>>>> Special Part (เชนปิง) <<<<<
สายๆวันอาทิตย์ ที่ร้านหนังสือ
“เล่มนี้น่าสน”
“ฮึ๊บ!”
“เล่มนี้อีก”
“ฮึ๊บ!!”
“เล่มนี้ก็ด้วย”
“ฮึ๊บ!! ฮึ๊บ!!”
“ทำเสียงเหี้ยไรของมึง ฮึ๊บๆฮั๊บๆ”
พี่เชนหันมาจ้องหน้าผม ในมือพลิกหนังสือเล่มใหม่ที่กำลังเลือกๆ
“พี่ก็ดูดิ่ ผมหนักนะเนี่ย”
“ผู้ชายไรวะ แค่นี้หนัก”
“หูยพี่ครับ แค่นี้ไรของพี่หนังสือมันท่วมหัวผมแล้ว
ผมจะเอาไปวางก่อนพี่ก็ไม่ยอมอ่ะ”
“ทำแบบนั้นได้ไงเล่า เกิดกูหยิบเล่มซ้ำนี่คือจำไม่ได้นะ”
“พี่ก็ช่วยผมถือดิ่”
“ไม่เอาอ่ะ หนัก”
เออตอบดีมากพี่ชายกู ผมเดินตามพี่เขาวนไปเวียนมาอยู่ที่ชั้นหนังสือไอทีนั่นแหละ ถือหนังสือกองโตอยู่ในมือเอนซ้ายเอนขวาหลบคน
“ปิงเล่ม.....
“เย้ยยยยยย!!!” โครมม!!
หนังสือผมหล่นระเนระนาด
คนยืนอยู่แถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียวพี่เชนรีบลงมาเก็บขึ้นช่วย
“เดินยังไงของมึงวะ”
“พี่แหละถอยมาทำไมเล่า”
“มึงแหละเดินไม่ดูกูนี่หว่า”
“พี่แหละ....เอ๊ะ.....”
ผมว่าเหตุการณ์คือคุ้นมากยังไงไม่รู้
ผมเก็บหนังสือเล่มสุดท้ายใส่อกแล้วลุกขึ้นพี่เชนแบ่งเอาไปช่วยถือครึ่งนึง
“พี่ ผมว่าผมคุ้นหน้าพี่ว่ะ”
พี่เชนนิ่ง เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์คิดตังค์
ผมตามสิครับวางหนังสือลงแล้วยืนรอ พิจารณาดูรูปร่างพี่เขาดี ๆ อีกครั้ง
สถานที่นี้เลย เวลาราว ๆ นี้ กับคนรูปร่างหน้าตาแบบนี้
โป๊ะเช๊ะ! ผมนึกออกแร่ววว
“พี่เช๊น!”
ผมอุทานเรียกเสียงสูง จับไหล่พี่เขาให้หันมา
“พี่ เราเคยเจอกันไงครับ ผมชนพี่วันนั้นที่นี่แหละที่ร้านนี้
พี่เชนจำได้ไหมครับ วันนั้นพี่มากับพี่พิมไงถือหนังสือเต็มสองมือเลย” ผมบ้าไปนิดเขย่าไหล่พี่เขาใหญ่เลย
“เออๆๆ มึงเพิ่งนึกออกเหรอวะ” พี่เชนยื่นบัตรจ่ายออกไปแล้วเซ็นต์
“อ้าว พี่จำได้ด้วยเหรอครับ นานยัง
จำได้ตอนไหนทำไมไม่บอกผมล่ะ” ผมถามรัว
“จำได้ตั้งแต่มึงนั่งจ้องหน้ากูที่ออฟฟิสเก่าแล้วบอกกูหน้าคุ้นโน่นแล้ว
เอาไปถือช่วยกันเดี๋ยวเอาของพวกนี้ไปเก็บที่รถก่อน เที่ยงพอดีจะได้กินข้าวกันเลย
มึงหิวไหม อยากจะกินอะไร”
เราสองคนเดินถือหนังสือคนละสองถุง
มีอุปกรณ์สำนักงานเพิ่มเติมนิดหน่อย ออฟฟิศเพิ่งย้ายมาที่ใหม่
ผมกับพี่เชนรับหน้าที่ซื้อของซื้ออุปกรณ์สำนักงาน
ตอนแรกวันนี้พี่พิมจะมาด้วยแต่ติดลูกค้า
ช่วงนี้ลูกค้าเข้าเยอะมากงานเราเยอะขึ้นเป็นเท่าตัว
บริษัทเรารับพนักงานเพิ่มขึ้นเยอะเลย
“กินไร มึงหิวไร”
ผมกับพี่เขาเก็บของที่รถเรียบร้อยเดินเข้ามากันอีกครั้ง
“ผมกินอะไรก็ได้ พี่เชนอยากกินอะไรล่ะครับ”
เราสองคนเดินขึ้นบันไดเลื่อน ผมมองดูที่ชั้นล่าง มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังลั่น
“กินไอติมไหม นั่นน่ะ” พี่เชนบุ้ยใบ้ไปที่ร้านไอศครีมที่เป็นรถโบราณจอดอยู่ตรงทางเดินใกล้กับบันไดเลื่อน
รถน่ารักมากสีเหลือง ๆ มีสัญลักษณ์รูปแม่วัว
“ผมเลี้ยงพี่นะ”
พี่เชนชี้ ๆ สั่งสองลูก ถ้วยผมเองก็สองลูกเหมือนกัน
เรากินกันคนละรส ผมเดินมายืนพิงราวข้าง ๆ มองดูด้านล่างเด็กๆมัธยมเยอะมาก
“อะไรวะเสียงดังเชียว มีโชว์อะไร โชว์หมารึเปล่า”
พี่เชนชะโงกหน้าลงไปดูบ้าง ผมแอบหัวเราะโชว์หมาที่ไหนเล่านี่มันเป็นรายการเดินแบบการกุศลอะไรสักอย่างหาเงินช่วยผู้ประสบภัยของจังหวัดทางภาคเหนือ
เพราะว่าปีนี้หนาวมาก
ทางบริษัทอะไรสักอย่างเขาเลยจัดแคมเปญพิเศษให้นายแบบดาราที่มีชื่อเสียงมาเดินแบบหาเงินให้
“หมาที่ไหนพี่ นั่นน่ะ พี่ซีซ่าร์ไง
ดารานายแบบไอดอลชื่อดังของเมืองไทยเลยนะ พี่เชนไม่รู้จักเหรอครับ”
“ซีซ่าร์?”
“ใช่พี่ พี่ซีซ่าร์ขวัญใจผมเลยนะ พี่เขาทั้งหล่อทั้งเท่
หุ่นก็ดีแสดงละครก็เก่ง” ตัวจริงยังนิสัยดีแบบสุดๆอีก
แถมเด็ดสุดลูกชายคือน่ารักมากน้องอันวา ป่านนี้คงกลับอเมริกาแล้วมั้งนะ
“ซีซ่าร์ที่แสดงหนังช่องหนึ่งอ่ะนะ”
“อ่ะใช่ครับ นั่นไงพี่เขาเดินออกมาแล้ว”
เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม พี่ซ่าออกมาในชุดสูทแบบแปลกๆแฟชั่นจ๋ามากๆ
เสื้อด้านในก็ไม่ใส่ กางเกงสีขาวเท่สึด!
“แบบนี้เหรอ ที่มึงว่าหล่อ”
“หล่อดิ่พี่ พี่หล่อได้แบบพี่เขาป่ะล่ะ”
“กูไม่เอาหรอกหล่อแบบนี้ กูน่ะแมนกว่าเยอะ
มึงดูดีๆดิ่ปิง ผู้ชายแท้ ๆ
แต่งหน้าทำเหี้ยไรดูเดินแบบหรืออะไรทำหน้าอย่างกับไปเครียดกับควายที่ไหนมา”
“เอ๊าพี่ไปว่าเขาทำไมเนี่ย
เขาเดินแบบก็ต้องแต่งหน้าสิครับ ตัวจริงพี่เขาแต่งที่ไหน ใสสุดๆบอกเลย แล้วไปหาว่าเขาทำหน้าเครียด ก็เดินแบบจะให้มาแจกยิ้มได้ไง
ผู้ชายเท่ ๆ เขาก็ต้องเก็กหล่อหยิ่ง ๆ นิดๆ แบบนี้แหละถูกใจผู้หญิง สาว ๆ
กรี๊ดเลยพี่มองดูดิ่ หล่อโฮกกก”
“หึ กูว่ามึงตาบอดแล้วปิง แบบนั้นเขาเรียกว่าผู้ชายหน้าสวย
ไม่ใช่ผู้ชายหล่อ”
พี่เชนว่าแล้วดึงแขนผมให้เดินตาม เราออกจากตรงนั้นกันไปผมหันมองลงไปที่เวทีอีกที
เห็นพี่ซ่ากำลังยืนให้พิธีกรสัมภาษณ์อยู่ เห็นหน้าพี่เขาแล้วผมก็นึกไปถึงอีกคน สองพี่น้องที่หน้าตาเหมือนกันมากจริง
ๆ พี่เอย์ของผมตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ
อยู่ทางนั้นติดต่อไม่ได้หายไปเลยสองปีแล้ว
“ปิงกินนี่ไหม” เสียงพี่เชนดังขึ้นข้าง ๆ
เราเดินมาถึงหน้าร้านอาหารญี่ปุ่น
“ครับ”
แต่แค่เดินเลี้ยวเข้ามายังไม่ทันถึงโต๊ะที่จะนั่งด้วยซ้ำ
มีผู้หญิงเปรี้ยวมากคนนึงวิ่งเข้ามาทักพี่เชน
“เชนคะ” เธอยิ้มกว้างมาเลย พี่เชนคืองงนิดๆ
“ฟองไง เชนจำฟองได้ไหม” พี่เชนนั่งลง ผมนั่งตรงข้าม
ส่วนเธอทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ พี่เชนทันที
“อ่าครับ” พี่ชายผมตอบเบลอๆ
“เราเจอกันที่ผับ...สัปดาห์ที่แล้วไง
เชนไปดื่มกับรุ่นพี่ของฟองอ่ะ พวกวิทยาการคอมฯ”
“อ๋อครับจำได้แล้ว” พี่เชนอมยิ้มนึกออกแล้วดิ่
ท่าทางเจ้าชู้เหมือนกันนะเนี่ย ผมไม่เคยเห็นพี่เชนมุมนี้มาก่อนเลย
“เชนมาทานข้าวเหรอ” เธอมองผมนะ ยิ้มให้ผมด้วยแต่ปากนี่คือถามพี่เชน
“งั้นฟองไม่กวนแล้วทานให้อร่อยนะคะ ไปนะ ไปนะคะน้อง”
เธอบอกพี่เชนบอกผมส่งยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นเดินนวยนาดกลับไปที่โต๊ะ ขาเธอสวยดีว่ะสั้นจู๋เลย
พี่เชนไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นเราคุยกันเรื่องอื่น ๆ ไปเรื่อยจนกระทั่งทานเสร็จ
เดินออกมา ผมเห็นร้านเครื่องเสียงแล้วอยากแวะ
แต่ดูท่าทางมันคงจะแพงมากแต่ยังไงคืออยากดูนะ พี่เชนลากผมเข้าไปเลยดิ่
“มึงชอบเหรอ”
“ครับพี่ ยี่ห้อนี้เสียงดี เสียงเบสมันนุ่มฟังแล้วคือใช่นะ
ผมชอบติดอย่างเดียวมันแพงมว๊ากกกก” ผมบอกพี่เขา เราเดินดูกันอยู่ในร้าน
“ซื้อเข้าออฟฟิศดีไหม”
“เฮ้ยจะดีเหรอครับ มันแพงนะพี่”
“ไม่เป็นไรนี่ พิมมันบอกให้กูใช้เลยเงินน่ะ
เรามีงบอยู่แล้ว มึงก็เลือกที่ราคามันพอฟังได้สบายใจสิวะ”
“โอเคเลยครับ
งั้นปิงคนนี้จะขออาสาติดตั้งไล่สายให้พี่เองรับรองเสียงดีไม่มีตก”
พี่เชนพยักหน้าอมยิ้มแล้วให้ผมเลือก
ผมเลือกชุดเล็กแต่พี่เชนบอกให้เอาชุดใหญ่เลยซื้อทีเดียวให้คุ้ม
พอดีว่าทางร้านมีโปรอะไรสักอย่างซื้อชุดใหญ่สองแสนกว่าบาทมีแถมชุดเล็กๆให้ชุดนึง
“ชุดเล็กกูจะเอาไว้ติดในห้อง” แอร๊ ผมอุตส่าห์แอบคาดหวัง
“อืมม ครับ” ความหวังหมาปิงพังทลาย
“ห้องมึง”
“หืมม?” อะไรวะ ฟังผิดอ่อ
“ห้องมึงไง ติดไว้ที่ห้องมึง ชั้นบนออฟฟิศเรา”
คุณพี่เหล่ตายกยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมพอได้ยินเต็ม ๆ สองหูดีใจจนแทบตัวลอย
คือผมเป็นผู้ชายที่ชอบรถกับเครื่องเสียงมาก ผมปลื้มมากเลยนะไอ้ยี่ห้อนี้มันแพงผมไม่มีทางควักซื้อเองหรอก
แบบเงินเอาเก็บไว้เผื่อฉุกเฉินจะดีกว่า แต่ตอนนี้ได้มาแบบฟรี ๆ ผมยิ้มดิ่ ฮิฮิ
“ดีใจอ่ะดิ่”
“ครับ ขอบคุณครับพี่เชน”
“ตั้งใจทำงานมึงเป็นน้องกู กูวานอะไรก็ต้องทำเข้าใจ๊”
“คร้าบบบ” ผมดัดจริตแกล้งพูดผิดหลักไวยากรณ์ เจอพี่เชนผลักหัวทีเงิบไปเลยสิ
สรุปว่าทางร้านจะจัดส่งของให้ในสัปดาห์นี้ผมกับพี่เขาออกมาเดินต่อกันที่ด้านนอก
พี่เชนชะงักนิด ๆก่อนเราจะเดินลงบันไดเลื่อน ผมเลยถามไปว่ามีอะไร
พี่เชนบุ้ยใบ้หน้านิ่ง ผู้หญิงคนนึงเดินยิ้มเข้ามาหา
คนเดิมคนที่เจอกันที่ร้านอาหารเมื่อกี้
“เชนคะ ส่งฟองกลับนะ เพื่อน ๆ ฟองแย่จริง ๆ เชียว หนีกลับกันไปก่อนแล้ว
รบกวนเชนนะคะ” เธอหรี่ตาเดินเข้ามาประชิด ผมรีบขยับออกให้
“ฟองจะกลับตอนนี้เหรอครับ”
“อ๋อไม่ค่ะ เชนกลับตอนไหนฟองก็กลับตอนนั้น ไม่รีบเลย
เราเดินเล่นกันต่อก็ได้ เชนอยากดูหนังไหมคะ”
“แต่ผมไม่ได้มาคนเดียวนะ” พี่เชนมองมาที่ผม
“อ๊ะจริงสิ ว่าจะถามอยู่พอดี น้องชายเชนเหรอคะ รูปหล่อจังเลย
สองพี่น้องมาซื้ออะไรกันเอ่ย” อะไรวะผมเรียนจบแล้เหอะพูดเหมือนผมเป็นเด็กมัธยมปลายเลย
ทั้งที่เธอน่ะหน้าตานี่ไม่ได้ต่างจากผมเลยนะ บอกอะไรดี ๆ
ให้แบบพี่เนี่ยเจอผมกอดนี่อ่อนปวกเปียกเลยนะ
โทรศัพท์เธอดัง มือขาว ๆ ที่ทาเล้บสีดำๆกดรับสาย
พี่เชนรีบเดินเข้ามาหาผม
“ช่วยกูหน่อย” พี่เขากระซิบ ผมหันไปเลิกคิ้วถาม
“ช่วยไรพี่”
“ช่วยกูกันอินี่ออกไปที กูไม่ถูกกับผู้หญิงประเภทนี้จริง
ๆ ให้ตายเหอะ” ผมหันไปจ้องหน้าเลย พี่เชนเรียกผู้หญิงว่าอินี่
พี่ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ ตรงฉิบหาย ผมเองก็อยากเรียกนะ บาปป่ะวะว่าผู้หญิง
อินี่โคตรแรงอ่ะ
“ยังไงพี่ ช่วยยังไง”
“มึงอยู่เฉย ๆ นะกูพูดอะไรมึงเฉยอย่างเดียว ห้ามต่อต้าน
โอเค๊” ผมพยักหน้ารับหงึกๆ เธอคุยเสร็จเดินมาเกาะแขนพี่เชนต่อยิ้มหวานเลย เออจะว่าไปเธอก็สวยนะ
เสียอย่างเดียวทีท่าแสดงออกว่าอยากจะจับผู้ชายเยอะเกิน
ดูก็รู้แล้วเธอรอให้ผมกับพี่เชนกินข้าวจนเสร็จ เผลอๆอาจตามเราสองคนนานแล้ว
“ไปกันเถอะค่ะเชน น้องเชนชื่ออะไรนะเดี๋ยวฟองจะได้เรียกถูก”
“ฟองครับ นี่ปิง เขาไม่ใช่น้องชายผมนะ ปิงเป็นแฟนผมเอง”
เอิ่มม
T__T
ผมเองก็นิ่ง
พี่ผู้หญิงก็นิ่ง
ผมว่าหน้าตาเราสองคนไม่ได้ต่างกันเลย คือเอ๋อเหวอแดก
แต่เธอเก่งตั้งสติได้ก่อน
“คึคึ แหมเชนอำกันเหรอ ไม่เชื่อหรอกวันนั้นเชนยังกอดเอวฟองเต้นอยู่เลย
ฟองไม่เชื่อหรอกค่ะว่าเชนชอบผู้ชาย อำใช่ไหม”
“ผมเปล่า ปิงเป็นแฟนผมจริง ๆ”
อะไรวะพี่เชนเดินมายืนซ้อนหลังผมแล้วจับเอวผมไว้ ผมสะดุ้งเลยสิ
ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนถูกตัวผมแบบนี้ได้ยกเว้นแค่คนเดียว แต่ตอนนี้พี่เขาไม่อยู่ ไม่รู้ล่ะผมไม่เป็นรับให้ใครนะยอมพี่เอย์คนเดียว ถึงจะรับแค่ในนามก็ไม่เอาเด็ดขาด
ผมขยับตัวออก มองหน้าพี่เชน แล้วตัดสินใจเอื้อมมือไปกอดเอวพี่เขาไว้เอง
ผมรู้ว่าพี่เชนไม่ได้คิดอะไรแค่อยากจะแสดงให้พี่ผู้หญิงรู้ว่าไม่ให้มายุ่งย่ามอีก เอาเป็นว่าผมทำเองแบบนี้แหละดีแล้ว
“เชนอำฟองใช่ไหม” เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ
ทำท่าไม่เชื่ออยู่ดี ผมก็เลย..
“พี่เชนไม่ได้อำหรอกครับ พี่เขาเป็นแฟนผมจริง ๆ เชื่อเถอะครับพี่ฟองตอนกลางคืนน่ะอ้อนผมน่ารักยิ่งกว่าผู้หญิงอีกนะ เห็นตัวใหญ่ ๆแบบนี้แต่ตอนอยู่บนเตียงน่ะถูกผมกอดนะครับ”
อิพี่เชนยืนหน้าตั้งค้างเติ่ง
ไม่ต่างไปจากพี่ฟองเธอนิ่งก้าวขาไม่ออกแน่ ๆ ผมเห็นรองเท้าส้นสูงเธอสั่น ๆ ด้วยนะ
“ไปเถอะครับพี่เชน พวกเราไปก่อนนะครับพี่ฟอง
พี่กลับเองนะ บีทีเอสใกล้ ๆ มี ผมว่าจะเร็วกว่ารถพวกผมอีกแน่ะ” ผมยิ้มให้
กอดเอวแข็ง ๆ ของใครสักคนที่เป็นต้นคิดแล้วพาเดินออกมาจากจุดนั้น พี่เชนเดินเหมือนหุ่นที่ไร้ชีวิต
พอลับสายตาคนแค่นั้นแหละ พี่เชนคำรามในคอหนักเลย
ผมรีบเดินห่างสิ หน้าพี่แกอย่างกับยักษ์ เขียวด้วยนะ
“อย่ามาโทษผมเหอะ พี่ชวนเล่นก่อนนี่”
“กูจะรู้เหรอว่ามึงจะเล่นตลบหลังกลับกูแบบนี้กูสาบานกูจะหักโบนัสมึงแน่
ๆ”
“เฮ้ยๆๆ อย่านะพี่ ผมทำตามที่พี่ขอไง ผู้หญิงเขาเลิกตื้อแล้วนี่จะมาว่าอะไรผมล่ะ
โทษตัวเองไปดิ่”
พี่เชนไล่ตีผม เราวิ่งกันอยู่ที่ลานจอดรถ
ปิ๊น!!!
เสียงแตรดังลั่นผมหยุดพี่เชนก็หยุด
เบนส์สีดำคันใหญ่เลื่อนกระจกลงมา ตายห่าผมโดนด่าแน่วิ่งไม่ดูทางคนขับคงจะโมโหมาก
จะฆ่าจะแกงกูป่ะเนี่ย ตามหน้าหนังสือพิมพ์มีให้เห็นตรึม พี่เชนรีบเข้ามายืนข้าง ๆ
“ปิง!” เสียงร้องทักจากผู้ชายสวมหมวกแค็ปสีดำที่นั่งอยู่ในรถ
เขาส่งยิ้มให้ ผมเพ่งดูใกล้ ๆ คือมันมืดด้วยไง
“พี่ซ่าร์?”
“ครับใช่พี่เอง” พี่เขาขยับรถแอบดี ๆ แล้วเปิดประตูลงมา
“ไงเรา สบายดีใช่ไหม พี่ไม่เจอเรานานเลยนะ” พี่ซ่าร์มองไปที่พี่เชนแวบนึง
“ครับ ผมสบายดี เมื่อกี้ผมเห็นพี่ด้วยที่งานด้านใน”
“ใช่ วันนี้มีเดินแบบการกุศล กำลังจะกลับแล้วนี่หนีออกมาจากพวกแฟนคลับน่ะ
หึหึ ลำบากเนอะ”
ผมมองหน้าพี่เขาแล้วนึกไปถึงพี่เอย์อีกจนได้
พี่ซ่าร์กับพี่เอย์หน้าเหมือนกันมากจริง ๆ พี่เขาคงหัวเราสงสารตัวเองนะผมว่าเป็นดาราเป็นคนของสังคมมันลำบากกันจริง
ๆ
“เอ่อพี่ซ่าร์ครับ นี่พี่เชน เจ้านายผม”
พี่สองคนพยักหน้าให้กัน พี่เชนหน้าหงิกมาก พี่ซ่าร์ยิ้มให้ก็ไม่ยิ้มไม่รู้ว่าเป็นอะไร
ผมเลยเดินไปกระซิบเบา ๆ บอกพี่เชนเป็นคนแปลกๆแบบนี้แหละแฟนทิ้งมาอย่าไปสนใจ
พี่ซ่าร์หัวเราะ
“งั้นพี่ไปแล้วนะ ไว้เจอกัน
มีอะไรอยากรู้โทรหาได้ตอบเท่าที่จะตอบได้นะครับ ไปแล้วนะครับเจ้านายน้องปิง”
พี่ซ่าบอกลาผมแล้วหันไปบอกพี่เชนส่งยิ้มให้แต่รายนั้นแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากตอบรับ
หันไปอีกทางเลย
พอรถพี่ซ่าร์ออกไปผมเลยบอกพี่เชนทำอะไรทำไมไปทำท่าทางแบบนั้นใส่พี่ซ่าร์เขา
“จิ๊! กูไม่ชอบว่ะแม่ง
พวกดารา หงิด!”
“เอ๋า ก็พี่เขาดารานี่พี่ไม่ชอบตรงไหน” เออแปลกคน
“ทุกตรง ดารานายแบบมีแต่พวกขี้เก็ก
คิดว่าตัวเองหล่ออ่ะดิ๊~ ว่าแต่มึงรู้จักเขาด้วย?”
“อะ....เอ่อ...” ผมอึกอัก
“ปิง?”
“ครับ พี่ซ่าร์เขาเป็นพี่ชายเจ้านายเก่าผมเอง
ผมรู้จักพี่เขานานแล้วล่ะ พี่เขไม่ถือตัวด้วยคุยกับผมใจดีมากเลย ที่สำคัญคือหล่อ
แห่ะๆผมอยากจะหล่อแบบพี่เขาบ้าง”
“หล่อที่ไหน กูบอกแล้วว่าแบบนั้นไม่เรียกว่าหล่อ
หล่อๆมันต้องกูนี่ ขาวอมชมพูแบบนั้น ผอมๆแบบนั้นหน้าตาไอดอลจ๋า
ถ้ามึงไปไถสกินเฮดนะมึงหล่อกว่าเลยปิง”
“ไรเนี่ย พี่เชนท่าทางไม่ชอบพี่ซ่าร์เขามากเลยอ่ะ”
“เออกูไม่ชอบ”
“ไม่ชอบ แต่ผมเห็นพี่แอบมองพี่เขานะ”
“เหี้ยเหอะ ไม่มีหรอก หน้าแบบนั้นกูไม่แอบมองให้เสียอารมณ์”
“โหยยยพูดซะ ถ้าพี่ได้รู้จักพี่เขานะพี่ต้องชอบ”
“ไม่มีทางอ่ะ ไม่เป็ค ผู้ชายไรวะทำไมหน้าตาแม่ง”
“พี่ซ่าร์หล่อ น่ารัก ขาว เพอร์เฟค นิสัยก็ดี” แต่มีลูกแล้วและเมียเก่าสวยมาก
เอ่ออันนี้ผมไม่ได้พูด
“กูหล่อ เท่ เข้ม แมน และเก่ง มึงรู้ยัง”
“อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ผมแกล้งโก่งคออ้วก พี่เชนไล่ตีผมอีกแล้ว
เราสองคนเดินมาถึงรถพอดี
“พี่เชนผมถามจริง พี่ไม่มีแฟนจริงอ่อ?”
“เออ มึงเห็นกูควงใครป่ะล่ะ”
“ตอนแรกผมนึกว่าพี่เป็นแฟนพี่พิม”
“ฮ่าๆๆ ไอ้พิมเนี่ยนะ นอนกอดหมาดีกว่านอนกอดมันอ่ะ”
“แล้วพี่ไม่เคยคบใครเหรอครับ”
“เคยดิ”
“สวยป่ะ สวยกว่าพี่พิมไหม”
“สวยนะ อืมสวย ๆ สวยกว่าพิมดิ่”
“ผู้หญิงผู้ชาย”
“ไอ้เหี้ย ผู้หญิงดิ่วะ”
“แล้วคิดว่าจะคบผู้ชายไหมอ่ะพี่”
“กูจะรู้เหรอ ซักกูทำเหี้ย ถึงเวลากูถูกใจใครกูคบหมดอ่ะ
ไม่เลือกหรอกชายหรือหญิง”
“พี่แฟร์ดีเนอะ”
“แฟนมึงก็แฟร์ดีนี่ ได้ข่าวว่าเป็นผู้ชายนะ”
“เฮ้ย ทำไมพี่รู้อ่ะ” ผมหยุดเดินมองหน้าพี่เขาเลยพี่เชนคว้าเอาคอผมไปกอด ล็อคซะแน่น
ผมพยายามง้าง
“หมาเอ๊ยหมา กูจะไม่รู้ได้ไงว๊า มึงนั่งมองรูปใครคนนั้นในมือถือ
แถมในเครื่องที่มึงซ่อนไว้อย่างดีแต่มึงคงจะลืมว่ากูเป็นมือแฮกนัมเบอร์วันของที่นี่
มีเหรอกูไม่เห็น แหม่ มีหงมีหอมแนบแก้ม ถุย”
“พี่เชนอย่ามาล้อผมเหอะ”
พี่เชนหัวเราะร่า ผมงี้หน้าแดงงุดเลยดิ่
ถึงจะแฟนแล้วไงป่านนี้พี่เขามีคนใหม่อยู่ที่นิวยอร์กไปแล้วเหอะ ลืมผมไปแล้วม๊าง
“เออแล้วแฟนพี่ล่ะ
เลิกแล้ว?”
“อือ เขาทิ้งกูไง มึงก็รู้พวกเราวัน ๆ มองแต่หน้าจอ
มีเวลาที่ไหนให้เขาอ่ะ งอนตลอดกูเบื่อเลยไม่ค่อยตามสรุปเขาบอกเลิกทุกอย่างจบ”
“น่าสงสารว่ะพี่”
“หึหึ ว่าแต่กูเหอะ มึงล่ะ แฟนมึงอ่ะ ไหนว่ามีกูไม่เห็นว่ามึงจะมีใครเล๊ย
คนๆนั้นเห็นแต่ในรูปมีตัวตนจริงป่ะเนี่ย”
“มีดิ่พี่ ตอนนี้พี่เขาไม่อยู่ทิ้งผมไปแร๊ะ โปรแกรมเมอร์สไตล์ไง 55555
มีก็เหมือนไม่มี โดนทิ้งตลอด พอบอกว่าไม่มีดั๊นไม่มีใครเชื่อซะงั้น
หน้าตาดีก็งี้แหละเนอะๆ”
“พูดดีมากไอ้น้อง ไว้ถ้ากูชอบใครจะบอกมึงคนแรกเลย”
“ปิงรับแซบ หึหึหึ”
เราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำๆวันนั้นพี่เชนมาทานข้าวกับแม่กับพี่ขม
มีพี่พิมตามมาสมทบ เราทั้งหมดนั่งเล่นกันอยู่ใต้ต้นลั่นทมยามดึก
สายลมเย็นเอื่อย ๆ พัดผ่านมา ตอนนี้เข้าฤดูหนาวแล้ว
ไม่รู้ที่นิวยอร์กจะหนาวมากไหมหิมะจะตกบ้างหรือยัง ผมเงยหน้ามองหมู่ดาวบนท้องฟ้าสูดดมกลิ่นหอมของดอกลั่นทมสวย
นึกถึงคนที่ตัวเองเคยใช้คำว่าแฟนด้วยอีกครั้ง....ตอนนี้พี่ทำอะไรอยู่กันนะ
‘พี่เอย์ครับ
รักษาสุขภาพด้วยนะพี่ เวลานอนอย่าลืมห่มผ้าหนา ๆ รีบเรียนจบแล้วรีบกลับมานะครับ
ผมรออยู่นะ’
..............complete
special part.................
ปล. มีพาร์ทที่ลงเมื่อวาน 'ความในใจของผม...เอย์ตั้น' ใครยังไม่อ่านไปตามอ่านกันนะ