ้าเรอะ!”
“ไม่เห็นเป็นไร วางไว้ที่ไหนก็ได้นี่”
“อย่ามาเถียงข้างๆคูๆ ไปคันนั้น เดี๋ยวกูขับเอง” แคปหมายถึงรถกระบะตอนเดียวสีดำคันเก่งของไร่
เอสมองตามแล้วทำหน้างอแงนิดหน่อย
“แต่กูอยากบิดคันนี้นี่ พามึงซ้อนท้ายขับกินลมชมแดดริมทะเล” คนถูกดุเสียงอ่อน แคปเองก็อ่อนไปกับเสียงออดอ้อนของมันเช่นกัน
“เอาไว้วันหลังดิวะ อาทิตย์หน้าก็ได้วันนี้ต้องหิ้วของไง”
“งั้นขากลับกูหิ้วเองมึงเป็นคนขับแทน เอาแบบนั้นไหมล่ะ”
“ไม่เอามึงหิ้วก็หนักเหมือนกันน่ะ”
“งั้นขากลับแบ่งกันหิ้ว”
“แต่กูว่า...”
“แคป กูคิดว่าจะพามึงไปคันนี้ว่ะโทษที”
สุดท้ายเมื่อเอสเล่นไม้แข็งทำหน้าทำตางงอแงแบบนิ่งเฉยแคปจึงถอนหายใจแรงๆหนึ่งเฮือกยอมใจกับคนดื้อ
“ขึ้นมาเร็วเข้า แดดกำลังดีลมทะเลน่าจะกำลังสวยเลย”
“มึงแม่งบังคับกูได้ตลอดอ่ะ” คนถูกต่อว่ายกยิ้มก่อนดึงแคปบอกให้ขึ้นรถได้แล้ว
“บังคับน่ะหมายถึงกูรักนะบอกให้รู้
กูไม่บังคับคนที่กูไม่รู้สึกอะไรด้วยหรอกมึงดีใจได้เลย”
“แหวะ!” แคปทำท่าโก่งคออ้วกแก้เขิน
หูแดงหน้าร้อนไปหมดแต่ก็เหวี่ยงขาขึ้นคร่อมยึดบ่ามันแล้วนั่งลงแรงๆก่อนคว้ากันน็อคในมืออีกฝ่ายมาสวมลงไป
เอสหันมายิ้มให้นิดๆก่อนดึงเอามือคนด้านหลังให้กอดเอวตัวเองเอาไว้ให้ดี
จากนั้นรถมอไซด์คันใหญ่ก็ขับผ่านคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังยืนดูอะไรกันสักอย่างออกไป
แคปเลยเพิ่งสังเกตเห็นว่าบรรดาผู้คนในบ้านเขากำลังมุงดูเตาปิ้งบาร์บีคิวขนาดกลางที่เอาออกมาปัดฝุ่นรอ
เฮียเต้กับเจ้าอาร์ชี้ไม้ชี้มือตะโกนบอกให้ซื้อกุ้งหอยปูปลามาเยอะๆ เสียงไอ้ปอตะโกนไล่หลังมาด้วย
ว่าให้เหมาตลาดสดมาเลยยิ่งดี
“เหมาพ่อง! กูไปมอไซด์แบบนี้มีหวังขากลับหิ้วจนนิ้วหักนั่นล่ะห๊ะ!”
เอสยิ้มขำๆแล้วส่ายหัวในตอนที่แคปมันบ่นอุบเขาจึงโดนทุบไปเต็มๆหนึ่งที
“ห้ามขำ
ขากลับมึงน่ะต้องหิ้วเลย”
“เรื่องดิ”
“ไม่สน มึงนั่นแหละที่ต้องหิ้ว!” แคปยื่นหน้าตะโกนโต้ลมออกไป
คนขับอย่างเอสทำสัญญาณมือบอกให้นั่งดี ๆรถเยอะ
เดี๋ยวจะตัดเข้าเลนในเพื่อเลี้ยวแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้นช้อปเปอร์สีดำเงาวาววับก็มาเคลื่อนตัวขับแบบเอื่อยๆอยู่ริมทะเล
แสงแดดยามบ่ายคล้อยต่ำลง สายลมอ่อนโกรกเอาทั้งไอความร้อนและกลิ่นหอมเจือจางของไอทะเลเข้ามาแตะเข้าที่ปลายจมูก
เอสหันไปบอกให้แคปถอดหมวกกันน็อคออกมาแขวนไว้ที่ด้านหน้า
มองดูเวลาที่ข้อมือยังสามารถขับรถเลียบหาดกันได้อีกราวหนึ่งชั่วโมงค่อยเข้าไปเดินที่ตลาดเพราะงั้นแคปจึงปล่อยให้คนขับเต็มที่กับธรรมชาติที่คนกรุงอย่างมันนานๆทีจะได้เข้ามาสัมผัส
รถถูกจอดลงใต้ต้นสนสูงใหญ่
กลิ่นไอทะเลไม่จางหาย เขาสองคนลงไปยืนเคียงคู่กันทอดสายตามองไปจนสุดลูกหูลูกตา
เรือหาปลาลำจิ๋วลอยคว้างอยู่ไกลแสนไกล
“วันหลังไปเที่ยวที่นั่นกัน” แคปมองคนข้างกายแล้วอดไม่ได้ที่จะชี้ไปที่เกาะขนาดใหญ่กลางทะเล
เสม็ดน่ะพวกเขาไปกันบ่อย แต่กับเอสไม่รู้ว่ามันเคยไปสักทีหรือยัง
คนถูกชวนหันมองนิ่งๆ
ดูเหมือนในแววตาจะแสดงความแปลกใจนิดหน่อย แคปจึงขยับเข้าไปยืนใกล้ๆขึ้นอีกนิด
จับบ่าแล้วเอียงหน้าเข้าไปพูดเบาๆอยู่ที่ริมหู
“กูชวนไปเที่ยวนี่ก็เป็นการแสดงออกว่ารักเหมือนกันนะเฟ้ยยย”
จบคำ
เอสตะลึงงันไปแล้ว ปกติแคปมันจะปากแข็งถามอะไรก็ไม่สนไม่รู้ไม่ชี้ ไม่แสดงออกหวานๆ
แต่คราวนี้มาแปลก
“มึงดีใจล่ะสิ” แคปหรี่ตาถามยิ้มๆ เอสยิ้มหึหึออกมา
จากนั้นเอื้อมไปดึงมือแคปมากุมไว้
“ไปแค่สองคนนะ ไม่ชวนเพื่อนมึงได้รึเปล่า” ต้องถามกันไว้ก่อน
เจ้าแคปไปเที่ยวไหนชอบไปเป็นทีม ก็รู้ว่าเพื่อนเยอะไปหลายๆคนก็สนุกดี
แต่บางทีเขาเองก็อยากมีสวีทไทม์สองต่อสองบ้าง
“เฮ้ยต้องไปกันหลาย---โอ๊ย!”
ยังพูดไม่ทันจบหรอก
ถูกดึงจนแก้มโย้เสียก่อน
เอสที่มือไวมากอดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาดึงแก้มกลมๆช่างพูดนั่นแล้วบิดด้วยความหมั่นเขี้ยว
แคปเบ้หน้าบอกเจ็บๆๆๆ
พวกเขาสองคนวิ่งไล่กันลงไปที่หน้าหาด
แคปหันไปชี้หน้าห้ามทำอะไรประเจิดประเจ้อเพราะคนเยอะ
แต่เอสเหรอจะเชื่อยิ่งย่ามใจได้ทีแกล้ง
เขาวิ่งเข้าใส่เลยไม่รอช้าเจ้าแคปวิ่งหนีทันที
สุดท้ายแคปมันสู้ไม่ได้หรอกโดนเอสดึงตัวเข้ามาล็อคกอดคอเอาไว้สไตล์เพื่อน
จากนั้นสองจึงเดินเรียบชายหาดเล่นไปเรื่อยๆ เด็กๆหลายสิบมาเล่นน้ำก่อกองทราย
บ้างมาเป็นครอบครัว บ้างมากันเป็นหมู่คณะ เป็นคู่
แต่ทะเลเดี๋ยวนี้ไม่สะอาดเหมือนเมื่อก่อน
อยากจะถอดรองเท้าเดินแต่จนใจกลัวเศษแก้วเศษกระจกจะบาด
แคปเงยหน้ามองท้องฟ้าและบรรยากาศโดยรอบก่อนจะนึกได้ว่า
พวกเขาเข้าตลาดมาเพื่ออะไร
“เดี๋ยวพวกเราต้องรีบไปซื้อของนะเว้ย มึงชื่นชมธรรมชาติอิ่มหรือยังล่ะ”
“หื้ม อิ่ม??” เอสหันมองคนข้าง ๆ
เขาก้มลงเก็บเปลือกหอยขึ้นมาหนึ่งอันแล้วส่งให้แคป
“ก็เห็นมึงชอบนี่” แคปขว้างเปลือกหอยอันนั้น
ขว้างไปจนสุดแขนตกลงในน้ำทะเลที่ไกลๆ “ มีความสุขมากไหมล่ะอยู่กับทะเลน่ะ
มึงชอบทะเลเหรอวะ”
“.................”
ในตอนนั้นเอสเพียงแค่หันมองคนตั้งคำถาม
เขาไม่ได้ตอบอะไรออกมา
สองคนเดินขึ้นมาด้านบนกันแล้ว
แคปมองบรรดาต้นสนสูงใหญ่ที่เรียงรายเป็นแนวยาวไปตามถนนตลอดทั้งสาย
รอบข้างมีแต่ความร่มรื่นครึกครื้น กับร้านรวงริมทาง ทั้งร้านขายอาหารริมหาด
ร้านขายชุดเครื่องเล่นตักทรายของเด็กๆกับเสื้อผ้าชายทะเลสีสันสดใส
ที่พักราคาย่อมเยา มีร้านกาแฟเล็กๆมากมายหลายสิบด้านหน้าบังกะโล
สองคนเดินเล่นกันมาเรื่อยๆจนถึงที่ๆรถมอไซด์คันใหญ่จอดอยู่
แคปชี้ให้เอสดูที่เกาะใหญ่กลางทะเลอีกครั้ง
“เอาเป็นว่า ถ้ามึงว่างช่วงไหนบอกละกัน ไปค้างกันสักคืนสองคืน”
“ไปกันแค่สองคนใช่ไหม?”
“เอาคูเปอร์ไปด้วยไหมล่ะ สงสารน้องให้น้องไปด้วยก็ดีนะ” แคปว่าต่อแบบเขินๆลากเข้าเรื่องคูเปอร์แม่ม ซึ่งแน่นอนว่าเอสดูออก และเขาก็ยิ้มรับนิดๆ
อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปบิดแก้มแคปอีกครั้งจนแคปต้องร้องประท้วงขึ้นมาแล้วหลบออก
“ก็เห็นมึงชอบทะเลไง ดูทำหน้าทำตามีความสุขเสียขนาดนั้น กูก็เลยชวนเหอะ”
ยังเขินไม่หยุด
“ไม่รู้จริงๆ?? ว่ากูมีความสุขเพราะอะไร”
“ก็มึงชอบทะเลนี่ อยู่ในเมืองกรุงไม่ค่อยได้เจอธรรมชาติก็แบบนี้แหละว๊าา
พวกกูนี่เห็นจนเบื่อ แรกๆก็ตื่นเต้น สักพักกลายเป็นชินไปแล้ว”
“มานี่ดิ๊” เอสซึ่งนั่งลงบนเบาะช้อปเปอร์ดึงแคปให้ขยับเข้ามาใกล้ตัวเขา
ก่อนพูดเสียงเบาพร้อมกับดวงตาคมกริบที่จ้องอีกคนอย่างแพรวพราว
“กูชอบทะเล”
แคปพยักหน้า
“ภูเขาหรือว่าแม่น้ำกูก็ชอบ”
“อือ” แคปพยักหน้าอีก
“แต่คำว่าชอบ ไม่ได้หมายความว่ามองเห็นมันแล้วกูจะมีความสุข”
“ยังไง”
“เพราะความสุขของกู คือการที่ได้ไปสถานที่แห่งนั้นกับใครต่างหาก” ใครที่ยืนอยู่เคียงข้าง
“.............”
ความสุขของกู
คือมึง
“เข้าใจหรือยัง”
“.............”
แคปนิ่งไปชั่วขณะ
ก่อนจะพยักหน้ารับแบบรัวๆเพราะหน้าตาเห่อร้อนขึ้นมาอีกรอบ
เอสอมยิ้มพลางกระชับมือเล็กให้แน่นขึ้นอีกนิด
“ศุกร์หน้าจะพาน้องมาด้วย เราสามคน
กูมึงแล้วก็คูเปอร์ขึ้นเรือข้ามไปค้างที่เสม็ดด้วยกัน”
“กูจะจองที่พักเอง” แคปชิงพูดขึ้นมาอย่างเร็ว
หากแต่เจอคำพูดประโยคถัดมาของเอสทำเอาเขาเกือบหงายเงิบ
“รัชชามีรีสอร์ตใหญ่อยู่ที่นั่น เดี๋ยวให้ปอมันจัดการ”
หาาาาาา!!!
“ตกใจทำไมวะ ขึ้นรถเร็ว”
“นะ...นี่ มะ..มึงเคยไปแล้วเหรอ”
“แค่เสม็ดน่าแคป มีใครไม่เคยไปมั่งอ่ะ”
อ่าา..
เดี๋ยวนะ! แล้วมึงไปมาเมื่อไหร่ ไปตอนไหน
ไปกับใครมาล่ะวะห๊ะ!
แคปไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าขึ้นไปนั่งเสร็จสรรพตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้ตัวอีกทีเขาเข้ามาสู่ความวุ่นวายในถนนเล็กๆของตลาดสดบ้านเพเรียบร้อย
มอ’ไซด์ชอปเปอร์คันใหญ่ซิกแซกเข้าซอยเล็กๆตามที่แคปชี้บอกก่อนมาจอดลงที่หน้าธนาคารแห่งหนึ่ง
“ถอดเสื้อนอกพาดไว้ที่รถก็ได้มั้งเดี๋ยวเข้าไปเดินซื้อของกัน เนี่ยอ่ะตลาด”
คนขับอย่างเอสก้าวตามลงมา
เขามองไปรอบๆแล้วทำหน้าสนอกสนใจ ร้านค้ามากมายอยู่ในซอยเล็กๆแห่งนี้
หรือที่เรียกกันว่า ตลาดสดบ้านเพ
“ถอดดิ ไม่หายหรอก”
“ไม่เอาอ่ะ กูร้อน”
“ร้อนอะไรของมึงแดดร่มขนาดนี้แล้ว” ยิ่งร้อนยิ่งใส่แขนยาว
จะบ้า??
“เดี๋ยวผิวเสีย”
แคปชะงักขาที่กำลังจะก้าวนำเขากลอกตาเซ็งๆหันไปเบะปากใส่
โอ๊ยไอ้คุณชาย!! “ผิวเสียอะไรของมึงวะ เคยมาเดินตลาดป่ะเนี่ย”
“หึ ไม่เคยอ่ะ” เอสตอบเรียบๆเขายังทำหน้าเฉยๆไม่รู้สึกรู้สา
อันที่จริงเขากำลังสนอกสนใจร้านกาแฟเล็กๆข้างๆที่เขาจอดรถทิ้งเอาไว้
“กินไหมล่ะ ร้านนี้ขนมปังสังขยาใบเตยอร่อยมากนะ
เข้าไปนั่งกินกันสักเดี๋ยวก็ได้ กินมะ”
เอสยังไม่ทันได้ตอบแต่แคปเดินนำเข้าไปแล้วเรียบร้อยพร้อมออเดอร์กับคนขายสองสามีภรรยา
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปนั่งรอในร้านกาแฟโบราณที่เป็นห้องแถวไม้เล็กๆ
มีขนมปังสังขยานึ่งสดใหม่กลิ่นหอมฉุยกับกาแฟเย็น คนละหนึ่งแก้ว
“สังขยาเขาอร่อยนะ ทำไมมึงกินแต่ขนมปังแบบนั้นล่ะ” แคปเริ่มสงสัยและผิดสังเกต
เอสกินแต่กาแฟกับขนมปังนึ่งหากแต่ไม่ยอมแตะสังขยาใบเตยเลยสักนิด
“กินไม่เป็น”
“ห๊ะ!??” แคปอุทานเสียงดังเกินไปนิดจนต้องปิดปาก
อะไรคือมันบอกว่ากินสังขยาไม่เป็นวะ
ไหนตอนแรกมองทำหน้าทำตาอยากกินพอเข้ามากินจริงๆดันกินไม่เป็นอะไรของมัน
“กินสังขยาไม่เป็น” เอสบอกออกมาอีกทีเสียงเบา ๆ
แคปถึงกับถอนหายใจ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินให้หมดๆไป
“กินเยอะระวังมึงจะอ้วน”
เหยดดดดดดดดดด
แคปแทบสำลักเกือบคายขนมปังออกมา
จู่ๆคำสุดท้ายแล้วมันพูดจาหยาบคายอะไร!!
“กูก็อ้วนอยู่แล้วเหอะ น้ำหนักขึ้นจะห้ากิโลแล้วเนี่ยก็เพราะมึงคนเดียวไงล่ะ”
แคปยกแก้วกาแฟขึ้นดูดรวดเดียวจบก่อนวางลงอย่างแรง
“กูเกี่ยวอะไรล่ะ” เอสกลั้นขำ
เขาเองก็ทานจนเสร็จเรียบร้อย
มองดูซากอารยธรรมแล้วยื่นมือไปบิดแก้มแคปเบาๆก่อนลุกขึ้นไปจ่ายตังค์
“ถอดเสื้อไหม ร้อนนะมึงจะเดินเข้าไปทั้งเสื้อนอกแบบนี้ไม่ได้หรอก”
แคปพูดเรื่องเสื้อขึ้นมาอีก
เอสจึงตัดสินถอดออกมาแล้วส่งให้แคปเป็นคนถือเอาไว้ให้
แน่นอนว่าแคปมันบ่นไม่หยุดเลยสิ “ก็บอกแล้วว่ามันร้อน
ให้ถอดตั้งแต่อยู่ที่รถก็ไม่ยอม ไงล่ะ คนที่ลำบากคือกูใช่ไหมต้องมาถือให้เนี่ย”
“บ่นไรนักหนาวะแคป เป็นเมียต้องถือเสื้อให้ผัวถูกแล้วน่า”
“ปากดีนัก ไว้กูได้มึงเป็นเมียก่อนเหอะจะประกาศให้รู้ทั้งจังหวัดเลยแม่ง”
เอสหัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจจนแคปต้องตวัดสายตาใส่แรง
ๆ เขาสองคนเดินผ่านบรรดาแผงขายอาหารทะเลสดตลอดทาง
แต่คงยังไม่ถึงร้านที่แคปต้องการจะซื้อ เอสก็ดูสองข้างทางไปเรื่อยๆ
ด้วยรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณที่แตกต่างจากคนแถวนี้มาก
ทำให้หลายคนโฟกัสสายตามาที่เขาทั้งคู่
เจ้าแคปน่ะไม่เท่าไหร่เพราะมากับเฮียโก้บ่อย
มีหลายคนรู้จักกันแล้ว
แต่กับเอสนี่ค่อนข้างฮือฮาเพราะมันหน้าตาไม่ค่อยเหมือนมนุษย์แถวนี้นัก
โดยเฉพาะผิวขาวๆอมชมพูของมันที่ตัดกับสีเสื้อยืดดำสนิท
กล้ามแขนมัดงามดูมีสุขภาพดีมากๆนั่น เมื่อก่อนสมัยเรียนก็ว่าผิวพรรณดีแล้วใช่ไหม
เดี๋ยวนี้ท่านเอสอยู่แต่ในห้องแอร์ นั่งเป็นท่านประธานตลอดผิวมันเลยยิ่งโคตรงาม
แคปชายตามองคนข้าง
ๆ ตามสายตาของบรรดาเจ้าบ้านและนักท่องเที่ยวชายหญิงที่เดินสวนกันยังต้องหันมอง
“อะไรแคป” เอสหันมาถามเมื่อรู้สึกว่าคนข้างตัวทำท่าผิดปกติ
แคปจึงขยับเดินเข้าไปใกล้ๆอีกนิด เห็นเอสกำลังชำเลืองดูปูนึ่งตัวใหญ่ ๆ
ที่ร้านค้ากำลังยกลงจากซึ่งนึ่งอาหาร
“กูรู้สึกอิ่มว่ะ
มึงแม่งตัดกำลังกูชวนกินขนมปังสังขยาก่อน
เย็นนี้อุตส่าห์ตั้งใจจะกินปูนึ่งเยอะๆเลย”
“ยังจะพูดถึงเรื่องกินอีกเหรอวะ”
“อ้าวก็เรากำลังจะเดินไปซื้อของกินไม่ใช่เรอะ”
สองคนเริ่มต้นเถียงกันอีกครั้ง
ปัดเรื่องอื่นๆทิ้งไป
เถียงกันต่อกระทั่งทางเดินแคบๆที่ต้องเดินเรียงแถวลึกเข้าไปในตลาด
คราวนี้เอสให้แคปเดินนำไปก่อนเขาค่อยเดินตาม ถนนแคบมากมีรถวิ่งผ่านอยู่ตลอดจึงไม่สามารถเดินคู่กันได้
ต้องเดินตามกันไปเรื่อยๆแบบนี้
“เดี๋ยวกูจะซื้อกุ้งกับปูเจ้านี้” แคปหันมาบอกพลางหยุดเดินแล้วชี้ร้านที่ไม่ไกลจากตรงนั้นให้เอสดู
“มึงเห็นร้านนั้นไหม ไปซื้อกล่องโฟมมาเอาขนาดกลางนะ
อย่าให้ใหญ่มากเดี๋ยวขากลับกูถือลำบาก”
“เอากี่กล่อง”
“สอง”
เอสพยักหน้าเบา
ๆ
เขาเดินตรงไปแล้วแคปจึงข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อซื้ออาหารสดที่ต้องการตามที่เฮียโก้สั่งมา
“อ้าวคุณแคปวันนี้มาตลาดได้นะคะ อยากได้อะไรเดี๋ยวป้าจัดการให้ลูก”
ป้าสมฤดีเธอเป็นแม่ค้าที่ค่อนข้างมีพาวเวอร์ในตลาดสดแห่งนี้
อาหารทะเลที่ร้านของเธอสดใหม่ลงจากท่าเรือของร้านด้านหลังทุกเช้า
แคปเคยมาตลาดพร้อมเฮียโก้และพี่พายหลายครั้ง เพราะงั้นจึงคุ้นเคยกับเธอดี
ป้าสมฤดีใจดีมากๆ
แคปบอกสิ่งที่ต้องการไปทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นกุ้งกั้งหอยปูปลา จนอีกฝ่ายถึงกับหัวเราะเขาเบา ๆ
“เพิ่มหอยตลับด้วยไหมคะ เพิ่งลงจากเรือตะกี้เลย
สดมากจริงๆเอาไปให้คุณโก้ผัดใส่น้ำพริกเผาให้ทานนะคะลูก”
“อ่าครับ” แคปยิ้มรับอย่างสุภาพหอยตลับผัดน้ำพริกเผาของชอบของเฮียเต้อยู่แล้ว
เขาหันไปมองคนที่เดินตัวปลิวมาพร้อมกับพนักงานของร้านที่หอบกล่องโฟมข้ามมาส่งให้ถึงที่
แคปบอกขอบคุณในขณะที่เอสหน้ามุ่ยมายืนอยู่ข้างเขา
แคปรีบส่งกล่องให้ป้าคนขายก่อนหันมาหาเอส
“ทำหน้าอะไรของมึง ร้อนหรือไง”
เอสส่ายหน้าแต่ไม่ยอมตอบ
หน้าตาที่บึ้งอยู่แล้วไม่รู้ทำไมบึ้งขึ้นอีก
“เป็นอะไรของมึงอีกวะ ห๊ะ” แคปขยับไปถามเสียงเบาใกล้ขึ้นอีกนิด
เจอสายตาคมกริบเขียวปั๊ดมองใส่เขาถึงกับชะงัก
อะไรของมัน????
“ร้อนหรือไง ใส่เสื้อไหมล่ะ” แคปยื่นเสื้อส่งให้ด้วยคิดว่าเอสมันอาจจะร้อนจนหงุดหงิด
แต่เจ้าของเสื้อส่ายหัวบอกไม่เอา เขาจึงต้องถือไว้อย่างเดิม
แคปชี้นั่นชี้นี่ให้ดูอาหารสดๆเบี่ยงความสนใจ จู่ๆสายตาคมของคนหน้าบึ้งกลับจ้องอยู่ที่ถาดหอยนางรมตัวใหญ่มากๆ
แคปได้ทีจึงสะกิด “เอาไหมล่ะ มึงอยากกินเหรอ”
คราวนี้สีหน้าดีขึ้นหน่อย
เอสพยักหน้าบอกเอาๆ แคปเพิ่มออเดอร์ไปอีกหนึ่งรายการ
“อันนี้ก็สดๆเลยค่ะเดี๋ยวป้าแบ่งให้ ของเพิ่งลง
เมื่อตะกี้มีโรงแรมโทรมาเหมาไว้แล้วแต่เดี๋ยวจะแบ่งให้คุณแคปสามสี่กิโลนะคะ”
“ขอบคุณครับป้า”
“วันนี้เรือเราเข้าช้าค่ะ คุณแคปมาถูกเวลาจริงๆ”
แคปส่งยิ้มบางๆให้เธอ
เอสหันขวับไปมองแล้วศอกใส่อย่างแรงจนเจ้าแคปเกือบหน้าเขียว
“มึงยิ้มให้ป้าเขาทำไมนักหนา”
แคปที่กำลังจะอ้าปากด่าถึงได้เข้าใจทุกอย่าง
ส่ายหัวกับความบ้าของไอ้คนข้าง ๆ พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ชำระเงิน
ถึงตอนนี้ก็ต้องมายืนกลุ้มอกกลุ้มใจกับกล่องโฟมที่ออกลูกมาอีกสามกล่อง แคปคิดไม่ตก
เขาเอากลับไม่ไหวแน่ ๆ
“โทรเรียกเลขากูมาเอาก็ได้นี่”
“ชู่ว์มึงอย่าพูดดังสิวะ!” แคปรีบจะเอามืออุดปาก
จู่ๆพูดเรื่องเลขาอะไรขึ้นมากลางตลาด เขาแทบจะเต้นงับหัวมันแล้ว
ดูเหมือนป้าสมฤดีจะรู้เธอยิ้มอ่อนโยนแล้วบอกจะให้เด็กเอาไปส่งให้ที่ไร่
มีบริการแบบนี้ดีจริงๆ
“คุณแคปพาเพื่อนไปเดินเล่นเถอะค่ะ เดี๋ยวที่เหลือป้าจัดการให้นะ
เดี๋ยวส่งให้ถึงที่ไหร่เลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับป้า”
จากนั้นพวกเขาสองคนก็เดินออกมาจากร้านนั้นกัน
ช่วงวีคเอนด์ตลาดเย็นของที่นี่จะคึกคักมากเป็นพิเศษเพราะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ
คุณชายแห่งรัชชาดูตื่นตาตื่นใจกับร้านรวงข้างทางตลอดทั้งแนว
“ร้านนั้นมีเปลือกหอยด้วยมึงอยากได้ไหมล่ะ” แคปหันไปถาม
มองเห็นแระกายตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นของคนข้าง ๆ เขาเองก็ดีใจ
“ซื้อไปแขวนไว้ที่หน้าต่างห้องเราไหม อันนั้นก็น่ารักดี”
พวกเขาสองคนเดินมาไกลพอสมควรก่อนหยุดลงที่ร้านเล็กๆแผงลอยเครื่องประดับหอยที่ทำเป็นโมบายมู่ลี่แขวนเอาไว้เต็มหน้าร้าน
เอสเลือกหยิบโมบายหอยกรุ๊งกริ๊งอันเล็กๆขึ้นมาส่องๆดู
มีเด็กผู้ชายหน้าตามอมแมมแต่น่ารักวิ่งเข้ามาหาพวกเขา
“อันนี้ยี่สิบบาทครับ
ส่วนอันนี้สิบบาทแล้วอันนี้ก็สามสิบห้าบาทสามอันร้อยเดียว พี่ชอบอันไหนครับ”
เอสนิ่งไปนิดๆสายตาจับจ้องอยู่ที่เด็กคนที่ยืนเงยหน้าถามอยู่ข้างแคป
เขาก้าวเข้าไปแทรกกลางแล้วยื่นโมบายเปลือกหอยอันละยี่สิบบาทส่งให้
“เอาอันนี้” เอสพูดห้วนๆพร้อมทำหน้าดุๆเด็กน้อยถึงกับผงะแต่ไม่ถอย
เงยหน้าสู้
“โหหหห พี่เป็นนายแบบเหรอครับ ทำไมถึงหล่อจังตัวใหญ่เบ้อเริ่มเลย”
“หึ หล่อที่สุดของเราเรียกว่าอะไรล่ะ เจ้าเด็กน้อย”
“เรียกว่านายแบบครับ”
“ถ้างั้นพี่ก็เป็นนายแบบนั่นแหละ”
“โหหหห” เจ้าหนูทำปากโอ้โหไปตามคำพูดอีกครั้ง
เอสแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม เขาแกล้งแม้กระทั่งเด็ก ช่วยไม่ได้นะเข้ามาใกล้แคปทำไม
“แล้วนายแบบตัวใหญ่เหมือนตู้เย็นทุกคนเลยหรือเปล่าฮะ” เจ้าเด็กน้อยที่ไม่ได้กลัวท่าทางข่มขู่ของเอสเลยสักนิด
น้องส่งยิ้มเจิดจ้าขณะที่แคปกำลังจะยื่นแบงค์ยี่สิบจ่ายให้ขำจนขี้จะแตก
เอสนี่ถึงกับส่ายหัวกับคำพูดแซะขนาดตัวของเขา
เดินดุ่มๆเดินหน้ามุ่ยเลี่ยงออกมา
เจ้าของร้านที่น่าจะเป็นคุณแม่ของน้องเดินออกมาดู เธอยิ้มให้เขาทั้งสองคน
“เอาอันนี้ครับ” แคปยื่นสินค้าให้เธอห่อใส่ถุงก่อนจ่ายเงินไป
เอสที่เดินออกไปยืนรออยู่ก่อนแล้วกลับมีเด็กตัวเล็กๆไปยืนเงยหน้าจ้องไม่ยอมวางตา
“อันดาอย่ากวนพี่เขานะลูก” เธอเดินออกมาปรามลูกชาย
แคปเองก็เดินออกมายืนอยู่ข้าง ๆ
“โตขึ้นผมจะหล่อเหมือนพี่เขาไหมครับแม่”
“หล่อจ้า ลูกแม่หล่อที่สุด ขอโทษด้วยนะคะคุณๆ” เธอก้มศีรษะขอโทษขอโพยพลางจูงมือลูกชายบอกให้เข้าไปได้แล้ว
เอสที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับกลับยื่นมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์จากแคปมาแล้วเลือกหยิบเอาธนบัตรหนึ่งร้อยบาทใหม่เอี่ยมออกมาเขียนอะไรบางอย่างลงไปในนั้นก่อนยื่นส่งให้เด็กชาย
พร้อมคำพูดจริงจังแน่วแน่จนเด็กน้อยไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา
“นายเรียนจบเมื่อไหร่ให้เอาเงินนี้มาเข้าพบฉันที่ตึกรัชชา
ห้องทำงานของฉันอยู่ชั้นบนสุด”
“ตึกรัชชาคืออะไรฮะ”
“............”
เอสไม่ได้ตอบคำถามใสซื่อนั่น เขาก็แค่ยกยิ้มบาง ๆ
แล้วดึงมือคนข้างตัวให้เดินเลี่ยงออกไป
แคปรีบหันมาบอกสองแม่ลูกเบาๆ
“จำคำพูดพี่เขาไว้ให้ดีๆ ห้ามใช้เงินใบนี้เด็ดขาดถือว่าพี่เขาฝากเราเอาไว้
อีกสิบปีเข้าไปเอาดอกเบี้ยค่ารับฝากที่ตึกรัชชานะเจ้าหนูน้อย”
เสียงแว่วดังหายไป
ราวสายลมไม่เคยพัดผ่าน เอสกับแคปเดินออกมาจากตรอกเล็กๆนั่น พวกเขาวกกลับไปเอารถ
“ยิ้มอะไรของมึง”
“เปล่า”
ปากบอกเปล่าหากแต่ในใจกำลังคิด...ก็แค่ยิ้มปลื้มใจที่มีแฟนใจดี
หล่อ แถมยังรวยด้วย
มีใครให้มากกว่านี้อีกไหมล่ะ
หื้ม??
“กูเกลียดเด็กมึงก็รู้ เพราะงั้นอย่าคิดไปล่ะว่ากูใจดี”
“อ๋ออออออออออออออออออออออออออออออออ มึงเกลียดเด็กแล้วเกลียดอะไรอีกนะ
เกลียดหมาใช่ไหม”
“ใช่ เกลียดเด็ก หมาก็เกลียด เกลียดทุกอย่างที่ชอบเข้ามาใกล้ชิดมึงนั่นแหละ”
เพี๊ยะ!!
“เจ็บ”
“ตีก็ต้องให้เจ็บสิวะ”
“มึงชอบเล่นแรง พอกูเล่นแรงกลับก็โกรธ”
“ใครโกรธ??” แคปหันขวับ
“กูไม่โกรธง่ายแบบผู้หญิงหรอกเว้ย”
“จริงอ่ะ”
เอสถามกลับยิ้มๆหรี่ตาทำหน้าเจ้าเล่ห์ขณะที่อีกคนกัดฟันกรอดๆ
ก็เวลาเขาหยอกแคปช่วงก่อนนอนสองคนจะเล่นกันเบาซะที่ไหน
บางทีถึงขนาดเฮียโก้ยังเคยต้องเดินมาเคาะห้องถาม ทั้งเตียงสั่นเตียงโยก
โคมไฟหัวเตียงตก โทรศัพท์ร่วง หมอนนี่ปลิวว่อน
ทั้งสองคนใช้เวลาในตลาดต่ออีกนิดค่อยบึ่งรถออกมา
ขากลับแคปเป็นคนขับ
เขาชี้ให้เอสดูตลาดขายอาหารทะเลแปรรูปอีกหนึ่งแห่งไม่ไกลจากตลาดหลักมากนัก
“ไว้วันหลังค่อยมาเดินเล่นในนี้กัน”
“มีหอยสวยๆเยอะไหม” เอสที่นั่งซ้อนช่างลวนลามเก่งนัก
มือยิ่งกว่าหนวดปลาหมึกแคปรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่งที่ยอมขับให้มันนั่งขากลับ
เขาต้องคอยหันไปดุว่าอย่าล้วงมือเข้ามาแถวๆพุงเขาบ่อยนัก
“ไม่มีใครเห็นหรอก”
“ไม่ได้! ไม่มีใครเห็นมึงก็ไม่ควรทำ” แคปหันไปดุอีกที
ก่อนขู่ว่าถ้ารุ่มร่ามไม่หยุดอีกจะจอดแล้วเปลี่ยนให้เอสมาขับตามเดิม
นั่นแหละเอสมันถึงยอมเอามือออกจากเสื้อเขาได้
แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังกอดเอวแล้ววางคางลงที่ไหล่แคปเหมือนเดิม
พอมาถึงที่ไร่
ปอกับอาร์แสตนบายเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะเรียบร้อย ชุดพร้อม
หม้อพร้อมกะละมังพร้อม มีดเขียง
เจ้าอาร์ตัวเล็กกว่าใครเพื่อนรีบวิ่งออกมากวักมือเรียกแคปให้เข้าไปช่วยกันล้างทำความสะอาดอาหารสดในครัวใหญ่
“ไม่เอา กูทำไม่เป็น”
“แคปแม่ง”
“ทำไปเหอะ” แคปส่ายหัวบอกเชิญเลยเดี๋ยวไปรออยู่กับอาฟี่
เขาเห็นอาฟี่นั่งจิบเบียร์รออยู่แถวๆที่ปอกับพี่โชนกำลังช่วยกันต่อไฟสวยงามทำเป็นปาร์ตี้ขนาดเล็ก
“อ้าว ถ้างั้นมึงบอกให้ไอ้เอสมาช่วยกูล้างหอยล้างปูสิ”
“มันจะทำเป็นเร้ออ ” แคปทิ้งหางเสียงพลางหันไปมองคนที่หลังจากจอดช้อปเปอร์ของมันเข้าที่ก็เดินเข้าไปนั่งจิบเบียร์อยู่กับอาฟี่แล้วเรียบร้อย
แคปชั่งใจอีกครั้งก่อนส่ายหัว
“มันทำไม่เป็นหรอก”
“อ้าวแล้วใครจะช่วยกูล่ะ”
“ก็มีพี่พายแล้วไง ล้างๆไปเหอะเสร็จแล้วเรียกนะ เดี๋ยวจะเข้ามาช่วยยกออกไป”
“มึงแม่งซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“เอาน่าอย่าบ่นดิ”
แคปตบไหล่อาร์เบา
ๆ แล้วมองดูกล่องอาหารทะเลที่ถูกนำมาส่งไว้ก่อนหน้าพวกเขากลับมาสักครู่
จากนั้นค่อยเดินเข้าไปสมทบกับกลุ่มของเฮียโก้อาฟี่เฮียเต้และเอส ส่วนพี่โชนกำลังลากสายลำโพงออกมาต่อ
มีคนงานอีกสามสี่คนช่วยกันเรื่องฟืนไฟ
“ไม่ชวนเจ้าแบงค์มาทานด้วยกันล่ะคาปู” โก้ถามขึ้นทำเอาแคปสะดุ้งโหยง
ขณะที่เอสยังคงทำหน้าตาเฉยๆคล้ายคนไม่ได้ยิน
แต่แคปไม่เชื่อหรอกเพราะว่าเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้หลายต่อหลายครั้ง เฮียโก้พูดถึงไอ้แบงค์ทีไรเอสมันก็นั่งเฉยๆเหมือนไม่สนใจ
แต่พอตกดึกมันจะจัดการเขาเหมือนคนตายอดตายอยาก เล่นเอาอ่วมอรทัยซะทุกครั้งเลย
“เฮียโก้พอๆจบเลยครับ แบงค์มันไม่ว่างหรอกเข้ากรุงโน่นแหละ
มาๆผมก่อไฟเลยดีกว่านะ” แคปชวนเปลี่ยนเรื่องในทันที
“ก่อไฟเลยก็ดี ฟี่มาช่วยลูกจุดไฟเร็วๆ”
“ไม่เอา ทำไม่เป็น” นี่เสียงอาฟี่
ปฏิเสธได้ไร้เยื่อใยมาก คำพูดคำจาเหมือนเจ้าเอสไม่มีผิด แต่เฮียโก้มีหรือจะยอม
“มึงเป็นทหารไม่ใช่เหรอ ก่อไฟไม่เป็นใครเชื่อ”
“โก้อ่ะ” ทันทีที่คำว่าโก้อ่ะหลุดจากริมฝีปากคม
ทุกคนในนั้นหันขวับมองคุณอาสายทหารในทันที อาฟี่อ้อนเฮียโห้เรอะ!!!!!
“จะลุกไปทำให้ หรือไม่ทำให้”
“ทำไม่เป็นจริงๆ” อาฟี่ว่าเสียงอ่อน
เงยหน้าอ้อนพี่ชายฝาแฝดที่ยืนค้ำหัวตัวเองอยู่
อ้อนจนเฮียโก้ใจอ่อนนั่นแหละวะแคปว่า
เพราะสุดท้ายคุณพ่อของเขาส่ายหัวอย่างระอาแล้วแกล้งยื่นมือไปบีบคอเขย่าๆหลายๆที
จากนั้นค่อยหัวเราะออกมาอย่างสะใจเพราะอาฟี่ท่าทางจะมึนโงนเงนสุด
“งั้นลาเต้ มาทำ”
“โหหหเฮียโก้ครับ ปีนอยู่บนยอดเนี่ยจะลงไปได้ยังไงงานยังไม่เสร็จเลย”
เสียงเฮียเต้ดังมาจากยอดไม้จริงอย่างว่า
เขากับปอกำลังจัดการเรื่องไฟที่ต้นไม้ต้นนี้กันอยู่ โก้มองซ้ายมองขวา จะใช้นายโชนรายนั้นก็เข้าไปช่วยเจ้าอาร์อยู่ในครัวโน่นแล้ว
สุดท้ายหวยออกที่เอส ท่านประธานแห่งรัชชากรุ๊ป
“แล้วเอสล่ะ เราทำเป็นหรือเปล่าลูก”
“จุดไฟเหรอครับ” เอสละริมฝีปากจากแก้วไวน์
เขาหันมาถามตาใสๆราวกับไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“ใช่ ถ้าทำได้ก็ไปทำนะ เดี๋ยวจะยกอาหารสดออกมาปิ้งย่างกันแล้ว
บาร์บีคิวจะได้ขึ้นเตาสักที”
เอสนิ่งไปนิดๆ
จุดไฟเตาถ่านครั้งล่าสุดคือตอนไหนวะ?? คำตอบคือน่าจะเป็นตอนรับน้องเมื่อปีสอง
แต่ตอนนั้นก็ไอ้ชิพไอ้บุ้งอีกที่เป็นคนทำ
“ให้เลขาผมมาทำดีกว่า ปรเมททำได้ทุกอย่าง” แคปที่กำลังเงยหน้ามองดูปอกับเฮียเต้บนต้นมังคุดเกือบสำลักเครื่องดื่มเย็นๆที่กำลังจิบ
“ไอ้ปอ นายมึงเรียกลงมาก่อไฟ มึงได้ยินป่ะ”
“เออๆเดี๋ยวลงไปเว้ย” เสียงปอบอกลงมาจากมุมสูง
มันรับปากทุกอย่างที่เจ้านายมันสั่งเสมอ
แคปนี่ส่ายหัวแล้วชี้หน้าเอสที่นั่งชิลๆรับลมพลางจิบไวน์ไปเรื่อยๆ เสียงอาร์ตะโกนออกมาจากในบ้านบอกให้มาช่วยกันยกอาหารสดที่ล้างเสร็จแล้วออกไป
คราวนี้แคปลุกขึ้นไปลากเอสให้ลุกขึ้นมาด้วยกัน
คนถูกดึงเงยหน้าถาม
“ไปยกออกมาด้วยกัน”
“โอเค” เอสลุกขึ้นอย่างว่าง่าย
เขาวางแก้วเครื่องดื่มเอาไว้ ไม่ลืมที่จะชี้บอกปออีกครั้งว่าให้ลงมาก่อไฟได้แล้ว
เพราะตอนนี้เฮียโก้ลุยเองจนควันโขมงทั่วไร่ลำบากอาฟี่ที่บอกทำไม่เป็นต้องเข้าไปช่วยอีกแรง
สรุปไปๆมาๆอาฟี่นั่นแหละเป็นคนจัดการเรื่องไฟ
พออาหารสดออกมาวางเรียงรายไว้ที่โต๊ะยาว
แคปยื่นผ้ากันเปื้อนส่งให้เอสหนึ่งผืน
“หื้ม?” เป็นอีกครั้งที่เขาเงยหน้าถามแคป เพราะว่ากำลังสุนทรีกับเสียงเพลงและละเลียดจิบเครื่องดื่มเย็นๆเตรียมตัวจะกินกับหอยนางรมตัวใหญ่ๆที่อบเนยร้อนๆออกมา
“มึงต้องทำหน้าที่นี้นะ” แคปตะล่อม
“หา! ทำไม!!” เอสดูท่าจะตกใจสุดขีด
แคปยังคงตะล่อมต่อไป
“มึงรู้ไหมอาหารที่กูจะกินแล้วมีความสุข ไม่ใช่ว่าเป็นอาหารทะเลที่กูชอบเท่านั้นแต่ต้องเป็นความหมายที่ว่า
อาหารนั้นๆใครที่เป็นคนทำ ใครเป็นคนย่างคนปิ้งให้ ถ้ามึงทำกูก็อยากกินเยอะๆเลย”
“แต่มึงอ้วนแล้วนะ” เอสสวนขวับ
แคปนี่ตาเขียวอื๋อขึ้นมา
“บ้าเรอะ! ผิดประเด็นแล้วมึง” แคปแว๊ดใส่จะฟาดไปหนึ่งหมัดแต่เอสหัวเราะแล้วลุกขึ้นก่อน
เขาถอดเสื้อนอกวางไว้เหลือแต่เสื้อยืดสีดำตัวในก่อนรับผ้ากันเปื้อนมาสวมเอาไว้
“กูปิ้งให้ก็ได้ แต่มึงต้องเป็นคนจัดเรียงขึ้น”
“โอเคได้”
หลังจากนั้นสองคนก็ช่วยกันเรียงช่วยกันปิ้ง
เสียงเพลงจากเฮียเต้ที่เป็นคนคอนโทรลไมค์รวมทั้งเครื่องขยายเสียงดังคลอมาเบา ๆ
อาหารหลายๆอย่างทยอยออกจากครัว อาหารนึ่งอบเรียงกันเป็นแถว
อาหารสดปิ้งย่างเสร็จถูกคีบลงมาจากเตาบาร์บีคิวที่เอสแคปเป็นคนควบคุม
คนงานในไร่มานั่งล้อมวงใหญ่ใต้ต้นไม้กินกันอย่างเอร็ดอร่อยอิ่มหนำสำราญ
“มึงสูบบุหรี่ไปด้วยย่างไปด้วยเนี่ยนะ”
“อืม”
แคปทักขึ้นมาตอนที่เพิ่งสังเกตเห็นว่าเอสสูบบุหรี่ไปพลางปิ้งย่างไปพลาง
หน้าตาจริงจังสุดๆ เขาเดินเข้าไปตักหอยนางรมอบเนยหอมที่มันชอบเข้าไปยื่นส่งให้
“มือไม่ว่าง ป้อนกูดิ”
คนถูกสั่งมองซ้ายมองขวา
เออมันก็จริงมือหนึ่งของเอสจับไอ้ตัวคีบพลิกอาหารอยู่บนเตา อีกมือคีบบุหรี่เอาไว้ทั้งยังจะห่วงแก้วไวน์แล้วมันจะเอามือที่ไหนมากิน
แคปจึงตัดสินใจยื่นหอยทั้งฝาส่งเข้าปากให้
เอสโวยใหญ่มากเพราะว่ามันร้อนแล้วน้ำที่อยู่ตรงฝาเปลือกหอยมันลวกปากเขา
แคปหัวเราะลั่นบอกขอโทษที
“เดี๋ยวจะเลิกแล้ว บุหรี่น่ะ”
“ก็ดีนะ เลิกได้จริงๆก็ดี”
“เมื่อก่อนเคยเลิกได้แล้วนะ ครั้งนึง” เงียบกันไปทั้งคู่
เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ทำให้เอสกลับมาสูบหนักอีกครั้ง
แต่คราวนี้เขาคิดเอาไว้ว่าถึงเวลาต้องเลิกสูบจริงจังเสียที
“เลิกด้วยกันนะ มึงเองก็ไม่ต้องสูบอีกแล้วล่ะ”
“............”
แคปหันไปเหล่มองคนข้าง ๆ จากนั้นค่อยระบายรอยยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า
“สัญญาว่าจะสูบน้อยลง แต่กูคงหักดิบแบบมึงไม่ได้ ค่อยเป็นค่อยไปละกัน”
เอสบี้บุหรี่ทิ้งเลย
เขาคว้าเอาแก้วไวน์ขึ้นมาชูต่อหน้าแคป
“มา ชนแก้ว”
เคร้ง!
แล้วสองคนก็หัวเราะใส่กัน
ก่อนจะสนใจอาหารปิ้งย่างกันต่อ
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
โทรศัพท์มือถือเอสสั่นเรียกขึ้นมา
เขาใช้ลำตัวสะกิดบอกให้แคปล้วงออกมารับให้ อีกฝ่ายก็ทำตามแบบไม่อิดออด
ปรากฎที่หน้าจอเป็นรูปผู้หญิงสวยมากคนหนึ่งที่แคปกลับไม่คุ้นหน้าเธอเลย
มีชื่อกำกับไว้ว่า ‘grace’
“รับให้หน่อย มือไม่ว่าง”
“ห๊ะ?”
“บอกว่ากูไม่อยู่มีอะไรให้สั่งไว้”
แคปกดรับสายแบบงงๆในตอนนั้นเองปอเดินเอาไวน์แก้วใหม่เข้ามาเปลี่ยนให้กับเจ้านายของเขา
มองเห็นแคปคุยสายอยู่กับใครสักคน เสียงนี่เก็กหล่อสุดๆ
“ครับ แล้วผมจะบอกให้นะครับ” ประโยคสุดท้ายก่อนแคปกดวางลงไป
“มึงเอาด้วยป่ะวะแคป” ปอยกขวดไวน์ขึ้นถาม
หากแต่อีกคนส่ายหน้าบอกไม่เอา
หลังจากนั้นปอมันก็ทำหน้าที่เดินเติมไปทั่วทั้งบริเวณงาน
“ใครวะ?” แคปยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงคืนไอ้จ้าของ
ขณะที่เอสดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาคีบกุ้งมังกรตัวที่สุกแล้วขึ้นมาแกล้งยื่นใส่หน้าแคป
เจออีกคนชกต้นแขนไปฉาดใหญ่ก่อนเอาถาดที่เตรียมไว้มาใส่ มองดูอีกคนปิ้งย่างต่อ
“มึงบอกกูก่อนเร็วดิว่าใคร
ใครที่โทรเข้ามาหามึงแล้วกูเนี่ยต้องเป็นคนรับสายแทน”
“เธอว่ายังไงบ้าง”
แคปมุ่นคิ้วคิดอยู่ชั่วขณะกับคำถาม
ก่อนจิ๊ปากแล้วบอกออกไป “เธอบอกว่าจะกลับมาถึงวันอังคาร แล้วจะแวะเข้าไปหามึงที่ตึก
นอกนั้นคิดว่ามึงน่าจะรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรเตรียมไว้บ้าง”
เอสพยักหน้าเบาๆเขาบอกให้แคปส่งแก้วไวน์มาให้
พลางพลิกของบนเตาไปเรื่อยๆ หน้าตาไม่ได้แสดงออกว่าดีใจ เอะใจ หรืออะไร
แคปมันยิ่งอยากรู้
“มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ผู้หญิงที่อยู่ในสายน่ะ ใคร?!”
“พี่เกรซ” เอสตอบออกมาเรียบๆ
ใช้ที่คีบชี้บอกแคปเอาหอยนางรมมาป้อนเขาอีกหน่อย
“อ๋อ เขาเป็นรุ่นพี่มึง”
“ใช่ รุ่นพี่สองปี”
“แล้วโทรมาจากที่ไหนอ่ะ เห็นบอกว่าจะกลับมา หมายความว่าเธออยู่ที่ไหน??”
“อยู่เมลเบิร์น เรียนที่นั่น จบที่นั่น แล้วก็ทำงานที่นั่น”
“แล้วทำไมต้องโทรหามึงล่ะวะ”
“ไม่รู้สิ”
“มึงรู้จักพี่เขานานหรือยัง”
“นานแล้ว แต่ขาดการติดต่อกันไปพักนึง”
“ทำไม”
“เขาไปเรียนต่อไง”
“ตอนไหน”
“ตอนกูอยู่มอปลาย”
“เขาเป็นใคร”
“หื้ม??”
“ผู้หญิงคนนั้นน่ะเป็นใคร เป็นอะไรกับมึง” สำคัญยังไงกับมึง
เคยเป็นอะไรกับมึง
ก็รู้ว่าซักเยอะไป
แต่ช่วยไม่ได้ว่ะ ไม่มีอะไรมาทำให้สถานะเมียหลวงกูสั่นคลอนได้ทั้งนั้น
กูต้องรู้และอ่านเกมส์ได้ก่อน
แคปรอลุ้นคำตอบใจตุ๊มๆต่อมๆแต่ทว่ายังแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
และแอบชำเลืองมองคนข้าง ๆ
เอสยื่นแก้วไวน์ในมือส่งให้เขาดื่ม
เจ้าแคปก็รับมาแต่โดยดี กำลังกระดกเหล้าเข้าปาก
เสียงทุ้มต่ำก็ลอดออกมาจากริมฝีปากคม
“แฟนเก่า”
ซดแม่งมันหมดแก้วเลยสิครับ
รอเหี้ยไร!
ปัง!!
“กูว่าแล้ว” เสียงวางแก้วลงที่โต๊ะดังสนั่นก่อนหันไปจ้องหน้าคนข้างๆตาเขียว
เอสรีบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
เขาชวนเปลี่ยนเรื่องบอกให้แคปเอาหอยนางรมอบเนยมากินอีกหลายๆตัว
เจ้าอาร์ที่เดินมาคีบอาหารลงจากเตารู้สึกถึงบรรยากาศมาคุของเพื่อนสนิท
มันรีบคีบรีบถอยออกไปจากที่ตรงนั้น
“ป้อนดิ เร็ว”
“............”
แคปที่ยังตาเขียวปั๊ด จับเอาเปลือกหอยทั้งเปลือกยัดใส่ปากเอสโคตรแรง
อีกฝ่ายโวยลั่น “โอ๊ย!!เจ็บบบ”
ลำบากแคปต้องเอากระดาษมาเช็ดปากให้มันอีก
“เป็นอะไรของมึง ใจร้าย”
“.................” กูหึงนี่หว่าแม่ง แคปตาเขียวพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
เขาแสดงออกทางสีหน้าและการกระทำทั้งหมดไม่เก็บอาการแม่งแล้ว เอสเห็นแล้วยังขำ
“หึงแปลว่ารัก”
แคปตาค้าง
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี!”
“โอ้ว..........”
“อะไร?? นี่มึงรู้ได้ไงว่ากูคิดอะไรบ้าง
อย่ามาทำเป็นรู้ดี จิ๊!”
คนฟังยิ้มขำ
ก่อนวางมือจากแก้วไวน์แล้วดึงแคปให้ขยับเข้ามายืนใกล้ ๆ
แล้วเน้นคำพูดต่อจากนี้ทีล่ะคำ ชัดเจน
“แฟนเก่า ไม่ใช่แฟนคนปัจจุบัน และไม่ใช่แฟนใหม่ มึงเข้าใจที่กูพูดไหม หื้ม?”
แคปกัดฟันกรอดก่อนหันขวับไปจ้องหน้าตาเขียวไม่เปลี่ยน
เอสจึงเอามือแตะลงที่ศีรษะเล็กเบาๆสองทีสไตล์ปลอบใจในแบบของเขาพลางชี้บอกคราวนี้จะกินกุ้งนึ่งตัวใหญ่ๆในถาดนั่นหยิบมาแกะเปลือกป้อนเขาซะดีๆ
และเพราะแคปเข้าใจทุกอย่างของการกระทำนั้นๆดี
เขาจึงได้แต่วางมือสะเปะสะปะงุ่มง่ามแก้เขิน หยิบจับกุ้งปูหอยอะไรมั่วไปหมด
“มะ..มึงก็พลิกกุ้งตัวนั้นสักทีสิ มันไหม้ไปหมดทั้งแถวแล้วนั่นน่ะ”
“ไหม้ก็ช่างมันสิ กูง้อเมียอยู่เนี่ย อะไรมันจะไหม้กูเทแม่งหมดทุกอย่าง”
“ประสาท”
“ก็เมียกูโกรธง่ายนี่หว่า”
“ไม่เคยโกรธเหอะ กูออกจะใจกว้างงงงง กว้างเป็นแม่น้ำ”
“หึ ให้มันแน่นะ”
“แน่สิวะ
แต่ว่าหลังจากนี้กูจะให้ไอ้ปอมันเป็นหูเป็นตาให้กูยิ่งกว่าตาสับปะรด
ถ้ามึงทำอะไรนอกลู่นอกทางให้เพื่อนกูสงสัยแม้แต่นิด กูนี่แหละจะขึ้นไปจัดการ”
“โหหหหห น่ากลัว” เอสแกล้งทำท่าผงะด้วยความกลัว
เขาโดนแคปฟาดไปอีกแรงๆด้วยความหมั่นไส้พร้อมผลักออกจนกระเด็น
และกระเด็นแรงจนเฮียโก้ที่ยืนอยู่กับอาฟี่ยังร้องปรามว่าอย่าเล่นกันหน้าเตาไฟ
“ร้อนแล้วว่ะ เปลี่ยนให้คนอื่นมาทำมั่งเหอะ กูไม่ไหวละ”
สุดท้ายเอสโยนที่คีบทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
งานแบบนี้ไม่เหมาะกับคุณชายอย่างเขาจริง ๆ
นายโชนกับเจ้าอาร์เข้ามารับหน้าที่หน้าเตากันต่อ
ขณะที่แคปหนีเข้าไปแจมวงเหล้ากับพวกคนงานบางส่วนนานจนเอสต้องบอกปอให้ไปลากออกมา
“ไม่เอา มึงแม่งขัดความสุข”
“แคปลุก มึงเมาแล้วนะเนี่ย”
“กูเนี่ยนะเมา” แคปเงยหน้าถาม ปอคว้าเอาแขนแล้วดึงเลย
“เออน่า ลุกเหอะ”
จากนั้นก็เดินหน้างอเข้ามาฟาดผั๊วะลงที่กลางแผ่นหลังเอสเสียงโคตรดังก่อนโดนรวบทั้งตัวล็อคเข้ามานั่งหน้าหงิกอยู่ข้าง
ๆ
“มึงเมาแล้ว”
“เมาที่ไหน กูก็ใช้เวลากับพวกลูกน้องมั่งเหอะ”
เอสค่อยๆมองคนพูดอย่างพิจารณา
แต่หน้าตานิ่งๆของมันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตอนเอ่ยปากกวนโมโห
แคปจึงบอกไปว่าจะไปกินปูกับอาร์ อยู่แถวๆเตา
“ปูนึ่งตัวโตๆ เดี๋ยวเอาก้ามยักษ์อันใหญ่มาให้มึงกินด้วย”
เสียงออดอ้อนคล้ายคนเมาทำเอาเอสใจอ่อน
เขาคร้านจะรั้งจึงปล่อยแคปไป ฟี่ที่นั่งดื่มไวน์อยู่ข้างๆดับบุหรี่ลง
“มึงนี่ตามใจหลานกูจนเสียคนไปหมดแล้ว”
เอสก็แค่ชำเลืองมองเจ้าของเสียงทุ้มต่ำ
เขานั่งฟังเพลงที่เจ้าอาร์กับหมาปอแหกปากร้องเกะใส่ไมค์ไปเรื่อยๆ
จิบไวน์กินกุ้งกินหอยนางรมอบเนยในแบบที่เขาชอบ
สายลมยามดึกพัดผ่านเข้ามา
ธรรมชาติในไร่ผลไม้ตอนนี้ถูกปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามและร่มรื่นขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก
ก่อนหน้านี้ราวๆหนึ่งเดือนครอบครัวเขาทั้งหมดมาพักผ่อนกันที่นี่สองคืน
คุณพ่อของแคปถึงขนาดปิดไร่เลี้ยงรับรองและเตรียมบ้านใหญ่ไว้ให้พักผ่อนกัน
พี่แอมป์และน้องอุ้มบอกถูกใจมากไม่อยากกลับเข้ากรุงเลยแม้แต่นิด
ไม่ต่างกับคูเปอร์ที่ดูเหมือนว่ามันจะถูกใจที่สวนนี่ยิ่งกว่าสวนหลังบ้านของรัชชาเสียอีก
หลังจากสัปดาห์ผักผ่อนนั้นผ่านไป
คูเปอร์งอแงไม่ยอม มันอยากมาหาแคปที่ไร่อีก
แต่คุณแม่คุณพ่อของเขาค่อนข้างติดมันเพราะงั้นแม่เขาจึงหลอกล่อมันโดยการบอกว่าจะพาไปพักผ่อนที่เชียงใหม่
ไม่รู้เคยบอกไปหรือยังคูเปอร์ชอบเชียงใหม่มาก
มันจะได้ไปที่บ้านพักตากอากาศของรัชชาทุกๆปี
และที่นั่นมีหมาลาบราดอร์ตัวเมียขนสวยที่มันรักมากอยู่ที่นั่น
คุณแม่เขาต้องหว่านล้อมให้มันขึ้นไปพักผ่อนกับท่านในสุดสัปดาห์นี้
เพราะงั้นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมวันนี้มันไม่ได้มาด้วย
[center][IMG]http://i60.tinypic.com/20psu1l.gif[/img][/center]
คืนนั้นหลังจบจากบาร์บิคิวปาร์ตี้ซีฟู้ด
“แคป ไปอาบน้ำ”
คุณชายแห่งรัชชาในชุดนอนผ้าเนื้อดีเดินเช็ดผมออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ
มองเห็นแคปนั่งขัดสมาธิอยู่ที่หน้าเตียงก้มหน้าก้มตากดเกมส์ในมือถือ
จริงจังเสียยิ่งกว่าอะไร
“ไปอาบน้ำ ลุกเร็ว”
“..............”
แคปครางฮึมฮัมไม่ตอบ
ขมวดคิ้วทำหน้าเหมือนไม่อยากจะถูกกวน เอสที่มองดูอยู่วางผ้าเช็ดผมลงแล้วยืนนิ่งๆ
จ้อง
ไอ้ฝ่ายเจ้าเด็กติดเกมส์ก็ยังไม่รู้สึกตัว
พรึ่บ!!
“เฮ้ย!!”
แคปโวยวายลุกพรวดขึ้นจะเอาเรื่อง
ก็จู่ๆเอสดึงเกมส์ในมือเขาออกไป
คือกำลังจะพาสเลเวลอะไรสักอย่างแล้วยังไม่ได้กดเซฟ
“จะอาบไหมน้ำ” เอสทำเสียงดุๆ แคปจึงต้องอ่อนลง
“อาบสิ แต่เอามาก่อนเดี๋ยวกูเล่นต่ออีกแปปเดียว”
“สนใจอะไรนักหนาเกมส์น่ะ มองกูนี่น่าสนใจกว่าเกมส์ในมือถือมึงอีกนะ”
“นี่มือถือมึงนะ กูเล่นให้เหอะ”
“ไร้สาระจริงๆ ไปอาบน้ำไป”
“ไม่เอา” เจ้าแคปพยายามจะแย่งโทรศัพท์มือถือเครื่องของเอสที่เขาเอามาเล่นคืนมา
ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมส่งให้ซ้ำยังเอาไปวางไว้ที่โต๊ะ
พอแคปจะเดินไปเอากลับโดนดึงตัวเอาไว้
“จะไปอาบน้ำไหม”
“ไปๆ เดี๋ยวเล่นอีกห้านา....”
“ไม่มีห้านาที”
“สามนาที”
“แคป”
“เล่นแปปเดียว”
พรึ่บ
ตึง!!!
แคปโดนกระชากแล้วเหวี่ยงทั้งตัวลงที่เตียงก่อนเจ้าของร่างสูงใหญ่จะใช้ท่อนแขนกดล็อคที่บ่าหน้าแล้วใช้ลำตัวโถมทับลงมาแนบสนิทไปทั้งตัว
แน่นจนเขาขยับไม่ได้นั่นแหละ
เอสมันชอบเล่นแรง
“ปล่อยยยยย!!!”
“เล่นอะไรในโทรศัพท์กู ไหนบอก”
“...........”
“แคป” เอสเรียกพลางขบเบาๆลงที่ปลายจมูกรั้น
แคปเบี่ยงหน้าหลบ พยายามดันร่างกายใหญ่โตออก
แต่น่าเสียใจที่คนบนร่างไม่ขยับแม้แต่นิด
“คุกกี้รันเหรอ เกมส์โปรดมึงน่ะ”
“เปล่า ไม่ใช่คุกกี้รัน”
“งั้นเล่นเกมส์อะไร”
“............”
“แคป”
“ก็เกมส์ผีนั่นแหละ อันที่กูโหลดเอาไว้ในเครื่องมึงอ่ะ”
“แล้วอะไรอีก”
“ก็.....”
“ก็อะไร”
“ไม่บอก”
อันที่จริงแคปไม่ได้ทำอะไรมากเลยนะ
เขาก็แค่บล็อกเบอร์แฟนเก่าที่ชื่อเกรซอะไรนั่นกับลบข้อความลบอะไรต่อมิอะไรที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นของมันออกไปจากเครื่องก็เท่านั้นเอง
ไม่ได้ทำอะไรมากเลยจริงจริ๊ง
“เด็กดื้อ สารภาพมาให้หมด”
“ไม่!”
“.............”
เอสเหมือนจะรู้แล้ว เขาแสยะยิ้มแกล้งโน้มใบหน้าต่ำลงไปทุกทีๆๆๆ
ใกล้จนใช้ลมหายใจร่มกันได้นั่นแหละแคปถึงได้ยอมเปิดปาก
“ก็แค่ลบๆๆๆๆๆๆ บล็อคๆๆๆๆๆ บลาๆๆๆๆๆ” แคปมันก็บรรยายไปว่าบล็อคอะไรเธอมั่ง
ลบอะไรออกไปบ้าง เหตุผลโดยการชักแม่น้ำสามสีมาพูดไปเรื่อยเปื่อย
เอสฟังไปพยักหน้าไปจนมันพูดจบ
“จบแล้ว?”
“อืม จบแล้ว”
“ก็แค่นั้น ไปอาบน้ำไป”
“ไม่โกรธอ่อ”
“โกรธทำไม”
“เจ๋ง!” แคปผลักคนบนร่างอย่างสุดแรง
เขาลุกพรวดวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วแวปหายเข้าไปในห้องน้ำ
พอออกมาเห็นเอสนั่งเปิดหนังสืออะไรสักอย่างอ่านเล่นอยู่ แคปกระโจนใส่เลย
“ฮึ๊บ! หนักว่ะแคป อ้วนขึ้นอีกแล้ว”
เพี๊ยะ!!
“ปากเสีย”
แคปจะลุกขึ้น
เอสจึงดึงข้อเท้าเอาไว้แล้วลากเหวี่ยงไปที่กลางเตียง เจ้าแคปโวยวายใหญ่
สองคนสู้กันแบบนี้เหมือนทุกๆวัน
ในที่สุดแล้วแคปพลิกตัวมาคร่อมคนตัวใหญ่ไว้ในท่าเดิมๆ
มือหนาจึงสอดรับขยำเข้าที่สองแก้มก้นอย่างรู้งาน
อันที่จริงจะบอกว่าเอสมันยอมให้แคปพลิกขึ้นไปนั่งคร่อมตัวเองไว้ก็ไม่ผิดหรอก
“คนลากมก” แคปใช้นิ้วชี้
ชี้เข้าที่ปลายคางคนที่นอนมองเขาด้วยสายตาลามกอยู่ เอสยิ่งเพิ่มแรงขยำที่ก้นแรงๆ
“ลามกตรงไหน”
“ลามกทุกตรง ทุกเวลา แถมยังไม่เลือกสถานที่ด้วย”
“จริงดิ”
“หนอยยยยยยยยย” เจ้าแคปแกล้งเอาสองมือบีบลำคอหนาแล้วเขย่าแรงๆ
เมื่อจู่ๆดันนึกถึงเรื่องแฟนเก่าไรนั่นของมันแล้วโมโหขึ้นมาอีก
“แค่กๆๆๆ หายใจไม่ออกแล้วววว แค่กๆๆ”
“ยอมกูไหม ยอมกูทุกอย่างเลยไหม หื้ม??? ไหนบอกซิ
น้องเอสจะยอมพี่แคปไหมครับ จะยอมทำตามที่บอกทุกอย่างใช่ไหม!!” แคปยังเพิ่มแรงบีบแล้วเขย่าไม่หยุด เอสก็ปล่อยให้ทำตามใจ
เขายอมได้ก็ยอมจริงนะ สุดท้ายดูท่าจะแรงเกินไปต้องดึงมือเจ้าแคปมันออกมา
“แล้วอยากให้กูยอมแบบไหนอ่ะครับไหนพี่แคปบอกซิ”
ตุ่บๆๆ
“ง่ายนิดเดียว” แคปยิ้มกริ่ม
ตบลงที่หน้าอกแกร่งสองสามทีอย่างเจ้าเล่ห์ หลังจากนั้นเขาก็เงียบไป
เอสนอนหรี่ตารอฟังคำขอของเมียตัวเองอยู่
อย่างใจจดใจจ่อ
นานพอดูเหมือนกัน
ก่อนที่แคปจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วไล่ปลดกระดุมเขาลงเรื่อยๆแล้วไล้ลงมาตามร่องอก
ลากต่ำจนถึงหน้าท้องแข็งแรงพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำบางอย่างขึ้นมา ด้วยการขยับริมฝีปาก
หากแต่ไร้เสียง
.
.
.
.
.
I want you!!
.
.
หึ
.
.
ตรงฉิบหาย
มีเมียใครให้มากกว่านี้อีกไหม????
.
.
เอสซ่อนรอยยิ้มไว้ที่ดวงตา
เขาพลิกตัวเพียงแค่ครั้งเดียวขึ้นคร่อมทาบทับร่างกายแข็งแรงของแคปเอาไว้
.
.
แคปยิ้มเชิญชวนแพรวพราว
เขาแถมเพิ่มให้อีกหน่อยก็แล้วกันเผื่อไม่เข้าใจ
.
.
“I want to be eaten by you”
.
.
หึ..
.
.
ปลายจมูกโด่งซุกไซ้ลงอย่างอ่อนโยนตอบรับคำขอทั้งหมด
.
.
ริมฝีปากอุ่น
กดรอยจูบแนบลงไป
.
.
และแล้ว
คืนนั้นก็ดำเนินยาวต่อเนื่องด้วยความเร่าร้อน
.
.
กิ่งลีลาวดีใหญ่ริมบานหน้าต่างโยกแรงชะมัด
.
.
เตียงทั้งหลังสั่นสะท้าน
.
.
.
ม่านสีครีมปลิวไสวไปกับสายลมแห่งเสน่หา~~~~~~
…….Howluckyiamhavingyoubesideme……