บทที่ 42 คำยินดี
-สองสัปดาห์หลังจากนั้น-
.....แสงจันทร์ที่พาดผ่านเข้ามา
กับคืนวันที่เร่าร้อนคืนหนึ่งของสองเรา......
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
ติ๊ดๆ
ผมงัวเงียสอดมือปะป่ายหาต้นกำเนิดของเสียง
ให้ตาย ข้างนอกมืดตึ๊ดตื๋อแบบนี้ใครตั้งปลุกไว้เช้ามืดตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่เลย ยันตัวขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ตัวดีตั้งอยู่แถว
ๆ โต๊ะข้างเตียงซึ่งฝั่งนั้นอีกคนยังนอนมุดอยู่ในผ้าห่ม
ผมเอื้อมมือไปหยิบเข้ามากดปิดเสียง
ดูเวลา เหยยยย ตีสี่! ทำไมถึงตั้งเช้าแบบนี้เนี่ย
วันนี้พี่เอย์นัดกับแม่ว่าจะพาไปตลาด แต่เวลาที่นัดคือตีห้ามันมาตั้งปลุกตั้งแต่ตีสี่ทำไมกันวะ
แล้วคนตั้งเองยังมุดอยู่เลยนะ
รู้สึกว่าแอร์เย็นเฉียบมาก
เราสองคนถอดเสื้อนอนกันทั้งคู่ จะว่าไปเมื่อคืนยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำกอดกันไปกอดกันมาแล้วก็หลับ
ร้านของพี่เอย์เสร็จเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วรวมถึงการตกแต่ง
เห็นว่ากำหนดเปิดจะเป็นสัปดาห์หน้าหลังจากที่เรากลับมาจากไปเที่ยวกัน
ที่แพลนไว้ว่าจะไปญี่ปุ่นมันก็ใกล้เข้ามาแล้วจริง ๆ
คืนนี้ผมคงต้องจัดกระเป๋าเพื่อเดินทาง พี่เอย์บอกว่าวันนี้เราสองคนจะพาแม่ไปตลาด ไม่คิดว่ามันจะตั้งปลุกไว้เช้าเป็นพิเศษ
“มีอะไร
มึงคิดอะไรอยู่” มันสวมกอดเข้ามา จริง ๆผมตกใจนิดๆเพราะเห็นว่ามุดอยู่ใต้ผ้าห่มคงเป็นเพราะผมขยับตัวมันเลยหลุดออกจากอกผม
“เพิ่งตีสี่พี่
ตั้งปลุกเช้าจังพี่เอย์จะออกไปวิ่งเหรอครับ”
“เปล่านี่”
“แล้วทำไม...”
“นั่นสิ
ทำไมกันนะ มึงไม่ลองคิดถึงเรื่องเมื่อคืนดูล่ะ หื้ม?”
“พี่พูดอะไรล่ะนั่น....”
ว่าไปแล้วนึกขึ้นได้จริง ๆ รู้สึกผิดหน่อย
ๆ แฮะ
“อืม
หมามันแกล้งกูไง ทำให้กูมีอารมณ์แล้วตัวเองก็นอนหลับเฉ๊ยเลย
เสื้อผ้าเลยถอดอยู่ครึ่งๆกลางๆแบบเนี๊ยะ”
“อย่ามาจับดิ่”
ผมปัดมือมันออก อิพี่เอย์แม่งลามก ล้วงมาได้
“อะไรเล่า
หนาววววว”
“หนาวก็ซุกของตัวเองเหอะ
อย่ามายุ่งของผมนะ”
“ไม่เอาของมึงอุ่น
รีบสานต่อเรื่องเมื่อคืนให้เสร็จเร็ว เดี๋ยวตีห้านัดแม่ไว้แล้วจะพาไปตลาดด้วยกันไง”
“นี่ พี่จะพาคุณนายไปจริงอ่ะ” ผมพลิกตัวหันไปหามัน
ตั้งแต่ได้ยินมันนัดกับแม่ว่าวันนี้จะไปหิ้วของช่วย ผมนี่แปลกใจแล้ว
“จริงดิ่
รีบทำเหอะ สักสามสิบนาทียังทัน”
“พี่แม่ง
จะทำจริงๆ?”
“ทำจริงดิวะ แต่เป็นมึงนะไม่ใช่กู ก็เมื่อคืนตกลงไว้แล้วไง
ใครมันยั่วกูบอกจะเป็นคนทำเอง”
“เห้ย
แต่ผมว่า....”
“อะไร? อย่าบอกนะว่า
ไร้ฝีมือ”
หนอยยยยย น้ำเสียงเน้นมากดูถูกกันเห็น ๆ ผมกัดปากใส่มันเลย
“อย่ามาดูถูกผมนะ”
ผมดุมัน อิพี่เอย์แย่สุด ผมรู้นะว่ามันแกล้งพูดยั่วผม แต่ผมก็ไม่ชอบนี่
ปีนขึ้นไปคร่อมบนตัวมันเลย ทิ้งน้ำหนักนั่งสุดแรง
“มึงนี่มันยั่วขึ้นจริงนะหมาปิง
ฮึ๊บ หนักว่ะ มึงอ้วนขึ้นนะเนี่ย สองโลได้ไหม หื้ม?” มันประคองรับก้นผมไว้ทันทีสอดมือเข้าที่ขอบแล้วดึงออก
“บ้า ไม่อ้วนเหอะ! ผมไม่อ้วนสักหน่อย”
“ครับๆไม่อ้วนๆ
ไหนดูซิ ปิงมีดีแค่ไหนครับ ฝีมือโอ้โลมสาวใช้ได้แน่รึเปล่า” สองมือใหญ่ขยำขยี้อยู่ตรงนั้น
แก้มก้นผมเนื้อเยอะอยู่ด้วยไม่แห้งนะเออ
มือร้ายเลื่อนขึ้นมากอดเอาคอผมแล้วรั้งลงไปรับริมฝีปากร้อน
“สุดฝีมือมึงเลยนะ”
เสียงกระซิบสุดท้ายก่อนที่เราจะแลกจูบลึกซึ้งต่อกัน
“อื้มม....”
พี่เอย์เปลี่ยนองศารับจูบหลายมุมแล้ว
เราสองคนสาละวนกับการเล่นปลายลิ้นกันและกันจนพอใจ มันครางขัดใจเพราะผมถอนจูบแล้วลากปลายลิ้นไล้เลียไปทั้งคางทั้งแก้ม
พี่เอย์โกนหนวดเกลี้ยงมากหน้ามันเนียนผิวดีเหมือนผู้หญิง คุณชายเงยหน้าขึ้นนิดๆให้ลำคอรับริมฝีปากผมได้ถนัด
ผิวเนื้อละมุนหอมจรุงใจยิ่งทำให้ผมลืมแทบทุกอย่าง
ผมจูบไล่ลงมาที่แผงหน้าอก
มัดกล้ามเนื้อแน่นมากสมบูรณ์แบบ พี่เอย์ชอบวิดพื้น มันเคยบอกว่ามีกล้ามแขนกับกล้ามหน้าอกนิดๆแบบนั้นเวลาใส่เสื้อผ้าแล้วจะสวย
ซึ่งก็จริง เพราะมันชอบใส่เชิ้ตแล้วปลดกระดุมสองเม็ดบนโชว์กล้ามเนื้อสวย ๆ
“ปิง อืมม....” มันครางหนักหน่วง
มือผมสอดเข้าไปที่ขอบกางเกงแล้วดึงลง พี่เอย์กดหัวผมดันลงไปคล้ายคนไม่ทันใจ
ขณะที่ผมยังคงวุ่นวายอยู่กับกล้ามเนื้อหน้าท้องที่อัดแน่นด้วยความอิจฉา
แกนกลางมันผงาดขึ้นเต็มที่แล้ว
“ทำสักทีสิวะ
กูรีบนะเนี่ยเดี๋ยวตีห้าก่อนพอดี” มันว่าแล้วจิกหัวผมให้ต่ำลงไปอีก
“อื้อๆ” ผมแกล้งมัน
ไม่ยอมแตะปลายลิ้นและริมฝีปากลงไปที่ลูกชายมัน พี่เอย์ครางฮึดฮัด คุณชายโดนขัดใจ
“บ้าเอ๊ย”
มันสบถพร้อมกับดึงตัวผมขึ้นมาจูบ พี่เขาพลิกตัวสลับตำแหน่งเร็วมาก ตอนนี้มันคร่อมตัวผมไว้แล้วจ่อลูกชายคนเก่งอยู่ที่ปาก
“หมาปิงอย่ามาลีลา
กินเร็วดิ่”
ผมยังแกล้งอื้ออ้าขัดใจ
มันทนไม่ไหวจับหัวผมจะให้ครอบริมฝีปากลงไปให้ได้ผมแกล้งเม้มปากแน่นเจอมันบีบให้อ้าแล้วยัดลงไป
ผมหัวเราะเบา ๆ แทบสำลัก รู้สึกเลยว่าลูกชายมันร้อนมาก เสียงมันครางหนักๆดังลอดออกมาขณะที่ผมเองก็ไม่ยอมแพ้พยายามทำให้ดีที่สุดเช่นกัน
พี่เขาเท้าแขนเข้ากับผนัง สะโพกสอบโยกเล็กน้อยรับริมฝีปากร้อนๆจากผม
“ปิง อืมม...” เมื่อความอดทนสิ้นสุด
มันถอนลูกชายมันออกจับตัวผมขึ้นนั่งคร่อม คว้าเจลขึ้นมาบีบป้าย แล้วสอดส่ายสะโพกหนาเข้าหาอย่างเนิบนาบ
ผมเกร็งตัวจนสุดเมื่อมันส่งปลายนิ้วเข้ามาก่อนที่แก่นกายร้อนค่อย ๆ แทรกตามเข้ามาทีละนิดๆ
จนจมลำ
...ร้อน...แน่น.....
“ขยับเอง” มันสั่ง
“อื้ออ”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งอายทั้งเจ็บ สองมือจิกแขนมัน
ท่านี้ลึกมากช่วงที่กดสะโพกลงไปนี่คือเจ็บสุด พอเจอมันสวนกลับขึ้นมาแล้วซอยถี่ความเสียวเริ่มเข้ามาแทนที่
ผมงี้ครางลั่นห้องเลย
“อื้ออ....อ๊าา....พะ...พี่เอย์...คะ..ครับ...”
เตียงใหญ่สั่นสะเทือน
พอๆกับร่างผมที่สะท้านร้าวไปหมด ทั้งผมทั้งมันครางแข่งกันบ้านเราเองไม่ต้องกลัวใครได้ยิน
ผมเมามันมากเคลิ้มสุด ส่งเสียงเรียกมันไม่ขาดปาก
“ปิงขยับ” มันสั่งอีก
ผมเอาใจมันสุดฝีมือ
ไม่ใช่อะไรนะไอ้เหี้ยบาสมันเคยบอกผมว่าภรรยาที่ดีต้องเป็นกะหรี่ตอนอยู่บนเตียง
เซ็กส์น่ะจะสนุกต้องสนุกกันทั้งสองฝ่าย ผมไม่ยอมเป็นท่อนไม้หรอก ผมมีประสบการณ์มาก่อนแล้วช่วงเวลาที่เคยนอนกับผู้หญิง
คนไหนเป็นท่อนไม้นอนนิ่งๆมัวแต่อายนะผมโคตรเบื่อ เพราะงั้นตอนนี้
ผมจึงผันตัวเองกลายร่างเป็นคาวบอยหนุ่มควบคุมอำนาจบุรุษผู้ซึ่งนอนครางจนตัวเกร็งเพราะกำลังรับน้ำหนักจากผม
“ดีมาก แบบนั้นแหละ ทำอีกปิง ทำต่อไป”
“อะ...อาา...
แบบนี้ใช่ไหมครับพี่”
“อืมม ดีมาก
แรงอีก ออกแรงอีก”
“คนบ้า ลามก”
“เออ
นี่ก็กำลังทำเรื่องลามกอยู่”
ดูพี่เอย์มันพูดจา
มีการยกยิ้มร้ายส่งให้ นอนมองผมพร้อมสูดปากระบายความเสียว ผมแลบลิ้นใส่ มันหมั่นเขี้ยวคว้าคอแล้วจับผมลงไปดูดจูบ
“เสียวเหี้ยๆเลย”
เสียงคุณชายแหบพร่า เร้าอารมณ์มากถึงมากที่สุด
มันสวนสะโพกขึ้นมาขณะรั้งสะโพกผมให้ยกสูง ผมหอบแฮก
ลมหายใจแทบขาดห้วงพี่เอย์เล่นทีเผลอตลอด ขยำมือกำเข้าที่หน้าอกมัดกล้ามเนื้อแน่น ๆ
มีไว้ให้ผมจิกดีจริง ๆ
“อื้อ”
ผมส่ายหน้าอีก รู้สึกหน้าตัวเองร้อนฉ่าวูบวาบไปทั้งตัวขณะที่หมุนสะโพกส่ายหาตำแหน่งที่โดนเข้าจัง
ๆ และทุกครั้งที่ผมสะดุ้งเพราะโดนจุดสำคัญพี่เอย์จะสวนพั่บๆๆขึ้นมาตลอด
ผมแทบจะถึงจุดหมายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เหนื่อยจนฟุบลงไปแนบอกมันอีก
“ไม่เสร็จกูไม่ลุกนะมึง
เดี๋ยวแม่เดินมาเรียกจะแย่เอานะ”
ตุ๊บๆๆ ผมทุบอกมันก่อนตัดสินใจลงมือบรรเลงทุกๆอย่างด้วยตัวเอง
เมื่อมองเห็นเข็มยาวที่หัวเตียง พี่เอย์ยิ้มอีกแล้ว มันหัวเราะเบา ๆ ก่อนพลิกตัวผมลงมาแล้วจัดการแทรกกายร้อนเข้าไป
เตียงใหญ่สะท้านสะเทือนเสียงเราสองคนระงมลั่น ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อก่อนผมใจกล้าหน้าด้านมากเวลาทำกับผู้หญิงไม่เคยมีความอายเลยสักนิดกับท่านี้
เห็นสาวๆบางคนยกแขนขึ้นปิดหน้าเวลาที่ผมทำยังอดคิดไม่ได้เลยว่าจะอายไปไหน หน้าแดง
ๆ หน้าตาน่ารักดีออก
แต่พอถึงทีตัวเองบ้างผมกลับอายมากๆทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็นยกมือขึ้นปิดหน้าเหมือนกัน
พี่เอย์ปัดมือผมออกแล้วคว้าผมเข้าไปจูบ พลิกแพลงท่าท่าโน่นนี่สารพัดที่มันจะสรรหามาทำ
จนเอวผมนี่เคล็ดยอกไปหมด
และเมื่อถึงที่สุด....ท่าที่มันมักใช้ปิดเกมส์เสมอทุกครั้งก็ถูกงัดออกมาใช้
มันซ้อนตัวอยู่ด้านหลังกอดผมไว้แนบอกอย่างรักใคร่
สอดแทรกร่างกายส่วนล่างเข้ามาพร้อมขยับสะโพกกระชั้นถี่ เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยผุดพรายขึ้นที่ใบหน้าสองเรา
พี่เขาจูบซับลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าผมถูกจับให้หันมารับจูบไม่รู้กี่หนต่อกี่หน
มันจ้องหน้าผมราวกับว่ากลัวว่าผมจะหายไปไหน ผมไม่รู้ว่าในใจมันคิดเรื่องอะไรอยู่แต่เราสองคนต่างมีปมที่คล้ายคลึงกัน
ในวันนั้นวันที่เราเป็นของกันและกันครั้งแรก...กลับกลายเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน
ผมเอื้อมมือขึ้นไปเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้
พี่เอย์หน้าผากสวยมากดูเหมือนผมเคยบอกไปแล้ว มันซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอผมทันทีที่จุดสูงสุดของมันกับผมกำลังจะแตะถึงกัน
มือมันเอื้อมเข้ามาทักทายกับลูกชายผม
“อ๊ะ....อ๊ะ...”
ผมครางเสียงสั่น ความร้อนจากร่างกายกำลังจะทะลักออกมาแล้ว
พี่เอย์เร่งขยับเร็วขึ้นไปอีกมันจับให้ผมหันไปรับจูบ
ร่างกายของผมกำลังจะแตะถึงขอบวิมานสวรรค์ พี่เขาจุดรอยยิ้มมุมปากยกสูง
ช่างเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมเสน่ห์และกระชากใจจนผมอดที่จะยกมือขึ้นมาลูบไล้ไม่ได้
ผิวกายนุ่มยิ่งได้เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราย
ความชื้นจากฝ่ามือใหญ่กลับยิ่งถ่ายทอดความร้อนออกมา
ราวกับจะระบายให้รู้ว่าความร้อนรุ่มกำลังสุมในรสสวาทแทบมอดไหม้
“อ๊ะ...อ๊าา....อื้ออ....”
ผมครางไม่เป็นศัพท์เมื่อแตะถึงเส้นสุขสมพร้อมกับปลดปล่อยสายธารแห่งความสุขออกมาเป็นสาย
ขณะที่ตัวมันขยับถี่ ๆ ตามมาติดๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังถี่ลั่น ก่อนรู้สึกถึงความร้อนที่พวยพุ่งเข้ามาฉีดทะลักจนไหลล้นเอ่อออกมาที่โคนขา
กามารมณ์โค้งสุดท้ายเรียกเสียงห้าวคำรามดังลั่น
“อ่าา...สุดยอด!”
มันกอดผมไว้เต็มอ้อมแขน
เสียงหอบหายใจทั้งมันทั้งผมยังไม่จางหาย พี่เอย์จูบซ้ำๆลงที่เนินไหล่ ส่งเสียงกระซิบที่ริมหู
“รักนะคะ”
ผมพยักหน้าเบา
ๆ คำพูดหวานเลี่ยนที่มันจะพูดก็ต่อเมื่อเราเมามันส์กันจนถึงขีดสุดจริง ๆ
มันเคยพูดว่าคำสารภาพรักจะให้ลึกซึ้งต้องพูดตอนเมคเลิฟใช่ไหม ผมว่าแบบนั้นมันก็ดีอยู่
แต่ความเขินอายอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วจนผิดปกติได้ เหมือนผมตอนนี้
พี่เอย์จุดรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ขึ้นมาอีกแล้ว
“ปิง กูถามอย่างนึงสิ”
“ครับ?”
มันเสยปอยผมที่ชุ่มเหงื่อออกให้ ประทับจูบนุ่มนวนลงมา ผมขยับหันมาหา จ้องหน้ารอฟังคำถามจากมัน
“เพราะอะไรถึงเลือกกู”
“หือ?” ผมอึ้งไปนิด ไม่คิดว่าจะโดนถามอะไรแบบนี้
“ทั้งที่มีใครอีกหลายคนที่เขาเต็มใจจะดูแลมึง
เพราะอะไรเหรอปิง เพราะอะไรถึงรักกู”
นัยน์ตาพี่เอย์วูบไหวเล็กน้อย
ดูเหมือนคนกำลังประหม่าที่จะได้ฟังคำตอบจากปากของผม จริงๆผมเคยถามใจตัวเองเหมือนกันนะ
ทำไมต้องเป็นมัน?
ช่วงที่เราห่างกันผมจะเปิดใจให้ใครอีกสักกี่คนเข้ามาก็ยังได้แต่ผม เลือกที่จะไม่ทำ
ผมไม่คบใครหน้าไหนอีกเลยตั้งแต่ได้เจอมัน
ผมคิดว่าผมรักมันตั้งแต่วันแรกที่เราสองคนเจอกันด้วยซ้ำ
คนเราลองได้รักใครสักคนเข้าแล้ว
จะไม่คิดไขว่คว้าหาใครเข้ามาอีกเลย
ผมคิดว่าพี่เอย์เองก็คิดเล่นเดียวกันกับผม
“พี่จำ....วันที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม”
“จำได้สิ”
พี่เอย์พยักหน้ารับเบา ๆ “มึงทำกูแสบนักนี่ โกงค่าผัดไทยกูไปตั้งสี่ร้อยกว่าบาท
แถมยังแกล้งเดินชนทำแกงสีดำๆหกใส่เสื้อกูอีก”
ผมอมยิ้ม รู้สึกปริ่มมากไม่คิดว่ามันยังจำได้แม่น
แต่ผมเองก็ไม่เคยลืมหรอกนะถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
“เพราะว่าพี่แปลกไง
คนอะไรกินส้มตำไม่เป็น ผมเห็นเพื่อนพี่ทั้งโต๊ะกินข้าวเหนียวกันหมด
แต่พี่กลับไม่ยอมแตะต้องเลย ขนาดตำไทยที่แม่ตั้งใจทำให้พี่ยังไม่ยอมแตะ
ร้องหาข้าวผัดกุ้งในร้านอาหารอีสานเล็กๆ ผมหมั่นไส้เลยหยิบห่อผัดไทยที่จะซื้อมากินก่อนออกไปเตะบอลเทใส่จานแล้วขายให้พี่
สี่ร้อยกว่าบาทนั่นแหละ”
“หืม? สารภาพมาเดี๋ยวนี้นะ
ผัดไทยห่อนั้นมึงซื้อมาเท่าไหร่กันแน่”
“เอาจริงดิ่”
“อือฮึ”
มันพยักหน้าใช้สายตาคาดคั้น ผมเลยต้องยอมจำนน
“สี่สิบบาทครับ
ร้านหลังโรงเรียน แขวนใส่รถมอไซด์มาตั้งหลายนาที”
“หมาเอ๊ย”
“ก็พี่อยากเรื่องมากทำไม
โดนผมโกงถูกต้องแล้ว”
“นี่เหรอ
เหตุผลที่รักกู ชอบคนเรื่องมากงั้นดิ่”
“แล้วก็...ตอนที่ไปอัมพวาขากลับพี่ปาอะไรใส่หัวผม
ผมจำได้นะ”
“ยังจำได้ด้วยเหรอ”
“มันก็....หลายๆอย่างอ่ะนะ”
ผมยกมือขึ้นไปปิดปากมันกันถามมากเรื่องอีก พี่เอย์รีบหลบ มันแกล้งจี๋เอวผม
ผมเลยจะถีบมันเจอคุณชายตวัดขาก่ายผมไว้แน่นเลย เราสองคนเขินกันนิดๆ
“แล้วพี่ล่ะ
ทำไมถึงรักผม ผมถามได้ไหมครับ”
“หื้ม??”
“พี่เอย์ตอบสิครับ
ทำไมต้องเป็นผมด้วย ตัวเลือกพี่เยอะแยะเลยนี่ ทำไมถึงต้องเป็นผมล่ะ”
ผมจ้องหน้ามันนิ่ง
อยากรู้เหมือนกันไหน ๆ มันก็ชวนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วถือโอกาสถามซะเลย
“มึงอยากรู้จริงอ่ะ”
“อื้อๆ”
ผมพยักหน้า จดจ่อรอฟัง แอบเห็นแววตาเจ้าเล่ห์กลอกกลิ้งไปมา ริมฝีปากยกยิ้มร้าย
มันรัดผมไว้แน่นขึ้นไปอีก
“ไม่บอก”
แง่ววววว
“ขี้โกงว่ะ”
“นิสัยไม่ดีเลยเนอะกูเนี่ย”
“ทำไมถึงไม่บอก”
“ไม่บอก! เพราะไม่ชอบคนขี้เหร่ ไม่ชอบคนเห็นแก่ตัว ไม่ชอบคนนิสัยไม่ดี ไม่ชอบคนนอกใจ ที่สำคัญไม่ชอบคนไม่รอ”
ผมสตั๊นกับสิ่งที่มันพูดไปหลายวินาทีเหมือนกัน
ถ้าคุณคิดตามเหมือนผมจะรู้เลยว่า นั่นเป็นคำสารภาพรักจากมันที่วิเศษมาก
เชื่อเขาเลย
ทุกอย่างที่พูดคือตรงข้ามหมดแน่ ๆ
“มึงรู้ไหม
มึงทำอะไรได้เก่งที่สุด”
“อะไรครับ
เขียนโปรแกรมเหรอ”
“เปล่า
ไม่ใช่”
“หรือว่าข้าวผัดกุ้ง?”
“ยังไม่ใช่อีก”
“แล้วอะไรอ่ะครับ”
“มึง ‘รอ’ เก่งที่สุดเลยไง”
ผมนึกถึงคำพูดของตัวเองตอนที่ไปรอมันที่ห้องเป็นครั้งสุดท้ายขึ้นมาทันที
วันนั้นผมยืนร้องไห้อยู่ริมกระจกมองวิวเจ้าพระยาแบบมืดๆ
....ผมเก่งนะ ผมรอเก่งใช่ไหม??
แม้ว่าผมจะรออย่างไม่มีจุดหมายไม่มีคำตอบอะไรเลย แต่ผมก็ยังจะรอ....
จะว่าไปช่วงเวลานั้นโคตรทุกข์ใจเลยนี่หว่า
รู้สึกตัวเองหน้างอขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงว่าผมต้องเสียน้ำตาและร้องไห้หนักแค่ไหนในเวลานั้น
ผมเริ่มดิ้นๆๆแล้วทุบมันระบายความแค้น พี่เอย์คว้ามือผมแล้วกอด ทำปากจุ๊ๆบอกให้ผมเงียบ
“ชู่ว์
นอนเฉย ๆ อย่าดิ้น ปิงไม่ดื้อนะครับเราสองคนผ่านเรื่องราวตรงนั้นมาแล้ว เดี๋ยวกูเอาอะไรให้นะ”
มันขยับตัวไปเปิดลิ้นชักที่หัวเตียง
หยิบอะไรบางอย่างออกมา
“อ่ะนี่”
“อะไรครับ”
ผมรับมา มันเอื้อมมือไปกดสวิทเปิดไฟหัวเตียง
ผมเลยเห็นว่าสิ่งนี้คืออะไรที่พี่เขาส่งให้
สมุดบัญชี
“คุณพ่อฝากให้
ยังเบิกใช้ไม่ได้นะแต่ท่านว่าเอาไว้ให้มึงลุ้นเงินรางวัล ถูกทุกงวดอ่ะกูว่า
สลากออมสินคุณพ่อท่านซื้อเรียงหมวดเหมามาล่ะมั้งนะ”
“ตะ...แต่ พี่เอย์ครับทำไมยอดมันถึงเยอะแบบนี้ล่ะพี่”
ผมขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก ไม่แน่ใจถึงตำแหน่งของเลขศูนย์ มันเยอะมากจนตาลาย
“เอาน่า
ไว้ให้ได้ลุ้นถ้ามึงไม่อยากได้เอาฝากแม่ไว้ไหมล่ะ ผู้ใหญ่ชอบเสี่ยงโชค
ถ้าเผื่อถูกรางวัลทุกๆงวดแม่จะยิ้มดีใจนะ”
“พี่พูดจริงเหรอ
อนุญาตเหรอครับ”
“กูให้มึงแล้ว
มึงจะเอาให้ใครกูไม่เคยว่าหรอก ถ้าสบายใจอยากทำอะไรก็ทำ”
“ขอบคุณครับพี่เอย์”
“หึหึ
ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ป่ะวะ กิริยาขอบคุณแบบเมบๆอ่ะ”
“แบบไหน”
“แบบเมื่อกี้....เมคเลิฟ...อีกสักยก”
เหอๆ
นั่นก็แค่พูดกันเล่น ๆ หรอก อีกสิบห้านาทีจะตีห้าผมรีบผลักมันออกแล้วลุกเลย
แย่งกันเข้าห้องน้ำแต่ในที่สุดก็เข้าไปอาบพร้อมกันทั้งคู่ ผมจำเป็นต้องล้างตัว พี่เอย์ก็ไม่กวนนะมันอาสาจะช่วยแต่ผมไม่ยอม
ผมใช้ความชำนาญจัดการตัวเองแป็บเดียว ปวดสะโพกนิดๆว่ะท่าทางเอวจะเคล็ด
.
“ปิงเป็นไรลูก
ทำไมเดินแบบนั้นเอวเคล็ดเหรอ”
ผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะเอากุญแจรถปาหน้ามันนัก
เสียงอิพี่เอย์หัวเราะเยาะผมเบา ๆ แม่ไม่ได้ยินหรอกเพราะมันแต่ก้มดูต้นไม้ดอกไม้แถว
ๆ รั้ว แต่ผมรู้นะว่ามันกำลังคิดอะไร แอบชี้หน้ามันพี่เอย์ยักไหล่ใส่
“เปล่าครับ
เดินชนมุมโต๊ะน่ะแม่”
“ทายารึยังเดี๋ยวก็เขียวช้ำตัวเรายิ่งช้ำง่ายโดนอะไรนิดนึงก็เขียวแล้ว
เดี๋ยวกลับมาจากตลาดเอย์นวดให้น้องนะลูกนะ”
“ครับ”
ผมฟาดกุญแจใส่มันอย่างโมโห
พี่เอย์ยิ้มร่ามันคว้าหมับเอาไว้ แล้วบอกแม่ว่าให้ขึ้นรถ
ตัวเองขึ้นไปประจำที่นั่งคนขับ
เราสามคนกับรถกระบะหนึ่งคันมุ่งสู่ตลาดสดในเวลาเช้าตรู่
ตีห้าแบบนี้ไม่ได้มากับแม่นานแล้วเหมือนกัน
พักหลังผมยุ่งกับงานประจำมีแต่พี่ขมที่เป็นคนพาแม่ไป
“ฮ้าวววว”
ผมอ้าปากหาว ทั้งง่วงทั้งเหนื่อย แม่หันมาตีแขนเบา ๆ
“เป็นอะไรน่ะเรา
ตื่นตีห้านี่หาวหวอดเชียวนะ ปิงนี่นับวันขี้เซานะลูก
เมื่อก่อนตื่นตีสี่พาแม่ไปตลาดไม่บ่นสักคำ ขี้เกียจเหรอเรา”
ผมส่ายหน้าไม่มีอะไรจะเถียง
ตวัดสายตาไปมองไอ้ตัวคนต้นเหตุทันที ใครล่ะที่เป็นคนตั้งปลุกตั้งแต่ตีสี่
ใครล่ะที่ไม่ยอมลุกแล้วยังจะให้ผมทำอะไรน่าอายนั่น สารพัดท่าทางนั่นผมเอวเคล็ดแค่นี้ยังน้อยไป
“จอดตรงนี้ได้เหรอครับแม่”
พี่เอย์ถาม มันตั้งลำถอยรถเข้าที่จอดดี ๆ เราสามคนลงมายืนที่ฟุตบาต
“ได้จ้า
พี่ขมเขาฝากรถไว้ที่นี่ประจำ หน้าร้านนี้คนรู้จักกัน” แม่เดินเข้าไปทักทายอาซิ่มเจ้าของร้าน
ผมกับพี่เอย์เดินเลี่ยงมายืนรอ คุณชายหน้าตาท่าทางตื่นเต้นมาก วันนี้มันใส่กางเกงวอร์มผ้าสีเทาเข้มกับเสื้อยืดคอแหลมสีเทาเข้ารูป
นี่คือชุดนอนเลยนะ เรารีบกันมากเข้าห้องอาบน้ำพร้อมกับแต่ต่างคนต่างทำภารกิจ
เสร็จออกมาคว้าได้ชุดไหนก็หยิบใส่มาเลย
“พี่เอย์กินขนมไหมครับ”
ผมดึงมันไปแถว ๆ ขนมครกทรงเครื่อง พี่เอย์พยักหน้ายืนยิ้ม
คนขายถามว่าเอาไส้อะไรมันชี้ๆข้าวโพดกับฟักทองป้าคนขายเลยหยิบให้
ก่อนเราจะเดินออกมาป้าแกเรียกมันใส่แถมลงไปอีกคู่ อิพี่เอย์ยิ้มกว้างเชียว
“ขอบคุณครับคุณป้า”
“ไปลูกเข้าไปเอาหมูก่อน
สายแล้วเดี๋ยวของดีๆหมด” แม่เดินมาเรียก ผมกับพี่เอย์เดินตามหลังคุณนายเข้าตลาด
มันทั้งเดินทั้งกิน รู้สึกเลยนะว่าคนมองมันเยอะมากอาจเพราะเขาไม่ค่อยคุ้นหน้า
แล้วท่าทางคือไม่เหมือนคนแถว ๆ นี้
“ปิงอร่อย
มึงกินป่ะ” มันหันมาถาม ผมส่ายหน้า แม่กำลังสั่งหมูกับป้าเจ้าประจำ
“ไม่เจอนานนะลูกปิง
โตเป็นหนุ่มแล้ว”
“สวัสดีครับ”
ผมยกมือขึ้นไหว้ อิพี่เอย์มืออ่อนทำตามแม่ยิ้มใหญ่เลย
“แล้วอีกคนน่ะใครกันจ๊ะศรี
ทำไมฉันไม่เคยว่าเธอจะเคยพามาเลย” ป้าแกส่งหมูออกมาให้พี่เอย์ยื่นมือเข้าไปรับ
มันเปลี่ยนสีหน้าทันทีพอรู้ว่า โคตรหนัก ผมเลยยื่นมือจะถือช่วย
มันบอกไม่เป็นไร
“นี่ก็ลูกชายเหมือนกันจ๊ะ
ลูกชายคนโต” แม่ขยับเข้ามาหาพี่เอย์
มันยกมือที่หิ้วของไหว้ป้าเจ้าของร้านอย่างทุลักทุเล
“ต๊ายตายมารยาทดีทั้งพี่ทั้งน้อง
รูปร่างนี่เอ้อเหอสูงใหญ่ล่อตะเข้จริงจริ๊ง ไม่รู้มาก่อนเลยนะลูกชายคนโตจะหล่อมากขนาดนี้
รู้จักแต่หนูปิง”
“ไปนะ
เดี๋ยวจะต้องไปซื้อผักอีก” แม่บอกลาแล้วรีบเดินเลี่ยงออกมา ป้าเขายังโบกมือให้พวกเราไวๆ
ผมเห็นพี่เอย์มันขำเลยถามไปว่าขำอะไร
“ป้าขายหมูตลกดี”
“แกจะจีบพี่ให้ลูกสาวแกอ่ะดิ
เนี่ยจีบผมมาตั้งแต่เด็กแล้วพี่ไม่รู้อะไร”
“แล้วลูกสวยแกสวยป่ะล่ะ”
“เดี๋ยวเหอะ”
ผมหยุดกึ๊กทันทีแกล้งมองมันตาขวาง อิพี่เอย์ยกมือขึ้นแบบคนยอมแพ้ “ล้อเล่น” ก่อนดัน ๆ ผมให้เร่งเท้าเดินตามแม่ไป
คนเริ่มเยอะขึ้น
หกโมงเช้าแล้วขณะที่สองไม้สองมือของเราเต็มไปด้วยผักด้วยหมูและเครื่องแกงต่าง ๆ
“พี่เอย์หนักไหมครับ”
“มึงอยากฟังเรื่องโกหกแต่เช้าไหมวะปิง”
หน้ามันเลืองแล้วนะผมว่า ยังไงก็ตามอย่าเป็นลมอย่างเดียวพอ
“เออ
เอาที่พี่สบายใจเหอะ”
“ไม่หนักเลยว่ะ
เบาสบายเหมือนปุยนุ่น กูยังสามารถหิ้วได้อีกเป็นสิบๆโล
ดูซินั่นแม่กำลังซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้ว โคตรดีใจ”
“เอย์ไหวไหมลูก
เอาให้ปิงช่วยถือ เดี๋ยวนิ้วเขียวนะถืออยู่คนเดียวแบบนั้น”
“แม่ครับช่างเขาดิ่
พี่เอย์มันอยากให้แม่ชมว่าเก่ง”
“หมาปิงมึงหุบปาก”
มันเตะขาผม
“แม่เห็นไหมพี่เอย์พูดไม่เพราะแต่เช้าเลย”
“เอย์หนักไหมลูก”
แม่ลำเอียงว่ะ ผมก็ถือนะไม่ใช่มือเปล่า ทำไมทำท่าห่วงแต่มันก็ไม่รู้
“ไม่หนักครับ
เอย์อยากช่วยแม่”
“แหวะ”
ผมแลบลิ้นทำท่าโก่งคออ้วก
พี่เอย์มันโกหกแม่ชัดๆมันหนักจนหน้าซีดไปหมดแล้วนิ้วก็แดงจนเริ่มจะเขียวยังทำหน้าชื่นตาบานบอกไม่หนัก
“กลับกันได้แล้วเดี๋ยวช่องทางออกแม่ซื้อผักอีกสักสองสามอย่างจะได้กลับกันเลย”
เรากลับกันมาถึงบ้านเกือบเจ็ดโมง
สายไปหน่อยพี่ขมจัดร้านแล้วเรียบร้อย ผมกับพี่เอย์เอาของเข้าไปวางไว้ให้ในห้องครัว
ก่อนแม่จะไล่ให้กลับกันไปได้แล้วเพราะแปดโมงผมต้องออกไปออฟฟิศ พอเดินตัดรั้วมาถึงบ้านพี่เอย์มันกระโจนลงนอนที่โซฟาทันทีคว้าหมับน้องหมีเข้ามาก่าย
“พี่เอย์ไปล้างมือล้างเท้าก่อนครับ
ไปตลาดมาเปื้อนนะ”
“เจ็บมือ” มันทำเสียงอ้อน
ผมนั่งลงข้าง ๆ จับมือมันขึ้นมาดู มือพี่เอย์นิ่มมากๆตอนนี้แดงเถือกเลย ผมยกขึ้นมาเป่าๆให้
“ถ้าหนักก็บอกผมสิ
ผมจะได้ช่วยพี่ไง”
“บอกได้ไง มึงเองก็ของเต็มมือเหมือนกัน”
“แต่ผมก็เคยชินนี่ครับ
ช่วยแม่มาตั้งแต่เด็กแล้ว”
“สงสารแม่กับพี่ขมว่ะ
หิ้วของแบบนี้ทุกวันปวดมือแย่เลย”
“ปกติพี่ขมไปด้วยแล้วสองคนนั้นจะใช้บริการรถเข็นของตลาด
ไม่ถือเองหรอกพี่”
“อ้าว”
มันลุกขึ้นนั่งทันที จ้องผมใหญ่เลยประมาณว่าแล้วทำไมคราวนี้ให้กูถือไรแบบเนี๊ยะ
ผมรีบขยับออกมานิดๆ
“ก็แหม่....วันนี้ลูกเขยพาไปทั้งทีคุณนายแกคงอยากจะโชว์ล่ะมั้ง
มีหนุ่มหล่อตั้งสองคนเดินรั้งท้าย ขืนจ้างรถเข็นมาอีกเป็นขบวนล่ะคราวนี้ แม่แกกลัวเอิกเริกไง”
“เป็นแบบนั้นเหรอ
จริงดิ่”
“ใช่ครับ
ผมคิดว่านะ”
“กูก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก
กลัวว่าแม่จะหนักที่ต้องหิ้วของทุกวันเท่านั้นเอง
เดี๋ยวร้านกูเปิดแล้วอยากให้แม่มาดูแลออฟฟิศให้มากกว่าถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้ไปขายของทำงานหนักแบบนั้นเลย”
“พี่อย่าไปพูดเรื่องนี้กับแม่นะครับ
ผมน่ะเคยบอกให้เลิกขายส้มตำเจอโกรธไปตั้งหลายวัน อาชีพนี้น่ะแม่ภูมิใจแล้วก็รักมาก
ทุกวันนี้ที่ทำคือไม่ได้หวังเรื่องเงินทองนะ แม่ทำแก้เหงาผมเองก็จนปัญญาเหมือนกัน”
พี่เอย์พยักหน้าเข้าใจ
มันกอดเอวผมซุกหน้าลงไปแล้วอ้อน
“มึงจะออกไปตอนไหน”
วันนี้วันเสาร์ผมต้องเข้าออฟฟิศ นัดกับพี่เชนไว้แล้ว
“สองโมงครับ
เดี๋ยวจะไปแต่งตัวแล้ว พี่เอย์นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ สักสามโมงเดินไปกินข้าวที่ร้านนะ
แม่บอกว่าจะเตรียมไว้ให้”
“อย่าลืมนะวันนี้ซ่าร์มันจะมากินข้าวเย็นด้วยเดี๋ยวกูจะบอกแม่ไว้”
“ครับผมไม่ลืมหรอกเดี๋ยวชวนพี่เชน
หมาบาสแล้วก็ไอ้วุฒิมากินด้วยกัน
สักห้าโมงเย็นน่าจะเสร็จนะผมว่างานเคลียร์ไปจนเกือบหมดแล้ว”
“อื้อ
กูรอนะ”
“ครับ พี่เอย์นอนเถอะเดี๋ยวผมไปแต่งตัว
อย่าลืมนะครับสามโมงต้องตื่นไปกินข้าวนะอย่าให้แม่เป็นห่วง”
“ไม่เอาอ่ะ
เดี๋ยวไปช่วยตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่าเผื่อได้ล้างมะเขือเทศให้ เมื่อกี้กูเห็นแม่ซื้อมะเขือเทศเยอะแยะเลย
น่าเล่น”
“อะไรครับ
อะไรน่าเล่น” ผมงงกับคำตอบของมัน
“กูชอบเล่นมะเขือเทศ
สีแดงสวย กินก็อร่อย ว่าแล้วออกไปเลยดีกว่ามึงไปแต่งตัวดิ่ กูไปช่วยแม่แล้วนะ”
พี่เอย์วิ่งออกไปแล้วแค่พูดถึงเรื่องมะเขือเทศ
คุณคงจำได้ใช่ไหมมันชอบกินมะเขือมาก พักหลังผมไม่ค่อยได้ทำข้าวผัดมะเขือเทศให้มันกิน
เพราะนั้นมันแอบไปที่ร้านแล้วหยิบมะเขือเทศของแม่มากินเล่นบ่อยมาก
ไม่คิดว่าวันนี้มันเล็งมาตั้งแต่อยู่ที่ตลาดแล้ว ท่าทางมีความสุขน่าดู
.
.
บ่ายแก่ ๆ
ที่ออฟฟิศของยูเซย์
“แย่แล้ว
กูแย่แล้วไอ้หมาบาส กูแย่แล้วคราวนี้”
ผมคุกเข่าทรุดลงกับพื้น
ฟุบลงไปอย่างคนที่หมดแล้วซึ่งความหวัง มืดมนมากๆ หมาบาสมันเดินเอาอะไรสักอย่างออกมาจากในครัว
กำลังจะเข้ามาเห็นผมทำท่าแบบนั้นคงตกใจมากพอดู ขณะที่เสียงไอ้วุฒิกับพี่เชนนั่งหัวเราะผมอยู่ไม่ไกล
“ลูกพี่ปิง
พี่เป็นไรน่ะ” บาสมันถลาเข้ามาดู ผมยกสองมือทึ้งหัวตัวเองฟุบลงที่พื้น พี่เชนยังคงหัวเราะต่อไป
เสียงหัวเราะปิศาจมาก ผมล่ะเกลียดนัก
“พี่ปิงเป็นอะ....”
มันจับผมขึ้นมาดูหน้า พอเห็นว่าผมจริงจัง มันถึงกับพูดไม่ออก
“กะ...กะ....เกิดอะไรขึ้นพี่??”
“ไอ้บาสกูแย่แล้วมึง”
เสียงผมราวกับคนร้องไห้จริงนะ
“อะไร
ลูกพี่เป็นอะไร” มันเองก็ตกใจไม่น้อย หน้าตาสงสัยผมมาก
“มันไม่ตั้ง
ไอ้เหี้ย!
ลูกชายกูไม่ตั้งแล้ว กูอยากจะร้องไห้” ผมยกสองมือปิดหน้าพูดด้วยน้ำเสียงไว้อาลัยกับลูกชายตัวเองจนถึงที่สุด
จบสิ้นแล้วผม
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมเข้าออฟฟิศมาแต่เช้านั่งทำงานกับพี่เชน วันเสาร์พนักงานจะกลับไวหน่อย
บ่ายสี่โมงเย็น ไอ้บาสกับไอ้วุฒิแวะเข้ามาช่วยเกี่ยวกับงานเอกสาร
ผมหยิบเอาซีดีที่หมาบาสมันให้เป็นของขวัญเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว มันบอกของเด็ดฉลองงานแต่งผมกับพี่เอย์
ผมก็รู้หรอกมันเป็นหนังเอวี เรื่องแบบนี้มันก็ธรรมดาใช่ไหม
หาโอกาสดูไม่ได้สักทีพี่เอย์อยู่บ้านทุกตลอดวันนี้เหมาะทุกประการผมจึงติดใส่กระเป๋ามามา
กะว่าจะมานั่งดูกับพี่เชน
พอเคลียร์พนักงานได้หมด
ผมเปิดเลยสิครับพี่เชนก็ดูด้วยไอ้วุฒิไอ้บาสเองก็ดูไปด้วยทำงานไปด้วย
เราดูแบบนี้กันบ่อยพวกผมผู้ชายนะเรื่องธรรมดาใช่ไหมล่ะ
แต่ว่าคราวนี้สิที่มันแปลก...
“ตลกไปแล้ว พี่ปิงโกหกป่ะเนี่ย
แผ่นนี้น่ะ ริโอเชียวนะพี่ สเป็คพี่ขวัญใจพี่มาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ ริโอนมใหญ่ๆน่ะทั้งขาวทั้งอวบ
ไหนว่าดูทีไรของขึ้นทุกทีมาวันนี้ไหงบอกไม่ตั้งงั้นล่ะ”
“มึงหยุดพูดสักทีได้ไหมเหี้ย!
ไอ้วุฒิมึงมาเอาเพื่อนมึงไปเก็บเลยนะ”
ผมโมโหจนทำอะไรไม่ถูกปากล่องอะไรต่อมิอะไรใกล้มือใส่หัวไอ้วุฒิ มันกับพี่เชนยังคงนั่งหัวเราะผมอยู่แบบนั้น
ไอ้บาสยังทำหน้างงๆ
“ไหนดูดิ๊
ไม่ตั้งจริงดิ่” พี่เชนเดินเข้ามาหา ทำท่าจะมาขอดู
“เฮ้ยๆๆๆ
พี่บ้าอย่ามายุ่งของผมนะ”
“ไม่จริงม๊าง
พวกกูตั้งกันถ้วนหน้ามึงอย่ามาแหล หมาปิง”
“แหลที่ไหนเล่า
บ้าเอ๊ย ผมแย่แล้วพี่คราวนี้หมดอนาคต”
“เฮ้ยจริงดิ่มึง
จริงจังไปไหมหน้าตามึงน่ะ”
“พี่เชน ฮือๆ
ผมเพิ่งอายุยี่สิบสองเองนะพี่ ฮือๆ พระเจ้า”
ผมยกสองมือปิดหน้าอยากจะร้องไห้ออกมาจริง
ๆ เมื่อเช้ายังสุขสดชื่นกับพี่เอย์อยู่เลยแต่ไหงพอตกเย็นลูกชายผมงอแงแบบนี้
เมื่อก่อนดูสาวริโอทีไรผมคึกคักดึ๋งดั๋งตลอด
ทำม๊ายทำไมตอนนี้ถ้าไม่ใช่พี่เอย์ผมถึงไร้อารมณ์กับทุกคนไปหมดแบบนี้ได้
ผมไม่เข้าใจ
“สมน้ำหน้ามึง
ไปๆๆ ปิดๆ ไปกันได้แล้วมั้ง ไหนว่าจะไปกินข้าวบ้านมึงไง คนครบกันแล้วยังเสือกมาเปิดหนังโป๊ดูไม่รู้เรื่องอีก
สมน้ำหน้าพระเจ้าลงโทษมึงแล้วไปเคลียร์กับแฟนมึงเอง ลุกเร็ว”
พี่เชนเอาขาเขี่ยๆผมให้ลุกขึ้นขณะที่ไอ้วุฒิมันจัดการปิดเครื่อง ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด
จะห้าโมงแล้วกว่าจะถึงบ้านก็เกือบหกโมงทานข้าวเย็นด้วยกันพอดี
“ไม่ต้องมาเศร้า
มึงไม่ตั้งกับผู้หญิงน่ะดีแล้ว ถ้าแฟนมึงรู้ดีใจแน่” พี่เชนเดินเข้ามากอดคอพาผมเดินออกมาจากร้าน
เราทั้งหมดไปรถพี่เขา ผมทิ้งมอ’ไซด์ไว้ที่นี่เลย
พรุ่งนี้วันอาทิตย์หยุด แล้ววันจันทร์คือผมกับพี่เอย์จะไปเที่ยวกันหนึ่งสัปดาห์เต็ม
ๆ กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปไหน พี่เอย์มันอยากไปญี่ปุ่นซื้อตั๋วแล้วแต่ผมงอแงผมอยากไปเกาหลี
จะไปตามรอยซีรี่ย์ที่ผมชอบ มันว่าผมบ้าดารา
“ใครจะไปบอกล่ะ
พวกมึงเหอะห้ามปากโป้งนะเว้ยพี่เอย์รู้กูตายแน่” ผมหันไปปรามสองหมาที่กำลังขึ้นเบาะหลัง
มุดออกจากวงแขนหนักๆของพี่เชนขึ้นนั่งด้านหน้า
“ครับๆ
ไม่บอกๆ คึคึคึ” เสียงวุฒิกับบาส พวกมันทั้งขำทั้งครับๆ
“ขอให้พระเจ้าคุ้มครองมึงนะปิง”
พี่เขาหัวเราะออกมาก่อนที่ซีอาร์วีสีดำจะเคลื่อนตัวออกไป
สามสิบนาทีหลังจากนั้น เราทั้งหมดก็มาถึงบ้านสวนในเมืองใหญ่ที่แสนน่ารัก
คุณเชื่อไหมครับยิ่งพี่เอย์มันสร้างออฟฟิศขึ้นมาที่นี่ พื้นที่ตรงนี้คือสวยมาก
แม่เล่าให้ฟังว่าลูกค้าหลายคนมาขอถ่ายรูปโฮมออฟฟิศไปเก็บไว้แล้วบอกเป็นบ้านในฝันอยากมีแบบนี้บ้าง
นี่ขนาดร้านมันยังไม่ทันได้เปิด พี่เอย์ได้คุยกับลูกค้าที่เขาบอกกันปากต่อปากเรื่องบ้านสวนสไตล์รีสอร์ทใจกลางเมืองจนมันรับงานไว้แล้วประมาณสามหลังมั้งนะ
ถ้าผมจำไม่ผิด เพียงแต่ตอนนี้รอวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการ
กำหนดการคิดว่าเป็นหลังจากที่เรากลับจากไปเที่ยวกัน
“แม่ครับ
ปิงมาแล้ว” ผมเดินนำทุกคนขึ้นมา ที่ระเบียงร้านของแม่ หกโมงกว่า ๆ เวลาโพล้เพล้
แม่ พี่ขม พี่เอย์พี่ซ่าร์นั่งคุยกันอยู่ก่อนแล้ว
ทุกคนยกมือสวัสดีแม่กับพี่ขมแล้วทยอยๆกันนั่งลง
ไอ้วุฒิกับไอ้บาสรู้งานมันเข้าครัวไปช่วยโน่นนี่นั่นกับพี่ขม
พี่เชนนั่งลงข้างพี่ซ่าร์ผมนั่งกับพี่เอย์
“คุณซีซ่าร์มานานแล้วแล้วนะปิง
ไหนบอกแม่ว่าห้าโมงก็ถึงแล้วไง” ผมอมยิ้มอย่างคนไร้ข้อแก้ตัว
ไม่อยากจะบอกว่าที่ช้าเพราะนั่งดูหนังเอวีกันอยู่
“คุณน้าครับอย่าเรียกผมคุณเลยครับ
เรียกซีซ่าร์เฉยๆก็ได้” พี่ซ่าร์ท่าทางนอบน้อม แม่ผมเขินนิดๆด้วยนะ
ช่วยไม่ได้หรอกพี่ซ่าร์เป็นพระเอกในดวงใจของแม่เลยนี่
ลับหลังนะเวลาแม่ดูละครเรียกพี่ซ่าร์ว่า น้องซ่ารืเลยด้วยซ้ำ
ผมเองยังแปลกใจวันนี้คุณนายเรียกคุณซีซ่าร์
เพี๊ยะ!!
“โอ๊ยแม่
ตีปิงทำไม ปิงเจ็บอ่ะ”
“รู้นะเรา
คิดอะไรอยู่”
“แม่ครับ
ปิงไม่ได้คิด ปิงใสๆ”
“จะ.....จะ...เจ็บ....!” คุณนายบิดพุงผม
เบา ๆ ก่อนขอตัวเข้าไปดูในครัว
“ทำอะไรอยู่
ทำไมช้า” เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบมาก ทั้งที่มันก็พูดธรรมดานะ ผมสะดุ้งเฮือก
อย่างว่าคนทำความผิด ผมเห็นพี่เชนแอบยิ้มร้าย ปัดโถ่ อย่ามาปากโป้งก็แล้วกัน เพราะครั้งนึงผมเคยแอบเปิดดูตอนกลางคืนแล้วหลอกมันว่าเขียนโปรแกรม
โดนจับได้คุณชายใส่ผมไม่ยั้งเลยหาว่านอกใจไปดูผู้หญิงคนอื่น
ผมนอกใจที่ไหนผมก็แค่ดูหนังแล้วมันมีฉากหื่น ๆ ที่สำคัญช่วงนั้นผมเริ่มรู้สึกตัวเองมีปัญหา
อารมณ์กับผู้หญิงหดหายเลยต้องพยายามหาหนังพวกนี้มาดู ไปๆมา ๆ วันนี้ถึงได้รู้แน่ ๆ
ว่าถ้าไม่ใช่พี่เอย์ผมแทบไม่รู้สึกอยากนอนกับใครอีกเลย
“ทะ..ทำงานสิครับ
พี่เอย์ถามอะไรน่ะ”
“จริงนะมึง
ท่าทางนี่ไม่ใช่เลยนะ” มันทำท่าทำเสียงเหมือนคนรู้ทัน ผมรีบจะลุกเจอมันดึงชายเสื้อไว้แล้วบอกให้นั่งลง
แม่เดินเอาจานแตงโมสีแดงชิ้นใหญ่ ๆ เข้ามาวางไว้ให้
“คุยกันไปนะลูกเดี๋ยวแม่จะเข้าไปเตรียมอาหารให้”
“แม่ครับให้เอย์ช่วยไหม”
ดูมันอ้อนแม่ผมนะ พี่เอย์ช่วงนี้มันช่วยที่ร้านบ่อย เวลาพูดกับแม่ เอย์อย่างงั้น เอย์อย่างงี้ผมแอบหมั่นไส้
แม่ก็รักมันมากด้วย
“ไม่เป็นไรลูก
เอย์ล้างผักให้แม่เหนื่อยเลยนะวันนี้ เดี๋ยวอาหารเย็นแม่กับพี่ขมจัดการเอง
เจ้าบาสกับเจ้าวุฒิก็อยู่ เอย์นั่งคุยไปเถอะลูก
เชนซีซ่าร์ตามสบายนะครับ แต่เอ๊ะ..เชนรู้สึกว่าพี่ขมเขาจะทำผัดเห็นโคนของญี่ปุ่นไว้ให้
เชนเคยบอกว่าชอบ กินแกล้มกับอะไรดีลูก น้ำพริกกะปิเชนกินได้ไหม
หรือจะเอาน้ำพริกหนุ่มเดี๋ยวแม่ตำแหน่งแป๊ปเดียว”
“ได้ครับ อะไรก็ได้ผมทานได้ทุกอย่างขอบคุณครับแม่”
พี่เชนกอดเอวแม่แล้วบอกขอบคุณ แม่กับพี่เชนสนิทกันมากเลยนะ
เมื่อก่อนพี่เขามาทานข้าวด้วยบ่อย พี่ขมจะรู้ใจมากที่สุด
“ส่วนของเอย์
เดี๋ยวแม่เตรียมเครื่องไว้แล้วให้เจ้าปิงเข้าไปผัดกุ้งสดกระทียมพริกไทยให้นะลูก”
“อ้าวแม่ครับ
ทำไมเป็นผมล่ะ แม่ผัดดิ่ แม่ผัดอร่อย”
จะว่าไปผมยังไม่มีวาสนาได้กินกุ้งผัดกระเทียมพริกไทยฝีมือแม่เลยเหอะ
แม่น่ะจะทำเมนูกุ้งก็เฉพาะวันที่พี่เอย์มาทานด้วยเท่านั้น
ช่วงนี้มาบ่อยผมเลยมีลาภปากไปด้วยเพราะพี่เอย์มันกินยาก
“เพราะแม่รู้ว่าเอย์จะทานเฉพาะฝีมือเราน่ะสิ
อย่ามาโวยวายเดี๋ยวเตรียมของเสร็จจะให้บาสมาเรียก”
“ขอบคุณครับแม่”
พี่เอย์ยิ้มแป้น มันทำหน้าเหมือนคนเหนือกว่าใส่พี่เชน ยักคิ้วกวนตีนนิดๆ คุณเชื่อไหมว่าตอนที่แม่บอกพี่เชนเรื่องผัดเห็ดนะหน้าพี่เอย์งอมาก
แต่พอพูดเรื่องผัดกุ้งของคุณชายเท่านั้นแหละหน้าบานเป็นกระด้งเลย
“ซีซ่าร์แวะมาบ่อย
ๆนะครับ ต่อไปจะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร
ถ้าอยากจะมาก็มาได้ตลอดชวนเชนมาเป็นเพื่อนก็ได้ แม่เข้าไปแล้วนะ”
“อ่ะแค่กๆๆๆๆๆ”
พี่ซ่าร์ถึงกับสำลักน้ำ
พี่เอย์มันนั่งอยู่ใกล้สุดนะแทนที่จะเอามือไปลูบหลังให้มันรีบขยับมาหาผมทำท่ารังเกียจซะอย่างนั้นดีดูมันทำ
แม่ผมก็พูดแทงใจดีจริงจริ๊ง
“แค่กๆๆๆ”
พี่ซ่าร์ยังไอต่อ น้ำเลอะเทอะไปหมดเป็นพี่เชนที่ยกมือขึ้นลูบให้แทน
มีดึงกระดาษส่งให้เช็ดปากด้วยนะ พี่เอย์ชวนผมให้หันไปดูดอกลีลาวดีใหญ่นอกรั้ว
มันกอดคอผมไว้เราเอนหัวชิดกัน
“ดูดอกไม้ตรงนี้กับกูดีกว่า
ปล่อยสองคนนั่นคุยกันไป ถ้ามึงแอบฟังกูจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” เสียงพี่เอย์กระซิบ
ผมพยักหน้าหงึกๆ
เสียงพี่เชนดังขึ้นแล้ว
“ทำไมวันนี้ถึงมา”
“แล้วมึงอ่ะ
ทำไมวันนี้ถึงได้มา”
“กูถามมึงก่อนนะ”
“กูก็อยากรู้นี่
มึงตอบกูก่อนดิ แล้วกูจะตอบคำถามมึง”
“กวน”
“มึงดิกวน”
“รีบกลับไปเลยไป”
“ไม่ต้องมาไล่
นี่ไม่ใช่บ้านมึง เอาเสื้อกูติดรถมารึเปล่า”
“เสื้ออะไร”
“ตัวเมื่อคืน
ลืมไว้ที่ห้องมึงอ่ะ”
“ประสาท
ใครจะเอามา มึงอยากได้คืนนี้ก็แวะไปเอาดิ”
“มึงชวนกูเองนะ
คืนนี้เหรอ”
“แค่บอกให้ไปเอาเสื้อ”
“กระหม่อมรับบัญชา”
เพี๊ยะ!
“อะไรเล่ามาตีกันทำไม
กูเจ็บนะเนี่ย” พี่ซ่าร์โวย
“สมน้ำหน้า”
ผมไม่รู้แล้วว่าสองคนนั้นคุยอะไรกันต่อ
เจอกันทีไรกัดกันทุกทีแต่เนื้อหานี่มันไม่ใช่เลยนะผมว่า
ผมจะหันกลับไปเจอพี่เอย์ล็อคหัวไว้
“ฟังต่อก่อน
นิ่งๆ” มันกระซิบอีก
“แตงโมหวานดีว่ะ
กินดิ่มึง” นี่เสียงพี่ซ่าร์นะ งึมงำคล้ายของกินเต็มปาก คงกินแตงโมชิ้นใหญ่ ๆ อยู่
“ไม่ชอบกิน
มันหวานเกิน เหนียวมือด้วย”
“ไหนเมื่อกี้มึงบอกคุณน้าว่ากินได้ทุกอย่างไง
โกหกอ่ะดิ่”
“ไม่ได้โกหก”
“ยังไง”
“กินได้ทุกอย่างถ้าคนที่ชอบถาม
แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบถึงอร่อยแค่ไหนก็ไม่กิน”
“เด็กว่ะ”
“เรื่องของกู
เอ้ยยยยย ยัดมาทำบ้าไรเนี่ย”
เกิดเสียงโวยวายขึ้น พี่เชนน่าจะโดนยัดแตงโมใส่ปากเรียบร้อย
“กินเข้าไปอย่าปากดี
เดี๋ยวคนที่มึงไม่ชอบจะขี้เกียจแวะไปเอาของคืนนี้”
“ไม่เคยอยากให้ไป”
“แล้วเมื่อคืนหมาตัวไหนมันโทรหากู”
“ก็บอกรอบที่ร้อยแล้วว่ามือมันกดผิด
จะโทรหาเพื่อนดันพลาดไปกดเบอร์มึง ต้องให้บอกอีกสักกี่ครั้งซีซ่าร์ จิ๊!”
“ถุย กูเชื่อตายล่ะเย้ยยยยย อั๊ดอาอำไอ๊!!”
“กินๆเข้าไปจะได้ไม่พูดมาก”
แตงโมชิ้นใหญ่ถูกยัดเข้าไปในปากพี่ซ่าร์แล้วชัวร์ๆ
ผมเห็นพี่เอย์นั่งอมยิ้ม มันยังกอดคอผมไว้นะ แสงไฟหน้ารถสาดมาจากรั้วหน้าบ้าน
ผมเพ่งสายตามอง พี่เอย์ขยับนิดๆไฟแยงตามันแน่ๆ
“รถใครวะปิง?”
ผมลุกขึ้นมองดี
ๆ
ใครสักคนเดินลงมาท่าทางเก้ๆกัง
ๆ ในมืออุ้มอะไรสักอย่างแนบอก ผมกำลังเพ่งว่าใครกันที่ยืนมองมาที่เราเพราะบริเวณรั้วค่อนข้างมืดจากเงาของลีลาวดีใหญ่ที่บดบัง
น่าจะเจอกันมาตั้งนาน ก่อนที่เธอจะเป็นของใคร
อยากให้มันมีปาฏิหาริย์ให้ตัวฉันย้อนเวลากลับไป
จะไม่ยอมให้เราคลาดกันฉันคงจะพบรักเธอก่อนใคร
มันน่าเสียดาย.....ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง
.................................................................50%.................................................................
Tbc.